✽ ✽ ✽ ต่อค่ะ ✽ ✽ ✽
น้ำเหนือรู้สึกตัวในตอนเช้าตรู่เพราะปกติเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้วต่อให้เหนื่อยหรือนอนดึกยังไงเขาก็มักจะตื่นเวลาตีห้ากว่าๆ เสมอแล้วจะเลือกนอนต่อหรือไม่ก็ค่อยตัดสินใจอีกที เพราะความเย็นสบายของเครื่องปรับอากาศและความนุ่มนิ่มของที่นอนทำให้น้ำเหนืออยากจะซุกตัวกับผ้าห่มผืนหนาแล้วนอนต่อเสียจริง แต่แล้วดวงตาที่กำลังปรือปิดก็ลืมโพลงขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าห้องพักของเขาที่นอนไม่หนานุ่มขนาดนี้อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาพาดช่วงเอวเอาไว้ด้วย
ความทรงจำอันแสนเร่าร้อนเมื่อคืนแล่นเข้ามาในความคิดเป็นฉากเป็นตอนให้เขารู้สึกกระดากอายในสิ่งที่ทำลงไป
เขาทำมันลงไปแล้ว เขาทำสิ่งที่ตัวเองนึกรังเกียจมาตลอดไปแล้ว เขาทำตัวเหมือนคนที่จะไปนอนกับใครง่ายๆ ลงไปแล้ว
น้ำเหนืออยากจะร้องไห้การตัดสินใจประชดชีวิตแบบนี้มันไม่ได้ดีเลย มีแต่ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป น้ำเหนือยกแขนของคนข้างกายที่กอดรัดเขาเอาไว้แทบทั้งคืนออกจากเอว แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิดก็ต้องกัดฟันเบ้ปากด้วยความเจ็บที่แล่นริ้วไปทั่วกายตั้งแต่ปลายนิ้วเท้ายันลำคอ
คนเจ็บทั้งกายและเจ็บทั้งใจฝืนขยับกายลงจากเตียงกัดฟันทนก้มหน้าลงเก็บเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างยากลำบาก เขารู้สึกเหนียวตัวอยากจะอาบน้ำแต่ต้องไม่ใช่ที่นี่แน่นอน อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บคอและมึนหัวอีกตั้งหาก น้ำเหนือพาร่างกายของตัวเองก้าวออกจากห้องแต่ก่อนที่จะก้าวพ้นประตูขาก็ชะงักแล้วหันมามองคนที่นอนหลับอย่างสบาย
"หนี้ผมชดใช้คืนให้หมดแล้ว หวังว่าหลังจากนี้ผมกับคุณคงจะหมดเวรหมดกรรมต่อกัน ผมขอให้คุณหายไปจากชีวิตของผม" น้ำเหนือพึมพำก่อนจะก้าวออกจากห้องพยายามเดินให้ปกติที่สุดแม้จะทำได้ยากนัก สุดท้ายก็พาร่างตัวเองมาถึงป้ายรถเมล์ใกล้ๆ โรงแรมนั้นได้
น้ำเหนืออยากจะโบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างตรงกับห้องพักที่อยู่ไปไม่ไกลเพราะในเวลาเช้าแบบนี้รถคงติดน่าดูแต่ก็ไม่อาจฝืนทนนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้เพราะรู้สึกเจ็บมากเหลือเกินเลยต้องยอมนั่งรอรถเมล์ต่อไป หากนั่งแท็กซีความเร็วก็คงไม่ต่างจากนั่งรถเมล์เท่าไหร่ แต่ค่ารถเนี่ยสิคงเยอะน่าดู และน้ำเหนือที่พึ่งจะตกงานไม่มีทางเอาเงินเป็นร้อยมาเป็นค่ารถหรอก
รอรถอยู่เกือบยี่สิบนาทีสายที่ผ่านหน้าหอพักก็มาถึงโชคดีที่ยังพอมีที่นั่งว่างด้านหลังน้ำเหนือจึงเดินขึ้นไปนั่งทันที การจราจรที่ติดขัดในตอนเช้ากว่าจะถึงหอพักก็ใช้เวลาไปกว่าชั่วโมงทั้งๆ ที่ปกติคงใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง
น้ำเหนือลงจากรถแล้วเดินเข้าซอยที่อยู่ใกล้ๆ เส้นทางปกติที่เดินประจำวันนี้รู้สึกมันไกลเหลือเกิน อาคารที่เช่าพักอาศัยสามชั้นตั้งอยู่ด้านหน้า เขารู้สึกอยากจะร้องไห้ที่อาคารนี้ดันไม่มีลิฟต์ ได้แต่ฝืนเดินขึ้นบันไดไปจนถึงห้องตัวเองที่ชั้นสาม
ห้องพักของน้ำเหนือก็เหมือนห้องพักทั่วๆ ไปโชคดีที่ค่อนข้างกว้างแต่ราคาถูกเพราะไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งสำคัญอย่างมหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้าหรือว่าแหล่งทำงาน ภายในห้องนั้นมีเฟอร์นิเจอร์อยู่ไม่มากเตียงนอนขนาดควีนไซต์ตั้งหัวเตียงชิดผนังกลางห้อง ด้านซ้ายของประตูห้องเป็นตู้เสื้อผ้า ปลายเตียงเป็นโต๊ะยาวที่วางโทรทัศน์และเป็นโต๊ะทำงานร่วมถึงมีช่องสำหรับเก็บของ มีตู้เย็นเล็กๆ ห้องน้ำและระเบียงที่ไว้สำหรับซักผ้า ตากผ้าและล้างถ้วยล้างชาม
เจ้าของห้องลากขาคว้าผ้าขนหนูมาถือแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ สายน้ำเย็นๆ ทำให้รู้สึกดีขึ้นแต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้น้ำเหนือยิ้มออก ร่องรอยมากมายปรากฏทั่วแผ่นอก แม้กระทั่งต้นขายังมี
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยน้ำเหนือก็เดินมานอนคว่ำบนเตียงแล้วก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงลิ้นชักหัวเตียงดังลั่นให้คนที่กำลังหลับรู้สึกตัวตื่น น้ำเหนือเอื้อมมือไปหยิบมากดรับ
[น้ำเหนือ!!!] ปลายสายร้องทันทีที่น้ำเหนือกดรับ [ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย พี่โทรหาตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้วนะ รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง]
น้ำเหนืออ้าปากพูดแต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นแหบแห้งและแผ่วเบา "แค่กๆ ขอโทษ... ครับ"
[ไม่สบายหรอเหนือ เป็นอะไรมากไหม พี่พาไปหาหมอไหมไหวหรือเปล่า]
"ไม่เป็น แค่ก... ไรครับ เดี๋ยวกินยา นอนพักก็หาย พี่โอ๊ต...มีธุระอะไรหรือครับ"
[ธุระไว้ค่อยคุยก็ได้ไม่ได้รีบอะไร เดี๋ยวพี่เข้าไปหา นอนพักไปก่อนนะเดี๋ยวจะซื้อโจ๊กกับยาเข้าไปให้] คนปลายสายตัดสายทิ้งไปแล้ว น้ำเหนือจึงปิดเปลือกตาลงอีกรอบรู้สึกถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวของตัวเอง ดูท่าว่า
น้ำเหนือจะป่วยหนักเสียแล้วน้ำเหนือเป็นคนไม่ค่อยป่วยแต่ถ้าพอป่วยทีก็จะอาการหนัก ร่างเพรียวขยับขึ้นพิงหัวเตียงยังไม่อยากนอนต่อเพราะอีกไม่นานโอ๊ตก็คงจะมาถึงแน่นอน
โอ๊ต... คนที่คุยโทรศัพท์กับน้ำเหนือนั้นเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเป็นคนที่น้ำเหนือสนิทด้วยและรู้เรื่องราวของน้ำเหนือเป็นอย่างดี เป็นคนที่น้ำเหนือรัก เคารพและก็เชื่อฟังมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
คนป่วยที่ทำท่าจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องพัก น้ำเหนือขยับตัวลงจากเตียงความเจ็บเริ่มทุเลาลงแต่ก็ยังไม่ทั้งหมด แค่ระยะทางจากเตียงนอนจนถึงประตูห้องนั้นแลดูไกลมากเหลือเกินทั้งๆ ที่ก้าวไม่ถึงสิบก้าวก็ถึง
"น้ำเหนือ!!" คนมาใหม่ร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพที่อิดโรยของรุ่นน้อง โอ๊ตวางบรรดาถุงโจ๊กถุงยาที่หิ้วมาบนลิ้นชักข้างประตูทันทีก่อนจะเข้ามาประคองน้ำเหนือแล้วพากลับมาที่เตียง "อยากเช็ดตัวไหมเดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้"
น้ำเหนือส่ายหน้า ร่างกายของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความใคร่น้ำเหนือไม่อยากให้โอ๊ตเห็น ไม่อยากให้เห็น "ม ไม่ครับ แค่กๆ ผ ผมพึ่งเช็ดตัวไป"
"โอเค เดี๋ยวพี่ไปเทโจ๊กให้นะจะได้กินโจ๊กแล้วก็กินยานอนพัก แล้วไปทำยังไงถึงได้ป่วยหนักขนาดนี้นะน้ำเหนือ" โอ๊ตผละออกจากเตียงนอนกลับไปหยิบถุงโจ๊กเดินไปเปิดตู้เก็บของเล็กๆ ตรงโต๊ะปลายเตียงเพื่อหยิบชามออกมา
สมัยเรียนเขามาที่ห้องนี้บ่อยจึงรู้ว่าอะไรแต่ละอย่างอยู่ตรงไหน ไม่นานโจ๊กร้อนๆ ก็ถูกยกมาให้ โอ๊ตจัดท่าทางของน้ำเหนือให้นั่งได้สบายๆ ก่อนจะตักโจ๊กเป่าแล้วป้อนให้คนป่วยทาน แต่ทานไปเพียงได้ไม่กี่คำน้ำเหนือก็ส่ายหน้า
"กินอีกหน่อยสิเหนือ กินไปนิดเดียวเองนะ"
"ม ไม่ไหวครับ ผมไม่อยากกินอะไรเลย"
"โอเค... ก็ได้อย่างนั้นกินยาซะจะได้นอนพัก เดี๋ยวพี่ต้องกลับไปที่ร้านอยู่เฝ้าไม่ได้นะอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม" โอ๊ตหันไปหยิบยากับแก้วน้ำอุ่นมาส่งให้
"ได้ครับพี่โอ๊ต แค่กๆ ไม่ต้องห่วงนะ พี่โอ๊ตกลับไปทำงานเถอะ"
"อย่างนั้นนอนพักเถอะเสียงแหบมากเลยเจ็บคอด้วยใช่ไหม ให้พี่ซื้อยาหรือซื้อยาอมมาให้เอาไหม" โอ๊ตถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ครั้งนี้น้ำเหนือดูไม่สบายหนักกว่าครั้งก่อนๆ มากทีเดียว
"ไม่ครับ ขอบคุณพี่โอ๊ตนะ"
โอ๊ตพยักหน้ารับก่อนจะช่วยประคองน้ำเหนือให้นอนลงแล้วจัดการห่มผ้าให้ปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศเพื่อไม่ให้หนาวเกินไปสำหรับคนป่วย สำรวจความเรียบร้อยของห้องอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าน้องชายคนนี้จะไม่เป็นอะไรไป เดินไปปิดประตูระเบียงล็อคให้เรียบร้อย เดินย้อนกลับมาที่เตียงก็เห็นว่าน้ำเหนือหลับไปแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกลับแม้จะนึกเป็นห่วงอยู่มากแต่งานของเขาเองก็ต้องกลับไปทำ โอ๊ตกดล็อคประตูจากด้านในเอาไว้ก่อนจะดึงประตูปิดให้เสียงเบาที่สุด ตั้งใจว่าจะกลับมาดูใหม่หลังเลิกงาน
หลังจากที่โอ๊ตกลับไปได้ไม่นานคนที่นอนหลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาเพราะเขาฝัน... ฝันถึงภาพเมื่อคืนที่เกิดขึ้นจนไม่อาจจะข่มตานอนหลับต่อไปได้
"ไม่เป็นไรน้ำเหนือ... ไม่เป็นอะไร ทุกอย่างมันจบแล้ว ไม่ต้องเจอผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว เราชดใช้เขาไปหมดแล้วไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว" น้ำเหนือได้แต่ย้ำบอกกับตัวเองแบบนั้น สะบัดหัวไล่ความคิดให้ออกไปให้พ้น
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบให้น้ำเหนือขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าจะเป็นใครกันที่มาหาตนเองในเวลานี้ "หรือจะเป็นพี่โอ๊ต" เจ้าตัวจึงขยับตัวลงจากเตียงไปเปิดประตูห้องพักอีกรอบ แต่พอเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าประตูหัวใจของน้ำเหนือก็แทบหล่นหายไปทันที มือที่จับบานประตูอยู่สั่นระริกขึ้นมา
"ค... คุณ... ม มาที่นี่ได้ยังไง" น้ำเหนือร้องถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นควอซ์ตยืนอยู่หน้าประตู
"เธอไม่สบาย?" ควอซ์ตทักเมื่อครู่ที่เขายื่นมือหวังจะจับแขนของคนตรงหน้าแต่ก็ถูกสะบัดทิ้งทันที แม้จะเพียงแค่นิดเดียวแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงจากร่างกายของคนตรงหน้า
"ร... แค่ก! เรื่องของผม คุณ...ก กลับไปได้แล้ว" น้ำเหนือรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังทรุดลงเรื่อยๆ การฝืนร่างกายให้ลุกขึ้นยืนเดินหลายรอบมันทำให้ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้จะพยุงตัวให้ตรง ดวงตาที่มองตรงไปด้านหน้าก็เริ่มพล่าจนมองแทบไม่เห็น สิ่งสุดท้ายที่น้ำเหนือเห็นคือผู้ชายตรงหน้าเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจแล้วร่างทั้งร่างของน้ำเหนือก็ฟุบลงโชคดีที่ควอซ์ตสังเกตเห็นความผิดปกติและเข้ามารับร่างที่ล้มลงนั้นทันก่อนที่เจ้าตัวจะล้มฟาดพื้น
ร่างกายของน้ำเหนือเบาหวิวยามที่เขาอุ้มขึ้นไปนอนบนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวไข้คงขึ้นสูงมากทีเดียว ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาก่อนจะกดโทรออกคุยอยู่ไม่นานก็วางสายไป เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงมองลูกกวางน้อยที่บังเอิญได้เจอ และบังเอิญได้...มาเมื่อคืน คนๆ นี้ดูยังไงก็อายุน้อยกว่าเขา แต่ไม่รู้ว่าเด็กกว่ามากแค่ไหน ทั้งๆ ที่ตื่นมาก็หนีหาย และทำเหมือนไม่อยากเจอหน้าแล้วทำไมเมื่อคืนถึงยอมไปนอนกับเขา
แต่ควอซ์ตกำลังแปลกใจตัวเองมากกว่าว่าทำไมตอนนี้เขาถึงมาอยู่ที่นี่...
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในตอนสายเขาก็สอดส่องสายตามองหาเด็กคนนี้เสียทั่วห้องจนแน่ใจว่าไม่อยู่เขาก็พยายามไม่คิดไม่สนใจและล้มตัวลงนอนต่อ แต่ความคิดต่างๆ นาๆ ก็ลอยเข้ามา ครั้งแรกของเด็กคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ร่างกายจะรับไหวไหม จะไม่สบายหรือเปล่า สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบึ่งรถไปยังร้านที่เขาได้เจอลูกกวางตัวน้อย เค้นคอถามเอากับพนักงานที่เข้ามาดูแลความสะอาดกับเจ้าของร้านจนได้ใบสมัครงานของน้ำเหนือมา ชายหนุ่มจัดการถ่ายรูปใบสมัครนั้นไว้แล้วก็ตรงมายังที่อยู่นี้ทันทีแบบที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร
เด็กนี้ยังใหม่... เขาคงแค่ติดใจ ก็แค่นั้น คนอย่างควอซ์ต อชิตพล บริสตันไม่มีทางรู้สึกอะไรพิเศษกับ ‘คู่นอน’ อยู่แล้ว"ไข้ขึ้นสูงมากเลย ยังไงเดี๋ยวอาจะฉีดยาให้ก่อนแล้วถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็ให้พาไปที่โรงพยาบาลนะควอซ์ต" ร่างสูงของชายวัยกลางคนที่นั่งวัดไข้คนป่วยบนเตียงหันมาพูดก่อนจะเปิดกระเป๋าที่เตรียมมาด้วยเพื่อหยิบเข็มฉีดยาออกมา
"ครับอาหมอ" ควอซ์ตตอบรับ เขาโทรเรียกอาหมอของเขามาเอง เรียกมาเพื่อตรวจอาการของเด็กคนนี้นั่นแหละ
"แล้วเด็กคนนี้คือใคร" อาหมอหันไปหรี่ตามองหลานชายที่ทำท่าทางอึกอักไปเล็กน้อย "คนใหม่อีกแล้วหรือยังไงกันควอซ์ต เดี๋ยวพ่อแม่เราก็อกแตกตายกันพอดี"
"ไม่หรอกน่าอาหมอ"
"ยังไงก็ต้องคอยเช็ดตัวบ่อยๆ ไข้จะได้ลดแล้วก็ให้กินยาตามที่อาเขียนบอกไว้เดี๋ยวอีกสักสองสามวันก็คงจะหาย ระหว่างนี้ถ้าเราจะอยู่ที่นี่ก็ดูแลเขาดีๆ อย่างทำอะไรรุนแรงร่างกายตอนนี้ของเด็กคนนี้กำลังอ่อนแอ ถ้าหากเจออะไรแรงๆ อาการจะยิ่งทรุด" อาหมอหันมาพูดกับหลานชายอย่างรู้จักนิสัยของหลานคนนี้ดี
"รู้แล้วน่าอาหมอ เห็นว่าผมเป็นคนยังไงกันละเนี่ย ขอบคุณอามากนะครับที่มา"
"ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรก็ให้รีบพาไปโรงพยาบาลทันทีเลยนะ อาไปแล้ว ดูแลเด็กคนนี้ให้ดีๆ นะ"
คนเป็นหลานเดินไปส่งอาหมอที่ด้านล่างโดยไม่ลืมหยิบกุญแจห้องของน้ำเหนือไปด้วยตั้งใจว่าลงไปส่งอาหมอเสร็จก็จะไปซื้ออาหารอ่อนๆ สำหรับคนป่วยมาเตรียมเอาไว้เสียก่อนตื่นขึ้นมาจะได้ให้กินข้าวกินยา
ควอซ์ตจัดการเทข้าวต้มที่พึ่งซื้อมาใส่ชามพร้อมกับถือน้ำเดินไปวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงแล้วจัดการปลุกคนป่วยให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินยา
"ค... คุณ!" ทันทีที่ลืมตาตื่นแล้วเห็นหน้าว่าใครคือคนที่รบกวนเวลานอนน้ำเหนือก็ตาโตด้วยความตกใจ "ท ทำไมคุณอยู่ที่นี่ ทำไมคุณยังอยู่ อ... ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้" เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของคนป่วยทั้งผลักทั้งทุบคนที่ยื่นมือเข้ามาประคอง
"กินข้าว จะได้กินยา" ควอซ์ตหันไปหยิบชามข้าวต้มมาส่งให้
"ไม่กิน… คุณออกไปจากห้องของผมได้แล้ว เราตกลงกันไว้ว่าแค่คืนเดียวเท่านั้นคุณจะมาที่นี่ทำไม" พูดจบน้ำเหนือก็ไอออกมาอีกระลอกใหญ่จนควอซ์ตเริ่มเป็นห่วง
"อย่าดื้อได้ไหมน้ำเหนือ กินข้าวก่อนจะได้กินยาตาม" ควอซ์ตสั่งเสียงเข้มเพราะเป็นห่วง ชีวิตนี้เขาเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย มีบริษัทออกแบบเครื่องประดับ อัญมณีรายใหญ่ของประเทศ เป็นที่รู้จักในแวดวงของคนไฮโซที่มักจะเลือกซื้อเครื่องประดับจากบริษัทของเขาเพื่อไปเสริมบารมีแข่งกัน คนอย่างนายอชิตพล บริสตัน สั่งคำไหนคือคำนั้น แต่เด็กคนนี้... คนที่ด้อยกว่าเขาทุกอย่างกำลังดื้อ ซึ่งเขา... ไม่ชอบ
"ไม่กิน ผมบอกแล้วยังไงว่าไม่กิน ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้ คุณกับผมไม่มีอะไรติดข้างกันอีกแล้ว หนีบุญคุณ เวรกรรมของผมกับคุณ ผมชดใช้คืนไปหมดแล้ว!!" น้ำเหนือตวาดเสียงดังพร้อมกับปัดชามข้าวต้มที่ยื่นมาตรงหน้าออกจนกระเด็นตกพื้น
ควอซ์ตหันมามองเด็กดื้ออย่างไม่ชอบใจ "จะมากเกินไปแล้วนะน้ำเหนือ ฉันอุตส่าห์ไปซื้อมาให้ แล้วยาที่วางอยู่นี่ฉันก็จ่ายให้ ที่เธอยังมีแรงมาต่อล้อต่อเถียงกับฉันอยู่แบบนี้ก็เพราะฉัน!"
"แล้วยังไง ผมไม่สน ผมไม่ได้ขอให้คุณทำให้เสียหน่อย ออกไปให้พ้นหน้าผมสักที ผมเกลียดขี้หน้าคุณ ผมทำทุกอย่างตามข้อตกลงไปแล้วเพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับผมเสียที! ผมไม่ใช่คู่นอนของคุณไม่ใช่นางบำเรอของคุณ"
"ไม่ใช่นางบำเรอ... แต่ก็เป็นเธอเองที่ยอมไปนอนกับฉันแลกกับเงินหลายแสนนั่น" ควอซ์ตยิ้มร้ายยกความจริงที่น้ำเหนืออยากจะลืมขึ้นมาอ้างจนคนฟังได้แต่นิ่งค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก
ควอซ์ตพูดถูก... เขามันก็แค่คนที่ยอมขายตัวเองเพื่อแลกกับเงินนั้น"ออกไปจากห้องผม ออกไปจากชีวิตของผม... ข้อตกลงระห่างคุณกับผมมันหมดลงตั้งแต่เช้า ตั้งแต่ผมก้าวออกจากห้องของคุณแล้ว" น้ำเหนือกำลังบังคับตัวเองไม่ให้สั่น เขาจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะกับผู้ชายคนนี้ น้ำเหนือจะไม่แสดงท่าทางที่อ่อนแอออกมาเด็ดขาด
"แล้วถ้าฉันบอกว่ามันยังไม่หมดละ" คนตรงหน้ายกยิ้มมุมปากมองใบหน้าซีดไร้สีเลือดของน้ำเหนืออย่างชอบใจที่สามารถทำให้เด็กคนนี้หวาดหวั่นได้
"ค... คุณบอกเองว่าคุณไม่นอนกับคู่นอนของคุณซ้ำสอง"
"ฉันพูดว่า... ฉัน
ไม่ค่อยนอน กับคู่นอนซ้ำสอง ไม่ใช่พูดไม่
ไม่นอน นะน้ำเหนือ แล้วตอนนี้ฉันก็รู้สึกติดใจเธอขึ้นมาเสียแล้วสิ เห็นทีคงต้องให้เธอเป็นคู่นอนของฉันต่อไปอีกหน่อยจนกว่าฉันจะพอใจ"
"ผมไม่ใช่คู่นอนของคุณ กรุณา... แค่ก! ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้" น้ำเหนือชี้นิ้วไปที่ประตูห้องที่ปิดสนิท ดวงตากลมโตนั้นฉายแววโกรธเคืองอย่างชัดเจน และนั่นก็ทำให้ควอซ์ตรู้สึก
สนุกน้ำเหนือเป็นเหมือนของใหม่ที่ถูกตาต้องใจเขา จนเขานึกอยากจะเล่นต่อไปอีกหน่อย "น้ำเหนือ... ถ้าฉันไม่ปล่อยเธอยังไงเธอก็หนีฉันไปไม่พ้นหรอกนะ"
"ท... ทุเรศ! คนอย่างคุณมันทุเรศ ดีแต่ใจอำนาจ เห็นคนอื่นต่ำต้อยกว่าก็คิดว่าจะรังแกจะทำร้ายยังไงก็ได้หรือ คนอย่างคุณมันทุเรศที่สุด!!"
คนถูกต่อว่านึกโมโหขึ้นมาทันที น้ำเหนือดื้อ! นอกจากดื้อแล้วยังพยศ ซึ่งควอซ์ตไม่ชอบใจเพราะทุกคนที่ผ่านมามักจะเข้าหาเขาอย่างเรียบร้อย ไม่มีใครดื้อดังหรือกล้าต่อว่าเขาแบบนี้ มือหนาเอื้อมมือจับปลายคางของคนบนเตียงเอาไว้ "เธอว่าฉันอย่างนั้นหรือ"
"ใช่! คุณมันทุเรศ ทุเรศที่สุด สารเลว" น้ำเหนือจ้องตาอย่างไม่ยอมแพ้ยกมือปัดมือของควอซ์ตออกด้วยแรงทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่แต่ก็ดูท่าจะไม่สามารถทำอะไรคนที่แข็งแรงดีอย่างควอซ์ตได้
น้ำเหนือดิ้นรนทุบตีเมื่อคนตรงหน้าก็ก้มลงมาปิดปากซีดเซียวนั้นด้วยริมฝีปากร้อน สัมผัสที่หยาบโลนรุกเล้าไปทั่วกาย ควอซ์ตผละจูบออก "แต่คนที่เธอด่าว่าสารเลวคนนี้ก็คือคนที่นอนกับเธอแล้วกันน้ำเหนือ!"
ร่างบางถูกผลักลงบนเตียงเต็มแรงพร้อมกับร่างแกร่งที่ตามไปทาบทับ ชายหนุ่มก้มลงจูบอย่างรุนแรงอีกรอบ รุนแรงเสียจนรับรู้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่ไหลออกจากมุมปาก เสื้อผ้าของน้ำเหนือถูกดึงรั้งจากกายอย่างแรงจนรู้สึกแสบผิวไปหมด ฝ่ามือหนาบีบเฟ้นไปทั่วสะโพกและต้นขาจนขึ้นรอยช้ำ
คนถูกทำร้ายได้แต่นอนนิ่งไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้จะอยากร้องตะโกนมากแค่ไหน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลออกจากดวงตากลมโตที่สั่นระริก เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นเมื่อคนด้านบนสอดกายเข้ามาอย่างรุนแรง ไม่มีการเบิกทาง ไม่มีการเล้าโลมใดๆ ความฝืดและความแน่นทำให้ควอซ์ตกัดฟันกระแทกกายเข้าไปจนสุด น้ำเหนือตาเบิกโพลงความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วกาย ร่างกายเหมือนจะแตกละเอียด
"ดูหน้าฉันสิน้ำเหนือ ดูหน้าฉันเอาไว้" ควอซ์ตกระซิบเสียงเหี้ยมจับใบหน้าหวานของน้ำเหนือที่พราวไปด้วยน้ำตาให้หันมามองใบหน้าของตน กายแกร่งยังคงกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง มีแต่เพียงอารมณ์กามและอารมณ์โกรธที่คุกรุ่น ทุกการกระทำนั้นหยาบกระด้างแตกต่างจากเมื่อคืนลิบลับ
"สา... สารเลว อึก..." แต่ละคำที่ลอดออกมานั้นแผ่วเบา ริมฝีปากซีดอ้าออกกว้างหอยหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนก่อนจะเม้มแน่นปิดกลั้นเสียงร้องเอาไว้ น้ำเหนือจะไม่ตอบสนอง น้ำเหนือ... จะไม่ยอมแพ้
กามอารมณ์เดินทางมาจนถึงสุดทางร่างบอบช้ำถูกจับให้พลิกนอนคว่ำ สะโพกขาวถูกยกสูงพร้อมกับที่ควอซ์ตขยับกายถี่รัวเข้าออกก่อนจะปลดปล่อยน้ำแค่ความใคร่เข้าไปในกายของน้ำเหนือมากมายจนมันไหลย้อนออกมาผสมปนไปกับเลือดสีแดงตอนที่เขาถอนกายออกมา
"อ... ออกไป... ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้" น้ำเหนือสั่งเสียงสั่น
"จำเอาไว้น้ำเหนือ เธอไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก" ควอซ์ตพูดเพียงแค่นั้นพร้อมกับจัดการแต่งตัวจนเรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องไป
คนที่นอนคว่ำตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกจากปากที่ช้ำเพราะแรงจูบ น้ำตามากมายไหลออกจากดวงตาแดงก่ำ น้ำเหนือได้แต่นอนขดตัวร้องไห้อยู่แบบนั้นเขาไม่เหลือแม้แต่แรงจะหยิบผ้าห่มขึ้นมาปกปิดกายขาวที่ขึ้นรอยช้ำจนทั่วตัว ได้แต่นอนร้องไห้ราวกับจะขาดใจจนสุดท้ายคนที่บอบช้ำทางร่างกายและจิตใจก็หลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน
หวังว่า... จะไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว
ทางฝั่งคนที่ผลุนผลันออกจากห้องพักของน้ำเหนือกระแทกประตูรถปิดเสียงดังลั่นมือแกร่งทุบลงบนพวงมาลัยรถอย่างหงุดหงิดในใจ ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายร่างกายของน้ำเหนือแต่เพราะอารมณ์โกรธที่ทำลายสติและความผิดชอบชั่วดีจนไม่เหลือ เด็กคนนั้นดื้อ! เขาเพียงแค่อยากจะสั่งสอน แต่คำต่อว่าที่ออกจากปากเล็กๆ นั้นทำให้ควอซ์ตไม่พอใจสุดท้ายก็พลั้งเผลอทำร้ายไปจนได้
"โธ่โว้ย!!" ได้แต่ร้องตะโกนอย่างหงุดหงิดใจ ดวงตาเรียวเงยหน้าขึ้นมองบานประตูห้องพักบนชั้นสาม "ก็ได้น้ำเหนือ ฉันจะไม่สนใจเธอแล้ว เธอก็แค่คู่นอนคนหนึ่งของฉันเท่านั้น ไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นจะตายยังไง!"
รถสปอร์ตสีดำคันสวยแล่นออกจากหน้าอาคารที่พักของน้ำเหนือ เขาขับรถวนไปเรื่อยๆ เหมือนอย่างต้องการเพ่งความคิดเพ่งสมาธิไปที่การขับรถเพื่อที่จะได้ไม่คิดถึงเรื่องของน้ำเหนือ แต่ก็ไม่รู้จะไปไหนหลังจากที่ผลาญน้ำมันไปจนเกือบหมดถังก็เปลี่ยนเส้นทางขับรถตรงกลับบ้านที่อยู่ชานเมือง
ครอบครัวของควอซ์ตเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยายที่เริ่มเปิดกิจการร้านเครื่องประดับเล็กๆ ฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ นาๆ จนร้านเล็กๆ ก็ขยายใหญ่โตมีสาขาหลายแห่งอยู่บนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ก่อนจะริเริ่มเปิดบริษัทออกแบบใหญ่โตแล้วส่งออกต่างประเทศก็ตอนที่แม่ของเขาได้พบกับพ่อซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวอังกฤษที่เดินทางมาติดต่อธุระในเมืองไทย ทั้งสองคนได้คบหาดูใจกันและแต่งงานกันหลังจากนั้นก็เริ่มต้นเปิดบริษัทในเมืองไทยตอนแรกก็ยังให้คุณตาเป็นผู้ดูแลแต่หลังจากที่ท่านเสียพ่อของควอซ์ตก็ขึ้นรับตำแหน่งแทน ส่วนแม่ก็คอยดูแลร้านเครื่องประดับทุกสาขา ตอนนี้ควอซ์ตเองก็ดำรงตำแหน่งรองประธานเช่นกัน
เขาร่ำรวย มีแต่ใครอยากจะเข้ามาหา เพราะฉะนั้น... เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจเด็กคนนั้นที่พอเห็นหน้าเขาก็ผลักไส ทำเหมือนรังเกียจกันมาแต่ชาติก่อน เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ไม่จำเป็น!
"ควอซ์ต..." เสียงหวานๆ ที่เอ่ยเรียกทำให้เจ้าของชื่อหันกลับมามอง ร่างสูงยกมือไหว้ผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่พร้อมกับเดินเข้าไปหา
"สวัสดีครับคุณแม่"
"วันนี้ไปไหนมาคะควอซ์ต คุณพ่อบอกว่าลูกชายไม่ได้เขาบริษัท แล้วก็ไม่ได้ไปหาน้องลาพิสด้วย" ผู้หญิงตรงหน้าควอซ์ตคือคุณหญิงมรกต แม่ของควอซ์ต แม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดีทำให้ยังดูสวยและสาวอยู่มาก ส่วนลาพิส คือน้องสาวแท้ๆ ของควอซ์ตตอนนี้กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสาม ใกล้จบเต็มทีแล้ว
ควอซ์ต และ ลาพิส เป็นชื่อของอัญมณี ควอซ์ตเป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง และความแข็งแกร่ง ส่วนลาพิสเป็นตัวแทนของพลังและอำนาจ ชื่อของทั้งสองคนพี่น้องคุณตาคุณยายเป็นผู้ตั้งให้เพื่อหวังให้ทั้งสองคนมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต และคอยอยู่ดูแลกิจการของตระกูลต่อไป
"ผมมีธุระนิดหน่อยครับ"
"โอเคค่ะแม่เชื่อว่าลูกมีธุระจริงๆ แต่คราวหลังถ้าลูกจะไม่เข้าบริษัทก็โทรไปบอกคุณพ่อหรือไม่ก็เลขาด้วยนะคะ เผื่อมีงานสำคัญการที่รองประธานบริษัทหายไปแบบนี้มันไม่ดีเท่าไหร่" คุณหญิงพูด
"ครับคุณแม่ ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ รู้สึกเหนื่อยๆ นิดหน่อย"
"ค่ะ ไปพักเถอะค่ะ ตอนเย็นลงมาทานข้าวกันนะคะวันนี้น้องลาพิสกับคุณพ่อกลับมาเร็วจะได้มาทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา"
ควอซ์ตพยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปโดยมีคนเป็นแม่มองตามหลัง จนเมื่อลูกชายคนโตพ้นจากห้องนั่งเล่นไปแล้วคุณหญิงมรกตก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นต่อสายทันที "ไปสืบดูมาว่าตาควอซ์ตหายไปไหนมาเกือบทั้งวันถึงไม่เข้าบริษัท"
ร่างสูงของควอซ์ตทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพยายามสะบัดหน้าเพื่อไล่ใบหน้า น้ำเสียง และแววตาของใครบางคนที่ปรากฏเด่นชัดอยู่ในหัวให้ออกไป แต่ดูเหมือนว่ามันยากเย็นเสียเหลือเกิน
"ก็แค่คู่นอนควอซ์ต เด็กนั่นก็แค่คู่นอน เลิกคิดเลิกสนใจได้แล้ว แกก็เห็นว่าเด็กนั่นรังเกียจแค่ไหน ไล่ได้ไล่ดีแล้วจะสนใจทำไม"
"เด็กนั่นก็ผู้ชายไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย ดีไม่ดีอาจจะชอบแบบนี้ขึ้นมาก็ได้ แบบนั้นละคร้านจะเที่ยวหาคนนู้นคนนี้นะสิ"
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อความคิดพามาถึงจุดนี้ ถ้าหากน้ำเหนือชอบแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ ล่ะ ถ้าหากน้ำเหนือไปหาใครต่อใครมาบำเรอมาดูแลล่ะ
"ฮัลโหล... สั่งให้คนไปคอยจับตาดูเด็กน้ำเหนือนั่นด้วย อย่าให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยววุ่นวายได้ถ้าดูแล้วไม่น่าไว้วางใจ" ควอซ์ตโยนโทรศัพท์ที่พึ่งกดวางสายลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ
เด็กนั่นเป็นคู่นอนของเขา ก็ถือว่าเป็นของของเขา เพราะฉะนั้นน้ำเหนือไม่มีสิทธิจะไปมีใครถ้าหากเขาไม่อนุญาต!
แม้จะคิดแบบนั้นแต่ตัวควอซ์ตเองคงลืมไปว่า...
บรรดาคู่นอนทุกคนที่ผ่านมาของเขา เขาไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยให้คนคอยตาม อยากจะไปมีใครอีกกี่คนเขาก็ไม่สนใจ เพราะเขาก็ทำเพียงแค่... เขี่ยทิ้งเท่านั้นTBC.************************************************
ตอนที่1 มาแล้วค่ะ กว่าจะแต่งจบตอนแถมยังยาวกว่าเดิมด้วย ไม่รู้ว่าแต่งออกมาเป็นยังไงบ้างจะสมเหตุสมผลไหม จะโอเคหรือเปล่าฟางค่อนข้างเป็นกังวลมากเลยค่ะ แต่ยังไงก็แต่งสุดความสามารถแล้วน๊า หวังว่าจะชอบกันนะคะ ตอนนี้นี่หมั่นไส้พี่ควอซ์ตมากมายเลยแต่ละอย่างในความคิดอยากจะตีสักทีสองทีแต่ทำไม่ได้ ฮ่าาาาา หมั่นไส้พี่ได้แต่อย่าเกลียดพี่นะคะเพราะเดี๋ยวได้ยิ้มกับความน่ารักของพี่เขาแน่นอนค่ะไม่ต้องห่วง ไม่นานเกินรอค่ะ
สนุกไม่สนุกยังไงคอมเมนต์บอกกันด้วยนะคะ แล้วเจอกันต่อหน้าค่ะ
แวะไปคุยกันในเพจเฟสบุ๊คของฟางกันเยอะๆนะ ไปคุยกันได้นะคะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi