หายไปนานเลย ต้องขอโทษนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ
พยายามจะมาต่อให้เร็ว แต่ไม่สามารถจริงๆ TT TT
เชิญอ่านตอนสั้นๆ ต่อได้เลยนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 5“อาอึ้มครับ ขอฟุตทาเร่รสส้มแท่งนึง”
เป็นยามบ่ายแก่ๆ ที่สวนสัตว์ไม่ใคร่จะพลุกพล่านสักเท่าไหร่ เนื่องจากลูกเด็กเล็กแดงมักจะหมดพลังงานและงอแงขอกลับบ้านไปหมดแล้ว ใหญ่ถึงได้ออกมาร้านขนมเพื่อซื้อไอติมได้
อาอึ้มที่นั่งถือพัด หน้าจ่อพัดลมทั้งๆ ที่อยู่ในห้องแอร์เงยหน้าขึ้นมอง “อ้าว อามาหาจง(มหาโจร) มาซื้อไอติมอีกแล้วเรอะ?”
จากวันแรกที่ใหญ่เดินออกมาซื้อไอติมให้แพนด้า อาอึ้มดูสงบลงเยอะทีเดียว...ยกความดีให้อาเจ๊กที่มาช่วยพูดให้ก่อนที่อาอึ้มจะคว้าปืนยาวหลังร้านมายิงไล่เขาล่ะนะ
ใหญ่เดินออกจากร้านขายขนม มองไปทางตึกแสดงโชว์แพนด้าแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ขายาวกลับก้าวเปลี่ยนทิศพาเขาเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามแทน
เอนตัวพิงข้อศอกทิ้งน้ำหนักลงกับราวกั้นของกรงยีราฟ เหม่อมองสัตว์ป่าคอยาวที่เมื่อเห็นหน้าเขาก็กลับวิ่งหนีราวตัวเองเป็นนกกระจอกเทศแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาถอดหมวกแก๊ปที่ใช้ปิดบังใบหน้าตัวเองออก ใช้มันต่างพัดเพื่อระบายความร้อนแทน
‘ผมบอกพี่รึยังนะ...ว่าผม...ท่าจะชอบพี่ซะแล้ว’
เสียงของไอ้เด็กซิ่วแก่แดดดังขึ้นในความทรงจำ นิ้วชี้เผลอยกขึ้นแตะริมฝีปากแห้งผากของตัวเองเบาๆ
...นุ่ม...นุ่มดีทีเดียว ถึงความโรแมนติกจะลดลงเพราะเสียงสูดน้ำมูกซื้ดๆ เป็นระยะก็เหอะ
ในคืนนั้น อะไรดลใจก็ไม่ทราบ แต่ในที่สุดเขาก็จูบกับแพนด้าไปซะแล้ว
ใหญ่ก้มหน้าสองมือขยี้หัวอย่างกลัดกลุ้ม...ก็จะไม่ให้กลุ้มใจได้ยังไงล่ะ! เขาจูบกับเด็กคนหนึ่งไปแล้ว...ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบมันหรือเปล่า
ด้วยความที่พ่อแม่สอนมาดี นายใหญ่ที่แสนเอาจริงเอาจังจึงมีความคิดฝังหัวอยู่อย่างหนึ่งคือ...ลูกผู้ชาย..ต้องรู้จักรับผิดชอบ!... เขาเชื่อมาเสมอว่าการแตะเนื้อต้องตัวกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ถือเป็นการรุ่มร่ามกับอีกฝ่าย เพราะฉะนั้น ตั้งแต่เกิดยันโตมานี่ นายใหญ่จึงไม่กล้ารุ่มร่ามกับใครเลย ด้วยเพราะคิดว่าตนเองยังไม่มีคุณสมบัติดีพอจะรับผิดชอบใครได้ แล้วอย่างนี้...เขาต้องรับผิดชอบแพนด้าแล้วใช่ไหมเนี่ย?
อนึ่ง...บุพการีของใหญ่สอนมาดี แต่อาจจะลืมสอนว่า รับผิดชอบผู้หญิงน่าจะเหมาะกว่ารับผิดชอบผู้ชาย…
ใหญ่ถอนหายใจอย่างคิดไม่ตกอีกครั้งหนึ่ง ก้มลงมองฟุตทาเร่รสส้มในมือตัวเอง แล้วก็พบว่ามันละลายกลายเป็นน้ำหวานก้นถุงไปหมดแล้ว
...ว่าแล้ว เลยต้องเดินย้อนกลับไปอุดหนุนอาอึ้มอีกรอบ...
++++++++++++++++++++++++
เครื่องปรับอากาศในห้องแสดงโชว์ทำงานเสียงหึ่งๆ สวนสัตว์ใกล้ปิดเต็มที ที่เหลือก็คืองานทำความสะอาดกรงแพนด้า
แพนด้านั่งเกยคางในบริเวณที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยว ถอดหัวออกเรียบร้อย เหลือแต่ตัวที่ยังป่องๆ พองๆ อยู่
พี่ใหญ่...หน้ามหาโจร แต่น่ารัก...
แพนด้าเป็นเด็กซิ่ว ไร้สังคม หลังจบมัธยมหกก็ไม่ค่อยได้พบเพื่อนฝูง ด้วยวัยขบเผาะในตอนนี้ ฮอร์โมนมันก็เลยพลุ่งพล่าน ตกหลุมรักง่าย มีจินตนาการที่ไกลไปกว่าความเป็นจริง เห็นแม้กระทั่งแสงสีชมพูวิ้งๆ โอบล้อมชายหนุ่มอยู่ทีเดียว
พี่ใหญ่...น่ารักจริงๆนะ
เด็กหนุ่มเงยหน้ายิ้มให้กับอากาศ จ้องแสงแดดสุดท้ายที่ส่องลอดหลังคาโปร่งแสงลงมา มองฝุ่นขนที่ลอยคว้างอยู่ในอากาศ จามหนึ่งทีเพราะผุ่นผง แล้วก็กลับไปเหม่อมองต่อ มองไปมองมาก็นึกถึงหนวดแข็งๆ นั่น
แข็ง สาก หยาบกระด้าง แต่จั๊กจี้ดี...
เสียงวางไม้ถูดังแกร๊กเรียกให้เขาหันกลับไปสนใจสถานการณ์จริง เห็นพี่ใหญ่ของแพนด้าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เสื้อกล้ามขาวๆ กับกางเกงผ้าขายาว ยิ่งขับให้หุ่นกรรมกรของพี่ใหญ่น่าดูน่ามองเข้าไปใหญ่ เจ้าตัวคงจะยังไม่รู้ตัวกระมังว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่ พี่ใหญ่ของเขายกท่อนแขนแกร่งขึ้นเช็ดหน้าผาก สะบัดผมที่อยู่ใต้ผ้าคาดผมเสียเหงื่อกระจาย สะท้อนแสงแดดสวยงาม
ว่าแล้วพี่ใหญ่ก็หันมา ดวงตาสบกัน เกิดประจุไฟฟ้าช็อตเปรี๊ยะๆ ขึ้นในอากาศ ช็อตแรงซะจนแพนด้าหน้าร้อนผ่าว ดวงตาเสหลบจากแววตาเอาจริงเอาจัง...หลบไปได้ไม่ไกล เพราะริมฝีปากบางที่มีหนวดแข็งๆ ประดับอยู่นั่นก็ยั่วสายตาเหลือเกิน
ริมฝีปากนั้นเผยออ้าหน่อยๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากจนชุ่มชื้น ดูน่าจัดการเสียจนแพนด้าเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง
แล้วปากนั้นก็เผยอ ส่งเสียงออกมา
“ฟุตทาเร่อยู่ในตู้เย็น พี่กลับบ้านก่อนนะ”
...
..
...เหอออ???...
แพนด้าเงิบค้างไปสามวินาที “พี่ไม่อยู่กับผมเหรอ! พี่ไม่อยู่กับผม แล้วใครจะดูแลผม ผมเป็นลูคีเมีย อาการผมกำลังจะกำเริบเที่ยงคืนวันนี้!!”
ใหญ่จ้องมองเด็กน้อยเจ้าปัญหาอย่างยากจะปฏิเสธ แต่คราวนี้เขาต้องไปจริงๆ
“แพนด้า ฟังพี่นะ...”
มือแกร่งโอบแก้มผอมบางขึ้น บรรจงเช็ดน้ำมูกที่ไหลย้อยออกมาจากจมูกโด่งๆ ให้ แอบเช็ดกับขนแพนด้านิดหน่อย แล้วก็พูดต่อ “...สิ้นเดือนแล้ว พี่ต้องกลับไปรับใบแจ้งค่าน้ำค่าไฟ ไม่งั้นที่บ้านจะถูกตัดน้ำตัดไฟ”
ตั้งแต่มาทำงานอาสาสมัครที่สวนสัตว์ ใหญ่แทบไม่ได้กลับบ้านตัวเอง ทั้งที่ที่จริงสวนสัตว์หมีน้อยก็ไม่ได้ใจร้าย ขังคนเมาแล้วขับไว้บำเพ็ญประโยชน์ยี่สิบสี่ชั่วโมงเต็มหรอก แต่เขาก็ยินดีอยู่ด้วยความสมัครใจ ทั้งหมดก็เพื่อไอ้น้องชายตาคล้ำคนนี้
..น้องชาย...
เขาจูบกับคนที่คิดว่าเป็นน้องชายไปแล้ว...
ใหญ่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เขาไม่รู้จริงๆ ...เขารักแพนด้าไหม...เขารักแบบน้องชาย เขาชอบเวลาแพนด้าเอาแต่ใจตัวเอง ชอบเวลาแพนด้าหัวเราะสนุกสนาน แม้กระทั่งเวลาแพนด้าซึมเศร้าเหงาหงอย เขาก็รู้สึกชอบ รู้สึกว่าอยากทำให้เด็กหนุ่มยิ้มด้วยความห่วงใยของเขา
แล้วเขาชอบเวลาแพนด้าหน้าแดง บอกว่าชอบเขาหรือเปล่า...ใหญ่ไม่รู้...
นี่แหละ...สาเหตุที่แท้จริงที่เหนือกว่าค่าน้ำค่าไฟ
เขาต้องการเวลา...เวลาคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง เวลาที่ไม่มีไอ้เด็กน่ารักคนนี้อยู่ใกล้ๆ เพื่อที่เขาจะได้พิจารณาและจะได้รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป
เขาปล่อยใบหน้าเปื้อนน้ำตา เดินกลับไปเปิดตู้เย็น แกะห่อไอศกรีมรสส้ม เอาไอติมแท่งไม่เล็กไม่ใหญ่ยัดปากแพนด้าน้อยที่กำลังโวยวายจะเป็นจะตาย แล้วก็ตัดใจ เดินหันหลังกลับออกไปจากตึกแสดงโชว์แพนด้า พยายามไม่สนใจเสียงร้องโหยหวนของเด็กหนุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่สนใจเสียงอึกทึกครึกโครมเนื่องจากชุดแพนด้าใหญ่ๆ นั่นวิ่งไปชนจนของหล่นระนาว
พยายามไม่สนใจเสียงร้องเรียกที่ทรมานจิตใจเขาเหลือเกิน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันรุ่งขึ้น ใหญ่ที่ตาดำคล้ำเนื่องจากนอนแขนก่ายหน้าผากทั้งคืนก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ มาทำงานด้วยความงงงวย
สวนสัตว์หมีน้อยวันนี้เงียบเหงาเหลือเกิน อาอึ้มที่ขายไอติมยังไม่มาเปิดร้าน อาแปะที่คอยแต่งสวนต้นไม้ก็หายไปไหนไม่รู้ เงียบจนใบไม้ร่วงหล่นปลิวลงจากกิ่ง ตกลงบนพื้นยังมีเสียงแปะแว่วมาให้ได้ยินเลย แม้กระทั่งฮิบโปที่อ้าปากรอขนมปังยังหลับไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะไม่มีเด็กคอยโยนอาหารลงปากให้มันเคี้ยว
เขาเดินไปยังตึกแสดงโชว์แพนด้า มองลอดเข้าไปยังส่วนจัดแสดง ไฟถูกปิดเงียบ ไร้ผู้คน
คว้ากุญแจในกระเป๋า ไขกลอนประตูอย่างร้อนใจ เมื่อวิ่งเข้าไปยังกรงแพนด้าไม่พบสิ่งมีชีวิต ก็วิ่งไปยังห้องพักที่เขามักจะนั่งป้อนไอติมให้เด็กหนุ่มอยู่ทุกค่ำคืน
...ไม่มี...
แพนด้าหายไปไหน?
ใหญ่กระวนกระวาย...เป็นความผิดของเขา เขาไม่ได้อยู่กับแพนด้าเพียงแค่คืนเดียว แพนด้าก็หายไป
หายไปไหน? มันไม่สบายหรือเปล่า หรือว่าลูคีเมียกำเริบ แล้วใครเป็นคนพาไปส่งโรงพยาบาล? แพนด้าไม่มีมือถือ ไม่มีกุญแจตึกนี้ เป็นอะไรไปใครจะรู้?
หรือจริงๆ แล้วแพนด้าไม่ได้ป่วย...สันหลังเย็นวูบอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้อีกกรณี....แพนด้าถูกขโมย!!
ถ้าแพนด้าถูกขโมยจริง โจรคงอยากได้แพนด้าที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจไปขาย...แล้วถ้าเปิดออกมาพบว่ามันไม่ใช่ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น!?
ตอนนี้ในสมองของชายหนุ่มเกิดภาพจินตนาการ เด็กหนุ่มตัวจ่อย กับโจรผู้ร้ายตัวใหญ่ๆ สองคน มันจะไปสู้อะไรได้ ในหูของใหญ่ตอนนี้เกิดเสียงอื้ออึง...เสียงร้องปนสูดน้ำมูกของแพนด้า ตะโกนเรียก พี่ใหญ่! พี่ใหญ่!
“อาใหญ่!”
เฮือก!
รู้สึกตัวอีกที ก็มีมือเหี่ยวๆ ตบแปะลงบนบ่าของเขา ใหญ่ตกใจหันกลับไปด้วยใบหน้าถมึงทึง เล่นซะผู้มาใหม่ตกใจยิ่งกว่า..ตกใจกับหน้ามหาโจรซะจนเยี่ยวแทบเล็ด
“อ้าว! อาเจ็ก” ที่แท้เป็นชายชราเชื้อสายจีนที่คอยดูแลส่วนของสัตว์แสดงโชว์นี่เอง ใหญ่ปรับอารมณ์ตัวเองแล้วค่อยเอื้อมมือช่วยพยุงคนแก่ที่ล้มจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นมายืน
ต่อเมื่อปัดฝุ่นเรียบร้อย รอจนหัวใจที่เต้นถี่รัวสงบลงได้ อาเจ็กที่ยังออกหวาดๆ มาดผู้ก่อการร้ายของชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้น “ลื้อมาทำอะไรวันนี้วะ? สวนสัตว์เค้าประกาศหยุดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ได้ยินหรือไง”
อ้าว?!
“ประกาศหยุดเหรอเจ็ก?” สงสัยจะด้วยความกังวล เลยเผลอเหม่อจนไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ว่าแต่ว่า... “แล้วแพนด้าไปไหนล่ะเจ็ก”
อาเจ็กเอียงคอขมวดคิ้ว “ลื้อนี่ อยู่ตึกนี้ยังตกข่าวอีกวะ! แพนล่ามันก็ไปรับเมียมันน่ะซี่”
เรื่องมันน่าตกใจเสียยิ่งกว่าที่คาดไว้ ไม่ใช่ไม่สบาย ไม่ใช่ถูกลักพาตัว...แต่...
แพนด้าจะมีเมีย!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC
เอาล่ะสิ แพนด้าจะมีเมีย เจ้าสัวจะจับลูกตัวเองคลุมถุงชนแล้ว ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านได้ค่า!
ปล. อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนะคะ บอกแล้วว่าเรื่องนี้มันสั้นๆ แบบไร้สาระสุดๆ
ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นตอนที่แล้วด้วยนะคะ ^_____^