http://www.youtube.com/v/u1ssG0nLswE#36 พี่เอย์โกรธผมแล้ว“ให้กูส่งที่ไหน?”
ผมหันขวับมองหน้ามันทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ เสี้ยวหน้าคนขับที่เฉยเมยมาก
....พี่เอย์โกรธผม....ตั้งแต่ออกมาจากร้านเราไม่ได้คุยอะไรกันเลยพี่เอย์พูดน้อยมากถ้าไม่จำเป็นคือไม่พูดเลย หน้าผมพี่เขาก็ไม่มองนะคือหลีกเลี่ยงชัดเจนมาก มันงอนผมเรื่องแฟนคนเดียวกับเรื่องน้องโบว์แลกไลน์น่ะแหละ
ก่อนหน้านี้ เราหกคนแยกย้ายกันกลับพี่ซ่าร์ท่าทางเมามากอ้อนพี่เชนตลอดบอกให้ไปส่ง กว่าจะตกลงกันได้ผมต้องกล่อมอยู่นานมากสรุปคือพี่เชนพาพี่ซ่าร์กลับ ไอ้วุฒิขับรถพี่ซ่าร์กลับให้บอกว่าจะเอาไปจอดไว้ที่คอนโดพี่เอย์ส่วนผมกับพี่เอย์กลับด้วยกัน หมาบาสซิ่งมอไซด์กลับคนเดียวมันบอกจะแวะไปกินข้าวต้มอีกต่างหาก
“ไรเนี่ย พี่โกรธผมจริงอ่ะ?”
“ตกลงให้กูส่งที่ไหน?”
ผมเงียบหน้ายุ่งเอามือไปวางที่ตักมันแล้วลูบ ๆ พี่เอย์ยังเฉยไม่สนใจกันสักนิด อะไรคือการเล่นตัวแล้วเปลี่ยนเรื่องถามวะ ทำไมต้องถามล่ะว่าจะให้ส่งที่ไหนพรุ่งนี้ผมไม่มีงานสักหน่อยเราอยู่ด้วยกันที่ห้องเล่นกันได้เป็นครึ่ง ๆ วันนะ ผมคิดว่าพี่เอย์จะพาผมกลับห้องมันเสียอีก
“ตกลงให้กูส่งที่ไหน จะถึงทางแยกแล้ว”
ผมเงยหน้ามองมันเอนหัวไปพิงที่ไหล่
“...บ้านครับ ส่งผมที่บ้าน”
ผมตอบไปเบา ๆ รถเลี้ยวแยกไปทางขวาทันที ผมหลับตาลงอย่างผิดหวัง ดึกมากแล้วเกือบ ๆ ตีสอง บรรยากาศภายในรถเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงเพลง คราวนี้โกรธหนักเลยดิ ผมยังไม่เคยเจอสถานการณ์ที่พี่เอย์มันโกรธมากขนาดนี้ด้วย
“พี่เอย์ครับ...”
“......”
“พี่เอย์ผมไม่ได้อะไรนะ แค่คุยกันเล่น ๆ ผมมีพี่อยู่แล้วผมไม่คิดจริงจังกับใครหรอกครับ น้องเขาน่ารักดีเลยยิ้มให้คุยด้วยสนุกกันธรรมดา สุดท้ายน้องเขาจะขอแลกไลน์ผมก็เลยจะเอาขึ้นมาเม็มตามมารยาท แต่สาบานได้เลยนะไม่คิดตอบกลับนะครับ”
นี่คือเรื่องจริงนะครับ มีคนขอแลกไลน์ผมเยอะมากทั้งหญิงทั้งชายนั่นแหละผมก็ให้นะไม่หวงเลยเพียงแต่ผมไม่เคยตอบกลับเลยก็แค่นั้น ผมรักเดียวใจเดียวเหอะไม่งั้นสามปีมานี่ผมเปลี่ยนแฟนไปหลายคนแล้วดิ
ผมเงยหน้ามองมันทั้งที่ยังซบอยู่ที่ไหล่ พี่เอย์ขับรถไปเรื่อย ๆ ผมมองดูที่ข้างทางร้านรวงปิดไปหมดแล้วมองเห็นเพียงร้านสะดวกซื้อที่เปิดทั้งวันทั้งคืนยังคงมีไฟนีออนสว่างจ้า
ขยับตัวมานั่งดี ๆ ในเมื่อพิงก็แล้วซบก็แล้วคนขับอย่างมันก็ยังไม่สนใจ ผมก้มหน้านิ่งรอคอยมือใหญ่ของใครบางคนมาลูบลงบนหัว แต่รอนานเท่าไหร่ก็ไม่มีฝ่ามืออบอุ่นนั้นเลย พี่เอย์เฉยเมยมาก ผมแอบมองมันตาปริบ ๆ ใกล้จะถึงบ้านแล้วด้วย
“พี่เอย์ครับผมไม่....
“ถึงบ้านมึงแล้ว”
พี่เขาพูดตัดประโยคอย่างไร้เยื่อไยขณะที่รถจอดลงที่หน้ารั้วบ้านพอดี ผมหันไปมองมันอีกครั้งพี่เขาทอดสายตามองไปที่ด้านหน้าไม่หันมาหาผมด้วยซ้ำ
“อย่าโกรธกันดิ แบบนี้ไม่เอานะพี่”
“......”
“พี่ก็รู้ผมขี้เล่น ผมเล่นไปทั่วอ่ะ เก็บเอามาคิดมากทำไม”
“.....”
“พี่เอย์ครับผมไม่...
“ลงไปได้แล้ว”
คำพูดไร้เยื่อไยแบบนี้ที่ไม่ได้ยินมานานมากแล้วตั้งแต่เราสองคนยังเป็นแค่นายจ้างลูกจ้าง ตั้งแต่วันที่สองเรายังไม่รู้จักสนิทสนม
ผมส่ายหัวตัดสินใจกดสายเบลท์ออกจากไหล่ คิดจะชวนมันนอนค้างด้วยกันที่นี่ป็นอย่างสุดท้ายที่จะทำได้แล้วสำหรับวันนี้
“ถ้ายังไงพี่นอนที่นี่ด้วยกั....
“ลงไปได้แล้ว ดึกแล้วกูจะรีบกลับ”
คำชวนให้นอนค้างที่นี่ด้วยกันยังไม่ทันจะพูดจบ กลับถูกขัดขึ้นกลางทางอีกครั้ง ความน้อยใจตีตื้นขึ้นมา ผมมองหน้ามันอย่างอ่อนใจก่อนตัดสินใจเปิดรถออกไป อากาศข้างนอกหนาวมากผมห่อไหล่เสื้อหนาวไม่ได้ใส่ไปด้วย ลมเย็นพัดโกรกพากลิ่นหอมของดอกไม้มาตามสายลมอ่อนๆ รถออดี้สีดำที่ผมเพิ่งก้าวลงมายังไม่ยอมเคลื่อนตัวออกไปแต่จะเพราะอะไรก็ช่างคนขับก็ไม่สนใจจะเดินลงมาส่งผมแม้แต่น้อย ผมก้าวเข้าไปกดกริ่งเรียกยืนรอคอยด้วยความหนาวเย็น ครู่หนึ่งพี่ขมเปิดออกมาดูพอเห็นว่าเป็นผมพี่เขารีบวิ่งมาเปิดให้ทันที
“อะไรเนี่ยปิงอากาศหนาวออกทำไมไม่ใส่เสื้อกันหนาวฮึเรา” พี่เขารีบพาผมเข้าบ้าน เสียงรถเคลื่อนตัวดังขึ้นที่ด้านหลัง ผมหันกลับไปอีกครั้งรถพี่เอย์ขับออกไปแล้ว
นี่มันโกรธผมขนาดนี้เชียว??
“ไปเที่ยวมาเหรอ กลิ่นบุหรี่หึ่งเลยนะ”
ผมพยักหน้ารับเบา ๆ “แม่หลับแล้วเหรอครับพี่ขม”
“หลับไปแล้วพี่ขมก็หลับแล้ว ปิงควรโทรมาก่อนนะถ้าจะมานอนบ้านดึกดื่นแบบนี้ มายืนรอคนเดียวอันตรายรู้ใช่ไหม”
ผมพยักหน้ารับเบา ๆ บอกพี่ขมว่าหนาวแล้วขอตัวไปอาบน้ำ พี่ขมเดินไปปิดไฟให้ ผมเดินเข้าห้องพิงบานประตูอย่างเหนื่อยใจรู้นะว่าตัวเองผิดเต็ม ๆ เลยแต่ไม่คิดว่าพี่เอย์มันจะจริงจังขนาดนี้ ตรง ๆ เลยนะผมคิดว่าพี่เอย์จะแค่งอน ยังไงซะคืนนี้คงจะค้างด้วยกัน ไม่งั้นอย่างเลวร้ายที่สุดมันน่าจะเดินลงมาส่งผมจนกว่าพี่ขมจะมาเปิดให้ ลูบหัวกันสักหน่อยด่าอีกสักนิดในแบบของมัน แต่นี่อะไรวะไม่ใช่เลยทำเหมือนกับว่าเราไม่ใช่แฟนกัน
เฉยเมยและเย็นชามาก นี่ความผิดผมมากมายขนาดต้องทำกันแบบนี้?
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กดมือถือโทรหามันอีก ต้องง้อดิผมคิด ผมผิดผมต้องง้อ แฟนผมทั้งคน
เสียงเรียกรอสายนานมาก ผมอดทนรอคิดว่ามันจะไม่รับเสียแล้ว แต่ในที่สุดพี่เขาก็กดรับ
“พี่เอย์ครับ” ผมเรียกมันทำเสียงอ้อน
“มีอะไร” คนตอบน้ำเสียงเย็นชาได้อีก
“พี่ถึงห้องรึยัง”
“....ถึงแล้ว”
มันเงียบไปนิดก่อนจะตอบว่าถึงแล้ว เหมือนผมจะได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ นะหรือว่าพี่เอย์ยังไม่ถึงห้องยังอยู่บนรถ ผมคิดว่าต้องพยายามชวนคุยเสียงพี่เอย์ยังตึงอยู่มาก “อากาศหนาวจังครับ พี่เอย์อาบน้ำหรือเปล่า อย่าบอกนะว่า...
“โทษทีนะปิงถ้าไม่มีอะไรสำคัญกูขอวางก่อน ดึกแล้วอยากจะพัก”
“.......”
ผมเงียบไปกับคำพูดของมัน เสียงที่ปลายสายเงียบไปแล้วเหมือนกัน ทางนั้นคงรอให้ผมกดวาง
“.....ครับ”
ผมกดวางสายถอนหายใจยาวเอนตัวลงนอนมือก่ายหน้าผาก เอาวะไว้ง้อต่อพรุ่งนี้ คืนนี้ดึกมากแล้วกว่าจะนอนหลับปาเข้าไปเกือบตีสี่ สารพัดวิธีง้อที่จะคิดขึ้นมาได้
เช้าตรู่ ร้านส้มตำแม่ตะนาวศรีเปิดทำการเป็นปกติ
“แม่ครับวันนี้อยากฟังเพลงอะไรเดี๋ยวปิงเปิดให้”
ที่ร้านของแม่จะเปิดเพลงเพื่อชีวิตเบา ๆ คลอไว้ตลอดทั้งวัน คุณนายเธอชอบฟังเพลงพี่ขมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะชอบไปกับแม่ผมด้วย แม่ว่าไงพี่ขมก็ยิ้มตามใจดีตั้งแต่ผมเป็นเด็กโน่นแหละ
“เอาเพลงนี้นะ”
เสียงเพลงสัญญาเมื่อสายันต์ของไทธนาวุฒิดังขึ้นแม่ยิ้มใหญ่เลย ผมจัดการกับสายลำโพงที่มันหล่นออกมาจากรางเก็บสายไฟที่แนบติดอยู่ที่เสา นานๆทีจะอยู่บ้านต้องตรวจเช็คในสิ่งที่ผู้หญิงมองข้ามกันหน่อยพวกสายไฟหลอดไฟปลั๊กไฟถ้ามีตัวไหนไม่เรียบร้อยผมจะจัดการเปลี่ยนให้คุณนายเธอใหม่ทั้งหมด เรื่องแบบนี้ไม่ประมาทเด็ดขาด
“ปิงโหลดเพลงของอรวีมาให้แม่ด้วยสิลูก วันนั้นพี่ขมไปซื้อรวมชุดมาจากตลาดแม่ชอบนะ”
“ปิงเคยทำมาให้แล้วนี่ครับแม่”
“มันหายน่ะสิ แม่เก็บดีเกินแฟลตไดร์ฟก็อันเล็กมาก เผลอวางไว้ที่ไหนไม่รู้ หายเลย”
“อ๋อได้ครับได้ เดี๋ยวปิงจัดการให้ใหม่”
“มาๆกินข้าวกันก่อนเร็วเข้า เดี๋ยวลูกค้าเข้ามาแล้วจะยุ่ง” พี่ขมเรียกมาจากด้านนอก พี่เขาหาข้าวหาปลามาตั้งไว้ที่นอกชาน ผมกับแม่เดินเข้าไปนั่งลงด้วยกัน เดี๋ยวนี้ที่ร้านมีลูกจ้างมาช่วยงานเพิ่มอีกสองคนแม่กับพี่ขมเลยไม่ยุ่งมากนัก
“ปิงเข้าออฟฟิศรึเปล่าลูกวันนี้”
“คิดว่าจะเข้าไปช่วงบ่ายน่ะครับ มีงานค้างนิดหน่อย แม่มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่าจ๊ะถามดู เห็นเราอยู่ช่วยแม่ได้เลยแปลกใจไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้ระหว่างเราสามคนนานแล้วนี่” ผมขยับเข้าไปกอดเอวคุณนายไว้แล้วเอียงหัวซบไหล่เล็ก แม่วางช้อนเอามือขึ้นมาลูบหัวผม
“คิดถึง” เสียงแม่เบามากแต่ก็อบอุ่นมากเช่นกันผมหอมแก้มแม่เบา ๆ พักหลังมาผมทำงานหนักตลอดค้างทั้งที่ออฟฟิศที่ห้องพี่เอย์นานๆทีถึงจะมาค้างที่บ้าน
“ปิงรักแม่นะ รักพี่ขมด้วย” เห็นทีตั้งแต่นี้ต้องแวะมาค้างที่บ้านให้บ่อยขึ้นแล้ว ชวนพี่เอย์มาค้างด้วยกันบ่อย ๆ แม่คงไม่ว่าอะไรมั้งนะ
เราทานข้าวกันเสร็จ เริ่มมีลูกค้าทยอยเข้าร้าน แม่กับพี่ขมเทคแคร์ไป ผมเองก็เอาโน๊ตบุคที่ทิ้งไว้ที่นี่มานั่งเข้าเนตเล่นไปเรื่อย ๆ โต๊ะริมระเบียงใต้ร่มเงาของต้นลีลาวดีต้นใหญ่ถูกผมจับจอง ขณะที่ลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ ก็ทานอาหารกันไปแดดไม่ร้อนนะอากาศเย็น ๆ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ผมดูเวลาเห็นว่าสายมากแล้วคิดว่าพี่เอย์คงจะตื่นแล้วล่ะ ผมจึงกดโทรหา
รอสายนานมากแต่ไม่มีคนรับจนสายตัดไปเองผมคิดไปว่าคุณชายคงยังไม่ตื่น ไว้ค่อยโทรใหม่ วันเสาร์แบบนี้อาจจะนอนหลับอุตุอยู่บนที่นอนแน่ ๆ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ผมเขียนโปรแกรมโหลดเพลงเล่นให้คุณนายจนเสร็จ พี่เชนโทรเข้ามาถามว่าจะเข้าออฟฟิศไหม
“ไปครับพี่ เดี๋ยวบ่าย ๆ”
“มึงจะบ่ายแค่ไหนวะ นี่มันบ่ายสองแล้ว”
“อ้าวเหรอ”
ผมเล่นคอมฯลืมเวลาไปเลยได้ยินพี่ขมเรียกกินข้าวเที่ยงนะแต่ก็เออออไปบอกเดี๋ยวเข้าไปกินเอง แม่เอาแตงโมสีแดงฉ่ำมาวางไว้ให้ผมก็ยังไม่ได้แตะเลย ขอจิ้มกินสักชิ้นก่อนลุกขึ้นเก็บเครื่อง
“แม่ครับเดี๋ยวปิงจะออกไปแล้วนะ”
“ไปยังไงลูก ปิงจะเดินไปเรียกรถเหรอ เอารถแม่ไปไหม”
“ไม่ครับไม่เป็นไร เดี๋ยวปิงเดินไปเรียกแท็กซี่แปปเดียว” มอไซด์ผมจอดอยู่ออฟฟิศ
“เอาข้าวไปกินตอนเย็นไหมเดี๋ยวแม่ห่อให้เอาไปฝากเชนเขาด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมเดินเข้าไปกอดแม่กอดพี่ขม พาดเป้ขึ้นบ่าแล้ววิ่งลงบันไดชานไม้เตี้ย ๆ เดินออกมาไม่นานก็ถึงถนนใหญ่เรียกแท็กซี่
“สายนะมึง หิวข้าวเนี่ย” พี่เชนเงยหน้าขึ้นจากงานทักผมตั้งแต่ผลักประตูเปิดเข้าไป
“เมื่อคืนพี่เชนนอนไหนครับ”
“นอนนี่แหละ ทำไม”
“เปล่าครับผมถามดู”
อะไรวะพี่เชนหลบตาผม ทำท่าทางแปลกๆคล้ายคนมีความผิดอะไรผมเก่งนะเรื่องแบบนี้จับได้หมดแหละแต่ตอนนี้รู้สึกหิวเหมือนกันวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้เห็นเสื้อใครสักคนพาดไว้ใกล้ ๆ แต่ผมไม่ได้สนใจ เดินเข้าไปหาของกินในตู้
“ต้มเผื่อกูด้วย”
“มาม่าเหรอ” ผมปิดตู้เย็นแล้วหันไปร้องถาม พี่เชนพยักหน้าหงึก ๆ สรุปว่าบ่ายวันนั้นเราโซ้ยมาม่ากันสองคน ต่อด้วยการนั่งทำงานกันจนเกือบจะเย็น
ไร้ซึ่งเสียงโทรศัพท์ผม นิ่งสนิท
“เมื่อคืนพี่ไปส่งพี่ซ่าร์เขาถึงบ้านป่ะ” ผมนึกอะไรไม่รู้จู่ ๆ ถามขึ้น
“กะ...ก็ เออ มะ...มึงถามทำไม”
“เปล่าครับก็ถามดู พี่ซ่าร์ดูเมา ๆ” ผมมองหน้าพี่เขา พี่เชนจ้องผมนิ่งเลย ทำไมตอบตะกุกตะกัก เสื้อใครคนนั้นที่พาดอยู่ใกล้ ๆ สะกิดใจผม นั่นมันเสื้อที่พี่ซ่าร์ใส่เมื่อคืนนี่หว่าไหงมาพาดอยู่ที่นี่วะ เสื้อคลุมสีดำ ผมเหล่มองคนข้าง ๆ แล้วอมยิ้ม อะโด่วเอ๊ยพาพี่เขามานอนที่นี่แน่ ๆ ทำเป็นตอบว่าไปส่งถึงบ้าน หึหึพี่เชนไม่รู้เรื่องหรอกว่าผมรู้ทันแล้วผมก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อนะ
เรานั่งทำงานกันต่อไป เวลาล่วงมาถึงตอนเย็นตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่รู้เลย สี่โมงเย็นแล้ว ผมตัดสินใจกดโทรออกหาพี่เอย์อีกครั้ง
เสียงรอสายนานมากอีกแล้ว ผมรอคอยไปเรื่อย ๆ สายตัดไปสองทีแต่ผมก็ยังตื้อจะโทรหาต่อ
“สวัสดีครับ”
ไม่ใช่เสียงพี่เอย์ที่เป็นคนรับ ผมอึ้งนิด ๆ
“ฮัลโหล...” ทางนั้นกรอกเสียงมาอีก
“ครับ ผมขอสายพี่เอย์” ผมรู้แล้วว่าเป็นใคร วันนี้พี่เอย์ไม่ได้ทำงานนี่ ทำไมถึงมีเลขาคนสนิทมารับสายให้แบบนี้วะ
“เอย์ประชุมครับ ตั้งแต่เช้าเลย ช่วงบ่ายก็ลากยาวกันมายังไม่จบเลยครับตอนนี้เบรกช่วงสองอยู่เอย์เขาเดินออกไปพักน่ะครับ ลืมมือถือวางทิ้งไว้ผมเห็นปิงโทรมาหลายครั้งแล้วกลัวว่าจะคอยเลยตัดสินใจรับให้”
“ครับไม่เป็นไร ไว้ผมค่อยโทรไปใหม่”
“ยังไม่รู้เลยนะครับว่าวันนี้เราจะเสร็จกันกี่โมงคิดว่าอาจจะลากไปจนดึกถ้าไม่เสร็จคงต่อกันพรุ่งนี้อีก ถ้าไงจะให้ผมบอกให้เอย์โทรกลับไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่เอย์เห็นเบอร์ผมโทรไปคงโทรกลับมาเอง ไม่รบกวนคุณเลขาหรอกครับ”
“แต่เบอร์คุณโทรเข้าเครื่องเอย์ตั้งแต่เช้าแล้ว คือ...คือว่าผมยังไม่เห็นเอย์เขาโทรกลับไปเลย ถ้าไงเดี๋ยวผมบอก.....”
“ไม่รบกวนคุณหรอกครับ ถ้าพี่เอย์ว่างเดี๋ยวคงโทรมาหาผมเองขอบคุณที่ช่วยเทคแคร์แฟนผม ขอบคุณที่ช่วยรับสายให้ ผมวางแล้วนะครับ”
ผมกดวางสายอย่างหัวเสีย
“เชี่ยเอ๊ย!” ผมสบถแล้วลุกขึ้น เดินออกไปล้างหน้าล้างตา พี่เชนหันมามองตอนผมนั่งเช็ดหน้าเช็ดหัวอยู่
“ปิดเครื่องแม่ง!” ผมพูดอยู่คนเดียวกดปิดเครื่องแม่งเลย ต่อให้เปิดก็ไม่มีหมาตัวไหนมันโทรมาหาหรอก
“เป็นไรวะ”
ผมส่ายหัว เข้าโหมดงานของผมต่อ พี่เชนยังจ้องผมอยู่นะผมหันไปมองพี่เขาลุกเข้ามาหา
“เป็นไร ทะเลาะกัน?”
ผมนิ่งไปนิดก่อนตัดสินใจพยักหน้า
“แล้วเมื่อกี้ใครรับสาย”
“เลขาพี่เขา เห็นว่ากำลังประชุมกันอยู่”
“คนที่มึงเล่าให้กูฟังนั่นเหรอ ที่เรียนมาด้วยกันกับแฟนมึง”
ผมพยักหน้าอีก พี่เชนยกมือขึ้นมาลูบหัวผม น้ำตาผมแทบทะลัก มือใหญ่และเย็นที่ผมรอคอยตั้งแต่เมื่อคืนแทนที่จะเป็นมือของพี่เอย์ที่ลูบหัวปลอบใจผม กลับกลายเป็นมือของใครอีกคนที่ผมคิดกับเขาแค่พี่ชายเสมอมา
“พี่เคยเห็นเลขาพี่เอย์ไหม”
“เคยเห็นครั้งนึง ใช่คนตัวเล็กๆหน้าตาคล้ายผู้หญิงออกทอมๆหน่อยนั่นใช่ไหม กูเห็นเขาสองคนเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยกัน ตอนนั้นขึ้นไปดูงานที่ชั้นงานวิศวกรรม ชั้นเก้ามั้ง สองคนนั้นดิวงานกับพนักงานอยู่”
“เขาน่ารักใช่ไหมพี่”
“ใช่ น่ารักเลยเหมือนผู้หญิงมาก”
ผมส่ายหน้าแล้วจ้องหน้าจอต่อ ช่างแม่งทำงานของผมดีกว่าไม่มีมันสามปีผมก็ยังอยู่มาได้จำเป็นอะไรผมต้องมีแฟนแล้วเจ็บปวดอยู่แบบนี้ ผมคิดมากนะขี้หึง และหวงของที่เป็นของผม
บ้าฉิบ! วันนั้นให้พี่เขาไล่มันออกจากงานเลขาบ้าบอนั่นซะก็จบแล้วทำตัวเป็นนางเอกแล้วเป็นไงล่ะที่นี่ เจ็บใจเองสมน้ำหน้าตัวเองดีป่ะวะ
“ปิง” พี่เชนเรียกขึ้นผมสะดุ้ง พี่เขาเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้กอดบ่าผมไว้แล้วตบเบา ๆ
“ใจเย็นมึง ต่อให้คนๆนั้นน่ารักหรือดีแค่ไหนถ้าแฟนมึงไม่ได้ชอบเขาเรื่องมันก็ไม่มีอะไรนะ ตอนนี้มึงกำลังคิดมากไปอีกแล้ว เขาบอกว่ากำลังประชุมกันมันก็แน่นอนที่เลขาจะต้องนั่งอยู่ด้วยกันกับแฟนมึง คิดอะไรวะนี่ถ้ามึงเป็นแฟนกูนะเตะโด่งออกนอกประตูเลยเนี่ยโทษฐานหึงจนเลือดขึ้นหน้าไม่ดูเหตุดูผล”
“ช่างดิ่ ผมหึงจริงอ่ะ”
“พูดกับเด็กเป็นแบบนี้ล่ะน๊อ กูล่ะสงสารแฟนมึงจริงจริ๊ง แล้วเรื่องเมื่อคืนมึงผิดร้อยเปอร์เซ็นต์มีอย่างที่ไหนไปม้อสาวแบบนั้นกูนั่งอยู่ข้างบนยังเห็นเลย แฟนมึงมีเหรอจะนั่งเฉยอยู่ได้”
“แต่ผมก็แค่คุยเล่น ๆ ไม่ได้คิดจริงจังนี่”
“แล้วถ้าแฟนมึงเขาไม่ลงไปเรียกมึงสองคนจะแลกเบอร์กันอยู่แล้ว ต่อไปผู้หญิงคนนั้นเขาไลน์มาโทรมาตื้อมาวุ่นวายมึงจะทำไง”
“ผมไม่เคยตอบหรอก ผมไม่มีทางทำแบบนั้น มันก็แค่มารยาทผู้หญิงเขาขอแลกผมเลยจำเป็นต้องเอาโทรศัพท์ผมขึ้นมาก็แค่นั้นพี่”
“แล้วทำไมมึงไม่เลือกที่จะพูดว่า
‘ขอโทษนะครับผมมีแฟนแล้ว’ แบบนั้นล่ะปิง”
“.......” ผมก้มหน้านิ่ง รู้ว่าผิดเต็มประตูไม่มีอะไรจะเถียงหรอก ผมก็พยายามจะง้อและคิดว่าจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่อะไรกันวะโทรไปดั๊นมีเรื่องเลขามันรับสายแทนอีกทำผมปรี๊ดแตกขึ้นอีกรอบ
คืนนั้นผมนั่งทำงานจนดึกดื่น เอามือถือมาเปิดเครื่องอีกทีคือตีหนึ่ง มีมิสคอลแจ้งไว้หนึ่งสายผมดีใจเกือบตาย พอกดดูดันเป็นไอ้หมาบาส ผมบ่นๆๆๆแล้วไลน์ไปด่ามัน จากนั้นปิดเครื่องเลย พี่เชนแอบหัวเราะผมด้วย
คืนนั้นก็ถดไถนอนกันอยู่ข้างโต๊ะเหมือนเดิม และวันต่อมาเช่นกันกับวันเสาร์ไม่มีสายเรียกเข้าจากพี่เอย์แม้แต่ครั้งเดียว อดน้อยใจไม่ได้เมื่อนึกว่ามันคงประชุมอยู่กับพนักงานของมันโดยมีคุณเลขานั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง
“ออกไปกินไอติมกันไหม”
เสียงพี่เชนถามขึ้น ผมนั่งทำงานตั้งแต่เช้าจนค่ำไม่เงยหน้าไปไหนทั้งสิ้นพี่เชนนึกสงสารมั้งเลยชวน
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
คืนนี้ผมมีแผนไว้แล้ว ในเมื่อโทรไปง้อแล้วไม่รับเดี๋ยวจะตามไปหาที่คอนโดมันเลยดิ ยังไงคุณชายก็ต้องกลับไปนอนที่ห้องอยู่แล้วนี่