บทที่ 58
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ร่างบาง ขณะกำลังเข็นรถเข็นร่างซูบๆของคุณผกาออกมาจากชานบ้าน
เสียงซุบซิบดังตลอดหมู่คนงาน…งานนี้ต้องมีคนเจ็บตัวแน่!
มีเพียงป้าไผ่ที่รู้ว่านายจะไม่โกรธ หญิงร่างท้วมนั่งยิ้มกริ่ม สบายอกสบายใจ
นายจะชอบ…ที่ชนินทร์พาคุณผกาออกมาสูดอากาศภายนอกเยี่ยงนี้
ชนินทร์ก้มลงพูดคุยยิ้มแย้มกับคุณผกา ยกมือป้องแดดอ่อนๆอารมณ์ดี คุณหญิงผกาบ้างก็ชี้นกชี้ไม้ชวนชนินทร์คุยไปเรื่อย ไม่มีอาการของคนเศร้าซึมอยู่อีกเลยแม้แต่น้อย
ร่างสูงใหญ่โด่ดเด่นเดินแหวกผ่านผู้คนที่ดูเหมือนจะเกาะกลุ่มกันออกมา เมฆินเดินตรงเข้าหา เบิกตาโตกว้าง
ชนินทร์ตั้งหลักเตรียมพร้อมรับศึก
“คุณพาคุณแม่ออกมา!”
ร่างบางสูดลมหายใจลึก
“คุณป้ามีสิทธิออกมาสูดอากาศภายนอกบ้าง ท่านเบื่อและไม่อยากคุดคู้อีกต่อไป ทุกอย่างเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณป้า”
เมฆินมองหน้าตึงๆนั่น…พูดกุกกักอึกอัก
“คุณ…คุณพาคุณแม่ออกมาข้างนอกได้…ยังไง?”
ชนินทร์ขมวดคิ้ว
“คุณไม่พอใจ?...งั้นผม-“
“ใครบอกล่ะครับ ผมต้องขอบคุณมากๆต่างหาก”
ขายาวคุกเข่าลงกับพื้นระดับเดียวกับคุณผกาบนรถเข็น ท่านวางมือเรียวบางเหี่ยวผอมลงบนบ่าลูกชาย เมฆินจ้องมองสายตาผู้เป็นแม่ ที่มองตอบกลับมาด้วยความเข้าอกเข้าใจ ไม่มีคำพูดใดๆต้องถ่ายทอดออกมา
“เมฆไปเดินเล่นกับแม่นะลูก”
สีหน้านายหญิงของบ้านดูอิ่มเอม ก่อนจะปล่อยให้ชนินทร์ที่เชิดหน้าไม่ยอมสบตาเดินเข็นออกไป
เดินกันมาตามทางที่ร่มไม้ปกคลุม อากาศยามสายสดชื่นแจ่มใสเหมาะแก่การเดินเล่นเพื่อสุขภาพเยี่ยงนี้ เมฆินเดินตามหลังไม่ห่างเหมือนเด็กผู้ชายตามต้อยๆ ท่าทางสีหน้ากระตือรือร้นสุดๆ
“คุณรู้มั้ยครับ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่มีใครบางคน…สามารถพาแม่ของผมออกมาสูดอากาศภายนอกได้”
เมฆินพูดเบาๆแต่คุณผกาก็ได้ยิน ทว่าเลือกจะไม่พูดอะไรออกมา
“คุณเคยสนใจด้วยเหรอ?”
“สนใจซิครับ”
“แต่ก่อนคุณไม่เห็นยอมรับเรื่องแบบนี้”
ชนินทร์มอง เมฆินรู้สึกผิดจับใจ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทั้งหดหู่และเศร้าสลด
“ผมรู้…แต่ตอนนี้มีคุณแล้ว ผมไม่ต้องกลัวอะไรอีก”
“คุณกลัวอะไรเมฆิน แม่คุณทั้งคนนะ”
ทั้งสามเดินผ่านทางเดินเลียบไร่องุ่น ชนินทร์หยุดพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เกือบสุดไร่ อากาศภายนอกเริ่มเพิ่มอุณภูมิ โชคดีที่เขาเตรียมตระกร้าใส่น้ำผลไม้มาให้คุณผกาด้วย
เมฆินเดินมาดึงแขนคนตัวเล็กหลบไปพูด
“อะไรกัน ปล่อยนะ!”
“ผมต้องพูดกับคุณ” เมฆินยิ้มบาง แต่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือคนที่กำลังพยศเต็มที่ “ก่อนอื่นเลย ผมคงต้องขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ไม่มีใครทำได้นอกจาก…คุณ”
“ไม่ต้องขอบคุณผม คุณป้าท่านหายดีแล้วผมก็จะกลับ”
“ไม่ได้นะ!” เมฆินโผล่ง “คุณ…ผม เอ่อ ผมขอร้อง คุณยังกลับไม่ได้นะ คุณแม่ท่านยังอาการไม่คงที่ ผม ไม่ซิ เรายังต้องการคุณ”
ชนินทร์จ้องมองหน้างอง้ำ ก่อนที่ทันจะอ้าปากพูด เสียงคุณผกาก็ดังเรียก
“นิน…ป้าดีใจจังเลย”
คนดูแลนั่งคุกเข่าข้างๆ กุมมืออุ่นๆของคุณผกาไว้
“คุณป้าจะได้ออกมาเดินเล่นแบบนี้อีกแน่นอนครับ”
เมฆินนั่งลงกับพื้นข้างๆชนินทร์ ยิ้มทั้งตาและปากแก่มารดา…เป็นครั้งแรกที่ทุกๆคนรอบข้างและแม้แต่ตัวเขาเองรู้สึก…มีความสุขอย่างแท้จริง
คุณผกามองตรงไปข้างหน้า เอ่ยพูดกับทั้งสอง
“แม่ชอบอากาศแบบนี้ แทบลืมไปแล้วว่ามันรู้สึกยังไง” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนของลูกๆฉายแววแห่งความอิ่มเอม “เมฆ แม่รู้แล้วลูก…แม่ ’ยอมรับ’ เรื่องทุกอย่างได้แล้ว…”
จู่ๆคุณผกาก็เอ่ยขึ้น พร้อมทั้งยกมือขึ้นปิดใบหน้า…นิ่งงัน ก่อนจะลดมืออันสั่นเทาลง ชนินทร์พยายามไม่หันไปมองหน้าเมฆิน เพราะเขารู้สึกเหมือนเป็นเรื่องของคนในครอบครัว…และไม่อาจยอมรับว่าหากเขาจะใจอ่อนไปกับความรู้สึกอ่อนไหวของอีกฝ่ายมั้ย
“แม่…แม่ขอโทษ แม่…ยอมรับไม่ได้ แม่อ่อนแอเกินกว่าจะยอมรับความจริง แต่ตอนนี้แม่ต้องยอมรับ…ว่าอิงอรจากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับมา…”
เมฆินขยับเข้ามาใกล้ ใบหน้าของเขาอาบน้ำตา แต่ดูเหมือนพยายามอย่างมากที่จะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้
“ผมผิดเองครับแม่…ผมผิดเอง ผมไม่สามารถปกป้องน้องได้ ผมผิดเอง…”
“เปล่า แม่ผิดเองต่างหาก แม่ไม่เข้มแข็งพอให้ลูกพึ่งพาได้ แม่ทำให้ลูกแทบลืมไปว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่…แม่ปล่อยให้ลูกทนทุกข์ทรมานอยู่ตามลำพัง นานเหลือเกิน…แม่ขอโทษนะ ต่อไปนี้ เราจะกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีก ตลอดไป…”
คุณผการวบตัวเมฆินเข้ามากอด สองแม่ลูกกอดกันกลม เนิ่นนาน…ชนินทร์ปล่อยให้ทั้งสองใช้เวลาเงียบๆเป็นส่วนตัว เดินถอยหนีออกมาห่างๆ
“ชนินทร์…ชนินทร์มานี่หน่อยจ๊ะ”
“ครับ”
“หลังจากอิงอรจากไป แม่ก็ไม่เคยพูดถึงเธออีกเลย” คุณผกาปาดน้ำตาพร้อมรอยยิ้ม “จนกระทั่งชนินทร์เข้ามา ทำให้ป้ากลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง ชนินทร์เป็นเหมือนอาทิตย์ที่สาดส่อง…หนูทำให้ชีวิตของป้าและลูกชายป้า…อบอุ่น รอดพ้นจากค่ำคืนอันมืดมิดและหนาว…”
ชนินทร์ยิ้มบาง
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ…”
นิ้วเรียวเหี่ยวย้นแตะข้างแก้มบนใบหน้าหล่อเหลา
“หนูรู้ตัวมั้ย ว่าหนูเป็นคนมีจิตใจสวยงาม งดงาม…”
ชนินทร์เริ่มมีอาการนัยน์ตาเอ่อคลอ ยิ้มกว้าง
“อิงอรจากไปแล้ว…ป้าจะยังคงจดจำเขาตลอดไป แต่ป้าไม่คุ้น…เวลามีลูกหายไปหนึ่งคน…ฉะนั้นสิ่งที่ป้าจะพูดก็คือ ป้าพอจะมีสิทธิมั้ย ที่จะให้หนูเรียกป้าว่า…แม่?”
ได้ยินดังนั้น ชนินทร์ถึงกับนิ่งงัน
ขนลุกซู่…เพราะความหมายของคำว่า ‘แม่’ ที่คุณผกาเอ่ยออกมานั้น ช่างเปี่ยมพลังและมั่นคง
แววตาที่ทอดมองแสนอ่อนโยนรักใคร่ ดั่งแม่คนหนึ่งที่พร้อมจะรักและอุ้มชูลูกคนนี้เสมอไป
บรรยากาศแห่งความสุขที่เป็นใจ ใต้ร่มไม้มีเพียงสามคน…สมกับจะเรียกว่า ‘ครอบครัว’
ชนินทร์หันไปมองขอความเห็นแก่เมฆิน และสิ่งที่ได้ตอบรับคือรอยยิ้มจริงใจ ภาคภูมิใจกลับมา
“ครับ…แม่”
ทั้งสามหัวเราะเบาก่อนจะยิ้มกันไปมา ชนินทร์ลดกำแพงป้องกันตัวลงไปเยอะโดยไม่รู้ตัว ทั้งหมดนั่งอยู่ตรงนั้นอาศัยความเงียบอันสงบสุขปลอบปะโลมจิตใจที่ต่างบอบช้ำในเวลาต่างๆกัน…ก่อนจะกลับไปยังเรือนใหญ่และรับประทานอาหารกลางวันพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครั้งแรกในชีวิต