บทที่ 8
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายชวนใจหายใจคว่ำ เช้านี้ท่านจอมมารตื่นมาท่ามกลางความวุ่นวายอย่างยิ่ง ถึงแม้สายมากแล้วแต่เขายังไม่อยากตื่นเมื่อคืนกว่าจะได้หลับก็เกือบรุ่งสาง เหตุใดจึงมีคนกล้ามารบกวนการนอนหลับของเขาอีก!
มู่อิงตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโวยวายที่ดังขึ้น ใบหน้างดงามนั้นบูดบึ้งอย่างยิ่ง แต่ก็นับว่างามล้ำไปอีกแบบ พอลืมตาตื่นเขาก็เห็นหลิวเฉินซางนั่งอยู่ข้างเตียงกำลังจับชีพจรเขาอยู่ มีฉางเอ๋อที่สองยืนถืออ่างน้ำคอยปรนนิบัติตอนเขาตื่น ส่วนเสียงน่ารำคาญที่ทำเขาตื่นนั้นมาจากหนึ่งคนหนึ่งสิงโตที่กำลังคุมเชิงกันอยู่หน้าห้อง
“ยังง่วงอยู่หรือ”หลิวเฉินซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ชวนให้ผู้คนเคลิบเคลิ้ม หากมู่อิงไม่ได้กำลังอารมณ์เสียหลังตื่นนอนคงพอจะอยากพูดคุยกับเขาอยู่บ้าง
“...”คิ้วเรียวงามของมู่อิงขมวดเข้าหากัน เขาจ้องไปที่หน้าห้องด้วยสายตาอำมหิต
“อ้อ! ฉางเอ๋อที่หนึ่งกำลังบริการกงเล็บอยู่ หากเจ้ารำคาญข้าจะไล่พวกเขาไปเล่นที่อื่น”
“หลิวเฉินซาง! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาไล่คน!”หนานกงฉางฝูตะโกนเข้ามาจากหน้าห้อง
ฉางเอ๋อที่หนึ่งไม่รู้เพราะเหตุใด แต่ไหนแต่ไรมามันไม่เคยชอบหน้าหนานกงฉางฝู พบเจอกันเมื่อไหร่เป็นได้พุ่งตรงไปลับคมเขี้ยว ทำราวกับหนานกงฉางฝูเคยมีหนี้แค้นกับมันมาก่อน ผิดกับหลิวเฉินซางที่มันแทบจะหมอบนั่งให้ลูบหัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัญชาตญาณของสัตว์หรือเพราะทำตามความชื่นชอบของเจ้านาย
“ยังจับชีพจรไม่เสร็จอีกหรือ”สายตาไม่สบอารมณ์ของท่านจอมมารเลื่อนจากการคุมเชิงหน้าห้องมาที่ตัวปัญหาในห้อง อันผมสีเงินนั้นก็ยังงดงามอยู่หรอก หากแต่พอมองหน้าเจ้าของเส้นผมเหล่านั้นไม่รู้เพราะเหตุใดท่านจอมมารถึงนึกอยากฟาดสักหลายๆฝ่ามือ
“เสร็จนานแล้วแต่ยังไม่อยากปล่อย”หลิวเฉินซางเปลี่ยนจากจับชีพจรมาเป็นกุมข้อมือของมู่อิงไว้อย่างหน้าไม่อาย
ท่านจอมมารหน้าเริ่มดำคล้ำไปทั้งแถบ คนผู้นี้หน้าหนากว่าเขาเสียอีก คนทั่วไปฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่าควรปล่อยมือ หากแต่หลิวเฉินซางกลับกำข้อมือเขาไว้แน่น ช่างน่าตายนัก
“เจ้า! บังอาจแต๊ะอั๋งน้องมู่อิงของข้า น้องมู่อิงเรียกสิงโตของเจ้าออกไปที ให้ศิษย์พี่ใหญ่เข้าไปดูอาการเจ้าหน่อย”ความจริงหากจะใช้กำลัง หรือใช้วรยุทธ์หลบฉางเอ๋อที่สองก็เข้ามาก็ได้แล้วแต่หนานกงฉางฝูกลับเอาแต่ยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้อง ชาตินี้คงไม่มีวันได้อย่างเท้าเข้าห้องศิษย์น้องแน่แล้ว
จอมขี้เกียจ อย่างไรก็ยังเป็นจอมขี้เกียจ...
“หลิวเฉินซางเจ้าปล่อยข้อมมือข้าได้แล้ว”มู่อิงเมินหนานกงฉางฝูที่อยู่หน้าห้อง ทุ่มความไม่พอใจมาที่คนในห้องแทน ศิษย์พี่ใหญ่นั้นยังนับว่ารับมือง่ายกว่าคนผู้นี้เยอะ
“ไม่เรียกพี่หลิวแล้วหรือ”
“...”มู่อิงได้แต่ถลึงตามองหลิวเฉินซาง เอ่ยวาจาไม่ออกแม้สักคำ
“เช่นนั้นให้เจ้าทำธุระยามเช้าเสียก่อน ข้าให้คนเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว”หลิวเฉินซางยิ้มเล็กน้อยอย่างเอื้อเอ็นดู แต่ประกายตากลับคมกริบราวกับพยัคฆ์ล่าเหยื่อ
เขาปล่อยมือมู่อิงก่อนจะเดินไปหน้าห้อง ฉางเอ๋อที่หนึ่งนั้นพอหลิวเฉินซางเดินไปหน้าห้องมันก็หันหลังสะบัดก้นใส่หนานกงฉางฝูแล้วเดินไปหามู่อิงที่เตียง ส่วนหนานกงฉางฝูนั้นเล่าโดนท่านผู้นำฝ่ายธรรมะลากคอออกไปพร้อมกัน
หนานกงฉางฝูเอาแต่ส่งเสียงโวยวาย ต่างฝ่ายต่างไม่ชอบหน้ากันการประมือจึงเกิดขึ้น เพียงพริบตาเดียวผู้เยี่ยมยุทธสองคนก็หายไปจากสายตา
มู่อิงนั้นมองออกไปด้วยความเสียดาย นานๆทีศิษย์พี่ใหญ่จะยอมออกแรงสักครั้ง แต่เขากลับไม่มีเรี่ยวแรงพอจะตามไปดู
เมื่อมู่อิงเดินมาที่สวนเพื่อทานอาหารเช้าหลิวเฉินซางกับหนานกงฉางฝูก็กลับมาแล้ว ต่างคนต่างนั่งคนละมุม เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น ใบหน้าหนานกงฉางฝูนั้นดูเคร่งขรึมมืดครึ้ม ส่วนหลิวเฉินซางกลับวางท่าสบายๆ ดูผ่อนคลายราวกับเซียนผู้หลุดพ้น มู่อิงผู้ไม่สนใจสถานการณ์สนเพียงความต้องการของตนจึงเอ่ยปากขึ้น
“ใครชนะ”วาจาของท่านจอมมารนั้นทำเอาหนานกงฉางฝูที่หน้าตาดูไม่ได้อยู่แล้วยิ่งดูน่าเกลียดขึ้นอีกหลายส่วน ส่วนหลิวเฉินซางนั้นกลับระบายยิ้มจางๆ
“ย่อมเป็นข้า”หลิวเฉินซางยิ้มให้มู่อิงด้วยประกายตาพราวระยับ
หากจะว่าไปแล้วหลิวเฉินซางนั้นยิ้มให้มู่อิงราวกับเขาเป็นคนยิ้มง่าย แท้จริงแล้วหากในหนึ่งปีเขายิ้มสักครั้งท่านอาวุโสชิวเยี่ยนแทบจะจุดธูปกราบไหว้ขอบคุณฟ้าดิน คนผู้นี้วางตัวสูงส่งหากต้องการให้เขายิ้มสักครั้ง ให้สุนัขคลอดลูกเป็นสุกรยังง่ายเสียกว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ฝีมือตกหรือ”จำได้ว่าตอนที่มู่อิงสู้กับหลิวเฉินซางคราวก่อนฝีมือพวกเขาก็สูสีกัน เหตุใดศิษย์พี่ใหญ่จึงแพ้ได้ “ท่านเอาจริงหรือเปล่า มิใช่มัวแต่ขี้เกียจจนแพ้ผู้อื่น”มู่อิงมองหนานกงฉางฝูอย่างไม่ใคร่จะไว้ใจนัก
พฤติกรรมศิษย์พี่ใหญ่ดูเหลาะแหละจนคนมิอาจวางใจ
“น้องมู่อิง ศิษย์พี่ใหญ่ทุ่มสุดฝีมือแล้ว”ใบหน้าหนานกงฉางฝูยิ่งมองยิ่งดูไม่ได้ ใครจะคาดคิดว่าหลิวเฉินซางผู้นั้นแท้จริงซุกซ่อนฝีมือไว้มากเช่นนี้ เขาทุ่มสุดตัวแล้วยังไม่อาจเอาชนะ น้องมู่อิงไม่สังเกตหรือว่าเขาไปเปลี่ยนชุดใหม่มา ไม่บาดเจ็บภายในก็นับว่าดีมากแล้ว
“อิงเอ๋อ เจ้าไม่เชื่อในฝีมือข้าหรือ”
“เจ้าเรียกใครว่าอิงเอ๋อ!”
เพล้ง!!!
มู่อิงชัดโต๊ะทานอาหารจนแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี มองหน้าหลิวเฉินซางอย่างไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่เกิดมาคนที่เรียกเขาเช่นนี้มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้น แต่หลิวเฉินซางกลับบังอาจเรียก
“สมน้ำหน้าเจ้าแล้ว น้องมู่อิงสังหารเขาเสียเลย”หลังจากเอ่ยยุยงคนเสร็จ หนานกงฉางฝูก็พลิ้วกายจากไป เขาไปหาอะไรกินที่อื่น ปล่อยให้ศิษย์น้องช่วยระบายโทสะ
ชูปี้ฮวาเองก็ถอยออกไปอย่างรู้งาน นางไม่ลืมเรียกฉางเอ๋อที่หนึ่งไปหาอาหารเช้าที่อื่นเช่นกัน ดูท่าท่านประมุขกับท่านประมุขหลิวคงไม่อาจหาเวลาว่างมาทานอาหารเช้าได้แล้ว
“เช่นนั้นเจ้าเรียกข้าว่าพี่เฉินซาง”หลิวเฉินซางไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์โกรธของมู่อิง เขาทำราวกับยื่นขนมหวานให้เด็กที่กำลังโกรธ
“หลิวเฉินซาง! เจ้าหน้าหนาเกินไปแล้ว”
“น้องมู่อิงเจ้าน่ารักเกินไปแล้ว”
มู่อิงแทบอยากกรีดร้องราวอิสตรี บนหน้าผากเขาแทบจะปรากฏขีดดำขึ้นสามเส้น หลิวเฉินซางวันนี้นับว่ากล้าหาญนัก ยั่วอารมณ์โมโหเขาแต่เช้า หากไม่ได้ลงมือสั่งสอนคนผู้นี้อย่าเรียกเขาว่ามู่อิง!
มู่อิงที่กำลังภายในฟื้นคืนมาบ้างแล้วจึงพุ่งเข้าประมือกับท่านผู้นำฝ่ายธรรมะ สิ่งใดเรียกว่าการประมือ มู่อิงที่ยังอ่อนแอจะทำสิ่งใดได้ ยิ่งจู่โจมเขาก็ยิ่งโดนหยอกล้อทั้งจับเอว จับมือ หอมแก้ม เพียงไม่นานก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น ช่างทำการค้าขาดทุนยิ่งนัก
“ข้าจะฆ่าเจ้า”มู่อิงหอบฮักอยู่ในอ้อมกอดหลิวเฉินซาง
“ก็บอกแล้วว่าเจ้ายังไม่อาจทำได้ ที่สำคัญเจ้าสังหารข้าลงหรือ”
“ข้าจะโกนหัวเจ้าแล้วเอาผมกลับไป”เขาน่าจะเชื่อเฉียนหลีโกนผมคนผู้นี้แล้วกลับพรรคจันทร์กระจ่างฟ้า
“เอาไปทั้งตัวก็ยังได้”
“เจ้าเกี้ยวข้ารึ”
“ความรู้สึกช้าจริง...ก็ใช่นะสิ”ประโยคหลังหลิวเฉินซางกระซิบริมหูของมู่อิง
มู่อิงหน้าแดงเถือก แต่ยังไม่วายเงยหน้าขึ้นมองหลิวเฉินซาง เพ่งพินิจใบหน้าของเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก คนผู้นี้ใบหน้าไม่งดงาม เขาไม่เคยสะสมบุรุษมาก่อนเสียด้วย แต่หากมองดูดีๆแล้ว นัยน์ตาครบกริบคู่นี้ก็นับว่าน่ามองอยู่ จมูกโด่งเรียวนั้นก็นับว่าน่าดูไม่น้อย ริมฝีปากนั้นเล่า... ยิ่งพอมองรวมกันทั้งใบหน้า...
“มาเป็นฉางเอ๋อที่สามดีหรือไม่”คำพูดของมู่อิงนั้นเบาหวิว เขาเพียงแต่รู้สึกว่าพอใจหลิวเฉินซางอยู่บ้างแต่ไม่เหมือนกับที่ชื่นชอบบรรดาฉางเอ๋อ ไม่รู้ว่าควรจะจัดการเช่นไรดี
“ข้าอยากเป็นพี่เฉินซาง”ทั้งน้ำเสียงทั้งใบหน้าของหลิวเฉินซางทำราวกับล่อลวงคน ราวกับจอมมารร้ายล่อลวงโฉมงาม หากผู้อื่นมาเห็นเข้าคงไม่อาจบอกได้ว่าคนไหนคือผู้นำฝ่ายธรรมะคนไหนคือจอมมาร เพราะตอนนี้เขาก็กำลังล่อลวงมู่อิงอยู่จริงๆ
“พี่เฉินซาง...”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังอ่อนแอสติจึงไม่ค่อยแจ่มใสนักหรือไม่ มู่อิงจึงถึงกับเอ่อยออกมาอย่างเลื่อนลอย
“อิงเอ๋อ...”
“เจ้าเรียกใครว่าอิงเอ๋อ!”
เฮ้อ...นับว่าหลิวเฉินซางยังต้องล่อลวงคนอีกหลายครานัก
กว่าหลิวเฉินซางและมู่อิงจะได้ทานข้าวก็เป็นเวลาอาหารกลางวัน มู่อิงนั้นยิ่งเวลาผ่านไปกำลังภายในก็ฟื้นคืนมาทีละนิด จนสามารถสลัดหลุดจากอ้อมกอดหลิวเฉินซางได้ เวลานี้จึงออกมานั่งชมดอกไหถังในศาลาไร้ซึ่งผู้คนมารบกวน แต่ก็ยังมีคนผู้หนึ่งตามมา จะเป็นใครไปได้นอกจากท่านผู้นำฝ่ายธรรมะ
“เจ้าตามข้ามาทำไม”
“ข้าแค่มาชมดอกไม้”หลิวเฉินซางพูดพรางนำขลุ่ยหยกเลาหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ มู่อิงแค่เห็นขลุ่ยตาก็พราวระยับ
เป็นขลุ่ยที่งดงามนัก!
“ขลุ่ยนั่น...”มู่อิงพูดไม่ทันจบประโยคเสียงขลุ่ยก็ดังขึ้นเสียก่อน ท่วงทำนองอันผ่อนคลายนั้นทำให้เขาต้องหยุดวาจาที่ต้องการซื้อขลุ่ยของตนเองลง สายตาที่มองหลิวเฉินซางลึกล้ำขึ้นขั้นหนึ่ง
บุรุษหล่อเหลางามสง่าดูอยู่เหนือโลกีบุคลิกสูงส่งราวเทพเซียนท่านหนึ่งยืนเป่าขลุ่ยท่ามกลางสวนดอกไห่ถัง สายลมพัดชายเสื้อให้พลิ้วไหว กับบุรุษรูปโฉมงดงามนั่งเท้าคางอย่างเกียจคร้านสายตามองไปยังดอกไหถังที่บานสะพรั่ง แต่มุมปากกลับแย้มยิ้มเล็กน้อยราวกับคิดถึงสิ่งใดอยู่ ชายเสื้อสีขาวและแดงยามโดนลมพัดคละเคล้าคลอเคลีย ดูเป็นสีสันที่แตกต่างแต่ราวกับภาพวาดที่งดงามเป็นหนึ่ง คงไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงรบกวนทำลายทัศนียภาพที่งดงามเช่นนี้....หากไม่มีธุระสำคัญ!
“ท่าประมุขแย่แล้ว! เรือนจำฝังกระดูกโดนปล้น!!!”ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนเร่งรุดมาด้วยวิชาตัวเบาที่เค้นกำลังภายในออกมาเต็มที่
“น้องมู่อิง! เสี่ยวอี้คาบสิ่งนี้มาหาข้า”หนานกงฉางฝูอุ้มอินทรีย์มาด้วยตัวหนึ่งถึงเป็นภาพที่ดูตลกขบขัน หากแต่ใบหน้านั้นดูกังวล ร้อนรนอย่างแท้จริง ในมือเขายังมือเศษผ้าสีเหลืองนวลเปื้อนโลหิตมาด้วยชิ้นหนึ่ง
ภาพอันงดงามถูกทำลายลงด้วยเรื่องรีบร้อนอันไม่อาจทำให้ผู้ใดนั่งติดที่ เรือนจำฝังกระดูกเป็นสถานที่เช่นไรคนในยุทธภพต่างรู้ดี มาครานี้กับถูกปล้น ใบหน้าของมู่อิงและหลิวเฉินซางนั้นถึงกับเคร่งขรึมลงไม่ต่างกัน!
++++++++++++++++++++++++++
สั้นเน๊อะ ไม่งอแงนะ
เดี๋ยวเคลิ้มเดี๋ยวฆ่า เริ่มสับสนกับนายเอกเรื่องนี้
ปล่อยนางติสแตกไปค่ะ