เปิดคลอไปด้วยจะได้ฟีลลิ่งมาก :
https://www.youtube.com/watch?v=1HYqPqomK-sเรื่องสั้น : เสื่อมรัก
"มาเยี่ยมแม่พี่อีกแล้วเหรอ"
ผมพยายามฉีกยิ้มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ "อืม แม่พี่ใจดี" ผมเมินสายตาเกลียดชังของพ่อแม่คนตัวเล็กที่กำลังส่งมาที่ผมอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาไม่เคยต้อนรับผมมีแต่ผมที่ดึงดันที่จะมาแทบทุกวัน
"เหรอ.." คนตัวเล็กพยักหน้าเข้าใจ "งั้นพี่ขอตัวขึ้นห้องก่อนนะ" แล้วเดินตัวปลิวขึ้นห้อง
พอลับหลังเขาผมก็ร้องไห้แต่ไม่ได้สะอื้น
มันเจ็บไปหมด
"กลับไปได้แล้ว" แม่พี่เขาพูดเสียงแข็ง "แล้วไอ้กระเช้านี้ก็ไม่ต้องซื้อมา เอากลับคืนไป"
"ครับ"
ผมพยักหน้ารับมันมาถือแต่สายตามองไปที่บันได
มันไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนอีกแล้วใช่ไหม พี่ยิ้ม
ไม่มีวันเลยใช่ไหม..?
"เฮ้ย น้องตรงนั่นอ่ะ ไปนั่งอะไรคนเดียวมานี่เลย ออกมาๆ"
เสียงใสๆ ที่ดังลั่นจากโทรโข่งทำให้ผมที่แทบจะเคลิ้มหลับต้องลืมตาออกมาอย่างอดไม่ได้ ผมมองซ้ายมองขวาพบว่าเพื่อนมองมาที่ตัวเองและยิ้มแหยๆ เหมือนให้กำลังใจ
งั้นมันก็หมายถึงผมสินะ..?
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เซ็งๆ ยอมลุกขึ้นยืนออกไปโดนพี่ปีสองปู้ยี้ปู้ยำตามใจชอบซึ่งมันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับผมมาก ผมเบื่องานพวกนี้แต่ก็มาร่วมกิจกรรมเพราะขี้เกียจมีปัญหา
"จะหน้าบูดอะไรนักหนา ยิ้มหน่อยสิน้อง ชื่อก็ออกจากน่ารักนะครับ น้องแบร์"
ผมเหลือบมองพี่เตี้ยๆ ที่เอาแต่พูดพล่ามน่ารำคาญ
ชื่อยิ้มงั้นเหรอ..? ถึงได้เอาแต่ยิ้มโง่ๆ อยู่ได้ และตอนนี้มันก็ไม่ได้เรื่องอะไรให้น่ายิ้มสักนิด
"เอ้า ยังไม่ยิ้มอีก เฮียเอาไงกับมันดีครับ ลงโทษเลยไหม?"
มันจะอะไรนักหนาวะ
แค่มายืนผมก็อารมณ์บูดพอแล้วยังต้องมาโดนทำโทษอีก ผมเลยฉีกยิ้มโง่ๆ ตามที่พี่เตี้ยต้องการ มันเป็นยิ้มที่โครตเฟคและทุกคนก็ดูออกว่าผมยิ้มอย่างไม่เต็มใจ
พี่เตี้ยเดินมาหาผมครับแล้วยิ้มแป้นใส่ผมเหมือนทำเป็นตัวอย่างว่านี่ยิ้มที่มึงควรจะยิ้มนะ ไอ้น้องเวร
"โห่ มีอารมณ์ร่วมหน่อยดิ ทำหน้าสนุกๆ หน่อย หรือมันไม่สนุกตรงไหน"
ไม่สนุกทุกตรงนั่นแหละ
ผมกลอกตาหน่ายๆ แม่งดูยังไงว่าผมชอบกิจกรรมวะ
"เฮ้ย สมุน!" พี่เตี้ยหันไปตะโกนใส่พี่สตาฟที่นั่งกินน้ำแดงกันสบายใจเฉิบ "ขอแป้งหน่อย! ด่วนๆ อย่าอู้"
จะทำอะไรวะ?
ผมขมวดคิ้วแต่ไม่ถามไม่พูดอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวพูดไปแล้วขัดหูพี่เขา ผมจะซวยอีก แค่นี้ก็ซวยและน่าเบื่อมากพอละ ผมยืนมองพี่เตี้ยเทแป้งใส่มือแล้วรู้สึกเซ็งมากกว่าเดิม ทำไมผมจะไม่รู้ชะตากรรมตัวเองล่ะ นี่ต้องย่อให้พี่เขาปะแป้งให้ถนัดๆ ไหม แม่งเตี้ยเหลือเกิน ตอนเด็กไม่กินนมรึไงวะ
"เอ้า ก้มหน้าลงมาเร็ว ถ้ามึงไม่สนุกมึงก็ต้องสนุกนี่คือคำสั่งของพี่ปีสองที่มึงไม่สิทธิ์ขัดขืน ฮ่าๆ"
ผมย่อตัวลงอย่างอดไม่ได้ แม่งถ้าทีผมบ้างนะ จะเอาให้หน้าวอกจนแม่จำไม่ได้เลย
"หล่อนักก็โดนซะ หึหึ"
ผมหลับตาหยีรู้สึกถึงแป้งที่โดนปะเต็มหน้า อย่างแรกเลยแม่คงจำผมไม่ได้แน่ๆ แม่งแค้นไรผมนักหนาวะเนี่ย แค่นั่งหลับเอง ผมหน้างอหนักกว่าเดิม
เซ็งว่ะ แม่ง
"ไม่สนุกเหรอ" พี่เขาถามผมเสียงกระซิบแต่แป้งบนหน้าผมแม่งเยอะกว่าเดิม ย้อนแย้งนะ
"อืม เบื่อ" ผมตอบกลับเซ็งๆ และแป้งเข้าปากจนต้องเอามือมาปัดออก
"หึ" พี่เตี้ยหัวเราะเบาๆ แล้วผลักไหล่ผมออก "เสร็จละ แต่อย่าเพิ่งไปนะ มีไรให้ทำอีก"
ผมปัดแป้งออกจากตาแล้วลืมตาขึ้นมาเห็นทุกคนกลั้นขำพอผมถอนหายใจแม่งปล่อยฮากันเลย แม่งจากชื่อแบร์ต้องเป็นไอซ์แบร์แล้วมั้ง หมีขาวในเมืองไทย แม่งไม่ให้จะตลกตรงไหนเลย
"อ่ะ"
ผมมองพี่เตี้ยตาขวางสลับกับขวดแป้งที่ส่งมา อะไรจะให้ผมบีบใส่มือแล้วแปะหน้าตัวเองเหรอ แค่นี้ตลกไม่มากพอรึไงวะ ถ้าไม่พอใจสาดใส่ผมทั้งตัวเลยก็ได้นะ
"แปะหน้าพี่คืนไง เราจะได้สนุก"
แล้วพี่ยิ้มก็ยิ้มครับ ยิ้มโง่ๆ เหมือนเดิม
"ยินดีครับ" ผมแสยะยิ้มบีบขวดแป้งจนแป้งพุ่งออกมาผมก็เอาไปป้ายหน้าพี่เตี้ยครับ ป้ายแบบขาวยันคอ ผมหลุดหัวเราะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แต่โครตสะใจเลยที่พี่เตี้ยหน้าวอกจนยิ้มไม่ออก
"อ้าว ไม่ยิ้มแล้วเหรอครับ" ผมถามออกไปอย่างยียวน ชิบหาย สันดานเดิมโผล่ พี่ปีสองคนอื่นที่ได้ยินพอดีเริ่มไม่พอใจสาวเท้าเข้ามาเหมือนจะเอาเรื่องผมครับ แต่ผมกลัวไหม ก็ไม่
"เฮ้ยๆ ไม่เอาน่า อย่างน้อยน้องก็ยิ้มละ" แล้วพี่ยิ้มก็ยิ้มให้ผมครับ "ตอนนี้ล่ะ สนุกไหม?"
สงครามจิตวิทยาเหรอวะ..
ผมคืนขวดแป้งให้พี่เขา "อือ สนุกดี"
ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เพื่อเด็กที่เกลียดกิจกรรมอย่างผมเลยว่ะ
"ไปนั่งไป อย่าหลับอีก-- ฮัดชิ้ว!" พูดไม่ทันจบประโยคพี่เตี้ยก็จามจนแป้งฟุ้ง แม่งดูไปดูมาพี่แม่งเหมือนผีจูออนเลยว่ะ พอผมเทียบหน้าพี่เขากับผีในหัว ผมก็หลุดหัวเราะออกมา ผีบ้าอะไรเตี้ยชิบหายเลย
"ขำๆ รีบไปนั่งเลยไป!" พี่ยิ้มนี่ไม่ยิ้มเลยครับผลักไหล่ผม
"ครับๆ"
เอาจริงๆ มันก็ได้แย่นักเท่าไหร่ กิจกรรมที่ผมมองว่ามันน่าเบื่อมาตลอดเนี่ย
ผมกับพี่ยิ้มนี่เจอกันอีกหลายๆ ครั้งหลังจากจบรับน้อง ด้วยสันดานที่แย่เสมอต้นเสมอปลายของผม ทำให้ผมไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ เพื่อนก็มีนะแต่ผมชอบอยู่คนเดียวมากกว่า
แต่ไอ้พี่เตี้ยมันสมเพชผมมั้งเลยชอบลากผมไปเข้ากลุ่มด้วย ชอบลากไปกินข้าว ติวข้อสอบให้ บางทีก็ให้แนวผมมาหรือไม่ก็ชวนผมไปกินเหล้าและพี่แกก็เมาเละจนต้องหิ้วกลับหอผม
สุดท้ายไม่รู้เพราะความเมาหรืออะไรที่พี่แกหลุดปากออกมาว่าชอบผม เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่เพราะผมก็ไม่ได้โง่จนดูไม่ออก
แต่ก็นะผมว่าพี่เขายิ้มแล้วมันน่ารักดี พอสร่างเมาผมก็เลยถามเรื่องนี้อีกรอบพี่ยิ้มก็เขินจนหน้าแดงแล้วพยักหน้าให้ผมเขินๆ ผมก็เลยเออออไปตามนิสัยไม่ได้ปฏิเสธพี่แก หลังๆ มานี้พี่ยิ้มเลยติดผมเอามากๆ ตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา จนผมที่ตอนแรกเฉยๆ ก็เริ่มชอบพี่แกขึ้นมาแล้ว
ผมกับพี่ยิ้มคุยกันไปเรื่อยๆ และรู้ตัวอีกทีพี่ยิ้มก็กำลังจะไปฝึกงานคงต้องห่างกันสักพักใหญ่ๆ ผมก็ปล่อยเลยตามเลย ขอคบไปเลยเพราะสถานะเราตอนนี้มันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วเหลือแค่รอให้ใครพูดมันออกมาก็เท่านั้น พี่ยิ้มดีใจมากกระโดดกอดผมแล้วอ้อนไม่หยุด
แม่งโครตน่ารัก
"แบร์ๆ เสื้อคู่กัน!" พี่ยิ้มที่อายุอารามก็เกินสามสิบละกระโดดกอดผมจากด้านหลัง ผมที่เพิ่งตื่นมองพี่แกง่วงๆ แล้วหาวใส่
"ไอ้เสื้อหลายหมีปัญญาอ่อนนั่นน่ะเหรอ" ผมหน้าหงิกอารมณ์เสียแต่เช้าเลยวันนี้
มันเป็นเสื้อสีชมพูจ๋าลายหมีขาวกับหมีสีดำ มันก็น่ารักดีแต่ผมขี้เกียจใส่
"โห่ ใส่หน่อยเหอะน่า น่ารักออก"
ผมหาวอีกรอบแล้วเอียงกระทะไปมาพร้อมๆ กับเขี่ยหมูกับใบกระเพราในกระทะ"ไม่เอา เออ จะกินไข่ดาวหรือไข่เจียว"
"อยากใส่เสื้อคู่" พี่แกบ่นงุ้งงิ้งข้างหู
"ถ้าไม่ตอบผมจะไม่ทอดไข่นะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง ไอ้ใส่ก็ใส่ได้แต่อยากแกล้งมากกว่า
"ไข่ดาวๆ เอายางมะตูม ห้ามสุก"
"พี่ก็ไปอาบน้ำได้แล้วไป" ผมไล่คนที่ยังอยู่ในชุดนอนลายหมี ไม่รู้ว่ามีปมอะไรกับหมีมาก่อนรึเปล่า ถึงได้ใช้แต่ข้าวของที่เป็นรูปหมี อย่าให้พูดเลยครับ ผ้าปูที่น้องรองเท้าผ้าม่าน พี่แกเลือกแต่หมีหมีหมี หรือว่ารักผมมากวะถึงเอาแต่หมี ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีใจนะครับแต่มันก็แปลกๆ ไปหน่อย
"เปลี่ยนเรื่องว่ะ"
ผลั่ก
ผมหัวเราะเมื่อโดนต่อยหลัง "ทำไมอยากใส่ล่ะ ปกติไม่ใส่ก็ไม่เห็นบ่น"
"พี่ที่ทำงานเขาใส่คู่กัน โครตน่ารัก อยากใส่ดูบ้าง"
"อิจฉาว่างั้น"
"เออ อิจฉา ที่นี้ใส่ได้ยัง"
ผมยิ้ม พี่ยิ้มแม่งน่ารักไม่สมอายุเลยว่ะ
"ไม่ ปล่อยให้อิจฉาต่อไป"
ผลั่ก
"งั้นงอน"
ปล่อยหมัดฮุคใส่หลังผมอีกหมัดแล้วก็วิ่งไปอาบน้ำ แน่นอนว่ามันไม่ทำให้ผมสะเทือนเลยสักนิด
ผมเทกะเพราหมูที่ผัดเสร็จแล้วใส่จานแล้วล้างกระทะลวกๆ เพื่อที่จะทอดไข่ดาวยางมะตูมให้พี่แกกินต่อ พอทอดเสร็จผมก็ไปเดินเลียบๆ เคียบๆ แถวห้องน้ำและได้ยินเสียงบ่นงุ้งงิ้งจากในห้องน้ำ
"แค่ใส่เสื้อเองจะอะไรนักหนา เสื้อก็น่ารักจะตาย"
ผมกลั้นหัวเราะ ขำว่ะ
"เสื้อก็ไม่ใส่ ตุ๊กตาหมีก็ไม่เอา มีใครเยอะกว่ามึงไหมเนี่ย แบร์"
ไม่เอาน่า จะงอนอะไรขนาดนั้น
ผมขยับเข้าไปใกล้ประตูเตรียมจะเคาะ
"หรือว่าไม่รักเราวะ?"
เห้ย เริ่มดราม่าชิบหายละ
ผมรีบเคาะประตูปึงปัง "ผมได้ยินนะ! บ่นดังขนาดนี้จะให้ห้องข้างๆ รับรู้ความร้าวฉานด้วยรึไง"
"ยุ่ง!"
ผมขมวดคิ้วมุ่น "อย่างอนสิ ผมมาง้อแล้วไง เปิดประตูหน่อย"
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงเคาะประตูดังลั่นแต่มันไม่ใช่ของผมแต่เป็นจากโทรศัพท์ผมในครัว ผมมองมันสลับกับประตูอย่างลังเล
"โทรศัพท์ดังนิ ไปเหอะๆ พี่ไม่ได้งอน"
"งั้นเดี๋ยวผมมาแปปนึง" ผมถอนหายใจเซ็งๆ เอาจริงๆ นะผมอยากเข้าห้องน้ำไปง้อพี่แกมากเลยแต่เพราะผมเพิ่งส่งงานให้ลูกค้าไปเมื่อวานไงเลยค่อนข้างเป็นห่วงว่ามันจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า เพราะวันหยุดเช้าๆ แบบนี้คงไม่น่ามีใครโทรมากวน
"ไม่งอนจริงๆ นะ" ผมตะโกนเข้าไป
"เออ"
แม่งทำไมอยู่ๆ ผมก็รู้สึกหนักใจขนาดนี้วะ
"โอเค! ผมยอมใส่เสื้อคู่ละ"
ปัง!
ประตูห้องน้ำถูกกระชากให้เปิดและพี่ยิ้มก็โผล่หน้าออกมายิ้มแป้น "จริงนะ?"
โห นี่หน้าคนงอนผมเมื่อกี้เหรอวะ
"ผมไม่โกหกหรอก พี่ก็รีบอาบน้ำสักทีมัวแต่บ่นอยู่ได้"
ผมส่ายหัวขำๆ แล้วกลับเข้าครัวซึ่งไปรับโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นสายด่วนจากพี่ที่ทำงานเรียกตัวผมไปแก้งานด่วนๆ ตอนนี้เลยและเพราะมันเป็นงานใหญ่ผมเลยบิดพริ้วไปทำวันจันทร์ไม่ได้ นัดดูหนังกับพี่ยิ้มที่จะไปดูหนังพร้อมใส่เสื้อคู่กันวันนี้เลยเป็นอันยกเลิกไป
"เฮ้ย ไม่เป็นไร ไปดูอาทิตย์หน้าก็ได้"
พี่ยิ้มพูดขณะที่จัดเนคไทให้ผม
"ขอโทษ" ผมพูดด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ อาทิตย์หน้าหนังที่พี่ยิ้มอยากดูก็ออกโรงไปแล้ว หนังเกี่ยวกับหมีป่าเข้าเมืองอะไรสักอย่างที่แค่เทรลเลอร์หนังผมก็รู้สึกเบื่อละ แต่ถ้าพี่ยิ้มอยากดูผมก็อยากตามใจ
ผมแค่อยากเห็นพี่ยิ้ม 'ยิ้ม' มากกว่าเดิมเท่านั้นเอง
"รีบๆ กลับมาละกัน ห้ามดึกมากนะ"
"จะพยายาม"
ถ้าโดนสั่งแก้งานก็โดนแก้จนกว่าลูกค้าจะพอใจแหละครับ เอาแน่เอานอนกับเวลาไม่ได้
"อย่าทำหน้าหมีหงอยดิ" พี่ยิ้มยังคงยิ้ม
"ถ้าเหงาก็โทรมา เดี๋ยวผมจะแอบเข้าห้องน้ำไปคุย"
"อือ"
ผมก้มลงไปหอมพี่แกรอบนึงแล้วเดินออกห้องแต่พอจะปิดประตูผมก็อดมองพี่ยิ้มไม่ได้ ถึงพี่ยิ้มจะยิ้มให้ผมอยู่ก็เถอะแต่ผมก็เห็นความผิดหวังของพี่แกอยู่
"ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น ไม่ทันจริงๆ ก็ดูเถื่อนด้วยกันก็ได้"
เป็นวิธีแก้ที่คนสร้างหนังอยากร้องไห้มากครับ
"ผมจะรีบกลับมา"
ผมปิดประตูแล้วสูดหายใจลึก
ทำงานก่อน ไอ้แบร์
ระหว่างที่ผมยุ่งจนหัวปั่นกับการแก้งานซ้ำซากอยู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตอนแรกว่าจะกดตัดสายแต่พอเห็นว่าเป็นพี่ยิ้มผมรีบไปหลบในห้องน้ำแล้วกดรับ
"ครับ พี่ยิ้ม"
"แบร์ มึงรีบมาโรงพยาบาลเลย! ยิ้มแม่งโดนรถเฉี่ยว"
แต่เสียงที่ดังเข้ามากลับเป็นเสียงเพื่อนพี่ยิ้ม ผมแทบทำโทรศัพท์หลุดมือตะคอกถามกลับเสียงดัง
"พี่ยิ้มเป็นอะไรมากไหม!! บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า อยู่โรงพยาบาลไหน!!"
ผมวิ่งกลับไปที่ทำงานเพื่อขอลางาน ถึงจะรู้ว่ามันผิดแต่พี่เขาก็เข้าใจยอมปล่อยผมที่สติแตกไปแล้วไปหาพี่ยิ้มที่โรงพยาบาลแถวคอนโดที่ผมอยู่
ผมจำไม่ได้ว่าพาตัวเองมาถึงห้องที่พี่ยิ้มนอนอยู่ได้ไง ผมกระชากประตูให้เปิดแล้วถลาไปหาพี่ยิ้มที่นอนอยู่บนเตียง กลิ่นโรงพยาบาลทำให้ผมอึดอัดและรู้สึกกลัวจนอยากร้องไห้
"พี่ยิ้มเป็นไงบ้าง" ผมพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นเพราะพี่ยิ้มมีผ้าพันแผลพันหัวพันตัวเต็มไปหมดไหนจะสายน้ำเกลือที่เจาะเข้ากับแขนบางๆ นั่นอีก พี่ยิ้มเกลียดโรงพยาบาลจะตาย ขืนตื่นมาคงต้องโวยวายแน่ๆ
เพื่อนพี่ยิ้มที่ผมจำชื่อไม่ได้ยิ้มให้ผม "แผลถลอกนิดหน่อยว่ะ แต่หัวแม่งฟาดพื้น หมอบอกต้องนอนดูอาการก่อน"
ผมขบกรามกรอด "คู่กรณีล่ะ? มันอยู่ไหน!!!"
"เฮ้ย ใจเย็นๆ เขารับผิดชอบค่าเสียหายให้"
"แม่ง" ผมสบถพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง "เกิดอะไรขึ้น"
"ก็ไอ้ยิ้มมันเหงามันเลยให้พี่มารับที่คอนโดแต่มันขอแวะเซเว่นก่อน พี่ก็เลยจอดรอพอมันจะข้ามกลับมาหารถ รถเขาแม่งฝ่าไฟแดงมาเฉี่ยวโดนพอดี เขาไม่ได้หนี มึงใจเย็นๆ แบร์ ไอ้ยิ้มมันอึดมันไม่เป็นอะไรหรอก"
ผมยืนตัวชาตั้งแต่คำว่าเหงาแล้ว
แม่ง..
"ผมขอเข้าห้องน้ำ แปปนะพี่"
ผมเปิดน้ำอ่างล้างหน้าแล้ววักมันขึ้นมาล้างหน้าตัวเอง
ผมโกรธตัวเองว่ะ
ผมโทรลางานแล้วมานอนเฝ้าพี่ยิ้มอยู่ได้อาทิตย์นึงพี่ยิ้มก็ฟื้นขึ้นมา
"อืออ"
ผมดีใจมากจนลืมไปเลยว่าต้องตามหมอหรือพยาบาล ลืมทุกอย่างในหัวผมมีแค่พี่ยิ้มเท่านั้น
"พี่ยิ้ม"
พี่ยิ้มค่อยๆ ลืมตาขึ้นมากระพริบตาปริบสองสามครั้งก่อนที่จะมองเห็นผม ผมฉีกยิ้มโครตดีใจให้พี่ยิ้ม
"ใคร..?"
"อย่ามาเล่นมุขนี้สิ มันไม่ตลกนะ" ผมรวบมือพี่ยิ้มขึ้นมาจับ "นอนหรือซ้อมตายวะ ถามจริง หรืองอนผมก็เลยแกล้งนอนนานๆ"
พี่ยิ้มยังคงทำหน้างงใส่ผมถามเสียงแหบแห้ง
"คุณเป็นใคร"
"พี่ ผมไม่ตลกนะ"
"ใคร..?"
ผมเริ่มยิ้มไม่ออก "พี่ยิ้ม.. ผมแบร์ไง"
พี่ยิ้มขมวดคิ้วใส่ผมเหมือนไม่พอใจและพอมองรอบๆ ตัวก็สะดุ้งเฮือก ผมรีบกระชับมือพี่ยิ้มแน่น
"ผมอยู่นี่พี่ไม่ต้องกลัว มันไม่มีอะไรหรอก"
น่าแปลกที่พี่ยิ้มมองผมอย่างหวาดระแวงและพยายามแกะมือผมออกด้วย
ก็อกๆ
"ขอเข้าไปนะคะ อ้าว คนไข้ฟื้นแล้วเหรอคะ!"
ผมได้ยินเสียงพยาบาลรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวรอบตัวแต่ผมคิดอะไรไม่ออก ผมปล่อยมือจากพี่ยิ้มออกมานั่งตรงโซฟาคนไข้ ผมเห็นหมอเห็นพยาบาลมารุมพี่ยิ้มแต่ผมไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แม้แต่หมอที่พยายามคุยกับผมผมยังฟังไม่รู้เรื่องเลย
แปะ..
ผมก้มมองขาตัวเองอึ้งๆ
ผมร้องไห้?
พอผมรู้ตัวว่าตัวเองร้องไห้ผมก็ยกมือขึ้นมาปิดหน้าสะอื้นจนตัวโยน
ผมควรจะทำยังไง..?
ผลสรุปออกมาคือพี่ยิ้มจำเรื่องผมไม่ได้เลย ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว พอพ่อแม่พี่ยิ้มรู้ข่าวก็เอาตัวพี่ยิ้มกลับไปดูแลที่บ้านและขนข้าวของพี่ยิ้มในคอนโดผมไปด้วยจนหมด
เหลือแค่เสื้อคู่ที่พี่ยิ้มซื้อมาแต่ผมไม่ได้ใส่
เหลือแค่หนังเรื่องหมีโง่นั่นที่ผมไม่ได้ดู
เหลือแค่ผมที่นั่งกินข้าวคนเดียว
เหลือแค่ความทรงจำ
ที่มีแค่ผมที่จำได้แค่คนเดียว...
บอกตามตรงนะ ผมแทบจะกลายเป็นบ้า ผมร้องไห้ไม่หยุด ความรักของผมกับพี่ยิ้มที่ผ่านมาคือผมกับพี่เขาสู้มาด้วยกันเพราะพ่อแม่พี่เขาไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้เหลือแค่ผมที่สู้เพียงคนเดียวกับอีกคนที่จำอะไรไม่ได้เลย
ผมแทบหาโอกาสฟื้นความทรงจำพี่ยิ้มไม่ได้ด้วยซ้ำ พ่อแม่พี่ยิ้มเอาพวกที่เกี่ยวกับหมีนั่นไปทิ้งจนหมด ผมเพิ่งรู้หลังจากที่เห็นรถขนของพวกนั้นตัดหน้าผมไปตอนที่่ำลังจะเข้าไปในบ้าน
มันเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหม..?
พี่ยิ้ม
"จะหน้าบูดอะไรนักหนา ยิ้มหน่อยสิน้อง ชื่อก็ออกจากน่ารักนะครับ น้องแบร์"
อยู่ๆ เสียงพี่ยิ้มดังแว่วในหัว มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้วแต่ผมยังจำมันได้ขึ้นใจ
"พี่.. ผมยิ้มแล้ว" ผมครวญครางหน้ากระจกเห็นตัวเองยิ้มทั้งๆ น้ำตาอาบแก้ม "แล้วทำไมพี่จำผมไม่ได้ล่ะ"
ผมร้องไห้จนตัวโยน
ผมคิดถึงพี่
"มานอนอะไรตรงนี้ ไอ้หมีขี้เกียจ"
"อืออ นอนรอพี่นั่นแหละ" ผมบ่นงึมงำแล้วสะดุ้งเฮือก
เสียงพี่ยิ้ม!
ผมรีบลืมตาขึ้นมาก็เห็นพี่ยิ้มกำลังนั่งยองๆ ยิ้มจนตาหยีให้ผม "พี่จำผมได้แล้วเหรอ"
พี่ยิ้มหัวเราะแล้วลูบหัวผม "ใครมันจะไปลืมลงล่ะ ไอซ์แบร์อย่างนี้มีตัวเดียวในโลก"
ผมรีบหยัดตัวขึ้นนั่งแล้วดึงพี่ยิ้มมากอดแน่น ผมฝังหน้าลงไปในซอกคอแล้วร้องไห้จนตัวโยน "พี่.. พี่จำผมได้แล้วใช่ไหม พี่ไม่ได้โกหกผมใช่ไหม"
ผมกำลังจะเป็นบ้าอยู่แล้ว... พี่อย่าหลอกผมเลย
"ก็บอกว่าใครจะไปลืมลง" พี่ยิ้มลูบหลังผมเบาๆ
ผมยิ้มกว้างกอดพี่ยิ้มแน่น
ปัง!!!
"เฮ้ย ไอ้แบร์มึงตายยังวะ กูมาดูอาการมึงเนี่ย"
ผมสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่บนเตียง
งั้นเมื่อกี้มันก็เป็นความฝันสินะ..
ผมคู้ตัวกอดตัวเองแน่น
แม่งเป็นฝันที่เหี้ยที่สุดเลยว่ะ
ผมยังคงใช้ชีวิตไปกับความหวังลมๆ แล้งๆ ด้วยสภาพที่ไม่ต่างอะไรไปกับซากศพ ผมมองส่วนไหนในห้องความทรงจำระหว่างพี่ยิ้มก็ผุดขึ้นมาในหัวเรื่อยๆ จนเผลอน้ำตาไหลทุกครั้ง
ถึงพ่อแม่พี่ยิ้มจะขนมันทิ้งหรือทำอะไรก็ตาม แต่ความทรงจำมันไม่เคยหายไป ไม่เคยเลยแม้แต่นิดเดียว..
ถ้าผมรู้ว่าสุดท้ายทุกอย่างมันจะกลายเป็นแบบนี้ ผมจะทำทุกอย่างที่พี่ยิ้มต้องการ จะขึ้นเหนือล่องใต้เอาดาวเอาเดือนผมก็จะเอามันมาให้ได้
ผมโกรธคนที่ขับเฉี่ยวพี่ยิ้มนะแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากโกรธ ต่อให้ผมฆ่าเขาพี่ยิ้มก็ไม่กลับมาอยู่ดี
ผมกำลังจะเป็นบ้าหนักกว่าเดิมเมื่อพ่อแม่พี่ยิ้มหาผู้หญิงจากไหนไม่รู้มาให้พี่ยิ้มและพี่ยิ้มยังคุยกับเขาด้วย นอกจากจะไม่ให้โอกาสผมแล้วยังฆ่าผมทั้งเป็นอีก
มันเป็นความเจ็บปวดซ้ำซ้อน ผมเคยร้องไห้หนักตอนพ่อแม่เสียมาแล้วแต่ตอนนี้มันก็ไม่ต่างกัน ผมกำลังจะเสียพี่ยิ้มไปแล้ว ผมกำลังจะเสียเขาแล้ว..
ผมจะไม่เหลืออะไรแล้วใช่ไหม
"ผมไม่มีสิทธิ์เลยเหรอ" ผมสะอื้นฮักถามแม่พี่ยิ้มในโทรศัพท์ ไม่แน่ใจว่าเพราะแอลกอฮอล์ในเลือดหรือความบ้าดีเดือดของผมที่ทำให้ผมกล้าโทรหาแม่พี่ยิ้ม "ผมรักพี่ยิ้ม คุณให้โอกาสผมเลยไม่ได้เหรอ"
"น่าขยะแขยง"
ผมจุกจนพูดอะไรไม่ออกทุกอย่างมันพรั่งพรูเต็มหัวแต่ผมเลือกที่จะไม่พูดมัน ผมยังสุภาพพอที่จะไปถอนหงอกแม่พี่ยิ้ม
"...ผมก็แค่รักลูกคุณเท่านั้นเอง"
ผมพูดเสียงเบาแล้วกดวางและทิ้งตัวใส่เตียงท่ามกลางขวดเหล้ามากมายที่ผมซื้อมากินย้อมใจ ผมเคยงดเหล้างดบุหรี่ไปแล้วเพราะพี่ยิ้มไม่ชอบ แต่ตอนนี้ผมกลับมาทำทุกอย่าง
ผมจะไม่ไหวแล้ว..
กลับมาสักทีเถอะ พี่ยิ้ม
ผมพยายามแล้วพยายามทุกอย่าง ผมตื่นแต่เช้าไปดักรอหน้าบ้านพี่ยิ้มเพื่อไปส่งและอาสาที่จะรับกลับบ้านแต่พี่ยิ้มก็มารยาทดีมาแต่ไหนแต่ไรเลยปฏิเสธผมทุกอย่าง ผมเลยได้แต่ตามดูอยู่ห่างๆ
เพื่อนพี่ยิ้มสงสารผมก็พยายามเปรยๆ เอารูปคู่ที่เคยถ่ายไปให้ดูแต่พี่ยิ้มก็ยิ้มแล้วบอกตัดต่อเนียนดี พี่ยิ้มไม่เชื่อว่าตัวเองเคยรักผม
พี่ยิ้มไม่เชื่อ..
"แล้วผมยังจะเชื่อพี่ได้ไหม"
ความเจ็บปวดทำให้ผู้คนบ้าคลั่งและผมก็คงเป็นหนึ่งในนั้น ผมเจ็บจนชาด้านอยู่หลายเดือนจนในที่สุดผมก็เริ่มที่จะชินกับความเจ็บปวด ผมร้องไห้แต่มันเจ็บน้อยลง
ในที่สุดผมก็เริ่มชินกับมัน ทั้งๆ ที่ไม่ต้องการสักนิด
แต่อย่างน้อยในเรื่องเลวร้ายบัดซบก็มีเรื่องดี เพราะเรื่องนี้ทำให้ผมรู้ว่ามีคนหวังดีกับผมเยอะกว่าที่ผมคิดมาก ทั้งเพื่อนผมและเพื่อนพี่ยิ้มพอรู้ข่าวก็โทรมาให้กำลังใจผม ไม่ก็พาผมไประบายหรือดูอาการผมที่จะตายแหล่ไม่ตายแหล่
ผมขอบคุณพวกเขามากที่ดีกับคนสันดานแย่ๆ อย่างผม
และไม่น่าเชื่อที่จะมีวันนึงที่พวกเขาจะทำสิ่งนี้ให้ผม
"เฮ้ย ไอ้ยิ้มมึงไปยืนตรงนั้นดิวะ ที่ประจำมึงอ่ะ ที่เคยว้ากน้องอ่ะ"
สงสัยสภาพผมคงจะแย่จัด พวกพี่และเพื่อนผมพยายามสร้างเหตุการณ์นั้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เหตุการณ์ที่ผมกับพี่ยิ้มเจอกันและรู้จักกันครั้งแรก
"โหย มันก็นานล่ะอ่ะ ลืมไปหมดละ"
ผมเม้มปากแน่นขณะที่ยืนรวมกับน้องปีหนึ่งปีนี้ ผมไม่รู้ว่าน้องเขาเต็มใจกันรึเปล่าแต่ผมขอบคุณพวกน้องมากที่ยอมสละเวลามาทำให้ผม
ผมสวดภาวนาในใจ ผมแกล้งนั่งหลังข้างหลังในชุดศึกษาเรียบร้อย ผมทำตัวเองให้เหมือนวันนั้นมากที่สุด แต่ผมทำใจให้เบื่อกิจกรรมนี้ไม่ได้
ผมกำลังกลัวความผิดหวังจนแทบจะร้องไห้
พี่ยิ้มจะจำได้ไหม..?
"เฮ้ย น้องตรงนั่นอ่ะ ไปนั่งอะไรคนเดียวมานี่เลย ออกมาๆ"
ผมสะดุ้งเฮือกลืมตามองพี่ยิ้ม
พี่ยิ้มยิ้มน่ารักเหมือนวันนั้นในมือถือโทรโข่งถึงพี่ยิ้มจะสวมชุดลำลองธรรมดาแต่ผมก็เห็นภาพอีกภาพที่พี่ยิ้มสวมชุดนักศึกษาเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผมพยายามทำให้ตัวเองหน้าบูดแต่ผมทำไม่ได้
ผมกำลังดีใจจนแทบบ้า ผมยิ้มกว้าง ผมแทบจะถลาเข้าไปหาพี่ยิ้ม
พี่ยิ้มดูงุนงงกับตัวเองนิดๆ ก่อนที่จะครางหนักๆ ลงไปนั่งยองๆ กุมหัวบนพื้น
"พี่ยิ้ม! พี่เป็นอะไรไหม"
ผมวิ่งไปหาพี่ยิ้มถามอย่างเป็นห่วงแต่พี่ยิ้มไม่ตอบเอาแต่กุมหัวตัวเองกัดฟันกรอดๆ
"..ปวดหัว"
ไม่ต้องรอให้ใครสั่งผมรวบตัวพี่ยิ้มขึ้นมาอุ้มแล้วออกแรงวิ่ง
พี่จะจำผมได้แล้วใช่ไหม..?
ผมพาพี่ยิ้มไปโรงพยาบาลเดิมไม่รู้เพราะบังเอิญหรืออะไรที่ได้หมอคนเดิมมาดูแลด้วย หมอส่งยิ้มจางๆ ให้ผมที่นั่งตัวสั่นแบบที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ เอาเข้าจริงผมว่าควรจะเป็นผมมากกว่าที่ต้องเข้ารับการรักษาเนี่ย
"กูว่าพี่ยิ้มต้องจำได้"
เพื่อนผมทรุดตัวนั่งข้างๆ ผมแล้วแตะไหล่ผม "มึงเชื่อพี่เขาหน่อยดิวะ เขารักมึงจะตายห่า"
"กูเชื่อจนกูเชื่อไม่ไหวแล้วว่ะ"
บางทีผมก็เหนื่อย ผมเจ็บจนแทบทนไม่ไหวตอนที่พี่ยิ้มหลบหน้าผม
ผมยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองที่น้ำตาไหลออกมาช้าๆ
"ถ้าครั้งนี้ยังจำไม่ได้อีก กูว่ากูจะพอแล้วว่ะ"
ผมขอโทษ พี่ยิ้ม
ผม 'ยิ้ม' ไม่ไหวแล้ว
"เฮ้ย พี่ยิ้มฟื้นแล้วๆ ไปดูเร็ว"
มันเรียกผมพร้อมลากผมที่ผอมลงมากปลิวตามมามัน ผมเคยมีหุ่นหมีตามชื่อนะตอนนี้คงไม่ต่างจากหมีขาดสารอาหารที่ใกล้ตายเต็มทน
ผมพยายามทรงตัวยืนให้อยู่พยายามไม่สั่นตอนที่พี่ยิ้มส่งเสียงครางหนักๆ ในลำคอและกำลังจะลืมตาขึ้นมา
"ฮึก"
ผมสะอื้นออกมาอย่างไม่ปิดบังตัวสั่นจนเพื่อนตกใจ
"ผมจะบ้าแล้วนะ พี่ยิ้ม.."
ผมพูดเสียงพร่า
"ผมไม่ไหวแล้ว.."
ผมจับขอบเตียงไว้เริ่มยืนไม่อยู่ดวงตาก็พร่ามัวด้วยน้ำตาจนมองไม่เห็นว่าพี่ยิ้มมองผมอยู่รึเปล่า
"ยิ้มสิ แบร์"
มือเล็กๆ รวบมือผมไปจับแน่น
"ไม่สนุกเลยเนอะ"
ผมมองมันอย่างไม่เชื่อสายตาผมปาดน้ำตาออกลวกๆ พอเห็นพี่ยิ้มยิ้มให้ผม ผมก็ปล่อยโฮโถมตัวกอดพี่ยิ้มแน่น พี่ยิ้มลูบหลังผมที่ร้องไห้ไม่ต่างจากเด็ก
"พี่ขอโทษ.." พี่ยิ้มพูดเสียงเครือ
"ไม่เป็นไร พี่ ผมไม่เป็นไร"
แค่พี่จำผมได้ ผมก็พอใจแล้ว..
"เรามาเริ่มต้นด้วยกันใหม่นะ" พี่ยิ้มเริ่มสะอื้นตามผม "ขอโทษ.. ที่พ่อแม่พี่เอามันไปทิ้งหมดแล้ว"
"ซื้อใหม่ก็ได้พี่ ผมรวย"
ผมพยายามหัวเราะแต่เสียงที่ออกมามันฝาดเฝื่อนเต็มทน
"กลับบ้านเรากันเถอะนะ"
"อืม.."
พูดจบเราสองคนกอดกันแน่น
และหวังว่าจะไม่มีอะไรมาทำร้ายเราอีก..
END
----------------
เรื่องสั้นเรื่องนี้แรงบันดาลใจจากการไล่ดูนัตซึเมะครบทุกภาคค่ะ 5555 อยากเขียนอารมณ์เศร้าๆ หม่นๆ ดูบ้าง
แวะไปเล่นที่ #เสื่อมรัก
กันด้ายย