#11
เช้าวันที่สามหลังจากที่กลับมาดินแดนมนุษย์ ผมก็ทำตัวตามเดิมครับ อยู่แบบว่างๆไปเรื่อยๆ จนช่วงสายๆที่คิดอยากจะจิบน้ำชายามว่างแบบนี้บ้างเหมือนทุกวัน ผมออกมาที่สวนใกล้ที่พัก มีพี่สาวหลายคนนำของว่างกับชามาวางไว้ให้ก่อนจะถอยหลบออกไปด้านหลัง
“นายท่าน ข้ามีเรื่องรายงานขอรับ” เสียงของสายลมดังขึ้นตัดกับความเงียบรอบตัวของผม
“ว่ามาได้เลยครับ” ผมตอบรับด้วยเวทย์ลมเพื่อกันไม่ให้ผู้อื่นได้ยินเรื่องที่จะคุยกัน
“ชายที่ท่านให้ข้าติดตามมีชื่อว่า อับรา ฮาดัส ดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมการคลังของดินแดนนี้อยู่ขอรับ และจากการที่ติดตามทำให้ได้รู้แผนการที่วางไว้เพิ่มเติม เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการลงมือขอรับนายท่าน”
“แผนที่จะใช้วันงานหรอครับ เป็นแบบไหนกันครับ”
“ใช่แล้วขอรับนายท่านเป็นแผนที่จะทำเมื่อเริ่มงานสืบทอดตำแหน่งขององค์รัชทายาทขอรับ สายลมได้ยินมาว่าพวกนั้นจับสัตว์อสูรไว้ได้ก่อนจะใช่เครื่องมืออะไรสักอย่างที่ทำให้พวกสัตว์เหล่านั้นคลุ้มคลั่งแล้วสร้างความเสียหายแก่เป้าหมายที่วางไว้ จากที่ได้ยินมาเห็นว่าครั้งนี้จะโจมตีหมู่บ้านทางชายแดนเพื่อสวมรอยว่าการกระทำนี้เป็นทางดินแดนปีศาจที่ส่งสัตว์ปีศาจเหล่านี้มาทำลายขอรับนายท่าน”
“สวมรอยหรอครับ เลวมากเลยที่ทำแบบนี้ พวกเขาทำไมไม่คิดถึงคนอื่นพวกผู้บริสุทธิ์บ้างเลยหรือไงครับ จะต้องนองเลือดอีกนานขนาดไหนกันถึงจะพอใจ”
“นายท่าน อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลยขอรับ สายลมคิดว่าเราน่าจะมีวิธีการช่วยเหลือได้นะขอรับ”
“วิธีหรือครับ ทำยังไงกันครับคุณสายลม”
“ดิฉันขอโทษที่ขัดจังหวะเจ้าค่ะนายท่าน แต่ดิฉันคิดว่าเราเข้าไปช่วยเหลือพวกสัตว์ปีศาจเหล่านั้นส่งคืนที่อยู่ก่อนที่คนพวกนั้นจะลงมือดีหรือไม่เจ้าคะ นายท่าน”
“เสียงใครกัน” ผมมองหาเสียงที่แทรกเข้ามาเมื่อผมกำลังคุยกับคุณสายลม มีคนนอกได้ยินแบบนี้จะเกิดเรื่องไหมนะ
“ดิฉันเป็นเวทย์ไม้เจ้าค่ะนายท่าน เป็นสายดอกไม้เจ้าค่ะ ผู้ติดต่อกับดิฉันได้ต้องมีเวทย์ไม้ชั้นสูงเท่านั้นและดิฉันเลือกที่จะเคารพนายท่านผู้ช่วยเหลือพวกดิฉันเพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”
“เวทย์ไม้หรือครับ ผมใช้ตอนไหนกันครับเนี่ย”
“เพียงแค่ท่านตื่นขึ้นมาก็สามารถสื่อสารกับพวกเราเหล่าเวทย์ธรรมชาติได้ทันทีแล้วเจ้าค่ะ”
“จะมหัศจรรย์เกินไปแล้วนะครับ พลังเวทย์ของผมเนี่ยครับ”
“เพราะท่านคือผู้ปกป้องและเป็นบุตรของท่านผู้สร้างอย่างไรเล่าขอรับนายท่าน”
“อ่า ช่างเรื่องพลังของผมก่อนละกันนะครับไว้คุยกันใหม่ทีหลัง แต่ตอนนี้ที่คุณดอกไม้บอกมาว่าให้ไปช่วยสัตว์พวกนั้น เราจะทำได้หรอครับ ผมไม่รู้วิธีสื่อสารด้วยนะครับ”
“นายท่านสามารถพูดคุยกับเหล่าสัตว์ปีศาจได้เหมือนกับที่ท่านพูดคุยกับเหล่าสัตว์อสูรในป่าต้องห้ามเลยเจ้าค่ะ”
“แล้วแหล่งกบดานของเหล่าสัตว์ปีศาจละครับ คุณสายลมกับคุณดอกไม้พอจะรู้ไหมครับ”
“สายลมจะนำทางท่านเองขอรับ”
“ดิฉันจะคอยช่วยเหลือท่านเองเจ้าค่ะ”
“งั้นพวกเราไปกันเลยนะครับ” ผมหันมองรอบตัวก่อนจะเจอพี่สาวบางคนที่หันมามองทางผมพอดี
“ผมขอเวลาไปทำธุระ ถ้าเสร็จแล้วจะรีบกลับมานะครับ”
“เอ๊ะ” ไม่รอฟังคำตอบก็วิ่งออกจากที่ตรงนั้นไปตามทางที่คุณสายลมบอกมา
ลัดเลาะออกมาจากพระราชวังหลบหลีกทหารยามจนมาถึงแนวป่าที่มีบ้านอยู่เพียงไม่กี่หลังและดูเหมือนยิ่งเดินจะยิ่งห่างจากบ้านอื่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงท้ายหมู่บ้านแห่งนี้ที่มีเพียงกระท่องหลังเล็กตั้งอยู่ดูไม่น่าสงสัยแต่กลับมีเวทย์บางอย่างคลุมบ้านหลังนี้เอาไว้ ถ้าไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์ก็คงจะมองไม่เห็นม่านพลังแบบนี้แน่นอน
“เราจะเข้าไปอย่างไรดีขอรับ”
“ผมจะลบตัวตนแอบเข้าไปก่อนแล้วจัดการกางพลังเวทย์ซ้อนอีกชั้นกันอีกฝ่ายรู้ตัวดีไหมครับคุณสายลม”
“เป็นแผนการที่ดีมากขอรับนายท่าน” ผมจัดการตามที่พูดด้วยการร่ายเวทย์ลบตัวตนหนึ่งในเวทย์มืดก่อนจะเดินเข้าไปแบบที่เวรยามสองคนไม่สามารถรู้สึกถึงผมได้
เมื่อเข้ามาด้านในกลับไม่ใช่กระท่อมธรรมดาเหมือนสภาพด้านนอก ภายในเป็นห้องขังสัตว์ปีศาจมากมายหลายสิบห้อง การบิดเบือนห้วงมิติเพื่อขยายช่องว่างระหว่างมิติเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในสิ่งนั้นๆที่ต้องการ
มันเป็นการรวมกันระหว่างเวทย์ตรงข้ามสองเวทย์คือเวทย์แสงกับมืดเพื่อบิดเบือนแสงจนเกิดการหักเหและเปิดมิติออกจากการบิดเบือนนั้น มันอาจจะฟังดูง่ายแต่วิธียากเพราะไม่มีใครที่จะสามารถใช้เวทย์แสงและมืดขั้นกลางในคนเดียวได้แถมยังหาคนที่ใช้เวทย์แสงและมืดสองคนที่อยู่ขั้นกลางแบบนี้อีก
แปลว่ากลุ่มนี้ต้องมีคนจากดินแดนผมเกี่ยวข้องแน่นอน แต่บางทีเด็กสิบสามขวบแบบผมก็ไม่น่าจะมาคิดเรื่องยุ่งยากแบบนี้หรือเปล่าครับ เสียสมาธิหมด
“ชูว์ อย่าพึ่งรีบส่งเสียกันนะครับ ผมมาช่วยพวกคุณนะครับ” เมื่อกางม่านพลังซ้อนทับเสร็จผมก็ปลดเวทย์ลบตัวตนออกเมื่อสัตว์ปีศาจที่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาก็เตรียมขู่แต่ผมรีบห้ามไว้และดูเหมือนพวกสัตว์เหล่านั้นจะตกใจที่ผมพูดคุยกับพวกเขาได้
“เจ้าเป็นใครกับเด็กน้อย” สัตว์ปีศาจที่อยู่ลึกด้านในส่งเสียงถามมาด้วยพลังเวทย์ของเผ่าปีศาจ
“ผมชื่อราสเต้ครับ เป็นพ่อมดฝึกหัดจากอาณาจักรอิลเทียร์ครับ ที่ผมสื่อสารกับพวกคุณได้เพราะปกติผมสื่อสารกับคุณสัตว์อสูรในป่าต้องห้ามบ่อยๆครับ”
“เจ้าพูดคุยกับเหล่าสัตว์อสูรได้หรือ ไม่สิเจ้าเข้าไปในป่าต้องห้ามได้อย่างไรกันพ่อมดน้อย” สัตว์ปีศาจที่ทำท่าจะขู่ผมก่อนหน้านี้รีบถาม
“ทำไมจะไม่ได้ละครับ ก็มันเป็นที่ของผมนี่ครับ จริงไหม”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ นายท่าน” เสียงตอบรับจากลูกไฟเวทย์ที่ปรากฏขึ้นรอบกายของผมเพื่อยืนยันสถานะของตัวเอง
“นายท่าน” เหล่าสัตว์ปีศาจต่างก้มตัวลงเพื่อเคารพผมเหมือนเมื่ออดีตกาล
“ตอนนี้ผมเป็นเพียงแค่พ่อมดฝึกหัดเท่านั้นและที่สำคัญผมไม่มีเวทย์มนต์นะครับทุกท่าน เอาละเอาไว้เราค่อยมาคุยกันต่อไป ตอนนี้ผมว่าเรารีบออกไปกันก่อนเถอะครับ”
“พวกเราไม่สามารถออกไปจากห้วงมิตินี้ได้เลยขอรับนายท่าน มันทรมานเมื่อพยายามหนีออกไป” สัตว์ปีศาจนกบอกถึงความพยายามที่จะหนีออกไปจากที่นี่
“ผมจะพาทุกคนออกไปเอง สัมผัสตัวของแต่ละคนไว้นะครับ” เหล่าสัตว์ปีศาจต่างทยอยออกมาจากกรงขังหลังจากที่ผมส่งเวทย์ไฟไปตัดโซ่พวกนั้นที่คล้องไว้ออก
“พร้อมกันรึยังครับ”
“พร้อมแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ”
“งั้นหลับตาและจับกันไว้แน่นๆนะครับเพราะถ้าตกหล่นระหว่างทางผมตามกลับไม่ได้นะครับ” เมื่อทุกคนหลับตาแล้วผมจึงใช้เวทย์ห้วงเวลาเพื่อพาทุกคนวาร์ปไปที่ป่าต้องห้ามทันที
เมื่อผมจากมาม่านพลังที่ถูกผมปลดหลังจากออกมาก็สลายแต่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปด้วยความปกติเหมือนเดิม
“อัก”
“นายท่าน” เสียงของเหล่าสัตว์ปีศาจและอสูรต่างร้องออกมาด้วยความตกใจที่เห็นว่าผมกระอักเลือดออกมาแล้วทรุดตัวลงนั่งพิงต้นคุณทรีมอสที่ส่งเสียงห่วงใยมาให้ผมเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน
“พักก่อนเถอะครับนายท่าน ท่านฝืนใช้พลังจนร่างกายใหม่นี้เกินจะรับไหวแล้วขอรับ ท่านจงอย่าลืมว่าตอนนี้ถึงท่านจะมีพลังเวทย์เทียบเท่ากาลก่อน แต่ร่างกายของท่านในตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้นนะครับ”
“ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปหน่อยคุณทรีมอส อย่าห่วงเลยครับต่อไปผมจะระวังมากกว่านี้แน่นอน ผมขอพักสักหน่อยนะครับ รบกวนปลุกก่อนเวลาเย็นด้วยนะครับ”
“ได้ครับนายท่าน” สิ้นเสียงตอบรับจากคุณทรีมอส ผมก็ปิดประสาทการรับรู้ทันทีเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์และร่างกาย
เมื่อร่างบางปิดตาหลับไปก็เกิดแสงสีขาวจากเวทย์รักษาทำงานทันทีเพื่อซ่อมแซมและดูแลร่างกายของตัวเองพร้อมกับที่ไอเวทย์สีฟ้าจางจะวนเวียนรอบด้านเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ที่เสียไป
เหล่าสิ่งมีชีวิตรอบๆต่างจดจ้องมองมาที่ร่างบางตรงหน้าด้วยความรักและเทิดทูนที่นายท่านของพวกมันยังคงเสียสละตนเองเพื่อพวกมันเสมอมาแม้ว่าจะเจ็บปวดตนเพียงใดก็ตาม
“ไม่ว่าตอนจากนี้จะเกิดสิ่งใดต่อไป ข้าจะคอยยืนหยัดอยู่เคียงข้างกายของท่านตลอดกาล นายท่านแห่งข้า”
“พวกข้าด้วย” สิ้นเสียงก็ต่างพากันก้มตัวทำความเคารพแม้ร่างบางจะไม่ได้เห็นและได้ยินคำสัตย์สาบานของพวกตนก็ตาม
TBC.