- ดื่มครั้งที่ 29 -
ผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้วที่ผมกับพี่จีบคบกันมาเรามีความสุขกันดีไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันเลยสักครั้ง เรื่องงอนง้อมีบ้างตามประสาคนรักกันแต่ก็เพียงเล็กน้อย ช่วงนี้ต่างคนต่างต้องเตรียมความพร้อมเรื่องการส่งงานและสอบปลายภาคที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้าเลยทำให้พวกเราไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ และเมื่อคืนผมก็โดนพี่จีบลากออกมาจากหอพักเพื่อมานอนค้างด้วยกัน ก็ไม่อยากปฏิเสธอะไรเลยเก็บผ้าเก็บผ่อนหนีตามมาซะดื้อๆ ใจง่ายไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยไอ้คิสเอ้ย
เช้าวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสแต่สภาพร่างกายไม่ได้สดชื่นตามเพราะผมท้องเสียทั้งคืนแถมยังนอนไม่หลับอีกด้วย ตอนนี้เลยทำได้แค่นั่งมองพี่จีบที่หลับตาพริ้มหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอในอ้มแขนมีตุ๊กตาหมาไซบีเรียนฮัสกี้ที่ผมซื้อให้เมื่อตอนวันครบรอบสามเดือน จำได้ว่าวันนั้นพี้จีบเกือบจะกัดคอผมขาดโทษฐานให้อะไรไม่เหมาะกับหน้าตาทั้งๆที่เขาซื้อเสื้อเชิ้ตสีชมพูพาสเทลให้ผม! มันเข้ากับคนหน้าตาอย่างผมตรงไหนกันวะ
"หล่อทุกเวลาจนน่าอิจฉาแล้วรู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย"
ผมจิ้มปลายจมูกพี่จีบเบาๆแล้วเบะปากใส่ แฟนผมเขาหล่อจนน่าหมั่นไส้ แต่ที่มากกว่านั้นคือสาวๆก็ยังไม่เลิกที่จะเข้ามาขายขนมจีบอยู่ดีทั้งๆที่เจ้าตัวเขาก็ออกปากว่ามีแฟนแล้วอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่มีใครสนใจความจริงข้อนี้สักที อยากจะตะโกนบอกคนอื่นนี้ไม่ใช่สามีแห่งชาตินะเว้ย พี่จีบน่ะของผมเลิกวอแวกันสักที แต่ไม่อยากออกตัวแรงกลัวโดนบาทาซะก่อน
"มองขนาดนั้นกินกูเข้าไปเลยไหม"
ผมสะดุ้งตกใจผงะถอยหลังเกือบจะตกเตียงเมื่อเสียงแหบทุ้มของคนที่คาดว่าน่าจะหลับอยู่กลับดังขึ้นแถมยังลืมตามามองกันโดยที่ไม่มีอาการงัวเงียใดๆทั้งนั้น ลองคิดย้อนไปจะพบว่าตัวเองเป็นคนโง่มากแค่ไหน เพราะผมเพิ่งกลับมาจากไปเข้าห้องน้ำมาเลยไม่ทันเอะใจว่าพี่จีบจะตื่นแล้วเหมือนกัน ก็ตอนนี้มันเพิ่งหกโมงครึ่งเองนี่หว่า
"ตื่นตั้งแต่เมื่อไหนเนี่ย"
ผมถามด้วยหน้าตาตื่นๆไม่หาย เผลอพูดชมพี่จีบไปเมื่อครู่ซะด้วย อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ตรงไหนดี แต่ความคิดทั้งหมดกลับหยุดชะงักเมื่อมือหนาดึงผมตัวเขาเข้าไปกอดหน้าตาเฉยแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ขาแกร่งยกขึ้นพาดเอวเกี่ยวผมล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อกันทางหนีทีไล่ไปซะหมด อยากจะบอกว่าผมไม่หนีพี่หรอกอยากกอดจะแย่อยู่แล้ว แต่กระดากปากมากกว่า ไม่อยากเห็นไอ้คนเจ้าเล่ห์ได้ใจด้วยเพราะมันน่าหมั่นไส้
"ตื่นตั้งแต่มึงลุกไปเข้าห้องน้ำนั่นล่ะ ท้องเสียเหรอ"
น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยดังขึ้นข้างหูลมหายใจอุ่นๆเบารดแก้มกันจนรู้สึกขนลุกซู่ยังไงชอบกล จากที่จะต่อว่าเรื่องโดนกอดสักหน่อยกลับต้องยกเลิกไปแล้วมุดหน้าเข้าหาอกแกร่งอย่างออดอ้อน เวลาป่วยก็อยากให้ใครสักคนคอยดูแลเคยรู้สึกแบบนี้กันไหมล่ะ
"อือ... ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยพี่ เพลียมาก"
ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะหน้ายังซุกอยู่กับอกแกร่ง ดีหน่อยที่อาการปวดท้องหายไปแล้วในตอนนี้ แทบจะคลานออกจากห้องน้ำอยู่เหมือนกัน
"ตอนนี้หายหรือยัง จะไปหาหมอไหมหรือจะเอาเกลือแร่ดี"
"ดีขึ้นแล้วครับ เดี๋ยวผมลุกไปเอาเกลือแร่ก่อนนะ ลืมไปเลย"
ผมกำชังจะผละตัวออกแต่โดนพี่จีบจับไหล่ไว้ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นเองก่อนจะหันมาสบตากัน ผมกระพริบตาปริบๆเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าพี่จีบจะทำอะไร
"นอนไป เดี๋ยวกูไปเอามาให้เอง ป่วยอยู่ยังจะซ่าอีก"
พี่จีบพูดจบก็ส่งมือมาดีดหน้าผากกันเบาๆแล้วลุกออกไปจากห้อง ผมมองตามคนตัวสูงไปแล้วคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แทนที่จะโกรธคนปากร้ายกลับกลายเป็นว่าผมสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงและความอ่อนโยนในแววตาของเขา ถึงพี่จีบจะไม่หวานเหมือนน้ำผึ้งเดือนห้าแต่ก็ซาบซ่าเหมือนโซดานะ ใครห้ามขอลองชิมด้วย
"ทำไมไปนานจัง"
ผมถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียเมื่อพี่จีบเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วเกลือแร่ในมือ เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกันก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้ผมลุกขึ้นไปดื่ม
"ทำไม คิดถึงกูเหรอ"
พี่จีบส่งแก้วในมือมาให้ก่อนจะพูดประโยคหลงตัวเองออกมา ที่ถามเพราะเห็นหายไปเกือบครึ่งชั่วโมงหรอกไม่ได้คิดถึงเลยจริงๆนะเว้ย...
"เปล่าเว้ย ก็พี่หายไปนานนี่หว่า ผมจะหลับอยู่แล้วเนี่ย"
พูดจบก็ย่นจมูกใส่ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มน้ำเกลือแร่รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆติดเค็มเล็กน้อยลงคอ พี่จีบหัวเราะออกมาเบาๆแล้ววางมือหนาลงบนหัวผม
"ก็เกลือแร่มันหมดเลยลงไปซื้อมาให้นี่ไง ซื้อโจ๊กมาให้แล้วด้วย"
มือหนาขยี้ผมกันเบาๆก่อนจะละออกไปแล้วรับแก้วคืนไป ผมทิ้งตัวลงนอนบนตักของเขาอย่างเงียบเชียบแล้วหลับตาลงโดยที่ไม่ขออนุญาตใดๆ หน้าด้านไม่พอที่จะอ้อนพี่จีบแบบตรงๆ ยังไงก็ไม่ชินเวลาที่ตัวเองทำตัวเป็นเด็กน้อยใส่เขาอยู่ดี มันเขินแปลกๆกับปฏิกิริยาตอบกลับ
"อื้อ ขอบคุณนะครับ"
ผมเอ่ยขอบคุณก่อนจะใช้แก้มถูกับต้นขาของพี่จีบอย่างออดอ้อน เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะใช้มือดึงแก้มกันอย่างมันเขี้ยวทำให้ผมต้องลืมตาแล้วส่งค้อนวงใหญ่ไปให้ ก็เล่นดึงซะแก้มจะยืดติดมือไปอยู่แล้วเนี่ย
"เจ็บนะเว้ย ดึงมาได้"
ผมบุ้ยปากใส่ก่อนจะกลิ้งตัวลงมานอนหนุนหมอนแทน รู้สึกเหมือนจะเริ่มปวดท้องตงิดๆขึ้นมาอีกรอบยังไงก็ไม่รู้ ต้องกินยาช่วยหยุดถ่ายป่ะวะ รู้สึกอยากจะตายตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ฮือ
"หมั่นไส้ไง แล้ววันนี้มีเรียนหรือเปล่า"
ตอบตรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว... ผมล่ะยอมใจพี่เขาจริงๆเลย จริงๆวันนี้ผมก็มีเรียนนะแต่เพื่อนเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่ายกคลาสเลยกลายเป็นว่าวันนี้ว่างทั้งวัน
"ไม่มีครับ วันนี้ยกคลาส"
"เออ ดีเลย ไปช่วยงานที่ร้านได้ไหม ช่วงบ่ายก็ได้"
"หือ วันนี้คนเยอะเหรอครับ"
ผมถามด้วยความแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้โดนสั่งห้ามไม่ให้ไปช่วยงานที่ร้านอีกหลังจากมีลูกค้าทั้งชายทั้งหญิงเข้ามาวอแวด้วย อาการหวงของพี่จีบบางทีก็รุนแรงกว่าที่คิดเอาไว้จนผมเผลอดีใจอยู่หลายครั้ง ไม่เคยรำคาญที่แฟนแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอะไรนะ ดีซะอีกที่ได้รู้ว่าตัวเองสำคัญกับเขาแค่ไหน
"อืม มีอีเว้นท์งานวันเกิดด้วยน่ะ เลยต้องจัดสถานที่"
พี่จีบตอบก่อนจะจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาเป็นประกายแต่ไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขาต้องการสื่ออะไร ผมทำได้แค่เลิกคิ้วมองเพราะไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรออกไปดี
"ลองช่วยคิดธีมงานดูนะ ถ้าคิดออกโทรไปบอกกูด้วย"
"หา ให้ผมคิดเนี่ยนะ มันจะพังเอานะพี่ ลูกค้าไม่ได้กำหนดมาเหรอครับ"
ผมกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าพี่จีบจะโยนงานสำคัญให้กันขนาดนี้ ถ้าธีมงานที่ผมคิดไปแล้วลูกค้าไม่ชอบขึ้นมาอาจจะทำให้ร้านได้รับความนิยมน้อยลงก็ได้ใครจะรู้ ไม่กล้าเสี่ยงหรอก
"ถ้าลูกค้ากำหนดมากูคงไม่ลำบากให้มึงช่วยคิดหรอก เชื่อมั่นในตัวเองดิวะ ชอบแบบไหนก็เอาแบบนั้นล่ะ พวกกูสมองตันไปหมดแล้ว หวังพึ่งมึงนี่ล่ะครับคุณแฟนสุดที่รัก"
ร่ายมายาวเหยียดก่อนจะขโมยหอมแก้มผมหน้าด้านๆแล้วยังจะยิ้มหน้าระรื่นก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินหนีกันไปซะอย่างนั้น ปล่อยให้ผมนั่งอมลมหน้าดำหน้าแดงเพราะความเขินอยู่ได้ บ้าฉิบหาย
หลังจากตีอกชกลมอยู่คนเดียวก็ได้เวลาเข้าสู่นิทราแล้วเพราะเพลียเกินกว่าจะเดินเหินไปไหน ส่วนพี่จีบที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ฝากฝังให้ผมกินข้าวและกินยาซะก่อนจะออกไปช่วยงานที่ร้านกาแฟ ถ้าผมดีขึ้นเมื่อไหร่แล้วพร้อมจะช่วยงานให้โทรไปบอกเดี๋ยวสารถีประจำตัวจะมารับถึงหน้าหอ
ผมตื่นมาอีกครั้งในช่วงราวๆสิบโมง อาการท้องเสียหายเป็นปลิดทิ้งไปแล้วแต่ความอ่อนเพลียยังคงหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจอยู่สองสามครั้งก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์ที่หัวเตียงขึ้นมาเปิดดูแล้วเจอเข้ากับข้อความจากพี่จีบ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าแทบจะทันทีเมื่ออ่านข้อความจบ
'ตื่นหรือยัง คิดถึงแล้วว่ะ'
ร้อยวันพันปีจะพิมพ์ข้อความแบบนี้ส่งหากัน ผมยิ้มแก้มแทบแตกฟินจนไม่รู้จะฟินยังไง เขินจนต้องเอาตุ๊กตาหมาขึ้นมากัดหูซะอย่างนั้น ถ้าพี่จีบรู้มันคงไล่เตะผมแน่ๆที่ทำร้ายของสุดที่รักของเขาแบบนี้ ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับไปก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวและออกมานั่งละเลียดโจ๊กหมูไปเรื่อยๆ ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นสายเรียกเข้าจากซารังนั่นเอง
"ว่าไงครับคนสวย"
ผมแกล้งแหย่คนปลายสายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย ถึงจะไม่ค่อยมีแรงทำอะไรแต่ก็ยังอยากหาเรื่องใส่ตัวอยู่เหมือนเดิม...
'รับโทรศัพท์แบบนี้ลงมาต่อยกันข้างล่างเลยดีกว่า'
ซารังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนักก่อนจะหัวเราะเบาๆ ผมวางมือจากการกินโจ๊กแล้วจัดการหยิบยาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามลงไป หวังว่ายาจะช่วยให้ผมดีขึ้นนะ
"พี่ล้อเล่นน่า แล้วนี่มาถึงแล้วเหรอวะ โคตรไวเลย"
สารถีประจำตัวของผมอีกคนหนึ่งโดนกำกับมาจากพี่จีบให้มารอแน่ๆ คนปลายสายครางอือเบาๆขานรับมาจนผมเผลอหลุดยิ้ม
'อือ โดยพี่จีบเร่งให้ออกมาหาพี่คิสเนี่ย จริงๆผมยังนอนคลุมโปงอยู่เลยอ่ะ'
เสียงบ่นงุ้งงิ้งจากปลายสายทำให้ผมจินตนาการใบหน้าของเขาออก คงกำลังเบะปากบางๆสีชมพูระเรื่ออยู่แน่ๆ คิดแล้วก็อยากขย้ำแก้มน้องสักครั้งสองครั้ง ก็ว่าที่คุณหมอน่ารักอย่างกับตุ๊กตา
"โอ๋ๆนะคนดี เดี๋ยวพี่ลงไปจูบปลอบเลย"
ผมพูดจบแล้วหัวเราะออกมาก่อนจะกุญแจห้อง คีย์การ์ดและกระเป๋าตังค์ออกจากห้องไป ปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงแตกตื่นราวกับมีใครจะฆ่ากันอย่างนั้นล่ะ
'โอ้ย ไม่เอาด้วยนะพี่คิส ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป สงสารคนไม่มีแฟนแบบผมด้วยเถอะนะ!'
"นิดๆหน่อยๆเอง พี่จีบไม่รู้หรอกน่า"
ผมยังคงแกล้งน้องต่อไปเรื่อยๆเพราะเก็บกดมานาน... ก็ไม่ได้แกล้งใครเลยนี้หว่าเป็นฝ่ายโดนแกล้งตลอดเวลา ไม่ว่าจะเพื่อน พี่ หรือแฟนก็ไม่เคยปรานีกันเลยสักครั้ง เผลอเมื่อไหร่พลาดท่าเสียทีกันตลอด
'ไม่เอ๊า! ใครจะอยากเสี่ยงกับคนหึงโหดอย่างพี่จีบกันเล่า'
หน้าซารังตอนนี้คงยับยู่ยี่เป็นแน่ เพราะเรื่องความหึงของพี่จีบที่มีต่อพี่น้องก็ไม่เคยเว้นให้กันหรอก ใครเข้ามาวอแวกับผมมากๆเป็นอันโดนพี่จีบไล่เตะตลอด
"ล้อเล่นๆ พี่กำลังลงไปหา แค่นี้นะ"
'ครับๆ รออยู่หน้าเซเว่นนะพี่'
หลังจากนั้นผมก็ก้าวลงบันไดไปเรื่อยๆจนออกมาจากตัวหอก็เห็นรถ BMW สีดำจอดเทียบอยู่ตรงฟุตบาทหน้าร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ก็นึกว่าจะขับรถพี่ชายมาซะอีก ที่ไหนได้เอารถตัวเองมาซะอย่างนั้น ผมล่ะอิจฉาพี่น้องบ้านนี้ ไม่รู้เป็นโรค BMW นิยมหรือเปล่า เพราะขับกันทุกคนเชียวล่ะ
ผมเดินตรงไปเคาะกระจกที่ติดฟิล์มดำเกือบสนิทสองสามครั้งก่อนที่คนในรถจะเปิดกระจกลงแล้วส่งยิ้มหวานๆมาทักทายกัน เห็นน้องกี่ครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองมีความแมนขึ้นมาทันทีทันใด ความแมนที่แสนจะภาคภูมิใจมันจะหวนกลับมาตอนอยู่กับซารังเท่านั้นล่ะ...
"ขึ้นมาเลยครับ ผมพร้อมออกเดินทางแล้ว"
น้ำเสียงสดใสต่างจากเมื่อครู่เรียกรอยยิ้มให้กันง่ายๆ ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะเปิดประตูแล้วสอดตัวเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ ซารังเหลือบมองกันเล็กน้อยก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไป เสียงเพลงภาษาเกาหลีดังคลอเบาๆ ยอมรับว่าฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็ชอบสไตล์เพลงนะ มันติดหูดี
"วันนี้ที่ร้านมีจัดงานวันเกิดให้ลูกค้าเหรอ"
ผมถามขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ผมต้องไปช่วยงานที่ร้านเพราะเหตุผลอะไร เดาว่างานวันเกิดที่จะจัดคงยุ่งยากไม่น้อยแน่ๆ เลยต้องมีคนช่วยจัดการงานในร้านแบบนี้ ซารังเหลือบมองกันเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา
"อ่า...ใช่ๆ แต่งานเริ่มตอนเกือบเที่ยงคืนอ่ะ"
"อ๋อ..."
ผมตอบกลับไปสั้นๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเวลานั้นเราทุกคนที่เป็นพนักงานร้านสมควรกลับบ้านไปนอนแล้วซะมากกว่า นี่ร้านกาแฟระเว้ยไม่ใช่ผับจะได้ปิดตีสองเนี่ย
"คิดธีมงานออกยังพี่ จะได้ตรงไปซื้อของจัดงานกันก่อน"
"ก็พอคิดออก แต่ต้องปรึกษาพี่จีบกับพี่ไลค์ก่อนป่ะวะ"
"ไม่ต้องๆ พี่จีบเชื่อฝีมือพี่อยู่แล้ว งั้นตรงไปซื้อของกันเลยเนอะ"
มัดมือชกไม่มีใครเก่งเท่ากับพี่น้องบ้านนี้ผมยืนยันด้วยเกียรติของลูกเสือเลย
"โอเคๆ..."
หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็ไปเดินเลือกซื้อของสำหรับจัดตกแต่งงานวันเกิดกันโดยเงินได้รับกรุณาจากพี่จีบเพราะฝากมากับซารังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยากจะไปก้มกราบแนบตักเขาสักทีเพราะรู้ใจกันเหลือเงินว่าผมไม่มีเงินจะออกค่าของให้ก่อน
ผมและซารังกลับเข้าร้านในเวลาเกือบบ่ายสองโมงเพราะเดินกันเพลินเล็กน้อยบวกกับหาข้าวเที่ยงกินในห้างด้วย แทนที่จะขนของเข้าร้านจบแล้วจะได้ช่วยงานเสิร์ฟอย่างที่คิดไว้กลับโดนพี่จีบลากตัวขึ้นไปที่ชั้นสองให้นอนพักซะอย่างนั้น แล้วตอนหนึ่งทุ่มค่อยลงไปจัดสถานที่สำหรับวันเกิด ตอนนี้ก็เลยต้องมานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนชั้นสองของร้าน
Rrrrrr
เสียงริงโทนดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังจะผล็อยหลับ หน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏสายเรียกเข้าจากพี่ชายสุดที่รัก ผมเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงเบื่อหน่ายลงไป ก็นะ.. ชาติหนึ่งถึงจะโทรหากัน แถมกลับมาจากญี่ปุ่นก็ย้ายข้าวย้ายของไปอยู่กับไอ้ภีมซะอย่างนั้น มันน่าเจ็บใจไหมล่ะที่ปล่อยให้น้องชายที่แสนน่ารักต้องเผชิญหน้ากับมาม่าเป็นอาหารหลัก ถ้าไม่มีพี่จีบคอยลากออกไปกินข้าวคิดว่าตอนนี้คงมีสภาพคล้ายๆเส้นมาม่าไปแล้ว
"พายุจะเข้าป่ะ โทรมาหาผมได้"
รับโทรศัพท์ด้วยการแขวะอย่างหน้าไม่อาย ยอมรับเลยว่าหมั่นไส้พี่ชายตัวเองที่แรดไปอยู่กับแฟนอย่างหน้าตาเฉย ถึงจะไปขลุกอยู่ด้วยกันแบบนั้นแต่ก็ยังไม่มีใครยอมใคร งัดข้อกันไปงัดข้อกันมาจนผมคิดว่าสุดท้ายแล้วสองคนนี้คงตายด้านเรื่องเซ็กซ์กันไปซะก่อน
'นั่นปากเหรอครับน้อง น่าต่อยให้เลือดกบจริงๆ'
เสียงขู่ไม่จริงจังนักดังลอดออกมาก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนเนื้อโดนของหนักๆกระทบ เดาได้ไม่อยากว่าเพื่อนรักอย่างไอ้ภีมคงออกตัวปกป้องผมอยู่เป็นแน่
'โอย ภีมตีกูทำไมเนี่ย'
เสียงโวยวายดังลอดออกมาจนผมต้องลอบถอนหายใจปลงๆ บทจะหวานคู่นี้เขาก็หวานไม่แคร์สายตาใคร บทจะโหดก็โหดจนโลกไม่ลืมเลยก็ว่าได้
'มึงจะโหดกับไอ้คิสทำไมวะ โทรไปหาเพราะคิดถึงก็พูดๆไป'
'ทำไมกูต้องบอกมันอ่ะ อายตายห่าเลย'
'ตอนนี้มันก็รู้แล้วล่ะว่ามึงโทรไปทำไม กากจริงๆเลยมึงเนี่ย'
ผมหลุดขำเมื่อคิดถึงหน้าตาและท่าทางกวนตีนของไอ้ภีมเวลาอยู่กับพี่ดีพ ทุกครั้งที่พี่ชายโดนไอ้ภีมกวนตีนใส่เขาจะห้ามตัวเองไม่ให้กระโจนเข้าไปทำโทษไม่ได้ แต่หลังๆมานี่โดยฝ่าเท้ายันออกมาพี่ดีพเลยสงบเสงี่ยมเจียมตัวขึ้นมาเยอะ
"คุยกับจบยัง ค่อยโทรมาใหม่ป่ะพี่ดีพ"
ผมว่าด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ไอ้รอเขาคุยกันน่ะรอได้ แต่ตอนนี้ความง่วงมันรุมเร้าอีกแล้วก็เลยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยถึงปานกลาง
'อะไรวะ แค่นี้ทำน้อยใจไปได้'
พี่ดีพตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ส่วนผมไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่เพราะตอนนี้กำลังขยี้ตาอยู่ ถ้าไม่ติดว่ากลัวโดนคนปลายสายด่าผมคงหลับคาโทรศัพท์ไปแล้ว
"เปล่า ผมง่วงอ่ะ เมื่อคืนท้องเสียทั้งคืนยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย"
ตาเริ่มเบลอๆเหมือนสติเริ่มจาง รู้สึกได้เลยว่าตาผมกำลังจะปิดอยู่แล้ว เสียงพี่ดีพดังหึ่งๆน่ารำคาญชะมัด
'อ่าวเหรอ หายดียังวะ ไปหาหมอป่ะ'
น้ำเสียงเป็นห่วงถูกส่งมาจนสัมผัสได้ แต่อารมณ์ตอนนี้คือง่วง ไม่ไหวแล้ว ตาจะปิดแล้ว ขอนอนเถอะ
"ไม่เป็นไรแล้ว แค่เพลียๆ แล้วตกลงมีธุระอะไรป่ะ"
'เปล่าๆ โทรมาเฉยๆ งั้นมึงนอนพักเหอะ กูไม่กวนแล้ว'
ผมวางสายจากพี่ดีพแล้วกดปิดเสียงโทรศัพท์มือถือทันทีก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงคออย่างสบายใจ แต่ครั้นจะปิดเปลือกตาลงประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเข้ามาหากัน แต่น่าแปลกใจที่ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไรเพราะโดนขัดขวางการนอนอีกครั้งหนึ่ง
"ยังไม่นอนอีกเหรอวะ"
เสียงทุ้มเอ่ยถามในขณะที่เขาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ผมหาวหวอดออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะขยับไปหนุนหัวตรงตักกว้างแล้วหลับตาลงโดนไม่ตอบอะไรออกไป เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจรู้ได้แต่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงปลุกจากพี่จีบ เหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว นี่ผมนอนกินบ้านกินเมืองขนาดนั้นเลยเหรอวะ ทึ่งตัวเองสุดๆ
"ทำไมไม่รีบปลุกอ่ะ แล้วจัดงานเสร็จแล้วเหรอ"
ผมงัวเงียลุกขึ้นแล้วใช้นิ้วขยี้ตาเล็กน้อย พี่จีบส่งยิ้มมาให้กันก่อนจะดันหลังให้ผมลุกขึ้น
"ไปอาบน้ำแต่งตัวไป"
"หือ แต่งตัวอะไร"
ผมขมวดคิ้วแล้วมองใบหน้าหล่อของคนตรงหน้าด้วยความงุนงง ทำไมต้องแต่งตัวด้วย พูดอย่างกับว่าเราต้องลงไปร่วมงานวันเกิดอย่างนั้นล่ะ
"ก็ต้องลงไปร่วมงานวันเกิดไง เจ้าของวันเกิดรู้จักเรา"
"อ้อ... ใครเหรอครับ"
"เออน่า ถึงเวลาก็รู้เอง"
หลังจากนั้นผมก็เดินงงๆไปอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดที่พี่จีบเตรียมให้กัน พอก้าวเท้าออกมากลับพบเพียงซารังที่ยังยิ้มหน้าแป้นรอกันอยู่
"พี่จีบไปไหนแล้วล่ะ"
ผมใช้มือลูบหน้าลูบตาตัวเองเล็กน้อยแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆซารัง น้องยิ้มให้ผมก่อนจะเอื้อมมือมาจัดทรงผมให้กัน รู้สึกว่าบรรยากาศมันจะเริ่มแปลกๆแล้วนะ ตกลงงานวันเกิดใครกันแน่วะ แต่จะว่าไปพรุ่งนี้ก็วันเกิดผมแล้วนี่นา แต่ยังไม่ได้บอกพี่จีบซะหน่อย
"เตรียมงานอยู่ด้านล่างครับ พี่หิวยังผมเอาขนมมาให้กิน"
ซารังผละมือออกจากหัวผมก่อนจะเอื้อมไปหยิบจานขนมครัวซองต์ไส้แฮมชีสส่งมาให้กัน ผมพยักหน้ารับแล้วหยิบมันขึ้นมากัด ก็เล่นนอนข้ามมื้อเย็นขนาดนั้นไม่หิวก็แปลกแล้ว
"ขอบคุณนะ แล้วนี่ซารังไม่ต้องลงไปช่วยงานเหรอ"
ผมถามที่ยังเคี้ยวขนมตุ้ยๆอยู่แบบนั้น ซารังส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเอนหลังลงนอนบนเตียงทั้งๆที่ตัวเองใส่เสื้อเชิ้ตเรียบกริบ กลัวเหลือเกินว่ามันจะยับยู่ยี่ไปหมด
"ไม่ต้องอ่ะ รอลงไปข้างล่างพร้อมพี่คิสเลย"
"อืมๆ เดี๋ยวกินเสร็จลงไปกัน"
ผมบอกก่อนจะรีบยัดขนมใส่ปากแล้วตามด้วยนมสดหนึ่งแก้วที่ซารังเอามาให้อีก เสร็จเรียบร้อยก็เอื้อมมือไปดึงแขนคนที่หลับตาพริ้มบนเตียงให้ลงไปด้วยกัน แต่รายนั้นอิดออดไม่ยอมลุกขึ้นสักที ขนาดตัวก็ไม่ได้ต่างกันมากนักเลยยากลำบากอย่างที่เห็น ผมแทบจะลงไปนอนทับเขาอยู่แล้วเนี่ย
"ซารังเว้ย ลุกขึ้นเร็ว เดี๋ยวพี่จีบก็ด่าหรอก"
ผมตะโกนใส่หู น้องย่นจมูกใส่กันก่อนจะเหลือบมองเวลาบนผนังห้องแล้วลุกขึ้นอย่างง่ายดายและยกแขนขึ้นบิดไปมาไล่ความเกียจคร้าน ผมมองภาพนั้นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ คนบ้านนี้หน้าตาดีอย่างเดียวไม่พอแถมนิสัยยังน่ารักอีกด้วย
"ป่ะครับ ผมพร้อมแล้ว"
ซารังยิ้มร่าก่อนจะคว้ามือผมไปจับเอาไว้แล้วเดินนำไปด้านล่าง ทางเดินมืดสลัวแต่ยังพอมองเห็นเพราะแสงเทียนวูบไหวจากด้านล่าง พอลงมายืนอยู่ตรงตีนบันไดก็ต้องอึ้งเมื่อมีเทียนประดับเป็นทางเดินตรงไปสู่พื้นที่กลางร้าน พี่จีบยืนรออยู่ตรงนั้นพร้อมกับเค้กก้อนใหญ่ในมือ ซารังดันหลังให้ผมเดินไปเผชิญหน้าก่อนที่เสียงเพลงวันเกิดจะดังขึ้น สรุปแล้วผมโดนหลอกให้คิดธีมงานวันเกิดตัวเองสินะ ไอ้พวกบ้า ทั้งพี่ ดีพ ภีม ออย พี่ไลค์ พี่จีบ ซารัง พี่แก๊ป พี่คิน มากันครบอ่ะ ฮือ
เพลงจบลงพร้อมกับพี่จีบที่ขยับเข้ามาใกล้ เค้กในมือถูกยื่นมาตรงหน้ากันก่อนที่คำอวยพรหวานหูจะดังมาจากปากหยักได้รูปนั่น
"สุขสันต์วันเกิดนะครับคิส ขอให้มีความสุขมากๆ อยู่กับกูไปจนแก่เลยนะ"
รอยยิ้มละมุนถูกส่งมาให้กัน ผมพยักหน้ารัวๆก่อนจะโดนคนอีกนับสิบชีวิตผิวปากแซว คือแค่โดนเซอร์ไพร์สแบบนี้ก็เขินจนตัวจะแตกอยู่แล้วยังจะเป็นเป้านิ่งให้โดนแกล้งอีก โอย อยากมุดอกพี่จีบหนีจัง ฮึ่ย
"อื้อ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณทุกคนด้วย"
ผมเอ่ยขอบคุณก่อนจะเป่าเทียนบนเค้กจนดับ ไฟในร้านสว่างวาบขึ้นทันตาเห็น ลูกโป่งอัดก๊าซฮีเลียมลอยอยู่ทั่งบริเวณร้าน ให้ความรู้สึกฟูฟ่องในใจยังไงชอบกล แถมด้วยโต๊ะอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ไปอีก ถ้าไม่บอกว่าเป็นงานวันเกิดคงคิดว่าเป็นงานฉลองสมรสล่ะวะ
"อ่ะ ของขวัญจากพวกกูรวมๆกันซื้อ"
พี่ดีพส่งของขวัญมาให้กัน ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นของที่อยู่ด้านในถุงใบใหญ่ Mac Book Pro ราคาเกินครึ่งแสนกำลังนอนแน่นิ่งส่องประกายวิบวับอยู่ในนั้น ผมเงยหน้าขึ้นมาทุกๆคนที่เข้ามารวมกลุ่มกันก่อนที่น้ำตาจะคลอหน่วย อยากจะร้องไห้ว่ะ
"ซื้อนี่ให้เลยเหรอวะ มันแพงมากเลยนะเว้ย"
ผมกอดของขวัญไว้แน่นอย่างหวงแหน พี่ดีพเดินเข้ามาลูบหัวกันอย่างเบามือก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างมาให้กัน
"มึงไม่ต้องห่วงหรอก สปอนเซอร์เราแน่นหนาเว้ย พ่อแม่สามีมึงก็ร่วมด้วย"
ประโยคนี้ทำให้ผมถึงกับรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้า พอเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็เจอเข้ากับรอยยิ้มชวนใจสั่น อยากจะกระโดดกอดแล้วล้มลงบนเตียงฟัดซะให้เข็ด แต่ถ้าผมทำแบบนั้นคงโดนปล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย
"มานี่หน่อย กูมีของขวัญส่วนตัวจะให้ด้วย"
พี่จีบจับข้อมือกันแล้วพาผมเดินมาหยุดตรงมุมหนึ่งของร้าน มือหนาล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะหยิบแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆวงหนึ่งออกมา ยอมรับว่าตอนนี้ใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมาจากอก ตื่นเต้นกว่าได้ Mac Book Pro จากมือพี่ดีพอีก
"แหวนวงนี้กูขอจองมึงไว้ก่อนแล้วกัน เรียนจบมีงานทำจะเอาแหวนหมั้นมาใส่ให้"
พี่จีบมองหน้ากันเหมือนกำลังขออนุญาตสวมแหวนให้ ผมพยักหน้ารับก่อนที่มือซ้ายจะถูกคนตรงหน้าคว้าไปจับไว้และตามมาด้วยสัมผัสเย็นๆบนนิ้วนางข้างซ้าย ตอนนี้อธิบายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูกเลยเพราะมันตีกันวุ่นวายไปหมด แต่ที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นความรักที่มีให้กับพี่จีบนี่ล่ะ
"แม่ง บ้าฉิบหาย ทำคนอื่นเขาเขินไม่รู้ตัวหรือไง"
ผมบ่นเสียงงุ้งงิ้งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตากัน พี่จีบหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะก้มหน้าลงมาฝังจมูกขโมยหอมแก้มไปหนึ่งฟอด ผมตกใจเลยผงะถอยหลังออกมาเพราะกลัวคนอื่นๆเห็น มือเรียวยกขึ้นแตะแก้มตัวเองก่อนจะมองค้อนคนเจ้าเล่ห์ที่ยืนยิ้มกว้างให้กันอยู่
"เจ้าเล่ห์ว่ะ"
"แน่นอน"
"ไหนๆก็วันเกิดผม ขออะไรอย่างดิ"
ผมยักคิ้วจึกๆส่งไปให้พี่จีบที่ยืนพิงโต๊ะอยู่ด้วยใบหน้าเรียบๆแต่หัวคิ้วกลับขมวดเข้าหากัน
"จะขออะไรว่ามา วันนี้กูตามใจมึง"
"จริงๆนะ"
"เออ"
"พี่จีบ...เลิกพูดกูมึงกับผมได้ไหมอ่า ฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูเลย"
ผมทำสายตาออดอ้อนส่งไปให้อีกคน เห็นพี่จีบแอบสะดุ้งเล็กน้อยด้วย แค่ขอเรื่องนี้ทำไมต้องตกใจวะ แต่ไม่นานเขาก็หลุดหัวเราะออกมาก่อนจะพูดตอบ
"หึ รู้ไหมว่าทำไมกูไม่เลิกพูดหยาบกับมึง"
พี่จีบยกมือขึ้นมาประคองหน้าผมเอาไว้เหมือนกำลังบังคับไม่ให้ผมหลีกหนีสายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมาให้กัน ผมเม้มปากแน่นเพราะระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงไม่ถึงคืบ ชวนให้ใจสั่นอีกระลอกเหมือนสึนามิจะซัดเข้าหาฝั่งยังไงก็ไม่รู้
"ไม่รู้..."
ผมตอบเสียงแผ่วพยายามกรอกตาหนี แต่สุดท้ายก็ยังเห็นพี่จีบจ้องกันแทบจะกลืนกินอยู่ดี ไม่รู้หรือไงว่าผมแพ้สายตาหื่นกามของมันเนี่ย
"เพราะกูเขินไงวะ เวลาไม่ใช้คำหยาบรู้สึกบรรยากาศมันจะหวานแปลกๆ แต่คิสขอพี่ก็จะทำให้ เพราะรักหรอกนะ"
เขายิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่สามารถละลายหัวใจของผมได้อย่างเฉียบขาด ยอมแล้วจริงๆกับคนๆนี้ ยอมทั้งตัวทั้งใจ ถ้าเกิดพี่จีบมันคึกจะปล้ำขึ้นมา ผมคงยอมถวายตัวให้โดยง่ายไม่ต้องรอเกรดแล้วล่ะ
"อือ... รักเหมือนกัน"
ก็ตอบกลับได้แค่นั้นเพราะหลังจากประโยคเมื่อครู่จบลงปากหยักก็เคลื่อนมาประกบมอบจูบอ่อนหวานให้กันโดยไม่แคร์สายตาใคร ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณสำหรับงานวันเกิดที่แสนวิเศษ
---------------------------------------------------------
Q & A กับจีบ
Q : ทำไมเลือกซื้อ Mac Book ให้คิสกันล่ะ?
A : เพราะเครื่องเก่าของคิสมันเริ่มเออเร่อแล้วครับ ซ่อมบ่อยเกินไป
Q : อ๋อ แล้วเรื่องแหวนทองคำขาวบนนิ้วนางคิสล่ะ
A : ก็...ขอจองไว้ก่อนไงครับ คนอื่นจะได้ไม่มาจีบมัน ผมหวง
ตอนที่ 29 มาแล้วน้า รอกันนานไหมเอ่ย ช่วงนี้เรางานรัดตัวมากเลย ฮือ
เป็นไงบ้างๆ ตอนนี้เซอร์ไพร์สตามคิสกันบ้างไหม... คึคึ อยากได้แฟนแบบพี่จีบสักคน
มีขายที่ไหนบ้าง อยากได้จริงๆนะ 555555 มีความน่ารักและความหื่นสูสีกันมาก
อ่านให้สนุกน้า