Fallen DESTINY !!
ป่าป๊ากำมะลอ คุณพ่อจำเป็น
ตอนที่ 11
L is for 'laughter' we had along the way.
O is for 'optimism' you gave me every day.
V is for 'value' of being my best friend.
E is for 'eternity,' a love that has no end.
"สวย" อื้ม ป๊าก็ว่าสวยลูก สวยหมดทุกคนเลยแอร์สายการบินนี้ ครับตอนนี้พวกเราอยู่บนเครื่องบินโดยที่ตอนนี้ที่พวกเธอกำลังให้ข้อมูลและสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์บนเครื่องกันอยู่
"ออสตินว่าคนไหนสวยลูก" คณิตินถามลูก
"คนนั้น" มือป้อมๆชี้ไปที่แอร์คนที่ขาวแล้วก็หมวยสุด
"อื้ม ตาถึง ป่าป๊าว่าคนนั้นก็สวย แล้วแอสตันล่ะครับ" เจ้าตัวกอดอกมองอย่างเดียวแล้วทำท่าไม่สนใจ ขี้เก๊กเหมือนใครบางคนเลย แต่ช่างเหอะไอ้เติร์กดูกับออสตินก็ได้
"อะหื้ม!!" เสียงกระแอมดังมาจากข้างๆ
"อะไรคุณ อยากร่วมบทสนทนาด้วยเหรอ เอาสิ คุณว่าคนไหนสวย" เสียงกระซิบกระซาบกันเบาๆ ให้ได้ยินแค่สองคน
"ผมไม่ชอบคนสวย"
"อ่อ ชอบคนน่ารักก็ไม่บอก งั้นก็คนนั้น ตัวเล็กๆ ปากนิดจมูกหน่อย"
"เปล่า" ไรอันส่ายหัว
"งั้นก็คนนั้น สูงๆ หุ่นเพรียวๆ"
"ไม่ใช่"
"อืมมมมม งั้นก็..คนนั้นแน่ๆ หมวยๆ คนเดียวกับออสติน"
"ผิด"
"อะๆ ยอม เฉลยมาสักทีว่าคนไหน" อยากรู้ว่าว่าน่ารักของไรอันจะเป็นยังไง
"คนนั่งอยู่ข้างผมตอนนี้ไง" ไรอันกระซิบ
"บ้าไปแล้ว พอๆ แยกๆ" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็อดเขินไม่ได้ ให้ตายสิ นับวันเขายิ่งทำตัวแปลกๆ ขึ้นทุกวัน
คณิตินแกล้งหันไปสนใจลูกชายแทน แต่หูก็ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ตามมาอีก
"หยุดยิ้มแบบนั้นได้แล้วน่าคุณ รบกวนคนอื่นเขา"
"รบกวนตรงไหน ผมแค่ยิ้มเอง" ก็เออ แต่มันรบกวนเขาไง
คณิตินตีหน้ายุ่ง แล้วหยิบแว่นตากันแดดมาใส่ ยังไม่พอเจ้าตัวหยิบไอพอดมาเสียบด้วย คราวนี้จะได้หมดปัญหาสักที ไม่เห็น แล้วก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น คณิตินยิ้มกริ่ม
จะว่าไปก็ตั้งอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง ว่าก็นอนฟังเพลงไปเลยละกัน ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว แถมตอนนี้สองหน่อก็หลับไปแล้วด้วย หลับง่ายจริงลูกใคร
หูฟังหลุดออกจากหูตอนไหนไม่รู้ แถมยังได้ยินเสียงคนข้างๆ ขยับตัว คณิตินเลยหรี่ตาดู "ทำไรอะ?"
"กำลังถ่ายรูปครอบครัวครั้งแรก" ทั้งๆ ที่เขากับเด็กๆ ไม่มีใครมองกล้องเลยอะนะ
คณิตินบรรยายไม่ถูกกับความรู้สึกตอนนี้ อยากถ่ายด้วยกันทำไมไม่บอก ทำไมต้องแอบถ่ายแบบนี้
"ถ่ายอีกรูปสิคุณ คราวนี้ผมจะถอดแว่นแล้วก็ยิ้มให้ด้วย" ไรอันหันมายิ้มให้ ยิ้มจากใจที่ฟูแน่นไปทั้งสี่ห้องหัวใจ จากนั้นก็ยืดมือออกไปพร้อมมือถืออีกที คราวนี้ก็ได้รูปครอบครัวสมใจเขาสักที
พอถ่ายจบต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ คณิตินกลับไปสวมแว่นแล้วนอนต่อเหมือนเดิม ส่วนไรอันก็เอามือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
เงียบ ต่างฝ่ายต่างเงียบ แต่มันก็ดีแล้วนะสำหรับสถานการณ์แบบนี้ เพราะคณิตินก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ส่วนไรอันก็ไม่อยากจะเร่งรัดอะไรมากกว่านี้ เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ดีมากกว่าเดิมหลายเท่าเลยด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจจะเริ่มจากความใกล้ชิดหรืออะไรก็แล้วแต่ มันอาจจะช้าบ้าง เร็วบ้าง สลับกันไป แต่เชื่อเหอะ ตอนนี้แบบนี้แหละมันโอเคแล้ว
เด็กลูกครึ่งวัยสามขวบจะสี่ขวบ ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อลายสก็อต พร้อมแว่นตา กำลังอ้าปากหาว หลังจากลวเครื่องมาปุ๊บ พวกเราก็เดินมารอกระเป๋าที่สายพานหมายเลข 3 พร้อมป้ายสายการบินแห่งชาติประจำบ้านเรา
คณิตินปล่อยให้ไรอันจัดการเกี่ยวกับกระเป๋า ส่วนตัวเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลุงปัน หัวหน้าคนงานในสวนของพ่อให้มารับ
พอได้กระเป๋าไรอันก็ยกขึ้นล้อเข็นพร้อมเด็กน้อยฝาแฝดสองคนที่นั่งทับกระเป๋าอีกที
"แฝดนั่งดีๆ นะลูก เดี๋ยวตกเอา" คณิตินเตือน ส่วนสองแฝดก็พยักหน้า เพราะยังไม่หายสะลืมสะลือเลย
"ลุงปันสวัสดีครับ"
"สวัสดีครับคุณเติร์ก มาครับเดี๋ยวผมช่วย"
"ไม่เป็นไรครับลุง แค่นี้เอง เดี๋ยวพวกผมยกกันเองได้ครับ จะได้รีบๆ ขึ้น รีบๆ ไปเลย เดี๋ยว รปภ จะมาไล่เอา" เพราะเขาเรียกลุงปันมห้มารับตรงประตูทางออกติดฟุตบาธเลย จะได้ไม่ต้องเข็นล้อเข็นไปไกล
"แอสตัน กับออสตินนั่งข้างหลังกับป่าป๊านะครับ เดี๋ยวให้แดดดี้นั่งข้างหน้า"
"คับ/คับ"
"พอนั่งได้ไหมคุณ" คณิตินรายนี้เขาค่อนข้างจะขายาวกว่า เดี๋ยวจะนั่งไม่สะดวก แถมทางกลับบ้านก็ไม่ใช่ของใกล้ๆ ด้วย ตั้งอำเภอจอมทองแหนะ ไกลจากในเมืองหน่อย แต่รับรองสวยแน่นอน
บ้านของคณิตินไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอจอมทอง แต่จะอยู่ติดมาทางดอยอินทนนท์มากกว่า เพราะแบบนี้ไงเขาถึงบอกว่า รับรองสวยแน่นอน เพราะแถวนี้ธรรมชาติสวย อากาศก็ดี ปลูกอะไรก็ดีทั้งนั้น เป็นที่ของบรรพบุรุษแล้วสืบมอดกันมาจนถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่เขาอีกที
ตัวบ้านแบบเรือนไทยคันทรี ผสมกาแลแบบทางเหนือ พ่อบอกว่าชอบวัฒนธรรม กลิ่นอายของความเป็นล้าานา เลยอยากได้บ้านที่มีความเป็นบ้านสวน แล้วก็เป็นแบบทางเหนือด้วย ทรงเลยออกมาแบบที่เห็นนี่แหละ
เพราะนอกจากหลังคาที่เป็นหน้าจั่วกากบาทไขว้กันแล้ว นก็เหมือนบ้านทรวไทยธรรมดานั่นแหละเขาว่า
"คิดถึงคุณยายไหมครับเด็กๆ" คณิตินถามลูก
"คิดถึงคับ" สองพี่น้องตอบขึ้นพร้อมกัน
"งั้นถ้าไปถึง เจอคุณยายก็วิ่งเข้าไปกอดเลยนะครับ"
"คับ/คับ" ไม่อยากจะบอกว่าเดี๋ยวนี้สองหน่อพูดครับได้แล้วนะครับ ไม่ใช่ฮับเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการคว่ำกล้ำตัว ร.เรือ แค่นั้นเอง
รถเก๋งสีขาวแบบครอบครัวเคลื่อนเข้าสู่บ้านxxxx เลี้ยวซ้ายตรงสถานีอนามัย จากนั้นก็ตรงมาเรื่อยๆ บ้านของเขาจะอยู่ตรงซ้ายมือ ถัดจากร้านลาบลุงหนานอินทร์ตา ป้ายตัวเบ้อเร้อ เขียนว่า "บ้านไร่แสงอรุณ"
เห้อออ สองแสบไหนว่าจะวิ่งเข้ากอดคุณยาย ที่ไหนได้ ขึ้นรถยังไม่ถึงสิบนาทีก็หลับไปอีกแล้ว สงสัยจะเพลีย
"คุณอุ้มแอสตันไปนอนตรงแคร่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านก่อนเลยนะ เดี๋ยวผมอุ้มอิสตินตามไป"
"โอเค งั้นคุณเฝ้าลูกอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมขอไปตามหาพ่อกับแม่ก่อน" ไรอันพยักหน้า
"แบร่!!!"
"ว้ายตาเถร บ้าแก้วปันต๋าย!!"
"โอ๊ยๆแม่ พอก่อนๆ นี่เติร์กเอง ลูกชายสุดที่รักของแม่เอง ตีมาไม่ออมแรงเลย" คณิตินส่งเสียงโอดโอย เพราะกินขนมตุ๊บตั๊บไปหลายทีอยู่เหมือนกัน
"เล่นอะไรเป็นเด็กอีกแล้วแก แล้วนี่มากันได้ยังไง"
"นั่งเครื่องมา แล้วให้ลุงปันไปรับที่สนามบิน" มารดาของคณิตินพยักหน้า ถึงว่าเชียวว่านายคำปันหายไปไหน
"แล้วแม่ล่ะเป็นไงบ้าง"
"จะเป็นอะไร๊ ข้าก็สบายดีตามอัธภาพสิ ไม่ได้เจ็บไข้อะไรอะแค๊กๆ"
"เนี๊ยะนะคนสบายดี หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มอีก มาๆ เดี๋ยวเติร์กทำเอง แม่ไปนั่งพักก่อน" คณิตินมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่ตอน 9 โมงกว่าแล้ว แต่ต้องรอเอากระเป๋าอีก โคตรนานเลยบอกตรงๆ
พอมาถึงก็เห็นคุณนายยุพิน หรือคุณนายแดงกำลังเอาฟืนใส่เตาอั้งโล่อยู่ ไม่รู้ว่าทำอะไร เนี๊ยะแหละนะเขาเรียกคนแก่แต่ไม่ยอมแก่ ตอนแข็งแรง ไม่ป่วยก็โน่นหัวบ้าน ไม่ก็หางบ้าน ปั่นจักรยานไปหาเพื่อนคุย ดีนะที่ปั่นจักรยานแล้วได้ออกกำลังกายด้วยไม่งั้นลูกๆ คงไม่ยอมให้ทำ
บางวันก็นึกคึก แต่งตัวออกไปเต้นแอโรบิค พอเต้นได้สามสี่วันก็บ่นเหนื่อย แล้วก็เปลี่ยนมารำไท้เก๊กกับกลุ่มผู้สูงอายุ พอทำไปได้วันสองวันก็บอกว่ามันน่าเบื่อ มีแต่คนแก่เขาไปรำกัน
นี่ก็งงว่าสรุปคุณนายอยากทำอะไรกันแน่ สุดท้ายพอไม่มีอะไรให้ทำ เลยถูกพ่อหิ้วมาช่วยดูแลกล้วยไม้นี่แหละ ตอนแรกเห็นเขาเลี้ยงกัน ก็เห่ออยากเลี้ยงกับเขาบ้าง พอลูกทำเรือนเพาะติดสปริงเกอร์อะไรให้แล้ว ก็เบื่อ แม่ไอ้เติร์กนี่เอาใจยากนะขอบอก
"แล้วนี่เองมาคนเดียวเหรอ?"
"เปล่า พาสองแสบ กับพ่อเขามาด้วย แต่ตอนนี้นั่งพักอยู่หน้าบ้าน" คณิตินเลยผละจากเตาฟืน ช่วยพยุงคุณนายเดินไปหาหลานสุดที่รัก
"แกก็นะ จะพาหลานข้ามาลำบากลำบนทำไมก็ไม่รู้ ดูสิหลับปุ๋ยเลยทั้งสองคน" ขืนไม่พามาด้วยสิ มีหวังได้ร้องไห้งอแงจนใครก็เอาไม่อยู่แน่ แม่พูดอย่างกับไม่รู้จักหลานตัวเอง
"แล้วนี่พาไรอันเขามาเที่ยวเฉยๆ หรือว่าไงล่ะ"
"เปล่า มาหาแม่โดยเฉพาะนั่นแหละ"
"มาทำไม ข้าไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมากมาย เองอย่าไปฟังพ่อเองให้มากเลย วันๆ ก็เอาแต่เฝ้าไก่ชน ไม่งั้นก็ขลุกอยู่กับกล้วยไม้ เคยรู้เรื่องอะไรกับเขาเสียที่ไหน"
"แล้วนี่แม่นึ่งอะไรอยู่หลังบ้าน?" ไอ้เติร์กลืมเปิดดู
"ขนมเทียน เอาไปวัดพรุ่งนี้เช้า"
"อ๋อ....แล้วพ่อล่ะแม่ไปไหน ไม่เห็นเลย"
"คงไปตีไก่ชนที่ซุ้มท้ายหมู่บ้านตามประสาเขานั่นแหละ" คุณนายยุพินพูดเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ
"ใจเย็นๆ แม่ อย่าเพิ่งโกรธ แม่ยังไม่ชินอีกรึไง" ความจริงพ่อก็ไม่ได้ไปบ่อยนะ นานๆ ครั้งด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีใครมาชวนอะนะ
"จะชินได้ไง ไม่มีทาง เดี๋ยวถ้าโดนจับมานะ ข้าจะไม่เอาเอาเงินไปประกันตัวเลยคอยดู" นั่นไงล่ะ พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลยตายยากจริงๆ พ่อเลี้ยงทินกรเนี๊ยะ
"ไปไหนมาพ่อ" คณิตินทัก
"ข้าก็ไปคุมคนงานตัดแต่งกิ่งลำไยที่สวนสิวะ เอ็งก็ถามได้" คณิตินนี่หน้าเหวอเลย
"ก็ไหนแม่บอกไงว่าพ่อไปตีไก่ที่ท้ายหมู่บ้าน"
"แม่เอ็งจะไปรู้อะไร ข้าเอามันมาอาบน้ำ ให้อาหารเสริม จากนั้นก็เอากลับเข้าซุ่มตั้งนานแล้วถึงออกไปสวน" คณิตินพยักหน้า มองตามพ่อตัวเองเดินสะบัดก้นเข้าบ้านไป
"แม่ๆ" คณิตินสะกิด "ไม่ไปง้อเขาหน่อยเหรอ เหมือนจะงอนนะนั่น"
"เรื่องอะไร ข้าดูหลานข้าอยู่ เอ็งไม่เห็นเหรอ" เชื่อเหอะอีกไม่เกิน 15 นาทีคุณนายต้องตามเข้าไปง้อพ่อเลี้ยงแน่ ไอ้เติร์กฟันธงเลย เห็นจนชินแล้ว ง้อกันไปงอนกันมาแบบเนี๊ยะ
คณิตินหันมาที่คนข้างๆ ไม่เข้าใจว่าจะยิ้มอะไรนึกหนา ครอบครัวเขาไม่ใช่คณะตลกนะเว้ย ดูอะไรเห็นอะไรก็ยิ้มไปหมด สงสัยจะบ้า
"หิวน้ำไหมคุณ เดี๋ยวผมไปเอามาให้ โทษทีพอดีดีใจที่ได้กลับมาบ้านเยอะไปหน่อย เลยลืมทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีเลย"
"ไม่เป็นไร ยังไม่หิว"
"งั้นผมไม่ไปเอามานะ " ไรอันพยักหน้า ส่วนเขาจะเดินไปดูพ่อสักหน่อย แต่ยังไปยังเดินไม่ถึงไหนพ่อก็เปลี่ยนผ้าเดินออกมาแล้ว สงสัยจะง้องอนกันเสร็จแล้ว ไอ้เติร์กชินละ
"แล้วเฮียต็อด กับไอ้เติร์ดไปไหนล่ะพ่อ"
"พี่เองมันจะบวช ข้าเลยให้มันไปศึกษาบทสวดกับหนานหล้าที่บ้าน ส่วนน้องเองมันอยู่บนบ้าน ยังไม่ตื่นหรอกมั้ง หรือไม่ก็ตื่นแล้วแต่คุยกับแฟนอยู่"
"หา!! นี่ไอ้เติร์ดมันมีแฟนแล้วเหรอ ทำไมเติร์กไม่รู้"
"ก็เออน่ะสิ ขนาดตัวแกเองยังมีแฟนตั้งแต่มอสองเลย ไอ้เติร์ดมันมอหก ปีหน้าก็ต้องเข้ามหาลัยแล้ว มันก็มีแล้วดิ เอ็งนี่พูดยังไง" นี่ไอ้เติร์กยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ งง..เหมือนถูกพ่อด่ากลายๆ ว่าเอ็งมันแรด มีแฟนตั้งแต่ขนยังไม่ขึ้นเลย
"เอ็งอยากรู้เรื่องของมันเหรอไรอัน มาเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง" ไรอันพยักหน้ายกขานั่งขัดสมาธิ เตรียมพร้อมที่จะฟังเต็มที่
แหม ไม่ค่อยอยากจะฟังเลยนะ ดูจากท่านั่ง คณิตินค่อนขอดในใจ
เอาสิคนอย่างไอ้เติร์กลูกผู้ชายพอ ทำจริงก็กล้ารับจริง แต่พ่อนะพ่อ..ทำไมถึงชอบเอาลูกมาขายนักก็ไม่รู้ ไอ้เติร์กไม่เข้าใจ
"ไอ้เติร์กเนี๊ยะนะ มันเซี้ยวจะตายตอนวัยรุ่น เสียงแตกหนุ่ม หัวนมแตกพานไม่ทันไร มันก็พาสาวซ้อนท้ายมอไซค์เข้าบ้านมาแล้ว นี่ถ้าแม่มันไม่ด่าซะก่อน ป่านนี้สองแฝดนี่คงได้มีพี่ชาย ไม่ก็พี่สาวไปตั้งนานแล้ว"
"เห้ยพ่อ ไม่เอา ไม่เล่าเรื่องนี้ดิ อายเขา" คณิตินไม่อยากเสียงดังแต่ก็อดโอดครวญเสียไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เขาเป็นคนหน้าแตก นึกว่าสาวรุ่นพี่มาชอบ ขอมาเที่ยวบ้านด้วย แต่ที่ไหนได้ เธอดันชอบไอ้ต๊อด พี่ชายเขาซะงั้น ฝันสลายเลย
คณิตินบ่นหงุบหงิบได้ไม่นาน แอสตัน กับออสตินก็ตื่น "เป็นไงครับลูก หลับสบายไหม" แอสตัน กับ ออสตินไม่ตอบสงสัยจะยังเมาขี้ตากันอยู่
"ว่าไงครับคนเก่ง สวัสดีคุณตาคุณยายรึยังครับ"
"สวัสดีคับคูณตาคูณยาย" สองหน่อยกมือไหว้
"อะไร มีอะไรพ่อ"
"ข้าสงสัย เมื่อกี้เองบอกให้ลูกเรียกข้าว่าว่ายังไงนะ? ข้าได้ยินไม่ชัด"
นั่นแล้วไง ไอ้เติร์กว่าแล้วเชียว ว่ามันจะต้องมีคนถามแบบนี้"
"ว่าไง หรือเอ็งไปเป็นเมียพ่อไรอันเขาแล้ว หื้ม?"
"โอ๊ยยยพ่อ ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นแหละ แต่ไรอันเขาอยากให้เรียก ก็เลยเรียกไง จะสงสัยอะไรนักหนาก็ไม่รู้ พอๆ เปลี่ยนเรื่องเลย"
"แล้วเอ็งล่ะไรอัน อยากได้มันเป็นเมียไหม"
"พ่อ!! ทำไมไปถามเขาแบบนี้ล่ะเนี๊ยะ ไม่เอาๆ อย่าเล่นนะ ไอ้เติร์กขอ" ให้ไอ้เติร์กยกมือไหว้ก็ยอมอะ
"ข้าไม่ได้เล่นนะโว้ย นี่ก็กำลังจริงจังอยู่ เอ็งไม่เห็นรึไงว่าข้ายิ้มไม่ยิ้ม เอ็งน่ะอยู่เฉยๆ เลย" พ่อนี่ก็นะชอบแกล้งลูกตลอด แกล้งเมียตัวเองไม่พอ พอลูกกลับมาก็มาแกล้งลูกอีก
"เอ้าสรุปว่าไง จะเอาไหม เดี๋ยวข้าแถมข้าวสารให้สิบกระสอบเลยอะ" ทำไมไอ้เติร์กรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรังแก
แล้วนี่ค่าตัวเขาจะถูกไปไหน มันถึงขั้นต้องลดแลกแจกแถมกันเลยเหรอ
"ตอบสิวะไอ้หนุ่ม จะเอาไม่เอา มัวแต่ยิ้มอย่างเดียว ข้าไม่ยกให้นะโว้ย"
"เอาครับ" น้ำเสียงฟังดูฉะฉาน เสียงดังฟังชัด ไม่ใช่ละ!!
คณิตินทำหน้างอแล้วงออีก แทนที่กลับบ้านมาพ่อจะโอ๋ที่ไหนได้กลับยกให้คนอื่นเฉยเลย แล้วแบบนี้ไม่เท่ากับว่าไอ้เติร์กถูกขายไปแล้วเหรอ
ไม่โอเค ไอ้เติร์กไม่โอเค แล้วนี่ก็เหมือนกัน แทนที่จะปฏิเสธสักหน่อยก็ไม่ได้ คณิตินค้อนใส่ แล้วหันไปคุยกับบุพการีต่อ
"นี่พ่อไม่กลัวเขาหาว่าพ่อขายลูกกินรึไง คืนคำเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ" พ่อเลี้ยงทินกรกอดอก ยิ้มปริ่ม ถูกใจลูกเขย เอ๊ะหรือว่าลูกสะใภ้หว่า แต่ดูจากรูปการแล้วลูกตัวเองน่าจะเป็นฝ่ายอยู่ล่างมากกว่านะ
"นี่ใจคอพ่ออยากให้เติร์กเป็นเกย์รึไง"
"เป็นก็เป็นสิ เป็นเกย์มันผิดตรงไหน เอ็งไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ย้าบ้งยาบ้าก็ไม่ได้เสพย์ ไม่ได้ขายสักหน่อย" ไรอันพยักหน้างึกๆ เห็นด้วยกับว่าที่พ่อตาที่สุด
"นี่ถ้าไอ้เติร์กเป็นเกย์ขึ้นมาจริงๆ แล้วพ่อจะหนาวนะบอกไว้ก่อน" คณิตินเริ่มสะบัดสะบิ้งจนพ่อมันหมั่นไส้
"ข้าชิลๆ ลูกชายข้าก็มีตั้งสามคน จะมีเอ็งเป็นลูกสาวสักคนก็ไม่เป็นไร"
"ความจริงข้ากับแม่เอ็งอยากได้ลูกสาวมาตั้งนานแล้วเหอะ แต่ไม่มีสักคน ตอนแม่เอ็งท้องเอ็ง ก็เห็นกินแต่ของหวาน ของคาวนี่ไม่แตะเลย เข้าใกล้หน่อยก็บ่นเหม็น พวกข้าเองก็นึกว่าจะได้ลูกสาวมาเชยชมสมใจซะแล้ว แต่พอคลอดออกมาดันมีเดือย ข้ากับแม่เอ็งก็เลยต้องทำใจ" ดูทำหน้าอย่างกับเสียใจมากมาย ไอ้เติร์กรู้หรอกว่ามันเป็นแอคติ้ง
"นี่แม่เอ็งไม่เคยเล่าหรอกเหรอ ว่าตอนเอ็งเกิดมาแรกๆหน้าตานี่อย่างกับเด็กผู้หญิงเลย ขนาดไอ้แตมเด็กข้างบ้านยังมาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นจนพ่อแม่มันคิดว่าต้องได้เอ็งเป็นลูกสะใภ้แล้วแน่ๆ ข้ากับแม่เอ็งเลยปลงตกตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ ถ้าเอ็งจะมีผัวไปสักคนพวกข้าเองก็เข้าใจ"
พอถึงประโยคสุดท้ายนี่ไรอันแทบหลุดหัวเราะออกมาเลย
คณิตินบ่นกระปอดกระแปดในใจ เถียงไปก็ไม่ชนะเขาหรอกสอวผัวเมียเนี๊ยะ พ่อนะพ่อ ไม่ไว้หน้าเขาสักนิดเลย เรื่องหน้าอายแบบนี้จะเอามาเล่าอีกทำไมก็ไม่รู้
เรื่อวตอนเด็กของเขา คุณนายเอาเล่าบ่อย พอๆ กับเขาเอาหนังจักๆวงศ์ช่องเจ็ดมารีเมคนั่นแหละ ไอ้เติร์กก็อุตส่าห์กำชับนักกำชับหนาว่าอย่าเอามาเล่าให้ใครฟังอีก
แต่ที่ไหนได้ บอกแม่แต่พ่อดันเอามาเล่าอีก เวรกรรม!! ดีนะแม่พาเด็กๆ ไปชิมขนมเทียนไม่งั้นเขาถูกไฟบรรลัยกันของทั้งพ่อทั้งแม่เผาจนเป็นจุลแน่
"แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งโตเอ็งก็ยิ่งเหมือนลิง ไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กเลยสักนิด" พ่อเลี้ยงทินกรเบ้ปาก
"พอๆ พ่อ แค่นี้ไอ้เติร์กก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วแทนที่จะเล่าแต่สิ่งดีๆ น่าชื่นชมของลูก ที่ไหนได้เล่าแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้" คณิตินทำหน้าบูด พ่อเลี้ยงเองก็ยิ้มพอใจที่แกล้งลูกได้สำเร็จ
"พอก็ได้วะ เอ็งนี่มันขี้งอนได้แม่จริงๆ" ว่าแต่เขา เมื่อกี้ใครก็ไม่รู้งอนเมีย ไอ้เติร์กไม่อยากจะเมาท์
ไรอันขยับเข้ามากระซิบ "ออสตินเองก็ขี้งอนเหมือนคุณเลย" นี่มันใช่เรื่องที่ยกมาเป็นตัวอย่างไหม โอ๊ยยยย ถ้าไม่หยุดแซวแบบนี้ ไอ้เติร์กจะหนีขึ้นข้างบนแล้วนะ
"อ้าวไอ้เติร์ด มาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"มาตั้งแต่พ่อเล่าเรื่องเฮียตอนเด็กๆ แล้ว" บ้านนี้แปลกนะผมว่าตัวเองมีเชื้อสายจีนกันครึ่งหนึ่งจากทางพ่อ แต่พวกเราก็ไม่ค่อยทำตัวแบบครอบครัวคนจีนทั่วไปกันสักเท่าไหร่ วันตรุษจีน เชงเม้งอะไรก็ไหว้กันเล็กๆ แค่นั้นเอง
นอกจากนี้ก็มีเรียกเฮีย เรียกป๊าม๊านี่แหละ แต่นานๆ ทีเลย เพราะส่วนใหญ่พ่อจะไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกตัวเองว่าป๊าสักเท่าไหร่ พ่อบอกว่ามาอยู่เมืองไทยตั้งนาน จนลืมไปแล้วว่ารากเง้าของตัวเองเป็นคนจีนเลยอยากให้ทุกคนเรียกแบบคนไทยมากกว่า
ส่วนเรียกเฮีย นี่ก็เรียกกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เริ่มจากเฮียต๊อดเลย มันสอนให้เรียก ดูทีวีเห็นเขาเรียกกัน มันก็อยากให้น้องๆ เรียก บอกว่าเท่ห์ดี
คณิตินพยักหน้าให้น้องชาย ไม่เจอกันเกือบจะสองปีแล้วเหมือนกัน ดูตัวมันโตขึ้นจนจะเท่าเขาอยู่แล้ว แถมยังหล่อกว่าพี่มันอีก
นอกจากตาตี๋ๆ ที่บ่งบอกว่ามันเป็นน้องเขาแล้ว นอกนั้นมันกับเขาไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด ไอ้เติร์กขาว ไอ้เติร์ดมันคล้ำกว่าเพราะชอบเล่นฟุตบอล นอกจากนี้ยังตัดผมสกรีนเฮดอีก แถมยังมีรอยคิ้วแตกเพราะตกบันไดบ้านตอนเด็กอีก แล้วกลับมาดูไอ้เติร์กตอนนี้สิ มันใกล้คำว่าหุ่นอาเสี่ยเข้าไปทุกทีแล้ว บรื้ยยยย!! น่ากลัวตัวเอง
"แล้วนี่กินอะไรรึยัง"
"ลงมากินตั้งแต่ก่อนเฮียกลับมาแล้ว" คณิตินพยักหน้า
"แล้วแม่จัดห้องไว้ให้ไหมอะพ่อ" พ่อเลี้ยงทินกรส่ายหน้า "ก็เอ็งบอกว่าไม่ต้องบอกแม่เอ็ง อยากเซอร์ไพร์ซ ก็นี่ไง ไม่มีใครจัดห้องให้ แล้วแม่เอ็งก็ไม่รู้ด้วยว่าเอ็งจะมา
เอ่อๆ เขาผิดเองแหละ เดี๋ยวไปจัดเองก็ได้....
"แล้วหลานอยู่ล่ะเฮีย คิดถึงมัน เดี๋ยวไปถ่ายรูปกับมันดีกว่า จะได้เอาลงเฟซบุ๊ค ดูสิว่าอากับหลานใครจะหล่อกว่ากัน หึๆๆ" คณิตินส่ายหัวกับความบ้าของน้องชาย เขากับมันห่างกันเกือบสิบปี แม่บอกว่ามันเป็นลูกหลง ตอนท้องก็อายุเยอะพอสมควรแล้ว แต่จะไปเอาออกก็สงสารมันอีก พ่อเองก็บอกว่า เก็บเอาไว้เหอะเผื่อมันจะเป็นผู้หญิง แล้วเป็นไงล่ะ ผู้หญิงไหมล่ะ?
"แม่พาไปกินขนมจ๊อก ฮั้นนอมาแล้ว" หมายถึงนั่นไงมาแล้ว บางทีเราพี่น้องก็พูดคำเมืองกัน เพราะแม่เป็นคนเหนือ พ่อเป็นคนภาคกลาง เลยพูดได้ทั้งสองเลย แต่ส่วนใหญ่พวกเราจะพูดกลางกันมากกว่าเวลาอยู่กันในครอบครัว แต่พอออกไปข้างนอกก็คำเมืองนี่แหละ
"แอสตัน ออสตินครับ จำได้ไหมนี่ใครเอ่ย?" เด็กๆ มองหน้าไอ้เติร์ดแล้วส่ายหัว ก็จะไปจำกันได้ไงตอนไอ้เติร์ดลงไปเยี่ยมที่กรุงเทพล่าสุด แอสตันกับออสตินยังเด็กอยู่เลย "สวัสดีอาเติร์ดรึยังครับสองแสบ"
"ดีมากครับ" แอสตัน กับออสตินยกมือไหว้ แล้วก็กัดขนมจ๊อกใส่มะพร้าวในมือต่อ ขนมจ๊อกหรือทางภาคกลางขนมเทียน หรือขนมนมสาวนั่นแหละครับ แต่ทางเหนือเขาเรียกแบบนั้นกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแหะ
"ลำก่อแฝด?" ไอ้เติร์ดถามแอสตันกับออสตินว่าอร่อยไหมแต่เด็กๆ ฟังภาษาเหนือไม่ออกไงเลยได้แต่ทำหน้างง ทำตาแป๋วพับพริบๆ ส่วนไอ้เติร์ดเห็นหลานฟังไม้รู้เรื่องก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ไม่ต้องบอกเลยว่าไอ้นี่มันได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร
"อย่าแกล้งหลาน พ่อเขานั่งอยู่นั่นน่ะ ไม่เห็นรึไง"
"โอ๊ะ..สวัสดีครับ" ไรอันพยักหน้ารับ รายนี้ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน ไว้เดี๋ยวค่อยแนะนำตัวกันทีหลังละกัน
"เมื่อกี้อาเติร์ดเขาถามว่าอร่อยไหม เด็กๆ ตอบว่าไงครับ"
"อร่อยคับ" แอสตันตอบ แต่ออสตินนี่ยังไม่ตอบ "แล้วออสตินล่ะครับ"
"หร่อย" ไอ้เติร์กล่ะกลัวมันติดคอลูกจัง "อร่อยก็ค่อยๆ กินนะครับ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะติดคอ"
แอสตันนี่ยังกินไม่หมดลูกเลย แต่ออสตินนี่กัดอีกคำก็จะหมดแล้ว สกิลการกินนี่มันคนละชั้นกันจริงๆ มิน่าล่ะแอสตันถึงชอบว่าน้องว่าอ้วน
"อ้วนพอก่อน เดี๋ยวกินข้าวกลางวันไม่ได้" พูดอ้วนคำแรก ไอ้เติร์กนี่หันมาก่อนเลย นึกว่าเรียกตัวเอง แต่พอไม่ใช่ก็ค่อยยังชั่วหน่อย แอบร้อนตัวเนอะคนเรา
"ป่าป๊าฮับ ออสตินหิววววว" หน้าตาออสตินตอนนี้นี่บ่งบอกมากเลยว่าหิวมาก อยากกินข้าวแล้ว
"ป่าป๊ารู้ครับ เดี๋ยวรอแป๊บนึงก่อนนะครับ เดี๋ยวป่าป๊าไปเอาอะไรมาให้กิน"
"แม่ทำข้าวเงี้ยวไว้ เอามาให้เด็กๆ ได้เลย ระวังนะมันร้อน" คณิตินพยักหน้างึกๆ แล้วเดินไปเอาข้าวเงี้ยวจากหม้อนึ่งมาให้
"เอ้าคุณกินสิ ไม่ต้องกลัวว่ากินแล้วจะตายหรอก ขนาดเด็กๆ ยังกินเลย"
"เค้าเรียกว่าอะไร"
"เขาเรียกว่า ข้าวเงี้ยว หรือบางคนเรียกข้าวกั๊นจิ้น"
"ทำไมดำ"
"เออน่า สีมันอาจน่ากลัวไปสักหน่อย แต่มันอร่อยนะขอบอก"
ไรอันตักคำเล็กๆ ใส่ปาก เคี้ยวตุ่ยๆๆ "เป็นไง อร่อยไหม"
"อร่อย" พอไรอันตอบว่าอร่อย คนทำอย่างคุณนายยุพินก็ยิ้มแก้มแทบปริเลย คอยตักนั้นตักนี่ให้เจ้าตัวชิม ไม่ว่าจะเป็นแกงฮังเลเอย น้ำพริกอ่อง แคปหมูเอย หรือแม้กระทั่งไส้อั่ว กับจอผักกาด สองอย่างหลังนี้แม่ให้เจ้าเติร์ดมันไปซื้อมาจากตลาดให้ เพราะไม่มีเวลาทำเอง
"อันนี้ไม่ชอบเหรอคุณ" ไรอันพยักหน้า ความจริงไอ้เติร์กก็ไม่ชอบนะจอผักกาด เพราะกลิ่นมันแปลกๆ รสชาติก็นะบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่แม่กับพ่อนี่ชอบ เรียกได้ว่าทำหนึ่งหม้อกินได้สองมื้อเลย ยิ่งถ้ากินกับปลาทูมันย่างถ่านไฟแล้วยิ่งอร่อย
"งั้นก็ไม่ต้องกิน ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน"
"แล้วมันคืออะไร"
"ถ้วยนี้อะเหรอ"
"อื้ม"
"เขาเรียกว่า จอผักกาด ที่กลิ่นมันแรงเพราะเขาใส่ปลาร้ากับถั่วเน่าด้วย แต่มันไม่ได้เน่านะคุณ แค่ชื่อมันเฉยๆ ความจริงมันคือถั่วเหลืองบด ผสมกับพริกกับเครื่องปรุงนิดหน่อยแล้วเอาไปนึ่ง"
"ส่วนที่คุณว่าดำๆ มันคือข้าวเงี้ยว บางที่ก็เรียกว่า "ข้าวกั๊นจิ้น" เป็นอาหารเหนือ คำว่า "กั๊น" เป็นคำเมืองแปลว่า นวด บีบหรือคั้น ส่วนคำว่า "จิ้น" ก็คือเนื้อหมู แต่บางคนมักเรียกกันว่า" ข้าวเงี้ยว " เพราะมันเป็นอาหารที่เป็นของชาวไทใหญ่ คนไทยในอดีตมักจะเรียกชาวไทยใหญ่ว่า "เงี้ยว" มันก็เลยกลายมาเป็นชื่อของอาหารนี้ไง"
ส่วนวิธีทำคือ เอาเลือดไปคั้นกับใบตะไคร้เพื่อไม่ให้มันออกมามีกลิ่นคาว จากนั้นก็เอาเลือดที่ได้และหมูสับมาคลุกเคล้ากับข้าวสวยจนมันเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือหรือซีอิ้ว แล้วนำไปห่อใบตอง พอเสร็จก็นำไปนึ่งจนสุก เวลากินก็โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว พริกแห้งทอด หอมแดง แตงกวา ผักชีต้นหอม เป็นเครื่องเคียง ว่ากันว่าเป็นอาหารไม่กี่ชนิดในอาหารล้านนาที่ทำมาจากข้าวจ้าว หรือข้าวหอมมะลิ เพราะปกติคนแถวจะนี้นิยมกินข้าวนึ่งหรือข้าวเหนียวเป็นหลักมากกว่า
จบมื้อนี้ไอ้เติร์กกินจนพุงกางเลย ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้หมาหรือแมวเลยนอกจากก้างปลาทู นอกนั้นเรียบ
"เหนื่อยไหมคุณ ถ้าเหนื่อยก็นอนพักก่อนได้นะ ผมจัดห้องไว้ให้แล้ว เป็นห้องของผมเอง ไม่ต้องเกรงใจ" ที่ถามเพราะไอ้เติร์กก็จะนอนพักสายตาด้วยสักชั่วโมงสองชั่วโมง จากนั้นค่อยลุกมาช่วยแม่ทำกับข้าวตอนเย็น
"ฮ้าวววว ง่วงจริง" พอหัวถึงหมอนปุ๊บ คณิตินก็เข้าสู่นิทราปั๊บเลย เพราะตื่นมาขึ้นเครื่องแต่เช้า ไหนจะเตรียมกับข้าวให้สองแฝดกินก่อนออกจากบ้านอีก
ชีวิตพ่อลูกแฝดมันก็จะเหนื่อยอย่างนี้แหละ
---------------