ผมให้เขาไปส่งที่บ้านตัวเองดีกว่าไปบ้านแม่ เพราะสภาพตอนนี้ ต่อให้เด็กป.3ก็ดูออกว่าไปเจออะไรมา
อย่างที่เคยบอกว่าผมแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่วัยรุ่น โดยเช่าบ้านของพ่อเพื่อนไว้ เพราะพวกเขาย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกัน แต่เพื่อนมันหวงบ้าน เลยขอพ่อให้ผมมาดูแลให้ และเก็บค่าเช่าถูกแสนถูก
แค่ทำงานพาร์ทไทม์ก็ได้มาจ่ายค่าเช่าพอดี ผมจึงไม่มีปัญหาเรื่องการเงินสักเท่าไหร่ เพียงแต่ไม่มีเก็บเท่านั้น
“บ้านน่ารักดีนี่”
ผมพยักหน้ายิ้มเห็นด้วย ดีใจที่มีคนชมบ้านเรา อุตส่าห์ลงมือตกแต่งเองนี่นา
“เหมือนย้อนยุค”
“ผมชอบสไตล์นี้”
“ชอบแบบนี้ แต่ทำไมกลัวบ้านฉัน”
เปลี่ยนสรรพนามแล้วเหรอ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย
“อย่างคุณเรียกยุคโบราณสมัยกรุงศรีแตก ส่วนอย่างผมเรียกวินเทจครับ”
เขาไม่ตอบอะไร เอาแต่หัวเราะหึๆในคอ
พอเดินมากเข้า อาการมึนหัวก็ปรากฏ
ผมทรุดนั่งอย่างคนหมดแรง คลึงขมับเบาๆ อาการรุมๆระอุในกายมากขึ้นเรื่อยๆ
“นอนก่อนไป”
“คุณกลับเลยก็ได้นะ”
ไม่รู้ว่าเขาตอบอะไรหรือเปล่า เพราะผมเคลิ้มหลับแทบจะทันที
................................
ตื่นมาก็บ่ายแก่แล้ว
รอบบ้านเงียบเชียบ
ใจผมเกิดอ่อนแอขึ้นมายามไม่มีใคร
ผมไม่นึกว่าเราจะได้เจอกันอีก
มันเหมือนฝันเลยนะ ที่เราโคจรมาเจอกัน....ฝันร้ายน่ะ
คงไม่ต้องมานั่งนึกทบทวนว่าเราน่าจะทำอย่างนู้นจะทำอย่างนี้
เพราะมันเป็นอดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
ผมไม่ได้รู้สึกดีนักหรอกที่ยอมนอนกับเขา โดยเฉพาะตอนนี้....
ตอนที่นึกได้ว่า เราไม่ได้รักกัน.....
ใจง่ายไปหรือเปล่านะเรา....ถึงได้นั่งน้ำตาซึมเพราะตื่นมาไม่เจอเขาอยู่อย่างนี้
อาจเป็นเพราะข้อตกลงของเขา ที่มันทำให้คิดว่าเราอาจกลายเป็นคนสำคัญ
แต่ผมลืมไปว่า ภรรยาเขาเพิ่งเสีย คงไม่มีคนใหม่ง่ายๆหรอก
และเขาคงรักคุณพีชมาก.....
RRRRRRRR
พี่แทนโทรมาตามแน่เลย
จะหาข้ออ้างอะไรดีวะเรา....
“ฮัลโหลครับพี่”
/”เป็นอะไรหรือเปล่านัท ปวดแขนมากเลยเหรอถึงหายไปเนี่ย”/
“ก็นิดหน่อยครับ”
/”แล้วนี่อยู่ไหน”/
“ผมอยู่บ้าน”
/”นัท....บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่ตัวนัทคนเดียวนะ มีอะไรก็บอกกันนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว...ตั้งแต่นัทรถชน รู้มั้ยเราเปลี่ยนไปมากนะ”/
“ขอโทษครับ”
/”ไม่เป็นไร พี่เป็นห่วง....กินข้าวด้วยล่ะ เที่ยงแล้ว”/
“ครับคุณพ่อ”
ผมกดวางสาย น้ำตาคลอ....
สงสารตัวเอง แล้วก็สงสารพี่แทนด้วย
ถ้าวันนั้นผมมีสติกว่านี้ เขาคงไม่ต้องมาโทษตัวเอง
...เหนื่อยใจที่เราอ่อนแอ
ผมทอดไข่เจียวแล้วกินยาตาม
รู้สึกไม่อยากอาหารเท่าไหร่
จากนั้นก็สำรวจบ้านที่ไม่ได้มาดูเลย ต้นไม้เหี่ยวแห้งเหมือนเจ้าของมัน
ผมยืนคุยกับต้นไม้ ขอโทษมันที่หายไปนาน จนได้ยินเสียงเครื่องยนต์หน้าบ้าน
“หายไวจังนะ”
ผู้ชายสมัยนี้ปากจัดจัง ชอบแซะชอบแขวะเรื่อย
ผมอยากแกล้งฉีดน้ำใส่เขา แต่ขี้ขลาดเกินไป
“กินข้าวหรือยัง ซื้อซูชิมา”
เขาชูถุงพลาสติกสีขาว มีลายร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังแปะอยู่
“กินพาราไปแล้วครับ”
“ถามว่ากินข้าว ไม่ได้ถามว่ากินยา!”
เขาขึ้นเสียง เพราะคิดว่าผมกวน
แต่ผมไม่ได้กวนนะ มันเบลอจริงๆเลยตอบไปแบบนั้น
ไม่อยากต่อความยาว เลยพูดขอโทษคนแก่กว่าไป แล้วหยิบซูชิไปจัดใส่จานให้เขา
อร่อย....
ไม่ได้กินปลาดิบสดๆหวานๆแบบนี้มานานแล้ว
ปกติผมชอบทำกับข้าวกินเองมากกว่า ไม่ค่อยชอบอาหารต่างชาติเท่าไหร่
“กินเยอะๆ”
เขาคีบซูชิหน้ากุ้งตัวโตใส่จานผมด้วยใบหน้านิ่ง
ขี้เก๊ก!
คำเดียวที่นึกออกตอนนี้เลยแหละ
เอาเข้าจริง เราก็อยู่ด้วยกันได้โดยที่ไม่กัดกัน
เขาอยู่ในมุมของเขา นั่งไขว่ห้างเล่นแท็บเล็ตด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ส่วนผมกำลังตอบแชทบรรดาแฟนคลับในเฟซบุ้ค
ก็พี่แทนน่ะสิ ดันโพสต์หน้าของผมว่า
“ขอให้หายป่วยนะครับคนดี”แฟนคลับเลยกระหน่ำโพสต์กันใหญ่เลย
แล้วแทนที่จะอวยพรให้หายนะ กลับถามว่าเราคืนดีกันแล้วหรือยังแทบทุกคน...
ติ๊ง...
สามภพ อาณพกุล ขอคุณเป็นเพื่อน
เห...?
ผมหันขวับไปหาเขา แล้วต้องรีบหลบ เพราะดวงตาดุเหมือนเสือจ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
หรือไอ้ที่หน้าดำคร่ำเครียดเมื่อกี๊เป็นเพราะเราคุยในเฟซหรือเปล่า
กดรับเป็นเพื่อนแบบแทบไม่ต้องคิดเลย
ติ๊ง...
ตอนนี้นัทคบกับผม
อะไรเนี่ยคุณภพ!!!
ไทม์ไลน์ผมแทบแตกภายในเวลาไม่ถึงนาที
“คุณไม่กลัวคนเขาเอาไปเมาท์เหรอ ไอ้ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก คนรู้จักก็แค่ในเฟซ แต่คุณน่ะตระกูลดังนะ”
“ทำไม...คนอย่างฉันจะคบกับเน็ตไอดอลไม่ได้หรือไง”
เขาถามกวน พร้อมกับขยับตัวเขาหาผมที่ชักจะปวดหัวตุบอีกรอบ
“คุณลืมไปแล้วหรือว่าภรรยาเพิ่งเสีย”
ผมกลอกตาระอาเมื่อดวงหน้าเขาดูตกใจ ...นี่โพสต์ไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบใช่ไหม
เขานิ่งคิดครู่หนึ่งจึงตอบ
“ช่างมันเถอะ ถึงจะลบไปมันก็มีคนแคปทันอยู่ดี”
“แล้วพ่อแม่คุณล่ะ”
“รายนั้นรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นไบ แล้วก็....ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าคงไม่ตกใจหรอก”
เฮ้อ....คนอะไร ใช้ชีวิตง่ายชะมัด
ลองนึกดูนะ..
อยากปล้ำผมก็จับมาซะเฉยๆ
อยากปล่อยก็ปล่อย
อยากโพสต์อะไรก็โพสต์
ผมกดชื่อเขาเพื่อไปส่องหน้าวอลล์คนเอาแต่ใจ
ปรากฏว่ามีแต่โดนแท็ก โพสต์เองอยู่สองสามโพสต์ นับได้ว่าเป็นเฟซที่ร้างมากๆ
****
อาทิตย์ ต่อมาผมได้รถคันใหม่ และกลับไปทำงานได้แล้ว
ส่วนเขาก็ไม่ลืมที่จะสั่งว่าห้ามไปอ่อยคนอื่น
เขาชอบมานอนเล่นบ้านผม มานอนได้สองสามชั่วโมงแล้วก็กลับ
แต่มีอยู่วันหนึ่งพ่อแม่ผมเอาของมาคืนให้ แล้วเจอเข้าพอดี
เหมือนพวกท่านจะรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าถึงได้ไม่ต้อนรับคนสร้างเรื่องอย่างเห็นได้ชัด
แม่แอบคุยกับผมว่าไม่อยากให้คบกัน เพราะคนที่แฟนเพิ่งตาย แล้วมีแฟนใหม่ทันทีนั้น หาดียากมาก
ผมอยากจะบอกท่านนะว่าไม่ได้คบ แค่โดนคุณเขาบังคับให้เป็นนายบำเรอเฉยๆ
... แต่เดี๋ยวจะหนักกว่าเดิม เลยไม่พูดอะไร
“น้องนัทททท”
พี่ตาวิ่งออกมาจากบริษัท ตรงเข้ามากอดผมแน่น
“ทำไมมีแฟนใหม่แล้วไม่บอกพี่บอกน้อง”
ว่าแล้วไง....
“แหะๆ ก็แค่คุยๆครับพี่ ยังไม่ได้เป็นแฟน”
“แล้วไป...พี่เป็นห่วงเรา มีแต่คนเมาท์ในทางไม่ดีกันทั้งนั้น กระทู้ขุดพรึบพรับ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอพี่”
“แน่นอน”
“ผมไม่ได้น่าสนใจสักหน่อย”
ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นเน็ตไอดอลตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้ตัวอีกทีก็มีคนมาขอถ่ายรูปแล้ว โดยเฉพาะเวลาเดินคู่กับพี่แทน
คือเราไม่ได้อายุรุ่นๆ น่ะ ผมเกือบสามสิบ ส่วนพี่แทนก็สามสิบแล้ว เราคบกันก็มีโพสต์รูปบ้าง แต่มันไม่ได้หวานชื่นน้ำตาลละลายขนาดนั้น
“ไงเรา....พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย”
พี่แทนให้พี่ตาออกไปก่อนจูงมือผมไปทางหลังบ้าน
“พี่อยากคุยกับเราเรื่องนายสามภพ”
ผมก้มหน้าหลบสายตาจับผิด
“ใครๆก็รู้ว่าเขานิสัยไม่ดี ไปคบกับได้ยังไง ....ไหนจะโดนเมาท์ว่าเราเป็นชู้อีก”
“ผมไม่ได้เป็นชู้”
เถียงเหมือนเด็ก ยิ่งทำให้พี่แทนหัวเสียเข้าไปใหญ่
“แล้วนึกไงไปคบกับเขา”
“ยังไม่ได้คบ คุณภพเขาแค่โพสต์เล่นๆ”
“คิดว่าพี่โง่เหรอนัท พี่ถามแม่เราแล้ว”
“เออๆ เขาจีบ แต่ยังไม่ได้คบแน่นอน”
ไม่รู้ทำไมผมไม่เคยปฏิเสธเรื่องของเขาได้เลย จะบอกว่าไม่คบ ไม่เอาคนนี้ก็ไม่พูดหรอกนะปาก...
หรือจะเล่าความจริงให้พี่แทนฟังก็ได้ พี่แทนต้องช่วยผมได้แน่ๆ
แต่ทำไม.....
“อย่าคบเขานะนัท พี่เป็นห่วงเราจริงๆ เราน่ะหัวอ่อน”
“ผมรู้....ผมมันใจง่าย”
พี่แทนถอนหายใจเสียงดังทันที
“การยอมคนอื่นง่ายๆ มันไม่ใช่ทางออกหรอกนะนัท”
พี่แทนพูดแล้วเดินออกไป เหมือนพระเอกที่ชอบทิ้งคำคมไว้ตอนจบของละคร
พี่เขาพูดถูก
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมแทบไม่เคยโกรธใครเลย ผมตามใจทุกคน อยากทำอะไรก็ทำได้ตามสบาย โดยเฉพาะกับบรรดาแฟนเก่า
ผมคงใจดีเกินไป
ดีเกินไป
ถึงโดนทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า
ลงภาพตัดดราม่านิดนึง