“…ฌอน”
ผมพึมพำกับตัวเองเสียงเบา รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัวเหมือนจะร้องไห้โฮออกมา ต้องขอบคุณที่พวกเขากำลังสติแตกไม่อย่างงั้นคงจะรู้แน่ๆ ว่าผมคือคนที่พวกเขากำลังตามหา
ฌอนแสดงท่าทีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาดูทั้งเศร้าทั้งโกรธในเวลาเดียวกัน และสาเหตุก็คงมาจากผมที่หายหัวไปไม่บอกไม่กล่าว โอเค ผมยอมรับว่าผมผิดที่ไม่ยอมไปลาเขา แต่จะให้ผมกลับไปบอกแม่ของเด็กคนนั้นว่าน้องเขาตายแล้ว ผมก็ไม่กล้าพอหรอก
ช่วยไม่ได้ผมรับปากอย่างดีว่าจะพาน้องมารักษาและพากลับไปอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ตามที่เห็น ผมทำน้องตายแล้วคนที่ทำคนอื่นตายอย่างผม สมควรแบกหน้ากลับไปด้วยเหรอ ก็ไม่ควรใช่ไหมล่ะ ที่แห่งนั้นไม่จำเป็นต้องมีผมก็ยังอยู่กันได้ ต่อให้ผมตาย โลกใบนี้ก็ยังหมุนต่อไปอยู่ดี
ผมเชื่อว่าทุกคนอยู่กันได้โดยปราศจากคิงอย่างผม ทุกอย่างเพียงพอแล้วในนั้น ถึงมันจะไม่มากแต่ก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร ถ้าทุกคนช่วยเหลือกันเอื้อเฟื้อกัน ดีไม่ดี อาจจะมีชีวิตรอดไปจนถึงตอนที่เราสามารถควบคุมประชาการซอมบี้ได้ก็ได้
แต่ผมก็รู้ว่ามันก็เป็นแค่ความฝันลมแล้งๆ ของผม โลกใบนี้มันโหดร้าย การคัดเลือกโดยธรรมชาติตามกฎของชาลส์ดาร์วิน ก็โหดร้าย ไม่ใช่เราทุกคนหรอกที่มีสิทธิ์รอด เผลอๆ อาจจะมีแค่ผมที่ยังเหลือรอดเพราะซอมบี้ไม่กิน
อย่างว่า ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก ดีไม่ดี ผมก็คงโดนไอ้หื่นกามที่นั่งหน้าเครียดหน้ามอนิเตอร์นี่ยิงตายตรงนี้แหละ
[ พวกแกฆ่ามาร์สไปแล้วใช่ไหม? ]
ฌอนเงยหน้ามองกล้อง นัยน์ตาที่ผมคิดว่าแดงจนนน่ากลัวแล้วตอนนี้น่ากลัวมากขึ้นไปอีก เส้นเลือดในดวงตาแตกแขนงเป็นสีแดงก่ำ แต่ละคำที่ออกจากปากน่ากลัวจนผมอดขนลุกไม่ได้
เขาไม่เคยอยู่ในสภาพแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยก็ต่อหน้าผม ปรกติฌอนจะเป็นไอ้อ้วนขี้กลัวกินจุ วันๆ เอาแต่กินและชวนผมกิน ไปดูหนังอะไรทำนองนั้น แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่เพราะชอบลองไปตามนัดของคนในแอพมากกว่า ตื่นเต้นกว่ากันเยอะ
[ แกมาผิดที่รึเปล่า! ฉันให้คนค้นหาจนทั่วแล้ว ทั้งในทะเบียนประวัติทั้งในค่าย ไม่มีใครสักคนที่ชื่อมาร์สบ้าบอคอแตกอะไรของแก! ]
เสียงทหารนายหนึ่งตะคอกกลับดังเข้ามาในไมค์ที่ติดตั้งแถวหน้าฐาน
[ พวกแกฆ่าซาน่า.. ฉันเห็นศพเธอ เธอตายแล้ว แก แกฆ่ามาร์สด้วยใช่ไหม ]
ฌอนเหมือนคนที่กำลังเสียสูญ ตัวสั่นสะท้านจนน่ากลัวว่าจะคลุ้มคลั่ง
เช่นเดียวกับผม
ที่พยายามกลั้นสะอื้นทั้งๆ ที่ร้องไห้จนตัวโยน
ถ้าฌอนเห็นซาน่าทุกคนก็ต้องเห็นเหมือนกันว่าเธอตายไปแล้ว ดีไม่ดีกระสุนนั้นอาจจะไม่โดนตำแหน่งสำคัญก็อาจจะทำให้เธอสามารถลุกขึ้นยืนกลายเป็นซอมบี้ไปอีกคนก็ได้
“ขอโทษ ฮึก ขอโทษ!”
สุดท้ายผมก็อดทนไม่ไหวกระโจนเข้าไปแย่งวิทยุสื่อสารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้ววิ่งสุดชีวิตออกจากห้อง
“หยุด!! จะไปไหน!!!”
เสียงคำรามสองเสียงคำรามไล่หลัง
ปัง!
หัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อกระสุนเฉียดหัวตัวเองไปอย่างพอดิบพอดี แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ผมหยุดวิ่ง ขาของผมยังคงทำหน้าที่ของมัน
ผมวิ่งทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะวิ่งไปไหนด้วยซ้ำ ผมไม่ได้วิ่งลงไปข้างล่างเพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องมีทหารเฝ้าประตูดัก ผมเลยวิ่งลงไปชั้นที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้ววิ่งลัดเลาะตามตึกไป
ปัง!
กระสุนฝังเข้าที่ๆ ผมเคยอยู่เมื่อวินาทีก่อนแต่มันก็ยังช้ากว่าผม ผมออกแรงวิ่งคร่ำครวญใส่วิทยุสื่อสารโดยไม่สนใจว่าใครจะได้ยินมันบ้าง ตอนนี้ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไหมจากการกระทำโง่ๆ นี่
[ ฌอน ฉันยังไม่ตาย! นายอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ฮึก ]
ลางสังหรณ์บางอย่างบอกผมว่าถ้าฌอนรู้ว่าผมตาย เขาจะฆ่าตัวตายตาม
สติปัญญาผมเหมือนเหลือแค่ครึ่งเดียว ผมเห็นประตูข้ามไปตึกอีกฝั่งอยู่ข้างหน้าแต่สิ่งที่ผมทำคือกระโดดเข้าไปอยู่ในกองขยะกระดาษซึ่งอยู่ในถังขยะเขียวขนาดใหญ่ ผมอยู่นิ่งๆ ในนั้นกอดวิทยุสื่อสารที่ผมปิดเสียงลำโพงไว้แน่น
“เร็ว! อย่าให้ไอ้เวรนั่นมันหนี!!!”
คนที่เกือบจะเป็นคู่นอนผมตะโกนก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ผ่านผมไป
[ นายอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ]
ผมกระซิบก่อนจะหลับตาลงปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่กล้าโผล่หัวออกไปดู แต่ผมก็ไม่ได้หลับเพราะถ้าหลับแ ก้มของผมคงไม่เปียกด้วยน้ำตา
ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นลงในวันนี้จริงๆ
ผมอาจจะถูกยิงตายหรือไม่ก็ฌอนที่ต้องตาย
คือมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดในตอนนี้ ผมวางแผนไว้ให้ฌอนมีชีวิตต่อไปในส่วนของผมเพราะเขาดูจะวางแผนและจัดระเบียบเก่งกว่าผมเป็นร้อยเท่า
แต่ฌอนคงไม่ได้คิดแบบเดียวกับผม
เขาออกตามหาผมทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเสี่ยงขนาดไหนที่ต้องมานอกอาณานิคมที่ซอมบี้เพิ่มขึ้นทุกนาที และถ้าผมไม่โง่ ผมก็พอจะเดาความรู้สึกของฌอนออก
ไอ้อ้วนที่กลายเป็นไอ้หล่อหุ่นล่ำมันชอบผม…
ตอนนั้นผมเคยแซวมันเล่นเพราะคิดว่ามันไม่จริงจังกับผม ผมแกล้งหยอกบีบพุงมันอย่างสนุกมือ อย่างน้อยๆ ตอนมันอ้วนผมก็ชอบเรียกมันว่าไอซ์แบร์และใช้เวลาส่วนใหญ่เวลาที่เจอมันในการเอาหน้าซบพุงนุ่มนิ่ม
แต่ใครจะไปรู้วันนึงมันจะกลายเป็นแบบนี้และผมไม่อยากให้เป็นด้วย
ผมมันแรด ผมรู้ดีและไม่คู่ควรกับฌอนด้วย ฌอนไม่ควรมาหลงรักผมเลยจริงๆ ผมมันไม่มีดีอะไรสักอย่าง ผมเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยเกรดห่วยๆ เพราะมัวแต่เอาเวลาไปสนใจอย่างอื่นที่ไม่ใช่การเรียน
ถึงโลกตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เกรดหรือชื่อมหาลัยสมัครงาน ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพออยู่ที่ดี ที่จะรับความรักอันบริสุทธิ์ของฌอน หมอนั่นซื่อตรงเกินไปและผมก็ไม่ซื่อตรงเกินไป
[ นายหนีไปซะ ฌอน ฉันไม่คู่ควรกับนายหรอก ]
ผมหลับตาสะอื้นในลำคอ
[ นายไม่ควรมาอยู่ที่นี่จริงๆ ฌอน นายเป็นคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่นะ ]
หัวใจผมแหลกสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีก ความเฉยชาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผมพยายามสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากอาการคลุ้มคลั่งเสียสติเริ่มสั่นคลอน
ภาพพ่อแม่น้องสาวน้องชายที่นอนจับมือเรียงกันกันในห้องรับแขกปรากฎขึ้นในหัว
ที่ปากของพวกเขาเปรอะไปด้วยเลือดกลุ่มใหญ่รวมถึงร่างทั้งร่างที่มีกลิ่นสนิมคละคลุ้งผสมกับกลิ่นสารละลายกรดบางอย่าง
พวกเขาน่าจะฆ่าตัวตายกันทันทีที่เห็นข่าวซอมบี้เพราะทีวีที่เปิดอยู่กลางห้องกำลังฉายข่าวซอมบี้ไล่ล่าคน ส่วนผมในตอนนั้นก็รู้สึกช็อคแต่ก็พยายามทำหัวให้โล่งด้วยการไม่คิดอะไรเลย ซากศพสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนพื้นไม่ใช่ครอบครัวผม แต่เป็นคนอื่น ครอบครัวผมยังอยู่ดีแต่ตอนนี้แค่ไม่อยู่บ้าน สิ่งที่ผมต้องทำคือเก็บกวาดซากศพหน้าตาคล้ายครอบครัวผมซะ
ผมในตอนนั้นสามารถลากพวกเขาไปฝังได้หน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ ผมรู้สึก รู้สึกมากและยิ่งชัดเจนตอนที่เห็นน้องซาน่าคล้ายกับน้องสาวของผม
น้องสาวที่เปรียบเสมือนกับสิ่งที่สวรรค์บรรดาลงมาให้ผมเล่น เธอสนิทกับผมมาก เพราะผมชอบถักเปียให้น้องพาน้องไปดูหนังเป็นเพื่อน มีอะไรหลายๆ อย่างที่ผมกับน้องสาวเข้ากันได้ดี เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องผู้ชายทั้งของผมและของน้อง เราสนิทกันมากจริงๆ
แต่มันก็เท่านั้น
เธอกลายเป็นศพ ซาน่ากลายเป็นศพ
ผมอยากกลายเป็นบ้าหรืออยากให้ตัวเองโดนซอมบี้กินไปอีกคนให้รู้แล้วรู้รอด แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองยังมีไอ้อ้วนอยู่ ขืนไอ้อ้วนรู้ว่าผมจะฆ่าตัวตายคงโกรธแย่ ผมเลยไม่ได้ทำสักที
[ ฌอน ถ้านายได้ยินฉัน ตอบฉันหน่อย ]
ผมกดเปิดเสียงลำโพงไม่สนใจจะปิดบังอีกต่อไป จะถูกจับได้ก็ถูกจับไปในเมื่อผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อย่างมากผมก็ตาย อย่างน้อยผมก็บ้า ต่อให้ผมรอดผมก็คงฆ่าตัวตายอยู่ดี ผมอยู่ไม่ไหวหรอกกับการอยู่คนเดียวแล้วเห็นศพคนรู้จักเดินไปมาเหมือนช็อปปิ้งอยู่ในตลาด
มันน่ากลัวเกินไปจริงๆ สำหรับการมีชีวิตแบบนั้น
[ มาร์ส นายอยู่ไหน ]
ผมยิ้มดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่
[ มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะอยู่ที่ไหน นายหนีไปซะ ]
ต่อให้ผมรู้ว่าเขาชอบผม ผมก็ยังยืนยันคำเดิมคือให้เขาหนีไป
ฌอนอาจจะคาดหวังอะไรบางอย่างจากผมมาตลอด อาจจะตั้งแต่ตอนที่เลือกมาหลบในบ้านผมเลยก็ได้ แต่ผมก็มีคำตอบเดียวอยู่ในใจเช่นกัน
ผมไม่เคยชอบฌอน
เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่มากกว่านั้น นี้เป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดที่ผมพอจะให้ฌอนได้ ไม่ใช่เพราะผมเกลียดฌอนแต่ก็แค่ฌอนยังไม่ใช่คนที่ผมจะใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ด้วยโดยไม่ออกนอกลู่นอกทาง
มันกลายเป็นสันดานผมไปแล้ว ผมชอบผู้ชายหล่อล่ำ มันก็เหมือนตอนคุณชอบดารา คุณชื่นชม คุณใฝ่ฝัน แต่ก็ไม่คิดจะดึงเขาลงมาเป็นของตัวเองแค่คนเดียว และผมก็เป็นอย่างนั้น
ฌอนตอนนี้หล่อก็จริงแต่เขาก็ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะหยุดผมอยู่ดี ผมแคร์เขาไม่อยากให้เขาตาย เพราะผมมองเขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่ผมเหลืออยู่
[ ฉันรักนาย มาร์ส ]
[ … อืม แต่ยังไงฉันก็ยังยืนยันคำเดิม นายหนีไปซะเถอะ มาสู้กับทางการด้วยมือเปล่า นายนี่มันไอ้โง่ชัดๆ ]
[ นายไม่ต้องรักฉันก็ได้ ฉันรู้จักนายดี ]
ถึงแม้สัญญาณที่ไม่เสถียรทำให้เสียงพูดของฌอนแตกซ่าๆ แต่ผมก็พอจะนึกหน้าคนพูดออก
ตอนนี้คงจะพยายามยิ้มเฝื่อนๆ ทั้งๆ ที่ตาสองข้างคลอด้วยน้ำตานิดๆ หมอนั้นเจ้าน้ำตาจะตาย ตอนเด็กๆ โดนแกล้งแย่งของเล่นก็ร้องไห้จนผมต้องไปต่อยแย่งคืนมาให้ ถึงหยุดร้อง
คิดถึงตอนนั้นจังเลยนะ..
[ … ฮึก ]
ผมหลุดสะอื้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
[ แค่ลงมาหาฉัน ถือซะว่าฉันขอร้อง ]
ผมโผล่หัวออกจากกองขยะกระดาษแล้วพาตัวเองไปที่ระเบียง ต้องขอบคุณความสูงของชั้นที่ผมอยู่ที่ทำให้สามารถเห็นพื้นที่รอบข้างได้ชัดเจน ผมกวาดตามองไปเรื่อยๆ พบว่าคนที่ทำงานกลางแจ้งพากันเข้าห้องไปหมดแล้ว แต่ทหารที่เหมือนจะเกณฑ์มาทั้งทัพต่างพากันวิ่งกันจ้าละหวั่น บนป้อมประกอบด้วยทหารสองสามนายกำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ด้วยความสงสัยผมเลยมองเลยไปข้างล่าง
“!!!!”
ซอมบี้จำนวนมหาศาลค่อยๆ เดินตีวงล้อมกรอบปราการนี้ พวกมันเดินกันช้าๆ ไม่มั่นคง แต่สร้างความหวาดกลัวอันทรงพลังแก่ผู้ที่มีลมหายใจ
และคนที่อยู่ใกล้พวกมันที่สุดก็คือ “ฌอน”
แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นสิ่งที่ผมตกใจคือกลุ่มเลือดที่เปรอะอยู่บนพื้นและบนเสื้อของฌอนซึ่งตอนแรกไม่มี
[ ฉันคิดว่าฉันเห็นนายแล้ว มาร์ส ]
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นฌอนยิ้มให้ตัวเอง ถึงแม้จะเป็นยิ้มที่เศร้ามากก็ตามที
[ นายโดนกัด… ]
ผมสะอื้นในลำคอ ศพที่เพิ่งกองอยู่ข้างๆ ฌอน บอกได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง ในมือฌอนข้างนึงยังคงถือรีโมทอะไรสักอย่างและอีกข้างคือวิทยุสื่อสารแบบเดียวกับผม ที่ผมไม่รู้ว่าฌอนใช้เล่ห์กลอะไรในการได้มันมา
[ ใช่ อีกไม่นานฉันก็คงกลายเป็นซอมบี้ตามคนอื่นไป ฮะๆ ]
[ นายมาที่นี่ทำไม ฌอน มาเพื่อเจอฉันอย่างงั้นเหรอ? ]
ผมตัวสั่นเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่จะทำให้ฌอนตายอีกในไม่ช้านี้
ทำไมโลกใบนี้ถึงได้ใจร้ายกับผมนักนะ
[ รู้ไหมในอาณานิคมที่ไม่มีควีน มันน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย ]
ฌอนยืนโงนเงนไปมาเหมือนยืนไม่ไหวก่อนที่จะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งแล้วยิ้มให้ผม ราวกับว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่สวนหลังบ้านไม่ใช่จานอาหารของพวกซอมบี้
เลือดไหลบ่าออกจากแขนค่อยๆ ย้อมเสื้อสีขาวหม่นให้กลายเป็นสีเลือด
[ ทุกครั้งที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันภาวนาให้นายกลับมาทุกวัน หนึ่งชั่วโมง หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน แต่นายก็ไม่กลับมา ทำให้ฉันรู้ว่านายเลือกที่จะจากที่นี่ไปแล้ว ]
ฌอนหัวเราะหึๆ
[ และนายก็ไม่คิดจะบอกไอ้อ้วนอย่างฉัน ไอ้อ้วนที่หลงรัก รักนายแทบตาย ยอมถวายชีวิตทุกอย่างขอแค่นายเอ่ยปาก รู้ไหมถ้านายอยากกินแอปเปิ้ลต้นที่อยู่กลางพวกซอมบี้ ฉันก็จะไปปีนเก็บมาให้นาย แต่นายก็ไม่เคยขอและฉันก็รู้ด้วยว่านายจะไม่ขอให้ฉันทำแบบนั้นเพราะฉันคือเพื่อนที่ดีที่สุดของนาย ฮึก ]
[ ..ฌอน ]
[ ไม่ ไม่ต้องพูดอะไร ฉันเข้าใจดี มาร์ส กระต่ายอย่างนาย แค่ฉันได้ให้อาหารได้ดูแลอยู่ห่างๆ ฉันก็มีความสุขมากแล้ว แต่ตอนนี้ฉันขออย่างนึงได้ไหม มาร์ส อึก ]
[ ฌอน!!! ]
ผมตะโกนเรียกอย่างตื่นตระหนกเมื่อฌอนกุมอกตัวเองและไอจนตัวโยน
ใช้เวลาพักใหญ่กว่าฌอนจะหยุดไอ ตาขาวของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ เป็นสัญญาณที่บอกให้ผมรู้ว่าเขาใกล้กลายเป็นซอมบี้เต็มที
[ ช่วยบอกรักฉันได้ไหม แค่ก มาร์ส ]
[ ฉันรักนาย ฌอน ฮึก ฉันรักนายมาก ]
นี่เป็นการโกหกที่ผมเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ถ้าผมรักฌอนได้จริงๆ ก็คงดี ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ตายเพราะออกมาตามหาผม
ฌอนยิ้มกว้างเหมือนคนที่มีความสุขที่สุดในโลกทั้งๆ ที่น้ำตาอาบใบหน้าและเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าที่แตกจนน่ากลัว
เขารู้ว่าผมโกหกแต่ก็เลือกที่จะมีความสุขกับมัน แม้กระทั่งในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยังรักผม
[ ขอบคุณนะ มาร์ส ]
ฌอนทิ้งตัวนอนบนพื้นหญ้าสีหน้าเจ็บปวดแต่ก็ยังพยายามจ่อวิทยุสื่อสารไว้ที่ปาก
[ ฉัน อึก หวังว่าคนสวยอย่างนาย จะได้ผู้ชายหล่อๆ หุ่นล่ำตามที่ฝันนะ ฉันไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไม นายถึงไม่ชอบฉัน ทั้งๆ ที่นายก็ชมหุ่นฉันดีอย่างนู้นอย่างนี้ทั้งวัน ฮะๆ ]
นั่นเป็นคำพูดติดตลกคำสุดท้ายที่ฌอนพูดออกมาก่อนที่จะตะเกียกตะกายคลุ้มคลั่ง สติสัมปัชชัญญะถูกกลืนกิน ทหารกลุ่มนึงวิ่งเข้าไปทันทีเมื่อฌอนค่อยๆ ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไร้ชีวิต
ผมยกมือปิดปากตัวเองพยายามกลั้นสะอื้น
ผมเสียไปอีกคนแล้ว
“หวัดดีคนสวย”
ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสถึงวัตถุเย็นเยียบที่จ่อที่หัวกับมือหนาที่โอบเอวผมไว้ หางตาเห็นทหารจำนวนมากยืนล้อมกรอบทุกทิศทุกทางปิดทางหนีของผม
ผมหลับตา
สิ่งที่น่ากลัวและใจร้ายที่สุดไม่ใช่โลกใบนี้หรอก
หากแต่เป็นมนุษย์ด้วยกันเองอีกต่างหาก
[ ฮื่อ.. ]
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงฌอนหากแต่พอจะชะเง้อดูฌอนก็ต้องรีบก้มตัวลงต่ำตามสัญชาตญาณ
ตูม!!!!
“เวรเอ้ย!!! รีบลงจากตึกเร็ว! ไอ้เวรนั่นมันจะระเบิดที่นี่ทิ้ง!”
โทมัสซึ่งยืนอยู่หลังผมสบถอย่างกราดเกรี้ยวก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเขารีบวิ่งไปทางอื่นพร้อมกับคณะที่เขามาจับกุมตัวผม
ตูม!!! ตูม !!!
เสียงระเบิดดังขึ้นเรื่อยๆ สลับกับเสียงกรีดร้อง
ผมค่อยๆ ทิ้งตัวนอนบนพื้นมองท้องฟ้าวันนี้ที่เป็นสีแดงก่ำคล้ายกับสีเลือด
จมูกของผมได้กลิ่นควันไฟ กลิ่นความเลือด กลิ่นความตาย
ตาของผมเห็นกลุ่มควันสีดำทะมึนลอยขึ้นฟ้าและมีแสงสว่างวาบจากระเบิดเป็นระยะ
หูตอนนี้ผมอื้อไปหมดจากเสียงระเบิดกัมปนาทข้างหู
ผิวหนังของผมสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่โลมเลียทุกอย่างที่ขวางหน้าและใกล้ผมเข้ามาทุกที อีกในไม่ใช่มันก็คงจะกลืนกินผมและเปลี่ยนให้ผมเป็นเถ้าถ่านเหมือนสิ่งอื่นอย่างเท่าเทียม
แปลก ที่ผมกลับไม่รู้สึกยินดีเท่าที่ควร
ทั้งๆ ที่จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของผมคือทำลายฐานที่มั่นที่นี่ซะ พอมันเกิดขึ้นจริงผมกลับรู้สึกเศร้ามากกว่าสะใจ ผมไม่รู้ว่าไอ้พวกบัดซบพวกนั้นตายกันไหม แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานมันก็คงตายไปเองจากโลกบ้าๆ นี้
เรื่องที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุดคงจะเป็นไอ้ติ๋มที่จริงๆ แล้วเป็นคนของทางการที่หนีมา และหยิบรีโมทอะไรนั่นติดตัวมาด้วย มิน่าตอนผมพามาเห็นกำแน่นอย่างหวงแหนไม่ยอมให้ผมแตะเลยทีเดียว ตอนผมถามก็โม้ว่าเป็นรีโมททีวีแต่ใครจะไปรู้ว่าความจริงมันคือรีโมทของระเบิดที่ติดตั้งไว้ตามฐานของที่นี่ ผมเดาว่าไอ้รีโมทนี้จะถูกใช้ในกรณีที่ซอมบี้ยึดที่นี่ไปแล้ว
แต่ยังไงก็ช่างทุกอย่างในตอนนี้กำลังจะจบลงแล้ว
“โลกนี้มันบ้าจริงๆ อย่างที่แกว่าเลยว่ะ อ้วน”
ผมหัวเราะก่อนที่จะหลับตาลง ถึงแม้จะมีโอกาสในการหนีผมก็ไม่คิดหนี
ผมเหนื่อยแล้ว..
ต่อให้ผมอยู่ต่อหรือตาย
โลกบ้าๆ นี่ก็ยังคงหมุนต่ออยู่ดี
BYE. --------------------------------------
เอาอีกแล้ว เรื่องสั้นอีกแล้ว 55555 ชอบเขียนเรื่องสั้นแนวมีคนตายมาก ชอบความเศร้าเวลาเขียน หม่นๆ ดี
เริ่มโรคจิตละ คนเขียน ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ
คุยเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง :
ตอนแรกที่วางแผนไว้ คือโทมัสจะเป็นแฟนมาร์สค่ะ แต่ไปๆ มาๆ บทมาลงตัวที่ฌอนซะงั้น รู้สึกว่ามันจะกลมกล่อมมากกว่าถ้ามีคนใดคนนึงตายเพื่อความรักในโลกบ้าๆ แบบนี้ ถ้าแฟนของมาร์สคือโทมัส อย่างมากโทมัสก็เปลี่ยนความคิดของมาร์สแล้วพามาร์สหนีเอาชีวิตรอดไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็ส่งตัวมาร์สเข้าศูนย์วิจัยและในที่สุดก็ได้ยาต้านเชื้อซอมบี้ ตอนจบมันคงแฮปปี้เกินไปสำหรับคนที่สูญเสียทุกอย่างอย่างมาร์ส ความต้องการมากที่สุดของมาร์สคือการที่โลกนี้ล่มสลายไปตามตัวเองและมันก็สำเร็จด้วยฝีมือฌอน ถึงเรื่องนี้จะจะจบลงไม่สวยแต่เพราะโลกใบนี้สำหรับมาร์สมันก็บ้ามากพออยู่แล้ว การตายคงจะดีกว่าต้องมาทนอยู่คนเดียวบนโลกบ้าๆ นี่
ฝากเพจ
:
https://www.facebook.com/FoggyTime/