หลังจากเลิกงานผมแวะซื้อพิซซ่าสาขาที่ใกล้คอนโดฯ ก่อนกลับ ความจริงสภาพเนมตอนนี้เหมาะกับอะไรอ่อนๆ ที่ไม่ต้องเคี้ยวหรือใช้กล้ามเนื้อส่วนใบหน้ามาก แต่เจ้าตัวอยากทานก็ได้แต่ตามใจ เห็นไม่ค่อยบ่นหรือโอดโอยเรื่องแผลเท่าไรแสดงว่าไม่เจ็บมาก หรือไม่ก็ทนได้ ผมไม่คิดหรอกนะว่าอย่างเนมจะบู๊ได้ขนาดนั้น ยอมรับว่าตกใจ แปลกใจ และก็ไม่ชอบใจ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่การมีเรื่องวิวาทกับคนอื่นในรูปแบบนี้ และเหตุผลนี้ ผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเนม คนที่ผมเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ และเป็นคนที่ผมสอน ปลูกฝังอะไรหลายๆ อย่าง ยกเว้นเรื่องรุนแรงพวกนี้
ผมกลับถึงห้องพร้อมกล่องพิซซ่าพร้อมเครื่องเคียงอื่นๆ เนมยิ้มกว้างทันทีที่เปิดประตูรับแล้วเห็นอาหารโปรด มือเล็กฉวยถุงอาหารพร้อมจูงมือผมให้รีบเดินตามเข้าไปทางครัว ท่าทางจะหิวจัด ผมปล่อยให้เนมจัดการอาหารไปก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าล้างมือล้างเท้าแล้วค่อยตามมาสมทบ เนมขอเอาอาหารไปนั่งทานหน้าโทรทัศน์ ผมก็ตามใจเพราะเห็นกำลังเปิดหนังดูอยู่ แถมยังมีกระดาษวางใกล้ๆ ตัว ดูไปก็จดไป
“ทำอะไร”
“รายงานฮะ เป็นวิชาเลือก อาจารย์ให้ดูหนังแล้วเขียนเรียงความเป็นภาษาอังกฤษ เนมก็เลยต้องดูหลายรอบหน่อย นี่ดูรอบสองแล้ว เนมดูๆ หยุดๆ นะ ต้องลอกคำพูดที่ประทับใจในเรื่องด้วย”
“แล้วไม่ดูเรื่องที่ง่ายๆ หน่อยล่ะ”ตอนนี้เนมเปิดหนังที่สร้างจากบทประพันธ์ หนังค่อนข้างย้อนยุค คำศัพท์เลยค่อนข้างยากนิดหน่อย แต่ผมว่าถ้าต้องเรียบเรียงออกมาเป็นภาษาอังกฤษมันจะยากกว่าดูเรื่องอื่นที่เข้าใจง่ายกว่านี้
“อาจารย์ให้เลือกแค่สามเรื่องเอง เรื่องนี้ง่ายสุดแล้ว กลุ่มเนมจับฉลากได้โคตรโชคดีเลย”
“รายงานกลุ่มแล้วทำไมนั่งทำคนเดียว”
“เนมอาสาเองล่ะ แต่รายงานวิชาอื่นให้เพื่อนทำให้หมดเลย แฮ่ๆ”
“แล้วไปหาหนังมาจากไหนล่ะ พี่ไม่เคยซื้อนี่นา”
“ตอนเย็นแวะเอาที่บ้านเพื่อนมา เนมก็เพิ่งกลับมาถึงก่อนพี่โก้แป๊บเดียวเองนี่ล่ะ นั่งดูที่บ้านมันแล้วหนึ่งรอบก่อนมันขับรถมาส่ง”
“อืม”ผมแน่ใจว่าเพื่อนเนมที่ผมรู้จักไม่มีรถยนต์ ยกเว้นบอม แต่นั่นเป็นรุ่นพี่ไม่ใช่เพื่อน หรือว่า...คนเมื่อเช้า
“หิวก็กินเลยนะ พี่อาบน้ำก่อน”ผมเลือกที่จะไม่ถามอะไรเพราะจากที่ฟังเนมเล่าซะละเอียด แสดงว่าคงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล...อย่างน้อยก็ตอนนี้
ผมหยิบงานตัวเองมานั่งทำบนโซฟา ส่วนเนมยึดพื้นราบทั้งหมดไป บนตักมีหมอนอิงวางรองกระดาษ มือหนึ่งถือดินสอ มือหนึ่งถือพิซซ่าชิ้นที่สี่ที่ใกล้จะหมด ผมพักสายตาจากเอกสารในมือตัวเองเงยหน้ามองเนมนิ่งๆ เห็นตาโตๆ จ้องมองภาพตรงหน้าตาแทบไม่กระพริบ สลับกับก้มลงจะจดอะไรสักอย่างลงในกระดาษ สักพักก็จะอ้าปากงับพิซซ่าในมือที่ถือค้างไว้ สลับไปมาอย่างนี้เรื่อยๆ จากที่มองเพลินๆ ก็ทำให้ผมหลุดหัวเราะจนได้ เมื่อในที่สุดเนมก็พลาด อ้าปากงับดินสอตัวเองเข้าปากอย่างที่ผมกำลังลุ้นอยู่พอดี
“แหะๆ ไม่หร่อยเลย”
“กินให้เสร็จก่อนค่อยทำต่อสิ เดี๋ยวปากได้ทะลุกันพอดี”
“พี่โก้อิ่มแล้วเหรอ”
“ใครจะไปกินจุเหมือนเรา”ผมทานพิซซ่าไปชิ้นเดียว พาสต้าที่เนมชิมไปไม่กี่คำก็ยกให้ผมเหมา กับซีซาร์สลัดอีกครึ่งชาม แค่นี้สำหรับผมกำลังพอดี ไม่ถึงกับจุก แต่คนที่ฟาดพิซซ่าไปเกือบหมดถาดมองหน้าผมแบบไม่พอใจ
“ทำไม”ผมแกล้งถามไปอย่างนั้น เพราะเดาได้ว่าเนมหมั่นไส้ที่ผมทานน้อยกว่าตัวเอง
“เนมยังเป็นเยาวชนที่กำลังเติบโตและต้องการสารอาหารเถอะ ไม่ได้กินเยอะตรงไหนเลยด้วย”ครับ ไม่เยอะเลย พิซซ่าชิ้นสุดท้ายถูกยัดเข้าปากทันทีที่พูดจบ นี่ผมพูดถึงแค่พิซซ่านะ ยังไม่นับรวมปีกไก่บาร์บีคิวสามชิ้น สลัดครึ่งชาม เบคอนทวิสต์ที่เหลืออยู่เพียงชิ้นครึ่ง ทั้งหมดนี้คือสารอาหารที่เจ้าตัวพูดไป
“ไม่ต้องทำเป็นมองเลยนะ เวลาเนมกินเหลือพี่โก้ก็ชอบบ่น พอกินเยอะก็ว่าอีก”
“พี่ว่าแล้วเหรอ”
“ว่าด้วยสายตาอะ”
“ก็มันเยอะไปสำหรับมื้อสุดท้ายของวันนี่ กินขนาดนี้บ่อยๆ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ลงพุง”ผมพูดจบเนมอ้าปากค้าง มือไม้อ่อนแทบทำพิซซ่าหล่น ดีว่าเจ้าตัวคว้าไว้ทัน ก่อนจะเอาไปวางใส่กล่องไว้แล้วหันกลับมามองผมด้วยสีหน้าแบบ...ตะลึงมั้ง ไม่สิ ตาที่โตอยู่แล้วโตมากกว่าเดิม คิ้วขมวด ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน คล้ายๆ น้อยใจ โกรธ คาดไม่ถึง งอน เสียใจ ผิดหวัง เศร้า ทุกๆ อารมณ์รวมอยู่บนหน้าเนม
“อะไร”
“พี่โก้ปากเสีย!!”
“พี่แค่พูดเรื่องจริง ออกกำลังก็ไม่ค่อยออก”
“พี่โก้!! หยุดพูดไปเลยนะ เนมไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย นิสัยไม่ดี”เนมสะบัดหน้าหนีผม แต่ยังมีปรายตามองพิซซ่าชิ้นสุดท้ายที่ทานค้างไว้ด้วยนะ เห็นแล้วอยากหัวเราะดังๆ แต่เดี๋ยวจะโดนงอนใส่หนักกว่าเดิม
“อิ่มแล้วเหรอ”
“อิ่มแล่ว!!”
“จริงน่ะ”ผมถามย้ำแต่มือยื่นไปเก็บอาหารเตรียมยกไปเก็บไปล้างแล้ว
“ไม่กินแล้ว!!”แปลว่ายังไม่อิ่ม แต่งอนเลยไม่กิน ผมก็เลยลุกขึ้นเอาอาหารที่ยังเหลือเก็บใส่ตู้เย็น จานชามก็เอามาล้าง
“พี่เก็บใส่ตู้เย็นไว้นะ”ผมแกล้งบอกลอยๆ แต่รู้ว่าเด็กขี้งอนเหลือบมองผมอยู่ แถมยังแอบอมยิ้มอีกต่างหาก
“แล้วกล่องอะไรในตู้เย็นเยอะแยะ”
“อ๋อ ของฝากจากเพื่อนเนมเอง มันไปเที่ยวใต้มา พรุ่งนี้พี่โก้นึ่งซาลาเปาให้เนมเป็นมื้อเช้าหน่อยนะฮะ เนมจะกินกับโอวัลติน พี่โก้ก็กินกับกาแฟก็ได้ มีหลายไส้เลย มีเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วย แล้วก็ลูกอะไรกลมๆ ที่คล้ายๆ เปาะเปี๊ยะน่ะฮะ เนมชิมไปสองสามลูกแล้ว อร่อยดี พี่โก้เลือกไปฝากพี่นิ้งกับพี่ปั้นด้วยสิ มันเยอะเกินเนมกลัวมันจะเสียก่อนกินหมด”เนมพูดซะยาว น้ำเสียงร่าเริงทันทีที่ได้พูดถึงของกิน ท่าทางหายงอนเรียบร้อยแล้ว และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ได้ยินเนมพูดถึงเพื่อนที่ไม่มีชื่อคนนี้
รุ่งเช้าผมตื่นมานึ่งซาลาเปาไว้ให้เนมสี่ลูก แต่ผมคิดว่าไม่พอแน่ๆ เลยทอดไข่ดาวสองใบ กับแฮมอีกนิดหน่อย ปีกไก่บาร์บีคิวเมื่อวานยังเหลือก็เอามาอุ่นเรียบร้อย ทำทุกอย่างเสร็จเนมก็เดินงัวเงียออกมาจากห้อง ถึงจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไม่ได้ช่วยให้ตาสว่างมากขึ้น เพราะเมื่อคืนเนมนอนดึกกว่าผมมาก
“ลืมตานั่งกินดีๆ เดี๋ยวหก”ผมเอามือป้ายหน้าเนมให้ลืมตาขึ้นมา เพราะเจ้าตัวเล่นทำเหมือนคนตาบอด หลับตาใช้มือคลำๆ แก้วโอวัลตินยกดื่ม อีกมือก็หยิบซาลาเปาเข้าปาก สงสัยเมื่อวานที่งับดินสอไปจะไม่เข็ด
“พี่โก้ตั้งงบค่าของเนมเท่าไร”
“ของอะไร”
“ของทำขนมไง หรือพี่เปลี่ยนใจแล้ว”
“อ้อ เห็นเงียบหายไปนาน นึกว่าไม่อยากได้แล้ว”
“เปล่าซะหน่อย เนมแค่เงียบไปเก็บข้อมูลต่างหาก ตกลงพี่โก้ให้งบเท่าไร”
“ก็ทำรายการมาเสนอพี่ก่อนสิ ถ้าพอไหวก็จะให้ ถ้าอันไหนไม่ไหวค่อยลดเกรดลงมา หรือไม่ก็ทยอยซื้อทีละอย่างแล้วเอาของดีๆ ไปเลย”
“เอางั้นก็ได้ ความจริงเนมมีครัวในฝันของเนมล่ะ เดี๋ยวเนมร่างๆ มาให้พี่ดูก่อนดีกว่า เพราะมันน่าจะแพงไป”คำสุดท้ายเสียงค่อนข้างแผ่ว แต่ฟังดูก็รู้ว่าอยากได้มากกกก
“แล้วนั่นอิ่มแล้วเหรอ พวกนี้ที่พี่ทำไม่เห็นกินเลย”ผมมองจานเนมยังคงสะอาด ไม่มีการแตะต้องอะไร ที่หมดไปมีแค่ซาลาเปากับโอวัลติน
“อิ่มแล้ว”
“.....จริง”
“อื้อ”
“กินเข้าไปอีก กว่าจะเรียนเสร็จได้กินอีกทีก็เกือบเที่ยงไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เอา เดี๋ยวอ้วน เนมจะลดน้ำหนัก”
“นี่เพราะพี่พูดเมื่อคืนรึเปล่า”ผมนึกว่าหายงอนแล้วซะอีก
“เปล่า เนมแค่อยากผอมๆ หุ่นดีๆ”
“นี่ก็ไม่อ้วนสักหน่อย อย่างอนน่า กินไปให้หมด”
“ไม่เอา เนมกินเยอะเดี๋ยวอ้วนลงพุง”
“มีพุงยุ้ยๆ นิดๆ ก็น่ารักดี นิ่มๆ”อันนี้ผมพูดจริงไม่ได้แกล้งเอาใจมันนะ คือหุ่นแบบมันกำลังพอดี ไม่ผอมตัวแห้ง มีเนื้อนิดๆ เวลากอดแล้วนิ่มกำลังดี ไม่แข็งเพราะไม่มีกล้าม เรียกได้ว่ากำลังเหมาะมือเลย
“เนมไม่มีพุงสักหน่อย พี่โก้ชอบว่า”
“ว่าตรงไหน พี่บอกว่าชอบไง ตัวนิ่มๆ กอดแล้วสบายดี ถ้าผอมไปกอดทีมีแต่กระดูก กอดแล้วก็เจ็บแขนเปล่าๆ”
“ชอบจริงอะ”
“จริงๆ เร็ว รีบกินให้หมดเดี๋ยวไปสาย”
“แต่เนมไม่มีพุงนะ ห้ามว่าด้วย”
“เออๆ ไม่มี เอวบางร่างน้อย ท้องแฟ่บซี่โครงโผล่ พอใจยัง”
“บ้า ใครซี่โครงโผล่ ไม่มีเหอะ”สงสัยผมชมถูกจุด เจ้าตัวดีถึงได้อมยิ้มตักไข่ดาวเข้าปาก ตามด้วยแฮมเข้าไปติดๆ ความจริงอยากจะบอกมันนะว่าถ้ามันกลัวอ้วน ที่ควรทำไม่ใช่อดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เพราะความจริงตอนนี้มันไม่ได้อ้วนไง น้ำหนักน่าจะต่ำกว่าเกณฑ์ด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันยังอยากกินเยอะๆ โดยไม่ต้องกลัวอ้วน มันต้องออกกำลังกาย แต่ก็ขี้เกียจเถียงกับมันเลยไม่พูด ไม่งั้นไม่จบง่ายๆ เดี๋ยวมันจะไปเรียนสาย เอาไว้ให้มันอ้วนเมื่อไรค่อยจับไปรีดออก
“เลิกเรียนแล้วเนมไปทำรายงานกับเพื่อนนะ”เนมบอกก่อนที่จะลงจากรถ วันนี้เนมมีเรียนแค่ช่วงเช้า
“กลับตอนไหนล่ะ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าดึกเดี๋ยวเนมโทรให้พี่มารับนะ”
“อืม เอาไงก็โทรมาแล้วกัน พี่ว่าจะไปซื้อของเข้าห้องด้วย”
“ฮะ อย่าลืมบอกพี่นิ้งด้วยนะว่าเนมฝากของกินมาให้”เนมหมายถึงซาลาเปาหนึ่งกล่อง กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์อีกหนึ่งถุงที่คะยั้นคะยอจัดใส่ถุงเตรียมไว้ให้ผมเอาไปฝากนิ้ง ทั้งๆ ที่เป็นของฝากจากคนอื่นแท้ๆ
“ขี้ตู่ ของคนอื่นต่างหาก”
“ก็เนมฝากพี่โก้ไปให้ ก็คือของฝากจากเนมนั่นแหละ ชิส์ ไม่คุยด้วยแล่ว ขับรถดีๆ นะ”เนมแกล้งสะบัดหน้าใส่ผม แต่ก่อนปิดประตูก็ยังอุตส่าห์หันมาพูดดีๆ ส่งยิ้มหวานให้อีก
ทันทีที่ถึงที่ทำงานแล้วเอาของฝากจากเนมให้นิ้งไป เสียงกรี๊ดกร๊าดพร้อมคำชมเชยก็พ่นออกมาแทบไม่ซ้ำคำ
“ทำเหมือนกูไม่เคยซื้ออะไรมาฝากมึงเลยนะ ดีใจซะเว่อร์”
“แต่นี่ของเพื่อนสะใภ้เชียวนะเว้ย แหม น้องเนมนี่น่ารักน่าเอ็นดูเนอะ มีของฝากเนื้อฝากตัว มึงรู้ความหมายมั้ยว่าทำไม”
“ความหมายไรของมึง”
“ของแบบเนี้ยต้องพวกแบบฉันถึงรู้กัน มันเป็นของฝากแบบฝากเนื้อฝากตัวเว้ย ประมาณว่า...ฝากพี่เป็นหูเป็นตาดูแลแฟนเนมด้วยนะ อะไรประมาณนี้”
“มั่วแล้วมึง ของนี้มันได้จากเพื่อนมันมาเยอะเลยแบ่งมาให้มึงแค่นั้น เรื่อยเปื่อยว่ะ”
“ไม่เชื่อมึงกลับไปถามน้องมันได้เลย ของแบบนี้มันมีนัยยะนะจ๊ะ”นิ้งพูดเสียงเล็กเสียงน้อย ย้ำแล้วย้ำอีกจนผมเริ่มลังเลว่ามันพูดจริงรึเปล่า
“เออ ว่าแต่ตองมันได้ติดต่อหามึงอีกรึเปล่า”อยู่ดีๆ มันก็เปลี่ยนเรื่อง ถามด้วยหน้าตาจริงจัง
“ไม่นี่ เจอขนาดนั้นคงไม่กล้าแล้วล่ะ”
“ไม่แน่นะมึง ความจริงวันนี้ก่อนมึงมา ตองมันก็มานะเว้ย แต่ไม่ได้เข้ามาทัก แค่เดินผ่านแต่กูเงยหน้ามองพอดี เห็นมันมองๆ เข้ามาข้างใน คงมองหามึงนั่นแหละ”
“จริงเหรอวะ”ผมแทบไม่เชื่อว่าจริง เพราะโดนไปขนาดนั้น ทั้งจากเนมและผม เขาน่าจะถอยไปได้แล้วนะ ผมก็ไม่เคยสนใจหรืออะไรกับเขามากมายจนถึงขั้นที่จะทำให้เขาตัดใจไม่ได้นะ บางทีตองอาจจะแค่อยากเอาชนะมากกว่า
“เออสิ เสน่ห์ดีอะไรขนาดนี้ก็ไม่รู้เพื่อนกู มึงเคยไปให้ความหวังอะไรมันรึเปล่า”
“จากที่มึงเห็น กูเคยทำเหมือนให้ความหวังรึเปล่าล่ะ”
“นั่นดิ กูก็งงว่ะ ทำไมตื้อขนาดนี้วะ เป็นกูโดนมือเมียมึง แถมยังโดนตีนมึงอีก กูเซย์กู๊ดบายตลอดชาติเลยจ้า ไม่เฉียดมาใกล้ด้วย”
“กูกลัวว่ามันจะแค่อยากเอาชนะนี่สิ”
“ชนะใคร เนมเหรอ”
“ไม่เนมก็กู แต่ถ้าจริงคงไม่ดีเท่าไร กูยิ่งขี้รำคาญปัญหาอยู่”
“เออ ถ้าเกิดมันอยากเอาชนะเฉยๆ มึงกับเนมคงปวดหัวน่าดู น้องมันยิ่งยังเด็กอยู่ด้วย เจออีนั่นยั่วนิดเดียวก็ปรี๊ดแล้ว แฟนกูยัง
งงเลย ไม่คิดว่าจะเด็กกว่าที่กูเล่า เด็กจนพี่เขาไม่เชื่อเลยว่ามึงจะคบด้วยได้น่ะ”
“เออ เนมมันมีความเป็นเด็กสูงว่ะ ถ้าตองมาวุ่นวายอีกกูมีหวังเหนื่อยแน่ เนมแม่งชอบคิดเล็กคิดน้อยขี้งอนแบบเด็กๆ แต่เสือกไม่ชอบพูดไม่ถาม เก็บเงียบ”
“เจริญล่ะ มึงก็ขี้เกียจเซ้าซี้ ขี้เกียจอธิบายซะอีก วุ้ย คู่มึงนี่น่าปวดหัวเนอะ”อย่าว่าแต่นิ้งคิดเลย ผมยังคิด แต่ก็ไม่แปลกที่เราจะอยู่กันได้และมีความสุขดี มันไม่ได้สำคัญที่ว่าเราจะเหมือนหรือต่างกันมากขนาดไหน ไม่ได้สำคัญว่าจะเหมาะกันแค่ไหน เพราะบางทีคนที่เข้ากับเราได้ ก็ไม่ใช่คนที่เราต้องการเสมอไป
หลังเลิกงานผมโทรกลับไปหาเนมเพราะเนมโทรมาตอนผมกำลังสอน เลยไม่ได้รับ เนมบอกว่าที่โทรมาเพราะกำลังจากห้อง ส่วนตอนนี้ถึงห้องแล้ว และบ่นโอดโอยมาตามสายว่าหิวข้าวมากๆ บอกให้ผมรีบกลับ ไม่ต้องแวะซื้อของ ให้รีบกลับไปทำอาหารให้ทาน พร้อมร่ายเมนูที่อยากกินมายาวเหยียด สงสัยลืมเรื่องจะอดอาหารเมื่อตอนเช้าไปแล้วโดยสิ้นเชิง
กลับมาถึงห้องผมก็ต้องรีบทำกับข้าวตามเมนูที่รีเควสสามเมนู ส่วนเมนูอื่นๆ ไว้คราวหน้า ผมเชื่อว่าเนมหิวมากจริงๆ เพราะทานเร็วเหมือนพายุ เหมือนอดอยากมาหลายมื้อ
“ทำไมดูหิวโซจัง ไปทำอะไรมา”
“ไปเล่นบาสมา นานๆ ได้เล่น เมื่อยขาเมื่อยแขนไปหมดเลย วิ่งสะดุดลูกบาสล้มด้วย พรุ่งนี้เข่าเขียวแน่ๆ”
“ซุ่มซ่าม”เนมยกหัวเข่าขึ้นมาดู แค่ตอนนี้ยังเห็นรอยช้ำนิดๆ เลย ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้
“พรุ่งนี้เนมไปค้างห้องคีย์นะ พวกนั้นมันชวนกินเหล้ากันที่ห้องคีย์อะ นะๆ”
“จะโต้รุ่งกันรึไง”คือถ้ากินเหล้าเฉยๆ ดึกแค่ไหนผมก็ไปรับได้นะ มันก็ไม่ต่างจากไปเที่ยว แต่ลองบอกแบบนี้แสดงว่าไม่จำกัด
เวลา
“แหะๆ นิดนึง พวกนั้นมันเตะบอลได้เงินพนันมา มันเลี้ยง เนมไม่ออกสักบาท”
“ไม่ได้ช่วยเค้า ยังกล้าไปกินของเค้าอีก”
“ก็มันชวนอะ นะๆ แต่ถ้าไม่ดึกหรือไม่หนุกเดี๋ยวเนมโทรตามให้พี่ไปรับนะ”
“อืม เอาไงก็โทรมาแล้วกัน”ผมทานเสร็จก่อน เลยลุกไปหยิบแอปเปิ้ลมานั่งทานต่อเป็นเพื่อนเนม จนกระทั่งเนมอิ่ม ก็เป็นหน้าที่ล้างจานของเนม โดยมีผมให้กำลังใจอยู่หน้าโทรทัศน์ เนมก็คุยเรื่องเรียน เรื่องเล่นบาสวันนี้ เมาท์เรื่องคนโน้นคนนี้จนได้เวลานอนถึงจะเริ่มเงียบเสียงลงไปบ้าง
“พี่โก้เอาขนมให้พี่นิ้ง แล้วพี่นิ้งว่าไง”แค่เงียบลงไปบ้าง ไม่ได้เงียบสนิท ทั้งๆ ที่ปิดไฟนอนกันแล้วนะ ผมว่าผมก็ไม่ได้ใส่กัญชาในอาหารให้นะ
“กรี๊ดลั่นห้อง ชมอะไรบ้างไม่รู้ เว่อร์ๆ ตามประสามัน”
“ไปว่าเพื่อนได้ไง พี่นิ้งน่ารัก นึกแล้วว่าจะต้องดีใจ”
“มันบอกว่าเนมฝากไปแบบมีเหตุผล”ตอนแรกว่าจะไม่ถาม แต่มันหลุดปากแบบไม่ตั้งใจ คือแค่อยากรู้ว่านิ้งมันพูดถูกรึเปล่าแค่นั้น
“ยังไงฮะ”ถึงแม้ในห้องจะมืด แต่ก็รู้สึกได้ถึงหัวเล็กๆ ที่ผงกขึ้นมาจ้องหน้าผม
“ก็...ประมาณฝากเนื้อฝากตัว ฝากให้ดูแลเป็นหูเป็นตาแทนเนมอะไรแบบนี้”
“โหหหหหห พี่นิ้งเก่งที่สุดเลย เนมแค่คิดเล่นๆ เฉยๆ นะเนี่ย ไม่ได้กะฝากไปเพราะแบบนั้นเลย”
“จริง”
“ก็จริงสิ แต่ก็มีแว้บๆ ในหัวนิดนึงแหละ ไว้ใจไม่ได้หรอก เดี๋ยวมีคนมายุ่งกับพี่อีก รอยบนหน้าเนมยังหายไม่หมดเลย ยังไม่อยากมีคดีเพิ่ม”
“หึๆ ไปตีกับเขาเอง ไม่เกี่ยวกับพี่ซะหน่อย”
“พี่โก้นั่นแหละตัวดี ทำไมชอบหว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นแบบนี้ นี่แน่ะๆๆ”เนมพยายามรัดเอวผมแรงๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อึดอัดอะไรเลย จนเจ้าตัวคงหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้เลยงับหัวไหล่ผมเบาๆ ไม่กล้ากัดให้เป็นรอย
“วันนี้นิ้งบอกว่าตองไปยืนมองหาที่ด้วย”
“ฮื้อออออออออ”เสียงลากยาวจากลำคอพร้อมกับแรงขบกัดที่หัวไหล่ที่มากขึ้น คราวนี้เป็นรอยของจริงล่ะ ผมนอนหัวเราะกับท่า
ทางของเนม จนเนมพอใจก็ค่อยๆ ปล่อย แต่ยังไม่วายดึงแขนเสื้อขึ้นดูรอยที่ตัวเองกัดไว้ คาดว่าน่าจะลึกน่าดูเลย เพราะเจ็บใจย่อย
“ไม่ขอโทษหรอก พี่โก้นิสัยไม่ดี ชอบแกล้งเนม”
“แกล้งอะไร นิ้งมันบอกมาว่างี้ พี่ไปหลังเขากลับเลยไม่ได้เจอ”
“อื้อออ อย่าพูดเด่ะ ไม่อยากได้ยิน เกลียดคนนี้ หน้าด้าน ขนาดนี้แล้วยังไม่หยุดอีก พี่โก้ห้ามไปคุยกับมันเลยนะ ห้ามทักห้ามพูดห้ามมอง ห้ามๆๆๆๆ”เนมเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งบนตัวผม พร้อมจับหน้าผมไว้ทั้งสองมือ พอพูดจบก็โน้มตัวลงมานอนกอดผมแน่น ท่าทางจะเกลียดเข้าไส้จริงๆ
“ก็แค่เล่าให้ฟัง เดี๋ยวรู้ทีหลังจะงอแงกับพี่อีก”
“ดีแล้วฮะ แต่สัญญานะว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก เนมไม่ชอบ นะ”
“พี่ก็ไม่ยุ่งตั้งนานแล้ว มีแต่เขาที่ไม่หยุด พี่ว่าเขาแค่อยากเอาชนะมากกว่าล่ะมั้ง ยิ่งพี่ไม่เล่นด้วย แถมเนมยังเป็นม้ามืดมาคว้าพี่ไป เขาคงเสียหน้าเลยอยากเอาชนะพี่แล้วก็แกล้งยั่วเนมมากกว่า”
“จริงๆ เหรอ ไม่ใช่ว่ามัน...รักพี่โก้มากเหรอ”
“พี่คิดว่าไม่นะ อาจจะหลงชั่วครั้งชั่วคราว หรือติดใจนิดหน่อย แต่ไม่น่าจะรักนะ”
“ชิส์”
“อะไรฮึ”
“ติดใจอะไรล่ะ”เนมสะบัดหางเสียงแบบให้รู้ว่างอน เดี๋ยวนี้มันชอบทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่บ่อยๆ ฟังๆ ก็เพลินดี ตลกด้วย
“นั่นสิ ติดใจไรหว่า แค่ครั้งเดียว ติดใจซะงั้น สงสัยของมันดีน่ะเนอะ”
“ฮื้อออออ นิสัยไม่ดี ไปยุ่งกับมันได้ไงก็ไม่รู้ แหวะๆๆๆๆ”เนมพูกรอกข้างหูผมไป ก็ทุบไหล่ทุบคอผมไปด้วย ไม่ได้แรงอะไรหรอก แต่ทำให้ผมขำมากกว่า
“พี่ไม่รู้ พี่เมา”
“งั้นต่อไปไม่ต้องกินเหล้าเลย เลิกๆๆๆ”
“เนมยังกินเลย”
“......งั้น.....ห้ามไปกินที่ไหนโดยไม่มีเนมไปด้วย โอเคมั้ย”
“แล้วเดี๋ยวนี้พี่ไม่ได้พาเนมไปรึไง”
“ก็...อืม เนมพูดเผื่อครั้งหน้าไง อย่างวันไหนเนมไม่อยู่ อย่างปิดเทอมไง ห้ามไป นะฮะ”แรกๆ พูดเหมือนสั่ง แต่ลงด้วยด้วยเสียงอ้อนๆ ซะงั้น
“แต่เนมไปกับคนอื่นโดยไม่มีพี่ได้ใช่มั้ย”ผมพูดจบเนมรีบผงกหัวขึ้นมามองหน้าผมทันที
“แต่นานๆ เนมถึงไปกินกับเพื่อนเองนะ ไม่ได้ไปกับพวกนั้นนานแล้วด้วย มันบ่นเนมมาอะ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
“พี่โก้ไม่โกรธเนมนะ”
“ไม่หรอก พี่แค่พูดเฉยๆ”
“หรือพี่ตามไปหลังเลิกงานดีมั้ย เสร็จแล้วเราก็กลับห้องพร้อมกัน”
“ไม่ดี เนมไปกับเพื่อนเถอะ นานๆ ที แต่อย่าเมามากแล้วกัน”
“เนมไม่เมาแล้วเป็นเหมือนพี่หรอก ฮึ”
“พูดมานี่ลืมอะไรไปรึเปล่า ครั้งแรกของเรากับพี่ ทั้งเมื่อตอนเด็ก หรือตอนที่มาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะใครบางคนเมารึไง”
“นะ..นั่น....พี่โก้หลอกเด็กต่างหาก”
“เด็กมาให้หลอกเองต่างหาก จะไปไหน”ผมจับเอวเนมไว้ก่อนที่เนมจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เหมือนเดิม
“ดึกแล้ว นอนกันเถอะฮะ”เนมก้มหน้าซุกซอกคอผมเหมือนเดิม แถมยังพยายามดิ้นลงจากตัวผมเบาๆ
“คนอื่นติดใจ แล้วเนมติดใจมั้ย”ผมแกล้งกระซิบใส่ใบหูเล็กที่อยู่ใกล้ๆ เจ้าตัวหดคอหนีแต่ก็หนีได้ไม่ไกล
“อะไรเล่า”เนมถามในขณะที่ผมค่อยๆ เลื่อนฝามือจากสะโพกเล็กเลื่อนเข้าไปในชายเสื้อด้านหลัง เนมสะดุ้งนิดๆ แต่ไม่ได้ขยับ
หนี
“
ก็......นอนกัน...ไง”
++++++++++++++++++++++++++++++++++
.
.
.