อย่าให้ฉันคิด : ROOM39
-LeinSter-
[/b][/size]
https://www.youtube.com/watch?v=wy-B-s4SGZY(ฟังเพลงเพื่อเพิ่มอรรถรส)
22.20 น.
ผมไม่รู้ว่าคืนนั้นในหัวผมคิดอะไรอยู่...รู้แต่ว่ามึนๆ จากเบียร์สองกระป๋อง บรรยากาศบนดาดฟ้า แสงไฟจากตึกสูงของเมืองหลวง ลมเย็นๆ เสียงลมพัด ทุกออย่างล้วนเป็นใจ เพลงในหัวตอนนั้นคือเพลงต้องโทษดาว ของพี่เบิร์ด ผมมานั่งคิดดูเพราะทุกอย่างมันพาไปละมั้งนะ
ผมถึงได้สารภาพความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อนกับเพื่อนสนิทตัวเอง.
แล้วหลังจากนั้นผมกับไอ้เรียวก็ไม่ได้เจอกันอีก ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้แชทกันเหมือนปกติ มันคงตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากผมอยู่ไม่น้อย เจ็บนะ....แต่ต้องเข้าใจแล้วให้เวลามันอีกสักหน่อย
แต่อยู่ๆ วันนี้มันก็โผล่มาร้านเหล้าที่ผมร้องเพลงอยู่ มันเร็วเกินไปจนผมตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่ใช่แค่มันไม่พร้อมที่จะคุยแต่เป็นผมต่างหากที่ยังไม่พร้อมที่จะฟัง เกือบสองเดือนที่ไม่ได้เจอทำให้ผมรู้ว่าผมคิดถึงมันแค่ไหนครั้งจะโทรหาก็กลัวมันไม่ยอมรับสาย แล้วคนที่จะต้องเจ็บปวดก็คือผม คิดไว้ว่าอย่างไงเปิดเทอมผมยังต้องเจอมันอยู่ดี เมื่อถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดผมจะยอมรับฟังทุกสิ่งทุกอย่าง
“เป็นไงบ้างวะมึง”
ผมเอ่ยถามมันขึ้นก่อนหลังจากที่เราปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมเราทั้งสองนานหลายนาที แม้เสียงรอบข้างจะมีเสียงพูดคุยกันของลูกค้า เสียงฟังสบายหู เสียงโฉงเฉงจากในครัวก็ตาม แต่บรรยากาศรอบตัวกลับดูเงียบงันจนน่าหวั่นใจ
“อยู่บ้านแม่งโคตรหน้าเบื่อ แม่กูให้เฝ้าแต่โรงงานทั้งวันไม่ยอมให้กูออกไปไหนเลยว่ะ”
เหมือนเดิม น้ำเสียง สีหน้า ท่าทางของมันยังคงเหมือนเดิม
“.............”
“ว่าแต่มึงเหอะเป็นไงบ้างวะ? แอบลงซัมเมอร์ไม่ชวนกูกะจะจบก่อนกูรึไง?”
“ยังไงกูก็ไม่ได้กลับบ้านปะวะ? ไหนๆตอนกลางคืนกูก็ร้องเพลงอยู่แล้ว ตอนกลางวันก็ดีกว่านอนอยู่ห้องเฉยๆนี่หว่า”
อยากจัง...ความคุมเสียงตัวเองให้เป็นปกติ
“............”
“............”
“แทน มึงรู้สึกแบบนั้นกับกูมานานแค่ไหนแล้ววะ?”
ไอ้เรียววกเข้าเรื่องที่ยังค้างคา ผมถึงกับหายใจสะดุดกับคำถามของมัน นั่นสิ ผมคิดเกินเลยกับเพื่อนสนิทตัวเองตั้งแต่ตอนไหน....ผมไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าตอนที่ไอ้เรียวมันเดินมาบอกข่าวดีว่ามันกับน้องแก้วเป็นแฟนแล้ว ใจผมก็รู้สึกโหวงๆ อย่างที่ไม่ควรจะเป็น ช่วงที่มันติดแฟนใจผมก็เอารู้จักแปลก ตอนแรกก็เข้าใจเองว่าอารมณ์ประมาณตอน ม.6 แต่ยิ่งเห็นมันอี๋อ๋อกับแฟนใจผมก็รู้สึกเจ็บที่ใจ
“ไม่รู้ว่ะ”
“กูไม่รู้มาก่อน....กูขอโทษว่ะแทน”
“เฮ้ย! อย่าคิดมากดิวะ เรื่องแค่นี้กูจัดการของกูเองได้”
“แต่............”
“กูเข้าใจว่ามึงมันคนรักเพื่อน มึงเป็นห่วงความรู้สึกกู กูรู้หน่า”
“มัน.......”
“ไว้ค่อยคุยกันมึง กูต้องเตรียมตัวแล้ว”
พูดเสร็จผมก็ผละออกมาจากมันเลย ไม่รอให้มันได้พูดอะไรต่อ ผมรู้ว่ามันกำลังจะขอโทษที่มันไม่สามารถคิดแบบเดียวกันกับผมไม่ได้ จะให้ผู้ชายคนหนึ่งเปลี่ยนมาชอบผู้ชายด้วยกันได้แค่เพราะคำว่ารักคำเดียว ผมว่ามันออกจะเกินจริงเกินไปซะหน่อย แต่เอาไว้ร้องเพลงเสร็จค่อยเคลียร์กันชัดๆอีกทีแล้วกัน ขืนปล่อยให้มันพูดตอนนี้กลัวว่าใจผมจะไม่แข็งพอ ร้องไห้กับคำปฏิเสธของมันขึ้นมาจะยุ่ง เสียงผมอาจจะใช้งานไม่ได้เต็มที่ ไม่อยากทำให้คนที่มารอฟังเสียงของผมต้องผิดหวัง ไหนจะเจ้าของร้านแล้วก็เพื่อนในวงด้วยอีก
“ไหวไหมเนี่ยแทน”
ไอ้เก้ามือกีต้าร์เอ่ยถามเมื่อผมเดินมาถึงหลังเวทีแล้วเห็นตาผมแดงๆ พลางเอามือตบไหลผมปุๆอย่างนึกจะปลอบใจ เก้ามันรู้เรื่องราวทั้งหมดครับ
“สบายมาก”
“เอาน่า สุดหล่อของพวกกูจะตาแดงขึ้นเวทีไม่ได้นะเว้ย แฟนคลับหายหมด” พี่ฮ่องเต้มือคาฮองและร้องประสานเอ่ยปลอบติดตลก ทำให้ผมได้ตอกย้ำกับตัวเองว่าลูกค้าของร้านส่วนหนึ่งคือมาฟังพวกผมเล่นเพลงกัน
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆตั้งสติให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อออกไปมอบเสียงเพลงและความสุขให้กับผู้คนที่ออกมาผ่อนคลายหลังเลิกงานจากการทำงานมาตลอดทั้งสัปดาห์
หน้าที่ของนักดนตรีคือมอบเสียงเพลงและความสุขให้กับคนฟัง ไม่ว่าหลังเวทีอะไรจะเกิดขึ้น แต่เมื่ออยู่หน้าเวทีเหล่านักดนตรีเราจะหยิบยืนเฉพาะความสุขที่ผสมไปกับเสียงเพลงให้ผู้ฟังเท่านั้น
หลังจากนั้น...ค่อยเผชิญกับความจริงที่อาจจะทำให้ผมเจ็บปวดใจก็ตาม
14.34 น.ผมเปิดประตูห้องเข้ามาหลังจากกลับมาจากไปเรียนในช่วงซัมเมอร์ เป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้เก้าโทรเข้ามาพอดี...
“ว่า”
ผมกรอกเสียงลงไปในสมาร์ทโฟนขณะที่กำลังใช่เท้าอีกข้างดันสั้นรองเท้าของอีกข้างให้หลุดออกทีละข้างไปด้วย
[แทน เพลง ‘อย่าให้ฉันคิด’ มึงยังได้อยู่ป่ะวะ?]
“ได้อยู่นะ ทำไมวะ?”
[พี่ฮ่องเต้ว่าจะแอดเพลงนี้เข้าลิสต์วันนี้ ก็เลยให้กูโทรมาถามมึงก่อน]
“เอาดิ กูไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ว่าแต่ทำไมต้องเพลงนี้วะ?”
[เห็นมีคนเอาไปใช้ประกวดหรืออะไรสักอย่างนี่แหล่ะ ตอนนี้กำลังเป็นกระแส”
“อ๋อ จัดมาเลยเพื่อน”
[เดี๋ยวกูส่งลิสต์วันนี้ไปให้แล้วกัน]
“เค เจอกัน บาย”
ผมวางสายจากไอ้เก้าเสร็จก็กดเข้าไปฟังเพลงนี้จากยูทูปอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะผมลืมเนื้อหรือไม่มั่นใจหรอกครับ แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบอยู่แล้ว ผมว่าเนื้อหามันตรงกับผมดี มันเหมือนแทนความรู้สึกของผมที่มันยังค้างคามานานกว่าสี่เตือนเต็มๆ เสมือนคำถามที่ผมอยากจะถามไอ้เรียว....ว่าความรักของเรามันจะมีทางเป็นไปได้ไหม หลังจากที่มันรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับมันไปแล้ว ในเมื่อผมก็ไม่มีใคร...มันก็พึ่งเลิกกับแฟนมันไป
พอที่จะเลื่อนจากเพื่อนสนิท...
....ไปเป็นแฟนกัน ได้หรือเปล่า?
หึ !
ผมก็คิดบ้าคิดบอไปเรื่อย มันก็เป็นผู้ชายผมก็เป็นผู้ชาย มันจะมารักกับผมได้ยังไงกันล่ะ
‘มึงก็คิดไปได้นะไอ้แทน’ ผมว่าตัวเองในใจ
ตั้งแต่ที่รู้จักกันจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันซึ่งคุยกันได้ทุกเรื่อง แทบจะไม่มีอะไรต้องปิดบังกัน มองตาก็รู้ใจ...สำหรับผมกับมันใช้คำนี้คงไม่ผิดไปจากความเป็นจริงนัก จนถึงวันที่ผมบอกความรู้สึกกับมันออกไป ว่าผมคิดกับมันเกินเลยเกินกว่าเพื่อนสนิทไปแล้ว....,ก็คือผมไม่มีความลับอะไรกับไอ้เรียวมันอีกแล้วในวันนั้น
แต่ช่างเถอะครับ ป่านนี้มันคงกลับไปง้อน้องแก้วของมันคืนมาได้แล้วมั้ง ถึงได้เงียบหายไปแบบนี้ หรือไม่ก็คงจะนอนเล่นอยู่บ้านต่างจังหวัดสบายไปใจเฉิบไปแล้ว ส่วนผมเองก็ต้องร้องเพลงทุกวัน ลงเรียนซัมเมอร์อีกต่างห่าง เรียกได้ว่าต่างคนต่างเงียบหายกันไปถึงจะถูก
‘ ได้ฟังเรื่องงราวของเธอ
กับความรักที่กำลังจะจบลง
คงมีแค่ความเป็นห่วง
จากคนที่เป็นเพื่อนจะเหมาะสม ‘
เสียงพี่มน ROOM39 เปล่งไปตามคำร้อง หูได้ฟังเพลงตาจ้องมองเอ็มวี ปากก็ร้องคลอตามไปเรื่อย ทว่าในหัวกลับฉายภาพความทรงจำตามเนื้อเพลง...
ครั้งหนึ่ง... “ทำไมผู้หญิงแม่งงี่เง่าอย่างงี้วะ แบบนี้ไม่ไหวนะเว้ย ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรๆ เรื่องกูกับมึงคนแม่งก็คิดกันไปเองนี่หว่า จะให้กูเลิกเป็นเพื่อนกับมึงมันก็ไม่ใช่ป่ะวะ?”
“เอาน่ามึงอย่าคิดมาก รอให้แก้วเค้าอารมณ์ดีก่อนค่อยคุยใหม่”
ผมเอ่ยปลอบไอ้เรียวหลังจากที่มันหัวเสียเพราะคำว่าคู่จิ้น ทำให้น้องแก้วไม่พอใจถึงได้ทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยๆ
เรื่องคู่จิ้นนั่นจะโทษใครก็ไม่ได้ จะโทษไอ้เรียว หรือจะโทษผม หรือจะให้โทษคนที่เอาผมกับมันไปจิ้นล่ะ ถ้าจะผิดทุกคนก็มีส่วนผิดกันหมด ผิดที่ไอ้เรียวชอบเล่นแผลงๆ อย่างกระชากผมไปหอมแก้มต่อหน้าคนอื่น ผิดที่ผมเห็นเป็นเรื่องขำๆซึ่งหลังๆมาต้องขำไม่ออก และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมเลิกกับแฟนแต่ผมกับแฟนเรามีระยะทางเข้ามาเป็นปัจจัยอื่นด้วยไงครับ ผมถึงไม่ได้คิดว่าเรื่องคู่จิ้นนี้เลวร้ายอะไร
“กูไม่เคยคิดจะเลิกเป็นเพื่อนกับมึงเพราะเรื่องนี้นะแทน”
แม้จะรู้สึกจุกอกกับคำว่าเพื่อนของมันอยู่บ้าง แต่ผมรู้ว่าคนอย่างไอ้เรียวมันรักเพื่อนมากแค่ไหน จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่สำหรับคำว่าเพื่อนไอ้เรียวมันให้เต็มร้อยเสมอ
“กูรู้เว้ย กูรู้ ใจเย็นก่อนดิว้า”
“แม่ง แบบนี้เลิกๆ กันไม่ดีกว่าเหรอวะ กลับมาคืนดีกันเดี๋ยวแม่งก็ทะเลาะเรื่องนี้กันอีก”
เรียวมันยังบ่นปากเรื่อยๆ สีหน้าว้าวุ่นใจของมันผมรู้ว่ามันกำลังคิดหาทางออก แต่แค่มันยังไม่เจอก็ทางที่ดีที่สุดสำหรับมันก็เท่านั้น ได้แต่ลูบบ่าของมันให้มันใจเย็นลงอีกสักหน่อยท่าจะดีกว่า
“ไม่เอาน่าเรียว ใจเย็นดิ กูกับมึงแค่ไม่ต้องมาเจอกันบ่อยๆเหมือนแต่ก่อนก็ได้นี่หว่า เหมือนตอนปิดเทอมหรือช่วงสอบมึงก็ไม่ค่อยได้มาเจอกับกูอยู่แล้ว จะต่างกันตรงไหน?”
“แต่คนพวกนั้นแม่งเอาอะไรมาคิดเรื่องแบบนี้วะ คู้จิ้นห่าเหวอะไรนั่นแม่งไม่สนุกแล้วว่ะ”
“มันห้ามไม่ได้หรอกว่ะ ยิ่งกูกับมึงสนิทกันข้ามภาคแบบนี้ยิ่งทำให้คนเพ่งเล็งนะเว้ย อย่างที่กูบอก เราก็แค่เจอกันให้น้อยลงไง”
“..............”
“ลองวิธีนี้ดูก่อนไหม...ถ้ามันไม่ดีขึ้นก็แสดงว่าเราแก้ปัญหากันไม่ถูกจุด ค่อยหาทางแก้ใหม่ โอเค๊?”
ผมพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาให้มันอารมณ์เย็นลงก่อน เรียวมันมีท่าทีนิ่งไปเหมือนคนกำลังใช้ความคิด
“...........”
“อย่าพึงคิดอะไรเลยมึง ตอนนี้กูต้องไปร้องเพลงแล้ว”
“กูไปด้วยดิ”
“ไอ้ห่า มึงได้ฟังที่กูพูดไหมเนี่ย กูกับมึงลองไม่ไปไหนมาไหนด้วยกันสักพักก่อนดิ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหล่ะมึง เดี๋ยวกูไปถึงร้านช้าพี่ฮ่องเต้ได้ไล่กูออกจากวงแน่ มึงเอ้ย! ชิบหายของจริงล่ะทีนี้....กูไปล่ะ”
ผมรู้จักกับเรียวมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เรียนคณะเดียวก็จริงแต่เรียนกันคนละภาค กิจกรรมรับน้องทำให้ผมกับเรียวรู้จักและสนิทกันในที่สุด ผมกับเรียวถือว่าเป็นเพื่อนซี้กันเลยก็ว่าได้ ชอบทำตัวติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน บางวันที่ผมต้องมาร้องเพลงมันยังตามมาเลยครับ
เพื่อนในคณะชอบแซวว่าผมกับเรียวเป็นคู่จิ้นกัน ตอนนั้นผมกันมันขำกับเรื่องนี้มาก เพจคิ้วบอย เพจคู่จิ้นอะไรนั่นชอบเอารูปผมกับเรียวไปลง ยิ่งรูปเวลาอยู่ด้วยกันไปลงแล้วละก็ยอดไลค์กระจาย คนมาเม้นเป็นร้อยเป็นพัน บางวันเบื่อๆก็เข้าไปอ่านคอมเม้นพวกนั้น มันก็น่าตลกดีเหมือนกันที่คนชอบจะเห็นผู้ชายตัวเท่าควายสองคนจิ้นกัน
ครั้งหนึ่ง....“แม่งคนในนี้ให้กูเป็นเมียมึงเฉยเลยว่ะเรียว”
“งั้นมาให้ผัวหอมหัวหน่อยดิ เมียแทนจ๋า ฮ่าๆ”
“ไอ้สัด อย่างกูไม่ยอมเป็นเมียตัวผู้ด้วยกันหรอกเว้ย ว้ากกกกก! ไอ้ห่าเรียว ไม่เอาไม่เล่น!” แล้วมันก็ไล่หอมหัวผมอย่างที่มันว่า
จริงๆ วิ่งไล่กันอย่างกับเด็กๆ เพื่อนคนอื่นๆก็หัวเราะขำไปกับภาพที่เห็น มันเลยกลายเป็นภาพชินตาสำหรับคนรอบตัว
บางทีกินข้าวกันอยู่ก็มีคนมาขอถ่ายรูปคู่ผมกับเรียว ไอ้เรียวก็ไม่ขัดครับ กอดคอป้อนข้าวผมต่อหน้า ’แฟนคลับ’ ก็มี บางทีหันมาสบตากันหวานซึ้งใส่กันชวนให้รู้สึกสยองเล่นก็มี จนมีงานคู่ติดต่อเข้ามานั่นแหล่ะครับถึงไม่ค่อยได้เล่นกันแบบนั้นอีก รินแฟนผมเขาก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักรวมทั้งแฟนไอ้เรียวมันด้วย
จะว่าไปตอนนั้นคู่เรียวแทนก็ถือดังข้ามมหาลัยไปเลยทีเดียวครับ แฟนผมอยู่อีกมหาวิทยาลัยยังรู้เรื่องผมกับเรียวเป็นคู่จิ้นกัน แต่ก่อนก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้บ่อยๆ บ่อยเข้าก็เลิกรากันไปในที่สุด
พอผมไม่มีแฟน ผมดันเอาความรู้สึกไปโฟกัสที่ไอ้เรียวซะได้ กอดคอ หยอกล้อกัน บางทีไอ้เรียวแม่งก็ถึงขั้นหอมแก้ม หัวใจผมเริ่มเต้นแปลกไปเมื่ออยู่ใกล้มันทุกครั้ง สับสนกับความรู้สึกเองคิดว่าคงเพราะความเหงา แต่เปล่า...นับวันความรู้สึกยิ่งเพิ่มขึ้นจนผมควบคุมไม่ได้ และที่สำคัญผมไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าผมหัวใจเริ่มเต้นแรงกับไอ้เรียวตั้งแต่ตอนไหน
ครั้งหนึ่ง...“พี่คะ ขอถ่ายรูปพี่สองคนได้ไหมคะ?”
“ได้ดิ ไอ้แทนเขยิบมานี่ดิ๊ ว่าแต่น้องทีม เรียวแทน’ หรือ ‘แทนเรียว’ อ่ะ”
“ระ..เรียวแทนค่ะ”
“โอเค”
“อุ๊ป”
ไอ้เรียวมันอาศัยที่ผมกำลังงงตะปบหน้าผมด้วยมือทั้งสูงข้างก่อนจะเอาจมูกของมันมาชนจมูกผม เรียกได้ว่าหน้าแนบหน้า รุ่นน้องกลุ่มนั้นเขินหน้าแดงกรี๊ดลั่นแล้ววิ่งไปเลย ผมต้องเอามือมากุมหน้าอกเอาไว้เพราะหัวใจผมเต้นแรงจนน่ากลัวจะหลุดออกมาได้ แล้วรูปนั้นยังมีมือดีถ่ายไว้ได้ทันจึงเป็นที่โด่งดังอยู่พักใหญ่
“แต่เหมือนว่าในบางครั้งที่เธอจ้องมองฉัน
คล้ายว่าเธอจะต้องการเป็นมากกว่านั้น
และฉันก็เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งภายในใจ
นั้นสับสนและยังมีคำถาม
ครั้งหนึ่ง...“ไอ้แทน ป่านนี้แล้วมึงไม่ไปร้องเพลงหรอวะ?”
“วันนี้กูไม่มีรอบ”
ผมไม่มีรอบเล่นดนตรีทุกวันอังคารครับ ยิ่งอยู่ในช่วงอกหักด้วย ทั้งขี้เกียจด้วย ผมก็นอนจมกองน้ำลายคาชุดนักศึกษาตั้งแต่กลับจากเรียนตอนบ่ายสี่โมงเย็นลากยาวจนถึงสองทุ่มครึ่ง
“ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวดิ๊ หยุดทั้งทีมึงจะนอนทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไง”
“อย่ามายุ่งดิ๊ กูจะนอน”
“ให้เดาว่ายังไม่แดกข้าว ประตูห้องแม่งก็ไม่ล็อค” ไม่พูดเปล่ามันยังลากผมลงเตียง
“ไม่แดกโว้ย กูง่วง” หลุดจากมือมันได้ผมก็กระโดนขึ้นเตียงกระพือผ้าห่มคลุมโปรงทันที
“จะเล่นงี้ใช่ป่ะ?.....ย้ากกกก”
อัก!“ไอ้เรียว ไอ้สัด มึงกระโดนลงมาได้ยังไงไอ้ควาย ตัวหนักอย่างกะควาย ออกไปดิ๊กูหนัก ไอ้เหี้ย!”
ถ้าฟังขัดหูก็ขออภัยด้วยครับ ไอ้เรียวแม่งกระโดดลงมาทับตัวผมดังอั่กกระดูกซี่โครงไม่หักทิ่มปอดตายก็บุญแค่ไหนแล้ว แถมผมดิ้นยังไงมันก็ไม่ยอมลงไปจากตัวผมสักที
“ลุกขึ้นมาอาบน้ำ ไปแดกข้าวกับกู” มันว่าพลางเลิกผ้าห่มส่วนที่คลุมหัวผมอยู่ออก ตอนนั้นถึงได้เห็นว่าหน้าเรามันใกล้กันแค่ไหน
ตึกตักๆ ตึกตักๆ หัวใจผมเต้นรัวอย่างไม่มีสาเหตุ แม่งเล่นห่าอะไรของมันไม่รู้จนต้องออกแรง ไอ้สัด!
“กูไม่ไปโว้ย”
“ไม่ไปมึงโดนกูกัดปากมึงแน่”
“ไอ้สัด ไม่ไป”
งับ
เชี่ย!!!!!ไอเรียวมันงับปากผมอย่างที่มันว่าจริงๆ ที่แรกไม่รู้สึกเจ็บหรอกครับเพราะผมมัวแต่ไปสนใจเสียงเต้นของหัวใจตัวเองอยู่ แต่สักพักแม่งก็กัด แบบกดแรงกัดจริงๆ
“อ๊า.. เอ่บๆๆๆ” (อ้า เจ็บๆๆๆ)
“อะไอไอ๊” (จะไปไหม)
“ไอๆๆๆๆ” (ไปๆๆๆๆ)
“ก็แค่เนี๊ยะ! ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กูจะพามึงออกไปแดกข้าว” มันปล่อยปากผมให้เป็นอิสระ แต่มันยังไม่ลุกจากตัวผมครับ ท่าผมกับมันอยู่ในท่าล่อแหลมจนรู้สึกโหวงวูบวาบในช่องท้อง แถมมันยังนั่งทับแทนน้อยที่แม่งแข็งขืนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ใจแทนก็เต้นแรงตุบตับ
แทนน้อยก็แข็งโป๊ก!
ผมเลยผลักมันออกไปให้พ้นตัวแล้ววิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำทันที
“กูจะพามึงออกไปแดกข้าว”แดกข้าวเหนียวหมูปลาร้าแถวราชดำเนินสิไม่ว่า แถมเป็นวันที่มีแค่เจ้าเดียวเท่านั้นที่ขาย คิวยาวเป็นสิบๆคิว ผมได้แต่ยืนรอคิวขาแข็งแทน‘แทนน้อย’จนเมื่อยขาไปหมด ให้ตายเหอะ! ช่วยพากูแดกอะไรที่มันง่ายๆ ได้เร็วๆ หน่อยก็ไม่ได้
ยืนรอคิวดัวยกันได้สักพัก มันก็ปลีกตัวไปคุยกับน้องแก้วแฟนมันอยู่นู้นปล่อยผมยืนร้อนเหงื่อซกอยู่หน้าเตานี่ เพื่อนเวร!
จึก...จึก“ใช่แทน ศิล’กรรม ป่ะ”
อยู่ๆมีสาวสวยน่ารัก‘ต่ะเล่กๆ’มาสะกิดทักผม ยังดีที่มีเพื่อนชวนคุยแก้เซงไม่อย่างนั้นคงกลายเป็นการแดกข้าวที่อาบเหงื่อต่างน้ำของจริง
สุดท้ายไม่ได้แดกอยู่ดี.....
ไอ้เรียวมันเดินหน้าบึ้งมาลากแขนผมออกจากคิวหน้าตาเฉย พาผมขับมอเตอร์ไซค์ลูกรักของมันวนอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยขึ้นไปนั่งฟังมันทะเลาะกับแฟนมันต่อบนสะพานพุทธฯ ถามเอาความถึงรู้ว่าทะเลาะกันอีกแล้วเพราะมือดีถ่ายรูปผมกับไอ้เรียวยืนรอหมูปลาร้าไปลงเพจ แฟนมันเห็นเข้าก็เลยไม่พอใจ ให้เดาก็คงเดาได้ไม่ยากว่าฝีมือใคร น้อง‘ต่ะเล่กๆ’ นั่นล่ะมั้งแต่ช่างเหอะครับมันผ่านมาแล้ว แถมมันยังบอกอีกว่ามันเลิกกับน้องแก้วแล้ว…
ตอนที่ผมเคว้งเพราะเลิกกับแฟนมันก็คอยอยู่เคียงข้าง ทีมันเลิกกับแฟนผมก็จะอยู่เคียงข้างมันเหมือนกัน ผมกับมันนั่งหันหลังอิงกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ปล่อยเสียงผู้คนคุยกัน เสียงเรือ เสียงน้ำ เสียงรถราได้ทำงานอย่างเต็มที่
แต่ก็อดห่วงไม่ได้...
“ปัญหามันอยู่ที่กูกับมึงไปไหนมาไหนด้วยกันอีกแล้วใช่ไหมวะ?”
ผมเอ่ยถามเสียงเรียบ มันถอนหายใจก่อนจะทิ้งหัวมาพาดไว้บนบ่าของผม ผมจำต้องขยับตัวตามแล้วทิ้งหัวลงบนบ่ามัน
“ช่างมันเหอะว่ะแทน กูเลือกไม่ได้หรอก มึงกับกับแก้วกูเลือกไม่ได้”
“ก็เลือกแฟนดิวะ เพื่อนยังไงก็คือเพื่อนนะเรียว”
ผมพูดแนะนำ เพราะเพื่อนยังไงก็คือเพื่อน อยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ แม้ตอนที่พูดออกไปหัวใจจะรู้สึกปวดหนึบก็ตาม
“ที่กูต้องเลือกไม่ใช่เพื่อนกับแฟนดิ แต่เป็นมึงกับแก้วต่างหาก”
“เหรอวะ?” รู้สึกดีจังแฮะ
“กูเป็นเพื่อนมึงมาสามปีนะเว้ย กูเลิกเป็นเพื่อนมึงเพราะผู้หญิงคนเดียวกูทำไม่ได้หรอก”
“เลือกแฟนดิวะเรียว”
“
กูไม่เลือก ถ้าจะให้กูเลือก....” เรียวว่าก่อนคำจะขาดห้วงไปสักอึกใจ”
...กูจะเลือกมึง”หัวใจที่ปวดหนึบโหวงๆ กลับพองโตขึ้นมา แต่ก็กลับไปปวดหนึบอย่างเดิมหากครั้งนี้รุ่นแรงกว่าเก่า”
...มึงเพื่อนรักกูนะเว้ยแทน”
“ขอบใจ”
เสียงผมแหบพร่า ไม่รู้มันจับสังเกตได้หรือเปล่าหากแต่มันก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย ต่างฝ่ายต่างเงียบให้เสียงรอบข้างดังไปอย่างที่มันควรจะเป็น ปล่อยความรู้สึกหลุดลอยออกไปให้ไกลแสนไกลอย่างไม่มีจุดหมาย เผื่อว่าความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่ควรเกิดขึ้นมันจะได้หาทางกลับมาไม่ถูก
.......ใจผมจะได้กลับไปเป็นเพื่อนมันอย่างเดิม
‘อาจเป็นฉันที่คิดเกินไป อ่อนไหวเพราะเพียงแค่คำว่าใกล้ชิด
ที่ปรึกแค่เพื่อนสนิท เธออาจไม่คิดมากเกินจนเลยไปอย่างฉัน’
คืนนั้น...“กูหาตั้งนาน มานั่งทำเอ็มวีอะไรอยู่ตรงนี้วะ”
ผมหันไปยังต้นเสียง ไอ้เรียวเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าพร้อมเบียร์แพ็คสี่กระป๋อง ก่อนที่มันจะนั่งลงม้านั่งเก่าๆข้างๆผม
“เอ้า ของมึง”
มันลงมือเปิดกระป๋องเบียร์ส่งมาให้ ผมรับมาได้ก็ซดรวดเดียวครึ่งกระป๋อง
“ขอบใจ ว่าแต่มึงเหอะซื้อเบียร์มาขนาดนี้มีเรื่องกลุ่มล่ะสิท่า” เอ่ยถามมันอ้อมๆ หากแต่มันเฉไฉไปเรื่องอื่น
“กูไม่เคยขึ้นมาบนนี้เลยว่ะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ ไม่น่าล่ะกูเคยไปเคาะห้องหลายครั้งเห็นเงียบกูก็นึกว่าไปติดสาวที่ไหน”
“กับน้องแก้วยังไงวะ?” ผมวกเข้าคำถามเดิม กะจะพูดกับเรื่องนี้วันนี้ ว่าผมไม่ไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของมันอีกแล้ว
ไอ้เรียวกับแก้วคืนดีกันอีกครั้งแล้วก็ทะเลาะกันเรื่องรูปคู่นั่น ผมเลยไปอธิบายให้แก้วเข้าใจ กลับโดนผู้หญิงด่าจนเสียหมากลับมา ผมแค่ขึ้นบนดาดฟ้าหอพักเพื่อมาตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งกับไอ้เรียวอีก แค่อยากตัดสินใจดีๆไม่อยากตัดสินใจเพราะแค่ไม่พอใจที่โดนด่าเสียๆหายๆแบบนั้น
“คราวนี้กูเลิกจริงๆแล้ว กูไม่ไหวว่ะ”
“อืม”
“แทน”
“หือ”
“กูขอบใจนะที่มึงทำเพื่อกู”
“อืม”
“อย่าถามคำตอบคำดิวะ หรือมึงโกรธกู?”
“เปล่า”
“...............”
“เรียว”
“อ่าหะ”
‘อยากจะรู้เพียง
ถ้าไม่มีเขาแล้วเราจะรักกันไหม
หรือแค่ตัวฉันคนเดียวที่คิดฝันไป
จนไกลแสนไกล ว่าเธอนั้นให้ความหวัง
[/b]
ผมซดเบียร์กระป๋องที่สองรวดเดียวจนหมด
“กูรักมึง”
“กูก็รักมึงไง มึงเพื่อนกู”
“กูรักมึงมากกว่าคำว่าเพื่อน...แบบที่คิดกับมึงมากกว่าคนเป็นเพื่อนกัน”
“................”
เรียวมันเงียบไป ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ผมรอว่ามันพูดอะไรออกมาสักอย่าง.......แต่มันก็ไม่พูดอะไรออกมา
ผมเข้าใจ....ว่าที่มันไม่พูดอะไรออกมาเพราะมันแคร์ความรู้สึกผม หรือมันแค่กำลังหาคำพูดที่ทำให้ผมเจ็บปวดน้อยที่สุด เรียวมันเป็นคนรักเพื่อนมันคงไม่อยากพูดอะไรให้ผมเสียใจออกมาแน่ ผมลุกและเดินออกมาจากตรงนั้น เพราะมันก็คงมันกำลังบากใจ
.....เอาไว้ให้เวลามันผ่านไปค่อยให้โอกาสมันพูด
อยากจะรู้เพียง
ถ้าจบกับเขาแล้วเราจะรักกันมั้ย
อย่าปล่อยให้ฉันเฝ้ารอและคิดฝันไกล
คนเดียวเรื่อยไป ถ้าเธอนั้นไม่ต้องการ
อย่าให้ฉันคิดไปเอง’
ผมเผลอไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์…
...ผมเผลอไปเพราะบรรยากาศ
...ผมเผลอทำลายความเป็นเพื่อนของเรา
ทรยศ...ความเป็นเพื่อนที่มันมีให้ผม
ผม...
......เสียใจ
00.45 น.ผมร้องเพลงเสร็จเที่ยงคืน ใช้เวลาเก็บอุปกรณ์ช่วยไอ้เก้าดับพี่ฮ่องเต้จนเสร็จเดินออกมาหน้าร้านก็พบว่าไอ้เรียวมันไม่อยู่ที่ร้านแล้ว ผมไม่คิดอะไรก็ขับรถกลับหอพัก ว่าจะอาบน้ำก็เลยเข้าดูไปเฟสบุ๊คว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอยู่บ้าง
แต่ทันทีที่ผมเปิดหน้าจอขึ้นมา หน้าฟีดก็ขึ้นโพสของไอ้เรียวเป็นคนแรก
....50 นาทีที่แล้ว
สิ่งที่ตาเห็นคือคลิปวีดีโอ รูปที่ค้างหน้าจออยู่เป็นรูปผมกำลังนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างไอ้เก้ากับพี่ฮ่องเต้อยู่บนเวทีพื้นยกสูงจากพื้นร้าน เป็นคลิปที่ถ่ายเอาไว้วันนี้ไม่ผิดแน่เพราะเสื้อผ้าที่ผมใส่ในคลิปเป็นชุดเดียวกันที่ผมใส่อยู่ตอนนี้
ผมกดเล่น....ใจเต้นระรัว
เสียงของผมดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกีต้าร์และให้จังหวะโดยกลองคาฮอง เป็นเพลงที่พึ่งเพิ่มเข้าในลิสต์วันนี้ ‘อย่าให้ฉันคิด’ ทว่าสายตาผมดันไปสะดุดกับข้อความแคปชั่น แม้จะไม่เก่งภาษาอังกฤษแต่ผมก็พอแปลได้บ้าง...
ผมวิ่งออกจากห้องวิ่งตรงไปยังบันใดขึ้นไปที่ดาดฟ้าทันที
....เพราะที่นั่นมันมีคำตอบที่ผมอยากจะฟังที่สุด
.....จากปากของคนที่รักที่สุด
ตอนนี้.....ผมโคตรพร้อมที่จะฟังคำตอบปากจาก
......ไอ้เรียว
Reaw Rawich Pongphibul - กับ
Thanawat Tan S. ที่
ร้านภาษาเมา
‘ If not you, then who ? If not now, then when.?’(ถ้าไม่ใช่เธอ?แล้วจะใช่ใคร? ถ้าไม่เป็นตอนนี้?แล้วจะเป็นตอนไหน?)
#อย่าให้ฉันคิด Cover By @Thanawat Tan S.
กูรออยู่บนดาดฟ้า #เรียวแทน
[คลิปวีดีโอ]
51 นาทีที่แล้ว...จบ
***************************************************************************************
LeinSter Talk : จะมีเรื่องยาวของร้านภาษาเมาแห่งนี้ด้วยนะครับ อย่าลืมเม้นให้กำลังใจกันด้วยนะครับ
ด้วยรัก