บทที่ 4 จำได้ว่าห้างนี้เคยรุ่งเรืองสมัยเขาเด็กๆ แต่ก็ถูกปิดตัวลงเพราะเจ้าของต้องคดียาเสพติด สุดท้ายก็ร้างจนกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกอันธพาลแบบนี้ไง
แถวนี้นอกจากเรื่องนักเลงยังมีข่าวลือเกี่ยวกับวิญญาณ ทำให้ไม่มีรถโดยสารผ่านเข้ามาถึงที่นี่หรอก ป้ายรถเมล์เดียวที่ใกล้ที่สุดคือหน้าโรงเรียนวิไลวิทย์ เดินเลยไปสักพักจะเป็นธารวิทยา ส่วนบ้านเช่าของพะภูกับพะพายก็อยู่ไม่ไกลจากนั้น
โทรศัพท์มือถือเงินหมด โทรออกไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน อะไรจะมาซวยขนาดนี้ คนตัวเล็กพาตัวเองไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของถนน ค่อยๆก้มลงพันผ้าเช็ดหน้าไว้รอบเฝือก เพื่อปิดบังตัวอักษรน่ารังเกียจที่เพิ่งได้รับมา
ประกายเพชรนับล้านส่องสว่างอยู่บนผืนฟ้ากำมะหยี่สีดำ แสงจันทร์คืนนี้อ่อนแรงเหลือเกิน มีแค่แสงไฟริบหรี่จากสองข้างถนน ที่พอจะช่วยนำทางพะภูให้เดินต่อไปได้ คนตัวเล็กเดินกะเผลกไปกะเผลกมาอยู่นาน เม็ดเหงื่อไหลย้อยลงมาถึงแผ่นอก กระเพื่อมขึ้นลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“วิไล..วิทย์”
เสียงแหบพร่าดังขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ถนนด้านหน้าโรงเรียน ในหัวลังเลว่าจะรอรถโดยสารอยู่แถวนี้ หรือจะยอมเดินต่ออีกสักพักไปให้ถึงบ้านเลยดี
ไม่ทันได้ตัดสินใจ ขามันก็อ่อนแรงลงเสียเฉยๆ ร่างกายที่พยายามประคองไว้ค่อยๆทรุด ไม้ค้ำที่ใช้ยึดเหนี่ยวถูกวางลงกับพื้น ลมหายใจหอบถี่ขึ้นทุกที ได้แต่นั่งพับเพียบสองแขนยันตัวเองเอาไว้ แว่วเสียงวิทยุจากซุ้มรปภ.ของวิไลวิทย์ดังขึ้นมาไกลๆ แต่กว่าจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือออกไปได้ สติสัมปชัญญะทั้งหมดก็ถูกดูดกลืนหายไปเสียก่อน
ราวกับภาพในอดีตที่ถูกฉายซ้ำก็ไม่ปาน ชีวิตที่ได้แต่เร่ร่อน อาศัยนอนข้างถนนมันช่างเจ็บปวด ความกลัวถูกพัดพาเข้ามาคลุมกาย จังหวะเดียวกับความเหน็บหนาวที่เริ่มก่อตัว คืนนี้นายพะภู ก็คงต้องกลับไปโดดเดี่ยวอยู่ภายใต้แสงดาวอย่างที่เคยเป็น..
ตั้งแต่ที่สูญเสียทุกอย่างไป โลกนี้ก็กลายมาเป็นบ้าน ไม่มีคนที่จะให้เชื่อใจได้อีกแล้ว ถึงอย่างนั้น ข้างในหัวใจก็ยังร่ำร้องหาอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นอีกครั้ง
ความฝันในค่ำคืนนี้ไม่สวยงามเลย... ใบหน้ายิ้มแย้มของพะพายคือหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ทำให้เขามีชีวิต แต่ตอนนี้กลับปรากฏรอยยิ้มโหดร้ายของผู้ชายอีกคนฉายขึ้นมา ซ้อนทับกันจนน่าปวดหัว
ถ้าพะพายคือพระเจ้าของเขา แล้วติคืออะไร...?
“ใครอะ?”
“เด็กธารวิทยาไม่ใช่หรอ?”
“ใช่เด็กที่ตกลงมาจากตึกวันก่อนรึเปล่า?”
“เด็กที่ตามตื้อติอยู่น่ะเหรอ?”
เสียงจอแจมันดังเข้าหู จนคนที่นอนสลบไป ค่อยเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา เสียงพูดคุยรอบข้างยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง แม้อยากจะลืมตาขึ้นมองแต่กลับหนักอึ้งจนแทบปรือไม่ขึ้น พวกนักเรียนที่ต้องเดินผ่านทางนี้ทุกคน หยุดมองสภาพไม่น่าดูของเด็กชายซึ่งมาแกล้งตายเอาแถวโรงเรียนตัวเอง เกิดการวิจารณ์ต่างๆนาๆ ดูเหมือนรปภ.กับอาจารย์บางคนที่ทราบเรื่องไม่ได้คิดสนใจจะช่วยแต่อย่างใดเลย สมแล้วที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนคนเถื่อน
“ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ?”
“จะไปรู้ได้ไง”
“เข้าไปช่วยสิ”
“เธอก็ไปสิ”
“เฮ้ย! มุงอะไรกันวะ หลบไป!” ผู้ชายหัวเกรียนเดินนำขบวนนักเรียนชายจำนวนหนึ่งผ่านมาใกล้ๆที่เกิดเหตุ เขารีบกระชากเสียงใส่นักเรียนคนอื่นๆที่เอาแต่เอะอะแต่เช้า เด็กม.4หน้าจืดขาประจำรีบแจ้นมาหยุดอยู่หน้าคนส่งเสียงดังเมื่อครู่
“อ่าว ไอ้นิว”
“พี่ศิลป์ สวัสดีครับ พี่ติ พี่เกต์ สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้คนตรงหน้า รวมไปถึงรุ่นพี่อีกสองคนด้านหลัง ทั้งหมดรับไหว้หน้าตาเรียบเฉย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เด็กธารวิทยา เอ่อ.. คนที่มาตามตื้อพี่ติอะครับ มานอนสลบอยู่แถวโรงเรียนเรา”
“ว่าไงนะ!?”
คนแรกที่มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันควันไม่ใช่ใครอื่น เกต์ได้ยินก็รีบแหวกผู้คนตรงนั้นเข้าไปหาเด็กที่สลบทันที สายตามาดร้ายที่ผู้ชายคนนี้ซ่อนเอาไว้ ถูกส่งไปให้นักเรียนทั่วบริเวณ ไม่นานนักที่ตรงนั้นก็โล่งเปล่า เหลือเพียงกลุ่มของเขาที่ยังคงยืนดูสถานการณ์อยู่ไม่ห่าง ติขยับเข้ามาที่หน้าแถวเพื่อมองเหตุการณ์ให้ชัด สภาพร่างกายปวกเปียกของพะภูช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย
“พะภู! พะภู!”
เกต์ค่อยๆช้อนตัวพะภูขึ้นมา มือข้างหนึ่งประคองไว้ อีกข้างก็คอยตบไปที่แก้มเนียนเบาๆ พอไม่มีใครมายืนล้อม แสงอาทิตย์ยามเช้าถึงได้โอกาสแทรกตัวเข้ามา ทำให้คนตัวเล็กค่อยๆปรือตาตื่นขึ้นมาได้ ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าที่สายตาจะปรับสภาพ และมองเห็นอะไรชัดเจน
“เฮ้ย!” พอเห็นว่าภาพตรงหน้าเป็นยังไง ก็รีบร่นตัวหนีออกจากอ้อมกอดของเกต์แทบจะทันที การขยับตัวดูมีข้อจำกัดมากเหลือเกินยามต้องเข้าเฝือกเอาไว้แบบนี้
“ใจเย็นก่อน นายเป็นอะไร ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ?”
“ผม.. นี่ผมนอนอยู่ตรงนี้เหรอ?”
“ใช่”
สายตาใจดีของเกต์คงพอให้คนตัวเล็กสงบลงได้บ้าง พะภูรีบสำรวจร่างกายตัวเองก่อนจะเริ่มทำความเข้าใจ เมื่อคืนตอนที่พยายามเดินมาที่ป้ายรถเมล์ เขาคงเหนื่อยมากจนสลบไป แย่ล่ะสิ แบบนี้พะพายไม่เป็นห่วงตายแล้วหรอ!
“ขอบคุณนะครับพี่เกต์” รีบบอกคนที่กำลังช่วยพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อย “ผมต้องไปแล้ว”
“จะไปไหน แล้วไปยังไง?”
“ไปโรงเรียนสิครับ เดี๋ยวผมรอรถเมล์ตรงนี้แหละ”
“สภาพแบบนี้จะไปเรียนไหวได้ยังไง ไปพักก่อนเถอะ” เกต์ตรงเข้ามาจะคว้าแขนพะภูไว้ แต่คนตัวเล็กกลับรีบส่งเสียงห้าม พยายามส่งสายตาที่บอกว่าไม่เป็นอะไร
“พวกพี่รีบไปเข้าเรียนเถอะครับ”
“แต่ว่านาย..”
“นะครับ ไปเถอะ” ตอนนี้กลายเป็นว่าพะภูต้องขอร้องให้เกต์รีบเข้าโรงเรียนไปซะ เพราะดูจากสายตาอาบพิษของติที่ส่งมา กับใบหน้าน่ากลัวของทุกคนที่ยืนรออยู่ด้านหลัง ทำเอาเขาไม่กล้าที่จะรับความช่วยเหลืออะไรเลย คงไม่ดีถ้ายังปล่อยให้นักเลงพวกนี้มามัวเสียเวลาอยู่กับตัวเอง แค่เป็นที่รำคาญของติคนเดียวก็แทบเกินทนแล้ว เขาไม่อยากจะเป็นที่เขม่นของนักเรียนคนอื่นอีก
“ไอ้เกต์ ไปได้แล้ว”
ติเดินเข้ามาลากคอเกต์ไปเหมือนทุกที ก่อนที่ขบวนนักเรียนหน้าโหดจะค่อยๆทยอยเดินตามกันไป เกต์ยังคงพยายามหันกลับมามองเขา จึงต้องแสร้งยิ้มและโบกมือหยอยๆ
พอไม่เห็นใครแล้วก็ได้ฤกษ์ก้าวเท้าต่อ ใกล้ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนมีตู้โทรศัพท์เก่ากึกตั้งอยู่ เขารีบพาตัวเองเข้าไปในนั้น ก่อนจะหยอดเหรียญต่อสายหาพี่สาวคนดี เสียเวลาอธิบายกับพะพายอยู่หลายนาทีจนเหรียญแทบหมดกระเป๋า เธอเองก็เป็นอีกคนที่ไม่ต้องการให้เขาไปเรียน แถมยังดึงดันว่าจะไปอธิบายกับอาจารย์ให้ฟังอีก ดูเหมือนถ้าไปโรงเรียนตอนนี้จะมีแต่ทำให้พะพายกังวลใจ คงต้องกลับบ้านลูกเดียวซะล่ะมั้ง
สายตาเหลือบไปเห็นรถเมล์สีแดงสภาพทรุดโทรมเต็มที กำกับตัวเลขสายที่ตรงไปยังป้ายแถวบ้านกำลังแล่นเข้ามาจอดพอดี จึงรีบคว้าเอาไม้ค้ำมาไว้แนบตัว ก้าวขาออกไปจากตู้โทรศัพท์ทั้งที่สายตายังเหลียวไปจับอยู่ที่รถเมล์คันนั้น หวังว่าคงจะไม่พลาดคันนี้หรอกนะ เพราะเขาไม่อยากป้วนเปี้ยนอยู่ที่นี่อีกแล้ว
“เหวออ!”
ปลายไม้ในมือถูกวางค้ำไว้บนก้อนหินแถวนั้น พอทิ้งน้ำหนักลงไปก็เลยเซจนล้มไม่เป็นท่า แขนซ้ายเป็นสิ่งที่รองรับร่างกายทั้งหมดเอาไว้ พอดีกับที่ความเจ็บแสบเริ่มเข้าจู่โจม พอลุกขึ้นนั่งได้ ถึงเพิ่งเห็นว่าแขนข้างเมื่อครู่ถลอกเป็นทาง มีเลือดซึมออกมา อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ เพราะไม่ยอมมองพื้นให้ดี ถึงได้พลาดล้มลงไปจนได้ แบบนี้จะบอกพะพายว่ายังไงอีก ดีแต่ทำให้คนอื่นเขาเป็นกังวล น่าตีตัวเองจริงๆ นายพะภู
เขาเริ่มนั่งสำรวจตัวเองท่ามกลางความเงียบบนถนน รถเมล์คันเมื่อกี้ขับออกไปแล้ว พร้อมกับผู้คนแถวนั้นที่หายไปพร้อมกันด้วย ไม่มีนักเรียนมาเดินเพ่นพ่านอีก จะเหลือก็แค่รปภ.หน้าประตู ที่ไม่คิดแม้แต่จะหันมามองคนที่นั่งจุมปุกอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
ที่ขาเองก็มีรอยถลอกเป็นจุดๆเหมือนกัน ไม่ไหวเลย เริ่มเสียใจที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเกต์ขึ้นมาตงิดๆแล้ว แต่ถึงตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากรีบพาตัวเองไปนั่งรอรถเมล์เท่านั้น แต่ไอ้การจะลุกขึ้นทั้งที่มีแผลเต็มตัวแถมขายังเข้าเฝือกหนาขนาดนี้ มันก็ไม่ง่ายเลย พะภูสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด ก่อนจะปล่อยมันออกมาทางปาก มือขวาหันไปหวังจะคว้าไม้ค้ำขึ้นมา แต่มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว !?
“เอ๊ะ...?”
ในขณะที่กำลังงงกับไม้ค้ำที่หายไป อยู่ดีๆร่างกายของเขาก็ถูกใครบางคนฉุดให้ลุกขึ้นอย่างไม่ปราณีสักเท่าไร แต่พอหันไปเห็นว่าเป็นใคร คำด่าที่ตั้งใจจะพ่นออกไปก็ต้องรีบกลืนลงคอทันที
“พี่ติ!?”
“นายมันน่ารำคาญจริงๆ”
“โอ้ยย!”
ไม่ว่าเปล่ากลับกระชากร่างเขาให้ตรงไปที่รถเก๋งคันหนึ่ง ซึ่งขับมาจอดรออยู่ตั้งแต่เมื่อครู่ มีนักเรียนที่เป็นลูกไล่ในกลุ่มของติรีบรุดเข้ามาเปิดประตูให้ ก่อนที่ร่างของพะภูจะถูกคนตัวใหญ่จับยัดขึ้นรถอย่างง่ายดาย ติรีบเดินอ้อมมาขึ้นรถจากประตูอีกฝั่ง พลางออกคำสั่งให้ออกรถทันที
“นี่มันอะไรครับ!?”
“เราจะพานายไปโรงพยาบาล”
เสียงของเกต์ดังขึ้นจากเบาะข้างคนขับ ก่อนที่คนใจดีจะโผล่หน้าออกมาให้เห็น ยิ้มกว้างระบายอยู่บนนั้นชัดเจน แต่กลับดูขัดใจพะภูเสียเหลือเกิน พวกนี้ตั้งใจจะทำอะไร คิดจะดึงเขามาก็เอามาเสียทั้งอย่างนั้น ไม่เคยถามกันก่อนสักคำ เอาแต่ใจตัวกันทั้งหมดเลย
“ไปทำไมครับ แล้วพวกพี่ไม่ต้องเข้าเรียนหรอ ออกมาอย่างนี้ได้ยังไง?” คำถามเป็นชุดถูกรัวเข้าใส่ เกต์เชิดหน้าขึ้นทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ไปเอาเฝือกออก ไปทำแผล ส่วนพวกฉันไม่เป็นอะไรหรอก โรงเรียนอันธพาล ไร้กฎเกณฑ์อย่างที่นายเห็น.. ไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว”
“แต่มันก็ไม่ดีนะครับที่โดดออกมาแบบนี้”
“พวกเรารู้ แต่ให้ทิ้งนายไว้ก็ไม่ได้หรอก ถึงยังไงกลุ่มเราก็ถือว่าดีที่สุดในโรงเรียนแล้ว ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้บ่อยๆหรอกนะ วางใจเถอะ”
นี่เหรอคือกลุ่มที่ดีที่สุดในโรงเรียน...กลุ่มที่มีเรื่องชกต่อยกับเด็กอื่น เอาแต่ทำตามอำเภอใจ ทำตัวกร่างไปทั่ว น่ากลัว ไร้มนุษยสัมพันธ์ แถมยังชอบเขม่นเด็กโรงเรียนอื่นอีก ไอ้กลุ่มที่มีนายเหนือเป็นผู้ชายชื่อกีรติ จะเป็นกลุ่มที่ดีได้ยังไง ไม่เห็นอยากจะเชื่อเลย!
ไม่นานเราก็มาถึงโรงพยาบาล เมื่อเห็นว่าใครก้าวขาออกมาจากรถคันหรู เหล่าพยาบาลก็รีบกรูกันเข้ามารับใช้ดูแลซะยิ่งกว่าบ่าว คุยกันสักพักเกต์ก็ชี้มือไปทางพะภู ทำให้พวกพยาบาลเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาทันที รถเข็นรีบแล่นมาจอดอยู่เบื้องหน้า ก่อนที่คนตัวเล็กจะถูกประคองอย่างดีให้ขึ้นนั่งบนนั้น นายพยาบาลเข็นรถเข็นเหมือนกลัวเต็มที เพราะว่าเป็นคนที่มากับติและเกต์ถึงถูกปฏิบัติเป็นพิเศษขนาดนี้เหรอ ทุกคนในโรงพยาบาลดูต้องระมัดระวังทั้งท่าทางและคำพูด รถเข็นที่เขานั่งอยู่ก็แทบไม่มีการกระตุกอะไรเลยด้วยซ้ำ จะสองมาตรฐานเกินไปแล้ว!
พะภูได้รับการลัดคิวเพื่อเข้าพบคุณหมอก่อนใครอื่น เฝือกที่ขาถูกเอาออกไป ก่อนจะพาตัวไปยังอีกห้องเพื่อทำแผลเล็กๆน้อยๆตามตัว ยังไม่เสร็จดี เกต์ก็เปิดประตูเข้ามา
“เป็นไงบ้าง?”
“ผมไม่เป็นไรครับ ความจริงพวกพี่ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”
“พวกฉันแค่ทำตามคำสั่ง”
“คำสั่ง?” พะภูหันมองเกต์ที่เอาแต่อมยิ้ม จำไม่ได้ว่าตัวเองเคยกล้าสั่งให้เด็กวิไลวิทย์มาประคบประหงมถึงขนาดนี้
“เพราะไอ้ติบอกให้พานายมา”
“พี่ติน่ะหรอครับ!?” ร้องออกไปอย่างไม่เชื่อหู ผู้ชายที่ไม่คิดจะแยแสตัวเองหรือแม้กระทั่งใครๆ ทำไมถึงได้พลิกล็อคมาเป็นผู้ช่วยชีวิตได้ล่ะ
“มันบอกให้เตรียมรถ ตั้งแต่เดินเข้ารั้วโรงเรียนแล้ว”
“อ้ะ ขอบคุณครับ” พะภูไม่ทันได้คุยกับเกต์ต่อ พยาบาลก็ทำแผลเสร็จเรียบร้อยพอดี เขารีบหันไปยกมือไหว้พวกเธอ ก่อนจะพาตัวเองลงมาเดินที่พื้น สาบานได้ว่าตั้งแต่ลงจากรถมา เขายังไม่ได้เอาเท้าแตะพื้นด้วยตัวเองเลย
คนตัวเล็กเดินนำออกไปก่อน เมื่อเห็นว่าเกต์เริ่มหันไปต่อบทสนทนากับพยาบาลสาวสวย ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็เจอผู้ชายตัวสูงกำลังยืนก้มหน้าพิงกำแพงอีกฝั่ง ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ในเวลานี้ พอเข้าไปใกล้ถึงเห็นว่าติหลับตาอยู่ ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจว่าเขาต้องได้ยินสิ่งที่จะพูด
“พี่ติเคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารคนรวย ว่าพี่จะเป็นคนเลวที่กำจัดคนเลว..”
“...”
“แต่ความจริง...พี่ติไม่ใช่คนเลวใช่ไหมครับ?”
ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆนานเป็นนาที จนพะภูตัดสินใจเป็นฝ่ายเดินจากไปเอง ทิ้งให้อีกฝ่ายได้แต่หยุดคิดอะไรบางอย่าง เปลือกตาค่อยๆปรือขึ้นมองพื้นโล่งเปล่า ภาพใบหน้าที่เอาแต่วุ่นวายและน่ารำคาญของเด็กธารวิทยามันลอยขึ้นมาในหัว เสียงของหมอนั่นยังคงดังชัดเจนในโสตประสาท
...ไอ้เด็กบ้า เขาก็แค่จะหาเรื่องโดดเรียนเท่านั้นแหละ...--------------------------
ทุกคนอย่าเพิ่งเกลียดตินะ
จริงๆมันเป็นคนดีแหละ! มันแค่แอ๊บบ 5555
แล้วก็อีกเรื่อง.. ทำไมถึงคิดว่าเกต์เป็นพระรอง 555