รอบที่16 นกน้อยของอัศวิน การเรียนมารยาทกับเดฟจบคลร์สแล้ว เรียนภาษากับป๋า...ทิ้งช่วงไปยาวๆ ช่วงเวลาที่เหลือคือการฝึกต่อสู้กับไนท์แบบเต็มตัว
กิจวัตรประจำวันของผมคือ ตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อวิ่งออกกำลังกายรอบตึกสลับหยุดพักวอร์มร่างกายเป็นระยะ เพื่อเพิ่มความทนทานของร่างกายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปในตัว เสร็จแล้วก็ขึ้นมากินข้าวเช้ากับป๋า อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียนการใช้มีดและปืนจากไนท์
ไนท์เลือกมีดพกมาให้ เพราะพกพาสะดวก แถมหยิบออกมาใช้งานตอนไหนก็ได้ โดยเริ่มจากให้ผมควงจนกว่าจะชินมือและใช้เวลาหยิบออกมาน้อยที่สุด ตามด้วยสองเทคนิคการหลอกล่อด้วยมีด โจมตีเข้าจุดสำคัญ อาศัยขนาดร่างกายและการเคลื่อนไหวให้เป็นประโยชน์
ต่อมาเป็นปืน แน่นอนว่าเป็นปืนพกเช่นกัน สภาพผมไม่มีทางแบกปืนใหญ่วิ่งโร่ใจกลางเมือง อีกทั้งผมไม่มีหุ่นที่หนาใหญ่ทนต่อแรงถีบปืนได้ เลยต้องเลือกแบบใช้งานง่าย น้ำหนักเบาสำหรับป้องกันตัวเท่านั้น
สถานที่ฝึกก็สนามยิงปืนชั้นใต้ดินนี่แหละ ห้องกว้างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกสร้างมาตรงตามมาตรฐานสนามยิงปืนขนาดเล็ก กำแพงถูกสร้างจากวัสดุเก็บเสียง มีช่องระบายให้อากาศถ่ายเท เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีคนประจำการสองคน สามารถเข้าไปเบิกกระสุนฝึกได้ตามใจชอบ แต่ต้องจดไว้ว่าใช้ไปเท่าไหร่ ฝึกอะไรบ้างในแต่ละวัน
ตัวสนามแบ่งเป็นล็อกๆ มีฉากกั้น ตอนที่ไนท์พาผมมายังเห็นการ์ดใช้สนามอยู่สองสามคน บางคนก็จับกลุ่มคุย ยามทุกคนเห็นไนท์ก็พร้อมใจกันก้มหัวส่งเสียงทักทายอย่างนอบน้อม เผื่อแผ่รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ผมด้วย ที่น่าแปลกใจคือผมไม่ได้ฝึกยิงปืนคนเดียว
“มือเล็กแบบนี้คงต้องใช้ GLOCK 17 น้ำหนักเบา แรงสะท้อนไม่มากทำให้คุมปืนเล็งง่ายแถมยังเป็นระบบ SEMI-AUTO สามารถยิงได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องสไลด์ปืนใหม่ แต่ควรระวังไว้อย่าง มันมีไกสองชั้น ต้องกดไกแรกก่อนไม่งั้นจะกดไกสองไม่ได้ ที่สำคัญคือ หากกดไกทั้งสองแล้วทำตก ปืนมันจะยิงจนหมดแม๊ก” เสียงอธิบายอย่างตั้งใจพลางสาธิตให้ดูช้าๆ ชะเง้อคอมองด้วยความหมั่นไส้
“ฮัลโหล คุณอาจารย์ที่เคารพ อย่าลืมว่ามีลูกศิษย์อยู่ตรงนี้อีกคนนะ”
ไนท์ตวัดสายตามองเจ้าหนูที่ส่งเสียงกวนประสาท ขณะกำลังจับมือเล็กของคนรักให้ลองยกปืนดูโดยยังไม่ใส่กระสุน
“เธอเรียนกับฉันมาตั้งเยอะ แกะประกอบปืนเองก็เป็นแล้ว ถ้ายังยิงไม่เป็นอีกก็ไปโดดตึกตายซะ” วาจาเชือดเฉือนสมเป็นอีกฝ่าย ผมยักไหล่แล้วสวมที่ปิดหูลองยิงด้วยตัวเอง ก็อย่างที่เห็น ไนท์พาคนรักตัวเองมาฝึกยิงปืนด้วย ผมเองก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ แค่อยากกวนไนท์เฉยๆ ดีซะอีก ผมจะได้ทำความรู้จักกับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ เขามีชะตากรรมไม่ต่างจากผมตอนเข้ามาแรกๆ เลย ทุกคนยังระแวงไม่ไว้ใจคอยจับตาดูอยู่เสมอ ป๋าเองก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
หลังทดลองยิงเสร็จ กดเลื่อนเป้ายิงมาดูผลงาน รอยกระสุนส่วนใหญ่ไม่โดนจุดสำคัญ แต่ก็ยังดีที่มันเข้าเป้าบ้าง ส่วนของพี่โทริ...
“นกน้อยฝีมือร้ายกาจสมเป็นคนรักของฉันจริงๆ ผิดกับใครบางคน ห่วยแตก!”
เจ้าอัศวินชั่วร้ายส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยมาทางผมระหว่างเทียบผลงาน ของผมอย่างที่บอกไปข้างต้น ส่วนของพี่โทริ แม้จะไม่เข้าเป้าทุกนัด แต่ส่วนใหญ่ก็โดนหมด ที่สำคัญยังมีบางนัดโดนจุดตายอย่างหัวใจกับกลางหัวด้วย!
“แค่ฟลุ๊คมากกว่าครับ ผมได้เปรียบกว่าเพราะเคยจับปืนของจริงมาบ้าง” เสียงนุ่มหวานพูดภาษาไทยชัดเจน หางตาตก แววตาโศกชวนให้ดูน่าถนอม ใบหน้าติดสวยสมวัย แต่ตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ หรือแม้แต่ผมก็ตาม ผิวกายขาวๆ ชุดที่ใส่มิดชิดจนน่าสงสัย ผมคงจะมองแบบโจ่งแจ้งไปหน่อย เขาถึงกอดแขนแสดงสีหน้าลำบากใจ
“มีปัญหาอะไรกับคนรักฉันรึไงเจ้าหนู” ไนท์ถามตรงๆ ผมก็ตอบไปตรงๆ
“ปัญหาไม่มี แค่สงสัยเฉยๆ” มองไนท์กับโทริที่ปิดปากเงียบสนิททั้งคู่ บรรยากาศดูหน่วงแปลกๆ ผมเลยเปลี่ยนเรื่อง “เพิ่งมีโอกาสได้คุยกันตรงๆ ผมมิทรีนะ ผมขอเรียกว่าพี่โทริได้มั้ย?”
“ได้สิ” อีกฝ่ายตอบด้วยรอยยิ้ม
“พี่โทริอายุเท่าไหร่เหรอ” ผมเข้าไปตีสนิทชวนคุยตามนิสัย โดยมีสายตาของไนท์คอยจับจ้องตลอดเวลา ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา
“สามสิบน่ะ...”
ผมตาโต โอ้...เหลือเชื่อ ทีแรกนึกว่ายี่สิบปลายๆ ซะอีก หันไปมองไนท์ รู้สึกจะอายุสามสิบสอง ป๋าสามสิบสี่ พี่อาคมสี่สิบนิดๆ หลงยี่สิบแปด ไมค์ยี่สิบหก เดฟยี่สิบห้า และผมอายุน้อยที่สุด
“เลิกคุยแล้วมาฝึกต่อซะ โทริฝึกอีกสักพักค่อยไปทำงานเอกสารต่อก็ได้นะ” น้ำเสียงตอนพูดกับผมช่างห้วนสิ้นดี พอคุยกับคนรักตัวเองนุ่มลงอีกสิบระดับ ความลำเอียงนี้ไม่แพ้ป๋าเลยให้ตาย ผมเบ้ปากมองบนหันกลับไปสนใจการฝึกของตัวเอง มีไนท์คอยแนะนำแกมด่าให้เจ็บๆ คันๆ เป็นระยะ
ผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมงค่อยเรียนวิชาป้องกันตัวแบบไร้อาวุธต่อ งานนี้โทริกลับห้องไปทำงานเอกสารปล่อยให้ผมฝึกกับไนท์และเหล่าการ์ด พวกพี่ชายตัวโตทั้งหลาย ยังใจดีกับผมไม่กล้าลงแรงมากเพราะกลัวผมบาดเจ็บ ตรงข้ามกับไนท์ที่ซัดแบบไม่ออมมือจนฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว โดนทุ่มลงไปนอนพะงาบบนพื้นเสียหลายรอบ หมดแรงตาย แทบจะคลานไปกินมื้อเย็น
มีไมค์มาช่วยบีบนวดทายาแก้ฟกช้ำให้ ส่วนป๋ายังคร่ำเคร่งกับงานที่โต๊ะตามเคย เห็นว่าเรียกพี่อาคมกับไนท์เข้าไปคุยด้วย หลังไมค์ตรวจสภาพร่างกายผมเสร็จก็หลบฉากไปพักบ้าง ผมเลยมีโอกาสอยู่สงบๆ คนเดียว หยิบมือถือขึ้นมากดเล่นไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งเห็นรูปแม่ที่ซ่อนเอาไว้ในมือถือ
ผมมองภาพนั้นพลางเดินออกมารับลมที่ริมสระ ตัดขาดตัวเองจากทุกอย่างรอบตัวชั่วคราว
ในรูปคือหญิงสาวแสนสวย เรือนผมยาวสีน้ำตาลทอง ผิวขาวเหลืองมีกระตรงโหนกแก้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสดใส ใบหน้าประดับรอยยิ้มกว้างขณะอุ้มเด็กชายวัยสามขวบที่แทบจะถอดพิมพ์ตัวเองออกมา ฉากหลังเป็นต้นไม้ในสวนสาธารณะ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี ที่จมูกกับปากของตัวเองได้พ่อเวรนั่นมา หน้าตาเลยมีเค้าหล่อไม่ดูสาวจนเกินไป
ผมหลับตานึกย้อนกลับไป ภาพล่าสุดที่ผมเห็น ไม่ใช่ความสดใสราวกับดอกไม้ในฤดูร้อน แต่เป็นความหม่นหมองอิดโรยจากการทำงานและอาการป่วย ฉากหลังเองก็ไม่ใช่สวนดอกไม้ แต่เป็นเตียงและกำแพงสีขาวในโรงพยาบาล เป็นรูปที่ป้าส่งมาให้
ผมตัดสินใจที่จะลบภาพนั้นทิ้ง เก็บไว้เพียงภาพสมัยก่อนของแม่เพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง
“แม่...ตอนนี้พวกเราสบายแล้วนะ ผมได้ป๋าสุดรวยทำให้มีเงินใช้เหลือเฟือ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากมาย ถึงแม้จะเกิดเรื่องร้ายๆ มาบ้างแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ที่สำคัญ ผมไม่ต้องกระเสือกกระสนหาเงินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รีบรักษาตัวให้หายไวๆ นะครับ” พึมพำปล่อยคำพูดไปกับสายลม หลุบตาลงจูบภาพบนหน้าจอ
“Я люблю мамa (ผมรักแม่)”
สักวัน...เมื่อวันที่ทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ ผมจะบอกเรื่องแม่กับลูเซียส และจะไปหาแม่ด้วยตัวเอง ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ส่งความคิดถึงผ่านข้อความอีกแล้ว
“บอกรักคนอื่นในที่ของฉัน กล้ามากนะ” เสียงมาพร้อมกับวงแขนที่กอดรวบจากทางด้านหลัง ใจผมกระตุกวูบ นึกหวั่นว่าลูเซียสจะได้ยินสิ่งที่ผมพูดรึเปล่า แต่พอหมุนตัวเงยหน้ามองเห็นรอยยิ้มร้ายประดับมุมปากอย่างเคย ค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก ยกแขนโอบรอบคอหนา
“บอกรักคนอื่นที่ไหน รักป๋าต่างหาก ทำงานเสร็จแล้วเหรอ หรืออู้มาหาผม” หยอกเย้าขยับกายเข้าหา สัมผัสถึงไอร้อนผ่านผิวผ้า กล้ามแขนได้รูป แผ่นอกน่าซบ กลิ่นอาฟเตอร์เชฟผสมกลิ่นเหล้ากับบุหรี่ช่างเร้าอารมณ์ ป๋าใครหนอ So Hot จริงๆ
“วันนี้หมดแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ เธอก็เข้าห้องซะ วันนี้ต้องดูแลฉันทั้งคืน” จมูกโด่งซุกไซร้แถวลำคอ มือหนาลูบไล้สะโพกก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องให้ผมเดินตาม ถึงเวลางานของผมแล้ว...
เมื่อคืนตั้งใจทำงานมากไปหน่อย ตื่นเช้ามาผมเลยหมดสภาพไม่สามารถลุกไปออกกำลังกายยามเช้าได้ ป๋าเลยให้ผมหยุดพักผ่อนหนึ่งวัน ผมนอนเอาแรงจนเกือบเที่ยงค่อยเสนอหน้าออกมาป่วนคนอื่น ไปหาเดฟที่ห้องครัวก็โดนไล่ออกมาเพราะเกะกะ พี่อาคมคุมการ์ดอยู่ชั้นล่าง ไมค์หายไปไหนไม่ทราบ ไนท์ทำงานอยู่ในห้องกับป๋า ชั้นบนที่มีสมาชิกอันน้อยนิดจึงเหลือเพียงผมกับโทริที่น่าจะว่าง
มีโอกาสทั้งทีผมเลยแวะไปหาโทริซะเลย ผมลงลิฟท์ส่วนตัวลงมาหนึ่งชั้น พอลิฟท์เปิดออกก็จะเป็นประตูเข้าห้องของไนท์ที่เหมาไปหนึ่งชั้นเต็มๆ ยกมือกดกริ่งหน้าห้อง รอไม่นานโทริก็มาเปิดประตูให้
“นึกว่าใคร คุณหนูนี่เอง มาหาไนท์เหรอครับ?” ใบหน้าสวยเอียงคอเล็กน้อยเหมือนนกสงสัย ผิดกับผมที่แทบจะหัวทิ่ม
“พี่โทริ! ไม่ต้องเรียกผมเหมือนคนอื่นก็ได้ เรียกชื่อเฉยๆ ก็พอ” อีกฝ่ายไม่ใช่คนของลูเซียสเต็มตัว ขนาดไนท์เองทุกวันนี้ยังเรียกผมว่าเจ้าหนูอยู่เลย
เจ้าตัวลังเลชั่วครู่ เห็นผมยืนยันหนักแน่นเลยยอมเรียกตามที่บอก “มิทรี...ไนท์ไม่อยู่นะครับ เห็นว่าไปคุยงานกับคุณลูเซียส”
“เรื่องนั้นผมรู้แล้วล่ะ ตั้งใจมาหาพี่โทริต่างหาก ตอนนี้ว่างรึเปล่า ไปหาอะไรกินในห้องครัวกับผมมั้ย” เห็นปกติโทริชอบเก็บตัวในห้องไนท์ ชวนไปเปิดหูเปิดตา
“ผมออกไปเดินเพ่นพ่านคงไม่เหมาะ” สมาชิกใหม่ยิ้มอ่อนสีหน้าฉายความหนักใจ ราวกับนกน้อยขี้ระแวง อ่อนแอและบอบบาง ตรงกันข้ามกับไนท์ทุกอย่าง ผมเข้าใจแหละว่าบอสใหญ่อย่างลูเซียสยังไม่วางใจ เจ้าตัวเลยระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ แต่อยู่แบบนี้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ที่สำคัญลูเซียสไม่ชอบคนแบบนี้ที่สุด
เห็นแก่ไนท์ที่ช่วยเหลือผมมาโดยตลอด ผมเองก็จะช่วยให้โทริปรับตัวได้ไวๆ แล้วกัน
“ออกไปกับผมเถอะ ทำความรู้จักกับคนอื่น จะได้ชินไวๆ พี่ไนท์เองก็คงต้องการแบบนั้น” เจ้าตัวไม่อยู่ ขอยืมชื่อมาใช้กล่อมคนหน่อยและดูเหมือนจะได้ผลซะด้วย โทริยอมตามผมมาชั้นบนในส่วนของห้องครัว พอเดฟเห็นผมทำหน้าอย่างกับจะไล่ไปให้ไกลๆ
“คุณหนู ถ้าจะมาก่อกวนขอให้หมุนตัวแล้วเดินกลับห้องนอนนะครับ” ว่าพลางชี้ไปทางด้านหลัง ตั้งแต่เรียนมารยาทด้วยกันมา ความใจดีของเดฟในตอนแรกก็ดูจะลดหายลงไปตามกาลเวลา เหลือเพียงพ่อครัวจอมรู้ทันที่ชอบขัดไปซะทุกเรื่อง
“เสียมารยาท ใครมาก่อกวนกัน มาฝากท้องต่างหาก พาสมาชิกใหม่มาด้วย พี่เดฟน่าจะรู้จักแล้วมั้ง” ไนท์น่าจะแนะนำคนรักตัวเองให้ทุกคนรู้จักแล้วมั้ง
ยามเห็นคนด้านหลังผม สีหน้าแววตาของเดฟก็เปลี่ยนไป ทำท่าคันไม้คันมืออยากจะขุนคนให้อ้วน
“ดีใจจริงที่คุณหนูทำตัวมีประโยชน์ พอดีเลย ผมขัดใจมานานแล้ว คุณโทริผอมไปแล้วนะครับ ยิ่งตัวเล็กแบบนี้ยิ่งต้องกินเยอะๆ ไม่งั้นจะมีแรงสู้รบปรบมือกับคุณไนท์ได้ไง” เดี๋ยวนะ เชฟคนนี้เอาสมองส่วนไหนคิดว่าจะไปสู้รบปรบมือกัน คิดว่าวันไหนนกน้อยจะเฉาตายคามืออัศวินดีกว่ามั้ง
“คือผม...” ยังไม่ทันจะพูดก็มีคนขัด
“งั้นรอสักครู่ เดี๋ยวผมทำอะไรให้คุณกินดีกว่า คุณหนูเอาด้วยไหมครับ” ตัดสินใจเสร็จสรรพค่อยหันมาถามผม ผมพยักหน้ารับแล้วชวนโทริไปนั่งรอ
โซนห้องครัวอยู่ในชั้นของป๋าก็จริง แต่กั้นห้องแยกชัดเจนแค่มีประตูทะลุถึงกัน ซึ่งตอนนี้กำลังปิดอยู่ พื้นที่ห้องครัวของเดฟกินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง แบ่งครึ่งเป็นโซนทำอาหารกับห้องเก็บของสดกับวัตถุดิบ มีเคาน์เตอร์บาร์เปิดโล่งให้เห็นครัวสะอาดสะอ้าน วางประดับด้วยมะลิฝรั่งเศสกระถางเล็กในตะกร้าหวายผูกริบบิ้นสีฟ้าของรักของหวงเดฟ เห็นว่าเป็นของที่คนรักให้มา ขนาดลูเซียสถามด้วยความสนใจ เดฟยังรีบอุ้มหลบไปเก็บในห้องนอนอยู่หลายวัน จนป๋าบอกว่าแค่ถามไม่ได้จะเอา เดฟถึงนำมาวางไว้ที่เดิม
จะว่าไปห้องอาหารนี่ถือว่าเป็นของพวกระดับสูงที่มีพ่อครัวประจำการเกือบตลอดเวลาเพราะบางทีเดฟก็ไปทำธุระส่วนตัว ไปซื้อของสดเข้าห้องแช่บ้าง ดังนั้นเวลาที่เดฟอยู่แน่นอนคือตอนเช้า กลางวันและตอนเย็น
เดฟเองก็พักอยู่ที่ตึก ชั้นล่างถัดจากชั้นของไนท์ เป็นห้องพักกลุ่มคนใกล้ชิด ผมเคยไปเดินเล่นอยู่บ้าง สามพ่อลูกต่างสายเลือดเองก็อยู่ชั้นนี้ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีห้องว่างเหลืออีกสองห้อง ผมเคยขอป๋านะ แต่ป๋าไม่ให้ เหตุผลคงไม่ต้องบอก...
“มิทรีอยู่ที่นี่มานานแล้วสินะ” นกน้อยเริ่มบทสนทนาทำลายความเงียบ ตายล่ะ มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ลืมจุดประสงค์หลักไปซะสนิท
“บอกไม่ถูกเหมือนกันว่านานรึเปล่า นับๆ ดูแล้วคงเกือบปีหนึ่งล่ะมั้ง” เวลามากมายสูญเสียไปเพราะความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว ผมจับขาข้างที่เคยโดนยิง ตอนนี้ขยับเคลื่อนไหวปกติไม่มีปัญหา แต่ถ้าใช้งานมันมากๆ จะเริ่มประท้วงด้วยการเจ็บจี๊ดๆ ทุกครั้งที่ก้าวขา ไนท์เลยต้องสลับสอนอย่างอื่นไปด้วย ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเพียงอย่างเดียว
“พี่โทริเป็นยังไงบ้าง” ผมถามกลับ ชวนคุยเพิ่มความสนิทสนม อาศัยตัวเองที่อายุน้อยในการเข้าหา
“ทุกอย่างโอเคครับ ทุกคนดีกับผมมาก” เจ้าตัวยิ้มบางๆ คงจะหมายความตามนั้นจริงๆ
“แล้วป๋า...บอสล่ะเป็นยังไง” ผมถามเข้าประเด็น เปลี่ยนคำนิดหน่อย โทริเพิ่งมาใหม่คงไม่คุ้นชินกับคำว่าป๋าของผม จะให้เรียกคุณลูเซียสมันก็ยังไงๆ เรียกบอสง่ายที่สุด
สงสัยคำถามนี้จะทำดาเมจมากไปหน่อย นกน้อยถึงกับชะงักตัวแข็งทื่อ ผมไม่รู้จะหัวเราะหรือเห็นใจป๋าดี ดูท่าจะโดนกลัวระยะสุดท้าย “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น ความจริงบอสไม่น่ากลัวนะ ออกจะใจดีด้วยซ้ำ” ไม่งั้นคงไม่ส่งเสียผมขนาดนี้หรอก เห็นว่าบรรดาลูกน้องทั้งหลาย ส่วนใหญ่ก็ได้บอสช่วยมาทั้งนั้น
“อ่า...ผมไม่ขอออกความเห็นแล้วกันครับ” เจ้าตัวพูดเสียงเบาหวิว ผมส่ายหัวช่วยชี้ทางให้
“อันที่จริง บอสคงไม่ได้ระแวงพี่โทริอะไรขนาดนั้น เพราะบอสไว้ใจพี่ไนท์มาก แต่ที่พี่โดนบอสขมวดคิ้วใส่น่าจะเป็นเพราะนิสัยกับบุคลิกที่แสดงออกมามากกว่า บอสเขาชอบคนกล้า ซึ่ง...ตรงข้ามกับพี่ทุกอย่าง” เห็นอีกคนสบตาผมตั้งใจฟังเงียบๆ ผมเลยพูดต่อ “ผมก็ไม่ได้บอกให้พี่เปลี่ยนแปลงตัวเองทันทีนะ ระดับคนรักของพี่ไนท์ต้องมีดีอะไรสักอย่างอยู่ในตัว ไม่งั้นดึงดูดความสนใจคนแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“’แบบนี้นี่เอง...” ได้ยินเสียงพึมพำคล้ายค้นพบอะไรบางอย่างทำให้ผมยิ้มออก รีบกระตุ้นเพิ่ม
“ใช่แล้ว ดังนั้นเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องกังวลว่าใครจะทำอะไร เชื่อเถอะว่าพี่ไนท์พร้อมจะกระโดดเข้ามาปกป้องพี่แน่นอน แม้แต่บอสพี่ไนท์ยังกล้าหยิบปืนมาไล่ยิงเลย” โทษฐานอู้งานมาหาผมอะนะ
“อืม เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะมิทรี” สีหน้ากับแววตาสดใสทำให้ผมยิ้มออก
“ไม่เป็นไร ผมช่วยเพราะเห็นแก่พี่ไนท์ด้วยแหละ” ผมโบกมือปัดๆ เจ้าตัวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะชี้มือมาทางด้านหลังของผม พอแหงนคอมองเจอใบหน้าชวนวิ่งหนี
“พูดจาใหญ่โตดีนะ” เอ่ยพลางแค่นเสียงหึในคอ ผมกลอกตามองตามร่างสูงที่เดิมอ้อมไปนั่งข้างคนรัก แถมถือวิสาสะโอบอีกฝ่ายเข้าหาจนแทบเกยตัก คนๆ นี้ ปากด่าคนอื่นว่าทำอะไรไม่อายฟ้าอายดิน(เรียนคำมาจากพี่อาคมอีกตามเคย) ทีตัวเองมีแฟนไม่ได้ต่างกันเลย ผมเบ้ปากมองบนอย่างหมั่นไส้
“น่าเอาตะกั่วยัดปากเนอะว่าไหม” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู ผมยิ้มกว้างหันหน้าไปจูบปากเอาใจกำลังเสริม แล้วเชิดหน้าใส่ไนท์ มาพร้อมกันทั้งเจ้านายและลูกน้อง คงเพิ่งทำงานเสร็จแล้วตรงดิ่งมาห้องครัว เลยเวลากินมื้อเที่ยงมาแล้วหนิ
“บอสกับคุณไนท์จะทานมื้อเที่ยงที่นี่เลยใช่ไหมครับ ผมจะได้ยกมาทีเดียว” เดฟส่งเสียงถามจากเคาน์เตอร์ ป๋ายกมือเป็นเชิงบอกให้ทำตามนั้น ด้วยความที่กินกันหลายคนผมเลยลุกไปช่วยยกจานโดนลูเซียสขยำก้นไปที
“อะแฮ่ม บอสครับ ลวนลามเด็กเสิร์ฟไม่ดีนะครับ” เสียงเตือนมาก่อนมีหรือป๋าจะสน
คราวนี้มาอีกสองคนพี่อาคมกับไมค์ คนแรกตรงดิ่งไปนั่งที่เคาน์เตอร์ตำแหน่งประจำ ไมค์ไม่มีพิเศษเลยไปนั่งข้างๆ มื้อเที่ยงวันนี้เลยอบอุ่นจนร้อน ขาดแต่หลง ไม่งั้นคงจะครบทีม
ระหว่างที่ผมกำลังปรนนิบัติป๋าพลางอ้าปากกินสเต็กเนื้อฉ่ำที่ป๋าป้อน ตาก็คอยเหล่มองโทริเป็นระยะ ถึงจะดูเกร็งอยู่บ้าง แต่กล้าสบตาตอบคำถามบอสใหญ่ คงเพราะมีแรงใจอย่างดีคอยกุมมืออยู่ตลอด แม้จะหลบตาทันทีที่พูดจบก็ตาม
ผมเห็นแววตาของป๋าฉายความประหลาดใจวูบหนึ่งก่อนกระตุกยิ้มมุมปาก นับว่าเป็นพัฒนาการที่ดี
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีกิจกรรมโหวต 'ประวัติ' บรรดาลูกน้องของป๋าจ้าปิดโหวตแล้ว เชิญอ่านได้ที่ >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54115.msg3521824#msg3521824