หากเราสามารถดึงดูดใครสักคนให้เข้าหาเราได้เขาก็ต้องดึงดูดเราได้เช่นกัน ถ้าหากเปรียบคนสองคนเป็นมวลสองก้อนสองคนจะดึงดูกันด้วยแรงตามกฎการแรงดึงดูดระหว่างมวลของนิวตัน ตามกฎบอกว่าแรงที่จะดึงดูกันนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่ที่มวลก้อนใดก้อนหนึ่ง แต่มันขึ้นอยู่กับทั้งสองมวล ถ้าหากมีก้อนหนึ่งที่มวลมากกว่ากับอีกก้อนที่มวลน้อยกว่า แรงที่ดึงดูดนั้นไม่ได้กระทำต่อทั้งสองมากน้อยต่างกันเลย หากแต่กระทำเท่ากันต่อทั้งสองมวลหมายความว่ามวลหนึ่งดูดมวลสองและมวลสองดูดมวลหนึ่งด้วยแรงเท่ากัน ซึ่งถ้าหากยิ่งมวลมากแรงดึงดูก็ยิ่งจะมาก และปัจจัยที่สองของแรงดึงดูดคือระยะห่าง แรงจะแปรผกผันกับระยะห่างยกกำลังสอง นั่นคือยิ่งระยะใกล้ แรงดึงดูดจะยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ
ตอนที่ 3 แรงดึงดูดระหว่างมวล
“สวัสดีครับลุงพล ป้าณี” ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่สองคนที่ผมรู้จักตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ผมกับพี่คิดยืนอยู่หน้าบ้านที่เราจะมาพักกันสองคืนตามที่วางแผนกันไว้ หรือบ้านที่คนในครอบครัวผมเรียกว่าบ้านไร่
“พี่คิดครับ นี่คือลุงพลกับป้าณี คนดูแลบ้านและเป็นหัวหน้าคนงานที่ไร่” ผมแนะนำให้พี่คิดรู้จักทั้งสองคน “ลุงพลป้าณีครับ นี่คือคุณชาคริต คนที่จะมาพาผมทำงาน”
“สวัสดีครับ เรียกผมคิดก็ได้ครับ” พี่คิดยกมือไว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง
“สวัสดีจ๊ะ เชิญคุณหนูจู กับคุณคิดด้านในก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวป้าเรียกเด็กๆ มาขนของขึ้นห้องให้นะคะ” ป้าณีเชิญเราเข้าบ้าน
บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ผมชอบมาก เพราะเป็นที่ที่สงบ ไม่มีเสียงรถ เสียงเจี้ยวจ้าวของผู้คนเหใอนในเมืองใหญ่ มีแต่เสียงนกร้อง เสียงใบไม้ปลิว เสียงลมพัด ไร้ซึ่งความวุ่นวาย ผมกับที่บ้านจะมาที่นี่กันทุกเดือนตอนที่ผมเด็กๆ แต่พอผมโตขึ้น ความจำเป็นที่ผมจะมาที่นี่นั้นก็ยิ่งน้อยลงสวนทางกับอายุ เพราะกิจการที่บ้านผมทำตอนนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลย และตอนนี้ก็กำลังจะกลายเป็นของพี่ชาย ตอนแรกป๊ากับแม่ก็จะให้ผมเป็นผู้ช่วยพี่ชายอีกคน แต่เพราะผมเลือกเรียนสายนี้ ความรู้ที่จะมาบริหารงานทั้งบริษัทจึงไม่มี
ตอนที่ผมบอกป๊าไปตอนแรกว่าผมจะเรียนทางนี้ ไม่เรียนบริหาร ตอนนั้นผมจำได้ว่าบ้านแทบจะระเบิด ยังดีที่แม่ผมเข้าใจและช่วยกล่อมป๊าได้ หลังจากเรียนจบผมจึงพยายามพิสูจน์ให้ป๊าเห็นว่าผมสามารถใช้ความรู้ที่เรียนมาเลี้ยงตัวเองและสร้างอนาคตให้ตัวเองได้
“ไม่เจอคุณหนูจูตั้งนาน โตขึ้น หล่อขึ้นเยอะเลยนะคะเนี้ย” ป้าณีพูดขึ้นระหว่างทางที่เราเดินเข้ามาในบ้าน ส่วนลุงพลคงกำลังไปกำกับเด็กที่กำลังยกของอยู่
“โถ่ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับป้าณี ผมก็ตัวเท่าเดิมแหละ แต่เรื่องหล่อขึ้นนี่ของจริงครับ ฮาๆ” ผมตอบ
“งั้นเชิญคุณหนูจูกับคุณคิดนั่งพักก่อน เดินทางกันมาเหนื่อยๆ ตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวป้าไปเอาน้ำส้มมาให้ดื่มค่ะ” ป้าณีมาส่งเราที่ห้องรับแขกก่อนจะผละเดินไปทางครัว
“บ้านน่าอยู่ดีนะครับ” พี่คิดพูดขึ้นพลางหันซ้ายหันขวาสำรวจบ้าน
“ครับ ตอนเด็กๆ ผมมาที่นี่บ่อยมาก”
“อ่อ” พี่คิดพยักหน้าไม่ซักไซร้ต่อ “ผมอยากมีบ้านไม้สวยๆ อยู่บนเขา บรรยากาศน่าอยู่ๆ แบบนี้บ้าง”
“พี่คิดก็ลองหาแฟนที่มีบ้านแบบนี้ดูสิครับ ไม่ต้องซื้อที่ แถมยังไม่ต้องสร้างเองอีก” ผมแนะนำพี่คิด
“หาได้ง่ายๆ ก็ดีหน่ะสิครับ แค่เวลาจะหาก็ไม่มีแล้ว แถมจะไปหาให้ตรงสเปคแบบนั้นอีก ชาตินี้คงเจอ”
“ผมว่าไม่ยากนะครับ” จริงๆ นะ “แล้วคืนนี้เราจะเริ่มถ่ายกันตอนไหนดีครับพี่คิด”
“ผมคิดว่าวันนี้เราเก็บดาวภาคเช้า คือดาวพฤหัสตอนประมาณตีสองถึงตีสาม และดาวศุกร์ตอนตีสี่ถึงตีห้า แล้วพรุ่งนี้เก็บดาวภาคค่ำคือดาวพุธตอนก่อนหนึ่งทุ่ม ดาวเสาร์ช่วงสองถึงสามทุ่ม และดาวอังคารตอนสามถึงสี่ทุ่ม เช้าวันจันทร์จะได้เดินทางกลับแต่เช้าเพราะผมมีสอนตอนบ่ายสาม”
“โอเคตามนนั้นครับ” ผมพยักหน้า
“อ้อใช่ เดี๋ยววันนี้ลองถ่ายดาวพุธก่อนด้วยก็ดีครับ เพราะมีโอกาศเสี่ยงที่จะไม่ได้ภาพเหมือนกันเพราะมันแค่ประมาณชั่วโมงเดียวกลังพระอาทิตย์ตก เผื่อเมฆที่ขอบฟ้าด้วยเดี๋ยวจะพลาด กันไว้ก่อน”
พี่คิดพูดจบป้าณีก็เดินเข้ามาพร้อมถาดที่มีน้ำส้มตั้งอยู่สองแก้ว
“ทานน้ำส้มแก้กระหายกันก่อนนะคะ” ป้าณียกแก้ววางไว้ที่โต๊ะ เราสองก่อนกล่าวขอบคุณก่อนพี่คิดจะยกแก้วขึ้นดื่ม “คุณคิดอยากขึ้นไปดูห้องพักก่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับป้าณี เดี๋ยวผมพาพี่คิดไปเองครับ ลำบากป้าณีเปล่าๆ” ผมพูดก่อนพี่คิดจะทันได้ตอบ
“ครับ เดี๋ยวให้คุณเตอร์พาผมไปก็ได้ครับ” พี่คิดเสริม
หลังจากนั้นผมก็พาพี่คิดเดินขึ้นไปดูห้องที่พี่คิดต้องนอน ป้าณีจัดให้ผมนอนห้องเดิมที่ผมนอนทุกครั้งที่มา ส่วนพี่คิดนอนที่ห้องรับรองแขกซึ่งอยู่ห้องตรงข้ามผมพอดิบพอดี
พอสำรวจห้องเสร็จผมก็เสนอว่าจะพาพี่คิดเดินชมบ้าน เจ้าตัวก็ตอบตกลงทันที และดูเหมือนพี่คิดจะชอบบ้านหลังนี้มาก ทำหน้าสนใจทุกที่ที่ผมพาไป ผมว่าพี่คิดคงเป็นคนรักสงบเหมือนผม
“แล้วที่ที่เราจะทำงานกันหละครับ อยู่ที่ไหน” พี่คิดถามขึ้นตอนที่เรากำลังเดินอยู่ริมบ่อปลาคราฟหลังบ้าน
“อ้อ ใช่ครับผมลืมไปเลย งั้นตามผมมาเลยครับ”
ผมเดินนำพี่คิดขึ้นมาที่ดาดฟ้าด้านบนซึ่งกว้างอยู่พอสมควร บนนี้มีหลังคาใสเปิดปิดได้ มีที่นั่งเป็นมุมพักผอนเล็กๆ และไม่มีอะไรบังขอบฟ้าตามที่พี่คิดต้องการ เพราะบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนยิดเขาพอดี เลยมองลงไปเห็นไร่ของที่บ้านผมเป็นริ้วๆ อยู่ไกลๆ วิวรอบๆ เห็นหุบเขาสูงต่ำ แต่จุดที่เราอยู่นั้นสูงที่สุดจึงเห็นวิวรอบทิศได้สามร้อยหกสิบองศา มีลมพัดเอื่อยๆ เย็นสบายตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืนนี่ถึงกับหนาวจนสั่นเลยก็ว่าได้
“ใช้ได้ไหมครับ” ผมถามพี่คิดที่ทำหน้าดูไร้อารมณ์ ยืนตาลอยไปที่ขอบฟ้า
“...”
“พี่คิดครับ”
“หือ ครับ?” เหมือนพี่คิดเพิ่งจะหลุดมาจากภวังค์
“ผมถามว่าใช้ได้ไหมครับ ที่นี่”
“ดีเลยหล่ะครับ” พี่คิดตอบ
“พี่คิดเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ตาดูลอยๆ” ผมตัดสินใจถามไป
“อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมแค่คิดว่าผมไม่ได้ดูดาวจริงๆ มานานแค่ไหนแล้ว”
ในตอนเย็นเราช่วยกันออกแรงยกลังกล้องโทรทรรศน์ของพี่คิดขึ้นมาที่ดาดฟ้าเพื่อถ่ายภาพดาวพุธตามที่พี่คิดบอก พี่คิดจัดการตั้งกล้องอย่างมือโปรเช่นเคย ผมที่ไม่รู้จะทำอะไรเลยได้แต่ยกกล้องของตัวเองขึ้นมาถ่ายภาพนู่นนี่ไปเรื่อย แสงกำลังดีเพราะตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
“พระอาทิตย์สวยดีนะครับ” ผมพูดขึ้นลอยๆ
“มันก็สวยแค่ตอนตกกับตอนขึ้นนั่นแหละครับ” พี่คิดพูดขึ้นขณะที่ง่วนอยู่กับการตั้งกล้อง “ตอนที่ความร้อนของมันลดลง ตอนที่มันกลายเป็นดวงสีแดงใหญ่เพราะถูกชั้นบรรยากาศหักเห”
พี่คิดพูดทำให้ผมต้องหยุดคิด ก็ถูกครับ ดวงอาทิตย์มันสวยแต่ตอนขึ้นกับตอนตก ตอนที่มันดวงใหญ่กว่าตอนปกติหลายเท่า ดวงสีแดงไร้ที่ติ
พี่คิดหันมายิ้มให้ผมก่อนจะพูดต่อ “น่าแปลกนะครับที่ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นตกของมันทุกวัน แต่หลายคนไม่เคยเห็นมันตอนขึ้นหรือตกเลย พอตอนเห็นถึงได้บอกว่ามันสวย”
“เพราะมนุษย์ไม่สนใจสิ่งที่เป็นปกติละมั้งครับ”
“คงเรียกว่าเป็นการเพิกเฉยหรือชินชาได้”
ผมกดชัตเตอร์กล้องไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เราคุยกัน
“พี่คิดครับ ผมก็ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้ครับ”
“ทำไมพี่คิดถึงเลือกเรียนดาราศาสตร์”
พี่คิดหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “ไม่รู้สิ อาจจะเพราะผมสอบติดละมั้ง”
“อ้าว แต่ทำไมพี่คิดดูรักสิ่งที่ตัวเองทำตอนนี้มากเลยหล่ะครับ” พี่คิดดูมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำจริงๆ ครับ “ผมนึ่งว่าพี่คิดชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่เด็กเสียอีก”
“หึ... คนเราหน่ะ เวลาอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ มันก็จะเกิดความผูกพันธ์กันเป็นธรรมดา ถึงแม้ว่าสิ่งที่เราอยู่ด้วยนั้นมันจะเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่หากใจเราไม่ได้ปฏิเสธมัน สันวันเราก็จะรักมันไปเอง เราไม่มีทางรู้ตัวหรอกว่าเราจะไปรักมันเข้าตอนไหน จะรู้แค่ว่าตอนนั้นเราขาดมันไม่ได้แล้ว”
ก็จริงอย่างที่พี่คิดว่านะครับ ถ้าใจเราไม่ปฏิเสธมัน เดี๋ยวเราก็จะชอบหรืออาจจะถึงขั้นรักมันไปเลยก็ได้
“แล้วคุณเตอร์หล่ะครับ ทำไมถึงชอบถ่ายภาพ” พี่คิดถามกลับ
“ตอนแรกที่ผมเลือกเรียนเพราะประชดป๊าที่จะบังคับให้ผมเรียนบริหาร” ผมตอบตามความจริง “ตอนนั้นบ้านผมแทบแตก ยังดีที่มีคนเข้าใจผม”
“แต่ผมเดาว่าถ้าวันนี้กล้องถ่ายภาพคุณหายไป ชีวิตคุณคงจะเหมือนขาดอะไรไป”
ผมคิดตามที่พี่คิดพูด มันก็คงจะเหมือนกับว่าชีวิตผมไม่มีอะไรให้ทำแล้วจริงๆ “ก็จริงครับ ผมว่าตอนนี้ผมก็รักการถ่ายภาพไปแล้ว”
ตอนที่พี่คิดตั้งกล้องเสร็จดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปพอดี พี่คิดชี้ดาวพุธให้ผมดู บอกว่ามันกำลังจะตกทางทิศตวันตก แต่ตรงนั้นมันมีดาวที่มองเห็นได้สองดวงเพราะฟ้ายังไม่มืดมาก ผมต้องเพ่งอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเป็นดวงไหน ผมไม่กล้าไปเล็งจากหลังพี่คิดครับเพราะกลัวจะเข้าไปไกล้เกินไปเหมือนครั้งก่อน มันอันตรายต่อหัวใจผมเกินไป
หลังจากที่แสงรบกวนจากดวงอาทิตย์น้อยลง พี่คิดปล่อยให้ผมจัดการถ่ายภาพเอง วันนั้นผมหัดใช้กล้องนี้จนเป็น วันนี้มันจึงไม่เป็นปัญหาอะไรกับผม ผมจักการเล็งกล้องไปที่ดาวพุธ ตอนนี้มันอยู่ต่ำแล้วดังนั้นผมเลยไม่ต้องย่อมากนัก
ผมเพิ่งจะรู้ว่าดาวพุธนั้นเห็นเป็นแค่เสี้ยว พี่คิดบอกว่าดาวเคราะที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลกทุกดวงเห็นเป็นเสี้ยว ไม่สามารถเป็นเต็มดวงได้เนื่องจากว่ามันทำมุมกับโลกและดวงอาทิตย์น้อยเกินไป
หลังจากถ่ายภาพได้ พี่คิดก็เอาผ้าคลุมกล้องไว้ด้วยเหตุผลว่าขี้เกียจเก็บแล้วตั้งใหม่ หลังจากนั้นเราก็ลงมารอทานข้าวที่ด้านล่าง ระว่างรอผมก็นำภาพเข้าโปรแกรมไลท์รูมเพื่อนปรับแสงและสี ปรับยากเหมือนกันแฮะ เพราะสีที่ได้มันเกือบจะเป็นขาวดำเลยปรับยากนิดหน่อยครับ ผมหวังว่าดวงอื่นๆ จะมีสีสันมากกว่านี้นะ
เราตัดสินใจว่าจะนอนพักเอาแรงกันก่อน แล้วค่อยลุกมาตอนตีหนึ่งเตรียมตัวถ่ายดาวพฤหัสและดาวศุกร์ โชคดีที่ป้าณีเตียมหมอนข้างไว้ให้ผมแล้ว ดังนั้นผมเลยไม่จำเป็นต้องรบกวนพี่คิดอีก ฮ่าๆ
“...เตอร์ คุณเตอร์ครับ ตื่นได้แล้ว” ฮือ เรียกผม “จะตีสองแล้วนะครับ”
ตีสองแล้วไงหล่ะ
“คุณเตอร์ครับ เราต้องไปถ่ายรูปนะ เดี๋ยวดาวจะไปก่อนนะครับ”
“ฮือ...” เอาไว้วันหลังก็ได้น่า
“คุณเตอร์...เห้ย” มีคนมาจับผมเขย่า ผมเลยถีบหมอนข้างตัวเองออกแล้วดึงเขามาเป็นหมอนข้างแทนซ่ะเลย พูดมากจริง
แปะ!!
“โอ้ย” ผมลืมตาขึ้นทันทีที่ผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มาปะทะกับใบหน้า
“ตื่นได้แล้วครับ”
ผมดึงสติก่อนจะรับรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังนอนกอดพี่คิดอยู่ และมือพี่คิดกำลังเตรียมจะตีหน้าผมอีกรอบ
“ขอโทษทีครับ แหะๆ” ผมรีบปล่อยพี่คิดให้เป็นอิสระ
“ไม่เป็นไรครับ” พี่คิดยิ้มแล้วลุกออกจากเตียงผมไป
ผมรีบล้างหน้าแปรงฟันให้ตัวเองสดชื่นก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดตามพี่คิดขึ้นไปที่ดาดฟ้า ในใจก็คิดไปตามทางว่าพี่คิดเข้ามาในห้องผมได้ไง ก่อนจะนึกออกว่าผมลืมล็อกห้อง บ้าจริง
“โห...” ผมอุทานขึ้นทันทีที่ผมเงิยหน้ามองท้องฟ้าเมื่อผมมาถึง
ตอนนี้บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยจุดสีขาวประกายวิบวับๆ มันสวยงามมาก มีดาวที่สว่างเรียงรายเป็นรูปต่างๆ ที่ผมมองไม่ออก เป็นรูปสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยม แต่มีอยู่รูปหนึ่งที่เด่นมาก มันดูเหมือนนาฬิกาทราย ผมคิดนะ ไว้ผมค่อยถามพี่คิดละกัน
ผมเพิ่งรู้ว่าท้องฟ้าตอนกล้างคืนสวยขนาดนี้ และไม่รู้มาก่อนเลยว่าบนดาดฟ้าบ้านผมจะเป็นสถานที่ดูดาวที่ดีขนาดนี้ ผมหันไปมองพี่คิด เห็นว่ากำลังยกมือทั้งสองข้างวาดไปมาบนฟ้า ปากก็พึมพำอะไรสักอยากที่ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
“...ถ้าดวงนี้อัลเดบารัน ดวงนั้นก็ต้องเป็นคาเพล่า กลุ่มดาวสารถีออยู่ตรงนี้ ถ้างั้นตรงนี้ก็ต้องเป็น...”
“พี่คิดครับ” ผมเรียก
“อ้าว มาแล้วหรอครับ” พี่คิดหันมาทางผม หน้าตาดูกระตือรือร้นมาก
“ครับ”
“งั้นตอนนี้ดาวพฤหัสขึ้นแล้ว มุมกำลังดีเลย อยู่ทางทิศตะวันออกครับ ประมานสิบยี่สิบองศาจาขอบฟ้า ตรงนั้น” พี่คิดชี้ไปที่ดาวพฤหัส ผมคิดว่าน่าจะเป็นดวงสีส้มที่สว่างๆ ดวงนั้น
ผมจับกล้องหันไปดางดาวพฤหัส เล็งให้เข้ากล้องเล็งแล้วไปส่องดูในกล้องใหญ่ ผมใช้กล้องโทรทัศน์ตัวนี้เก่งแล้วครับ จะให้ส่องอะไรว่ามาเลยผมส่องได้หมด
“อะ นี่ไงได้แล้ว” ผมพูดขึ้นหลังจากลุ้นอยู่นานว่ามันจะโฟกัสตอนไหน “โห...” ผมอุทานให้กับท้องฟ้าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“ส่องตัวเองเป็นยังไงบ้างครับ” พี่คิดส่งเสียงถาม
ผมหัวเราะ “สวยมากครับ พี่คิดมาดูสิ”
พี่คิดเดินมาส่องบ้าง “อืม สวยครับ เดี๋ยวนี้คุณใช้กล้องโทรทัศน์เก่งขึ้นเยอะเลย”
“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ”
ในกล้องตอนนี้มีภาพของดาวพฤหัสบดีที่มีแถบสีส้มกับจุดสีแดงๆ ปรากฎอยู่ มันสวยมากครับ สวยกว่าโมเดลที่ห้องทำงานพี่คิดอีก จากที่ตาเราเห็นแค่เป็นจุดแสงจุดเดียว แต่ความจริงมันคือดาวเคราะห์ดวงใหญ่ มันให้อารมณ์เหมือนอะไรสักอย่างที่ลอยนิ่งเวิ้งว้างอยู่บนฟ้าและดูอบอุ่นด้วยในเวลาเดียวกัน
“รีบถ่ายเถอะครับ เดี๋ยวมันจะหลุดกล้องก่อน” พี่คิดบอกให้ผมรีบถ่าย เพราะดาวเคลื่อนที่ตลอดเวลาจะทำให้ดาวหลุดจากขอบกล้องได้ อันนี้ผมถามพี่คิดมาครับ
“ครับ”
“เออ ผมแนะนำให้ถ่ายแบบให้เห็นดวงจันทร์ทั้งสี่ของดาวพฤหัสบดีด้วยก็ดีนะครับ เปลี่ยนเลนส์ใกล้ตาให้เป็นความยาวโฟกัสยาวๆ จะได้เห็นได้กว้างขึ้น”
“โอเคครับ”
หลังจากที่ผมถ่ายภาพอยู่หลายรอบ ก็ได้ภาพที่ถูกใจมาสองภาพ เป็นภาพดาวพฤหัสเดี๋ยวๆ หนึ่งภาพ และภาพที่สองเป็นภาพที่เห็นดวงจันทร์ดาวพฤหัสเป็นสุดสี่ดวงอยู่รอบๆ ดาวพฤหัสตรงกลาง
เมื่อผมเซฟภาพเสร็จก็หันไปเห็นพี่คิดนั่งกอดเข่ามองท้องฟ้าอยู่ ตอนนี้รอให้ดาวศุกร์ขึ้นเพื่อจะได้ถ่ายอีกรอบ ผมนำจึงกล้องตัวเองออกมาตั้งกับขากล้องเพื่อถ่ายภาพท้องฟ้าฆ่าเวลา มันต้องตั้งให้เปิดชัตเตอร์นานหน่อยกว่าจะได้แสงดาว ดังนั้นผมเลยไปนั่งรอกับพี่คิดที่พื้น
“พี่คิดทำอะไรครับ” ผมถาม ความจริงก็ไม่น่าถามหรอก
“ดูดาวครับ ผมไม่ได้ดูดาวจริงๆ มานานหลายเดือนแล้วหล่ะครับ”
“งั้นก็ถือซ่ะว่าสองวันนี้เรามาพักผ่อนละกันนะครับ”
“ครับ หลังจากนี้ผมคงหาโอกาศดูดาวแบบสบายใจๆ แบบนี้ยากหน่อย เพราะต้องเตรียมทำวิจัยปลายปีนี้แล้ว”
ผมมองไปบนท้องฟ้า ตอนนี้ดาวที่เคยอยู่ตรงกลางหัวผมเมื่อตอนตีสองคล้อยงลงมาแล้ว
“พี่คิดครับ กลุ่มดาวนั้นชื่ออะไร” ผมชี้ไปที่กลุ่มดาวนาฬิกาทรายที่ผมคิด “ที่เหมือนนาฬิกาทรายหน่ะครับ”
“คุณนี่จินตนาการดีนะครับ มันชื่อกลุ่มดาวโอไรออน ภาษาไทยคือกลุ่มดาวนายพราน เป็นกลุ่มดาวที่สังเกตง่ายที่สุดแล้วบนท้องฟ้า เพราะมันเกือบจะอยู่บนศูนย์สูตรท้องฟ้าพอดี แล้วยังเด่นมากด้วย เป็นกล่มดาวฤดูนาวครับ จะดูดาวช่วงฤดูหนาวให้มองหากลุ่มดาวนี้ไว้ก่อนเลย”
ผมชอบมองพี่คิดตอนอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ผมฟัง มันทั้งมีเสน่ห์และน่าหลงไหล ดูตั้งใจที่จะอธิบาย ต้องการให้ความรู้ผมจริงๆ ผมสงสัยจังว่าปากสีแดงๆ ได้รูปของพี่คิดจะมีความรู้ที่ซ่อนอยู่รอให้พูดออกมามากแค่ไหน
“อ้อ ครับ” ผมพยักหน้า “แล้วกลุ่มดาวที่เหมือนสกู๊ดเตอร์นั่นแหล่ะครับ”
“หืม? ไหนครับ คุณนี่จิตนาการล้ำโลกจริงๆ เลยนะ”
ผมชี้ไปที่กลุ่มดาวที่ผมหมายถึง “นั่นหน่ะครับ ตรงนั้นเป็นแฮนด์แล้วก็มียาวๆ ลงมาตรงนั้น แล้วก็นั่นเป็นที่เหยียบ”
พี่คิดพยายามมองตามที่ผมชี้ แต่เหมือนว่าจะมองไม่เห็นเลยขยับเข้ามาเบียดผมเพื่อจะได้มองตามนิ้วชี้ผม
เอ่อ มันไกล้ไปแล้วครับ...
ตอนนี้หัวพี่คิดอยู่ชิดกับจมูกผม ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากแชมพูที่พี่คิดใช้ ทำไมมันหอมนานจังเลยนะ
“อ้อ ตรงนั้นเอง ฮ่าๆ ผมนึกว่าอะไร มันคือกลุ่มดาวหมาใหญ่ครับ หรือแคนิสเมเจอร์ ที่ผมใช้ตั้งชื่อเจ้าเมไง แล้วก็สุนัขเล็กคือกลุมดาวที่สว่างๆ อีกกลุ่มตรงนั้น มีแค่ดวงเดี่ยวที่เด่น” พี่คิดกลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เรานั่งใกล้กันกว่าเดิมครับ “ตอนนี้เราหันหน้าไปทางทิศไต้ หัวนายพรานชี้ไปทางทิศเหนือค แล้วคุณเห็นดาวที่ไหล่นายพรานฝั่งซ้ายของเราไหมครับ แล้วก็ดวงที่สว่างที่สุดของหมาทั้งสอง เราจะสามารถวาดเป็นสามเหลี่ยมได้ เราเรียกสามเหลียมนี้ว่าสามเหลี่ยมฤดูหนาว”
ผมมองหน้าพี่คิดกำลังตั้งอกตั้งใจพูด
“แล้วคุณเห็นกลุ่มดาววัวที่อยู่ข้างๆ กลุ่มดาวนายพรานไหมครับ ตรงหัวมันจะมีดาวอัลเดบารันเป็นตาวัว ดวงสีแดงๆ ดวงนี้เป็นดาวยักษ์แดงครับ”
ผมพยังหน้ามองตามนิ้วชี้ของพี่คิด
“คุณเตอร์เกิดราศีอะไรครับ”
“เมถุนครับ”
“พอดีเลย กลุ่มดาวประจำราศีเมถุนคือกลุ่มดาวคนคู่หรือเกมมินี อยู่ตรงนั้นครับ” พี่คิดชี้ไปที่จุดที่อยู่สูงหน่อย “มีดาวเด่นอยู่สองดวงคือพอลลักซ์กับคาสเตอร์ สองคนนี้ตามตำนานเทพนิยายกรีกแล้วเป็นฝาแฝดกัน คนหนึ่งเป็นลูกของซุสหรือจูปีเตอร์ที่ปลอมตัวเป็นหงส์มามีอะไรกับนางเลดา”
พี่คิดทำหน้าตาแบบที่ผมชอบมองอีกแล้ว หน้าตาที่ดูจริงจังกับการให้ความรู้
“ผมหรอครับ” ผมอยากรู้จังว่าถ้าหากผมจูบปากแดงของพี่คิด ผมจะดูดความรู้มาได้บ้างไหม
“ฮ่าๆ” พี่คิดหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “จะว่าไป ตามตำนานแล้ว เทพซุสนี่เป็นคนเจ้าชู้มากเลยนะครับ ไปไข่ไว้ทั่วเลย”
“แล้วพี่คิดว่าผมเจ้าชู้ไหมครับ”
พี่คิดหันมามองหน้าผม ตอนนี้ผมเอาคางเกิยบ่าพี่คิดอีกครั้ง เราสบตากันโดยที่รับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน เพราะไม่มีแสงไฟจึงทำให้เรามองหน้ากันไม่ค่อยชัดนัก แต่ไฟจากหน้าจอแลปท็อปของผมก็ทำให้เห็นแววตาของพี่คิดที่ตอนนี้ดูจะสับสนเล็กน้อย
“เอ่อ...”
ผมไม่ปล่อยให้พี่คิดตอบ ผมยื่นหน้าประกบปากพี่คิด ตอนแรกพี่คิดเหมือนจะตกใจ ไม่ยอมให้ผมรุกล้ำเข้าไป ผมทำได้เพียงขบเม้มริมฝีปากพี่คิดจนฉ่ำไปหมด
“อืม...” พี่คิดเปิดปากยอมให้ลิ้นของผมเข้าไปสำรวจโพรงปาก ผมประคองหน้าพี่คิดเพื่อให้อยู่ในองศาที่ถนัด ลิ้นนุ่มๆ ของพี่คิดหยอกล้อกับปลายลิ้นของผม แขนสองข้างของพี่คิดก็ยกขึ้นมากำเสื้อผมแน่น
เราจูบกันท่ามกลางท้องฟ้าที่แพรวพราวไปด้วยแสงดาว รู้สึกเหมือนว่าเสียงจ๊วบจ๊าบจะดังก้องหุบเขาออกไป ลมพัดเอื่อยจนบางทีก็รู้สึกหนาว เราใช้ปากสื่อสารกันโดยไม่ใช้เสียง หากแต่สามารถรับรู้ความรู้สึกของกันและกัน ได้เป็นอย่างดี
JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ
มาแล้วครับตอนที่สาม แทบจะคลานมาอัพ ยืนเล่นน้ำปวดขาไปหมด5555
มาถึงครึ่งทางแล้วนะฮะ ยังไงก็คอยติดตาม
และก็คอมเม้นเป้นกำลังใจนักเขียนคนนี้ด้วยนะค้าาาบบบ