ตอนที่ 20 : เรียกว่า... “สวัสดีครับ” เด็กชายภูยิ้มทักทายทุกคนอย่างรู้งาน ในขณะที่เด็กชายริชยิ้มอายๆ เบียดตัวเข้ากับขาของมีคุณ จับมือน้าชายไว้ไม่ยอมปล่อย
“ยิ้มจนออกนอกหน้าแล้วคุณพ่อ” คุณอาคมผู้จัดการที่ทำงานมานานตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อเอ่ยปากแซ็วเจ้านายหนุ่ม
“ภูมิใจลูกชายครับลุงคม”
“ก็สมควรอยู่หรอก เด็กๆ น่ารักมากเห็นแล้วผมยังอยากมีหลานแฝดบ้าง”
“ไม่ลุ้นลูกแฝดแทนล่ะครับลุง”
“โอ๊ยคุณภูมิ ลุงจะไปเอาน้ำยามาจากไหน โน่นต้องรอลุ้นลูกสาวว่าจะมีหลานให้เมื่อไหร่ ได้น่ารักน่าชังอย่างคุณภูมิก็คงดี”
“เห็นด้วยครับมีสักคู่จะติดใจ”
“ไม่ค่อยเห่อเลยนะครับ”
“ฮ่าๆ ขอหน่อยเถอะครับ ผมยังเป็นคุณพ่อมือใหม่เลยเก็บอาการไม่ค่อยอยู่”
“ตามสบายเลยครับคุณภูมิผมเข้าใจ แต่ผมว่าพาหลานๆ เข้าไปพักดีไหมครับไม่อย่างนั้นพนักงานไม่เป็นอันทำงานกันพอดีวันนี้ เอาแต่เมียงมองอยากเข้ามาถ่ายรูปอยากเข้ามาเล่นด้วย กลายเป็นขวัญใจสาวๆ ไปแล้ว”
“นั่นสิครับ เห็นทีผมจะตกกระป๋อง”
“ว่าไม่ได้นะคุณภูมิท่าทางเจ้าชู้ใช่เล่น” ภูริชมองตามสายตาผู้จัดการอาคม เห็นลูกชายคนโตกำลังยืนยิ้มหวานให้พนักงานสาวๆ ถ่ายรูป “คนโตท่าทางจะเหมือนพ่อ”
“ผมเลิกแล้วครับลุงคม ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกๆ” ภูริชพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเพราะอยากให้คนที่ยืนถัดไปไม่ไกลได้ยินด้วย
“ลุงได้ข่าวว่าคุณภูมิเลิกกับคุณนิลแล้วหรือครับ”
“ครับ”
“ผมเดาว่าคุณภูมิเจอคนใหม่ที่ถูกใจแล้ว” เพราะเห็นเจ้านายมาตั้งแต่เด็กคุณอาคมจึงกล้าพูด
“ทำไมลุงคมคิดแบบนั้นครับ”
“ผู้ชายที่บอกจะเลิกเจ้าชู้มีไม่กี่สาเหตุหรอกครับ หลักๆ ก็เจอคนที่ถูกใจแล้ว เรื่องลูกสำคัญก็จริงแต่คงไม่ถึงกับทำให้เลิกเจ้าชู้ได้”
“ฮ่าๆ ลุงคมเก่งสมกับที่คุณพ่อไว้ใจ”
“แล้วลุงพูดถูกไหมครับ”
“ครับ ผมเจอคนที่ถูกใจแล้วจริงๆ ” มีคุณแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาของภูริช เขายังยิ้มแย้มกับหลานชาย สนทนากับพนักงานที่เข้ามาคุยกับสองแฝดบ้าง แต่ในใจรู้สึกหนักอึ้ง มีคุณยิ้มฝืดเฝื่อน เขาไม่ควรรู้สึกอะไรกับสิ่งที่ได้ยินแต่ทำไมเขาถึงเศร้าแบบนี้
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“ที่ทำงานพ่อสนุกไหมครับ” ภูริชถามลูกชายทั้งสอง หลังจากพาเข้ามานั่งในห้องทำงานของเขา
“สนุกครับ” เด็กชายภูตอบเสียงดังฉะฉาน ยังคงวิ่งเล่นไปรอบๆ ห้องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“ริชล่ะลูก”
“ลิด..ลิด..”
“ริชไม่สนุก” เด็กชายภูแย่งตอบ เขารู้ได้จากสีหน้าจืดเจื่อนของน้องชาย
“ม่ายม่าย” เด็กชายริชรีบปฏิเสธเพราะกลัวพ่อเสียใจ “ลิดซาหนุกแต่คนเยอะปาย” ใครก็ไม่รู้เข้ามารุมล้อมเขา พูดเสียงดังหัวเราะเสียงดัง เดี๋ยวจับเดี๋ยวแตะเขาไม่ชิน
“พี่ๆ เขาชอบริชเลยอยากรู้จักอยากคุยด้วยแต่ทำให้ริชตกใจใช่ไหมครับ” มีคุณดึงหลานชายเข้ามาใกล้ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คับ” เด็กชายดลฤทธิ์ยอมรับโดยดี
“แล้วริชกลัวหรือเปล่า”
“อืมม” เด็กชายริชนิ่งคิด เขายังรู้จักเรื่องอารมณ์น้อยมากจึงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเองสักครู่
“ม่าย ลิดม่ายกลัว”
“เก่งมากครับ” สำหรับมีคุณถึงแม้เด็กชายริชจะขี้อายไปบ้างหรือไม่กล้าเท่าเด็กชายภู แต่ขอเพียงจิตใจยังเข็มแข็งสำหรับเขาถือว่าพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องบังคับหลานไปมากกว่านี้
“ริชตกใจทำไมภูก็อยู่” เด็กชายภูวิ่งกลับมาหาน้องชาย ใช้แขนอวบกอดรัดเด็กชายริชไว้แน่น
“โอ๊ยโอ๊ย ภูบาวบาว”
“ภูครับน้องเจ็บ” มีคุณต้องรีบห้ามเพราะเด็กชายภูยังไม่รู้จักระวังน้ำหนักของตัวเอง
“ริชผอม” เด็กชายภูหันมาทำหน้าเหมือนตัวเองไม่ผิด เขากอดปกติน้องไม่ควรเจ็บ
“ลิดม่ายผอม ภูแลงเยอะ”
“ก็ภูแข็งแรง ริชต้องกินเยอะๆ กินเท่าภูจะได้แข็งแรง”
“ลิดก๊ะแข็งแรง”
“แข็งแรงต้องไม่เจ็บสิ”
“ก้ะภูแข็งแลงกว่า” เด็กชายภูยิ้มแป้นชอบใจที่น้องชายยกให้เก่งกว่า
“ใช่ภูแข็งแรงกว่า ภูจะปกป้องริชเอง”
“ลิดลู้” เด็กชายริชมองพี่ชายด้วยสายตาเชื่อมั่น เขารู้ว่าเด็กชายภูจะปกป้องดูแลเขาเป็นอย่างดี
“พี่ร้องไห้ได้ไหม” เสียงกระซิบเบาๆ ทำให้มีคุณเผลอสะดุ้ง เดี๋ยวนี้ภูริชชอบเข้ามาพูดใกล้ๆ ไม่รู้เลยหรือว่ามันทำให้เขารู้สึกอย่างไร
“ไม่ควรร้องไห้ครับควรภูมิใจมากกว่า”
“เรื่องภูมิใจไม่ต้องพูดถึงมีแต่คนว่าพี่ขี้โม้ พอเป็นเรื่องลูกพูดได้ไม่หยุด”
“มีอะไรให้โม้ด้วยเหรอครับ” มีคุณชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของภูริช รู้ตัวว่าตนเองพูดสิ่งที่ไม่สมควรออกไป
“ขอโทษครับ ผมแซ็วไปตามเรื่องไม่ได้หมายความอย่างที่พี่ภูมิคิด”
“คุนรู้ด้วยเหรอว่าพี่คิดอะไรอยู่”
“ที่ผมพูดผมไม่ได้หมายถึงว่าพี่ภูมิเพิ่งรู้จักเด็กๆ ไมได้ดูแลพวกแกมา ผมแค่แซ็วว่าหลานยังเล็กซนไปตามประสาเด็ก ยังไม่มีเรื่องอะไรให้เอาไปโม้ได้”
“ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณอะไรครับ” มีคุณหลุบสายตาลง เขาแพ้เสียงอ่อนโยนของภูริช
“ขอบคุณที่เป็นห่วงความรู้สึกพี่ ถึงคุนไม่ได้คิดแบบนั้นแต่มันก็เป็นความจริง พี่ยังใช้เวลากับลูกน้อยมาก ลูกน่ารักอย่างทุกวันนี้ต้องขอบคุณนาบุญ ขอบคุณคุนกับคุณแม่”
“อย่าพูดถึงอดีตเลยครับมันไม่มีประโยชน์ ขอแค่พี่ภูมิทำวันนี้ให้ดีก็พอ”
“พี่สัญญา”
“ครับ” มีคุณรับรู้ถึงคำสัญญาที่หนักแน่นและมั่นคงของภูริช เขาคงพอวางใจได้ว่าสามารถฝากหลานไว้กับครอบครัวของภูริชได้ ถึงแม้จะเศร้าใจแค่ไหนแต่สักวันเขาก็ต้องปล่อยเด็กๆ ให้เติบโตในที่ๆ ควรอยู่ คิดในแง่ดีเขายังเจอเด็กๆ ได้เสมอ ไม่ได้หายไปไหนแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม
“ทำไมคุนทำหน้าเศร้าแบบนั้น” มีคุณรีบปรับสีหน้าเมื่อถูกภูริชจับความรู้สึกได้
“เป็นอะไรครับ”
“ไม่มีอะไรครับผมเผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“เรื่องเด็กๆ เหรอ”
“เรื่องไร้สาระครับไม่มีอะไร”
“แต่ถ้ามันทำให้คุนเศร้าพี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ” มีคุณเบือนหน้ามองคนพูด สายตาห่วงใยใส่ใจของภูริช ทำให้ความรู้สึกโหวงในใจค่อยๆ หายไป
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับผมโอเคแล้ว”
“น้าคุนเส้าทำมาย” เด็กชายริชยืนฟังผู้ใหญ่พูดกันอยู่นานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ น้าคุนเป็นอะไรทำไมน้าคุนของเขาเศร้า
“ใครทำน้าคุน พ่อทำเหยอคับ” เด็กชายริชแหงนเงยขึ้นมองผู้เป็นบิดา พ่อกับน้าคุนคุยกันสองคนแล้วน้าคุนก็เศร้า ต้องเป็นพ่อแน่ๆ เลย
“ไม่ใช่ครับ พ่อไม่ได้ทำอะไรน้าคุนของภูกับริชเลย” ภูริชย่อตัวลงให้ความสูงพอๆ กับลูกชาย จัดการแก้ต่างให้ตัวเอง
“จริงเป่าคับน้าคุน” เด็กชายริชต้องสอบถามน้าชายให้แน่ใจก่อน
“จริงครับ” ภูริชชิงตอบเสียเอง “พ่อรักน้าคุนไม่มีทางทำให้เศร้าแน่นอน” มีคุณหน้าร้อนผ่าว ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดไปอย่างนั้นเองแต่เขาก็อดใจเต้นแรงไม่ได้
“ภูก็รักน้าคุน” เด็กชายภูรีบออกตัว เอเมื่อกี้เขาซนมากไปหรือเปล่า เด็กชายภูเริ่มคิดหนักต้องเป็นเขาแน่ๆ เลย
“ภูไม่ดื้อไม่ซนด้วย” รอยยิ้มออดอ้อนของเด็กชายภูริวัจน์ทำให้มีคุณหัวเราะออกมาได้เต็มเสียง
“ไม่ดื้อน้าคุนเชื่อแต่ไม่ซนจริงหรือครับ นี่ใช่ภูหลานน้าคุนหรือเปล่า” มีคุณย่อตัวลงนั่งข้างภูริช มองหลานชายตาพราว
“ภูเองครับ แต่ไม่ซนแล้ว” เด็กชายภูกอดหมับเข้าที่คอของน้าชาย ยิ้มเอาใจสุดฤทธิ์
“ลิดก๊ะลัก”
“มีแต่คนบอกรักน้าคุนไม่เห็นมีใครบอกรักพ่อสักคน” ภูริชแกล้งทำเสียงน้อยใจที่สองแฝดรุมบอกรักมีคุณ
“ม่ายดี” ภูริชทำหน้างงเมื่อลูกชายคนเล็กส่ายหน้าทำเสียงดุเป็นผู้ใหญ่
“อะไรไม่ดีครับ”
“อิดฉาม่ายดี ลิดลักฉิคายว่าม่ายลัก พ่ออย่าอิดฉาน้าคุน”
“หึหึ” มีคุณหัวเราะอยู่ในลำคอ พยายามเบือนหน้าหนีแต่ไม่พ้นสายตาคนขี้โวยวาย
“ขำ พี่โดนลูกดุคุนขำเหรอ”
“ผมไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย”
“ไม่รู้ล่ะพี่น้อยใจ คุนบอกรักพี่ซะดีๆ”
“หา!..อะไรนะครับ มันเกี่ยวกันตรงไหนพี่ภูมิ” มีคุณงงว่าภูริชวกเข้ามาเรื่องนี้ได้อย่างไร ให้เขาขอโทษที่หัวเราะใส่ยังถูกเรื่องมากกว่า
“เกี่ยว บอกมาเร็วๆ ครับ” ภูริชเร่งจะให้มีคุณพูดให้ได้
“น้าคุนบอกเร็วเดี๋ยวพ่อร้องไห้” เด็กชายภูเชียร์เหยงๆ กลัวพ่อน้อยใจจนร้องไห้
“คุณพ่อโตแล้วไม่ร้องไห้เพราะน้อยใจหรอกครับ”
“ใครว่าถ้าคุณไม่บอกพี่อาจร้องก็ได้นะ”
“พี่ภูมิ!” มีคุณอ่อนใจ ทำตัวเป็นเด็กเรียกร้องความสนใจยิ่งกว่าสองแฝด
“น้าคุน” เด็กชายริชเรียกน้าชายเสียงอ่อน “พ่อน่าลักน้า ลักได้”
“เห็นไหมลูกอนุญาตให้คุนกับพี่รักกันแล้ว” คำพูดกำกวมของภูริชทำให้มีคุณหน้าแดงซ่าน
“ใช่ไหมครับภู ริช”
“ใช่ครับ” “ช่ายคับ” สองแฝดยังแยกความแตกต่างของประโยคไม่ออกแต่ใช่ไว้ก่อน เพราะอะไรจะดีไปกว่าทุกคนรักกัน
“เร็วๆ ครับ พี่ต้องเริ่มทำงานแล้วเดี๋ยวเสร็จไม่ทันพาลูกออกไปเที่ยว”
“พี่ภูมิก็ไปทำงานสิครับ เดี๋ยวผมกับเด็กๆ ไปนั่งรอที่โซฟา” มีคุณหายใจโล่งอกเมื่อเห็นทางรอด
“คุนก็รีบบอกพี่สิครับ พี่จะได้มีกำลังใจไปทำงาน”
“โธ่จะเอาชนะทำไมกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้”
“ถ้ามันเล็กน้อยคุนก็บอกพี่สิ” มีคุณถอนใจยาว ไหนจะคนพ่อที่ไม่ดื้อไม่ยอมไปทำงาน ไหนจะสายตาของสองแฝดที่เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างมีความหวัง บอกๆ ให้มันจบไปเถอะมีคุณ แค่บอกรักพี่ชายคนหนึ่งจะยากอะไร
“ผมรักพี่ภูมิ” มีคุณพูดเร็วปรื๋อเหมือนไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ขอบคุณครับ” ภูริชยิ้มพรายสายตาเจ้าเล่ห์ “คุนบอกรักพี่แล้วนะห้ามลืม ไหนใครได้ยินน้าคุนบอกรักพ่อบ้างยกมือขึ้น”
“ภูครับ ภูได้ยิน” “ลิดก๊ะด้ายยิน”
“เบี้ยวพี่ไม่ได้แล้ว”
“ผมจะเบี้ยวทำไมครับไม่ได้เกลียดกันเสียหน่อย พี่ภูมิก็เหมือนพี่อิกเป็นพี่ชายของผมคนหนึ่ง”
“ถามพี่ก่อนไหมว่าอยากเหมือนพี่อิกหรือเปล่า” ดวงตาคมสบตากับเขานิ่ง ไม่มีร่องรอยของการล้อเล่นอยู่ในแววตาคู่นั้น
“พี่ภูมิ” มีคุณอุทานออกมาเบาๆ ครั้งนี้เขาไม่เข้าใจสับสนกับคำพูดของอีกฝ่าย ภูริชหมายความว่าอย่างไร ต้องการให้เขาเข้าใจแบบไหน มีคุณกลืนน้ำลายลงคอ เขาจะเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่า ถ้าคิดว่าภูริชกำลังจีบเขาอยู่ หรือคนที่ภูริชพูดถึงจะเป็นเขา บ้าน่ามีคุณมันจะเป็นไปได้อย่างไร
“มาเถอะพี่จะพาไปพักระหว่างรอพี่ทำงาน”
“ผม..ผมรอตรงโซฟาก็ได้” มีคุณเงอะงะเล็กน้อยเมื่อภูริชเปลี่ยนเรื่องกะทันทัน
“พี่มีห้องพักผ่อนอยู่หลังประตูบ้านโน้น” ภูริชชี้ไปยังประตูอีกบานที่ไม่ใช่ประตูทางเข้าห้อง
“ทำเอาไว้สำหรับวันที่ต้องอยู่ทำงานดึกๆ” ภูริชเดินนำมีคุณกับสองแฝดเข้าไปในห้อง มีคุณกวาดตาไปรอบๆ เป็นห้องขนาดพอเหมาะตกแต่งคล้ายห้องพักในโรงแรม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันรวมถึงเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม
“สะดวกดีนะครับ ผมไม่เคยรู้เลยว่าที่ทำงานมีห้องแบบนี้ด้วย”
“พี่ได้ไอเดียมาจากออฟฟิศของต่างประเทศ พนักงานที่นี่ก็มีห้องพักผ่อนทำเป็นห้องรวมเผื่อใครอยากงีบช่วงพัก”
“ไอเดียดีมากเลยครับ”
“มีห้องออกกำลังกายกับห้องสมุดสำหรับพนักงานด้วยนะเอาไว้วันหลังพี่พาไปดู”
“ครับ”
“คุนชอบไหม”
“ชอบครับ” มีคุณตอบไปตามที่รู้สึก เขาชื่นชมที่ภูริชมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
“คุนมาทำงานที่นี่กับพี่ไหม”
“ทำอะไรครับ ผมไม่ได้จบมาทางนี้ไม่เกี่ยวกับสายงานของพี่ภูมิเลย”
“พี่ไม่ได้หมายถึงมาทำงานกับบริษัทพี่ หมายถึงคุนมาทำงานที่นี่ไหมพี่จะทำห้องทำงานให้”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมทำที่บ้านได้”
“อีกหน่อยเด็กๆ ต้องเข้าเรียน พี่เล็งโรงเรียนใกล้ๆ เอาไว้ไม่อยากให้ลูกเดินทางเหนื่อย เลิกเรียนแล้วจะได้แวะมาอยู่ที่นี่แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน”
“ถึงตอนนั้นผมก็คงกลับไปอยู่บ้านแล้ว”
“ไม่ได้!” ภูริชเผลอขึ้นเสียงดังก่อนจะรีบลดระดับลงเพื่อไม่ให้เด็กๆ ได้ยิน “พี่หมายถึงอย่างน้อยก็ควรให้เด็กๆ เข้าโรงเรียนสักปีหนึ่ง พี่ไม่อยากให้ลูกรับการเปลี่ยนแปลงสองด้าน”
“แต่..”
“คุนไม่สงสารหลานหรือ”
“ก็ได้ครับ เอาไว้ให้เด็กๆ ชินกับโรงเรียนก่อนค่อยว่ากัน ว่าแต่ผมนึกว่าพี่ภูมิอยากให้ผมย้ายออกเสียอีก”
“ไม่เคยมีความคิดนั้นในหัวพี่ มีแต่คิดว่าจะทำยังไงคุนถึงจะยอมอยู่”
“ไม่ดีหรอกครับ อีกหน่อยพี่ภูมิต้องมีครอบครัว ผมไม่อยากทำให้ไม่สบายใจกัน เขาจะคิดว่าทำไมน้องของแฟนเก่าถึงยังอยู่ในบ้าน”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่มีครอบครัวใหม่ดีไหม มีแค่ครอบครัวเราก็พอ” หัวใจของมีคุณทำงานหนักมาก คำว่าครอบครัวเราทำให้เขาอยากร้องไห้ ภูริชคงไม่รู้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนที่จะไม่ยึดครอบครัวนี้เป็นของตัวเอง
“พี่ภูมิไปทำงานเถอะครับผมดูเด็กๆ เองอีกสักพักจะให้นอน ตอนไปห้างจะได้ไม่โยเย” มีคุณเดินไปหาสองแฝดเพื่อยุติการสนทนา เขากลัวเผลอตอบความรู้สึกในใจออกไป
“หนีได้หนีไปพี่ไม่ปล่อยคุนแน่”
“พี่ภูมิว่าอะไรนะครับ” มีคุณหันกลับไปมองภูริช ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายพูดกับตนหรือไม่
“เดี๋ยวพี่รีบเซ็นเอกสารจะได้รีบไป”
“ไม่ต้องรีบก็ได้ครับสองแฝดยังสนุกกันอยู่เลย” มีคุณพยักพเยิดไปทางสองพี่น้องที่ยืนเกาะตู้ปลาชี้ชวนกันดู เสียงพูดคุยลอยมาเบาๆ
“มีอะไรเรียกพี่”
“ครับ”
ภูริชยิ้มตอบมีคุณ เขาเปิดประตูระหว่างห้องเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ทำงาน คงไม่ต้องถามตัวเองอีกแล้วว่าเขาชอบมีคุณจริงหรือเปล่า เรื่องความสุขของลูกๆ กลายเป็นข้ออ้างเท่านั้น แค่เพียงคำพูดสั้นๆ ว่าจะไป ภูริชก็ใจหายราวกับถูกทิ้ง ถ้าไม่เรียกว่ารักจะเรียกว่าอะไรได้อีก
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
สปอยว่าตัวละครทุกตัวจะได้เรียนรู้ในทางของตนไม่มากก็น้อยแน่นอนค่า ^^
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin