Chapter 26……………………..“ความหวัง”
ต่อให้สนิทกันมากแค่ไหน...ใกล้ชิดกันเพียงใด...เราทุกคนก็มักจะมีพื้นที่ที่คนอื่นไม่สามารถเข้าถึง...พี่เหนือก็เช่นกัน สุดท้ายแล้ว...เป็นผมที่ไม่เคยรู้อะไรเลย
“ ...............” บรรยากาศชวนอึดอัด คนบ้านนี้นิสัยเหมือนกันทั้งบ้านเลยหรือไงนะ เอาแต่ใจ วางอำนาจ ชอบข่มขู่...
“ออกไปจากตรงนี้ให้หมด ฉันอยากคุยกับไอ้หมอนี่ แค่ตามลำพัง” ท้ายประโยคสายตาคมติดเย็นชาที่เหมือนกับน้องชายไม่ผิดเพี้ยนตวัดกวาดไล่มองจิกทุกคนที่อยู่ภายในห้องรับแขกก่อนเธอจะเปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างในท่าทีผ่อนคลายสองมือเรียวยกขึ้นกอดอกใบหน้าสวยหันมามองผมนิ่ง ผมหรือก็คือไอ้หมอนี่ที่เธอพูดถึงในประโยค ผมที่เพิ่งรับรู้ว่านี่คือพี่สาวแท้ๆของพี่เหนือเมื่อห้านาทีก่อน ผมที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เหนือเลย จนเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งเมื่อวานที่จู่ๆพ่อพี่เหนือก็โผล่มา หรือวันนี้ที่ผมกำลังเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ทำให้พี่เหนือมีท่าทีเปลี่ยนไป ผมที่มักจะรับรู้เรื่องราวทุกอย่างพร้อมกับการต้องเผชิญหน้าไปพร้อมๆกันเสมอ
“เอ่อ...เจ้เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆอิตาลีก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ผมว่าเจ้ขึ้นไปพักผ่อนให้สบายก่อนดีกว่า จะคุยอะไรกันไว้ตอนเย็นๆก็ได้ วันนี้วันหยุดยังมีเวลาให้คุยกันอีกเยอะ” พี่แทนพูดขึ้นหากแต่สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก ผมเห็นมันปาดเหงื่อทั้งที่อุณหภูมิภายในห้องนี้ไม่ได้ร้อนอะไรติดจะหนาวเกินไปเสียด้วยซ้ำ และจากสรรพนามที่ใช้เรียกอีกคนแบบนั้นดูแล้วทั้งพี่แทนรวมถึงพี่มินที่หายหัวไปเลยนับตั้งแต่พาไอ้ธามไปค้างที่บ้านด้วยเมื่อวาน ผมว่าพวกเขาทั้งสี่คนคงโตมาด้วยกันและสนิทสนมกันมากพอสมควร
“หุบปากไอ้ตัวแสบ ฉันสั่งให้ดูแลไอ้เหนือให้ดีอย่าให้มันสร้างเรื่อง แล้วนี่อะไร กลับไทยมาอีกทีดันมีเมียเป็นผู้ชาย” เหมือนผมถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง ชาไปหมดแล้วทั้งความคิด ความรู้สึก ถ้าเลือกได้ผมอยากถอยไปตั้งหลัก หันหลังให้กับทุกสิ่ง ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง และวิ่งหนีปัญหาทุกอย่างที่พบเจอในตอนนี้ออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พี่กำลังทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม” พี่เหนือที่นั่งเงียบอยู่นานปริปากพูดขึ้นเป็นครั้งแรก น้ำเสียงและสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลจนผมอยากจะยื่นมือไปจับมือเย็นๆของมันไว้ แต่ตอนนี้ตัวผมเองก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะจับมือใครไหว
“คิดว่าฉันไม่รู้จุดประสงค์ที่แกลงทุนตามฉันกลับมารึไง ฉันเป็นพี่แกทำไมเรื่องแค่นี้ฉันจะไม่รู้ แค่กลับมาเห็นสายตาที่แกมองไอ้เด็กนี่ฉันก็รู้แล้ว”
“......................” สายตาเย็นชามองปะทะฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร บรรยากาศที่อึดอัดอยู่แล้วพาลให้อึดอัดมากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า ผมหายใจไม่ทั่วท้อง เห็นไอ้พี่แทนถึงกับต้องหาผ้ามาซับเหงื่อแล้วก็อนาถใจ ยังดีที่ไอ้ไนท์ต้องแวะไปรับไอ้นนท์ก่อนเลยทำให้พวกมันไม่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในศึกสายเลือดซาตาน(ผมขอตั้งชื่อเรื่องแบบนี้ละกัน)เหมือนกับผมตอนนี้ด้วย
“ไว้ใจฉันหน่อยเหนือฟ้า ถ้านายไม่เชื่อในครอบครัว ไม่เชื่อในความรักของพ่อกับแม่ ฉันก็อยากให้รู้ว่านายยังมีฉัน พี่สาวคนนี้ที่รักและหวังดีกับนายเสมอ” ถึงขนาดยอมอ่อนข้อให้ ผมเห็นคนที่รักพี่ไม่น้อยไปกว่าผมแล้วนะพี่เหนือ พี่มีคนรักมากมายเลยรู้ไหม เพียงแค่พี่เลือกรับจากใครเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง
“ให้ผมคุยกับ เอ่อ...คุณน้ำฟ้าเถอะครับ ผมอยากทำให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้น พี่เองก็ต้องไว้ใจผมนะ” ผมยื่นมือออกไปวางบนหลังมือพี่เหนือ มันพลิกหงายมือก่อนจะสอดแทรกนิ้วเราไว้ระหว่างกันพร้อมกระชับแน่น สายตาห่วงใยส่งผ่านมา ก่อนมันจะค่อยๆคลายมือ ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปพร้อมพี่แทนที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว
“ที่ฉันต้องทำแบบนี้เพราะต้องการให้แน่ใจ ว่านายมีค่าพอให้ฉันทุ่มเทกับเรื่องนี้”
“ผมเข้าใจครับ เป็นผมคงทำแบบคุณน้ำเหมือนกัน”
“ฉันอยากรู้เรื่องราวระหว่างนายกับน้องชายของฉันทั้งหมด นายรู้จักเหนือฟ้าได้ยังไง อย่าหาว่าฉันดูถูกเลยนะแต่คิดว่าคนระดับนายไม่น่าใช่คนที่จะเข้ามาในชีวิตน้องชายฉันได้ง่ายๆ” ริมฝีปากเรียวฉาบสีแดงสดขยับยกยิ้มหากแต่แววตาเรียบเฉยจนผมต้องหลบสายตา น่ากลัว คนคนนี้น่ากลัวเหมือนกับพ่อตัวเองไม่ผิดเพี้ยนสายเลือดยังไงก็ยังเป็นสายเลือดเหมือนกันมากจนเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ
“เราเจอกันด้วยความบังเอิญครับ พี่เหนือเข้าใจว่าผมจะไปกรีดรถเขา แต่ผมเปล่า ผมแค่ผ่านไปเห็นเหตุการณ์เข้า จากนะ...”
“โลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญเสมอไปหรอกนะ” เธอพูดขึ้นมาแบบนั้นก่อนนิ้วเรียวๆของเธอจะยกขึ้นชี้หน้าผม นิ้วชี้ฉาบสีแดงเลือดนกใกล้เข้ามาจนจิ้มกลางหน้าผากผม
“ให้ตายนายนี่น่าแกล้งจริงๆ ซื่อบื่อแบบที่เหนือบอกไว้ไม่มีผิด หึหึ” เธอยิ้ม เป็นครั้งแรกที่เห็น มันสวยงามแต่งเติมใบหน้าเย็นชานั้นราวกับภาพวาด พระเจ้าสร้างให้คนตระกูลนี้มีรูปโฉมราวกับเทพนิยายรึไงกัน สวยงามแต่ก็แฝงความน่ากลัว เย็นชาแต่ก็ชวนให้หลงใหล ห่างไกลแต่ก็เหมือนกับจะเอื้อมถึง อย่าร้ายกับผมนักเลยคร้าบบบ ไม่ว่าจะคนไหน...
“เล่าเรื่องของนายต่อเถอะ แล้วก็ไม่ต้องกลัวฉันหรอกนะ ฉันแค่อยากจะแกล้งดูปฏิกิริยาของไอ้น้องชายตัวดีว่าจะร้อนรนแค่ไหนก็เท่านั้น เห็นมันหัวเสียทำหน้าเป็นหมาอ่อนแอแบบนั้นแล้วเอ็นดู ปกติดุยังกับเสือตกมัน” อารมณ์ไหนวะผมตามไม่ทัน แล้วที่ผ่านมาคือแกล้งไอ้พี่เหนือ โธ่ กูก็นั่งสั่นจะหายใจแรงยังไม่กล้า เกร็งจนตะคริวแดกไข่ ลำไยเถอะแม่คุณ ให้ตาย ผมอยากหนีไปจากคนบ้านนี้
“ผมงงไปหมดแล้ว ตกลงเอ่อคุณน้ำ”
“เรียกพี่น้ำก็ได้ นายนี่น่าแกล้งกว่าเหนือฟ้าซะอีก แล้วดูสิซื่อบื่อจนฉันคิดว่าโลกนี้มีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรอ น่ารักชะมัดเลย ไหนมาให้ลูบหัวหน่อย” พูดจบพี่ท่านก็ยิ้มหน้าระรื่นยื่นสองมือมาดึงแก้มผมทั้งสองข้างยืดออกก่อนจะบิดจมูกแบบหมั่นเขี้ยวไปสองทีตบท้ายด้วยเกาคางกับลูบหัว ผมว่ามันไม่ใช่ว่ะ แล้วนี่กูจะเคลิ้มทำไมวะ
“เอ่อ ผมขอเล่าต่อเลยนะครับ” พยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังไม่หยุดลูบหัว ผมที่ทำอะไรไม่ได้จำใจต้องปล่อยเลยตามเลย ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันแรกที่เจอกับพี่เหนือ ผ่านเรื่องอะไรด้วยกันมา ถึงแม้จะน่าอายไปบ้างกับบางเรื่องที่มันทำให้ แต่ผมก็อยากให้คนคนนี้ได้รับรู้ว่าเรื่องราวระหว่างเราไม่ได้มีเพียงความรักหากแต่มีความผูกพัน ความห่วงใย มิตรภาพ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงทั้งตัวพี่เหนือหรือแม้แต่ผมเอง ที่ผ่านมาพี่เหนือพยายามเพื่อผมมาโดยตลอด หากครั้งนี้ผมจะใช้ความพยายามดูบ้าง ไม่ใช่เพื่อพี่เหนือ แต่เพื่อตัวผมเองที่ขาดพี่เหนือไปผมคงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน
“ฟังจากที่นายเล่า เหนือฟ้ารักนายมากเลยนะ แล้วนายทำอะไรเพื่อเหนือฟ้าได้บ้าง ไม่สิ...นายทำอะไรเพื่อใครได้บ้าง?”
“คำถามนี้ผมถามตัวเองหลายครั้งนับตั้งแต่วันที่ได้พบกับพี่เหนือ เราไม่มีอะไรเหมือนกัน ผมไม่มีอะไรที่คู่ควร ผมที่เป็นแค่คนธรรมดา ไม่โดดเด่น ไม่มีอะไรน่าสนใจซึ่งต่างจากพี่เหนือราวฟ้ากับเหว แต่พี่เหนือก็ยังเลือกผม เป็นผมคนนี้ที่พี่เหนือให้อยู่เคียงข้าง ผมไม่รู้ว่ามันกลายเป็นความรักตอนไหน รู้ตัวอีกทีผมก็ขาดพี่เหนือไม่ได้แล้ว ผมไม่มีอะไรรับประกัน ผมบอกไม่ได้ถึงวันข้างหน้าว่าเราจะยังรักกันอยู่ไหม ผมรู้แค่ผมจะไม่มีวันปล่อยมือจากพี่เหนือก่อน นอกจากพี่เหนือจะเป็นฝ่ายปล่อยมือไปจากผมเอง...พี่น้ำครับ ถ้าหนึ่งคนที่เหลืออยู่ในชีวิตพี่เหนือที่ทั้งรักละหวังดีต่อพี่เหนือคือพี่...ผมก็อยากให้พี่รู้ว่ายังมีคนแบบนั้นอยู่ในชีวิตพี่เหนืออีกคน...คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพี่คนนี้และรักพี่เหนือไม่น้อยไปกว่าพี่เลย ได้โปรดช่วยพวกเราให้ได้อยู่ด้วยกันเถอะนะครับ” ผมพูดทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ใจคิด อยากส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดให้เธอได้รับรู้ว่าผมรักพี่เหนือมากแค่ไหน
“........................”
“หากว่าเราจะต้องจากกัน ผมก็อยากให้วันนั้นเป็นวันที่พี่เหนือหมดรักผมแล้ว ไม่ใช่เพราะใครที่ทำให้เราต้องยอมปล่อยมือ ผมอยู่ได้ครับถ้าไม่มีพี่เหนือ...แต่ผมคงอยู่แบบไร้หัวใจและไร้ชีวิตไปวันๆ”
“ตอนแรกฉันไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมเหนือฟ้าถึงรักนาย...แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงต้องเป็นนาย” มือที่ใช้ลูบหัวผมเปลี่ยนมาเป็นจับมือผมไว้ สายตาและรอยยิ้มปลอบโยนส่งผ่านมาทางสีหน้า ผมยิ้มรับทั้งที่น้ำตาคลอ ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากร้องไห้ออกมา ไม่ใช่เพราะผมเศร้า แต่เพราะผมดีใจที่อย่างน้อยความพยายามของผมที่ได้ทำเพื่อใครซักคนก็ไม่ไร้ความหมาย
“ผมรักพี่เหนือมากจริงๆ”
“ฉันรู้แล้วเด็กน้อย อย่าร้องไห้เลย ถ้าน้องชายฉันมาเห็นจะเข้าใจว่าฉันรังแกนายจนร้องไห้นะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้ เพราะฉันเองก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน” แววตาสั่นไหวคล้ายกับมีอะไรภายในใจหรือจริงๆแล้วเราทุกคนก็ต่างมีเรื่องให้เจ็บปวดไม่ต่างกัน
“.........................”
“เหนือคงไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเราให้ปอนด์ฟังเลยใช่ไหม ฉันขอเรียกชื่อนะเพราะยังไงเราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
“ถ้าพี่ไม่รังเกียจเด็กซื่อบื่อจนๆแบบผม ผมยินดีครับ ผมดีใจที่พี่เข้าใจ ส่วนเรื่องครอบครัวพี่เหนือ พี่เหนือไม่เคยเล่าและผมก็ไม่เคยถามเพราะคิดว่าซักวันถ้าพี่เหนือพร้อมคงจะเล่าให้ผมฟังเอง”
“ปอนด์เป็นเด็กดี ตอนนี้ฉันคิดว่าคนที่ไม่เหมาะสมคงเป็นคนร้ายกาจนิสัยเสียอย่างน้องชายฉันมากกว่า เหนื่อยมากเลยใช่ไหมอยู่กับคนแบบเหนือฟ้า” มือนั้นส่งมาลูบหัวผมเบาๆพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าคล้ายคำปลอบโยน
“เหนื่อยครับ ทั้งเอาแต่ใจ แถมยังร้ายกาจจนผมหมดหนทางสู้...แต่ผมก็มีความสุขมากที่ได้อยู่กับพี่เหนือ ผมคงโชคดีอย่างที่ใครหลายคนบอก”
“คนโชคดีคือเหนือฟ้าต่างหากล่ะที่ได้พบเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงไม่ได้กลับมาที่ไทยและเราคงไม่มีวันอยู่กันพร้อมหน้า คำว่าครอบครัวจริงๆแล้วฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าพวกเราเคยมีมันไหม นับตั้งแต่วันที่แม่ของพวกเราตัดสินใจแยกครอบครัวออกไปอยู่กับพ่อเลี้ยงของฉันในตอนนี้ ตอนนั้นเหนือฟ้ายังเด็ก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงเลือกทิ้งพวกเราไปแบบนั้น การแต่งงานแบบคลุมถุงชน สุดท้ายแล้วอะไรที่ผู้ใหญ่ว่าดีจุดจบมันไม่ได้สวยงามเสมอไป พ่อกับแม่เราไม่ได้รักกัน ไม่เคยรักกัน สุดท้ายทุกคนต่างก็มีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น ทั้งแม่ที่เลือกกลับไปหาคนรักเก่า ทั้งพ่อที่ไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง หรือแม้แต่ตัวฉันที่ทิ้งน้องไว้ให้แบกรับทุกความเจ็บปวด ทุกภาระ ทุกความคาดหวังให้เผชิญหน้าอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังโดยที่ตัวฉันกลับเลือกที่จะอยู่กับแม่ที่อิตาลี ฉันรักอิสระ ฉันรู้ว่าถ้าฉันเลือกอยู่ที่นี่ หน้าที่ของฉันมีเพียงรับช่วงต่อบริหารงานทุกอย่างของพ่อ อิสระของฉันจะหายไป ในขณะที่ฉันลืมคิดไปว่าความคาดหวังทุกอย่างของพ่อจะถูกส่งต่อมาที่เหนือแทน การที่เหนือมีนิสัยแบบนั้น เพราะเขาไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นที่แท้จริง...จนได้มาเจอเธอ”
“...................” สุดท้ายแล้วผมก็ไม่เคยรู้อะไรเลย...คำตอบของสายตาเจ็บปวดที่ผมเคยเห็นเพียงไม่กี่วินาทีในตอนนั้น พี่ต้องแบกรับความเจ็บปวดไว้มากมายขนาดนี้...พี่อยู่แบบนั้นมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไงกันนะพี่เหนือ
“แม่เขารักเหนือนะ แต่ความรักที่ห่างไกล...ระยะทางไม่ทำให้เกิดความอบอุ่นขึ้นในหัวใจใครได้ เขารู้ว่าเหนือชอบแข่งรถ มีเพียงเรื่องรถที่เป็นหนทางเดียวให้ได้คุยกับเหนือ แม้จะคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ไม่กี่นาที เรามาไกลเกินกว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ พ่อกับฉันเราไม่ค่อยลงรอยกัน ฉันที่ไม่ทำตามใจพ่อ เรื่องที่เหนือได้เรียนวิศวะก็มาจากฉันที่ขอร้องเขาไว้ อย่างน้อยก็อยากให้มีซักเรื่องที่เหนือได้ทำอย่างใจ...ถึงเวลาที่ฉันจะเลิกขี้ขลาด เลิกเห็นแก่ตัวแล้วกลับมาเผชิญหน้ากับทุกปัญหาที่ทิ้งไว้ ฉันจะกลับมาอยู่ที่นี่เพื่อทำในสิ่งที่ควรทำมาตั้งนานแล้ว ถึงเวลาที่เหนือจะวางทุกอย่างลงแล้วให้ฉันเป็นคนแบกรับทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองซักที ฉันหนีมันมามากเกินพอ อิสระของฉัน ชีวิตของฉัน ฉันได้ใช้มันเต็มที่แล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะต้องคืนชีวิตให้กับเหนือบ้าง เพราะฉันรักเหนือฟ้าที่สุดในชีวิต ถึงฉันจะไม่เคยพูดออกไปตรงๆเลยก็ตาม หวังว่าคงยังไม่สายเกินไปที่ฉันจะดึงคำว่าครอบครัวให้กลับมาอยู่กับพวกเราทุกคนอีกครั้ง” รู้ตัวอีกที น้ำตาของผมก็ไหลออกมาไม่หยุด ผมกลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ร้องไห้ง่ายขนาดนี้ไปตั้งแต่ตอนไหน รู้แค่ตอนนี้อยากโอบกอดพี่เหนือไว้แน่นๆไม่อยากให้ห่างกาย อยากจะกระชับมือที่จับกันไว้ให้มั่นกว่าเดิม ทั้งตัวและใจหากมีได้มากกว่าหนึ่งก็อยากยกให้พี่เหนือทั้งหมดในตอนนี้ รักมากเหลือเกิน ยิ่งได้รับรู้เรื่องราว ก็ยิ่งรักจนหมดหัวใจ
“ขอบคุณนะที่นายเข้ามาในชีวิตเหนือฟ้า...บอกให้หยุดร้องก็ยิ่งร้อง ดื้ออย่างที่เหนือบอกจริงๆ” โดนหยิกแก้มไปหลายที ผมก็ไม่ชอบที่ตัวเองอ่อนแอขนาดนี้เหมือนกัน ผมอยากจะกลับมาเข้มแข็ง เป็นไอ้ปอนด์คนเดิมได้ในเร็ววัน ไม่สิเป็นไอ้ปอนด์คนเดิมของพี่เหนือต่างหาก
“ผมไม่รู้เลยว่าพี่เหนือต้องทนแบกรับความเจ็บปวดไว้มากมายขนาดนี้ ทั้งที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแท้ๆ กลับมีแต่ผมที่ได้รับ พี่เหนือให้อะไรผมมากมายจริงๆ”
“นายได้มากกว่าคนอื่นจริงๆ อย่างแหวนที่แขวนอยู่ที่คอและรอยคิสมาร์คนั่น” อะไรคิดมากๆวะ?
“ผมไม่คิดมากแล้วพี่ คิดมากไม่ดีแค่นี้ก็ปวดหัวพอแล้ว”
“.....เอาเถอะ ฉันจะพยายามเข้าใจนายมากขึ้นละนะปอนด์ ทำใจให้สบาย พรุ่งนี้เราจะไปบ้านใหญ่กัน ทั้งฉัน เหนือฟ้า แล้วก็นาย”
“ไปพรุ่งนี้เลยหรอครับ” เร็วแบบไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ ผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนคนนั้น เขาน่ากลัวเกินไป
“ปัญหาถ้าไม่รีบแก้ไข ทุกอย่างมีแต่จะยิ่งเลวร้ายลง วันหนึ่งเขาอาจมาพาตัวเหนือฟ้าหายไปจากชีวิตของนายตลอดไปเลยก็ได้ คนอย่างเขาทำได้ทุกอย่าง...สิ่งหนึ่งที่นายควรรู้ไว้ก็คือฉากหน้าเราทำธุรกิจ แต่เบื้องหลังเราเป็นมาเฟีย คาซิโน ค้าอาวุธ ถึงจะไม่เท่ากับครอบครัวของมิน แต่ทั้งตระกูลฉัน หรือครอบครัวของแทนเองต่างก็มีความดำมืดแอบแฝงอยู่ภายใต้หน้ากากสีขาวด้วยกันทั้งนั้น นายเป็นเหมือนสิ่งชำระล้างจิตใจของพวกเรา ฉันคิดว่าความดีของนายจะเอาชนะทุกปัญหาที่เราเผชิญได้ ขอแค่นายยืนอยู่เคียงข้างเหนือฟ้าไม่ปล่อยมือไปจากเขาเท่านั้นพอ”
“ครับ ผมจะไม่มีวันยอมแพ้”
“ดีมากเด็กน้อย” พูดจบผมก็โดนยีหัวแรงๆไปอีกหลายที
“ไม่คิดว่าคุยกันนานไปหน่อยหรอ” เดินหน้ามุ่ยมาแต่ไกล เห็นมันกลับไปอารมณ์ร้อนขี้หงุดหงิดง่ายแบบนี้ผมก็สบายใจมากขึ้น
“ไอ้ขี้หวง” พูดจบก็พยายามจะเข้าไปจับแก้มไอ้พี่เหนือบ้างแต่ก็โดนปัดมือทิ้ง เห็นพี่น้ำบ่นเบาๆว่าคนอะไรดุยังกับล็อตไวเลอร์ ผมก็เผลอหลุดขำออกไปจนมันหันมามอง
“แล้วนี่เพื่อนปอนด์หรอ ไม่คิดจะแนะนำให้พี่รู้จักบ้างเลยรึไง ว่าไงไอ้แสบ” เห็นไอ้พี่แทนสะดุ้งแล้วขำชะมัด สงสัยคงจะกลัวพี่น้ำมากจริงๆ
“คนนี้ชื่อไนท์เป็นฟะ... โอ๊ย เชี่ย!” ไม่ทันพูดจบไอ้พี่แทนก็โดนไอ้ไนท์เตะข้อพับเกือบล้มหน้าทิ่มลงพื้น โหดฉิบหายเลยเพื่อนกู
“ผมไนท์ครับ ส่วนนี่ไอ้นนท์ เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทปอนด์ครับ” มันสองคนยกมือไหว้ก่อนจะหันมามองผมที่ทำหน้าตาสงสัยถึงอีกคนที่ไม่ได้มาด้วยกัน
“ติดต่อไอ้ธามไม่ได้เลย โทรไปก็ปิดเครื่อง พี่มินก็หายไปติดต่อไม่ได้เหมือนกัน” ไอ้นนท์เป็นคนตอบผมให้คลายสงสัย
“หวังว่าจะไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดนะเหนือ แทน” สายตาของพี่น้ำเย็นชาขึ้น น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเหมือนกับเรื่องที่พวกเขารู้กันจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ทำให้ทุกคนเป็นกังวล
“พี่ก็รู้นิสัยไอ้มิน ผมเข้าไปยุ่งเรื่องนี้มากไม่ได้ ไอ้เหนือก็เตือนแล้วแต่มันไม่ฟัง ความแค้นบังตามันจนมองไม่เห็นหัวใคร หวังแค่จะไม่เกิดเรื่องอะไรที่ร้ายแรงจนแก้ไขไม่ได้ในทีหลัง” ผมไม่รู้เรื่องที่พวกพี่แทนพูดกันว่าหมายถึงอะไร รู้แต่เกี่ยวกับพี่มิน แต่ตอนนี้ไอ้ธามอยู่กับพี่มิน ผมคิดภาพไม่ออกว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับคนสุภาพ อ่อนโยนแล้วก็แสนดีแบบพี่มินไปได้
“ผมไม่รู้อะไรมาก แต่ก็คิดว่ามองคนไม่ผิด แค่อยากเตือนว่าถ้ามีใครทำเพื่อนผมเจ็บ ไม่ว่าจะทางกายหรือใจ ผมก็ไม่เอามันไว้เหมือนกัน” ประโยคนี้ไอ้นนท์พูดขึ้น มองไล่สายตาไปทางพี่แทนและพี่เหนือ ผมงงไปหมดแล้วว่านอกจากปัญหาของผม ระหว่างนี้กำลังเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นกับใครบางคน
“ใจเย็นรอดูสถานการณ์ไปก่อน กลัวแต่สุดท้ายซาตานจะควักหัวใจตัวเองออกมามากกว่าจะทำร้ายใครได้ ปล่อยให้ความแค้นบังตา แต่ถ้าบังหัวใจตัวเองจนไม่รู้ตัวไปด้วย สุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ก็คงหนีไม่พ้นซาตานเองนั่นแหละ” ที่พี่น้ำพูดอาจจะหมายถึงพี่มินกับใครบางคน ซาตาน ความแค้น หัวใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้ว
“เหนือ พี่กับปอนด์ตกลงกันว่าเราจะไปคุยกับพ่อวันพรุ่งนี้ ถึงเวลาที่เราต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ซักที”
“จะทำอะไรก็รีบทำ ยังไงผมก็ไม่คิดจะไปเรียนต่ออยู่แล้ว” มันพูดพร้อมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม
“โตขึ้นเยอะเลยนะน้องชายพี่ เป็นเมื่อก่อนคงไม่ยอมนั่งคุยกับพี่แบบนี้”
“ไม่ใช่เพื่อพี่”
“พี่รู้น่าว่าเพื่อใคร...ให้พี่ได้ทำเพื่อเหนือบ้างเถอะนะ ชดเชยเวลาที่ผ่านมา พี่จะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวร” เห็นไอ้พี่เหนือขมวดคิ้วยุ่ง แต่สายตาเย็นชาก็ไม่เปลี่ยนไป
“สมองกระทบกระเทือนตอนนั่งเครื่องมารึไง”
“พี่เหนือ” ผมชกที่ต้นแขนมันไปหนึ่งที ชอบว่าคนอื่นดื้อ ตัวเองนั่นแหละทั้งดื้อทั้งรั้นเลย
“ฉันไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน แล้วก็หาทางติดต่อมินให้ได้ด้วยล่ะไอ้แสบ” พี่แทนพยักหน้ารับเบาๆ ตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่พวกเรา ทุกคนเหมือนตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
“ตอนนี้นอกจากเรื่องมึงแล้ว กูเป็นห่วงความคิดไอ้มินมากกว่า เลือดมาเฟียยังไงก็เป็นมาเฟียหวังว่ามันจะไม่วู่วามทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ” อีกครั้งที่ไอ้พี่แทนพูดในสิ่งที่ผมก็ยังคงไม่เข้าใจ
“เชี่ยเอ้ย ปกติไอ้ธามไม่เคยปิดโทรศัพท์” ไอ้ไนท์สบถอย่างหัวเสียหลังจากที่มันวุ่นอยู่กับโทรศัพท์มาซักพักใหญ่
“ให้จัดการเรื่องของมึงกับไอ้ปอนด์ผ่านไปก่อน กูจะไปหาไอ้มินที่นั่นเอง” แล้วที่นั่นมันคือที่ไหนครับไอ้พี่แทน มึงก็ไม่พูดให้เคลียร์ แค่ปัญหากูก็หนักหัวพอแรงแล้วยังต้องมาไขปริศนากับคำพูดพวกมึงอีก สมองที่มีรอยหยักอันน้อยนิดของกูมันทำงานหนักมากไม่ได้นะเว้ย
“ผมอยากคุยกับพี่สองคนเรื่องไอ้ธาม” ไอ้นนท์พูดขึ้น สีหน้ามันดูเครียดกว่าปกติ ผมไม่เคยเห็นมันทำหน้าจริงจังขนาดนี้มาก่อนในชีวิตถ้าไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นภายในกลุ่มพวกเรา
“คุยไรกันวะ ให้กูรู้เรื่องด้วยคนสิ”
“ไอ้ไนท์มึงพาไอ้ปอนด์ไปกินข้าวก่อน กูให้แม่บ้านจัดโต๊ะไว้ให้แล้ว เดี๋ยวพวกกูตามไป” พี่แทนพูดก่อนไอ้ไนท์จะเข้ามาลากผมให้ออกไป
“ไอ้ไนท์มึงหยุด! กูอยากรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น” ขัดขืนมันเต็มที่ทั้งที่แรงจะยืนยังไม่ค่อยมี เซแถดๆๆไปตามแรงลากของมัน
“ไว้ให้มึงพร้อมและให้ทุกอย่างมันกระจ่างกว่านี้พวกกูจะเล่าให้มึงฟังเอง ตอนนี้มึงมีเรื่องให้คิดมากพอแล้ว กินข้าวซะ พรุ่งนี้ยังมีศึกหนักรอมึงอยู่”
“ถ้าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับไอ้ธาม มึงจะไม่ให้กูร้อนใจได้ยังไง มันก็เพื่อนกู”
“กูก็ร้อนใจไม่ต่างจากมึง แต่กูก็ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมาก ปอนด์มึงห่วงตัวเองบ้าง กูก็ห่วงไอ้ธามไม่น้อยไปกว่ามึง แต่ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้”
“มันมีปัญหากูช่วยอะไรมันไม่ได้เลย” ถึงแม้ปัญหานั้นผมจะไม่รู้ว่าอะไรก็ตาม ทั้งผมและไอ้ไนท์ต่างคนต่างมองหน้ากัน เราเคยใช้ชีวิตกันเรียบง่าย ตอนนี้กลับวุ่นวายไปหมด แม้แต่ผมเองที่พรุ่งนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้างยังไม่รู้เลย
“เห็นแบบนั้นมันก็เข้มแข็ง ถึงมันจะบ้าไม่เต็มบาทแต่มันก็เอาตัวรอดได้ กูว่าคนที่ต้องรับมือกับคนแบบมันมากกว่าที่จะต้องปวดหัว” ไอ้ไนท์พูดพร้อมรอยยิ้มบางเบา แต่สีหน้าของมันก็ยังไม่คลายกังวล
“กูไม่อยากให้รอยยิ้มมันหายไป และเพราะมันเป็นแบบนั้น กูถึงได้ห่วงมันมากที่สุด ไอ้ธามมันบ้า...แต่มึงอย่าลืมว่าคนบ้าก็มีหัวใจ” ไอ้ไนท์ตบไหล่ผมเบาๆ ตอนนี้ทั้งผมและมันไม่มีใครอยากพูดอะไรกันอีก หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายแรง ต้องใจร้ายขนาดไหนถึงทำร้ายคนแบบไอ้ธามได้
.............................
..............
.....
.
มีต่อนะจ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ