ตอนพิเศษ
จักรกฤชมองภาพเพื่อนสนิทที่ถูกน้องชายฝาแฝดรุมประกบ แถมยังเปล่งออร่าแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเด่นชัดขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับตัวเอง แล้วนั่งคิดอะไรเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นเพื่อนเดินเข้ามาในห้อง
“ไง นิน มีความสุขดีไหม มีบอดี้การ์ดรูปหล่อคอยประกบตลอด ยกเว้นตอนเรียนแบบนี้”
คำทักทายที่ดังขึ้นจากปากของเพื่อนสนิททำให้มุนินทร์หันไปทำหน้ามุ่ยใส่
“มีความสุขอะไรล่ะ เจ้าเด็กสองคนนั่นเล่นตามติดฉันตลอด แทบจะไม่ให้ฉันมีเวลาเป็นส่วนตัวเลยสักนิด!”
จักรกฤชหัวเราะเบา ๆ กับคำตอบของเพื่อนแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ก่อนบอกต่อ
“ทำไงได้ ก็ดันเป็นที่รักเองนี่นะ ...เอาน่า ช่วงแรก ๆ ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้ล่ะ สักพักนายก็ลองพูดลองสอนดูสิ เจ้าสองคนนั่นก็ออกจะเชื่องกับนายอยู่ไม่น้อยนี่”
คำพูดเรื่อย ๆ ของเพื่อนสนิท แต่ทำเอามุนินทร์หน้าแดงวาบ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับเขาถึงขนาดนี้
“นะ...นาย รู้ได้ยังไง?”
“เอาน่า ๆ ไม่ต้องซีเรียส ฉันเองก็พอมีประสบการณ์ตรงเรื่องนี้อยู่บ้าง ก็เลยพอจะมองอะไรออกมากกว่าคนอื่นเขาน่ะ”
จักรกฤชบอกออกไปอย่างไม่คิดปิดบัง ทำเอามุนินทร์นิ่งอึ้ง ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนสนิทจะมีประสบการณ์แบบเดียวกับเขาด้วยเหมือนกัน
“กับใคร...”
“แล้วบ้านฉันมันมีใครให้น่าสงสัยบ้างล่ะ”
จักรกฤชบอกยิ้ม ๆ ไม่ได้คิดอายหรือปิดบังอะไรกับเพื่อนสนิทของตนสักนิด
“บ้าน่า ...พี่เจน กับพี่จิ นี่นะ?”
มุนินทร์พึมพำอย่างตกใจ เพราะกรณีเขาถึงจะเป็นพี่น้อง แต่สองคนนั่นไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับเขา แต่ในกรณีของจักรกฤชนี่มันพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน คลานตามกันมาทั้งสามคนแท้ ๆ
“ฮะ ๆ ว่าแล้วต้องตกใจ ทำไงได้ ตอนฉันโดนสองคนนั่นรุมกดครั้งแรกก็ตกใจอยู่ แต่พอรู้ว่าเพราะทั้งคู่รักฉันมาก มันก็นะ...ทำไงได้ ตอนนี้ก็เลยรักไปแล้วเหมือนกัน”
จักรกฤชเล่าเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทำให้มุนินทร์เริ่มคิดหนักเกี่ยวกับตัวเองขึ้นบ้าง
“เอาน่านิน ถ้าไม่มีใจ ทำยังไงมันก็ไม่รัก ถ้าถึงตอนนั้น อีกฝ่ายก็จะเข้าใจเองนั่นล่ะ ...แต่ในกรณีที่ถึงจะถูกทำเรื่องแย่ ๆ ยังไง แต่ก็ยังโกรธไม่ลง นั่นเพราะรักแล้วแต่ไม่รู้ตัวต่างหากล่ะนะ”
มุนินทร์ถอนหายใจ เมื่อได้ยินในสิ่งที่เพื่อนสนิทบอก เขายิ้มน้อย ๆ แล้วจึงพยักหน้ารับ
“นั่นสินะ”
จากนั้นทั้งคู่ก็คุยโน่นนี่กันสักพัก และพอถึงเวลาเลิกเรียน ต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกลับบ้าน โดยที่เขมทัตและเขมทินก็แปลกใจนิด ๆ ที่พี่ชายดูมีท่าทีอ่อนโยนลง และไม่ต่อต้านเหมือนเคย เพราะอย่างนั้นมุนินทร์จึงมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขเหมือนเด็กน้อย ของน้องชายทั้งสองที่ไม่ได้เห็นมานานเข้าจนได้
จักรกฤชถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อกลับมาถึงบ้านของตน แล้วพบโน้ตข้อความยาวเหยียดติดอยู่ที่ตู้เย็นในบ้าน
“จักร...วันนี้พี่คงจะกลับช้าหน่อยนะ จักรรีบกินข้าว อาบน้ำ เข้านอนเลยนะ ล็อกห้องด้วยล่ะ นอกจากพี่และจิแล้ว ห้ามเปิดให้ใครเข้าไปเด็ดขาดเลยนะ / พี่เจน”
โน้ตใบแรกเป็นของพี่ชายคนโต ที่อายุห่างจากจักรกฤชเก้าปี ส่วนอีกใบ เป็นของพี่ชายคนรองที่แปะไว้ข้าง ๆ กัน
“จักรจ๋า น้องรักของพี่ วันนี้พี่จิมีงานด่วนต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ นี่ถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ้านายไล่ออกแล้วล่ะก็ พี่จะไม่สนใจงานแล้วรีบกลับไปหาน้องของพี่ทันทีเลย อ้อ...พี่ไม่แน่ใจว่าจะกลับช้าหรือเร็วกว่าพี่เจน แต่ยังไงเพื่อความปลอดภัย ห้ามจักรเปิดประตูรับคนแปลกหน้าเข้าบ้านเด็ดขาดนะ ถึงจะเป็นพ่อมาเรียกเอง ถ้าไม่ชัวร์ก็ปล่อยให้นอนอยู่นอกบ้านนั่นล่ะ / พี่จิ”
จักรกฤชหัวเราะเบา ๆ กับโน้ตของพี่ชายคนรอง บ้านเขามีแต่ผู้ชายล้วน เพราะแม่เสียชีวิตหลังจากคลอดเขาได้สองปี และ ณ ปัจจุบัน พ่อและพี่ชายทั้งสอง ต่างก็มีงานประจำที่ต้องรับผิดชอบ แถมยังต้องทำงานออกต่างจังหวัดบ้าง ล่วงเวลาบ้าง เขาจึงต้องอยู่คนเดียวในตอนเย็นบ่อย ๆ แต่ก็มักได้รับการชดเชย โดยการคอยตามประกบติด ดูแลเอาใจใส่ในวันหยุดของแต่ละคนให้เขาพอหายเหงาอยู่บ้าง
ชายหนุ่มร่างบางจัดแจงนำกับข้าวในตู้เย็นมาอุ่นกินง่าย ๆ แล้วล็อกบ้านให้เรียบร้อย ก่อนจะตรงขึ้นห้องนอน ล็อกประตูห้อง ตามคำสั่งของพี่ชายอย่างเคร่งครัด
ราวสี่ทุ่มกว่า ร่างสูงสองร่างลงจากรถแท็กซี่คนละคันในเวลาไล่เลี่ยกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้า พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา
“นึกว่านายจะมาถึงก่อนเสียอีก นี่แสดงว่าจักรก็หลับไปคนเดียวอีกแล้วล่ะสิ”
ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้ม หันไปพูดกับชายหนุ่มอีกคนที่อ่อนเยาว์กว่าตนเล็กน้อย และมีใบหน้าละม้ายคล้ายกัน
“ผมเพิ่งเคลียร์งานเสร็จน่ะพี่เจน อยากกลับมากอดน้องจะตายอยู่แล้ว แต่ทำไงได้ ขืนหนีกลับมาก่อน มีหวังโดนไล่ออกแน่”
เสียงถอนหายใจจากอีกคนดังขึ้น จากนั้นผู้เป็นพี่ใหญ่จึงไขกุญแจบ้านเข้าไป แล้วมองสภาพในบ้านของตน
“พ่อคงยังไม่กลับจากต่างจังหวัดอีกล่ะสิ... เมื่อไหร่นะ พวกเราถึงจะได้มีโอกาสอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสักที”
“เมื่อเรามีเงินก้อนพอจะเปิดร้านขนมอย่างที่จักรอยากเปิดล่ะมั้งพี่ ...เอาน่า ทุกวันนี้เราก็ทำเพื่อน้องอยู่แล้วนี่”
จิรายุเอ่ยปลอบพี่ชายของตน พอได้ฟังเจนจบก็ถอนหายใจอีกครั้งแล้วจึงยิ้มให้กับน้องชายของเขา
“นั่นสินะ ...แต่คืนนี้ขอตัวไปหาจักรก่อนล่ะ ทนไม่ไหวแล้ว เมื่อวานก็กลับดึกเกิน ไม่ได้กอดน้องอีก”
เจนจบบอกแล้วก็รีบตรงลิ่วไปที่ห้องนอนของน้องชายคนเล็ก เช่นเดียวกับจิรายุที่มีความต้องการไม่แตกต่างจากพี่ชายคนโตมากนัก
เสียงลูกบิดประตูที่ถูกไขกุญแจเปิดออกทำให้ร่างที่รู้สึกไวบนเตียง ปรือตาขึ้นมามอง
“พี่ ๆ กลับมาแล้วหรือครับ”
“กลับมาแล้วจักร...คิดถึงจักรที่สุดเลยรู้ไหม”
เจนจบปลดเนคไทของตนออก แล้วตรงเข้าไปอุ้มร่างบอบบางบนเตียงขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะจูบซ้ายจูบขวาบนใบหน้าเนียนนุ่มอย่างรักใคร่
“อื้อ! พี่เจนล่ะก็ เพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ แทนที่จะพักอาบน้ำอาบท่าเสียก่อน มัวแต่ห่วงอะไรก็ไม่รู้”
จักรกฤชดุค่อย ๆ อย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะหลุดครางออกมาเบา ๆ เมื่อเสื้อผ้าของตนกำลังถูกพี่ชายคนรองปลดเปลื้องออกอย่างรวดเร็ว
“งั้นไปอาบพร้อม ๆ กันเลยดีไหมล่ะ”
“อื๊อ! พี่จิ...อย่าสิ ผมเกี่ยวอะไรด้วยเล่า พวกพี่ก็ไปอาบกันเองสิ!”
จักรกฤชครางไปบ่นไป เมื่อมือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่างของตนอย่างหื่นกระหาย
“เกี่ยวสิ เพราะถ้าจักรไม่อาบด้วย มีหวังคืนนี้พวกพี่นอนไม่หลับกันพอดี”
จิรายุกระซิบ แล้วจึงปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนบ้างอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเจนจบที่ไม่ต้องรอให้ใครบอก จากนั้นร่างเปลือยทั้งสามก็พากันเข้าไปในห้องน้ำของบ้าน ที่ถูกดัดแปลงให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม หลังจากเมื่อสองปีก่อนที่ผู้เป็นพี่ชายคนโตบ่นว่า พอเข้าไปอาบพร้อมกันสามคนแล้วมันดูคับแคบเกินไป
เจนจบที่นั่งอยู่บนชักโครก อ้าปากร้องซี๊ดซ๊าด ด้วยน้ำเสียงกระเส่า เมื่อแก่นกายแข็งขึงของตนกำลังถูกน้องชายคนเล็กดูดกลืนเข้าออกอย่างรู้งาน ส่วนทางด้านบั้นท้ายโก้งโค้งของจักรกฤชนั้น ก็มีจิรายุกำลังกระแทกเอวสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปอย่างถี่ยิบ
“อา...จักร ฟิตจริง ๆ ...รัดพี่เสียแน่นเชียว...คงอยากมานานแล้วเหมือนกันสินะ...”
จิรายุครางกระเส่าไม่แพ้พี่ชายที่ทำเสียงครางไปพลาง สูดปากไปพลางด้วยความเสียวกระสัน เจนจบประคองศีรษะของน้องชายพร้อมกับกระแทกเอวสวนกลับอย่างรุนแรงไม่แพ้เบื้องล่างที่จักรกฤชกำลังเผชิญอยู่
“ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะน้องรักของพี่...อย่าให้รู้เชียวนะ ว่าไปทำแบบนี้กับไอ้หนุ่มคนอื่น...ไม่งั้นพี่จะตามไปฆ่ามันให้ตายคามือเลยคอยดู...อูว์ ...ซี๊ด...แบบนั้นล่ะจักร...อา~”
ทั้งสองหนุ่มครวญครางร้องระงมอย่างถูกใจ ส่วนจักรกฤชที่ถูกกระแทกใส่จนหัวสั่นหัวคลอนไปทั้งร่าง ก็มีอารมณ์ร่วมกับทั้งคู่ไม่แตกต่างกันนัก ชายหนุ่มร่างบางได้รับความรักจากพี่ชายทั้งสองมามาก จึงอยากตอบแทนความสุขให้กับพี่ชายทั้งคู่ที่เขารักด้วยตัวเขาเท่าที่จะทำได้
“อา... จักร!”
เสียงครางทุ้มต่ำดังไล่เลี่ยกันมาจากจิรายุและเจนจบ พวกเขาปลดปล่อยความสุขใส่ร่างน้องชายแทบจะพร้อม ๆ กัน จนจักรกฤชแทบจะสำลักและจุกกับปริมาณน้ำขุ่นขาวที่พี่ชายทั้งสองปล่อยใส่เขาทั้งข้างบนข้างล่างแบบนั้น
“แค่ก ๆ พวกพี่นี่...ดูสิ ผมเปรอะไปหมดเลยเห็นไหม?”
จักรกฤชบ่นใส่ ทว่าชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าสภาพเปลือยเปล่า เปรอะเปื้อนของตัวเองตอนนี้ มันช่างยั่วยุอารมณ์คนมองขนาดไหน แม้จะปลดปล่อยไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าทั้งสองหนุ่มจะยุติความต้องการของตนลงง่าย ๆ จักรกฤชนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นแก่นกายของทั้งคู่เริ่มลุกขึ้นตั้งชี้หน้าเขาอีกรอบ
“พวกพี่...ให้ตายเหอะ...พรุ่งนี้ผมต้องไปโรงเรียนอีกนะ”
จักรกฤชโอดครวญแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อพี่ชายทั้งสองเริ่มขยับท่าให้เข้าที่ โดยครั้งนี้เจนจบอุ้มน้องชายคนเล็กให้มานั่งซ้อนบนตักของเขาบ้าง ส่วนจิรายุก็จับแก่นกายของตนยื่นจ่อที่ริมฝีปากบางของน้องชายแทน
“อีกรอบนะน้องรัก...ไม่ต้องห่วง คราวนี้พวกพี่จะไม่ทำรุนแรงเท่าครั้งแรกหรอกน่า”
“แต่ผมเหนื่อย..อุ๊บ...อู้...อู้ม...อื้อ...”
ปากที่เตรียมจะเอ่ยประท้วงถูกพี่ชายคนรอง จับความเป็นชายแข็งขึงของตนยัดใส่เข้าไป เพื่อให้อีกฝ่ายเลิกบ่น ส่วนบั้นท้ายก็กำลังดูดกลืนแก่นกายแกร่งของพี่ชายคนโตเอาไว้จนมิด
“รัดแน่นจริง ๆ ...ขนาดโดนของนายไปรอบแล้วนะจิ...”
เจนจบสูดปาก เช่นเดียวกับจิรายุที่มีสีหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่าน
“ปากของจักรก็ยังร้ายกาจเหมือนเดิมเลยนะพี่...ซี๊ด...โชคดีจริง ๆ ที่ได้เป็นพี่น้องกันแบบนี้...”
“นั่นสิ...อา...รักที่สุดเลยรู้ไหม...จักร”
เจนจบตอบรับแล้วจึงกัดลงบนไหล่ของน้องชายเบา ๆ เพื่อประทับตราความเป็นเจ้าของเอาไว้อย่างรักใคร่ พร้อมกับค่อย ๆ ขยับสะโพกกระเด้งขึ้นลงอย่างช้า ๆ ในตอนแรก แล้วจึงค่อย ๆ เร่งความเร็วเช่นเดียวกับน้องชายคนรองที่จับศีรษะของน้องคนเล็กดึงเข้าออก พร้อมกับกระเด้งเอวของตนสวนกลับเป็นจังหวะถี่ยิบอย่างเมามัน...
การปลดปล่อยครั้งที่สอง และตามมาด้วยครั้งที่สาม ที่สี่ จวบจนกระทั่งร่างบอบบางของผู้เป็นน้องชายสลบไปคาห้องน้ำ ผู้เป็นพี่ชายทั้งสองจึงได้ยุติการกระทำลงในที่สุด แม้จะยังเสียดายนักก็ตาม
เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากชายหนุ่มวัยรุ่นทั้งสองแทบพร้อมกัน จักรกฤชหันมาสบตากับมุนินทร์ ที่มีดวงตาโหล ขอบตาดำคล้ำ ในสภาพที่ไม่แตกต่างจากเขามากนัก
“ไง นิน เมื่อคืนนี้คงแทบไม่ได้นอนเลยสินะ ...สองคนนั่นอึดมากไหม”
“บะ...บ้าเหรอ...ฉันก็แค่อ่านหนังสือดึกแค่นั้นเอง”
มุนินทร์ตอบคำทักทายของจักรกฤชตะกุกตะกัก แต่คนที่คบกันมาสามปี มองดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดโกหกอยู่
“เอาเหอะ อ่านหนังสือก็อ่านหนังสือ ...แต่ฉันแย่ว่ะ แทบตาย เมื่อเช้านี้คิดว่าจะมาไม่ไหวเสียแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
มุนินทร์ถามอย่างสงสัย
“อยากรู้จริงอ่ะ...จริง ๆ น่ะเหรอ”
พอเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสนิทและคำถามย้อนตามมา มุนินทร์ก็หน้าแดงระเรื่ออย่างพอจะคาดเดาได้ เขาก้มหน้าพลางอุบอิบตอบ
“ง่า...ไม่เป็นไร พอจะเข้าใจแล้ว”
ใบหน้าแดง ๆ ประกอบกับอาการเขินอายของเพื่อนมันทำให้จักรกฤชนึกเอ็นดู และอยากแกล้งอีกฝ่าย จึงทำเป็นพูดแหย่ออกไป
“หึ ๆ นายนี่น่ารักจริง ๆ ว่ะนิน เสียดายนะ ถ้าฉันไม่มีพี่จิ กับพี่เจน คงสนใจนายแล้วว่ะ”
“เฮ้ย! จักร พูดจริงหรือวะ!”
มุนินทร์สะดุ้งโหยง เพราะคิดว่าเพื่อนพูดจริง
“ฮ่า ๆ ใครจะกล้า ขืนไปชอบนายเข้า ไอ้พี่บ้าสองคนนั่นคงตามฆ่านายแน่ ส่วนฉันมีหวังได้โดนเจ้าแฝดนรกสองตัวนั่นดักฆ่าอีกทอดหนึ่งพอดี!”
จักรกฤชเฉลยอย่างขบขัน ทำให้มุนินทร์นิ่งอึ้ง ก่อนจะถอนหายใจตามมาเฮือกใหญ่
“คิดผิดหรือเปล่าวะเนี่ย ที่ปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้”
“ทำใจว่ะเพื่อน มาถึงขั้นนี้แล้วก็ได้แต่ปลงเท่านั้นล่ะ มีคนรักก็ยังดีกว่าไม่มีล่ะนะ คิดแบบนั้นไปแล้วกัน”
จักรกฤชตบบ่าเพื่อนสนิทอย่างคนหัวอกเดียวกัน ทั้งสองสบตา ก่อนจะถอนหายใจ และหลุดหัวเราะพร้อม ๆ กันตามมา จนคนในห้องขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ และสงสัยในพฤติกรรมของทั้งคู่ไปพักใหญ่เลยทีเดียว
-----END----
เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับเรื่องสั้น 3P ใส ๆ เรื่องนี้ ^ ^
คนเขียนตั้งใจเขียนเป็นซีรียส์ยาวเรื่องใหม่น่ะค่ะ ก็เลยมาลงประเดิมเป็นเรื่องสั้น สำรวจความนิยมจากนักอ่าน ว่าคู่แบบไหนที่ท่านอยากให้เป็นคู่หลักมากกว่ากัน ถ้าโปรเจ็คต์นี้ไม่ล่มกลางทาง ก็คงได้อ่านเรื่องยาวกันในอนาคตสำหรับ "คุณพี่ที่รัก" นี่ค่ะ
แวะเข้ามาอีดิทว่าโปรเจ็กต์เรื่องยาว ถูกจับใส่ไหดองปิดผนึกอยู่นะคะ --เดี๋ยวคนมาอ่านทีหลังจะได้ไม่ต้องทวง (แหะ ๆ) ขอโทษค่าาา เค้าทิ้งไว้นาน ต่อไม่ติดแล้วว