ตอนที่ 17 เรื่องของคนสองคน
กิต พาร์ท
ผมมองเพื่อนรักของผมนั่งเศร้าอยู่ที่ชานระเบียงของเรือนบุหลันอย่างเหม่อลอย ใบหน้าสวยกับพื้นหลังที่เป็นเหมือนป่า ช่างชวนให้น่ามองจนคนที่มองอยู่อดละสายตาไม่ได้ รวมถึงผมกับพี่พลที่มาเยี่ยมในวันนี้
“น้ำลายจะไหลแล้ว” พี่พลเรียกผม
“น้ำลายอะไร”
“ก็มองพายจนน้ำลายจะไหลแล้ว อย่าบอกนะว่าแอบชอบพายด้วยอีกคนอะ” เขาทำเสียงกวนผม
“บ้า กูชอบพายแบบเพื่อน ไม่มีเกินเลย” ผมตอบเขา
“อย่าให้รู้นะว่าคิดมากกว่าเพื่อน กูจะจับมึงขังไว้ที่รีสอร์ทกูตลอดชีวิตเลย”
“ว่าแต่กู คุณมึงเหอะยังคิดอะไรอยู่เปล่า”
“ไม่แล้ว ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นแล้ว เวลาเห็นพายแล้วรู้สึกรักแบบน้องมากกว่า” ไอ้พี่พลตอบพร้อมทำหน้าจริงจัง
“แต่ก็อดมองไม่ได้เหมือนกันแหละ พายมันดูสวยเข้ากับบรรยากาศรอบตัวชะมัด” ผมว่า
“สวย แต่...เศร้า” พี่พลพูดเสียงเบา
“พายกับภีม ไม่มีวันตัดกันขาดหรอก” ผมพูดกับพี่พลขณะที่พี่พลเอาหัวมาหนุนตักผม
“ทำไมคิดงั้น” พี่พลถามผม
“พายรักภีมมาก และนิสัยอย่างพาย ใจแข็งได้ไม่นานหรอก ถึงผมจะโกรธภีมไม่น้อยไปกว่าพายก็เถอะ แต่เด็กในท้องพายจะเป็นโซ่ทองคล้องใจให้กับทั้งสองคนนั้นได้แน่ๆ ยังไงมีครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าก็ดีกว่าเลี้ยงลูกคนเดียว”
“พี่อยากให้พายใจอ่อนนะ เห็นสภาพไอ้เด็กนั้นเมื่อเช้าก่อนแอบมาที่นี้แล้ว ไม่เหลือเค้าความหล่อเลย” พี่พลพูดด้วยน้ำเสียงสงสารภีม
“ผมเห็นครั้งล่าสุดอาทิตย์ที่แล้วก็ดูแย่พอตัว วันนี้ดูแย่กว่าเดิมอีกหรอพี่” ผมถามเพราะเมื่อเช้าผมไม่ได้อยู่ที่รีสอร์ทกับพี่พล
“โคตรโทรม หนวดเคราก็ไม่โกน หมดความหล่อของโคตรเดือนที่กิตเคยเรียกไปเลย นี้พายก็ท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว พี่หวังว่าพายจะลดทิฐิมาเจอกันก่อนที่จะคลอด”
“เรื่องของคนสองคน เราก็เข้าไปยุ่งมากไม่ได้ แต่ผมว่าพายมันใจอ่อนแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปคุยกันยังไง หรือเจอภีมยังไง คิดไปคิดมาก็ผ่านมาตั้งสี่เดือนแล้ว”
“ถ้ารอพายคิด คงคลอดเสร็จก็ยังไม่ดีกันแน่ๆ พี่ว่า อย่างน้อยภีมก็ควรรู้ว่าตัวเองมีลูก ไม่งั้นก่อนจะได้คุยกัน ไอ้เด็กภีมมันคงตายก่อนพอดี สภาพตอนนี้ก็ตรอมใจจะแย่แล้ว” พี่พลพูดก่อนจะลุกขึ้น
“จะไปไหน” ผมถาม
“บอกภีม” พี่พลตอบ
“เดี๋ยว!!! ผมยังไม่ไว้ใจภีม ผมไม่อยากให้พายเสียใจอีก” ผมเป็นห่วงเพื่อน เพราะสิ่งที่พายเจอ เป็นผมก็รับไม่ได้ หัวอกคนเป็นเพื่อนก็ต้องเข้าข้างเพื่อนอยู่แล้วละคับ
“งั้นมากับพี่ มาดูสภาพไอ้เด็กภีม แล้วบอกพี่ว่าควรจะอยู่เฉยรึเปล่า” พี่พลบอกก่อนจะดึงตัวผมยืนขึ้น
“จะกลับแล้วหรอ” ไอ้พายถามตอนผมกับพี่พลเดินออกมา
“ใช่ ถ้ามีอะไรก็กดปุ่มโทรฉุกเฉินที่โทรศัพท์ไปหาที่บ้านเลยนะ” ผมบอกมันด้วยความเป็นห่วง
“กูยังไม่คลอดตอนนี้หรอก และเดี๋ยวพี่เจนนี่กับพี่หมอนัทก็มาแล้ว” พายบอกพลางยิ้มเล็กน้อยให้กับความเป็นห่วงของผม ดูท่ามันจะคิดว่าผมวิตกมากเกินไป
“อย่าใจอ่อนกับไอ้หมอนัทละ” ผมบอก เพราะแค่มองก็รู้ว่าพี่หมอนัทแอบชอบพาย ขนาดมันท้องนะเนี่ย
“บ้า ใครจะไปชอบพี่หมอละ” พายบอก
“อย่าบอกว่ามึงไม่รู้ว่าพี่หมอนัทเขาชอบมึง”
“รู้ แสดงออกขนาดนั้น แต่กูไม่ได้ชอบเขานี่หว่า ผู้ชายที่กูชอบมีคนเดียวเท่านั้นแหละ” มันตอบผมก่อนจะเสียงเบาลงในประโยคสุดท้าย
“เออๆ กูไปละ” พอเห็นมันเริ่มเข้าโหมดเศร้า ผมก็ไม่รู้จะทำไงเลยบอกลาแล้วเดินออกมากับพี่พล เขาจับมือผมไว้ ผมมองหน้าเขาที่อยู่ดีๆก็จับมือ เพราะปกติพี่พลไม่ค่อยชอบเดินจับมือเท่าไหร่ ก็นิสัยผู้ชายทั้งคู่นี่คับ
“อย่าคิดมากแทนพายเลย ถ้าอยากให้พายมีความสุข เราก็คงต้องช่วยกัน” เขากระชับมือผมแน่นตอนพูดจบ เราลงเรือกลับไปที่รีสอร์ท ก่อนจะเอารถพี่พลขับกลับมาบ้าน ดูอ้อมไปสักหน่อย แต่ก็เพื่อตบตาภีมแหละคับ
พอลงจากรถผมก็เดินเข้าไปในบ้านก็เห็นคุณพ่อนอนกลางวันอยู่ที่เตียงไม้ใต้ถุนบ้าน ส่วนคุณแม่กำลังนั่งอ่านนิยายอยู่ที่เก้าอี้โยกใกล้ๆ
“คุณแม่สวัสดีคับ” ผมทักท่าน ท่านมองผมแล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่นเหมือนเดิม
“สวัสดีจ๊ะ เดี๋ยวนี้ดูเรียบร้อยขึ้นนะ เตรียมเป็นสะใภ้แม่เต็มตัวละสิ” คุณแม่แซวคับ เล่นเอาเขินจนหน้าร้อนไปหมด
“เปล่านะคับแม่ ผมก็เรียบร้อยแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” ผมบอกแบบอายๆ
“เมื่อก่อนกวนเบื้องล่างจะตาย 555” คุณแม่พูดแล้วหัวเราะ จนผมทำอะไรไม่ถูกเลย
“แม่ก็อย่าไปแซวมันสิคับ มันหูเหอแดงหมดแล้วเนี่ย” พี่พลพูดก่อนจะโอบไหลผมไว้หลวมๆ
“แล้วนี่โดดงานกันมาหรอ” คุณแม่ถามพี่พลคับ
“วันนี้งานไม่ค่อยเยอะคับ เลยไม่เข้าไปที่รีสอร์ท แล้วแม่คับ ไอ้เด็กนั้นละคับ” พี่พลถามหาภีม
“ภีมหรอ? นั่งอยู่ที่ท่าน้ำนู้นแหนะ นั่งนิ่งจนจะกลายเป็นหินอยู่แล้ว น่าสงสารจริงๆ” คุณแม่บอกพร้อมทำเสียงเศร้า
“สภาพแย่มากเลยหรอคับแม่” ผมถามคุณแม่
“แย่มาก แม่อดเป็นห่วงไม่ได้ ต้องบังคับให้กินข้าวตลอด แต่พอกินก็กินไปแค่คำสองคำ แม่ไปพูดกับพายรายนั้นก็นิ่ง บอกแค่ให้แม่ช่วยดูเขาหน่อยถ้าเขามาที่นี้ ทิฐิสูงเหลือเกิน แม่กลัวว่าภีมจะไม่ไหวเอานะ” น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความสงสารเวทนา
“แล้วแม่คิดว่าจะทำไงดีคับ” พี่พลถาม เหมือนถามหาความเห็นมากกว่า
“แม่ก็รอเรามาคุยกันเนี่ยแหละว่าจะเอายังไง พายก็ท้องอยู่แม่ก็ไม่กล้าขัดมากเป็นห่วง ส่วนภีมแม่ก็สงสารจับใจ”
“ผมจะไปคุยกับภีมคับ แล้วดูว่าภีมจะทำไงถ้ารู้ว่าพายท้อง”
“อืมก็ดี ไปเถอะ คุยเสร็จแล้วพามากินข้าวด้วยนะลูก” คุณแม่บอกพี่พลกับผม ก่อนจะเดินไปหาภีมที่ท่าน้ำ
ผมมาถึงท่าน้ำก็เห็นภีมนั่งเหม่อลอยอยู่ เขาดูไม่มีเค้าของโคตรเดือนอยู่เลยจริงๆ เสื่อยืดกางเกงยีนส์ กับร่างกายที่ดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด หน้าตาก็โทรมมีแค่เครา ดูอิดโรย เหมือนคนไม่ค่อยได้นอน ผมก็เซอๆดูไม่ได้เอาซะเลย
“ภีม” พี่พลเป็นคนทัก ภีมหันมามองอย่างเชื่องช้า
“คับ” เขาตอบรับนิ่งๆ
“ทำไมถึงยังรอพายอยู่ละ” พี่พลพูดขณะนั่งลงฝั่งตรงข้ามที่ศาลาริมน้ำ
“ผมรักพี่พาย”
“แต่นายก็มีอะไรกับคนอื่นไม่ใช่หรอ” พี่พลถาม
“เปล่าคับ ผมไม่ได้มีอะไรกับดาราคนนั้น” ภีมตอบอย่างหนักแน่น
“แล้ววันนั้นเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่พี่กับพายเห็นมันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่หรอ” ผมถามภีม
“วันนั้นผมไม่ได้มีอะไรกับมายจริงๆคับ เขาขโมยคีย์การ์ดห้องไปจากผม เขาแกล้งล้มทับผมตอนที่ทำงานแล้วแอบหยิบคีย์การ์ดไป ตอนนั้นผมไม่ได้ฉุกคิดอะไร แค่คิดว่าทำหายไปเฉยๆ แล้ววันนั้นมายก็ใช้คีย์การ์ดที่ขโมยไปเข้ามาตอนที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่พอดี พอผมหันมาเห็นมายก็เห็นพี่พายยืนอยู่แล้ว ทั้งหมดไม่มีอะไรเลยจริงๆนะคับ หลังจากนั้นผมก็ไล่มายออกจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัททั้งหมด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกันอีก” ภีมพูดอธิบายอย่างจริงจัง
“แล้วที่มีข่าวมาตลอดละ ว่าไปเที่ยวกัน ไปดูหนังกัน” ผมถาม
“เป็นแค่ข่าวที่มายปล่อยออกไปเท่านั้น นอกจากเรื่องงานผมไม่เคยไปไหนมาไหนกับมายเลยนะคับ”
“พี่จะแน่ใจได้ไงว่ามันเป็นเรื่องจริง” พี่พลถาม
“เช็คข่าวตอนนี้ก็ได้คับ ผมจัดการมายให้ออกไปจากชีวิต และทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับผมแล้ว และเลขาพี่ชายผมก็เป็นพยานได้ว่าผมไม่มีอะไรกับมายจริงๆ”
“พี่เชื่อเรา” พี่พลบอกหน้านิ่ง
“แต่...” ผมยังไม่อยากเชื่อ พอจะพูดอะไรพี่พลก็ห้ามผมไว้ซะก่อน
“ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้คนเดียวที่ผมรักก็คือพี่พาย ไม่มีวันเปลี่ยนใจคับ” ภีมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มั่นใจ และจริงจัง
“ที่พี่มาคุย ไม่ใช่แค่เรื่องที่เข้าใจผิดกัน แต่พี่มีเรื่องที่จะต้องบอกภีม” พี่พลบอกก่อนจะทำหน้าดูจริงจังมาก
“คับ”
“พายท้อง”
“ท้อง!!!” ภีมดูตกใจ แต่ก็นิ่งไปเหมือนใช้ความคิด
“ตอนนี้ก็ท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว” พี่พลบอกต่อ
“แต่พี่พายเป็นผู้ชาย” เสียงภีมยังคงสับสน
“พี่คงไม่ต้องบอกนะว่าพายท้องกับใคร” พี่พลพูดเสริม
“กับผม? พี่พายท้องกับผมหรอคับ” ภีมพูดทวนคำตอบอย่างสับสน และดูตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
“เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณสองปีก่อน ที่พวกเรามาเที่ยวที่บ้านพายกัน ตอนนั้นหวานก็มาด้วย แล้วตอนที่พายเมาหวานก็แอบฉีดสารที่ใช้ในการทดลองให้พาย หวานแอบขโมยสารมาจากลูกพี่ลูกน้องที่ทดลองเรื่องนี้อยู่” ผมอธิบาย
“ตอนนั้น ที่พี่พายปวดท้องตอนเช้าเพราะแบบนี้หรอคับ” ภีมถาม
“ใช่ พายเลยท้องได้” ผมตอบภีม
“ถ้าพี่พายท้องกับผม ผมก็ยิ่งต้องอยู่กับพี่พาย ให้ผมเจอพี่พายเถอะนะคับ” ภีมดูร้อนร้นขณะขอร้องผมกับพี่พล
“พี่จะพาเราไปเจอพาย พูดทุกอย่างที่ต้องพูด พายก็ใจอ่อนลงมากแล้ว ไม่งั้นคงไม่ตั้งชื่อลูกให้คล้ายชื่อพ่อขนาดนั้น” พี่พลบอก
“พี่พายตั้งชื่อลูกแล้วหรอคับ ผู้หญิงหรือผู้ชายคับ” ภีมดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ผู้ชาย พายตั้งชื่อว่า ภาม” ผมบอก
“ภาม” ภีมเอ่ยก่อนจะยิ้มออกมา เขาดูกลับมาเป็นโคตรเดือนที่ยิ้มง่ายเหมือนเมือก่อนในทันที
“แล้วพี่พายอยู่ที่ไหนคับ” ภีมถาม
“ฝั่งนู้น” พี่พลบอกพลางชี้ไปที่เกาะกลางแม่น้ำฝั่งตรงข้าม
“พี่พายอยู่ที่นั้นหรอคับ ผมเฝ้าตามหาพี่พายมาตลอดสี่เดือน เขากลับอยู่ใกล้แค่นี้” ภีมพูดก่อนที่จะมองไปที่ฝั่งนั้นด้วยสายตาห่วงหาอาทร
“มาสิเดี๋ยวพี่พาไปเรือนบุหลัน” พี่พลบอกก่อนจะเดินไปที่เรือ โดยมีผม และภีมตามไป
“เรือนบุหลัน?” ภีมถาม ขณะที่พี่พลพายเรือออกมาจากท่า
“เกาะกลางน้ำนั้นเป็นพื่นที่ของครอบครัวพี่เหมือนกัน บนนั้นจะมีเรือนไม้หลังหนึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยคุณย่าทวด และตั้งชื่อว่าเรือนบุหลัน ร่มเย็น เงียบสงบ พายก็ดูชอบมากเหมือนกัน” พี่พลเล่าให้ภีมฟัง
“ชื่อเพราะจังนะคับ แล้วเราต้องพายเรืออ้อมไปหรอคับ” ภีมถามเพราะเราไม่ได้พายเรือไปจอดตรงๆ
“ท่าเรือของเรือนบุหลันกลางน้ำอยู่ด้านหลังไปทางแม่น้ำอีกสาย” ผมบอกก่อนที่เรือจะแล่นผ่านจนถึงด้านหลัง มีร่มไม้สูงตลอดทาง ดูร่มเย็นมาก เพราะแสงส่องผ่านไม่เยอะเท่าไหร่
พอมาถึงท่าน้ำ พี่พลกับผมก็ขึ้นมาผูกเรือไว้กับท่า ส่วนภีมตามขึ้นมาที่หลังก็มองสำรวจรอบตัว
“ทางเข้าของแม่น้ำสายนี้ดูลึกลับน่าดู พี่พายอยู่คนเดียวที่นี้หรอคับ” ภีมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ใช่ แต่ไม่ต้องห่วงว่าไม่ปลอดภัย ที่แถวนี้ยังเป็นที่ของที่บ้านพี่อยู่ ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก” พี่พลบอก
“เราจะไปส่งภีมที่เรือนบุหลันไหมคับ” ผมถามพี่พล
“ส่งแค่นี้แล้วกัน ภีมเดินขึ้นบันไดตามทางไปก็เจอเรือนบุหลันแล้ว ถึงจะดูเหมือนเป็นป่า แต่ไม่ได้กว้างอย่างที่คิดหรอก” พี่พลบอกภีม
“ของคุณคับพี่พล พี่กิต” ภีมบอกก่อนจะเดินขึ้นไป ส่วนผมก็ทำท่าจะขึ้นเรือ แต่ก็โดนพี่พลดึงไว้ซะก่อน
“อะไรคับ” ผมถาม
“ไปแอบดูกัน” พี่พลบอกยิ้มๆ
“ไหนบอกจะให้ภีมไปเอง” ผมถาม
“แต่พี่ไม่ได้บอกว่าจะไม่แอบดูนิ” พี่พลบอกก่อนจะจูงผมแอบตามภีมไปติดๆ โดยไม่ให้เข้ารู้ตัว
ภีมหยุดอยู่ที่หน้าเรือน มองไปเขาก็จะเห็นพายนอนหลับอยู่ตรงชานระเบียง โดยมีพัดลมพัดให้ผมปลิวเล็กน้อย ยังกับดูฉากสวยๆของละครอยู่ยังไงยังงั้น
“พี่พาย” ภีมเรียกชื่อพายออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังก็รู้ว่าเต็มไปด้วยความคิดถึง แต่พอภีมจะเดินเข้าไปพี่หมอนัทกับพี่เจนนี่ก็เดินออกมา ภีมเลยรีบหลบข้างทาง เขาคงไม่อยากเจอพายพร้อมคนอื่น
“พายคับ” พี่หมอแตะตัวพายเบาๆเป็นการปลุก แต่สายตานี่บอกได้เลยว่าไม่มีใครดูไม่ออกว่าชอบพายมากแค่ไหน
“ปล่อยน้องนอนไปก่อนก็ได้ นี่ก็ท้องโตมากแล้ว” พี่เจนนี่บอก
“เราจะกลับกันเลยหรอ กูอยากอยู่กับน้องเขาอีกหน่อย” พี่หมอนัทพูดซะผมจะอ้วกเลย น้ำเสียงเลี่ยนๆยังไงไม่รู้
“มึงเป็นแค่หมอนะ ไม่ใช่ผัวน้องเขา” พี่เจนนี่ว่าไปทีคับ
“แต่น้องเขาก็ไม่มีผัวนี่ กูก็มีสิทธิสิวะ” พี่หมอนัทพูดอย่างมั่นใจ
“ใครว่าไม่มีคับ เป็นหมอพูดแบบนี้กับคนไข้ ดูไม่มีจรรยาบรรณเลยนะคับ” ภีมที่คงทนไม่ไหว เดินเข้าไปหา
“จะมีเรื่องเปล่าเนี่ย ไปห้ามไหม” ผมถามพี่พล
“ดูสถานะการณ์ไปก่อน อย่าพึ่งเข้าไป” พี่พลบอกอย่างใจเย็น
“น้องเป็นใครคับ” พี่หมอนัทถาม
“ผมก็เป็นสามีพายไงคับ” ภีมพูดอย่างมั่นใจ
“สามี!!!” พี่หมอนัทกับพี่เจนพูดพร้อมกัน ด้วยความที่สองคนนี้พูดเสียงดัง พายเลยตื่นเลยคับ
“มีอะไรหรอคับพี่หมอ พี่เจนนี่” พายถามสองคนนั้น่ก่อนจะมองมาเห็นภีม
“ภีม!!!”
“คับผมเอง” สิ้นคำภีมสายตาพายก็เต็มไปด้วยความห่วงหาอย่างปกปิดไม่มิด ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น
“มาที่นี่ได้ไง” พายถาม
“พี่พลกับพี่กิตพามาคับ” ภีมบอก
“พี่พลกับไอ้กิตหรอ!!!” พายดูตกใจที่ภีมบอกแบบนั้น
“อย่ามาโกหก พี่ไม่เชื่ออะไรเราอีกแล้ว” พายพูดทั้งๆที่น้ำตาคลอ
“ฟังผมอธิบาย ให้โอกาสผมหน่อยนะคับพี่พาย” ภีมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“ไม่ พี่หมอนัทพาพายเข้าเรือนทีคับ” ไอ้พายมันกำลังดึงพี่หมอนัทมาร่วมในเรื่องวุ่นๆซะแล้ว
“ให้สามีเขาพาเข้าไปดีกว่าคับคุณหมอ” พี่พลอยู่ดีๆก็เดินออกไปโดยไม่บอกผมสักคำ
“พี่พล” พายเรียกชื่อพี่มันเหมือนกำลังจะถามว่าเข้าข้างภีมทำไมอะไรแบบนั้น
“เรื่องของคนสองคน คนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่ง จริงไหมคับคุณเจนนี่ คุณหมอนัท” พี่พลมองสองคนนั้นเหมือนกับจะให้รู้ว่ากำลังทำตัวเป็นส่วนเกินอยู่
“เออ คะๆ คุณพลก็พูดถูก งั้นเจนนี่กับนัทต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ” พี่เจนนี่พูดก่อนจะลากพี่หมอนัทออกไปด้วยกัน พอสองคนนั้นเดินไปจนลับตา พี่พลก็เดินขึ้นเรือนไปหาพาย
“ภีมมาพยุงพายเข้าไปข้างในสิ” พี่พลหันมาเรียกภีม
“พี่พล” พายเรียกพี่พลด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ก็อยากเข้าไปข้างในไม่ใช่หรอ” พี่พลว่า
“ไม่อยากเข้าแล้ว”พายดูท่าจะเริ่มงอนละคับ ตั้งแต่ท้องเนี่ยมันทำตัวเป็นเด็กๆเลย
“งั้นก็คุยกับภีมตรงนี้”
“มะ...”
“อย่าปฏิเสธ โตแล้วนะพาย กำลังจะเป็นแม่คนแล้วด้วย ใช้เหตุผลฟังภีมอธิบายก่อน” พี่พลดุพายไป พายก็ยิ่งทำท่างอนคับ ผมอดส่ายหน้าในความงี่เง่าของมันไม่ได้จริงๆ
“ไปกันกิต ให้สองคนนี้เขาปรับความเข้าใจกัน” พี่พลบอกแล้วจูงผมออกมาทันที
“ใช้เหตุผลนะพาย ถ้าไม่ฟัง ก็ไม่ต้องออกไปจากเรือนบุหลันทั้งคู่เนี่ยแหละ” พี่พลพาผมมาขึ้นเรือ แล้วก็ปลดเชือกเรืออีกลำที่จอดไว้สำรอง ก่อนจะพายเรือและลากเรือสำรองที่พึ่งปลดเชือกไปออกมา คราวนี้ท่าเรือของเรือนบุหลันก็ไม่มีเรือให้เข้าออกได้อีก
“แน่ใจว่าจะทิ้งสองคนนั้นไว้แบบนี้อะพี่” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
“วิธีนี้เท่านั้น สองคนนั้นถึงจะคุยกันได้สักที” พี่พลบอกพร้อมทำหน้าโล่งใจ ผมก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะใช้ความรักคุยกันมากกว่าใช้อารมณ์...
TBC...