ตอนพิเศษสั้นๆ ในวันแม่
สวัสดีครับ ผมจิระ ไม่เจอกันนานเลย คิดถึงกันรึเปล่า
ชีวิตคู่ของผมกับเตโชก็ปกติกันดีครับ แต่ที่ไม่ปกติ คือวันนี้เป็นวันแม่...
ผมไม่มีแม่ให้กราบ เลยคะยั้นคะยอให้เตโชกลับบ้านสักที เห็นเขาเงียบๆ ตอนแรกนึกว่ามีปัญหากับที่บ้าน ไม่อยากกลับไปเห็นหน้า แต่ใครเลยจะคิด ว่าหลังผมพูดกรอกหูเขามาสามวันสามคืน ในวันแม่แห่งชาติ เตโชก็จูงมือผมขึ้นรถ แล้วขับออกมาด้วยสีหน้าปลาตาย...
“จะไปไหนน่ะ!”
“กลับบ้าน” เตโชตอบพลางโคลงศีรษะเล็กน้อย มองผมอย่างงุนงง ประหนึ่งถามว่าบอกให้กลับบ้านก็กลับบ้านไง ทำไมจึงไม่เข้าใจล่ะจิระ
จิระเลยงงมาก
ในความคิดของผม ครอบครัวของเตโชค่อนข้างเข้มงวด ไม่เห็นด้วยกับการเป็นศิลปิน เป็นเหตุให้เขาออกจากบ้านอย่างยาวนานและไม่เคยกลับไปสักครั้ง ฉะนั้นตอนพูดเรื่องนี้ ผมต้องคอยสังเกตอารมณ์ ดูสีหน้า เพื่อไม่ให้เขาได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ
เห็นเขาไม่หือไม่อือไม่ตอบอะไร ก็นึกว่าไม่สำเร็จซะแล้ว
แต่ความจริงคือเตโชตอบรับ(ในใจ)แต่แรก ไม่มีท่าทีไม่พอใจแม้แต่น้อย!
“นาย...ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับการกลับบ้านใช่มั้ย” ผมถามอย่างหวาดๆ ไม่อยากให้คนรักรู้สึกแย่
“เปล่านี่” เตโชโคลงศีรษะไปอีกทาง น้ำเสียงเรียบเรื่อย ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ...ทั้งดีใจ เสียใจ หรือน้อยใจ เตโชไม่รู้สึกอะไรเลย...
“แล้วทำไมนายไม่กลับบ้าน” เมื่อจับอารมณ์โคตรนิ่งของเขาได้ ผมก็โพล่งถามอย่างหงุดหงิด
แต่เตโชนิ่งไปนานมาก
นานจนผมกลัวว่าไปจี้ใจดำเข้ารึเปล่า
ก่อนที่คนหน้ามึนจะพูดออกมาด้วยคำๆ เดียวแสนทรงอานุภาพ
“ลืม”
ครับ เตโชบอกว่าลืม
ลืมกลับบ้าน? ลืมคิดว่าต้องกลับบ้าน? ลืมว่าควรจะกลับตั้งแต่ได้รางวัลถ้วยแรก?
ไม่ว่าจะลืมอย่างไหน แต่ความจริงที่ปรากฏก็คือ...เตโชลืม ลืมใช้สมองประมวลความคิด เพราะในหัวเขามีแต่เรื่องดนตรี วันๆ คิดแต่จะทำเพลง ร้องเพลง แล้วก็กินอาหารฝีมือผม...
แฟนใครติสโคตรๆ
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเตโชก็ได้กลับบ้าน
ผมวาดฝันถึงภาพการพบกันแสนตราตรึงใจ ครอบครัวและลูกชายที่ความเห็นแตกต่าง เมื่อเจอกันอีกครั้งกับความสำเร็จของเตโช ครอบครัวจะต้องอ้าแขนต้อนรับ ชื่นชมภูมิใจ สนับสนุนค้ำชู
นั่นคือในความคิด แต่ในความเป็นจริงนั้น...
“เตโช! กะ...กลับบ้านมาได้ยังไง!”
...ทำไมครอบครัวเตโชถึงต้อนรับลูกชายด้วยประโยคสุดสะพรึงแบบนี้ ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่สะพรึง สีหน้า ท่าทาง ก็สะพรึงเตโชกันหมด ราวตกลงปลงใจกันแล้วว่าเมื่อลูกชายเลือกเดินตามความฝัน ก็ไม่คิดกลับมาอีกแน่นอน...เหมือนนกตัวน้อยที่เป็นอิสระ โผบินไม่เหลียวมองเบื้องหลัง
จะว่าไป...พี่สาวของเขาก็มักเป็นฝ่ายโทรก่อนเสมอ เตโชไม่เคยต่อสายก่อนเลยสักครั้ง
พวกพี่ชายที่เคยแวะเวียนมาดูหน้าผม ก็เป็นฝ่ายนัดแนะกับผมเองโดยไม่คิดรอให้เตโชแนะนำตัวแฟน
สรุปแล้วครอบครัวเขาน่ะไม่มีปัญหา แต่ไอ้ที่เป็นปัญหาคือนิสัยมึนๆ งงๆ ของหมอนี่เนี่ยแหละ!
นึกแล้วก็เหล่คนข้างตัว อยากรู้นักว่าจะสำนึกผิดบ้างมั้ยที่ทำให้ครอบครัวตะลึงกันขนาดนี้ ผลคือ...
“จิระบอกให้กลับ” เตโชชี้นิ้วโบ้ยกันซะงั้น ความกตัญญูอยู่ไหน! จริงอยู่ว่าผมบอกให้เขากลับเพราะผมไม่มีบ้านให้กลับ แต่ก็ไม่ควรจะพูดออกไปโต้งๆ ต่อหน้าพ่อกับแม่มั้ย ถ้าพวกท่านได้ยินจะเสียใจน้ำตาไหลรึเปล่า! ไอ้คนไม่รู้จักกาลเทศะเอ๊ย! เกรี้ยวกราด เกรี้ยวกราดแล้ว!
“อ้อ แบบนี้นี่เอง”
ความเกรี้ยวกราดฟีบในทันใดเมื่อครอบครัวเตโชพร้อมใจกันถอนหายใจดังเฮือก
...เตโชเป็นลูกพวกคุณใช่มั้ยครับผมอยากปราดไปกระชากคอเสื้อแล้วเขย่าๆ ถาม แต่มโนธรรมบอกให้ยับยั้งตัวเองไว้ นั่นคนแก่นะจิระ
“นายออกจากบ้านยังไงเนี่ย” เห็นปฏิกิริยาของครอบครัวสุดพิลึกตรงหน้า ผมก็ดึงๆ เสื้อเตโชให้ก้มตัวมาเล็กน้อยแล้วกระซิบข้างหู
“โดนไล่”
...เดี๋ยวนะ สรุปเตโชไม่ได้ออกจากบ้านเพื่อทำตามความฝัน แต่โดนไล่หรอกเหรอ!?
“ร้องเพลงให้ฟัง แล้วโดนไล่”
“...”
ผมไม่เข้าใจ เตโชร้องเพลงเพราะจะตาย แล้วไหงพอร้องแล้วถึงโดนไล่ หรือว่าร้องเพราะมากจนไล่ให้ไปทำตามความฝัน? แต่เท่าที่เคยคุยกันคือครอบครัวเขาไม่อยากให้เตโชเป็นศิลปินไม่ใช่เหรอ งง ผมงงมาก งงจนหัวหมุนติ้วไปหมดแล้ว!
“จิระหิว”
อ้อ...ไม่ได้งงจนหัวหมุนติ้ว แต่หิวจนหน้ามืดตาลาย
“หิวเหรอจ๊ะ งั้นมากินข้าวกันเถอะ”
เมื่อครอบครัวเตโชได้ยินก็รีบเชื้อเชิญผมเข้าบ้านทันที พวกเรายืนตะลึงกันหน้าประตูเกือบสิบนาที...เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกที่ชวนปวดหัวเหลือเกิน
ผมมองคนหน้ามึนข้างตัวที่โอบไหล่ผมเข้าบ้านเหมือนกลัวหิวจนเป็นลมด้วยสีหน้ามึนๆ อย่างแสนเป็นกันเอง ไม่มีท่าทีเคอะเขิน กระดาก หรือประหม่าเฉกเช่นคนไม่เคยกลับบ้านมาหลายปีแล้วก็กุมขมับ
ยอมเดินเข้าบ้านไปด้วยความสงสัยจุกอกโดยไม่ทันสังเกตแม้แต่น้อยว่าวินาทีที่เท้าของคนรักเหยียบเข้ามาในบ้าน ริมฝีปากของคนหน้าตายก็ยกยิ้มขึ้นจางๆ...
กลับมาแล้วครับ
----------------
สวัสดีค่ะ เป็นตอนพิเศษสั้นๆ ที่นึกขึ้นมาได้แบบมึนๆ เบลอๆ พอๆ กับเตโชว่า เอ๊ะ เรื่องจิระเตโชยังไม่กลับบ้านเลยนี่หว่า ก็เลยออกมาเป็นตอนนี้ที่โคตรจะมึนสมเป็นเตโชค่ะ ส่วนความเป็นมาตอนเตโชออกจากบ้านที่จิระงงโคตรๆ นั้น...อยู่ในตอนพิเศษเล่มเล็กที่แถมไปในรอบพรีค่ะ เหตุการณ์ก็คือ...เตโชร้องเพลงกวนตีนขณะที่ทุกคนในบ้านกำลังทะเลาะกันเรื่องเตโชจะไปเรียนต่อหรือจะไปเป็นศิลปิน โปรดนึกภาพตาม พ่อแม่คัดค้าน พี่สาวเห็นด้วย ตัวต้นเหตุไม่พูดไม่จา แต่หยิบกีต้าร์มาร้องเพลง...
พ่อแม่เถียงกัน เตโชก็ร้องเพลง...
พี่สาวช่วยพูดให้ เตโชก็ร้องเพลง...
ไม่ว่าใครจะทำอะไร เตโชก็ร้องเพลง แถมเนื้อเพลงกวนตีนมากๆ ด้วย
สุดท้ายทุกคนเลยโมโห ไล่เตโชออกจากบ้านไปไกลๆ ค่ะ แถมพี่ชายยังเป็นคนขับรถมาส่งด้วย 555555555
ปล.เตโชมีพี่ชายสองคน พี่สาวหนึ่งคน
สุขสันต์วันแม่นะคะ <3
เพจนักเขียนมาจะกล่าวบทไปถึงผู้ชาย(หลายคน)ที่เขารักกัน