KO-JAP : ก่อน ก่อกำเนิด ตำนาน
โหมด : ไบเซป
ชีวิตผมขาดสีสัน ทุกวี่ทุกวันผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะคิดว่าจะมีอีกคนอยู่ แต่ก็มีเพียงผมและไอ้ทวิตอยู่ภายในห้อง หรือบางครั้ง ถ้าผมตื่นช้ากว่าไอ้ทวิต ก็กลายเป็นว่ามีผมคนเดียวอยู่ในห้อง ทั้ง ๆ ที่พยายามลืม ผมย้ายขึ้นมานอนบนเตียงเหมือนเดิม แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าฟีนิกซ์ยังคงอยู่ที่นี่ และหลายครั้งที่ผมเผลอหยิบเอาที่นอนปิ๊กนิกมาปูบนพื้น
นี่ผมเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่านะ
นาฬิกาตอนนี้บอกเวลา หกโมงเช้า ผมบิดขี้เกียจพลางลุกไปเข้าห้องน้ำทำกิจวัตประจำวัน ตอนนี้ก็เข้าสู่เทอมที่สอง เวลาผ่านมาเกือบสี่เดือน เอ๊ะ! หรือห้าเดือนกันนะนับตั้งแต่ฟีนิกซ์ถูกส่งตัวกลับญี่ปุ่น มีข่าวหลากหลายหลุดออกมาจากแหล่งข่าวทั้งเชื่อถือได้และไม่ได้ บางกระแสบอกว่าไอ้ฟีนิกซ์ถูกใส่ร้าย บางกระแสบอกว่าเพราะหนีเกมป๊อกกี้ที่ตัวเองจะต้องลงแข่ง บางกระแสบอกว่า เพราะรับไม่ได้ที่ต้องไปจูบกับไอ้ทวิต หรือแม้แต่กระแสที่มันสุดแสนจะน่าขำก็คือ นี่เป็นกลลวง
ผมไม่รู้ว่าไอ้พวกนี้มันคิดกันได้ยังไง แต่ผมก็นั่งฟังขำ ๆ ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อกระแสไหนดี เกมป๊อกกี้เป็นอันว่าคู่ตัวแทนของภาคกลางถูกยกเลิก หลายคนบ่นว่าเสียดาย แต่กลับกัน ไอ้ทวิตนี่ยิ้มหน้าระรื่น
ผมจะเล่าให้ฟังว่า คืนวันที่ฟีนิกซ์ถูกลากตัวกลับ ทันทีที่รถของท่านคณบดีเคลื่อนตัวออกไปและผมปิดประตูหน้าบ้าน จนสิ้นฐานะโฮสของนักศึกษาแลกเปลี่ยน ผมเดินขึ้นชั้นบน รื้อผ้าปูเตียงออกมาทิ้งลงที่ตระกร้าผ้ารอซัก เพราะมันมีคราบอันไม่พึงประสงค์เลอะไปหมด จากนั้นก็โทรไปร้องห่มร้องไห้กับไอ้ทวิตราวกับคนบ้า
เราสองคนคุยโทรศัพท์อยู่นานเกือบสามสิบนาที ผมก็ยังไม่หยุดร้องไห้ จนอีกฝ่ายต้องรีบบึ่งรถมาบ้านผมอย่างรวดเร็ว โดยมันให้ข้ออ้างว่ากลัวผมฆ่าตัวตาย (ดูมันคิด) แต่พอมันมาบ้านผม ก็ใช่อยู่ว่ามันมาอยู่เป็นเพื่อน มันเปิดเพลงของบอยแบนด์เกาหลี เกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอตอย่าง Girls Gen หรือแม้กระทั่งวงที่ผมภูมิใจที่สุดอย่าง 2PM ที่มีคนไทยอย่างนิชคุณอยู่ในวง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิอาจเรียกความสดใสร่าเริงของผมกลับมาได้
เอาจริง ๆ คือผมตายซากเรียบร้อยแล้ว
ผมกำลังตายซากกับไอ้หนุ่มเจร็อค =[]=!!!!
ช่วงเวลาที่กำลังหดหู่จนถึงขีดสุด เสียงของหนุ่ม ๆ 2PM ที่กำลังร้องเพลงดังออกมาจากลำโพงข้างจอทีวี มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แถมยังต้องมาเจอไอ้ทวิตนั่งกดมือถือไอโฟนต๊อก ๆ แต๊ก ๆ ให้รำคาญลูกกะตา สุดท้ายผมก็ระบายความเครียดด้วยการคว้าเอามือถือไอ้ทวิตขึ้นมาแล้วเหวี่ยงติดฝา หน้าตาอีกฝ่ายนี่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด มันทำปากพะงาบ ๆ แล้ววิ่งไปดูสภาพมือถือของมันอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกที มือถือของมันก็เปิดไม่ติด เอาเป็นว่ามันพังไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผมไม่เข้าใจว่า มันจะยิ้มทำห่าอะไร
“ยิ้มอะไรของมึง” ผมถามมันแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา กดปิดเพลง 2PM
“ขำ” มันตอบสั้น ๆ พลางบิดขี้เกียจ ผมคร้านจะต่อปากต่อคำก็เลยไล่มันกลับ แต่ไอ้นั่นก็หน้าด้านไม่กลับครับ มันบอกว่าจะอยู่นอนเป็นเพื่อนผม
“มือถือมึงเป็นไงบ้าง” ผมถามมันเมื่อเข้ามาถึงห้องนอน และมันกระโดดขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว
“พังแล้ว”
“มึงไม่โกรธเหรอ”
“ไม่ล่ะ ทวิตเข้าใจว่าไบเซปกำลังโกรธ” =.=” อะไรของมึงไอ้คุณหนู มือถือมึงทั้งเครื่องนะเว้ย ต่อให้มึงจะรวยล้นฟ้า แต่โกรธกูหน่อยก็ดี
“ข้อมูลข้างในจะไม่หายเหรอ”
“ไม่หรอก ทวิตมีไอคราว เอาไว้เก็บข้อมูล ข้อมูลมันอยู่บนอากาศ ต่อให้เครื่องพัง เดี๋ยวโหลดกลับมาก็ได้ ท่านศาสดาคิดค้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ Apple’s user โดยเฉพาะเชียวนะ” เอ่อ โอเค กูเข้าใจแล้ว แต่ทำไมมึงต้องกล่าวถึงคำว่า ศาสดา ให้กูได้ยินด้วยวะ แมร่ง ยิ่งเคือง ๆ อยู่ด้วย
“นอนเหอะ”
“ราตรีสวัสดิ์”
“ทวิต”
“หือ?”
“ทำไมมึงร่าเริงได้ ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเศร้า”
“เรื่องมันยังไม่จบ ทำไมต้องเศร้าด้วยล่ะ”
“หมายความว่าไงวะ”
“หมายความตามนั้นแหละ”
“กวนตีน”
“อ่าาาาาา ใจร้ายจัง”
“ทวิต”
“ห๋า?”
“เป็นมึงนี่ดีจังเลยเนอะ”
“หือ?” มึงเลิกส่งเสียงแบบนี้ได้มะ กูขอร้อง
“กูนี่เป็นโฮสที่ไม่ดีเลยเนอะ”
“ไม่ใช่หรอก”
“ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ”
“ใช่ ๆ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ” =.=” ตกลงมึงจะเข้าข้างกู ให้กำลังใจกู หรือจะด่ากู เอาให้แน่ซิ
“ทวิต”
“What?” เออ ไอ้เด็กอินเตอร์
“มึงว่าไอ้ฟีนิกซ์จะได้กลับไทยไหมวะ”
“ได้สิ”
“หือ?” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายส่งเสียงไม่เข้าใจ
“ฟีนิกซ์ไม่ได้เป็นพวกก่อการร้ายข้ามชาตินิ แค่ถูกส่งตัวกลับเพราะประพฤติไม่เหมาะสมในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยนเฉย ๆ ยังไงก็เข้าประเทศได้อยู่แล้ว”
“อืมมม นั่นสินะ”
“ใช่แล้ว แบบนั้นแหละ”
“ทวิต”
“อะไรเหรอ?” เปลี่ยนไปเรื่อยอ่ะมึง
“ขอบคุณมากนะ”
“ช่างมันเหอะ”
“ขอโทษที่ต่อว่ามึงหลาย ๆ อย่าง”
“เข้าใจน่าว่าหึง” ผมรีบหันควับไปมองมันที่นอนตะแคงหันหน้ามาหาผม งานนี้ผมผลักหัวมันเต็มแรง
“พูดอะไรของมึง”
“ฮ่า ๆๆๆ”
“นอนได้แล้ว!!!”
“คร้าบบบบบบบบบ~~~!!!”
และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ไอ้ฟีนิกซ์ถูกพาตัวออกไปแล้ว นับจากนั้นผมก็ตายซากอยู่ราว ๆ เดือนกว่า ๆ และไอ้ทวิตก็แทบจะย้ายบ้านมาอยู่บ้านผม เพราะมันมาค้างเป็นเพื่อน การบ่งการบ้านมันก็เอามาทำที่บ้านผม ตอนอยู่คณะ พักเที่ยงก็อุตส่าห์เดินข้ามถนนมากินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนทุกวัน หรือแม้แต่ตอนที่มันเลิกเรียนก่อน ก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจมานั่งรอเพื่อที่จะกลับบ้านพร้อมกัน
อย่างน้อยสุดท้ายแล้ว ก็มีมันนี่แหละที่อยู่เป็นเพื่อน
อาการตายซากของผมเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ บทเพลงเกาหลีเริ่มทำให้ชีวิตผมกลับมามีสีสัน ยิ่งมีวงเด็กใหม่ผุดขึ้นมาทั้งชายและหญิงยิ่งทำให้หัวใจของผมกระชุ่มกระชวยและเริ่มที่จะลืมเรื่องของไอ้ฟีนิกซ์ได้บ้าง ช่วงที่สอบปลายภาคของภาคเรียนที่หนึ่งผมทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากจิตใจที่ยังไม่คงที่ แต่ผมก็คิดว่าทำได้เยอะอยู่
ช่วงปิดเทอมสั้น ๆ ก็ออกไปเที่ยวพักตากอากาศกับไอ้ทวิต เอาง่าย ๆ เรียกได้ว่าผมลืมไอ้ฟีนิกซ์เกือบจะทั้งหมดแล้วครับ มีบางช่วงที่คิดถึงบ้าง แต่ก็ไม่นาน ผมไม่สนใจว่าทำไมอีกฝ่ายมันถึงไม่ส่งข่าวกลับมาเลย เพราะคิดว่ามันคงจะสำนึกที่ทำตัวเป็นปัญหา ซึ่งแบบนั้นมันก็ถือว่าโอเคนะ ถ้าเหตุการณ์นี้จะช่วยเปลี่ยนนิสัยบ้า ๆ บอ ๆ แปลก ๆ ของมันได้บ้าง
ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้ากระจก มองดูการแต่งตัวของตัวเองว่าเข้าที่หรือยัง เสียงเจี้ยวจ้าวแต่เช้าของไอ้ทวิตเรียกให้ผมลงไปกินข้าว เอ่อ ผมยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่ามันทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดีระหว่างที่พักอยู่บ้านผมครับ อาหารที่มันทำนี่รสเลิศทั้งนั้น จนผมแอบสงสัยว่า ผู้ชายบอบบางอย่างมันทำอาหารเป็นด้วยเหรอ
ผมเดินลงมาชั้นล่างแล้วนั่งลงยังที่นั่งประจำบนโต๊ะกินข้าว แต่ผมก็ชะงักทุกครั้งที่มายังสถานที่นี่ ก็จะอะไรอีกเล่าาา!!! ภาพเหตุการณ์วันนั้นมันยังสดใหม่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยนะ ภาพที่่ร่างเปลือยเปล่าของผมถูกวางบนโต๊ะ แล้วไหนจะภาพเหล้าที่ถูกส่งเข้าปากอีก 0.0!!!! เรียกได้ว่ากินข้าวไม่อร่อยล่ะครับ
“ทวิตมีคำถามอยู่คำถามหนึ่งที่อยากจะถามมานานแล้ว” เสียงของไอ้ทวิตส่งมาจากอีกฟาก มันทำหน้าตาแอ๊บแบ้ว แล้วยิ้ม
“อะไร”
“ทุกครั้งที่ลงมากินข้าว ไบเซปชอบหน้าแดง”
ห่า!! รู้อีกว่ากูหน้าแดง =.=” ผมมองค้อนมันครั้งหนึ่งแล้วไม่ตอบคำถาม ก็ใครมันจะกล้าบอกละว่ากูเคยมีอะไรกับไอ้หัวหนามที่นี่!!! อ๊าคคคคคคคคค รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
ผมรีบยัดข้าวเข้าปากในขณะที่เสียงหัวเราะฮิฮิของไอ้ทวิตดังออกมาให้ได้ยิน
“รีบกินข้าวเว้ย วันนี้เปิดเทอมวันแรก” ผมทำเสียงดุ อีกฝ่ายตอบรับขำ ๆ แล้วเร่งกินข้าวตามที่ผมบอก
“ของมึงมีเรียนเลยหรือเปล่า” ผมถามไอ้ทวิต
“ไม่น่ะ ปฐมนิเทศเฉย ๆ” อีกฝ่ายตอบพลางยัดข้าวเข้าปาก
“เออ ของกูก็เหมือนกัน น่าจะเสร็จก่อนเที่ยง”
“อืมมมม ของทวิตมันแล้วแต่สาขาวิชาแฮะ ตอบไม่ได้ด้วยสิ”
“เออ ถ้าเสร็จแล้ว หรือยังไงก็โทรบอกกูด้วยล่ะ”
“ครับผม!!!”
ขณะนี้เวลาเกือบจะแปดโมงเช้า ผมขับรถมาจอดที่คณะศึกษาศาสตร์เพื่อที่จะส่งไอ้ทวิต หลังจากที่เพื่อนยามทุกข์(?) เดินลงจากรถไปแล้ว ผมก็ขับรถเข้าคณะ วันเปิดเรียนของภาคเรียนที่สอง เด็กคณะมนุษย์ก็ยังคงมาน้อยนิด แถมไอ้พวกที่มาก็แต่งตัวได้ถูกระเบียบมว๊ากกกกกกกกกก (ประชด) ก็เข้าใจอยู่นะว่าเรียนมนุษย์ไม่ใช่ศึกษาศาสตร์ที่จะต้องแต่งตัวให้ถูกระเบียบ แต่ว่า วันนี้มันวันปฐมนิเทศนะเว้ยเฮ้ย!!!!
ผมบ่นอยู่คนเดียวเป็นผู้เฒ่าหัวล้าน เดินวนหาห้องปฐมนิเทศของภาควิชาภาษาเกาหลี เมื่อเจอก็ก้าวเข้าไปในห้อง แล้วนั่งแหมะยังที่นั่งหลังสุดของห้อง เพื่อนก็เริ่มเดินเข้ามาก็ทักทายผมตามมารยาท เพราะหลังจากที่เด็กในความดูแลของผมไปต่อยกับรุ่นพี่ คนที่สาขาก็เริ่มที่จะมองว่าผมไม่มีความรับผิดชอบ
ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะเป็นตัวผมที่ผิดจริง ๆ
ผมนั่งรอจนกระทั่งเวลาประมาณแปดโมงสิบนาที อาจารย์ก็เข้ามาในห้อง และเริ่มแจกเอกสาร
“เอ่อ...มาครบทุกคนหรือยัง” อาจารย์คนเกาหลีเอ่ยขึ้น สำเนียงภาษาไทยแบบแปร่ง ๆ
“ครบครับ” เสียงเพื่อนในห้องพูด
“งั้นอาจารย์จะเริ่มอธิบ....” พูดยังไม่จบ ประตูห้องด้านหน้าก็เปิดผ่างออกอย่างไม่มีสัญญาณเตือนก่อน อาจารย์ที่นั่งอยู่กับเก้าอี้ออกอาการผงะอย่างเห็นได้ชัด เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่แถวหน้าบางคนถึงกับลงไปหมอบกับพื้น ราวกับหลบกับระเบิดก็ไม่ปาน คนทั้งห้องที่ตกใจก็มีส่งเสียงบ้าง โดยเฉพาะพวกผู้หญิง หลายคนทำปากขมุบขมิบบ่นถึงการเสียมารยาทตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอม ส่วนตัวผมนั้น
...ตาถลน
____
ศิลปินที่เกี่ยวข้องในตอนนี้
2PM [Korea] -
http://bit.ly/HqB7a2