เดือนเกี้ยวเดือน #37 พาร์ทของโฟร์ท
นี่คือหน้าเฟสบุ๊คของบีม
หมอก็คือหมอแหละวะ จะเที่ยวเล่น จะบ้าจะบอเพลย์บอยขนาดไหน เฟสบุ๊คแม่งก็ไม่อัพเดทเอาเสียเลย โพสต์ล่าสุดคือตอนที่บีมไปนั่งดริ๊งที่ร้านหรูกับเพื่อนหมอเถื่อนของมันเมื่อเดือนที่แล้ว ผ่านไปแล้วประมาณสิบห้าวันเห็นจะได้
ผมเพิ่งแยกจากบีมเมื่อกี้ เขามาส่งผมที่คณะ ไอ้ผมก็พยายามหว่านล้อมต่างๆนานาให้เขาไปกินไอติมกับผมต่อ แต่เขาก็เอาแต่เอ็ดผมว่าหน้าผมกำลังจะบวมแล้วยังจะกินของเย็นๆอีก ไอ้เราถึงแม้ว่าอยากจะไม่แยกจากเขา ก็ต้องทำตามเมียในอนาคตของเราบอก(เอ๊ะ ผมคิดว่ากำลังมีคนหมั่นไส้ผมนะ) หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับหอ โดยที่ผมขับมอเตอร์ไซค์ตามรถยนต์ของเขาไปตลอดทาง โชคดีมากที่บีมไม่ไล่ตะเพิดผมเหมือนเมื่อหลายวันก่อน
จากที่ผมหายไปจากชีวิตเขาไปห้าวัน กลายเป็นว่าในทุกๆวันผมถึงกับเป็นพวกบ้าคลั่งเขา การเข้าเฟสบุ๊คของบีมทุกครั้งที่ผมออนคือสิ่งแรกๆที่บอกว่าผมบ้าคลั่งเขา
ผมก็พูดเวอร์ไปนั่นแหละครับ แต่มันก็เหมือนอยากที่พูดอ่ะ ลักษณะท่าทางภายนอกของผมอาจจะเป็นไอ้โฟร์ทสไตล์เถื่อนดิบทั่วไป แต่ในหัวผมเนี่ยดิ
เต็มไปด้วย บีม บีม บีม และก็บีม
จนผมนึกขึ้นเลยว่าตอนรู้สึกกับน้องโยมันไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ เออ โยตอนนั้นผมอาจจะชอบ เป็นห่วง ไม่รู้สิ น้องมันดูไม่สบายใจและผมก็อยู่เห็นทุกครั้ง เห็นแล้วมันอยากดูแล โยมันเป็นห่วงน่าดูแลน่ะครับ
แต่กับบีม...ไม่ได้มีท่าทางน่าดูแลเลยสักนิด ดูก็รู้ว่าดูแลตัวเองได้(ผมจำลูกถีบของบีมได้จนติดตา ถ้าได้เป็นแฟนกัน ผมจะไม่กลับดึกเด็ดขาด) ตัวก็สูงใหญ่(แต่ผมสูงกว่านะ) ไม่ผอมบาง พูดง่ายๆก็คือบีมมันผู้ชายหล่อทั่วไปเลยล่ะครับ
มีอะไรที่ทำให้ผมคิดถึงเขาได้ถึงขนาดนี้นะ
สัมผัส...
เสียงคราง...
ผมไปหาว่าบีมบ้า ผมนี่แหละบ้าเอง เห้อ...เปลี่ยนเรื่องด่วน
ผมถอนหายใจยาวขณะพิมพ์สเตตัส มันช่วยให้ผมได้ระบายความรู้สึกออกมานิดหนึ่ง และถ้าบีมเข้ามาส่องดูเฟสบุ๊คของผมดูล่ะก็...มีแต่เพลงเพ้อๆทั้งนั้นเลย
กูนี่เป็นเอามาก...
คิดถึง อยากเจอหน้า
ผมพิมพ์ไปอย่างตรงกับใจมากที่สุด ไม่นานนักก็มีสาวๆเข้ามาตามกดไลค์เพียบ และก็ตามด้วยเพื่อนของผมที่แม่งขี้แซวชิบหาย สาวๆส่วนใหญ่จะเม้นท์ว่าคิดถึงใครอ่ะ อะไรประมาณนี้ ส่วนเพื่อนผมน่ะเหรอ...
เงี่ยนนักก็ไปเคาะประตูห้องเขาไป๊...
ไอ้สาด ผมนี่พิมพ์ด่าพวกมันแทบไม่ทัน พวกมันแม่งก็โรคจิต พอเห็นผมเป็นเดือดเป็นร้อนก็มาพิมพ์หยาบๆคายๆใส่สเตตัสผมเต็มไปหมด สรุปก็คือผมผิดเองนี่แหละที่เป็นคนเริ่ม แหม สนุกใหญ่เชียวนะพวกมึง
ผมก็กดนั่นกดนี่ไปเรื่อยแหละครับตามประสาคนหาอะไรทำไม่ให้ตัวเองว่าง(แทนที่มึงจะอ่านหนังสือเรียนเนอะ- -) ไม่คิดว่าบีมจะออนเฟสบุ๊คแน่ๆดูจากสถิติการตั้งสเตตัสหรืออัพรูปที่สามเดือนมาหนหนึ่ง เพราะฉะนั้นผมก็เลยส่องดูรูปเก่าๆของเขาต่อไป บีมเป็นคนระวังตัวครับ กิ๊กเยอะ(ผมพอจะจำได้)แต่ไม่ยักกะมีคนไหนได้รับเกียรติได้อยู่ในรูปที่อยู่บนเฟสของมันสักคน
ผมดูไปเรื่อยๆจนกระทั่ง...ผมเจอรูปเขาถ่ายกับผม!
ทำไมก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็นเลยล่ะ...
มันคือรูปที่ถ่ายที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ผมกอดคอบีม บีมก็กอดคอผม อยู่ในเฟรมเดียวกันและในมือแม่งถือแก้วเหล้าคนละแก้ว
ถ่ายตอนไหนผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมจำได้ขึ้นใจพร้อมๆกับกดเซฟลงมือถืออย่างรวดเร็ว บีมเขียนแคปชั่นภายใต้รูปนั้นว่า...
ไอ้สัดนี่ก็หล่อชิบหาย ลดความหล่อลงมามั่ง! #forthbeam
มันผ่านมากี่เดือนแล้ววะ...ผมชอบทั้งแคปชั่น ชอบทั้งแฮซแท็ค ตอนนั้นมันคงแคปชั่นเล่นๆพิมพ์ไปเล่นๆเพราะตอนนั้นผมกับบีมไม่ได้มีอะไรที่ลึกซึ้งต่อกัน เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมวงเหล้ากันเท่านั้น
แต่ตอนนี้ผมปลื้มสิ่งที่มันบรรยายใต้ภาพทั้งหมดนั่นชิบหาย มันทำให้ผมยิ้มและก็เผลอกดไลค์รูปที่ผมควรจะกดไลค์มาตั้งนานแล้ว
หลังจากที่ปลื้มกับรูปในจอ ผมก็เดินไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวนอน ส่องดูใบหน้าแล้วไม่ได้เสียโฉมอะไรมากมีเพียงแค่ปากที่แตกกับรอยฟกช้ำนิดหน่อยเท่านั้น และในระหว่างที่ผมเดินกลับไปที่คอมเพื่อที่จะปิดนั่นเอง...
Beam Baramee ทักเฟสบุ๊คผมมา!
Beam Baramee : มึงจะขุดหาพระแสงไรวะ?!
ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วเมื่อผมเข้าไปดูสิ่งที่บีมกำลังพูดถึงผมก็เข้าใจในที่สุด การที่ผมกดไลค์รูปที่ผ่านไปหลายเดือนมันทำให้ขึ้นหน้านิวฟีดใครหลายๆคน และตอนนี้ทุกคนกำลังปั่นกระแสกันใหญ่ด้วยการคอมเม้นท์ใต้รูปแบบถล่มชนิดที่ว่าเมามันส์กันแบบสุดๆ เช่น...
A : กูบอกแล้วคู่นี้แม่งมีซัมติงกันมาตั้งนานละ (12 likes)
B : เชี่ยโฟร์ทหน้าอย่างฟิน ไม่รู้เมาเหล้าหรือเมากาว (3 likes)
C : พวกมันสองคนกิ๊กกันเหรอวะ? (5 likes)
D : ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง @C (8 likes)
ส่วนใหญ่ก็มีแต่เพื่อนวิศวะของผมที่มันรู้ว่าผมจะจีบบีมกันทั้งนั้น ชิบหายละ ผมอ้าปากค้างอยู่หน้าจอ ทำเหมือนว่าบีมกำลังจ้องมาที่ผมด้วยใบหน้าที่โกรธแบบสุดๆ มันคงไม่อยากให้ใครรู้ล่ะมั้งว่าคนที่แมน(กว่ามัน)กำลังจีบมันอยู่
ผมต้องพิมพ์ตอบแชทไปอย่างรวดเร็ว
Forth Jatu : ก็มันเพิ่งเห็นอ่า...
Forth Jatu : โกรธเหรอ
บีมอ่านครับ แต่ไม่ตอบ รู้สึกเหมือนงานจะเข้าผมยังไงชอบกล ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างซีเรียส ช่วงนี้บีมมันยิ่งชอบหงุดหงิดง่ายอยู่ด้วย สาเหตุมันก็เป็นเพราะผมนั่นแหละ ผมไม่โทษอะไรเขาหรอก
พออ่านแล้วก็เงียบหายไปนานเลยครับ สักพัก...ออฟไลน์! ให้ตายเถอะ อาร์ตชิบหาย อยากง้อแต่ไม่อยู่ให้ง้อนี่ผมควรทำไง
เครียดเลย ไอ้โฟร์ทเครียดเลย...ถ้าผมโทรหาเดี๋ยวก็กลัวว่าเขาจะหาว่าผมเยอะ ตอนนี้ผมบอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยได้เป็นตัวของตัวเองเลย แต่ไม่ใช่ว่าเป็นในทางที่แย่ มันคือทางที่ดี ดีเอามากๆ ยอมมันชิบหาย ยอมเชี่ยบีมอยู่คนเดียวเนี่ย
มันจะเก็บเอาไปคิดป่ะวะ เอ๊ะ...หรือมันอาจจะเอาผมไปด่ากับเพื่อนมันไม่ไอ้คิทก็ไอ้ป่า(หลังๆไอ้คนหลังนี่มันยิ่งชอบทำตัวเป็นพ่อของเพื่อนอีกสองคนประจำ) ก็ดีนะครับ ชื่อผมจะได้ออกมาจากของบีมบ้าง...ไม่ใช่ละมั้ง สติโว้ยสติ!
ในระหว่างที่ผมกำลังชั่งจิตชั่งใจว่าจะโทรหรือไม่โทรดี(ใจจริงแม่งอยากโทรหาชิบหาย) โทรศัพท์ผมก็สั่นครืดคราดอย่างเป็นบ้าเป็นหลังซะก่อน
ตกใจมากนึกว่าผีหลอก...พ่อเชี่ยบีมที่ผมเพิ่งพูดถึงแม่งโทรมา ปกติไอ้ป่าจะไม่ค่อยโทรหาผมนอกจากชวนกันกินเหล้า ยิ่งมันคบกับน้องโยนี่ยิ่งเงียบกริบเลยครับไร้ซึ่งการติดต่อ(กลัวผมจะเข้าหาแฟนมันทางมันหรือยังไง) แต่วันนี้มันโทรมา...หมายความว่าไง
ผมรับสายช้าๆ ปากผมที่ยังแตกๆอยู่เจ็บเบาๆ
“ไง” ผมตอบรับ
“อยู่ไหนวะ” เสียงไม่ได้โหด ไม่ได้หวงของของมันอย่างที่เคยเป็น
“หอ มีไรรึเปล่าวะ” ผมเองก็ปกติกับมันเหมือนกัน ผู้ชายจะที่ถูกคอกันจะทะเลาะกันได้สักกี่น้ำกันล่ะ
“มีเรื่องจะคุยด้วย” น้ำเสียงมันซีเรียสขึ้นมา
“เรื่องอะไร” ผมถามไอ้ป่า “ไม่ใช่เรื่องเมียมึงนะ”
“จะใช่ก็ว่าใช่ รึเปล่าวะ กูไม่รู้” เชี่ยป่า มึงช่วยไปคุยกับตัวเองให้รู้เรื่องก่อนดีมั้ย “เรื่องเพื่อนรักกู...ไอ้บีม...กูต้องคุยกับมึง”
ผมมองดูนาฬิกา ไอ้สัด นี่ก็ปาเข้าไปจะเกือบตีหนึ่งเข้าให้แล้ว ผมเพิ่งกลับมาจากการต่อสู้ที่ตึกคณะและก็การที่บีมพาไปกินข้าวและก็ทำแผลมานะ
แต่มันต้องการเปิดอกคุยอย่างแมนๆกับผม มีหรือที่ผมจะไม่ต้องการคุยด้วย
“เอาสิ ที่ไหนล่ะ...”
“(พี่ป่า...จะไปไหนอ่ะ) แป๊บนะเชี่ยโฟร์ท...ครับ?” เสียงเปลี่ยนเชียวนะไอ้สัด จากที่แมนๆโหดๆคราวนี้อ่อนระทวยย้วยเชียว “(จะไปไหน...ดึกแล้วนะ) เชี่ยโฟร์ทโทรมานัดให้ออกไปกินอ่ะ มันเสี้ยน”
ไอ้หน้าหล่อตอแหลเอ๊ย...พระเอกห่าเหวไรเนี่ย ผมต้องการชิงบัลลังก์พระเอก! แม่งโยนความผิดมาให้เฉยเลย...
“(อ้าวเหรอ...)” เสียงโยนี่มันน่ารักจริงๆ...เห้ย ไม่ได้สิ ผมส่ายหัวไล่ความคิดตัวเองออกไป แป๊บเดียวเสียงบีมก็เข้ามาแทนที่ ถ้าไอ้ป่ารู้ว่าผมชมแฟนมัน มันต้องฆ่าผมแน่ๆ “(ไปไหนอ่ะ ไปด้วยได้มั้ย...ขี้เกียจอ่านหนังสือ) เห้ย ไม่ได้ มะรืนมีสอบไม่ใช่เหรอ (ขี้เกียจอ่ะ) ไม่ได้ เทอมแรกต้องทำเกรด มิดเทอมต้องทำคะแนนดีๆเพราะไฟนอลมันยาก (โยขี้เกียจ...) วาโย...” เสียงไอ้ป่าโหดขึ้นในขณะที่เสียงน้องโยอ้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานมึงจะต้องพ่ายแพ้ กูขอแช่ง
ว่าแต่จะมาออดอ้อนกันให้ผมได้ยินทำไม...คนโสดมันอิจฉานะเว้ยเห้ย
ถ้าบีมอ้อนผมแบบนี้บ้าง(นี่ก็อะไรก็บีม อะไรก็บีม)...ผมให้ได้แม้กระทั่งบ้านกับทรัพย์สินของผม
เอาไปเลย!
“(นะ...) เห้ย... (ไม่เมา กินนิดเดียว) โย... (นะ นะ นะ...) เออก็ได้ ใส่เสื้อกันหนาวไปด้วยล่ะ” ว่าแล้วเชียว...ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ ผมเบะปากใส่อย่างหมั่นไส้ แต่ก็ฟังชวนระรื่นหูดี โยมันเมานิดๆป่ะวะมาเผยฉากอ้อนแบบนี้ใส่ตอนที่ผมคุยโทรศัพท์ค้างอยู่กับไอ้ป่า “(ทำไมต้องใส่ล่ะ มันไม่ได้หนาวขนาดนั้น) บอกให้ใส่ก็ใส่เถอะน่า (โอเค...)”
“มึงยังอยู่มั้ยวะ” ในที่สุดมันก็จำได้สักทีว่าผมรอสายมันอยู่ เชี่ยป่าเอ๊ย “ตกลงจะไปใช่มั้ย แต่โยไปด้วย...” มันเว้นช่วง “...ถ้ามึงยังอะไรกับโยอยู่ อย่าหวังแม้แต่จะได้มองเพื่อนกู”
โหดสัด เหนือกว่าผมทั้งเรื่องไม่โสด ทั้งเรื่องเป็นจราจรบนทางที่ผมจะเข้าไปหาบีม จะแดงหรือจะเขียวก็แล้วแต่ใจมัน
นอกจากหล่อกว่าแล้ว มันยังกุมไพ่ในมือที่มีแต้มมากกว่าอีก
เออ ไอ้พระเอก... “บอกมาได้เลยว่าที่ไหน”
ร้านชนบุรี
อยากคุยกันเพราะเสียงดนตรีในร้านเบาๆช่วยขับกล่อมให้ระรื่นหูไม่รบกวนก็ต้องร้านนี้ อันที่จริงผมกับป่าแม่งสิ้นคิด และร้านนี้ก็ใกล้หอพวกเราที่สุดแล้วครับ มันดึกแล้วน่ะ
ผมนั่งรอคู่รักที่ผมเคยอิจฉาอยู่ไม่นาน ทั้งคู่ก็เดินเข้ามาในร้าน ผมจะไม่ขอบรรยายไอ้ป่าละกันครับเพราะยังไงมันก็หล่อขั้นเทพเดินเข้ามาสาวๆก็มองกันทั้งร้านอยู่แล้ว แต่ผมขอบรรยายน้องโยละกัน น้องมันใส่เสื้อกันหนาวมาจริงด้วย ตัวโคร่งซะจนถามให้ตัวน้องมันเหลือนิดเดียว ท่าทางเหมือนเด็กฮิปหน้าสวยน่ารักดีครับ
“มองเชี่ยไร...”
คำทักทายของไอ้ป่าคืออะไรที่ทำให้ผมตกใจมาก เออกูขอโทษ
“สายตามึงอ่ะ...ไม่ต้องคุยแม่งละ...โย กลับ”
ไอ้ป่าลากคอโยให้เดินกลับหลัง น้องมันเหมือนตัวปลิวไปตามแรงดึง ผมต้องรีบเรียกไอ้พระเอกให้มันกลับมานั่ง และก็ให้มันปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ
“พี่โฟร์ทไปโดนอะไรมาอ่ะพี่” โยที่ในที่สุดก็ได้นั่งมองหน้าผมอย่างตื่นตะลึง
“เรื่องของลูกผู้ชายน่ะ” ผมพูดยิ้มๆตามสไตล์ โยทำหน้าปลาบปลื้มผมเอามากๆ(มิ่งเคยบอกว่าโยมันเคยอยากเป็นแบบผม มีผมเป็นไอดอล...แต่เชื่อเหอะ มันจะดูเหมือนทอมที่มีความพยายาม พี่ขอร้องนะ)
“สั่ง!” ไอ้ป่ากระแทกเมนูลงบนโต๊ะ จนผมกับโยสะดุ้ง มันคงกำลังคิดในใจแหละว่าไม่น่าลากโยออกมาด้วยเลย ในขณะที่ผมก็ยิ้มๆขำๆไปเพราะไม่ได้คิดอะไรมากกับโยอยู่แล้ว
แม่งเหมาะสมกันซะขนาดนี้จะเอาอะไรไปแทรกได้...
“ได้แค่นี้นะ”
“สเมอนอฟเองเหรอ” โยโวยวาย
“สอบมะรืนนะ หนักไปเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นมาอ่านหนังสือไม่ทัน”
“โอเค” ว่าง่ายเหมือนกันแฮะ
“เอ้านี่” ป่ายื่นมือถือของมันไปให้น้องโย “เล่นค้างไว้อยู่ใช่มั้ยล่ะ”
โยยิ้ม ก่อนที่จะรับมือถือของป่าและก็มองดูเหมือนมันเป็นสมบัติล้ำค่า “กำลังจะขอเลย”
โยติดเกมส์ในโทรศัพท์ไอ้ป่า...ทำไมไม่โหลดใส่โทรศัพท์ตัวเองล่ะครับน้อง...
“มึงมองอะไรของมึงน่ะ” ไอ้ป่าเริ่มบรรยากาศมาคุอีกครั้ง
คนที่นั่งตรงข้ามผมก็มีอยู่แค่สองคน ไม่มองมันก็มองเมียมัน จะให้ผมทำไงได้ล่ะ...
“รู้ใช่มั้ยว่าที่กูเรียกมาคุยเพราะอะไร” ไอ้ป่าเริ่มพูดในตอนที่เหล้าและมิกซ์ต่างๆถูกยกมาเสิร์ฟ...
ผมชงแล้วก็ยื่นให้มัน ก่อนที่จะชงให้ตัวเอง “รู้สิ”
มันฉลาด ให้โยเล่นเกมเพราะจะได้ไม่สนใจบทสนทนาที่ผมกับมันคุยกัน เหมือนมันหิ้วเมียมานั่งด้วยเฉยๆและก็เปิดอกคุยกันอะไรประมาณนั้น
“มึงจะจีบเพื่อนกูเหรอ” ป่าเปิดประเด็น
ผมยอมรับอย่างง่ายๆ “อืม”
“ทำไม” ป่าถาม ตอนนี้แม้ว่าเกมส์จะน่าสนุกแค่ไหนก็ตาม โยก็ต้องได้ยิน น้องเลยมองดูผมกับไอ้ป่าเงียบๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรแทรกขึ้นมา ท่าทางจะอยากรู้เรื่องรู้ราวเหมือนกันแต่ไม่พูดอะไร
“ก็...จะจีบ”
“แปลก ปกติมึงสนใจไอ้บีมที่ไหน มึงสนแต่...” ป่าเว้นช่วงเอาไว้ ให้ผมและคนอ่านไปเติมเอาเอง ซึ่งคำตอบที่ต้องเติมนั้นก้มหน้าก้มตาเล่นเกมในโทรศัพท์อีกรอบ “...กูก็เลยต้องมาคุยกับมึง”
“ให้กูพูดตรงๆเลยเหรอ”
“อืม”
“แน่นะ” ผมพยักเพยิดไปหาโย
“แน่สิ” มันดูไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องเกรงใจโยด้วย
“ก็ได้” ผมดื่มเข้าไปจนหมดแก้ว ก่อนที่จะพูดกับไอ้ป่าอย่างตรงๆ “...กูได้กับเพื่อนมึง”
เงียบ...
บนโต๊ะไร้ซึ่งเสียงและการขยับตัวใดๆ มีเพียงแต่เสียงเพลงของร้านที่เปิดคลอเบาๆเท่านั้น
โยอ้าปากค้าง ในขณะที่ไอ้ป่าขมวดคิ้ว
“ได้?”
“อืม”
“ได้เนี่ยนะ”
“ใช่”
“ยังไง”
“ก็หลายท่า”
“ไม่ใช่โว้ย” ป่าร้อง “ได้นี่มึงหมายถึง...”
“เออ” ผมดื่มเข้าไปอีก “อย่างงั้นแหละ กูเมา มันก็เมาอ่ะ”
ตอนนี้วาโยหน้าแดงก่ำเป็นที่เรียบร้อย น้องคงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้านี้โดยเด็ดขาด ตลกดีครับ ท่าทางจะใสมากอะไรมาก
ดูก็รู้ว่าป่ามันยังไม่ทำอะไรน้อง...
…ถนอมเหรอวะ
“กูช็อค” มันพูดเหมือนมันช็อคจริงๆ ก็เข้าใจมันแหละครับ บีมมันแมนจะตายห่า ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆก็มาเสร็จผมซะงั้น
“อย่าไปล้อมันล่ะ” ผมปรามไอ้เชี่ยป่าเอาไว้ก่อน
“ล้อได้ไงล่ะ แล้วมึง...ก็จะจีบมันเพราะเรื่องนี้ งั้นสิ”
“ประมาณนั้น”
“ได้ครั้งเดียว ชอบมันเลยงั้นเหรอวะ”
ผมมองหน้าน้องโยอย่างเกรงใจ ตอนนี้น้องเขาตัวลีบเล็กแทบจะสิงเป็นร่างเดียวกันกับหมอนอิงไปแล้ว
“มึงอาจจะไม่เข้าใจเว้ย แต่พอกูตามง้อมันทุกวันงี้ เห็นมันสะบัดตูดเดินหนีกูทุกวันงี้ มันก็แสดงให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่ากูคิดแต่เรื่องของมันตลอด มันอาจจะเร็วไป...แต่เชื่อเถอะ...กูจริงใจกับเพื่อนมึงจริงๆ”
ป่าพยักหน้าเบาๆอย่างรับรู้ “คิดว่ากูจะไฟเขียวมั้ย”
ผมกลืนน้ำลาย นี่สินะจุดพีคของบทสนทนานี้ “ก็...ถ้ามึงไฟเขียวอะไรๆก็จะง่ายขึ้น”
“ไม่เขียวง่ายๆหรอก”
“ไอ้เชี่ยป่า”
“รักจริงต้องมีอุปสรรคหน่อยดิวะ”
“ไอ้เหี้ย แค่บีมคนเดียวกูก็เหนื่อยจะแย่แล้วนะ มึงอย่ามาทำอะไรให้มันยากไปกว่านี้ กูกราบล่ะ” ผมพูดพร้อมๆกับดื่มเข้าไปอีกหลายอึก
ไอ้ป่าพิงตัวไปที่โซฟาเบาๆ เอื้อมแขนไปวางบนโซฟาละม้ายคล้ายโอบน้องโยแสดงความเป็นเจ้าของ ยิ้มมุมปากอย่างไว้เชิง เออ มึงหล่อ
“กูจะเล่าอะไรให้ฟัง และก็โยจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับมิ่งก็ได้นะ” ท้ายประโยคมันหันไปพูดกับคนข้างๆ “คิทถึงแม้จะชอบโวยวายแต่เชื่อกูเหอะ ยังไงๆก็จีบง่ายกว่าเชี่ยบีม”
ขอบใจมากสำหรับคำแนะนำ...ถุย...
“สู้ๆละกัน”
“มึงต้องช่วยกูสิ” ผมร้องใส่
“ช่วยยังไงล่ะ”
“วันนี้เหมือนจะงอนๆกูอยู่ด้วย”
“มีงอนกันด้วย?” ป่าเลิกคิ้ว
“เออ”
“ก้าวหน้าแฮะ” หันไปคุยกับโยเบาๆแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักให้กัน ผัวเมียคอสเพลย์เป็นคู่ดูโอ้งั้นเรอะ “แต่กูว่าแปลก ปกติบีมมันไม่หงุดหงิดอะไรง่ายขนาดนี้นะ ออกจะขี้เล่นเฮฮาด้วยซ้ำไป มันแปลกๆไปตั้งแต่คืนนั้นอ่ะ” ป่าละไว้ในฐานที่เข้าใจ
ผมพยักหน้า หันมาสนใจสุราตรงหน้า แม้จะเจ็บตามใบหน้าแต่ได้แอลกฮอล์มาให้ชุ่มฉ่ำนี่ก็พอไหวอยู่ บนโต๊ะเกิดความเงียบขึ้น ไม่สิ ผมเงียบอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า เมื่อโยถามไอ้ป่าว่าด่าน 142 ต้องผ่านยังไง
งุ้งงิ้งกันเข้าไป...หัวชนกันใกล้กันระดับสิบ
“เดี๋ยวกูมานะ” ผมบอก ทั้งคู่พยักหน้ารับคำ