เช้าวันต่อมาผมก็ไปทำงานตามปกติ ตอนแรกคิดว่าเฮียแกจะตามมาด้วยซะอีกเพราะเมื่อวานก็ยังไม่เคลียร์สักเท่าไหร่ แต่ที่ไหนกลับแค่ขับรถมาส่งหน้าตึก แล้วก็แยกออกไปตามปกติ ถึงจะงงๆ แกมลุ้นเล็กน้อยแต่ก็โล่งใจที่เฮียแกไม่ติดสาหาความ (รึเปล่า?)
ทันทีที่ผมเข้ามาถึงแผนก เก็บข้าวเก็บของดูตารางงานของวันนี้แล้วก็ต้องรีบมองหาเพื่อนสุดเลิฟเพื่อเล่าเหตุการณ์ลุ้นระทึกเมื่อคืนให้ฟังเสียหน่อย
“เชี้ยนัท!” ผมกระซิบสังดัง เรียกอีกฝ่ายที่เพิ่งเดินหน้าแป้นเข้ามาในห้อง
“ว้อทซั่บ มายเฟรนด์”
ผมกวักมือเรียกมันหยอยๆ แล้วเล่าเรื่องไอ้พี่ทีก่อเหตุบ้านแตกเมื่อวานให้ฟังอย่างลุ้นระทึก หรือกรูลุ้นอยู่คนเดียวก็ไม่รู้เพราะไอ้นัทแมร่ง ทำหน้าตายได้อีก -*-
“อ้ออออ แล้วสรุปเป็นไง เมื่อคืนเลยง้อกันตามประสาละครไทย โดนไปกี่ประตูล่ะมึง”
“ห่านี่…. ตอนนี้ยังเดินเป๋อยู่เลย เอ้ยยย หลอกให้กรูพูด สาดดด”
“ก๊ากกกกก” ไอ้นัทกุมท้องหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ผมเลยค้อนมันไปทีนึง โดนด่าเลยว่าสาวแตกอีกแล้ว อะไรวะ กรูแค่โดนตุ๋ยตูดบาน สาวแตกตรงไหน ชิ
เวลาล่วงเลยมาจนสายๆ ผมมีตารางงานที่จะต้องออกภาคสนามไปพบลูกค้าที่กำลังทำโปรเจ็คอยู่ด้วยกัน เลยต้องเร่งมือในช่วงเช้ากันใหญ่จนแทบไม่มีเวลาหายใจหายคอ พอออกไปข้างนอกก็เลยไปกินข้าวกันกับรุ่นพี่ในกลุ่มโปรฯ ด้วยกันเสียเลย ทำให้กว่าจะกลับเข้ามาก็บ่ายแก่ๆ เสียแล้ว….
ในขณะที่ผมกำลังเดินคุยกับเพื่อนอีกคนอย่างออกรสเรื่องลูกค้าที่โคตะระเรื่องมากอยู่นั่น เพื่อนที่เดินมาด้วยกันอีกข้างก็เอาแขนสะกิดที่ศอกผมเบาๆ ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาดูว่ามีอะไร…
ป๊าดดดดด ใครวะนั่น นั่งหน้าหล่อเก๊กอยู่ตรงโซฟาในมุมรับแขกของแผนกกรู….
หน้าคุ้นๆ เนอะ…
ว่าแล้วผมก็ทำตัวเป็นนินจา รีบย่องไปแอบหลังโต๊ะคอมแล้วทำเป็นโผล่แต่ตาออกไปมองร่างสูงนิ่งนั่น…
“อะฮึ่มมมมม” เสียงคำราม เอ้ยยย เสียงไอของอาเฮียราศีจับตรงหน้าดังขึ้น ผมเลยแกล้งทำเป็นเคาะโต๊ะไม้ดังก๊อกๆ
“มาหาใครครับคุณแดนดนัย วันนี้พี่เจี๊ยบไม่อยู่บริษัทครับ มีธุระด่วนอะไรสั่งผมไว้ได้ครับ” ผมเอามือบีบจมูก ดัดเสียงเป็นเหมือนหุ่นยนต์เล่น
เฮียแดนเชยตาขึ้นมามอง ก่อนจะหลุบต่ำลงอีกครั้งเพื่ออ่านนิตยสารหุ้นในมือ พร้อมทั้งยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างผู้ดี๊ผู้ดี
“…ก็แค่มาดูว่าที่นี่เค้าดูแลลูกน้องยังไง มีใครหนีโดนงานบ้างรึเปล่าก็เท่านั้น เผื่อจะได้รายงานหัวหน้าให้ถูกต้อง”
“หง่ะ ใจร้าย ไม่ได้หนีซักกะหน่อย ออกไปหาลูกค้าต่างหาก”
ผมเดินหน้าบูดปากยื่นไปหาอีกฝ่ายแล้วทิ้งน้ำหนักลงที่โซฟาข้างๆ ไม่ได้นั่งติดกันหรอกนะครับ คือเฮียแกนั่งโซฟายาวตัวใหญ่ ส่วนผมนั่งลงโซฟาตัวเล็กแยกออกอีกที ก็นี่มันบริษัทนี่นา เดี๋ยวจะหาว่าทำตัวไม่งาม
“แล้วมาทำไมไม่บอกก่อน ผมเลยกินข้าวข้างนอกมาแล้ว” ผมว่าไปตามความจริง
“ไม่เป็นไร… ไม่ได้จะมาชวนกินข้าว”
“อ้าว”
งงเลยดิครับ แล้วมาทำไมอ่ะ…. สักพักไอ้นัทก็กลับเข้ามาในห้อง มันยกมือไหว้เฮียแดน พอลับตาก็ทำมือเป็นท่าเชือดคอส่งมาให้ผม ผมเลยส่งนิ้วกลางกลับไปให้มันบ้าง แมร่งเอ้ยยย อย่ามาทำท่าเป็นลางสิวะ สาวๆ ที่เข้ามาก็หันมามองเฮียซะคอแทบเคล็ด ผมก็ได้แต่ทำหน้าแง่งๆ ใส่ตอบกลับไปเวลาพวกเธอหันหน้าไล่มาเจอ แต่ทำไมมันไม่น่ากลัววะ ขำกันทำไมเนี่ยยย ห๊าาา!
รู้ตัวเลยว่าทำงานไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ ไอ้โต๊ะทำงานผมก็ดันใกล้กับตรงที่อาเฮียแกนั่งด้วยดิ ประมาณว่าเอาหน้าส่องรูตรงพาร์ตั่นก็มองเห็น จะว่าโรคจิตมั้ยเนี่ยที่มารู้ตัวว่าเงยหน้าจากจอคอมไม่ก็งานที่ทำทุกๆ 2 นาทีเพื่อดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร… บางทีก็คุยโรศัพท์หน้าเคร่ง เสร็จแล้วก็จิบกาแฟอ่านแมกกาซีนบิสซิเนส
อย่าหาว่าผมบ้าเลยนะครับ… ผมไม่ได้มองเฮียเยอะขนาดนั้น ผลัดกับมองนาฬิกาไปด้วยเท่านั้นเอง เมื่อไหร่จะเลิกงานว้าาาา ทำไมไม่เหมือนตอนเรียนเนี่ยย ป่านนี้ไอ้มิกโดดไปนานแล้ว เฮ้อ -*-
ว่าแต่เสียงอะไรวะ ฟี๊ดๆ…วี๊ดๆ… เอ้ย! แล้วนี่ใครขว้างก้อนกระดาษมาใส่หลังกรูเนี่ย!? เชี้ยๆ ไม่รู้เวลาทำงานทำการแบบนี้มีอยู่คนเดียว ไอ้นัท!
“สวัสดีครับน้องมิกกี้”
พรืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไอ้ห่า! กรุเกือบตกเก้าอี้!
“อ้าว เป็นอะไรไป ตกใจขนาดนั้น กำลังทำอะไรอยู่ครับเนี่ย หืม?”
ไม่ต้องมาทำเสียง หืม ใส่กรูเลย มีผู้ชายคนเดียวที่ทำเสียงแบบนี้กะกรูได้เว้ยยย และคนนั้นไม่ใช่เมิง อ๊ากกก ผมรีบจัดเสื้อผ้าทรงผมให้เข้าที่ ไม่ลืมหยิบหัวใจตัวเองกลับมาเข้าที่หน้าอกด้วย แมร่ง ดีนะใจไม่หายไปเลย … ผมเหลือบไปมองโต๊ะทำงานห่างออกไปประมาณช่วงตัว ไอ้นัททำท่าทำทางไม่รู้ไม่ชี้ แต่ในสีหน้านั่นมันเยาะเย้ยกรูชัดๆ ห่านนนน
“เอ่อ……………………ก็ทำงานสิครับ คนกำลังมีสมาธิไม่ตกใจได้ใจ แล้วนี่พี่ไม่ทำงานทำการเหรอครับ มาเดินเล่นทักทายคนอื่นไปเรื่อยแบบนี้” อะฮ่า เป็นไงล่ะเมิง เจอไปสักดอก
“อ๋อ พี่เพิ่งประชุมเสร็จครับ เค้าให้เบรกนิดหน่อยพี่คิดถึงใครบางคนเลยมาหา อยากเห็นหน้า ไม่ยักกะคิดว่าใครบางคนก็คิดถึงเหมือนกันแหะ”
อุแหวะ กรูอยากอ้วก พี่แกช่างกล้าเนอะมาเลี่ยนด้วยกันกับผู้ชายกลางออฟฟิศแบบนี้ ไอ้โต๊ะรอบข้างนี่เก๊กทำท่าเคร่งเครียดกับงาน กรูรู้นะว่าพวกเมิงก็แอบหูผึ่งงงงง!
“พี่ที เข้าใจผิดไรเปล่าเนี่ย เอ้ยยยย เชี่ยละ พี่กลับไปก่อนเลยป่ะ วันนี้เมย์เดย์ๆ ตายห่านแน่กรู” ทันใดผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เมนส์มา เอ้ย! วันนี้สุดที่รักและสุดที่โหดมาเฝ้า กัดเข็บและแผลเหวอะยิ่งกว่าบูลด็อก กรูต้องรีบส่งไอ้ตัวซวยไปไกลๆ ก่อน ไม่งั้นศพไม่สวยทั้งกรูและเมิงนะเว้ยยยย
“ทำไมเหรอครับ? วันนี้ต้องรีบทำงานเหรอ? เดดไลน์?” ไอ้พี่ทียังคงทำหน้านิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไร อยากเอาดินสอจิ้มตาใครบางคนจริงๆ เลยเว้ยเฮ้ย อ๊ากก
“เออๆๆๆๆ เดดไลน์ครับพี่ ช่วยกลับไปให้ว่องได้มั้ย….เดี๋ยวตายหมู่” ประโยคหลังผมลดเสียงเบาลงด้วยความเสียวสันหลังวาบๆ
“ไม่เป็นไร งั้นพี่ช่วยนะ พอมีความรู้เกี่ยวกับฝ่ายศิลป์อยู่บ้าง ให้พี่ทำอะไรก็ได้ ถ่ายเอกสาร แม็กงาน หรือเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ ก็ไม่ว่าไม่คิดค่าตัวนะครับ”
ป๊าดดดดดดดดดดด กรูอยากจะบ้าตายยยยยย ผมรีบมองหา S.O.S. แน่นอนว่าเรียกไอ้คนที่นั่งบนโซฟาไม่ได้แน่นอน เหลือบตาไปหาไอ้นัท แมร่งหลบหน้าหลบตากรูใหญ่ สาดดดด พึ่งไม่ได้เล้ยยยย ใครก็ได้…ใครก็ได้… ใครก็ด้ายยยยยยยยยยยยย
…ปึง…
ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตา ผมก็รู้สึกได้ว่ามีใครกำลังท้าวมือลงบนโต๊ะทำงานผม และผมไล่สายตาขึ้นไปดูกรูก็รู้แล้วว่าเป็นใครตั้งแต่เห็น cufflink ที่ตัวเองเป็นคนไปเลือกหามาให้ลายพันธุ์เดียวกับไอ้ดิ๊กกี้ (แอ๊บมั้ยล่ะ) เฮ้อออ อยากเป็นลีโอนาร์โดใน inception กรูจะหยิบกรรไกรบนโต๊ะมาแทงตัวเองแล้วตื่นขึ้นมาพบว่ามันแค่ฝันปายยยย ฮือออ T_T
“คุณนที” เสียงเข้มพร่าไม่ดังและไม่เบาเกิน แต่สำหรับผมมันคือเสียงแห่งนรก อะฮึกๆ เอ๊ะ…ว่าแต่เฮียแกรู้ชื่อพี่ทีได้ไงวะ?
“ค….คุณแดนดนัย” อ้าว ไหงพี่ทีแกก็รู้ชื่อเฮียด้วยล่ะ หล่องง
“ไม่นึกเลยนะว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ นี่ที่ทำงานใหม่ของคุณใช่มั้ย” เฮียแกยังคงพูดต่อ ผมทำท่าจะง้างปากอยากเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาบ้างแต่ข้อมือโดนอีกฝ่ายกำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เจ็บจี๊ดเลย T^T
“คือ…ผม…”
“หางานใหม่ได้เร็วเหมือนกันนะ และหวังว่าคุณจะกลับใจได้แล้ว เพราะเมื่อก่อนผมปราณีคุณไว้มาก… ตัวคุณเองก็น่าจะรู้ คราวนี้ไม่ทราบผู้บริหารที่นี่เค้าทราบหรือยังว่าแบ็คกราวด์คุณเป็นยังไง จะว่าไปอีกสองวันผมมีนัดมื้อเที่ยงกับคุณณัฐนัยเรื่องโฆษณาตัวใหม่ที่เราโคกันไว้ แต่ท่าทางจะมีเรื่องอื่นให้คุยด้วยนอกเหนือจากปัญหาธุรกิจนะเนี่ย” เอาแล้วไงครับ ผมนั่งงงเป็นไก่ตาแตกเลย อะไรวะ เฮียกำลังพูดเรื่องไรเนี่ย แล้วไอ้คุณรัฐนัยนั่นมันผู้บริหารหลักของที่นี่นี่หว่า O_o
“ยัง…ยังไม่ทราบครับ เอ่อ คุณแดนดนัยครับ ผมว่าเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่ามั้ยครับ แล้วทำไมคุณ…คุณ” พี่ทีแกคงอยากจะถามหลายคำถามไม่ต่างกับผม แถมยังมองมาที่ข้อมือผมที่กำลังโดนกอบกุมอย่างชัดเจนเอาไว้อีกต่างหาก
“ผมน่ะได้เสมอ แต่คุณท่าทางจะไม่ว่างซะแล้ว….”
เพียงแค่ชั่ววินาที พี่เจี๊ยบหัวหน้าแผนกผมก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ทำหน้าเข้มอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน จ้องไปยังพี่ที..
“คุณนที ท่านประธานเรียกพบเดี๋ยวนี้” แล้วก็เดินจากไป แบบนี้เค้าเรียกเชือดนิ่ม…เฮือก
จำเลยได้แต่ทำท่าเลิ่กลั่ก งุนงง (ไม่แพ้ผม) ก่อนจะหันหลังหมายจะเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักไว้ก่อนเมื่อมีเสียงเรียก
“เอ้อ คุณนทีครับ…อีกเรื่องนึง ทีหลังจะจีบใครช่วยดูหน่อยว่าคนนั้นมีเจ้าของหรือยัง และเจ้าของเค้าหวงขนาดไหน ไม่งั้นคุณได้โดนหนักกว่านี้แน่… ขอให้โชคดีเรื่องสอบสวน”
เห็นได้ชัดเลยว่าไอ้พี่นทีหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มอีก พี่แกรีบก้าวฉับๆ หายไปจากประตู คาดว่าคงขึ้นไปชั้นบนสุดเพื่อไปคุยกับท่านประธานอย่างที่ว่ามาจริงๆ
เอาล่ะ…ในเมื่อมือที่สามหายไปแล้ว ก็มาถึงมือที่สองและมือที่หนึ่งกันบ้าง… ที่คาดว่าสภาพอาจไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ผมย่นคอค่อยๆ ไล่อีกฝ่ายขึ้นไปยังใบหน้า เราสบตากันสักพักก่อนที่พี่เจี๊ยบจะเดินเข้ามา…
“มิกกี้ วันนี้เราเลิกงานได้แล้ว แต่พรุ่งนี้ต้องทำโอที ไม่มีเว้น เข้าใจนะ” ก่อนที่พี่แกจะไหว้เฮียอย่างงดงาม ก่อนจะเดินจากไป
“ครับ…”
ผมตกปากรับคำแบบอ่อยๆ สงสัยมีแค่วันนี้แหล่ะที่อยากจะทำงานให้มันข้ามวันข้ามคืนไม่ต้องกลับบ้านเลย ฮึกๆ ว่าแล้วก็ค่อยๆ เก็บข้าวของใส่กระเป๋า เซฟงานเข้าฮาร์ดดิสก์ก่อนจะลุกขึ้นแบบอ่อนระโหยโรยแรง ช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่ยืนค้ำหัวรออยู่แล้วอย่างหงอยๆ แอ็คติ้งขั้นสุดยอดเลยกรู เอิ้กกก
“เฮีย” เรียกครั้งที่ 1 ฮัลโหลๆ เมย์เดย์ๆ
…เงียบ…
“…เฮีย” เรียกครั้งที่ 2 ฮัลโหลๆ…. ยังไร้สัญญาณตอบรับ เดี๋ยวปัดตบจูบเลย ฮึ่ย
“เฮียยย หยุดดดดด!”
ในที่สุดผมก็สามารถหยุดการกระชากลากถูของอีกฝ่ายได้ ตอนนี้เรายืนกันกลางโรงรถอีกแค่สามก้าวก็จะถึงรถของไอ้เฮียแล้ว
“มีอะไร” เสียงเย็นเจี๊ยบมาก… โอมๆ ขวัญไอ้มิกจงกลับมา อะฮึกๆ T_T
“เรื่องพี่ที เฮียหมายความว่าไง รู้จักกันมาก่อนเหรอ อธิบายให้ผมฟังหน่อยสิ”
“ขึ้นรถ แล้วค่อยคุย”
“อ่า….แล้วรถผมล่ะ”
“ทิ้งไว้ที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา” อ่ะเจี๊ยกกก
“ไม่อาวววว เฮียยยย รถผมมมมม”
“มิกกี้! เลือก จะไปเดี๋ยวนี้ หรือไม่ไปเลย!”
เอาแล้วไงครับ ไอ้เฮียโหมดโหดกลับมาแล้ว ที่จริงควรจะเรียกว่ากลับมานานแล้วก็ได้ ผมหน้าบูดยิ่งกว่าตูดลิง อยากจะเลือกรถมากกว่า แต่กลัวคนตรงหน้าจะไม่ให้เข้าบ้านต้องกลับไปร้องโหยหวนหาที่ซุกหัวนอนกับป๊าและม๊า ทำไมทุกคนถึงใจร้ายกับกี้น้อยแบบนี้ T___T
ผมเดินตัวลีบมาขึ้นรถ จนกระทั่งเฮียแกกระชากรถออกมาแล้วขับออกนอกถนนใหญ่นั่นแหล่ะถึงเพิ่งสังเกตว่าผม (พยายาม) เงียบมาตลอดทาง หน้าก็ไม่มอง เอาแต่มองวิวข้างถนนไปเรื่อย ถึงได้ยอมเปิดปาก…
“นทีเป็นพนักงานเก่าที่บริษัท..”
นั่นไงล่ะ ทนไม่ไหวล่ะซี้ มาดเย็นชาของไอ้มิกกี้ หุหุ ผมหันหน้ามามองหน่อยนึง ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แล้วหันกลับไปมองรถข้างๆ
“ทำงานมา 3 ปี… จับได้ทีหลังว่าโกงกินภายใน โชคดีที่ยังเพิ่งเริ่ม ไม่ได้เงินมากมายนัก เสียหายไป 2-3 แสน แต่ก็เพราะเมตตาบวกกับหัวหน้าแผนกขอร้องไว้ เลยเชิญออกไม่ได้ไล่ออก คิดว่าเค้าจะปรับปรุงตัว…” ผมอึ้งไปเลย ไม่คิดว่าพี่ทีจะเป็นคนอย่างงั้น เพราะดูจากภายนอกแล้วท่าทางไม่มีภัยคุกคามนอกจากทางหัวใจ เหอๆ เสี่ยวได้อีกกรู -*-
“เฮียก็เลยไปคุยกับประธานงั้นสิ…”
“ก็ส่วนนึง”
“แล้วเฮียรู้ได้ไง พี่เค้าอาจจะปรับปรุงตัวแล้วก็ได้” ผมสังเกตว่าคิ้วเฮียแกกระตุกแปลกๆ แถมคิ้วยังขมวดแน่นกว่าเดิมอีก
“ไม่รู้ และไม่สนใจ”
“อ้าว” งงเลยครับงานนี้
“เรื่องนั้นมันเรื่องเล็ก… แค่เป็นข้ออ้างมากำจัดมันไปเฉยๆ”
“เฮียยยย แต่นั่นมันหมายถึงอนาคตพี่เค้าเลยนะ เฮียเอาเรื่องนี้ไปบอกกับทางผู้บริหารแล้วเค้าจะต้องสอบสวนใช่มั้ย พี่แกอาจโดนไล่ออกเลยก็ได้” ผมพยายามนึกว่าถ้าผมโดนแบบเดียวกันแล้วคงเครียดน่าดู ถึงยังไงพี่แกก็ซื้อของมาฝากผมบ่อยอยู่นา
“มิกกี้ ชั้นรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนแบบนั้นพอได้เริ่มก็กลับตัวไม่ทันแล้ว หลังจากเชิญออก..มีสายจากวงในมาบอกว่ามันไม่ได้เข็ดหลาบเลยด้วยซ้ำ แถมยังบอกว่าถ้าไปสมัครที่ใหม่จะทำให้แยบยลกว่านี้ ชั้นก็แค่นำเรื่องไปเสนอให้ทางบริษัทเพื่อนำไปพิจารณา สอบสวนมาแล้วอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ หรือถ้ามีก็แค่แบล็คลิสต์ทุกบิษัทในเครือเดียวกัน… รุ้มั้ย แค่หนอนเน่าตัวเดียวมันทำให้เสียไปทั้งต้นและราก ในสายตาผู้บริหาร… คนอย่างนี้เก็บไว้ไม่ได้ เค้าเลือกหัวหน้าไม่ได้ แต่เราเลือกพนักงานได้ จำเอาไว้มิกกี้ ทำอะไรต้องระวัง อย่าคิดหาแต่ผลประโยชน์อันสั้น เพราะมันจะทำให้ชีวิตสั้นไปด้วย”
“…เอ่อ ครับ”
กลายเป็นว่าเฮียกลับมาเทศน์ผมซะงั้น งงไปตามๆ กัน แต่ถ้าคิดตามมุมมองปู้บริหารอย่างที่ว่า ผมเองก็คงต้องทำแบบเดียวกัน ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า กรูยังเป็นพนักงานต๊อกต๋อยอ่ะ แถมยังเห็นใจชาวบ้านไปทั่ว เห็นทีต้องทำตัวเลือดเย็นกะเค้าบ้างแล้ว จะช่วยมั้ยเนี่ยยยย
ว่าแต่นี่กรูต้องง้ออีกฝ่ายป่ะวะ เพราะเฮียแกยังทำหน้าบูดอยู่เลย… เวงกำ!
รถคันสีดำจอดสนิทอยู่ใต้โรงจอดรถคุ้นตา… ผมเดินลงมาจากรถ ตั้งท่าเตรียมรับการกระโดนใส่ของเจ้าดิ๊กกี้ที่นับวันจะอ้วนเอาๆ แต่ไหงไอ้บ้ามันไปกระโดดใส่เฮียก่อนวะ ไม่ยุติธรรม T^T
เอ๋งงงงงงงงงงงงงง แฮ่กๆๆๆ งี๊ดดด
นั่น สมน้ำหน้า โดนเฮียเอากระเป๋าฟาดใส่หัวไปเต็มๆ แต่อย่างไอ้หมาบ้านี่มันไม่สะเทือนหรอกครับ นั่นแค่เป็นสัญญาณบอกว่าอย่าเพิ่งมายุ่งตอนนี้ สักพักมันก็จะไปยุ่งใหม่ เหอๆ ตอนนี้มันเลยเปลี่ยนทาร์เก็ตมาเป็นผมแทน
ผมเล่นกับมันนิดหน่อย ก็รีบเดินตามอีกฝ่ายที่หายลับเข้าไปในบ้านแล้ว นี่กรูต้องง้อใช่ม้ายยย ใช่มั้ยเนี่ยยย มีแฟนแก่แถมขี้งอน ขี้หึงก็แบบนี้ เฮ้อออ ปั๊ด จัดหนักเลยคืนนี้ หุหุหุ (กล้าพูดเนอะไอ้มิกกี้ -*-)
“เฮีย…โกรธผมเหรอ” ผมไม่พูดเปล่า เอาหน้าเข้าไปซุกที่แผ่นหลังอีกฝ่าย เฮียเองก็ชะงักไปนิดนึง ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาจนผมรู้สึกได้
“…เปล่า”
“เปล่าแล้วทำไมเงียบล่ะ พูดอะไรหน่อยสิ นะครับที่รัก” โหหห อยากตัดลิ้นตัวเองหลังจากพูดออกไป พูดเองเขินเองได้มั้ยเนี่ย
“หึหึ”
“อะไรเล่า ไอ้หัวเราะแบบนั้นอ่ะ ตกลงโกรธเปล่า!” ผมเริ่มจะหงุดหงิดบ้างแล้ว ก็เฮียแกอยู่ๆ ยิ้มเหมือนล้อเลียนผมอ่ะ
“ขำคนหน้าแดง”
“อ้อเหรอ… ไม่ได้แดงแค่หน้า อย่างอื่นก็แดงด้วย” ไหนๆก็มาแบบสุดๆ แล้ว ไอ้มิกกี้ขอจัดหนักอย่างที่สัญญาไปเมื่อครู่นี้ ปลายนิ้วอุ่นปนร้อนของผมจิ้มไปหน้าอกเฮียเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเม็ดบนออก แล้วไล้วนไปมาเพื่อจัดการกับเม็ดที่สอง
“อะไรแดงน้า.. อยากรู้จัง” เชอะ ที่แบบนี้ล่ะพูดเอา หยอกเอา เมื่อกี้ทำเป็นเงียบ นี่แหล่ะเฮียแดนของผมเผื่อคุณๆ หลายคนยังไม่รู้จักเค้าดีพอ -*-
“ลิ้นไง แบร่ คิดอะไรอยู่ ฮ่าๆๆ”
ผมตีก้นแน่นๆ ของเฮียไปทีนึงด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเด้งตัวหนีจากอ้อมกอดอีกฝ่ายด้วยความสะใจ ผมวิ่งขึ้นบ้านหัวเราะลั่น ก่อนจะปลดกระดุมกางเกงตัวเองและถอดเข็มขัดเตรียมจัวอาบน้ำดีกว่า สองมือแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกและกำลังดึงแขนเสื้อออกจากด้านหลัง…
หมับ!
“อื้อออออ” นั่นคือเสียงสุดท้ายของผมเองแหล่ะครับ T_T ไอ้เฮียย่องมาจากไหนไม่รู้ จับเข้าที่แขนทั้งสองข้างผมที่ยังไพร่ไปด้านหลัง ไอ้เสื้อที่ติดเอาไว้กลายมาเป็นพันธนาการอย่างดี แล้วเฮียแกก็ฉกปากเข้ามาประกบกับปากผมอย่างรวดเร็ว เล่นเอาทั้งตกใจ ทั้งจุก ทั้ง…นั่นแหล่ะ ไม่อยากบรรยาย เหอๆ
“อืม… ไม่ได้แดงอย่างเดียวนะ ทั้งหวานทั้งลื่นด้วย หึหึ” อีกฝ่ายหัวเราะในลำคออย่างมีชัย
ฮึ่ย โมโห… สุดท้ายผมเลยเอาคืนด้วยการฉกกลับบ้าง ยอมให้ทำฝ่ายเดียวมันหยามกันชัดๆ! ชิ!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++