ประกาศครั้งที่ 1 (ละมั้ง?) เปิดจอง "ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก" = "บริบทแห่งรัก" ฉบับรวมเล่มแล้วจ้า!!!
+ รีปรินท์เรื่องก่อนๆ ด้วย ถึง 30 กันยายนนี้
หลังจาก Bellbomb ห่างหายการรวมเล่มมาปีกว่าๆ ก็ได้ฤกษ์เปิดจองรวมเล่มเรื่องใหม่ทีเดียวสองเรื่องเลย ก็คือ “ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก” กับ “บริบทแห่งรัก” (ลำนำรักสีรุ้ง Side Stories) รายละเอียดตามด้านล่างค่ะ
เรื่องที่ 1: ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก คำโปรยหลังปก: ณรงค์เป็นซีเนียร์ดีไซเนอร์ในบริษัทรับออกแบบและก่อสร้างแห่งหนึ่ง เขาไม่เคยคิดเรื่องอยากมีคนรัก จนกระทั่งในคืนที่ได้เข้าไปช่วยชายหนุ่มผู้เมามายจนมีเรื่องวิวาทในบาร์ และพบว่านั่นคือไรอัน บอสหนุ่มลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียที่เพิ่งมาประจำตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว หรือนี่จะนำไปสู่ความสัมพันธ์อันน่าระทึกระหว่างเจ้านายกับลูกน้องที่บุคลิกต่างกันสุดขั้ว??
“บางทีคุณก็ทำให้ผมอยากต่อยคุณจริงๆ รู้ตัวหรือเปล่า?”
-ไรอัน
“ถ้าเป็นคุณ ถึงโหดแค่ไหนผมก็รัก”
-ณรงค์
ข้อมูลหนังสือ: • ราคา 360 บาท
• ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
• ตอนพิเศษเฉพาะในหนังสือ
• ของแถม 1: ที่คั่นหนังสือ
• ของแถม 2: ปกพลาสติก ปั๊มทองลายเซ็นต์ของ Bellbomb จะได้เอาไว้หุ้มหนังสือกันเลอะค่ะ
• อ่านตัวอย่างได้ที่นี่ ->
[คลิก]++++++++++++
เรื่องที่ 2: บริบทแห่งรัก (ลำนำรักสีรุ้ง Side Stories) คำโปรยหลังปก: เรื่องราวของเป้กับวิวที่เคยทำให้คนอ่านอมยิ้ม ห่วงใย และเอาใจช่วยใน "ลำนำรักสีรุ้ง" ได้กลับมาถ่ายทอดความเป็นไปของทั้งคู่อีกครั้ง
"บริบทแห่งรัก" จะพานักอ่านไปทำความคุ้นเคยกับ "คนน่ารักของเป้" และ "คนเจ้าเล่ห์ของวิว" ให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคย กับแต่ละบทตอนซึ่งถักทอขึ้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ทั้งสองมีกันและกันเช่นในวันนี้...
ข้อมูลหนังสือ:• ราคา 220 บาท
• ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
• ตอนพิเศษเฉพาะในหนังสือ + ตอนโบนัสที่เคยล็อกพาสเวิร์ดไว้ที่บล็อก
• ของแถม 1: ที่คั่นหนังสือ
• ของแถม 2: ปกพลาสติก ปั๊มทองลายเซ็นต์ของ Bellbomb
• สามารถอ่านตัวอย่างได้ที่นี่ ->
[คลิก]Special Note:สำหรับเล่มนี้ แต่ละตอนจะไม่ซ้ำกับลำนำรักสีรุ้งเล่มแรกเพราะเขียนขึ้นทีหลัง เนื้อหาส่วนใหญ่จะย้อนกลับไปสมัยเป้กับวิวยังเรียนอยู่ สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านเล่มแรก แนะนำให้ซื้อเล่มนั้นไปอ่านคู่กันเพื่อจะได้ไม่สับสนถึงที่มาของตัวละครในเรื่องค่ะ
**สำคัญมาก**1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสำหรับสั่งนิยายได้ที่นี่
<<คลิก>> แล้วกรอกจำนวนเรื่องที่ต้องการในแบบฟอร์ม แล้วก็โอนเงินตามยอดหนังสือ + ค่าส่ง เสร็จแล้วอีเมล์แบบฟอร์มมาที่ bellbomb[at]hotmail.com
2. เปิดจองถึง 30 กย. และเริ่มส่งหนังสือต้น ตค. หลังจากนั้นจะเริ่มวางที่ร้านประจำ (เล่มที่วางตามร้านจะไม่แถมปกพลาสติก และอาจปรับราคาขึ้น)
3. ถ้าหากสั่งทั้งสองเรื่องพร้อมกัน คิดค่าส่งลงทะเบียน 40 บาท (ตัวอย่างคำนวน ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก 360 + บริบทแห่งรัก 220 + ค่าส่ง 40 = 620 บาท)
4. ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องโอนเท่าไหร่แน่ อีเมล์มาถามหรือแปะถามที่หน้าแฟนเพจ
http://www.facebook.com/BellbombNovels ก็ได้
5. โปรโมชั่น ท่านที่สั่งนิยายของเราทั้ง 5 เรื่องงวดนี้ ไม่คิดค่าส่งจ้า
เรื่องที่เคยรวมเล่มแล้วและจะรีปรินท์ในครั้งนี้- ลำนำรักสีรุ้ง
- เมื่อหัวใจเราใกล้กัน
- แม้นมั่นคำสัญญา
จบประกาศคับผ้ม
****************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0****************************************************
ขอเบรกเรื่องยาวที่กำลังเขียนอยู่ด้วยเรื่องสั้นนะงับ แบบว่าคันไม้คันมือขึ้นมา แต่เรื่องนั้นไม่ได้ทิ้งนะจ๊ะ ติดตามกันเรื่อยๆละกันเน้อ *edit 07.01.08* เนื่องจากเรื่องที่สอง "เมื่อหัวใจเราใกล้กัน" ซึ่งลงต่อจาก "ลำนำรักสีรุ้ง" ในกระทู้เดียวกันนี้ตอนนี้ยาวขึ้นเกินสถานะ [เรื่องสั้น] จึงขอเปลี่ยนเป็น [นิยาย] นะจ๊ะเรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้งผมรู้จักเป้ครั้งแรกตอนปีสองเทอมสอง เพราะโอ๊คซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเคยชี้ให้ดูตอนนั่งที่คอมมอนด้วยกันว่าแอบชอบผู้ชายรุ่นเดียวกันต่างเอกคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นตัวสูงใหญ่ ตาโต จมูกโด่ง ผิวขาวอมเหลือง เขามักจะนั่งอยู่กับเพื่อนๆที่โต๊ะกลุ่มซึ่งอยู่คนละฟากกับโต๊ะกลุ่มของพวกผม
“ก็หน้าตาใช้ได้อะ แต่เราว่าโอ๊คเองก็หน้าตาดีนะ ไม่ลองไปทำความรู้จักเค้าดูละ”
เพื่อนตัวดีมองค้อนผมปะหลับปะเหลือก ถึงจะเป็นกริยาที่ผู้ชายไม่น่าทำ แต่พอเพื่อนผมทำทำไมมันดูไม่ขัดก็ไม่รู้
ที่ผมบอกโอ๊คไปผมหมายความตามนั้นจริงๆ โอ๊คเป็นคนผิวขาว หน้าใส ตาออกเฉี่ยวๆเหมือนนักร้องเกาหลีที่สาวๆนิยมกัน สูง 170 ต้นๆเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย เวลาเดินไปไหนมาไหนด้วยกันผมโดนโอ๊คกลบรัศมีตลอด สิ่งที่พอจะเชิดหน้าชูตาหน้าจืดๆของผมได้บ้างคือผลการเรียนที่ค่อนข้างดีเป็นระดับต้นๆของคณะ แต่นอกนั้นแล้วก็แทบพูดได้ว่าเด็กบ้านนอกที่เอ็นท์ติดมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯอย่างผมไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย
++------++
ตอนที่พวกเราย้ายวิทยาเขตมาที่นี่ใหม่ๆมีคนมาจีบโอ๊คประปราย บางทีก็เข้าผ่านทางผมเพราะเห็นเป็นเพื่อนสนิท (ผมรู้จักโอ๊คเพราะเคยเรียนกวดวิชาที่เดียวกัน พอเอ็นท์ติดคณะเดียวกันเลยยิ่งสนิทไปโดยปริยาย) หลังจากที่โอ๊คบอกผมว่าชอบเป้ได้ประมาณสองสัปดาห์ วันหนึ่งโอ๊คก็เข้ามาบอกผมอย่างดีใจว่ากำลังคบเป็นแฟนกับเป้อยู่ เล่นเอาผมเหวอไปเพราะปกติเวลาเรียนหรือกินข้าวโอ๊คจะอยู่กับผมและเพื่อนในกลุ่มตลอด เว้นบ้างคือเวลาที่เรียนคนละวิชากัน มารู้ทีหลังว่าทั้งสองคนเริ่มสนิทสนมกันเพราะโอ๊คไปลงเรียนวิชาเลือกเดียวกับเป้
ตั้งแต่โอ๊คคบเป้เป็นแฟนเพื่อนผมดูมีความสุขมาก ผมก็แซวๆเพื่อนบ้างไปตามประสา มีครั้งหนึ่งโอ๊คพาผมไปกินข้าวกับเป้ตอนพักกลางวันเพราะกลัวผมน้อยใจที่ทำตัวห่างเหินไปหลังมีแฟน มื้อนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเป้เป็นคนพูดน้อยมาก จะว่าเขินที่ผมนั่งอยู่ด้วยก็ไม่น่าใช่เพราะบุคลิกเป้ไม่ใช่แบบนั้นเลย
สิ่งที่ผมสังเกตเห็นอีกอย่างตลอดมื้อกลางวันนั้นก็คือ ผมรู้สึกเหมือนเพื่อนผมเทคแคร์แฟนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่เห็นเป้จะดูแลเทคแคร์โอ๊คกลับบ้างเลย แต่ผมก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้เพราะกลัวเพื่อนจะเสียความมั่นใจ ตราบใดที่เพื่อนมีความสุขผมก็ไม่ขัดข้องอะไร
++------++
จุดพลิกผันในความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาถึงเมื่อวันหนึ่งโอ๊คโทรมาหาผมแล้วร้องไห้ บอกว่าเป้ไปมีคนอื่นเลยจะขอเลิก แล้วก็บอกว่าขอมานอนที่คอนโดผม ผมค่อนข้างตกใจเพราะทั้งคู่เพิ่งคบกันได้ไม่ถึงสามเดือน แล้วอีกอย่างถึงจะไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าคู่นี้สวีทหวานแหววแต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะทะเลาะหรือมีเรื่องผิดใจกัน คืนนั้นโอ๊คหิ้วเบียร์มาที่ห้องหลายกระป๋อง แล้วก็ดื่มไปร้องไห้ไป แต่จนแล้วจนรอดโอ๊คก็ไม่เล่ารายละเอียดเรื่องเป้ให้ผมรู้ วันรุ่งขึ้นเจ้าตัวดีก็แฮงก์เลยขอโดดเรียนนอนอยู่ที่ห้องผม ด้วยความแส่และสงสารเพื่อนผมเลยตัดสินใจไปเค้นเอากับเป้ให้รู้เรื่องเอง
เป้ดูไม่ค่อยพอใจนักตอนผมเดินไปหาที่โต๊ะกลุ่มแล้วบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย พอผมเดินนำแยกมาที่ซอกตึกข้างคณะที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านผมก็ถามเป้ตรงๆเรื่องโอ๊ค แล้วก็เล่าว่าเพื่อนผมร้องไห้เสียใจแค่ไหน เป้เพียงแค่นหัวเราะแล้วก็มองผมด้วยสายตาแฝงแววบางอย่างที่ทำให้ผมหงุดหงิดเหลือทน
“วิว แทนที่จะมาถามเรา นายไปถามเพื่อนตัวเองดีกว่านะว่าเค้าทำอะไรไว้”
“พูดยังงี้หมายความว่าไง นายเองไม่ใช่เหรอที่นอกใจเพื่อนเรา นี่นายจะเอายังไงกันแน่”
“ก็ไม่ยังไง เราแค่ไม่ชอบคบกับคนไม่จริงใจ แล้วก็ร่าน”
ผมเลือดขึ้นหน้า โอ๊คที่ผมรู้จักเป็นคนร่าเริง เข้ากับคนง่ายแต่ก็ไม่เคยทำตัวอย่างที่ไอ้บ้านี่พูดสักครั้งเดียว ด้วยความโมโหผมเงื้อกำปั้นขึ้นจะตะบันเอาเลือดไอ้คนตรงหน้าออก แต่เหมือนคนตัวใหญ่กว่ารู้ทัน ผมจึงโดนจับแขนแล้วบิดไพล่หลังจนต้องร้องด้วยความเจ็บ แม้จะพยายามดิ้นให้หลุดแต่สู้แรงไม่ไหว หลังจากนั้นผมมารู้ทีหลังว่าเป้เคยเรียนยูโดจนได้สายดำมาก่อน
“บัดซบเอ๊ย ปล่อยกูนะไอ้เป้!!”
“เพิ่งรู้ว่าเด็กเกียรตินิยมก็ใช้อารมณ์เป็นเหมือนกัน ขอบอกอีกครั้ง ไปถามเพื่อนนายเอาเอง เราไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
จบประโยคร่างใหญ่ก็ผลักผมออกแล้วเดินจากไปทันที ผมได้แต่ยกมือลูบแขนตัวเองที่แดงขึ้นเป็นจ้ำจากรอยบีบแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างของเป้อย่างไม่เข้าใจ
++------++
สรุปว่าเย็นนั้นพอกลับไปที่ห้องเพื่อนตัวดีของผมก็กลับไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงผมจึงโทรเข้ามือถือแต่โอ๊คก็ไม่รับสาย ตอนแรกผมคิดว่าแบตโทรศัพท์โอ๊คคงหมด แต่พอฟ้าเริ่มมืดผมลองโทรเข้าไปที่บ้านปรากฏว่าหม่าม้าของโอ๊คก็ไม่รู้ว่าโอ๊คไปไหน ผมรีบโทรถามเพื่อนคนอื่นๆแต่ต่างก็ตอบปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน ผมกดไล่หมายเลขในโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจโทรหาเป้
(ส่วนสาเหตุว่าทำไมผมมีเบอร์เป้ เพราะโอ๊คเคยให้ผมไว้ บอกว่าเผื่อต้องโทรตามตอนที่อยู่กับเป้แล้วเกิดแบตหมด)
“เป้เหรอ โอ๊คอยู่กับนายหรือเปล่า?”
“คนไม่ได้เป็นอะไรกันจะอยู่ด้วยกันได้ไง?”
ปลายสายทำเสียงไร้อารมณ์กวนประสาทผมสุดฤทธิ์ หลังเจ้าตัวฟังคำผรุสวาทของผมไปอีกสามสี่ชุด สุดท้ายเป้ก็ถอนหายใจแล้วบอกว่าพอเดาได้ว่าโอ๊คอยู่ไหน จากนั้นจึงถามที่อยู่ของหอผมเพราะจะได้ขับรถมารับให้ไปด้วยกัน ใจผมตอนนั้นเป็นห่วงเพื่อนอย่างเดียวจึงไม่ได้อิดออดและยอมบอกไปแต่โดยดี
ระหว่างที่นั่งมาในรถด้วยกันเป้ไม่พูดกับผมเลย ผมเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรเหมือนกันเพราะเรื่องเมื่อกลางวันทำให้ยังมองหน้าไม่ติดอยู่ แต่แล้วพอรถยาริสสีดำของเป้เลี้ยวเข้าถนนมีชื่อเส้นหนึ่งผมก็หันไปมองคนข้างจัวอย่างสงสัย เป้ยิ้มมุมปากแล้วก็มองผมด้วยสายตากวนประสาทสุดขีด
“หน้าตาตื่นเชียว ไม่เคยมาเที่ยวกลางคืนหรือไง”
“ไม่เที่ยวกลางคืนผิดหรือไงวะ!?”
นัยน์ตาคมใต้คิ้วหนาคู่นั้นเพียงเลิกขึ้นมองผมก่อนจะเอารถเข้าจอดตรงที่ว่างริมฟุตบาท ผมอาจจะแปลกกว่าเด็กมหาวิทยาลัยคนอื่นคือผมไม่นิยมเที่ยวผับบาร์เท่าไรนัก แต่ก็ใช่จะไม่เคยรู้กิตติศัพท์สถานที่ท่องเที่ยวว่าย่านไหนขึ้นชื่อเรื่องอะไร
เป้เปิดประตูรถแล้วเดินนำผมไปร้านหนึ่งที่แค่ทางเข้าก็ทำเอาผมเสียวๆเพราะมีแต่ผู้ชายส่งสายตามาที่พวกเราสองคนตาเป็นมัน แล้วจู่ๆเป้ก็หันมาจับมือผมไว้แน่น พอผมจะสะบัดมือออกก็โดนบีบมือจนเจ็บแล้วถูกกระซิบดุๆใส่ว่าถ้าไม่อยากโดนลวนลามก็ให้เดินใกล้ๆเจ้าตัวไว้ ใจผมตอนนั้นทั้งสงสัยทั้งระแวงว่าเป้พาผมมาร้านนี้ทำไม
เจ้าคนตัวโตเดินนำผมเบียดคนเข้าไปด้านใน สายตาก็เหมือนสอดส่ายหาใครไปด้วย สักพักก็หยุดเดินแล้วก็กระตุกมือชี้ให้ผมดูโต๊ะด้านในสุดที่มีคนนั่งอยู่เกือบสิบคน ท่าทางแต่ละคนกำลังเมากันได้ที่ แม้แสงไฟในร้านจะไม่สว่างนักแต่จากจุดที่ยืนอยู่ผมสามารถเห็นหน้าของผู้ชายผิวขาวตัวผอมบางที่เป็นเพื่อนสนิทผมได้อย่างชัดเจน และนั่นทำให้ผมตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นอยู่ในระยะห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร
โอ๊คนั่งอยู่บนตักผู้ชายไว้เคราแพะใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์ แล้วก็มีผู้ชายอีกคนที่นั่งข้างๆกำลังลูบหน้าอกกับไซ้คอขาวๆของเพื่อนผมอยู่ หน้าตาคนทั้งโต๊ะนอกจากเพื่อนผมดูน่าจะอยู่ในวัยทำงานแล้ว เป้ฉุดแขนผมที่ยืนตัวชาให้เดินตรงไปที่โต๊ะนั้นทั้งที่ใจผมอยากจะวิ่งไปจากตรงนั้นให้ไกล โอ๊คที่กำลังหลับตาพริ้มหน้าแดงก่ำ ดูเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสจากชายที่ผมไม่รู้จัก เสื้อเชิ้ตสีขาวกระดุมหลุดลุ่ยเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นและไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น
หูผมได้ยินเสียงเป้เรียกชื่อโอ๊คแว่วๆ แล้วคนทั้งโต๊ะก็หันมาที่เราสองคนรวมทั้งเจ้าตัวด้วย หน้าที่เมื่อสักครู่แดงก่ำของโอ๊คซีดไปทันทีที่เห็นพวกผม ผมได้ยินเป้พูดอะไรสักอย่างแล้วโอ๊คก็ลุกขึ้นมาพยายามจะยื้อเป้ไว้ แต่ตอนนั้นผมไม่สนใจอีกแล้วว่าทั้งสองคนจะพูดอะไรกัน ผมรีบสะบัดมือใหญ่ที่จับยึดมือผมเอาไว้แล้วเดินเร็วๆเบียดคนออกมาหน้าร้าน รู้สึกเหมือนขอบตาร้อนผ่าวไปด้วยน้ำตาที่พาลจะไหลลงมาให้ได้ ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นเพื่อนที่เคยคิดว่ารู้เรื่องของกันและกันทุกเรื่องในสภาพไม่คาดฝันแบบนี้
“เป็นอะไรไปครับน้อง หน้าตาเศร้าจัง ให้พี่ช่วยปลอบไหม”
เสียงแหบต่ำที่ดังอยู่ข้างหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจและพบว่ามีผู้ชายตัวใหญ่สองคนยืนขวางทางออกเอาไว้ สายตาหยาดเยิ้มที่ทั้งสองทอดมาให้ทำให้ผมขนลุกชัน แต่ความที่ยังช็อคไม่หายกับสิ่งที่เพิ่งได้เห็นมาทำให้ผมโต้ตอบอะไรไม่ได้ในทันที แล้วฉับพลันผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนท่อนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งยื่นมาล็อกคอเอาไว้จากด้านหลังแล้วดึงกลับไปปะทะแผ่นอกกว้างพร้อมกับเสียงคุ้นหูที่เอ่ยขึ้นอย่างเครียดๆ
“ไม่ต้องครับพี่ นี่เด็กผม”
คำพูดแสดงความเป็นเจ้าของแบบมัดมือชกทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าคนที่ยืนแนบหลังตัวเองอยู่อย่างฉุนๆ แต่พอเห็นนัยน์ตาดุที่มองกลับมาก็พูดอะไรไม่ออก จึงได้แต่ปิดปากเงียบแล้วปล่อยให้เป้เดินโอบไหล่ผมผ่านเกย์สองคนที่ทักผมเมื่อกี้กลับไปที่รถ เป้เปิดประตูรถให้แล้วก็ดันผมให้ขึ้นไปนั่งก่อนจะขับออกมาโดยไม่พูดอะไร ตอนนั้นสมองผมเบลอไปหมดเมื่อคิดถึงภาพที่เพิ่งได้เห็นมาจะๆกับตา
ตอนนี้เพื่อนผม...กำลังทำอะไรอยู่
“เอ้า”
ผมหันไปหาเจ้าของเสียงแล้วก็ก้มดูกล่องกระดาษทิชชูที่อีกฝ่ายยื่นให้อย่างเหม่อลอย แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เป้จอดรถอยู่ใต้สะพานแห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา อาจเพราะความที่ดึกมากแล้วทำให้แถวนั้นไม่มีรถราผ่านไปมาสักเท่าไหร่
“อะไร?”
เป้ได้ยินคำถามผมแล้วก็เดาะลิ้น “จะอะไรล่ะ น้ำตาน่ะจะให้ไหลถึงเมื่อไหร่ หรือว่าต้องให้เช็ดให้?”
พอได้ยินคนข้างตัวทักแบบนั้นผมเลยยกมือขึ้นแตะหน้าตัวเองแล้วถึงเพิ่งรู้ว่าน้ำตากำลังไหลอาบแก้ม ความเปียกชื้นที่สัมผัสได้จากปลายนิ้วทำให้ผมเผลอหัวเราะออกมาทั้งที่ไม่ได้รู้สึกขำขันอะไรเลย เป้หันมามองผมงงๆ แล้วก็ตาโตขึ้นเมื่อเสียงหัวเราะของผมค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น แขนใหญ่รีบเอื้อมมาดึงผมเข้าไปกอดพลางลูบหลังผมที่กำลังสั่นขึ้นลงไปมาราวกำลังปลอบเด็ก
“ขอโทษนะที่พาไปเห็นอะไรแบบนั้น ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมเราถึงบอกเลิกโอ๊ค?”
ผมซุกหน้างุดกับอกใหญ่นั้น วินาทีนั้นสับสนสุดขีด เพื่อนที่ผมเคยคิดว่าเป็นคนเรียบร้อย ไว้เนื้อไว้ตัวกลับกลายเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ในใจผมนึกเป็นห่วงเพื่อน แต่อีกใจก็นึกเห็นใจคนที่กำลังโอบกอดปลอบใจผมอยู่
ผมพยายามสูดน้ำมูกก่อนจะถอยตัวออกพลางยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา แต่กลับทำให้ทั้งน้ำมูกน้ำตาแถมน้ำลายด้วยกระมังเปรอะหน้าจนเละไปหมด
“สกปรกจริงๆเล้ย เอ้านี่”
แม้คำพูดจะเหมือนแสดงความรังเกียจแต่น้ำเสียงบ่งว่าเป้กำลังหยอกล้อผมอยู่ มือใหญ่ดึงกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดใบหน้าที่เลอะเทอะของผมในขณะที่อีกมือช่วยลูบผมที่ลงมาปรกหน้าผากให้ ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงไปขณะมองรอยยิ้มของเป้ผ่านตาที่พร่าเพราะม่านน้ำตาจนต้องกระพริบตาถี่ๆ
“ขอโทษว่ะเป้ เราไม่รู้จริงๆว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ เรานึกว่าเป้บอกเลิกโอ๊คเพราะไปมีคนอื่น”
เป้ฟังคำขอโทษของผมแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหันไปมองทางอื่น “ที่จริงเราพอรู้สึกอยู่บ้างแล้วล่ะว่าโอ๊คแค่คบเราเพราะเอาไว้อวดคนอื่น ก่อนนี้ก็เลยคิดว่าจะคุยกับโอ๊คให้รู้เรื่องอยู่แล้ว พอดีมีเพื่อนที่เคยเรียนม.ปลายที่เดียวกับโอ๊คมาเล่าให้เราฟังว่าเมื่อก่อนโอ๊คเป็นไง แล้วก็พาเราไปให้เห็นกับตาเอง เลยตัดสินใจได้ทันที”
ผมแย้งไม่ออกกับคำอธิบายที่ได้รับ นี่เองคือคำตอบต่อคำถามที่ผมเคยถามเป้เมื่อกลางวัน แต่ถ้าหากว่าเจ้าตัวตอบผมมาตามตรงตั้งแต่ตอนที่ผมถามโดยไม่ได้พามาเห็นเหตุการณ์ที่ร้านด้วยตัวเองผมก็คงไม่เชื่ออยู่ดี เป้เห็นผมไม่พูดอะไรจึงชำเลืองมองผมอีกครั้ง
“แล้วอีกอย่าง...เรามีคนที่รู้สึกชอบจริงๆขึ้นมาแล้วด้วย”
ผมช้อนสายตาขึ้นสบตากับคนตรงหน้าแล้วก็เห็นประกายบางอย่างในตาคู่นั้นที่ผมไม่อยากรู้ว่ามันคืออะไร ผมจึงถอยออกแล้วนั่งพิงพนักของตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือการได้อยู่ตามลำพังแล้วคิดอะไรเงียบๆคนเดียว
“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะเป้ แต่ไปส่งเราที่หอหน่อยได้ไหม”
แม้จะไม่หันไปมองแต่ผมก็พอรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองผมอยู่ สักพักเป้ก็เข้าเกียร์แล้วขับรถพาออกถนนใหญ่เพื่อวนไปส่งผมตามที่ขอ
++------++
ตอนนี้ไม่ต้องใส่หัวเรื่องว่าเป็นเรื่องเล่าหรือนิยายแล้วนะยกเว้นเรื่องสั้น*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย