•21•
ผมสะดุ้งตื่นตอนเที่ยงเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ใครบางคนกำลังเข้ามา...
ผมเป็นไข้ตามคาด เพราะไอ้พี่ครามนั่นแหละทำให้ฝนต้องออกไปยืนตากฝน แถมกลับมาก็ยัง...ทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นอีก ไม่ปล่อยให้ผมไปอาบน้ำก่อนเล่า
ไม่สิ อันที่จริง ไม่ควรจะทำมันด้วยซ้ำ คนอะไรโคตรหื่น บ้าบอ จู่ๆ ก็จับผมไปทำอะไรในห้องน้ำเนี่ยนะ โคตรแย่ โคตรเขินเลย ฮือ
ทุกสัมผัสของพี่ครามยังจดจำได้ถึงตอนนี้ มือร้อนที่ปาดป่ายไปทั่วตัว แตะไปตรงไหนก็ร้อนตามไปหมด ในหัวขาวโพลน มึนงง สับสน ทำอะไรไม่ถูก รสจูบหวานหอมมอมเมาผมจนลุ่มหลงอยู่อย่างนั้น ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่พี่ครามจูบกับจับนิดจับหน่อยผมก็อารมณ์เตลิดไปถึงขั้นนั้นแล้ว
ดีแค่ไหนที่ยั้งอารมณ์ตัวเองทัน
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าไม่ห้ามไว้หรือพี่ครามไม่หยุดจะเกิดอะไรขึ้น ...พอคิดได้อย่างนั้นก็หน้าแดงกว่าเดิม
น่าแปลกเหมือนกันที่ปกติผมไม่ชอบให้ใครมาจับตัว แต่พอเป็นพี่ครามทุกข้อห้ามกลับเป็นข้อยกเว้นไปเสียหมด ยอมให้พี่เข้าใกล้ ยอมบอกเรื่องราวของตัวเอง ยอมให้พี่แตะตัว สัมผัสพี่เขาไม่ทำให้ผมนึกรังเกียจเหมือนที่นิวทำเลยแม้แต่นิด กลับกัน...ผมรู้สึกดีด้วยซ้ำ ดีจนกลัวว่าถ้ามีครั้งต่อไป...ตัวเองอาจจะไม่มีแรงห้ามก็ได้
นี่มันไม่ดีเลย บ้าชะมัด
“แค่กๆ”
ผมไอออกมาเมื่อนึกถึง เกือบลืมไปแล้วว่ามีคนเปิดเข้าห้องมา และคงไม่ใช่พี่ครามเพราะพี่เขาต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว คิดพลันเหลือบสายตาไปทางห้องครัวใกล้กับทางเข้า ผมเจอคนแปลกหน้ายืนอยู่...
พี่คราม...ช่วยด้วย
“น้องปายตื่นแล้วหรอครับ พอดีเลยพี่ซื้อข้าวต้มมาให้ เดี๋ยวกินข้าวแล้วกินยานะ”
ใครอ่ะ รู้จักผมด้วย พี่คราม...
“...ครามไม่ได้บอกหรอว่าพี่จะมา?”
ผมมองเขา นิ่งไปก่อนจะระลึกนึกถึงช่วงเช้าที่ออกจะเบลอๆ ในความทรงจำเพราะพิษไข้
...
“ปาย พี่ขอโทษนะ เมื่อคืนน่าจะให้กินยาดักไว้ก่อน” พี่ครามพูดขึ้นทันทีที่เห็นผมนอนซม เมื่อสัมผัสที่หน้าผากแล้วว่าที่หมอหมาก็วินิจฉัยว่าผมป่วย
“แค่กๆ” ผมไอเป็นคำตอบ
“โอ้ย ทำไงดีเนี่ยะ พี่ต้องไปทำงานซะด้วย ไม่ได้ลาไว้ ปล่อยปายไว้คนเดียวก็น่าเป็นห่วงอีก”
ผมอยากจะบอกเขาว่าผมไม่เป็นไร ผมดูแลตัวเองได้ ตอนป่วยอยู่หอคนเดียวก็ทำมาแล้ว ไม่ต้องห่วง ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีแรงแม้แต่จะเรียกชื่อเขา
“สีเทาช่วยกลายร่างเป็นคนทีดิ้”
...ผมชักไม่แน่ใจว่าผมป่วยหรือพี่ครามป่วยกันแน่
“เอางี้ เดี๋ยวพี่ให้เพื่อนพี่มาช่วยดูให้ ไอ้ฟุ้งแม่งเหี้ย เสือกบอกที่ทำงานว่าลาไปค่ายหนึ่งอาทิตย์ โคตรเหี้ย”
“เดี๋ยวพี่โทรบอกมันแปบ”
“ไม่ต้องห่วงนะให้มันช่วยหาข้าวหาน้ำมาให้เฉยๆ และเผื่อปายเป็นอะไรจะได้มีคนช่วยดูแล”
“ถึงมันเหี้ยก็พอไว้ใจได้นะ”
พี่ครามว่ารัวๆ จนผมปฏิเสธไม่ถูก จับใจความแทบไม่ได้เมื่อสมองไม่ทำงานขนาดนี้ จนกระทั่งพี่ครามคุยโทรศัพท์เสร็จถึงให้ผมลุกมาทานโจ๊กสำเร็จรูป ห้องพี่ครามจะมีอาหารกึ่งสำเร็จรูปเยอะจนไม่มีทางอดตาย ก่อนจับให้ผมทานยาพาราแก้ไข้ไปก่อน ได้ยินลางๆ ว่าจะซื้อยามาให้ตอนเที่ยง
คำพูดสุดท้ายที่ผมจำได้คือ
“พี่คราม...เอาคุณเกรย์ไว้ห่างๆ หน่อยนะ เดี๋ยวคุณเกรย์ติดหวัด”
ว่าเช่นนั้นก่อนผล็อยหลับไป ไม่รู้ว่าพี่ครามได้ทำตามที่บอกไหม
...
พอเริ่มระลึกได้ก็มองหน้าผู้มาเยือนพร้อมพยายามเปล่งเสียงถาม “พี่ฟุ้ง...?”
“อ่าห้ะ ใช่แล้ว พี่ฟุ้งเอง พี่เอาข้าวกับยามาให้นะ ปายอยากได้อะไรเพิ่มรึเปล่า”
ผมส่ายหน้า เกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าคนไม่รู้จัก ไม่สิ อันที่จริงเกร็งมากๆ เลยทีเดียว ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีแรงลุกขึ้นมาทำอะไรอยู่ดี ได้แต่ขยับตัวยุกยิกอยู่บนเตียง
พี่ฟุ้งเมื่อสังเกตดีๆ แล้วเป็นคนหน้าตาน่ารักเลยทีเดียว ไม่เคยคิดจะชมผู้ชายคนไหนด้วยคำนี้ แต่กับพี่ฟุ้งถ้าไม่ใช้คำว่าน่ารักก็ไม่รู้จะใช้คำไหน กะเอาจากส่วนสูงแล้วน่าจะตัวเล็กกว่าผม ผิวขาว ร่างเล็ก หน้าตาใจดี ดูเป็นมิตรมากกว่าพี่ครามหลายขุม พี่ครามเอาแต่ว่าพี่ฟุ้งจนตอนแรกก็นึกว่าจะน่ากลัวกว่านี้เสียอีก
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี
แง้ว
“ไงไอ้เทา ไม่เจอตั้งนาน”
เสียงทุ้มเอ่ยว่าพร้อมยกอุ้มคุณเกรย์แนบตัว การที่คุณเกรย์ยอมให้พี่ฟุ้งจับเช่นนี้แสดงว่าคงสนิทกันมาก่อนใช่ไหม คุณเกรย์ในอ้อมกอดพี่ฟุ้งดมตัวเขาฟุดฟิด พี่แกก็ปล่อยให้คุณเขาดมให้พอใจก่อนวางลงพื้น
พร้อมกับยกถ้วยข้าวมาทางผม
ผมขยับตัวหนี
“...พี่ไม่ทำอะไรหรอก เอาข้าวมาให้กิน น้องปายลุกไหวมั้ย”
ผมพยักหน้า ชันตัวลุกขึ้นมานั่ง พี่ฟุ้งตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าก่อนเอามาจ่อปากผม
“ผม...ผมทานเองได้ครับ” บอกปฏิเสธพี่เขาไปอย่างเกรงใจ ทำไมจู่ๆ ก็มาปรนนิบัติผมดีขนาดนี้กัน ผมเกร็งจนทำอะไรแทบไม่ถูก
“ไม่ได้หรอก ครามมันสั่งให้พี่ดูแลน้องปายให้ดีๆ” ว่าพร้อมยกยิ้มมุมปาก
“ผมทานเองได้...จริงๆ นะครับ” ผมว่าพี่เขามาแกล้งชัวร์ๆ อีหรอบนี้ แง คุณเกรย์ช่วยด้วย
แน่นอนว่าคุณเกรย์ไม่ช่วย สุดท้ายพี่ฟุ้งก็ยอมให้ผมทานเองเมื่อผมไม่ยอมอ้าปากทานข้าวต้มในช้อนของพี่แก ผมลงมือทานข้าวต้มร้อนๆ แล้วรู้สึกดีขึ้นหน่อย ส่วนพี่ฟุ้งไปทำอะไรกุกกักอยู่ในห้องครัว เดาว่าคงให้อาหารคุณเกรย์อยู่ เมื่อทานเสร็จผมก็ชันตัวลุกจะเอาถ้วยไปเก็บ เสียแต่พี่ฟุ้งมาห้ามไว้ก่อนแย่งถ้วยในมือผมเอาไว้ในอ่างแทน
พอทำอะไรไม่ได้ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นง่อยทันที
ผมทานยาที่พี่ฟุ้งจัดมาให้หลังจากทานข้าวแล้วสักพัก คุณเกรย์กระโดดขึ้นมาบนเตียงจนผมร้องห้าม เดี๋ยวติดหวัดขึ้นมาทำไง กระวีกระวาดอุ้มคุณเขาให้ออกไปพ้นเตียง
“เออ มาแล้วนี่ไง”
“ตื่นอยู่ คุยมั้ย”
พลันได้ยินเสียงพี่ฟุ้งคุยโทรศัพท์กับใครบางคน ไม่นานพี่เขาก็ยื่นโทรศัพท์มือถือตัวเองมาให้ผม
“ครามอยากคุยด้วยน่ะ” ผมพยักหน้า รับมือถือเขาไว้ก่อนกรอกเสียงหาปลายสาย
“ครับ”
/ปายเป็นไงมั่ง/
“ก็ดีครับ”
/ฟุ้งดูแลดีมั้ย อยากได้อะไรรึเปล่า/
“ปายไม่อยากได้ และก็ปายดูแลตัวเองได้ พี่ครามบอกให้พี่ฟุ้งกลับไปเถอะ”
/อืม พี่ให้มันแวะเข้ามาตอนเที่ยงเผื่อปายเป็นอะไร เดี๋ยวมันก็กลับแล้ว/
ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ลืมไปว่าเขาคงไม่เห็นผม จึงได้แต่พยายามเค้นเสียงแหบๆ ออกไป “อืม”
/พี่จะรีบกลับไปหาปายนะ พักผ่อนนะครับ/
“ครับ...” จะรอนะ
อยากเอ่ยคำนั้นแต่อายพี่ฟุ้งเลยได้แต่อือออใส่พี่คราม เมื่อหมดธุระผมก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้พี่ฟุ้ง
“เป็นไงบ้าง ขาดเหลืออะไรบอกได้นะ”
ผมส่ายหน้า ตอนนี้ง่วงแล้ว
“งั้นพี่อยู่อีกแปบนึงเดี๋ยวกลับแล้ว ถ้าปายอยากได้อะไรก็บอกพี่นะ”
“ครับ” ผมว่าก่อนไหลลงไปนอนอย่างเก่า คุณเกรย์ยังคงกระโดดขึ้นมาป้วนเปี้ยนบนเตียง เสียแต่ผมเหนื่อยที่จะหยิบคุณเขาออกไปแล้ว เลยได้แต่ร้องบอกเขาอยู่ในใจ...คุณเกรย์อย่าเข้ามาใกล้ เดี๋ยวติดหวัด
แมวเทาตอบแทนผมด้วยการล้มตัวแหมะพิงขาผม
เฮ้อ เอาเถอะอย่างน้อยก็ไม่ใกล้มาก อันที่จริง...ตอนป่วยแล้วมีคนอยู่ข้างๆ มันก็ดี ยิ่งเป็นคุณเกรย์ที่เหมือนมานอนเฝ้าไข้ผมแบบนี้ด้วยยิ่งรู้สึกดี ผมมองคุณเขาที่สะบัดหางตุบๆ ก่อนผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา
...
จากความรู้สึกชอบเปลี่ยนมาเป็นรัก ไม่นึกเสียใจที่มีความรู้สึกให้กับคนๆ นี้ พี่ครามไม่ทำให้ผมเสียดายที่รักเขาขึ้นมาเลยสักนิด กลับกัน...ผมดีใจที่ได้รักพี่คราม
เพราะอย่างนั้นถึงได้กลัวหนักกว่าเดิม กลัวว่าตัวเองจะเผลองี่เง่าอะไรใส่พี่เขาจนเขารำคาญ กลัวว่าอาจจะทำอะไรให้พี่ครามไม่พอใจ กลัวว่าสักวันพี่ครามจะเบื่อผมแล้วหมดรัก กลัวว่าต้องจากคนๆ นี้ไปสักวันหนึ่ง
เรื่องเมื่อวานจึงคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้ต่อว่าเขากลับไปตอนที่พี่ครามขึ้นเสียงใส่ผมอย่างเข้าใจผิด แม้จะโมโห แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันเลวร้ายลง
การที่ผมปิดตัวไม่ค่อยให้ใครก้าวเข้ามาในโลกของผมมากนัก ทำให้แต่ละคนที่ผมยอมรับให้เข้ามากลับต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ เพราะไม่ค่อยมีเพื่อนมาก ไม่ค่อยรู้จักใคร มีไม่กี่คนที่ผมยอมให้เข้ามาในโลกของผม พอรู้จักจนสนิทแล้ว ผมค่อนข้างหวงแหนความสัมพันธ์ กลัวว่ามันจะเปลี่ยนเป็นอื่น
เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่อยากคบกับพี่คราม ในความสัมพันธ์ที่สามารถแตกหักได้อยู่เสมอ
อาจจะงี่เง่าขี้กังวลจนเกินเหตุ แต่ดีใจเอามากๆ เมื่อพี่ครามเองก็ยอมรับความคิดผมได้ กับพ่อแม่ผมที่เคยเป็นคนรักชายหญิง คบหาดูใจกันมาเป็นสิบปียังหมดรักกันได้ แล้วพี่ครามกับผมที่เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ มีอะไรมายืนยันได้ว่าเราจะครองรักกันตลอดไป
ไม่ได้คิดว่าตัวเองเหงา อันที่จริงมันน่าจะเลยจุดๆ นั้นไปแล้ว แต่ทว่าในช่วงที่พ่อกับแม่ผมแยกทางกันมันมีอะไรบางอย่างฝังลึกลงไปในใจ พ่อกับแม่ผมจบลงด้วยดี ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงเลยสักครั้ง เหมือนกับว่าแค่จู่ๆ ก็หมดรักกันแล้วทั้งคู่ แล้วต่างคนต่างไป ผมไม่ได้เหงา ไม่ได้น้อยใจ แต่มันมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกฝังอยู่ ความรู้สึกที่ติดอยู่ข้างใน ไม่สามารถเอามันออกไปได้ และผมก็ไม่คิดจะหาทางกำจัดมัน
เพราะเช่นนั้น จึงไม่ต้องเป็นความสัมพันธ์แบบคนรักก็ได้ ผมขอรักเขาไปเรื่อยๆ แบบนี้ดีกว่า แม้ว่าวันหนึ่งเราทั้งคู่อาจจะเลิกรัก แต่อย่างน้อยความสัมพันธ์มันคงจะไม่แตกหักร้ายแรงเท่ากับการเป็นคนรักกัน การที่ผมมีความสัมพันธ์ในสถานะอื่นจะช่วยให้ผมกับพี่ครามอยู่ด้วยกันได้นานขึ้น ผมคิดเช่นนั้น
ขอแค่ผมกับเขา...อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ได้แล้ว
...
ลืมตาตื่นอีกครั้ง ผมนอนหันข้างไปทางระเบียง ภาพแรกที่เห็นจึงเป็นแสงในห้องสลัวจนแทบมืด แสงอาทิตย์เริ่มน้อยลงทุกที ใกล้จะหมดวันแล้ว...คิดว่าถ้าตื่นมาเจอพี่ครามเลยก็คงดี ทว่าพอพลิกตัวหันไปอีกข้างกลับเจอแมวยักษ์หัวยุ่งมานอนหลับตาพริ้มอยู่
พี่ครามกลับมาตอนไหน?
เกิดคำถามผุดขึ้นในหัวทันทีที่เห็นเขานอนอยู่ข้างๆ ผมไม่รู้ตัวสักนิด พอลองขยับตัวปรากฏว่าคุณเกรย์ที่นอนพิงขาอีกข้างกลับลุกขึ้นยืดตัว นี่ก็ด้วย มานอนพิงขาผมตอนไหน หลังจากคุณเกรย์บิดขี้เกียจและหาวเสร็จผมก็คว้ามาฟัดพุงอย่างมันเขี้ยว อาการผมดีขึ้นเยอะกว่าตอนเช้ามากเลยทีเดียว มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาทันที เพราะได้ตัวเฝ้าไข้ดีแน่ๆ
แง้ว
คุณเกรย์ร้องโวย และผมรู้ หิวข้าวแล้วใช่ไหมล่ะ นอนเพลินเลยสิเนี่ย คิดพลางว่าจะลุกออกจากเตียงไปเติมข้าวให้คุณเขา ฉับพลันก็โดนคว้าเอวก่อนจะล้มตัวนอนอีกครั้ง คุณเกรย์กระโดดออกจากอ้อมแขนโดยสัญชาตญาณแมว
“พี่คราม...”
“ตื่นแล้วหรอหืม”
“ตื่นแล้ว...จะไปให้อาหารคุณเกรย์...” ผมว่าเสียงเบา พี่ครามที่ฉุดผมให้มานอนแผ่นั่งมองหน้าผมจากมุมบน คร่อมตัวผมไว้ไม่ให้มีทางออก
“หายรึยัง” ว่าพลางเอามือใหญ่มาทาบลงหน้าผากผม
“ดีขึ้นเยอะแล้ว พี่ครามปล่อยก่อน...”
“จริงหรอ ว่าจะจับฉีดยาสักหน่อย ทุกวันนี้มีแต่คนหาว่าพี่ไร้น้ำยา”
ผมหน้าร้อนทันทีเมื่อรู้คำว่า ‘ฉีดยา’ ของพี่ครามที่เป็นไปในความหมายอื่นเมื่อคนขี้แกล้งยกยิ้ม
“ปล่อยเลย”
ดีที่พี่ครามยอมทำตามที่พูด มาหน้ามืดหื่นกามอะไรตอนนี้อีกเนี่ย นับวันพี่ครามดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แล้ว กับคนป่วยก็ไม่เว้น แต่ผมรู้ พี่ครามจะไม่ทำมันหรอก ผมลุกขึ้นนั่งอีกครั้งก่อนลุกไปห้องครัวโดยที่มีพี่ครามเดินตามมา
“พี่ซื้อโจ๊กมาให้นะ”
“ง่ะ อีกแล้วหรอ...”
“ป่วยก็ต้องกินอาหารอ่อนๆ สิ”
“แต่ปายเบื่อ ตอนเช้าก็โจ๊ก กลางวันก็ข้าวต้ม เย็นก็โจ๊กอีกหรอ”
“ดีออกจะได้หายไวๆ”
“แล้วพี่ครามกินอะไร”
“ข้าวผัดกระเพรา”
“ปายอยาก...”
“กินโจ๊กไปเลย”
เมื่อรู้ว่าเถียงไม่ได้เลยได้แต่นั่งเบ้หน้าอยู่ตรงโต๊ะอาหาร พี่ครามเทกับข้าวให้ผมและตัวเขาเองก่อนนำมาเสิร์ฟ เทอาหารให้คุณเกรย์เรียบร้อยก็มานั่งทานกับผม
“ฟุ้งเป็นไงบ้าง ดูแลดีมั้ย”
“ดีครับ อันที่จริง...ปายนอนอย่างเดียวเลย แต่พี่ฟุ้งก็เอาข้าวเอายามาให้”
“ดีแล้วล่ะ”
“...พี่ฟุ้งหน้าตาน่ารักกว่าที่คิดเยอะเลย เพราะพี่ครามไปว่าพี่เขานั่นแหละทำให้ผมคิดว่าพี่ฟุ้งจะดูเถื่อนๆ”
“ก็มันเหี้ยจริง...ปาย...”
“หือ?”
“ฟุ้งมันมีผัวเด็กแล้วนะไม่ต้องห่วง”
“แค่กๆ ๆ ปายยังไม่ได้ว่าอะไรเลย!”
“เผื่อไว้ก่อน”
สิ้นเสียงพี่ครามผมวางแก้วน้ำลงพลางทานข้าวไม่กี่คำสุดท้ายจนหมด ไม่ได้หึงสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้ชอบพี่ฟุ้งในความหมายแบบนั้นด้วย
ผมทานยาก่อนเอาถ้วยไปไว้ในซิงค์น้ำ เปิดหาอะไรกินในตู้เย็น โจ๊กพี่ครามไม่สามารถทำให้ผมอิ่มได้ในเวลาเช่นนี้ ทันทีที่อาการดีขึ้น ท้องผมก็ร้องหาอาหารมากขึ้น สแกนอาหารในตู้เย็นผ่านตาไม่กี่วินาทีก็เห็นเค้กหน้าตาน่ากินวางอยู่ ผมหยิบออกมา
“พี่ครามซื้อมาหรอ”
“หืม เปล่านะ สงสัยไอ้ฟุ้ง”
“ปายกินนะ”
“หยุดเลยปาย ป่วยไม่ใช่หรอ”
“ปายกินได้แล้ว ดีขึ้นตั้งเยอะ หิวด้วย”
พี่ครามเดินมาทางผม หยิบเอาชิ้นเค้กออกจากมือไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
“พี่คราม” ผมร้อง
“ไม่ต้องกินเลย ไว้หายดีก่อน”
“ปายหิว...”
“เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อผลไม้ให้”
“พี่คราม...” ผมว่าเสียงอ่อน อยากกินอาหารที่มีรสชาติบ้าง อยากกินของหวานๆ ก็จริงแต่ไม่ได้อยากกินผลไม้นี่ อยากกินเค้ก “พี่คราม...ให้ปายกินเถอะ”
“ไม่ต้องมองอย่างนั้นเลย” พี่ครามว่าเมื่อผมช้อนตามอง อ้อนขอของกินในมือ
“พี่คราม...”
“หยุดอ้อนเลย พี่ไม่ใจอ่อนหรอก” พี่ครามว่าทันทีที่ผมเข้าไปเกาะแขน
“พี่คราม....”
“ไม่ต้องทำเสียงหวานเลย”
“เมฆ...”
“ไม่ต้องมาเรียกอย่างนั้นด้วย”
…
“เมี้ยว”
...ชนะจนได้
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
พี่ครามจงเป็นนกที่แข็งแกร่ง
ช่วงนี้อาจจะมาอัพช้าหน่อยนะคะ งานโถมมากๆ เลย
ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
เมี้ยว...