ตอนที่ 12 : ตัวหลอก กลุ่มของผมรวมพลบ้านนอกเข้ากรุงของแท้ครับ พอลงรถได้เหมือนปูหลุดออกจากกระด้ง หันซ้ายหันขวาตื่นตาตื่นใจไปหมด
บ้านพี่ธามติดทะเลแถมมีสระว่ายน้ำ ถึงจะเป็นสระขนาดเล็กแต่แค่นี้ก็สุดยอดแล้วสำหรับพวกผม ผมเห็นคนเดินออกมาจากบ้าน
เดาว่าเป็นครอบครัวพี่ธาม จึงรีบสะกิดเพื่อนๆ ให้รักษาอาการ พากันสงบเสงี่ยมลงทันที
พ่อแม่พี่ธามดูใจดีอย่างที่บอกเลยครับ ผมได้ยินพวกพี่โจพูดให้ฟังว่าที่บ้านพี่ธามรู้เรื่องรสนิยมพี่ธามด้วย แต่รักลูกมากจึง
พยายามเข้าใจ แรกๆ มีตะขิดตะขวงใจบ้างแต่ตอนนี้พี่ธามพาใครไปแนะนำรับได้หมดแล้ว น้องสาวพี่ธามก็น่ารักอย่างกับตุ๊กตา
ชื่อน้องดา ธีรดา ดูแล้วสองพี่น้องน่าจะอายุห่างกันเยอะ น้องดายังเรียนม.ต้นอยู่เลยครับ แม่พี่ธามบอกว่าเป็นลูกหลง
พวกเราเอาของเข้าไปเก็บในบ้าน ล้างหน้าล้างตาพอให้สดชื่น วันนี้แม่พี่ธามจะจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวให้ตอนมื้อค่ำ พวกอดอยากปาก
แห้งอย่างแก๊งค์ผมลูบท้องรอกันเป็นแถว แอลกอฮอล์เห็นมีเตรียมไว้ให้เป็นลังๆ แค่คิดก็แฮปปี้แล้ว ตัดสินใจถูกจริงๆที่มา
ผมกับเพื่อนเสนอหน้าเป็นคนดี ขออยู่ช่วยเตรียมข้าวของสำหรับมื้อเย็น แต่แม่พี่ธามมีแม่บ้านเป็นคนในพื้นที่มาช่วยอยู่แล้วสองคน
เลยไล่ให้พวกผมไปเที่ยวเล่นตามใจ เหลือแค่ไอ้มีนที่ยังอยู่ช่วยทำงาน มันเป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มผมเรื่องนี้ครับ สมกับที่เป็น
แม่ของกลุ่ม
ไม่ใช่แค่เพราะมันดูแลพวกผมดี แต่เพราะไอ้มีนเก่งงานบ้านทุกอย่าง เย็บปักมันยังทำได้เลยครับ มันมีพี่น้องห้าคน มันเป็นพี่คนโต
เตี่ยกับแม่เปิดร้านขายของอยู่ในตลาด ไอ้มีนต้องเลี้ยงน้องอยู่บ้านตั้งแต่เด็ก มันถึงติดนิสัยดูแลคนอื่นมาถึงทุกวันนี้
“ชอบไหม” พี่คินมายืนข้างๆ ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมมัวแต่ยืนรับลมทะเลเพลินๆ
“ชอบครับ มากด้วย” ผมหันไปส่งยิ้มให้
“วันหลังไปเที่ยวบ้านพี่ ความจริงอยู่ไม่ไกลที่นี่มาก ถ้าอยากนอนสบายๆ ไม่เบียดกันมากจะแยกไปพักสองที่ก็ได้” แหมอยู่กับ
กลุ่มคนรวยก็ดีอย่างนี้ คนโน้นก็มีคนนี้ก็มี
“พักแบบนี้ดีกว่าครับ สนุกดี อยู่ด้วยกันสนุกกว่าเยอะ” ผมตอบไปแล้วถึงเพิ่งคิดได้หรือว่าพี่คินรู้สึกไม่สบาย
“แต่พี่คินต้องพักกับพวกผมจะอึดอัดหรือเปล่าครับ” ผมชักเริ่มเป็นห่วงแก
“ต้องนอนเบียดกันหลายๆคนพี่คินนอนได้ไหมครับ” หน้าผมเริ่มกังวลจริงจังมาก
“ได้สิ เห็นพี่เป็นยังไง” พี่คินหัวเราะ เอามือขยี้หัวผม ผมยกมือขึ้นจับมือแกไว้เดี๋ยวผมเสียทรงหมด แต่พอสบตาพี่คินเลยกลาย
เป็นจับมือกันค้างอยู่แบบนั้น พี่คินคล้ายกำลังจะพูดอะไรบางอย่างถ้าไม่มีเสียงขัดขึ้นมาก่อน
“เพิ่งรู้ว่าหัวหินน่าเที่ยวกว่าญี่ปุ่น” เสียงพี่ธามครับ ทีแรกผมฟังยอมรับว่าตกใจนึกว่าพี่ธามพูดแดกดันพี่คิน แต่พอมองหน้า
พี่ธามกับมองหน้าพี่คิน ก็ไม่เห็นมีใครมีสีหน้าไม่พอใจ ยังยิ้มให้กันดีผมเลยเบาใจ
“ก็ตั้งใจจะไป แต่เห็นเพื่อนรักอย่างมึงชวน กูเลยไม่อยากขัด”
“มึงมาเพราะกลัวกูเสียใจ”
“เปล่า กูมาเพราะกลัวบางคนเสียใจ” พี่คินพูดแล้วหันมามองหน้าผม สุขสุดๆ ครับ ไม่ต้องพูดอะไรมากแค่นี้ผมก็ปลื้มปริ่มแล้ว
“หุบยิ้มบ้างก็ได้” พี่ธามแซวลอยๆ ไม่เอ่ยชื่อผม
“แต่ปียิ่งยิ้มยิ่งน่ารักนะ ยิ่งมีเสน่ห์“ พี่ธามเดินเข้ามาใกล้ ยื่นนิ้วมาจิ้มแก้มผม
“เห็นปีแบบนี้พี่ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ไม่ได้รู้สึกอยากถอยสักนิด” พี่ธามเปลี่ยนเป็นเอามือมาลูบแก้มผมแทน แถมหัวเราะทิ้งท้ายไว้
สองหึแล้วเดินกลับเข้าบ้านไปดื้อๆ ผมเริ่มชักสงสัยไอ้พี่ธามมันเป็นโรคจิตหรือเปล่าวะ หรือเป็นมาโซคิสม์ ยิ่งเจ็บยิ่งชอบ บรื้อ
ขนลุก
ผมมองตามหลังพี่ธาม มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ พี่คินก็ยื่นมือมาจับคางผมให้หันหน้าไปหา ผมจะอ้าปากถาม แต่พี่คินก้มลงมา
จูบแก้มผมผมเสียก่อน
“พี่คิน! เดี๋ยวใครเห็น” ผมตกใจครับรีบหันไปมองซ้ายมองขวา โล่งอกที่ไม่มีใครยืนอยู่ พี่คินไม่ตอบ จูบเสร็จก็เอามือมาลูบแก้มผม
ลูบเสร็จส่งยิ้มให้แล้วเดินเข้าบ้านไปอีกคน เล่นเอาผมงงรับประทาน สมกับเป็นเพื่อนกันจริงๆ เข้าใจยากฉิบหาย
ผมไม่ได้เข้าใจยากเรื่องจูบนะครับ รู้ว่าพี่คินต้องการลบรอยที่พี่ธามลูบแก้มผมไว้ แต่ผมไม่เข้าใจเรื่องที่คนหนึ่งก็เอาแต่พูด พอ
พูดจบหัวเราะหึๆ แล้วเดินเข้าบ้านไป ส่วนอีกคนไม่พูดอะไรเลย จูบผมเสร็จก็เดินเข้าบ้านไปเช่นเดียวกัน ตกลงพี่เป็นเชี่ยอะไรกัน
ผมอยากรู้ทำไมไม่มีใครฟังผมเลย
..........................................................
-ธาม-ผมพอมองเห็นอนาคตรำไร ตั้งแต่รู้ว่าคินยกเลิกทริปไปญี่ปุ่นเปลี่ยนมาเที่ยวหัวหินด้วยกันแทน รู้เลยว่าสามสี่วันนี้ไม่ใช่วันของผม
แน่ ในเมื่อปีมันแสดงออกของมันอย่างชัดเจน มันทั้งมองตามทั้งติดหนึบ สายตาชื่นชมบูชาเสียขนาดนั้น แต่มันยิ่งดูน่ารัก จะ
ตลกไหมถ้าผมจะบอกว่าผมชอบมองเวลาปีอยู่กับคิน ทั้งที่คินควรจะเป็นศัตรูหัวใจเบอร์หนึ่งของผม
จะว่าไปเรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยซีเรียส ถึงกับเคยมีคนสงสัยว่าผมเคยชอบใครจริงหรือเปล่า ตอบเลยว่าเคยครับ แต่อาจยังไม่
มากพอ
“อร่อย” ผมหยิบหมูทอดใส่ปาก หมูเค็มกำลังดี นี่ถ้าได้ข้าวสวยร้อนๆ สักจานคงดี คิดแล้วน้ำลายไหล ผมจะหยิบเพิ่มแต่โดนแม่
ตีมือเสียก่อน
“โหยงก” ผมบ่นมารดาบังเกิดเกล้า ยังมองหมูทอดตาเป็นมัน
“ฝีมือไม่ตกเลยนะคุณนายธนพล” ธนพลคือชื่อพ่อผมครับ ผมชอบเรียกแม่แบบนี้
“ฝีมือแม่ที่ไหนฝีมือหนูมีน” หนูมีนไหนวะผมเห็นมีแต่ป้าแม่บ้าน
“หนูมีนไหนเหรอแม่” ผมยังข้องใจ
“อ้าว?” คราวนี้แม่ผมทำหน้างงเสียเอง
“ก็หนูมีนรุ่นน้องที่มากับลูกไง อะไรกันลูกชายฉัน เรียนยังไม่ทันจบสมองฝ่อแล้วเหรอ”
“อ๋อไอ้มีน แม่เรียกมันซะผมคิดว่าเป็นผู้หญิง”
“เป็นผู้หญิงก็ดีน่ะสิ แต่..ไม่เป็นก็ไม่ใช่ปัญหาไม่ใช่เหรอ” แม่ผมหัวเราะคิกคักเป็นสาวรุ่นเลยครับ แรกๆ แทบไม่กล้าพูดถึงเดี๋ยวนี้
แซวเอาๆ
“โหแม่ ใครก็มาเถอะแต่คนนี้ไม่ไหวมั้งครับ ปากมันเห่าแต่ละทีเล่นเอาหมายังกลายเป็นแมวเลย”
“ไปว่าน้อง”แม่ดุผมท่าทางจริงจัง อะไรวะมายังไม่ถึงครึ่งวันไปสนิทสนมกันตอนไหน
“ว่าอะไรครับผมไม่เคยว่ามันเลย มีแต่มันแหละด่าผมเอา ๆ” ผมไม่ใช่ผู้ชายขี้ฟ้องแต่บ้านผมสนิทกันมาก คุยกันได้เกือบทุกเรื่อง
ผมถึงกล้าบอกเรื่องรสนิยมผมให้ครอบครัวรู้
“นี่ไงธามกำลังว่าน้องอยู่ เดี๋ยวจะโดนตี” แม่ไม่พูดเปล่าเงื้อมือขู่ผม
“แล้วนี่น้องดาไปไหนครับ” เปลี่ยนเรื่องดีกว่าครับ ท่าทางแม่ผมจะของขึ้นจริง
“ออกไปกับหนูมีน รายนั้นอ้อนให้พี่เขาสอนทำชีสพาย แม่ห้ามแล้วนะแต่หนูมีนบอกทำไม่ยาก เลยออกไปซื้อของมาทำกัน”
“อย่างมันนะทำเป็น” ผมอดหัวเราะไม่ได้ “จะกินได้เหรอ” แม่ผมหันมาค้อนขวับทำราวกับเป็นไอ้มีนเสียเอง
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็ไม่ต้องกิน นี่ด้วย นี่ด้วย” แม่ผมกวาดนิ้วไปบนโต๊ะ
“พวกนี้หนูมีนเป็นคนทำ แล้วเดี๋ยวมื้อเย็นเราก็ไม่ต้องกินเพราะน้องช่วยแม่ทำ” บ๊ะมันเล่นของใส่แม่ผมหรือเปล่า
“ล้อเล่นน่า นี่ชิมหมูทอดก็รู้แล้วว่ามันทำอร่อย” เพราะกลัวต้องอดผมเลยกลับคำแทบไม่ทัน
“ว่าแต่ทำไมแม่เรียกมันว่าหนูมีน”
“ก็ดูหน้าตาน้องสิ ตัวก็เล็ก ตาก็โต ยิ้มหวาน พูดเพราะ โอ้ยน่ารัก” แม่ผมบรรยายสรรพเสียน่ารักน่าชัง
“แม่ ผมว่าคนละมีนแล้วล่ะ” ไอ้ตัวเล็กตาโตมันก็ใช่นะ แต่ที่เหลือไม่ใช่เลยนี่หว่า
“แล้วธามพามาด้วยกี่มีน” แม่ผมค้อนขวับๆ ขยันค้อนจริงวุ้ย
“ก็มีนเดียวแหละแม่ แต่ไอ้ยิ้มหวานกับพูดเพราะ ธามนอนยันนั่งยันเลยนะแม่ว่าไม่ใช่ไอ้มีนแน่ๆ”
“ไปทำอะไรให้น้องน้องมันถึงไม่พูดดีด้วย”
“แม่(ผมขึ้นเสียงสูง) นี่ธามลูกแม่นะครับ นั่นน่ะคนอื่นเจอยังไม่ข้ามวันเลย” ผมโอดครวญ
“ไปไป๊ พูดมาก แม่จะเตรียมของมื้อเย็นเดี๋ยวไม่เสร็จ” นอกจากไม่รับฟังแล้วยังออกปากไล่ผมอีกต่างหาก แต่ก่อนไปผมคว้าหมู
ทอดมาได้หลายชิ้น เออ มันก็ทำอร่อยจริงๆ นั่นแหละ ไอ้ตัวแสบมันเก่งกว่าที่ผมคิด
.......................................................
-ปี-
ผมกำลังช่วยมีนขนจานใส่กุ้ง ปู ปลาหมึกออกมาจากในครัว พวกพี่ๆ เริ่มตั้งโต๊ะดื่มกันตั้งแต่ยังไม่เย็น ไอ้มีนมันเอาหมูทอด ยำ
รวมมิตร กับปีกไก่ทอดมาวางไว้ให้แก้เหงาปากกันไปก่อน ตอนมันวางจานลงตรงหน้าคนอื่นมันไม่พูดอะไร พอเป็นตรงหน้าพี่ธาม
มันมีเสียงขึ้นมาทันที
“เอ้าแดกๆ เข้าไป” พี่ธามแค่หัวเราะแต่พี่คินที่นั่งอยู่ข้างกันถึงกับอาหารติดคอ ไอแค่กๆ ออกมา
“พี่คินผมขอโทษเป็นอะไรหรือเปล่า” มีนรีบเดินไปลูบหลังให้พี่คิน แหมไอ้มีนถึงเป็นมึงกูก็หวงโว้ย พี่คินยกน้ำขึ้นดื่มอยู่พักใหญ่
กว่าจะหายไอ
“ผมไม่ได้หมายถึงพี่คินนะครับ” ไอ้มีนรีบแก้ตัว
“อ้าวหรือมึงหมายถึงกู” พี่ธีร์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามพี่ธามถามขึ้นบ้าง แต่คนที่ไอ้มีนพูดถึงกับนั่งยิ้มไม่ยักจะร้อนตัว
“พี่จะถามเอาอะไร ไม่กินกันใช่ไหมผมได้ยกไปเก็บ” ไอ้มีนเตรียมคว้าจาน พี่ธามเอื้อมมือไปจับข้อมือมันไว้ก่อนพูดกลั้วหัวเราะ
“วางไว้เถอะเดี๋ยวพี่แดกเอง” ปกติพี่ธามไม่เคยพูดคำหยาบกับพวกผม ผมเดาว่าคงล้อไอ้มีน ไอ้มีนชักมือออก สะบัดหน้าใส่ ผม
อ่อนใจกับมันจริงๆ ไม่รู้มันจงเกลียดจงชังอะไรพี่ธามเขาหนักหนา
“ปีถ้าเสร็จแล้วมานั่งเถอะ” เสียงพี่คินเรียกผม ผมมองซ้ายมองขวาหาที่ว่าง พี่โจที่นั่งข้างพี่คินลุกขึ้น
“ปีมานั่งนี่ พี่จะไปนั่งเป็นเพื่อนไอ้ภัทร โดนเพื่อนปีรุมอยู่คนเดียวเดี๋ยวคืนนี้มันฝันร้าย” เสียงพี่โจยังไม่ทันขาดคำ ไอ้พวกเพื่อน
ผมที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็โห่กันมาเป็นขบวนหน้านาค
“เขาเรียกว่าสุลต่านอยู่ในฮาเร็มพี่ เคยได้ยินหรือเปล่า ปรนนิบัติพัดวีอย่างดี มีป้อนให้ถึงปาก” เสียงน้องนายครับ ทำชดช้อยจน
น่าหมั่นไส้
“มิน่าไอ้ภัทรมันถึงทำหน้าเยี่ยวไม่ออก” สามีน้องนายส่งเสียงตอบรับภรรยาดังจากหัวโต๊ะ
“แล้วพี่อยากเยี่ยวไม่ออกบ้างไหมเดี๋ยวจะให้คุณรัชตะมันไปป้อนให้ถึงปากด้วยปากมันเอง” บางทีเป็นคุณรัชตะก็น่าสงสารครับ
มันเป็นตัวเลือกเดียวจริงๆ ที่พวกผมจะนึกถึงเวลาต้องเอ่ยชื่อใครสักคนขึ้นมา แต่คุณรัชตะไม่เคยว่าอะไร เอาแต่นั่งฟังยิ้มๆ บอก
ดีใจที่เพื่อนนึกถึง อืมไอ้คุณรัชตะมึงดีเกินไปแล้ว
ผมเดินไปนั่งข้างพี่คิน พี่คินเลื่อนจานช้อนที่ยังไม่ได้ใช้มาให้ ผมค้อมศีรษะขอบคุณ พี่คินหันมายิ้มให้ก่อนมยกมือขึ้นลูบหัวผมเล่น
“มึงสองตัวนี่ยังไง” พี่ธีร์ไม่ให้สัญญาณกันบ้างเลยเล่นจู่โจมผมกับพี่คินแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไอ้โจมึงพูดมา” พี่โจสะดุ้งโหยง ย้ายไปนั่งตั้งไกลยังโดนพาดพิง
“เกี่ยวไรกับกูวะ”พี่โจบ่นงึมงำ
“มึงดูมีลับลมคมใน มึงรู้อะไรไม่บอกกูหรือเปล่า” พี่ธีร์ยังไล่บี้พี่โจไม่เลิก
“เชี่ยกูจะรู้อะไร มึงดื่มเบียร์ไปไม่เท่าไหร่เมาแล้วเหรอวะ”พี่โจบ่นๆ แต่ไม่ยอมหันมาสบตากับพี่ธีร์
“ไอ้คินมึงยังไงกับไอ้ปีพูดมา กูสงสัยมาสักพักล่ะ ตัวติดกันตลอด” พี่ธีร์หันมาเล่นงานพี่คินบ้าง ผมตาค้างไม่อยากให้เป็นแบบนี้
ผมกำลังมีความสุขดีอยู่แล้วไม่อยากได้ยินอะไรบีบหัวใจ ได้แต่ส่งสายตาไปหาไอ้มีน มึงกูไม่อยากได้ยินว่ะ
“แล้วพี่ไม่สงสัยอะไรผมบ้างเหรอ” เสียงไอ้มีนครับ มันเดินมาหยุดยืนหลังเก้าอี้ผม
“สงสัยอะไรมึงวะ” พี่ธีร์หันไปมองหน้าไอ้มีน
“อ้าว ผมนึกว่าพวกพี่พอจะรู้กะว่าจะสารภาพเสียหน่อย ไม่อยากให้พวกพี่จับได้ก่อน งั้นไม่บอก” มันพูดจบก็เดินไปจุดเตาบาร์บิ
คิวที่อยู่ใกล้ๆ
“เชี่ยมีน อย่าพูดให้อยากแล้วจากไปสิวะ มึงจะสารภาพอะไร” พี่ธีร์รีบลุกเดินตามไปตอแยไอ้มีนที่เตา ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ
ออกจากปาก แอบเหลือบมองพี่คินเห็นขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรอยู่
“ไอ้ปี” พี่ธีร์เดินกลับมาที่โต๊ะ ผมสะดุ้งเฮือกนึกว่าจะโดนสอบอีกรอบ
“เพื่อนมึงมันจะสารภาพอะไรวะ”
“ผมไม่รู้”
“มึงไม่ต้องตอแหล มึงเพื่อนสนิทกันทำไมจะไม่รู้” พี่ธีร์ไม่ยอมแพ้ จะเอาคำตอบให้ได้
“ว่าไงนาย บาส รัชตะ รู้เรื่องกันบ้างหรือเปล่า”
“ไม่รู้หรอกพี่นายเป็นแค่เพื่อนมัน ตำแหน่งเพื่อนไม่มีใบรับรองให้เสือกได้นะคะ” ขอบใจมากน้องนาย วันนี้มึงพูดดีจนกูน้ำตาจะไหล
“ผมก็ไม่รู้ครับถ้าคุณมีนอยากให้รู้คงบอกเอง” คุณรัชตะตอบบ้าง ไอ้บาสรีบยกมือสนับสนุน มันเหลือเป็นคนสุดท้ายคงกลัวโดน
พี่ธีร์สอบหนัก
“ไอ้มีนมันปากแข็งงั้นกู..” พี่ธีร์หันมามองผม ให้รู้ว่าเปลี่ยนใจกลับมาเสือกเรื่องผมแทน
“รำคาญน่าพี่ ผมแค่แอบชอบเพื่อนพี่เท่านั้นเอง” เสียงไอ้มีนครับ มันเดินถือจานบาร์บิคิวกลับมาที่โต๊ะ อย่าว่าแต่พี่ธีร์ช็อคเลยผม
เองยังช็อค
“เฮ้ย! จริงเหรอวะ! มึงชอบใครไอ้มีน” พี่ธีร์ตื่นเต้นใหญ่ สายตากกวาดมองหาผู้ต้องสงสัย
“หรือมึงชอบไอ้คินเลยให้ไอ้ปีมันมาออกหน้าตีซี้ให้” ผมเห็นมีนตวัดสายตารอบโต๊ะแวบนึง ก่อนมันจะเดินมาหยุดยืนข้างเก้าอี้พี่ธาม
“ผมชอบพี่ธามครับ” มันก้มหน้ามองพี่ธาม แล้วพูดในสิ่งที่ทำเอาทั้งโต๊ะอัมพาตกิน
“เชี่ย” นี่เสียงผม
“หลอกกูหรือเปล่าไอ้มีน มึงแทบจะกินหัวไอ้ธาม ตัวล่อหรือเปล่า มึงอย่ามาทำเนียน” ไอ้มีนถอนหายใจออกมาดังๆ เมื่อได้ยินคำ
พูดพี่ธีร์
“ก็ผมมันพวกปากกับใจไม่ตรงกัน อีกอย่างพี่ธามชอบไอ้ปีผมเลยกันท่า ไม่อยากให้จีบเพราะผมเสียใจไง” มันพูดน้ำเสียง
เหมือนเขินอายแต่ตาไร้อารมณ์มาก ผมสนิทกับมันมานาน ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าที่มีนพูดไม่ใช่เรื่องจริง
“งั้นหรือ พี่นึกว่ามีนเกลียดพี่เสียอีก” พี่ธามเพิ่งพูดออกมาประโยคแรก
ไอ้มีนกัดปาก นิ่งไปชั่วครู่ก่อนมันจะส่ายหน้า “ไม่เกลียด ชอบครับ” มันพูดออกมาแม้ไม่ดังมากแต่ก็ได้ยินกันทั้งกลุ่ม
“ผมขอตัวก่อนนะครับ มันเขินๆ” ไอ้มีนทิ้งท้ายไว้ก่อนขอตัวเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน
ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงจะกลับมาดังเซ็งแซ่เป็นนกกระจอกแตกรัง มีเพียงผม พี่คิน พี่ธาม ที่ไม่พูดอะไรเลย
“คินกูฝากแทคแคร์คนอื่นแทนกูด้วย เดี๋ยวกูมา” พี่คินพยักหน้ารับคำพี่ธาม
“มึงไปเถอะกูดูให้เอง” ผมขยับตัวอยากตามเข้าไปด้วย แต่พี่คินจับแขนผมไว้ ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกให้ผมนั่งลง ผมจึงได้แต่มอง
ตามหลังพี่ธามไป
.................................................................
-ธาม-ผมเดินตามมีนเข้าไปในครัว เห็นมันกำลังตักต้มยำในหม้อใส่ชาม ไม่มีอาการหลบมาเขินอายอย่างที่บอกสักนิด
“พลีชีพเพื่อเพื่อนเลยเหรอเรา” ผมยืนพิงโต๊ะกินข้าว มีนยืนอยู่หน้าเตาหันหลังให้ผม ไอ้ตัวแสบหันมามองผมนิดนึงก่อนหันกลับ
ไปตักอาหารต่อ ตอนแรกผมนึกว่ามีนจะใช้วิธีนิ่งไม่พูดกับผมแต่สักพักก็หันมา
“ผมรู้ว่าพี่มีรสนิยมทางนี้อยู่บ้างพี่คงไม่กระเทือนเท่าไหร่ แต่ก็ขอโทษที่ดึงเข้ามาวุ่นวายด้วย”
“บอกได้ไหมทำไมถึงทำแบบนี้ พี่ว่ามันไม่จำเป็นเท่าไหร่มั้ง” มีนหยุดตักอาหาร เดินมาดึงเก้าอี้ลงนั่ง พยักหน้าเหมือนบอกให้ผม
นั่งลงด้วย
“พี่รู้ว่าไอ้ปีชอบพี่คินใช่ไหม” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
“จากที่ผมมองๆ ผมว่าพี่คินก็น่าจะชอบพอไอ้ปีอยู่บ้าง แต่ไอ้ปีมันรักพี่คินมากไม่ใช่แค่ชอบ ตอนนี้ก็เหมือนมันมีความหวัง”
“กลัวคำตอบของคินเหรอ” ผมถามมีนแต่มีนส่ายหน้า
“ไอ้ปีมันคงกลัวแต่ผมกลัวอย่างอื่น ผมไม่รู้ว่าพี่คินแคร์เรื่องพวกนี้หรือเปล่า ผมกลัวว่าอะไรที่มันกำลังคืบหน้า มันจะชะงัก เพราะ
มีคนแซวมากเกินไปเสียก่อน เกิดพี่คินไม่อยากโดนเพื่อนแซวแล้วพูดปัดไปว่าไม่ใช่หรือตอบว่าไม่ชอบขึ้นมา มาเที่ยวคราวนี้ไอ้ปี
คงหมดสนุก ไม่ใช่สิ มันคงกลายเป็นศพไปเลย พี่เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม” ผมพยักหน้าว่าเข้าใจแต่ผมอดคิดนอกเรื่องไม่ได้ นี่
เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่มีนพูดกับผมดีๆ ไม่เอาแต่กัดหรือด่าผม
“แต่มีนจะโดนแซวเสียเองคิดเรื่องนี้ไว้หรือเปล่า พี่น่ะไม่เป็นไรหรอก “
“ผมก็ไม่เป็นไร ใครๆ ก็รู้ว่าผมชอบผู้ชาย จะประกาศว่าชอบพี่ออกไปหรือชอบพี่โจ พี่ภัทร ก็ได้ทั้งนั้น มันไม่ได้มีอะไร
เปลี่ยนแปลงหรอก แต่ผมขอยืมชื่อพี่เพราะพี่เป็นคนเดียวที่เอ่อ..ผู้ชายก็ได้ ถ้าผมบอกว่าชอบคนอื่นเดี๋ยวจะกระอักกระอ่วนใจ
มองหน้ากันไม่ติด” มีนหยุดเพื่อหายใจก่อนจะพูดต่อ
“อีกอย่างไอ้ปีกับพี่คินไม่ได้เป็นอย่างเรา ผมไม่รู้ว่าจะรับเสียงแซวกันไหวไหม” พอคิดตามก็จริงอย่างที่มีนพูด ผมเองช่วงแรกที่
บอกออกไปใช่ว่าจะไม่มีเสียงนินทา ขนาดว่าผมรู้ตัวเองแน่ชัดยังมีช่วงที่รู้สึกอ่อนไหว คินมันยังไม่แน่ใจตัวเองด้วยซ้ำ ผมเดาไม่
ถูกเหมือนกันว่ามันจะรับไหวหรือเปล่า
ผมมองไอ้ตัวแสบมันเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ โชคดีของปีที่มีเพื่อนอย่างมัน มันฉลาด มันเข้าใจ มันเห็นใจคนอื่น มันเอาตัวเข้าบัง
ให้เพื่อน เผื่อแผ่มาถึงคินด้วย
“มีนจะออกไปเลยไหม” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย คิดว่าเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“สักพักพี่ ผมจัดการเก็บในครัวให้เสร็จทีเดียวเดี๋ยวจะได้เริ่มกินข้าวกัน ฝากพี่เรียกคุณลุงคุณป้ากับน้องดาลงมากินข้าวด้วยนะ
บอกว่าพร้อมแล้ว” ผมพยักหน้า ลุกขึ้นยืน แต่พอจะเดินไปมีนกลับเรียกเอาไว้
“พี่ธาม”
“ครับ”
“ถ้าพาลงมาได้เลยก็ดีนะเอาน้องดาก่อนก็ได้ กลัวพี่ธีร์มันจะเข้าประเด็นไอ้ปีอีก”
“ได้สิ เดี๋ยวพี่จัดการให้”
“พี่ธาม” มีนเรียกหนนี้ผมเดินเกือบจะพ้นประตูห้องครัวแล้ว
“ครับ”
“ขอบคุณ ขอโทษที่ทำให้ลำบาก แล้วก็...” มีนกัดปากอีกแล้ว ผมสังเกตมาหลายทีถ้ามีนมีเรื่องให้คิดมาจะกัดมุมปากตัวเอง
“ผมเชียร์ไอ้ปีกับพี่คินเพราะอยากให้เพื่อนสมหวัง แต่ถ้าพี่จะจีบไอ้ปีต่อผมก็จะไม่ขัด”
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้มีน มีนส่งยิ้มแหยๆ กลับมาให้ผม
ดูจากรอยยิ้มผมว่ามีนยังไม่หายเกลียดขี้หน้าผมหรอก แต่มีนเป็นคนไม่ชอบติดหนี้บุญคุญใคร คำอนุญาตเมื่อครู่เดาว่าเพื่อ
ตอบแทนที่ผมยอมให้เอาชื่อไปอ้างได้ แปลกที่ผมรู้จักมีนไม่นานแต่กลับเข้าใจสิ่งที่มีนคิดอยู่ มีนเป็นเด็กดีวันนี้ผมพูดได้เต็ม
ปากเต็มคำ
>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin