บนทางเท้าระหว่างทางที่เมฆเดินไปยังหอพักของตนซึ่งอยู่ติดๆ กัน มีรถสีดำคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาช้าๆ ก่อนจะจอดเทียบทางเท้าไม่ไกลจากจุดที่เขาเดินอยู่ จากนั้นก็มีผู้ชายในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนคนหนึ่งก้าวออกมาจากรถ เมฆชำเลืองมองอย่างสงสัย เพราะดูจากอายุแล้วคนคนนี้ไม่ใช่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแน่ๆ
ชายคนนั้นยืนหันรีหันขวาง แล้วล้วงหยิบบางสิ่งบางอย่างจากกระเป๋ากางเกงออกมาดู ทำให้แผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงลงมาโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว
“คุณครับ ของตก!” เมฆเดินไปหยิบแผ่นกระดาษนั่นแล้วเรียกอีกฝ่ายไว้
“อ้อ ขอบใจ”
หากพอจะส่งคืนให้ก็สังเกตเห็นข้อความบนนั้นว่าเป็นลายมือเขียนวันและเวลากลับจากค่ายอาสาของโรงเรียนวัดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “หือ? ค่ายอาสานี่...”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “น้องรู้จักใครที่ไปค่ายนี้เหรอ”
เมฆเงยหน้าขึ้นพิจารณาคนที่อยู่ตรงหน้า จะว่าไป... หน้าตาก็คุ้นๆ แฮะ แต่เหมือนใครเขาก็ไม่แน่ใจ “รู้จักครับ ผมก็เพิ่งกลับจากค่ายนี้”
“อ้อ ดีเลย” ชายคนนั้นคว้าแขนเด็กหนุ่มไว้ทันควัน “กลับมากันหมดแล้วใช่มั้ย น้องบอกมาหน่อย ค่ายนี้มีไปกันกี่คน ชื่ออะไรบ้าง มีผู้หญิงไปด้วยรึเปล่า”
เมฆดึงแขนตนเองออก “เฮ้ย คุณบ้ารึเปล่า จู่ๆ มาถามแบบนี้ใครเขาจะบอก”
“พี่มีค่าตอบแทนให้นะ” ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบธนบัตรใบละพันบาทส่งให้ “เอ้า บอกมาหน่อย”
เมฆชักสีหน้าพร้อมกับผลักมืออีกฝ่ายกลับ “ไม่เอา” เขารีบหันหลังเดินกลับออกไป ทว่าชายคนนั้นก็ดึงเสื้อไว้อีก
“สองพันก็ได้ บอกหน่อย”
“ผมไม่ต้องการ ไปถามคนอื่นไป” เด็กหนุ่มชักรู้สึกแปลกๆ หากคราวนี้พอจะรีบเดินหนีไปก็มีผู้ชายอีกสองคนก้าวลงมาจากรถ ตรงเข้ามาขวางเขาไว้ “เฮ้ย ถอยไปนะ”
“อย่าทำน้องเขาตกใจ” ชายคนแรกรีบรุดเข้าไปหาเมฆ “พี่แค่อยากถามอะไรนิดหน่อยเท่านั้น สามพันก็ได้เอ้า”
“ผมไม่ต้องการเงินคุณ คุณบ้ารึเปล่าวะ ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย จู่ๆ จะให้บอกข้อมูลของเพื่อนผมได้ไง งั้นก็บอกมาก่อนสิว่าคุณเป็นใคร”
“พี่เป็น...” ชายคนนั้นนิ่งอึ้ง “...เป็นพ่อของตั้งใจ”
“ฮะ?” นัยน์ตาสีเข้มจ้องคนตรงหน้าเขม็ง พิจารณาจากศีรษะลงไปจรดปลายเท้า และจากปลายเท้าขึ้นมายังศีรษะอีกรอบ “เป็นพ่อ? คุณมีลูกตอนกี่ขวบวะ เห็นผมเป็นเด็กปัญญาอ่อนเหรอ” เมฆรู้สึกปวดศีรษะจี๊ดๆ ขึ้นมาทันที เขาอยากจะกลับหอไปอาบน้ำนอนเต็มทีแล้ว
หากชายคนเดิมยังคงไม่ยอมปล่อยเด็กหนุ่มไปง่ายๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรูปแล้วส่งให้ดู “แหม พี่ดูเด็กมากเลยเหรอ เห็นแบบนี้จะสี่สิบแล้วนา เนี่ย ดูสิ รูปพี่กับตั้งใจ”
เมฆชำเลืองมอง แล้วหันไปจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือนั้นชัดๆ อีกครั้ง “ถ้าคุณเป็นพ่อจริงแล้วทำไมไม่ถามพี่ตั้งใจเอง”
“คือว่า เฮ้อ... ตั้งใจมันไม่ค่อยถูกกับพี่น่ะ มันวัยรุ่นไง ตั้งแต่เข้ามหาลัยมานี่ก็แทบไม่ค่อยคุยกันเลย แล้วปิดเทอมนี่มันก็กลับบ้านไปแค่ไม่กี่วัน แถมยังมีท่าทีแปลกๆ แป๊บๆ ก็จะรีบกลับมามหาลัยซะละ บอกว่ามีธุระ มีค่ายอาสานี่ พี่ก็เลยสงสัยว่ามันไปค่ายจริงรึเปล่า หรือว่าที่จริงไปเที่ยวกับแฟน”
“อ้อ...” เด็กหนุ่มพยักหน้า “งั้นคุณก็ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ตั้งใจไม่ได้มีแฟน แล้วก็ไปค่ายอาสาจริงๆ ที่ไปค่ายก็มีพี่ผู้หญิงไป... แต่คือ... พี่เค้าไม่สนใจพี่ตั้งใจแน่นอน”
“แน่ใจเหรอ ตั้งใจมันอาจจะชอบเขาก็ได้รึเปล่า”
“ไม่มีทางหรอกคุณ เพราะพี่ผู้หญิงที่ไปเขาไม่สนผู้ชายอะ”
“อ่อ” ชายสูงวัยกว่าทำหน้าครุ่นคิด แล้วถามต่อ “ว่าแต่ตั้งใจมันอยู่หอไหนเหรอน้อง”
เมฆมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นๆ “เป็นพ่อประสาอะไร ลูกอยู่หอไหนก็ยังไม่รู้ แบบนี้ถ้าคุณเป็นพ่อพี่เขาจริง ก็สมควรที่พี่เขาจะไม่คุยด้วย”
คำตอบของเด็กหนุ่มส่งผลให้อีกฝ่ายชะงักไปชั่วครู่ แต่เขาก็พยายามแก้ตัว “โธ่ ก็พี่ไม่ค่อยมีเวลา แล้วตั้งใจมันก็ไม่ค่อยยอมคุยกับพี่นี่น้อง ถามอะไรมันก็ไม่เคยตอบ”
“พี่ตั้งใจอยู่หอนอก ตรงนี้เป็นหอในของปีหนึ่งเท่านั้น ผมไม่ตอบอะไรคุณแล้วนะ ไปล่ะ”
“เดี๋ยวสิๆ พี่ถามอีกนิดเดียว นะๆ”
เมฆถอนหายใจยาว “อะไรอีกอะครับ”
“ตั้งใจสนิทกับใครเป็นพิเศษรึเปล่า”
“ผมก็เห็นพี่เขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนตลอด แต่ก็สนิทกันทั้งหมดนะ” เด็กหนุ่มถามอีกฝ่ายกลับบ้าง “ถ้าเป็นพ่อพี่ตั้งใจจริง อย่างน้อยคุณก็น่าจะรู้ว่ากลุ่มเพื่อนพี่ตั้งใจมีใครบ้าง คุณบอกได้รึเปล่า”
“ได้สิ ไข่ย้อย ป๊อกเด้ง ใบตอง เต้าหู้ แล้วก็... น้ำ”
พอได้ยินเช่นนั้น น้ำเสียงของเมฆก็อ่อนลงบ้าง เพราะตอบได้ขนาดนี้ก็น่าจะเป็นคนรู้จักของรุ่นพี่จริงๆ แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่ใช่บิดาแน่ๆ “พี่ตั้งใจเป็นรุ่นพี่ที่ผมนับถือมาก กลุ่มพี่เขาเป็นคนดีทุกคนแล้วก็สนิทกันมากจริงๆ ขนาดพี่น้ำอยู่ต่างคณะยังมารวมกลุ่มด้วยกันแทบทุกวันเลย ผมว่าคุณไม่ต้องห่วงพี่เขาหรอก ที่พี่เขากลับจากบ้านเร็วทั้งที่ยังปิดเทอม ก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องค่ายอาสานี่ล่ะครับ พี่เขาเป็นหัวหน้า ก็ต้องมาเตรียมเรื่องที่มหาลัยให้พร้อม” เด็กหนุ่มยิ้มบาง “พี่ตั้งใจน่ะ ตอนเป็นเฮดว้ากเท่สุดๆ ไปเลยนะครับ กลุ่มของพี่ตั้งใจเป็นที่รักของคนในคณะมากเลย พวกพี่เขาเคยช่วยผมไว้ตั้งหลายเรื่อง”
“ดีจังเลยนะ” ชายสูงวัยกว่ายิ้มตาม
“หมดห่วงแล้วนะครับ งั้นผมไปนะ”
“เดี๋ยวๆ คำถามสุดท้ายแล้ว พี่ถามหน่อย วันที่ 3 มกราน่ะ เป็นวันพิเศษยังไงเหรอ”
“หือ?” เมฆหันขวับ “ทำไมเหรอครับ”
...นั่นมันวันเกิดของเขา แต่ก็คิดว่าไม่ควรตอบอีกฝ่ายไปตามตรง เพราะเขายังไม่ค่อยจะไว้ใจคนคนนี้นัก
“คือ... เอ้อ... ก็เห็นตั้งใจจะรีบกลับไปให้ทัน...”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม “พี่ตั้งใจไปเที่ยวกับพวกผมอยู่นะตอนนั้น ยังไม่ได้กลับบ้านสักหน่อย”
“เอ๊ยๆ พี่พูดผิดน่ะ พี่หมายถึงพี่อยากให้เขากลับบ้านวันที่สามไง”
เมฆหลุบตาลงต่ำ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ “คงเป็นเพราะพวกผมวางแผนเที่ยวกันไว้ก่อนแล้ว จู่ๆ จะกลับก็คงไม่ได้มั้งครับ”
“อ้อ...”
“ผมไปได้รึยัง”
“น้องชื่ออะไรนะ”
เด็กหนุ่มถอนหายใจ “ชื่อเมฆครับ”
“เมฆ” คนแก่กว่าทวนชื่อ “เรียนคณะเดียวกับตั้งใจ แต่อยู่ปีหนึ่งสินะ”
เมฆพยักหน้ารับ “อยู่ภาคเดียวกันด้วยครับ”
“อ้อ...” ชายสูงวัยกว่ายกมือขึ้นตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เมฆ เรื่องที่เราคุยกัน เรื่องที่พี่มาที่นี่ ขอให้เก็บเป็นความลับนะ ถ้าตั้งใจรู้ เดี๋ยวมันจะยิ่งโกรธพี่น่ะ”
“ตั้งแต่ผมรู้จักพ่อเพื่อนมา ก็เพิ่งมีคุณนี่แหละที่เรียกตัวเองว่าพี่”
“งะ... งั้นเหรอ แต่พี่เป็นพ่อวัยละอ่อนนี่นา” อีกฝ่ายเถียง “อะ เพื่อเป็นการตอบแทน...” คนพูดล้วงหยิบของจากกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง
“ไม่ต้องๆ ผมไม่ต้องการอะไรตอบแทน ปล่อยผมกลับหอทีเถอะ ผมเหนื่อยแล้ว ง่วงด้วย”
“ไม่ได้จะให้เลย จะให้ดูเฉยๆ” ชายสูงวัยกว่าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด แล้วส่งให้เด็กหนุ่มดู “ดูสิ รูปตั้งใจกับเพื่อนสมัยมอต้น น่ารักมั้ย”
เมฆทำท่าจะเบือนหน้าหนีในคราวแรก แต่พอได้ยินว่าเป็นเพื่อนสมัยมัธยมต้น เขาก็หันขวับ
บนหน้าจอนั้นมีภาพของเด็กชายหกคนในชุดนักเรียนกางเกงสีน้ำเงิน ใบหน้าของรุ่นพี่ทั้งห้าคนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่พี่น้ำของเขาน่ะ ดูโดดเด่น ตัวสูงกว่าใครในกลุ่มมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
นัยน์ตาสีนิลจ้องมองภาพพลางอมยิ้ม เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอีกฝ่ายกำลังสังเกตตัวเขาอยู่ทุกอิริยาบถ
“น่ารักใช่มั้ย”
“ครับ”
“ดูอีกป่าว มีอีกเยอะเลยนะ”
“ดูครับ”
“ไปนั่งดูในรถกันดีกว่า ยืนนานแล้ว พี่เมื่อย”
“ไหนว่ายังละอ่อนไงครับ ทำไมเมื่อยไวจัง”
“เอาน่าๆ ไปๆ”
เมฆยอมเดินตามเข้าไปนั่งบนเบาะหลังรถด้วยอย่างว่าง่าย สายตาเขาจับจ้องอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แสดงความสนอกสนใจออกมาอย่างชัดเจน
ชายสูงวัยกว่ายิ้มมุมปาก จากท่าทางของเมฆบ่งบอกชัดเจนว่าสนิทกับกลุ่มของน้ำดี เพราะงั้นเขาจึงคิดจะตีซี้ เพื่อหลอกถามข้อมูล เขากดเลื่อนภาพไปทีละภาพ แรกๆ ก็เป็นภาพของเด็กชายหกคน ต่อมาก็แบ่งกลุ่มกันถ่ายบ้าง ไล่จากภาพสมัยมัธยมต้นมาจนถึงชั้นมัธยมปลาย
เวลานี้เมฆรู้สึกสนิทใจขึ้น ก็ลองอีกฝ่ายมีรูปสมัยเด็กเยอะขนาดนี้ได้ อย่างไรก็ต้องเป็นคนในครอบครัวแน่ๆ “พี่ตั้งใจหน้าตาไม่เปลี่ยนเลย”
“ก็ไม่เปลี่ยนทั้งหกคนนั่นละ ส่วนคนนี้ก็หล่อขึ้นนิดหน่อย” คนแก่กว่าชี้ไปที่น้ำ พร้อมกับเลื่อนไปยังรูปต่อไป ซึ่งเป็นรูปเดี่ยวของน้ำพอดี
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง แล้วพูดออกไปอย่างลืมตัว “โอ้โห พี่น้ำตอนมอปลายน่ารักชะมัด”
“มีรูปน่ารักกว่ารูปนี้อีก” คนพูดดึงโทรศัพท์มือถือกลับไปค้นหาภาพใหม่ จากนั้นจึงส่งให้อีกฝ่ายดู
ภาพบนหน้าจอเป็นภาพของน้ำล่าสุดเมื่อตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น ชายหนุ่มอยู่ในเสื้อสเวตเตอร์คอวีกับกางเกงยีน จึงทำให้มองเห็นสร้อยคอคล้องเกียร์สีเงินได้
เมฆจ้องภาพนั้นแล้วชะงัก ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเจ้าของโทรศัพท์มือถือ
...เขาเชื่อว่าผู้ชายคนนี้รู้จักกับรุ่นพี่ของเขาจริง แต่คนคนนี้ อาจจะไม่ใช่คนในครอบครัวพี่ตั้งใจก็ได้
“ทำไมคุณมีรูปพี่น้ำเยอะจัง รูปนี้น่าจะถ่ายเมื่อไม่นานมานี้เอง”
“พี่มีรูปเพื่อนของตั้งใจทุกคนนั่นล่ะ เป็นพ่อคนนึงก็เหมือนเป็นพ่อทั้งกลุ่มแหละ”
เมฆย่นคิ้วเข้าหากัน “ถ้าคุณสนิทกับเพื่อนพี่ตั้งใจได้ คุณก็น่าจะสนิทกับพี่ตั้งใจนะ”
“พี่คุยกับเพื่อนตั้งใจบ้าง เพื่อที่จะได้ถามข่าวคราวของตั้งใจไงล่ะ” ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มกริ่ม “แต่ว่า... น้องดูเหมือนจะรู้จักกับน้ำดีเหมือนกันนะ ทั้งที่อยู่คนละคณะกัน”
“ผม... ก็เพราะกลุ่มรุ่นพี่ผมสนิทกับพี่น้ำไงครับ แล้วผมกับรุ่นพี่ก็สนิทกัน” เด็กหนุ่มรู้สึกคลางแคลงใจมากขึ้น เขาชำเลืองมองชายสูงวัยกว่าอย่างไม่ไว้วางใจนัก เพราะรู้สึกว่าคนคนนี้อาจจะถามเขาเรื่องพี่ตั้งใจเพื่อบังหน้าเท่านั้น
“ดีจัง... ดีเลย” คนแก่กว่าพยักหน้าหงึกหงัก
เมฆเห็นท่าไม่ค่อยจะดี เขาจึงรีบกล่าวขอตัว “ขอบคุณที่ให้ผมดูรูปครับ แต่ผมต้องกลับหอละ ใกล้เวลาหอปิดแล้ว”
แต่พอเด็กหนุ่มจะก้าวลงจากรถ อีกฝ่ายก็คว้าแขนเขาหมับ พร้อมกับโน้มตัวเข้ามาหา
“อย่าบอกใครว่าคุยกับพี่ โอเคนะ”
เมฆลังเล หากก็ตอบกลับไปเสียงเบา “ครับ” เขารีบรุดลงจากรถแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าหอพักไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเด็กหนุ่มวิ่งเข้าตึกไปแล้ว ผู้ชายอีกสองคนก็ก้าวขึ้นไปนั่งด้านหน้ารถ พวกเขาหันกลับไปถามผู้เป็นนาย “จะไปไหนต่อมั้ยครับ คุณไม้”
“ไม่ล่ะ กลับโรงแรมได้”
ขณะที่รถยนต์เคลื่อนออกไปช้าๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ชายหนุ่มผู้เป็นนายใหญ่ชำเลืองมอง แล้วหยิบขึ้นมากดรับสาย
“เจอตั้งใจกับน้ำมั้ยคะ” คนที่อยู่ปลายสายถามขึ้นทันที
“ไม่เจอ แต่เจอเด็กคนนึงที่ไปค่ายอาสาเหมือนกัน แล้วก็เป็นรุ่นน้องที่สนิทกับกลุ่มของตั้งใจด้วย”
“เหรอคะ แล้วเขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาว่ากลุ่มเพื่อนยังอยู่ด้วยกัน สนิทกันดี ไปค่ายอาสาก็ไปด้วยกัน”
“ถ้างั้นน้ำก็น่าจะยังไม่มีแฟนนะคะ บางทีเขาอาจจะแค่รีบกลับไปค่ายอาสาอย่างที่เขาบอกก็ได้นะ”
“แต่ริซาโกะ คุณก็เห็นนี่ว่าน้ำเปลี่ยนไป แล้วตอนที่เขาบอกว่าจะต้องกลับเพราะมีธุระวันที่สามน่ะ พวกเพื่อนเขาไปเที่ยวกันอยู่ ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆ”
“ระวังน้ำจะโกรธเอา ถ้ารู้เข้าว่าคุณไปวุ่นวายที่มหาลัยเขาน่ะ”
“ครับๆ เขาไม่ทันรู้หรอก พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปประชุมที่กรุงเทพฯ แล้วก็กลับบ้านละ” ชายหนุ่มกดวางสายโทรศัพท์ไป จากนั้นจึงเอนหลังพิงเบาะแล้วหันหน้าออกไปทางบานกระจกรถ เขากับภรรยาตั้งข้อสังเกตว่าน้ำกับตั้งใจสนิทกันมาก พวกเขามักจะอยู่ด้วยกันเสมอๆ จึงคิดว่าบางทีตั้งใจอาจจะรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำเปลี่ยนไป ถ้าลองติดตามดูตั้งใจหรือพูดคุยสอบถามก็อาจจะได้รู้อะไรเกี่ยวกับน้ำบ้าง เนื่องจากไม่สามารถถามเอาจากน้ำได้ง่ายๆ ส่วนตัวเขาช่วงนี้ก็ต้องเดินทางมาประชุมที่กรุงเทพฯ กับพัทยาหลายครั้ง เลยลองแวะมาดูลาดเลาด้วยตนเอง แล้วก็โชคดีเหลือเกินที่ได้มาพบรุ่นน้องที่สนิทกัน เพราะที่จริงเขาก็คิดว่าน่าจะเข้าถึงตัวตั้งใจได้ยาก
ลูกน้องที่นั่งด้านหลังพวงมาลัยเคลื่อนรถลึกเข้าไปด้านในมหาวิทยาลัยเพื่อหาที่วกรถกลับ ส่วนชายคนที่นั่งข้างๆ กันเสนอว่าให้ขับต่อไปเรื่อยๆ คงจะมีทางวนออกเอง ขณะที่กำลังปรึกษาหาทางออกกันอยู่นั้น รถก็เคลื่อนผ่านหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ตรงหน้าตึกมีรูปปั้นสัญลักษณ์ของเกียร์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่
เมื่อไม้เห็นเข้าก็นึกเอะใจ “เกียร์นี่” คล้ายๆ กับจี้ที่ห้อยคอน้องชายเขาหรือเปล่านะ “เขาเอามาห้อยคอกันด้วยเหรอ แฟชั่นใหม่รึไง”
ชายคนที่นั่งข้างคนขับหันมาตอบ “เกียร์เป็นสัญลักษณ์ของคณะวิศวะครับคุณไม้ คณะนี้เขามีประชุมเชียร์ ระบบ SOTUS อะไรมากมายในช่วงรับน้องตอนปีหนึ่ง พอประชุมเชียร์เสร็จก็จะได้รับเกียร์มาห้อยคอน่ะครับ”
“หืม?” ไม้ขมวดคิ้ว “แล้วถ้าคนใส่ไม่ได้เรียนวิศวะล่ะ”
“เขามีแฟนอยู่วิศวะมั้งคุณไม้ แบบว่าจะได้รู้ว่ามีแฟนแล้ว อยู่วิศวะอะไรอย่างงี้”
“อ้อ...” คราวนี้ไม้ทำหน้าขรึมกว่าเดิม เขานั่งนิ่งค้างอยู่ในท่าเดิมจนกระทั่งรถเคลื่อนเข้าไปจอดในโรงแรมที่พัก
หลังจากอาบน้ำแล้วเด็กหนุ่มก็มาเอนหลังนอนอยู่ภายในห้องที่เงียบกริบ ในชั้นเดียวกันกับเขามีนักศึกษากลับมาหอพักแล้วหลายห้อง แต่ว่าดึกดื่นขนาดนี้ทุกห้องก็ปิดไฟนอนกันหมด
“เฮ้อ... ทำไงดีวะกู รู้สึกแย่ชะมัด” เมฆพึมพำกับตนเอง เขาทำตัวไม่ดีกับพี่น้ำ เขารู้ตัวดี
หากเพราะไม่มั่นใจจึงทำให้หัวใจหวั่นไหว ถ้าหากพี่น้ำรักชอบเขาบ้างสักนิด เวลาที่นัวเนียกัน ไอ้ตรงส่วนนั้นมันก็น่าจะมีปฏิกิริยาบ้างไม่ใช่หรือ แต่จะว่าไป ตอนที่เขาพยายามจะกดพี่น้ำไว้ใต้ร่าง อีกฝ่ายก็พลิกกลับมันเสียทุกที
หรือว่าที่จริงแล้ว... พี่น้ำไม่ได้คิดจะคบกับเขาเหมือนคนเป็นแฟนกันวะ
เมฆหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู บนหน้าจอนั้นว่างเปล่า ไม่มีข้อความใดๆ จากคนที่เขานึกถึง
“พี่น้ำจะทำอะไรอยู่วะเนี่ย ดึกขนาดนี้แล้ว”
เด็กหนุ่มถามตัวเองว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี แล้วก็ได้คำตอบมาว่า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รักพี่น้ำ เพราะงั้นเมื่อรักแล้ว ก็คงต้องสู้ต่อไป
เมฆนอนนิ่งทำใจอยู่สักพัก แล้วปลายนิ้วก็เคลื่อนไปเตรียมกดโทรออก ทว่ามีสายเรียกเข้ามาเสียก่อน
“เย้ย! อะ... พี่น้ำ...”
หัวใจเต้นสั่นรัว เขารีบกดรับสายทันที “พี่น้ำยังไม่นอนเหรอ”
“นึกว่าเมฆจะไม่รับโทรศัพท์พี่ซะแล้วสิ”
“ไม่รับอะไรกันครับ ที่จริงผมกำลังจะโทรไปหาพี่น้ำเลย”
“งั้นเหรอ”
เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “พี่น้ำ... ผมขอโทษนะครับ”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“...คือ...”
“ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่แวะซื้อเข้าไปให้นะ”
“ผมขอโทษที่เอาแต่ใจ แล้วก็... ขอโทษที่งอนพี่น้ำนะครับ”
คราวนี้น้ำเป็นฝ่ายนิ่งอึ้งไปบ้าง ก็อีกฝ่ายเล่นยอมรับออกมาตรงๆ เช่นนี้ แต่คำพูดของเด็กหนุ่มก็ทำให้น้ำยิ้มออกมาได้ “อืม รู้ตัวก็ดี ไอ้เด็กขี้งอน”
เมฆหัวเราะเบาๆ “พี่น้ำอุตส่าห์โทรมาง้อผมด้วยอะ ขอบคุณนะครับ ไม่นึกไม่ฝันเลยนะเนี่ย”
“ไม่ง้อแฟนพี่ แล้วจะให้ไปง้อใคร”
เด็กหนุ่มใจอ่อนยวบ พี่น้ำนี่ช่างรู้จุดอ่อนของเขาจริงๆ เจอคำพูดแบบนี้เข้าไป เขาก็แทบจะลืมเรื่องขุ่นเคืองในใจไปได้เลย “....”
“ซึ้งมั้ย”
“โธ่ ก็ซึ้งจนกระทั่งพี่น้ำถามเนี่ยแหละครับ” เมฆส่ายหน้าไปมา พลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ ก่อนจะนึกถึงชายแปลกหน้าที่เพิ่งเจอขึ้นมาได้ “เอ้อ พี่น้ำครับ ในกลุ่มพี่น้ำมีใครมีพี่ชาย... แก่กว่ามากๆ มั้ยครับ” พอถามไปแล้วก็ขมวดคิ้ว เพราะบางทีอาจจะไม่ใช่พี่ แต่เป็นน้า หรืออา ก็ได้นี่หว่า
“ทำไมเหรอ”
“คือเมื่อกี้...” เด็กหนุ่มเม้มปาก เขาไม่แน่ใจสักหน่อยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ถ้าไปสงสัยแล้วเหมาว่าเป็นญาติใครๆ ก็คงไม่ดีนัก
“เมื่อกี้?”
“คือ... เอ้อ เมื่อตอนเดินกลับหอ ผมเดินสวนกับคนนึง หน้าคุ้นๆ เหมือนใครสักคนในกลุ่มพี่น้ำ เลยลองถามดูอะครับ”
“งั้นเหรอ แต่ถ้าเป็นคนรู้จักของเพื่อนพี่ ก็ไม่น่าจะไปป้วนเปี้ยนแถวหอปีหนึ่งนะ”
“ช่างเถอะครับ มันมืด ผมคงมองผิด ว่าแต่พรุ่งนี้พี่น้ำจะเข้ามามหาลัยกี่โมง”
“นัดประชุมสรุปค่ายอาสากันตอนบ่าย พี่ก็เลยว่าจะเข้าไปเที่ยง จะได้เอามื้อเที่ยงไปให้เมฆกับเพื่อนด้วย ที่หอไม่น่าจะมีอะไรกินกันใช่มั้ย”
“ครับ แต่พี่น้ำไม่ต้องห่วงพวกผมก็ได้ เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินที่ตลาดเอา”
“ไม่เป็นไร เอาล่ะ เมฆนอนเถอะ อย่าลืมกินยาก่อนนอนด้วยนะ”
“คร้าบ” เด็กหนุ่มตอบเสียงกวนๆ ก่อนจะกดวางสายไป
TBC~*ลงยาวมากเลย วรั้ยยยย~
สงสัยว่าพายุ(ในเรื่อง)กำลังก่อตัวเบาๆ แล้วมั้ยนะ 5555555555
พี่ไม้จะมาแบบไหน พี่น้ำจะแข็ง(อัลรัย?)ได้หรือไม่ โปรดติดตามกันต่อนะคะ กร๊าก
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า