รักสุดขั้ว บทที่ 2
“อะไรนะครับ ผมเนี่ยนะที่พี่อยากให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์”
ผมทำสีหน้าปั้นยากเมื่อพี่ดิวรุ่นพี่ม.6 ที่เป็นประธานเชียร์ของสีที่ห้องของผมสังกัดอยู่มาชักชวนถึงห้องใน
ชั่วโมงว่างวันหนึ่ง ผมงงจนเอ๋อ น้ำหน้าอย่างผมนี่หรือจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ได้
“แต่ผมไม่เคยเป็น ไม่เคยมีพื้นฐาน”
“ของมันฝึกกันได้ ลีดมือมันยากก็จริงแต่พี่คิดว่าเต้ทำได้แน่นอน”
พี่ดิวฉีกยิ้มจนผมใจอ่อนและรับปากในที่สุด ก่อนที่จะต้องตกใจเมื่อหันมาสบตากับนัทที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว
ผมเดินกลับมาที่โต๊ะอย่างหวาดๆ
“มึงคุยอะไรกับพี่ดิว”
นัทถามเสียงแข็งจนผมต้องนั่งตัวลีบ
“พี่ดิวให้เราไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์”
ไม่ชอบเลยเวลาที่นัทหรี่ตามองเพราะรู้สึกเหมือนจะถูกแกล้งกลับมาในไม่ช้า แต่จะว่าไปช่วงนี้นัทก็เพลาๆ
การแกล้งผมแบบแรงๆแล้ว เหลือแต่เรื่องที่ชอบเอามือมาวางบนต้นขาของผมตอนที่นั่งเรียนอยู่ จนสมาธิ
ของผมเกือบจะแตกซ่านไปหลายครั้ง แต่มันก็ยังไม่ทำถึงขั้นวันนั้น
แล้วผมจะคิดถึงมันทำไม คิดทีไรก็ร้อนวูบวาบไปทั้งหน้าทุกที
“แค่เขามาหาก็หน้าแดงขนาดนี้ ถ้าไปใกล้ชิดเขามึงไม่เป็นยิ่งกว่านี้เหรอ”
อยู่ๆ นัทก็โพล่งออกมาหลังจากที่มองหน้าผมนิ่งอยู่พักใหญ่ ผมเหลือบตามองหน้ามันอย่างงงๆ ว่ามันพูด
ถึงอะไร
“มึงชอบเขาหรือไง พี่ดิวน่ะ”
“แล้วจะให้เราเกลียดพี่ดิวเรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อเขาก็ทำดีกับเรา”
“สัส”
นัทสบถก่อนที่จะใช้มือมาบีบที่หัวไหล่ของผม ผมเจ็บจนสะดุ้ง
“มึงพูดงี้หมายความว่ามึงเกลียดกู เพราะกูไม่เคยทำดีกับมึงใช่ไหมไอ้เต้”
ไปกันใหญ่แล้ว ผมยิ่งงงหนักเมื่อนัทคิดเองเออเอง ต่อยอดคำพูดของผม แรงบีบที่หัวไหล่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
นัทเอียงหน้ามากระซิบที่ข้างหูของผมด้วยเสียงเข้มอย่างที่ผมไม่เคยได้ยิน
“อย่าให้กูเห็นนะว่ามึงทำตัวสนิทสนมกับไอ้พี่ดิวนั่น ถ้ากูเห็น มึงยังจำบทลงโทษของกูได้อยู่ใช่ไหม”
นัทแทบจะไม่พูดกับผมเลยในช่วงที่ผมต้องซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ช่วงเวลาเรียนนัทหันหน้ามองตรงไปทางหน้า
ชั้นไม่ยอมมองหน้าสบตากับผม แปลกนะ...แทนที่ผมจะรู้สึกสบายใจผมกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ผม
อยากให้นัทมาแกล้งมาวอแวให้ผมโกรธแล้วนัทก็แหกปากหัวเราะเหมือนเดิมมากกว่า ผมได้แต่ลอบมอง
เสี้ยวหน้าคมจมูกโด่งของมันแล้วอยากจะกระชากมันมาถามเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้
ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง
เวลาที่ซ้อมเชียร์ลีดเดอร์อยู่ที่ข้างสนาม เมื่อว่างผมมักจะมองไปกลางสนามสายตาจับจ้องอยู่แต่กับมัน
เหมือนนัทจะรู้บางครั้งเราก็สบตากันในระยะไกล แต่มันก็เป็นฝ่ายขมวดคิ้วแล้วหันหน้าหนีไปทุกครั้ง ผมยิ่ง
ไม่เข้าใจตัวเองที่กังวลอยู่แต่กับไอ้คนขี้แกล้ง จนสมาธิหายไปหมดแม้แต่ตอนที่ซ้อมต่อตัวกับเพื่อนเชียร์ลีด
เดอร์อีกคน เท้าที่เหยียบอยู่บนบ่าเพื่อนจึงพลาด ผมโงนเงนลอยอยู่กลางอากาศแล้วร่วงลงมา
ผมหลับตาแน่น เกร็งตัวกับความเจ็บปวดที่ร่างกายจะกระแทกพื้น แต่เมื่อหล่นมาจริงๆ กลับไม่รู้สึก
เจ็บปวด ผมลืมตามองก็เห็นพี่ดิวเป็นคนใช้ตัวรองรับผมไว้ ผมถอนหายใจโล่งอกดันตัวลุกขึ้นแล้วกล่าว
ขอบคุณพี่ดิวยกใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอกนิดหน่อยเอง ถ้าเต้เจ็บตัวจะเป็นเรื่องใหญ่”
พี่ดิวยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เหมือนพี่ชายที่แสนดียิ้มให้น้อง ไอ้คนที่ไม่มีพี่อย่างผมจึงเผลอยิ้มตอบ ผมปัดเศษ
ดินที่เปื้อนเสื้อผ้าเตรียมตัวที่จะซ้อมต่อ แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ แขนของผมก็ถูกกระชากจากไอ้นัท
“เฮ้ย อะไรวะนัท”
ผมเงยหน้าขึ้นถาม พลางสบตาดุของนัท
“ไปกับกู”
“เรายังซ้อมไม่เสร็จ”
“กูบอกให้ไปกับกู”
นัทไม่พูดเปล่า มันลากแขนผมให้เดินตาม ผมได้แต่หันมาโบกไม้โบกมือให้พี่ดิวว่าไม่เป็นอะไร แล้วจ้ำอ้าว
ตามแรงลากของนัทที่ลากไปทางตึกเรียนที่ใกล้ที่สุด มันลากผมให้เข้าไปในห้องน้ำแล้วเหวี่ยงผมเข้าไปใน
ห้องน้ำห้องสุดท้าย ก่อนที่มันจะก้าวตามเข้ามาแล้วล็อคประตู
ปากที่อ้าเตรียมจะต่อว่าของผมต้องหุบลงเมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องของมัน ยิ่งห้องน้ำเล็กขนาดนี้ ผมจะหนีไป
ไหนได้ ผมได้แต่หลบสายตาพลางใช้หลังพิงข้างฝาไว้เป็นหลักยึดแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตามเมื่อ
ไอ้นัทยกมือมาบีบที่ปลายคางของผม
“เจ็บนะ”
ผมประท้วงแต่มีหรือที่คนอย่างไอ้นัทจะฟัง มันยื่นหน้าดุๆ มาใกล้แล้วเค้นเสียงพูด
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปทำตัวสนิทกับไอ้พี่ดิว มึงสมองเสื่อมหรือไง”
“เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะนัท”
ผมตัวสั่นเป็นลูกนก เมื่อไอ้นัทเบียดตัวเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงไอร้อนจากเหงื่อของมัน
“แล้วที่กูเห็นมึงไปนอนให้มันกอดน่ะ คืออะไร”
นัทตะคอกเสียงต่ำ ผมอดโมโหไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของมัน
“คิดอะไรบ้าๆ คนอย่างนายมันก็คิดได้แค่นี้สินะ”
ผมตอบโต้ไปบ้าง ดวงตาคมดุของนัทยิ่งลุกวาบขึ้นไปอีก ก่อนที่ผมจะต้องตกใจเมื่อไอ้นัทดึงคางผมไปแล้ว
มันก็ประกบปากลงมาบนปากผมอย่างรวดเร็ว
เจ็บ...
จูบของนัทไม่เหมือนครั้งแรก วันนี้มันบดปากลงมาอย่างดุดันจนขอบปากผมร้อนผ่าว ผมพยายามที่จะดิ้น
ขัดขืนไอ้นัทก็ยึดข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้แล้วยกไปตรึงเหนือหัวล็อคไว้กับข้างฝาจนผมดิ้นไม่หลุด และ
แม้ที่จะพยายามเม้มปากแน่นแต่มันก็สอดลิ้นเข้ามาได้ในที่สุด
มันหลอกล่อดึงลิ้นผมไปดูดจนมึนไปหมด จากจูบที่รุนแรงกลับกลายเป็นเร่าร้อนจนขาของผมแทบยืนไม่อยู่
ถ้าไม่ได้ขาของมันดันจนชิดผนังผมคงร่วงไปกองอยู่กับพื้น ยิ่งตอนที่มันย้ายปากของมันมาเม้มและดูดที่
ซอกคอ ผมถึงกับผวา
ผมยิ่งสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ซิปกางเกงก็ถูกรูดออก ทำไมผมไม่รู้เลยว่าไอ้นัทปลดเข็มขัดของผมออกไปตอนไหน
รู้ตัวอีกทีตอนนี้กางเกงนักเรียนของผมก็ร่วงลงไปกองกับพื้นเหลือแต่กางเกงในที่พอจะปกปิดไว้ได้
“นัท ยะ..อย่า”
ผมตกใจที่เสียงตัวเองสั่นจนจำไม่ได้ ไอ้นัทไม่สนใจ ในขณะที่ปากของมันยังง่วนอยู่กับการดูดไซ้ที่ซอกคอ
มือของมันก็ล้วงเข้าไปในกางเกงในของผมเสียแล้ว
ไอ้นัทดึงน้องชายของผมออกมาจนพ้นกางเกงในแล้วกำมั่นอยู่ในมือ มันส่งเสียงครางอยู่ที่คอของผม
มือสากกระตุกเจ้าน้องชายของผม ผมได้แต่สะดุ้งเฮือกผวาเข้ากอดร่างชื้นเหงื่อของไอ้นัท มันยอมละความ
สนใจจากซอกคอของผมแล้วมันก็ย่อตัวลงไป
“ไม่นะ นัท อย่าทำอย่างนี้ โอ๊ะ...”
เสียงอุทานไม่เป็นภาษาดังขึ้นเมื่ออยู่ๆ น้องชายของผมก็ถูกกลืนเข้าไปในปากของนัท ปลายลิ้นร้อนแตะวน
ไปทุกส่วน จนผมปวดถ่วงไปหมด ผมได้แต่ยืนเกร็งตัวไปกับข้างฝามือทั้งสองเสยผมของนัทที่ทั้งดูดดุน ด้วย
ปลายลิ้นและริมฝีปาก จนกระทั่ง...
“อ๊า...”
ผมปลดปล่อยมันออกมาอีกแล้ว ไอ้น้ำเมือกสีขาวขุ่น คราวนี้มันฉีดพุ่งอยู่ในช่องปากของนัท มันเยอะจนนัท
ต้องใช้สาบเสื้อเช็ดส่วนที่ไหลออกมาที่มุมปากเมื่อมันยืดตัวขึ้นมามองผมด้วยดวงตาเหมือนเสือมองลูกแกะ
ที่รอเวลาขย้ำ
นัทปิดฝาขักโครกแล้วทรุดตัวลงนั่งบนนั้นพลางแยกขาออก กระชากคอเสื้อนักเรียนของผมจนต้องคุกเข่าอยู่
ที่ระหว่างขาของมัน นัทสั่งด้วยเสียงที่สั่นพร่าไม่แพ้ผม
“ทำให้กู อย่างที่กูทำให้มึง เดี๋ยวนี้!”
มือของผมสั่นไปหมดเมื่อปลดเข็มขัดของนัทออกแล้วรูดซิปกางเกงลง ผมเพิ่งได้เห็นเต็มตาว่าตรงนั้นของ
มันขยายตัวคับแน่นเต็มพื้นที่ในกางเกงใน มันคงอึดอัดน่าดู ผมค่อยๆ ล้วงมันออกมาประคองไว้ในมือแล้ว
จดๆ จ้องๆ มองมัน ก่อนที่จะใช้ปลายลิ้นแตะไปเบาๆ ที่ตรงปลายอย่างคนไม่เคย
นัททำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในคอเมื่อเห็นท่าของผม มันใช้มือจับที่ท้ายทอยของผมแล้วกดพรวด เพียงเท่านี้น้องชาย
ใหญ่โตของมันก็บุกเข้ามาในปากกระแทกลำคอจนผมเกือบอาเจียน
“เปิดคอกว้างๆสิวะ แล้วลิ้นมึงน่ะมีไว้ทำไม”
ไอ้นัทสั่งสอน สติผมเริ่มกลับคืนมา ผมนึกไปถึงคลิปที่เคยแอบเปิดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วลองทำ
ตามนั้น ผมเลยใช้นิ้วยึดที่โคนของมันแล้วค่อยๆ เปิดช่องคอให้โล่งขยับไปมา ปลายลิ้นโลมเลียไปทุกส่วน
ก่อนที่จะขยับหัวเข้าออก
มือที่กดอยู่ที่ท้ายทอยของผมยิ่งเพิ่มแรงบีบ ผมเหลือบตามองก็เห็นนัทหลับตาแน่นพลางเม้มปากกลั้นเสียง
ครางไว้ ผมทำอย่างนั้นสักพัก ไอ้นัทก็กระตุกแล้วของเหลวรสปะแล่มก็พุ่งปรี๊ดเข้ามาในคอจนผมแทบสำลัก
นัทหอบถี่มันกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะถอนตรงนั้นออกจากช่องปากของผมใช้ชายเสื้อเช็ดที่รอบปาก
ให้ แล้วจึงจัดการรูดซิปใส่เข็มขัดให้ตัวเอง มันมองตาผมด้วยดวงตาแวววับดึงหน้าผมไปจูบหนักๆ อีกครั้ง
ก่อนที่จะลูกขึ้นยืนแล้วดันตัวผมไปนั่งแทน
นัทหยิบกางเกงในกับกางเกงนักเรียนมาใส่ให้ผมจนเรียบร้อย แล้วเราก็สบตากัน
“กูคิดว่า กูคงจะชอบมึงเข้าแล้วล่ะเต้”
แล้ววันกีฬาสีก็มาถึง ผมเฝ้าเชียร์นัทจากข้างสนามอย่างตื่นเต้น นัทเป็นศูนย์หน้าที่เก่งกาจ สีของเราชนะเลิศใน
ที่สุด แล้วก็ถึงเวลาที่ผมต้องแข่งบ้าง นัทเองก็มายืนมองแถวแสตนด์เชียร์พลางยกนิ้วโป้งให้กำลังใจ
ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ระงับความตื่นเต้นในขณะแข่งขัน และก็ไม่พลาดเมื่อประกาศรางวัล กองเชียร์
ของเราก็ได้ที่หนึ่ง พี่ดิววิ่งเข้ามากอดผมแน่น ผมเองก็ลืมตัวกอดพี่ดิวตอบด้วยความดีใจเช่นกัน จนเมื่อเรา
คลายกอดกันแล้วผมก็หันไปมองหานัท แต่ผมกลับไม่เห็นคนที่ผมอยากเจอที่สุดเสียแล้ว
เย็นย่ำวันนั้นโรงเรียนก็จัดงานเลี้ยง จริงๆ แล้วก็ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั่นแหละ แต่พวกที่ห่ามหน่อยไม่
รู้แอบซ่อนเข้ามาได้อย่างไร ผมเห็นนัทก็เดินไปร่วมวงกับกลุ่มนั้นอยู่ ยกแก้วขึ้นดื่มไปหลายแก้วจนหน้าคล้ำ
แดดกลายเป็นสีแดงเรื่อเพราะแอลกอฮอล์
ผมเตรียมสืบเท้าตรงไปหานัทเพื่อห้ามไม่ให้ดื่มมากไปกว่านี้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อแขนของผมถูกคว้าไว้
โดยพี่ดิว ที่หน้าแดงไม่แพ้คนอื่น
“พี่ดิวมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พี่อยากจะถามเต้ว่าตกลงเต้กับนัทเป็นอะไรกัน”
ผมตกใจที่พี่ดิวถามอย่างนั้น เลยมองพี่ดิวเลิ่กลั่ก
“เต้กับนัทก็เป็นเพื่อนกันสิครับ พี่ดิวถามอะไรแปลกๆ”
พี่ดิวคลี่ยิ้ม
“ถ้าเต้กับนัทเป็นเพื่อนกันจริง งั้นถ้าพี่ขอเป็นแฟนเต้ล่ะ จะได้ไหม”
“พี่ดิว”
ผมตะโกนเสียงดัง พี่ดิวคว้าแขนอีกข้างแล้วดึงผมเข้าไปกอด
“พี่ชอบเต้ ถ้าเต้ไม่รังเกียจ พี่อยากดูแลเต้ นัทจะได้ไม่คอยแกล้งเต้อีกไง”
ผมฝืนตัวออกจากอ้อมกอดนั้น สายตาพลันเห็นนัทที่เดินมาตอนไหนก็ไม่รู้ หยุดยืนมองอยู่มุมหนึ่งที่พี่ดิว
ไม่เห็น ผมใจสั่นกับดวงตาของนัทที่มองมา มันคุกรุ่นจนแทบระเบิด มือทั้งสองของนัทกำแน่น ก่อนที่นัทจะ
สะบัดหน้าหันหลังให้แล้วเดินจากไป
“พี่ดิว ผมเห็นพี่ดิวเป็นพี่ชาย ผมขอบคุณที่พี่ดิวชอบผมแต่ผมคงตอบตกลงกับพี่ดิวไม่ได้”
ผมดันตัวเองจนพ้นอ้อมกอดนั้นแล้ววิ่งตามหานัทแต่ก็ไม่เห็นเสียแล้ว ก็เลยไปถามเพื่อนกลุ่มเดียวกับนัท
พวกนั้นบอกว่านัทจะกลับไปเอาของที่ห้องเรียน
ผมรีบวิ่งตามไปบนตึกเรียนที่เงียบเชียบเพราะทุกคนไปรวมกันที่โรงยิม เหลือแต่นัทที่นั่งอยู่บนโต๊ะเรียนริม
หน้าต่าง มองออกไปเบื้องนอกในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังตกลงมาถึงยอดตึกไกลออกไป
“นัท”
ผมเรียกแล้วก็เงียบ นึกคำพูดอะไรไม่ออก บรรยากาศมาคุจนผมอึดอัด
“ฮึ ไม่อยากให้กูแกล้ง ก็ไปเป็นแฟนเขาเสียสิ”
นัทพูดออกมาได้ในที่สุด พูดทั้งที่ไม่หันมามองหน้าผม
“นายก็เลิกแกล้งเราเสียทีสิ เราจะได้ไม่ต้องไปเป็นแฟนใคร”
ความอึดอัดคับข้องใจกับพฤติกรรมที่ไม่กระจ่างของนัททำให้ผมอดโมโหไม่ได้ ผมตะโกนใส่นัทจนมันหันมา
ทำตาลุกวาบแล้วกระโจนเข้าหาผลักจนผมหงายหลังไปกับพื้นหลังห้อง ก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงมาทาบทับยึด
แขนผมไว้กับพื้น
“กูจะแกล้งมึงใครจะทำอะไรกูได้ แต่กูก็จะไม่ปล่อยมึงให้ไปเป็นของใครเด็ดขาดไอ้เต้”
มันก้มลงมาจูบผมอย่างรวดเร็ว แม้ผมจะพยายามดิ้นหนีแต่ดูเหมือนไอ้นัทจะรู้จุดอ่อนของผมเสียแล้ว ไม่
นานนักผมก็หมดแรงอยู่ภายใต้ร่างแข็งแกร่ง มือของมันปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ผมหมดแรงที่จะห้าม
ปรามจนกระทั่งเราสองคนเนื้อตัวล่อนจ้อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้
“นัท อย่าทำอะไรเราเลย ขอร้องล่ะ”
ผมแทบจะกราบมันด้วยความกลัว ทั้งที่เนื้อตัวสั่นสะท้าน เหมือนมีผีเสื้อสักร้อยตัวบินวนอยู่ในท้อง
“มึงจะห้ามกูทำไมเต้ในเมื่อมึงก็ต้องการกู”
นัทเสียงกระเส่าตอบกลับ มือวางหมับอยู่ที่กึ่งกลางตัวผม แล้วมันก็ใช้ต้นขาเบียดให้ผมอ้าขากว้างก้มลงจูบ
ที่ปากหมุนลิ้นวนหลอกล่อ ก่อนที่มันจะดันตัวแทรกเข้ามาตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
ความเจ็บปวดแล่นวาบ ผมผวาตาเหลือกค้างสมองว่างเปล่า ก่อนที่จะส่งเสียงอื้ออึงอยู่ในช่องปากที่ถูก
ครอบครองไว้ด้วยไอ้นัท ไอ้เลวที่เปิดซิงผม
เมื่อผมย้อนคิดมาถึงตรงนี้ ผมก็สะบัดหน้าหนีไอ้นัท ผมกัดปากที่บวมเห่อเพราะจูบของมันด้วยความ
น้อยใจ
“บอกกูสิ ว่ามึงไม่ชอบ”
มันส่งเสียงยั่วเย้าอยู่ข้างหู ผมได้แต่เอียงหน้าหนี หันไปมองกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินที่กองอยู่ข้างตัว ส่วน
เสื้อผมยังไม่รู้เลยว่ามันโยนจนไปตกอยู่ส่วนไหนของห้อง
มันเป็นความจริงที่ปฎิเสธยาก เพราะแม้ว่าจะเจ็บปวด แต่วินาทีที่ไอ้นัทกระชากผมขึ้นไปถึงสวรรค์นั่นมัน
ทำให้ผมรับรู้ว่าอะไรคือคำว่าจุดสุดยอดที่เขาพูดกัน และมันเป็นความรู้สึกที่ผมเองก็บรรยายไม่ถูก
นัทใช้ท่อนแขนเช็ดเหงื่อให้ที่หน้าผากแล้วก้มหน้ามาจูบ ดวงตาที่คุกรุ่นในตอนแรกที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง
หายไปกลายเป็นดวงตาพราวระยับจนผมต้องเป็นฝ่ายหลบตา
“ตอนนี้มึงเป็นเมียกูแล้วนะเต้ กูจะไม่ยอมให้ใครมาแกล้งมึง ยกเว้นกูคนเดียวที่จะแกล้งมึงได้อย่างนี้”
นัทขยับสะโพกอีกครั้ง จนผมต้องผวากอดคอมันไว้
“นัท อย่า...อื้ม...”
คำห้ามของผมหายไปเมื่อไอ้นัทดูดเสียงของผมไปจนเกลี้ยง อีกครั้ง.......
//////////////// TBC /////////////////////////////
...หุหุ จบตอนของเต้แล้วนะคะ คริคริ...
รออ่านตอนของนัทกันด้วยนะคะ