แม่ยกทูเฟี๊ยตเตรียมพร้อม
แม่ยกต้อนอ๋อมปูเสื่อ
แม่ยกเกม (มีมั้ย) ไปพักผ่อนก่อนได้นะครับ
ตอนที่ 14เดินออกจากคณะแบบรวมกลุ่มเหมือนเคย ก็มาถึงช่วงใกล้จะแยกย้ายก็อย่างนี้แหละ จะมัธยมหรือมหาวิทยาลัย ถึงได้บอกว่าเข้าใจความรู้สึกของต้อนและเพื่อนๆ
แต่ก็ย้ำอีกครั้งจนถึงวินาทีนี้ว่า สงสารต้อน ส่วนเกมน่ะก็สงสารแต่ไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของต้อนเช่นเดิม
“ตกลงมึงต่อโทรัฐศาสตร์หรืออ๋อม”
“เออ มึงล่ะโอ ยืนยันต่อเนฯ”
“อ่าฮะ เพราะเป้าหมายสูงสุดในชีวิตกูคือเป็นอัยการ” โอยิ้มภูมิใจสุดๆ เหมือนได้เป็นอัยการแล้ว
ทูที่เดินอยู่อีกด้าน ส่งยิ้มกว้างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก “อย่างที่กูบอกกับมึงตั้งแต่วันรับน้องวันแรกแล้วมึงบอกกับรุ่นพี่น่ะแหละ ว่ามึงคือเพื่อนที่กูภูมิใจ”
นั่นแหละ โอผู้มีมนุษยสัมพันธ์ชั้นเยี่ยมเป็นอย่างนั้น มันเคยเล่าว่าความฝันของการเป็นอัยการของมันเริ่มมาตั้งแต่จำความได้ แม้จะถูกท้วงติงว่า เป็นทนายไม่รวยกว่าหรือไง หรือไม่ก็เป็นตำรวจ ทหาร หรือเล่นการเมืองไปเลย แต่สิ่งที่โอบอกมาตลอดก็คืออยากเป็นอัยการ
ส่วนทูหนุ่มตาคมต้องกลับไปสานต่อธุรกิจโรงพิมพ์ของครอบครัว ฟังเหมือนจะสบายเพราะมีงานรออยู่ ตัวมันเองก็คิดอย่างนั้นมาตั้งแต่เด็ก แต่สุดท้ายก็พบว่ามันทำงานในโรงพิมพ์มาตลอดนั่นแหละ แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าจะเรียนสาขาอะไรก็ได้ที่อยากเรียน ไม่เกี่ยวกับงานที่จะทำ แล้วก็จบแค่ปริญญาตรีก็พอ เพียงแต่ในตอนนี้ทูกลับเปลี่ยนใจ
“กูจะต่อโทบริหารว่ะ”
“ส่วนกูต่อโทรัฐศาสตร์แน่นอน” อ๋อมบอกอีกที ดูเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนๆไงไม่รู้เนอะ
“พวกมึงต่อที่นี่ทั้งคู่เลยสินะ” โอบอก
“อ้าวงั้นก็มีแต่กูหรือไงที่ต้องทำงานทันทีน่ะ ส่วนเรื่องต่อโท ต้องดูอีกที” ไอ้เฟี๊ยตหนุ่มโย่งเดินเข้ามาประกบติดขวามือของทู
หนุ่มตาคมถึงกับหยุดเดินคุยหน้าเหวอ หลุดลุคส์
“มึงมาไงน่ะ”
“ก็เดินตามมึงมาน่ะสิ”
หน้าตาของทูตอนนี้ ทำให้เพื่อนซี้อีก 2 คนถึงกับหัวเพราะ หนุ่มตาคมเลยกลับมาฟอร์มดุเหมือนเดิม
“สัดขำอะไรกัน ใช่เรื่องมั้ยเนี่ย”
เฟี๊ยตยิ้มกว้างบอกกับโอ “กูลงชื่อไปงานอาสากับมึงแล้วนะ”
โอส่งยิ้มกว้างกว่า “ดีมาก เออพูดขึ้นมาแล้วกูเก็ตไอเดีย”
“อะไร”
“เรารับปริญญา น้องยังไม่ได้สอบนี่หว่า ยกแก๊งค์ไปทำงานอาสากัน ก่อนไปบ้านไอ้อ๋อม”
อ๋อมรีบท้วงทันที “จะเอาเด็กกูไปสร้างโรงเรียนเหรอ ไม่เอานะ เดี๋ยวมือพอง”
“โหหหหหหหห” อีก 3 คนส่งเสียงหมั่นไส้
“ก็จริงนี่หว่า ทั้งทำงานหนัีกมือพอง ตากแดดตัวดำ นอนห้องเรียนเก่า เดี๋ยวไม่สบาย กลับมาสอบอีก”
ทูทำเหยียดปาก สายตาหมิ่นสุดขอบ “ไปพวกบ้านเด็กใกล้ๆนี่ก็ได้ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของไอ้โอกับกูไม่ใช่เด็กมึง แต่เป็นไอ้เด็กเกมนั่นต่างหาก”
โอทำสีหน้าชื่นชมเพื่อนอย่างเปิดเผย “มึงว่ากูเป็นเพื่อนที่มึงภูมิใจ มึงก็เป็นเพื่อนที่กูภูมิใจเหมือนกันว่ะ”
“อ้าวแล้วกูล่ะ” อ๋อมท้วง
......เฮ้ย..สนใจกูมั่งเหอะ
“เหอะ” เพื่อนซี้ 2 คนหันมากระแทกเสียงใส่หน้าแล้วเดินกอดคอไปด้วยกัน
อ๋อมหันไปหาเฟี๊ยต มันก็ยิ้มเหมือนเคย
“พี่อ๋อม” เสียงผู้หญิงเรียกอ๋อม ชายหนุ่มทั้ง 4 คนหันมาหาโดยพร้อมเพรียง
“นุช” อ๋อมเรียกชื่อหญิงสาวในชุดนักศึกษา ท่าทางเอาเรื่อง
“อีนังพวกนั้นมันบอกว่า พี่โละผู้หญิงทุกคนของพี่หมด”
“ก็..คือ..ใช่”
“พี่ทิ้งพวกมัน แล้วหนูล่ะ พี่ไม่ทิ้งหนูใช่มั้ย หนูรอโทรศัพท์จากพี่มาเป็นเดือน พี่ไม่โทรหาหนู ไม่รับโทรศัพท์หนู พี่เอาหนูไปรวมกับอีพวกนั้นได้ยังไง”
“อ่า....” อ๋อมนึกคำพูดไม่ออกนอกจากคำว่า “คือ พี่ว่าเราไม่ได้...”
ผลของการแสดงท่าทีอึกอักก็คือ...
น้ำอัดลมผสมน้ำแข็งจากแก้วในมือของนุชสาดเข้าเต็มหน้า เลอะเสื้อนักศึกษาสีขาว
“ไอ้เลว!” นุชด่าเต็มหน้า เสียงดังจนทุกคนที่เดินผ่านหันมามอง
เสียงหัวเราะของ โอ กับทู ทำให้นุชชะงักแล้วสะบัดหน้าพรืด ทิ้งไว้แต่เฟี๊ยตที่มองคนนั้นทีคนนี้ทีไม่เข้าใจ
โอเลยเฉลยให้เฟี๊ยต “อย่าแปลกใจเฟี๊ยต นี่แก้วที่ 5 แล้วตั้งแต่มันเปลี่ยนแนว”
“จริงดิ”
“เออ 5 แก้วนี่ไม่รวมที่โดนหญิงตบต่อหน้าน้องอีกต่างหาก” ทูช่วยขยายความ
โอช่วยเสริม “แบบที่เวลาไปเที่ยวแล้วโดนติดกระดาษเขียนด่าหน้ารถก็มี”
“เฮ่ยอันนั้นมันนานแล้ว ครั้งเดียวด้วย”
อ๋อมชี้แจง
แต่เฟี๊ยตทำเสียงหัวเราะคึคึ แล้วส่ายหน้า
“มิน่า โอกับทูถึงได้เดินหนีไปโน่น เพราะกลัวโดนลูกหลงนี่เอง”
“แมร่ง รักกูกันจริง” อ๋อมบ่นขณะที่ถอดเสื้อนักศึกษา เหลือเสื้อกล้ามตัวใน
“แล้วหมดหรือยัง” เฟี๊ยตตามต่อ
“หมดแล้ว” อ๋อมบอก
“อย่าเพิ่งเชื่อมั่น ในมหาลัย นอกมหาลัย คนทำงานที่ไม่ปรากฏสัญชาติอีก” ทูบอก
“โห อะไรจะเยอะขนาดนั้น กูไม่เป็นเอดส์ตายซะก่อนหรือไง” อ๋อมบ่น
จนอีกหลายวันถัดมา แม่อยู่บ้านพี่อ๋อมก็มาตะโกนเรียกต้อนที่ข้างรั้ว
“ไปอีสานเหรอ”
“อือ”
“สุรินทร์” พี่บอกสั้นๆ ส่งยิ้มไปให้แม่ที่เดินออกมาดู
“ไปแต่ละที่นะอ๋อมช่างเลือกจริง”
พี่อ๋อมลูบท้ายทอยเก้อๆ “เสร็จจากค่ายก็จะกลับบ้านแล้วกลับมารับปริญญาน่ะครับ”
“ช่วงใกล้ๆต้อนสอบเลยเหรอ”
“ครับ”
“สรุปคืองวดนี้ผมต้องไปรดน้ำต้นไม้บ้านพี่กี่วันเนี่ย”
“2 อาทิตย์”
“งั้น....เอาของกินเยอะกว่าคราวก่อน 2 เท่า” ต้อนชู 2 นิ้วยิ้มกว้าง
“ต้อน” แม่ดุทันที “ไม่ต้องหรอกอ๋อม แค่รดน้ำต้นไม้เอง”
ต้อนทำปากยื่น แต่ไม่วายชู 2 นิ้วเหมือนเดิม
ส่งยิ้มข้ามรั้ว ไม่มีคำพูดอื่นอีก มีแต่คำพูดกับสายตาที่บอกว่าเป็นห่วง เป็นกำลังใจ เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง
“ดูแลตัวเองนะต้อน”
ต้อนพยักหน้ายิ้มรับ
“พี่ก็เหมือนกัน”
ยืนยิ้มให้กันอยู่อย่างนั้นจนพ่อกลับมา ต้อนถึงได้หันไปเปิดประตูให้พ่อเข็นรถมอเตอร์ไซค์เข้าบ้าน
“แม่ให้ตังค์ไปเติมน้ำมัน แล้วเอาไปซื้ออะไร น้ำมันถึงหมดจนต้องเข็นรถเข้าบ้านเนี่ย”
“แล้วจะให้สตาร์ทใหม่ขับเข้าบ้านหรือไงจิ๊กโก๋”
“ใหม่คือใคร” ต้อนกอดอกท่าทางจับผิดพ่อที่กำลังถอดเสื้อแจ๊คเก็ตส่งให้แม่
พ่อมองตอบแล้วพูดเรียบๆ “มุกแป้ก ต้อน”
“แป้กไง”
“เพราะพ่อบอกว่าสตาร์ทใหม่ แกต้องถามว่าใหม่เป็นรถอะไรต่างหาก”
ต้อนอ้าปาก ทำมือหงิก อยากลงไปชักดิ้นชักงออยู่กับพื้น
“อ๊าซซซซซซซซซซซซซซ ทำไมวันนี้พลาดได้วะเนี่ย อ๊าซซซซซซซซซซซซ”
แม่กับอ๋อมได้แต่ยืนหัวเราะท่าทางของพ่อกับต้อน
“งี้แหละ หล่อน้อยแล้วยังเฉื่อย มันจะไปทันคนหล่อ ฉลาด และแสนดีคนนี้ได้ไง”
“อ๊าซซซซซซ สู้ไม่ได้จับแม่เป็นตัวประกันดีกว่า”
ต้อนกระโดดกอดแม่ไว้แน่น จนแม่เซตามแรง
“เฮ่ย เล่นไม้ตายเลยเหรอ”
“ยอมแพ้เดี๋ยวนี้ไม่งั้นอด..อดอะไรนะแม่ วันนี้แม่ซื้ออะไรมาให้พ่อกินนะ” ต้อนถามแม่
“เฉื่อยเอ้ย จะต่อรองยังต้องถามตัวประกัน”
“อยู่เฉยเลย หล่อฉลาดแสนดีน่ะ”
“ปลา 3 รส” แม่บอกกลั้วหัวเราะ
“เออ ยอมแพ้เลย ไม่งั้นอดปลา 3 รสจะกินให้หมดคนเดียวเลย”
“เออ แกชนะก็ได้ แมร่งขี้โกงนี่หว่า นี่ไม่ได้เห็นแก่ปลา 3 รสนะ แต่เพราะแกกอดเมียพ่อต่างหาก”
“งั้นผมกินคนเดียวเลยนะ พ่อกินข้าวเปล่าๆ”
“เรื่อง”
พ่อบอกแล้ววิ่งเข้าบ้าน มีต้อนวิ่งตามเข้าบ้านไปด้วย
แม่ยืนหัวเราะหันมาหาอ๋อมที่ยังคงส่งยิ้มอยู่ข้างรั้ว “บ้านอ๋อมเป็นงี้มั้ยเนี่ย”
อ๋อมหัวเราะ
ตลอดเวลาในรอบวัน มีแต่ช่วงเวลาพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกเท่านั้น ที่ต้อนจะกลับไปเป็นต้อนคนเดิม คนที่หัวเราะเสียงดัง ร่าเริง มองโลกในแง่ดี
“พี่ต้องรออีกนานขนาดไหน ต้อนถึงจะให้พี่เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของต้อน”
ไปค่ายอีสานคราวนี้ หน้าตาของกลุ่มที่ไปด้วยกันเปลี่ยนไปเยอะ เพราะขณะที่สมาชิกปี 4 ที่จบการศึกษาหลายคนไม่ได้ไป เว้นแต่เบิ้มกับโอ ก็ยังมีอ๋อม ทู และเฟี๊ยต ที่มาสร้างความประหลาดใจ
เบิ้มไม่วายเหน็บ "กูว่าต่อไปชมรมค่ายจะมีสมาชิกผู้ชายเพิ่มขึ้น"
"เพราะ...." สมาชิกหันมาถาม
"เพราะบรรดาสาวๆที่มีแฟนแล้วจะส่งแฟนมาเข้าชมรมเพื่อให้ลดละเลิกเจ้าชู้"
ทุกสายตาหันมาหาอ๋อม
"กูควรภูมิใจมั้ยเนี่ย ไอ้ห่าประธานเบิ้ม"
"ภูมิใจเหอะ จงภูมิใจ" เบิ้มท่าทางจริงจังมากจนเว่อร์
ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยด้วยรถปิคอัพ 2 คันกับรถบรรทุกเล็กขนของมากมาย
ทูดีดตัวไปนั่งอยู่กับโอฝั่งหนึ่งของท้ายรถปิคอัพ ทิ้งให้เฟี๊ยตนั่งคุยไปกับอ๋อม มั่นใจว่าตอนที่พักกินข้าว และเข้าห้องน้ำแถวปั๊มน้ำมันกลับขึ้นมาบนรถที่นั่งก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป จนกระทั่งงีบหลับพิงกระจกข้างรถ แต่กลับรู้สึกเหมือนโดนจับให้เอนตัวพิงอกกว้าง
“เข้าห้องน้ำมั้ยทู” เสียงเรียกเมื่อรถแวะจอดอีกครั้งที่ปั๊มน้ำมัน
ทูลืมตาขึ้นมองแล้วร้องลั่นรถ “สัด ไอ้โอล่ะ”
“ตอนหลับก็ดีอยู่หรอก ตื่นปุ๊บด่าปั๊บ”
ประโยคนี้ไม่ใช่ไอ้คนยิ้มทน ที่นั่งให้พิงสบายมาครึ่งทางหรอก แต่เป็นเพื่อนตัวดีที่ลงไปจากรถแล้วนั่นต่างหาก
“ห่าโอ กูหลับอยู่ข้างมึงอยู่ดีๆนะ” ทูบ่น ขยับตัวลุกตามออกมาด้วย
แต่ท่าทางของเฟี๊ยตที่เหยียดขาออกช้าๆ ทำให้ทุกคนหันมามอง
“เหน็บกินล่ะสิ” อ๋อมรูปหล่อถามยิ้มๆ แต่ไม่วายหันไปยักคิ้วกับคนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ไอ้ตี๋โย่งเป็นเหน็บ
ทูกระชากเสียงในคอแล้วเดินนำไปห้องน้ำก่อน
“มันเอาแต่ใจขนาดนี้ มึงยังชอบมันได้ไงวะเนี่ย” โอส่ายหน้ามองตาม
เฟี๊ยตค่อยๆ ลงมาจากรถสลัดขาแล้วหยุดยืน “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ชอบไปแล้วนี่หว่าใช่มั้ยอ๋อม”
“ถูกต้องแล้วคร๊าบบบ”
โอทำหน้าตาหมั่นไส้เพื่อนสุดฤทธิ์ “กูละเบื่อพวกกำลังมีความรักจริงๆว่ะ”
เดินตามไปถึงห้องน้ำ ทูยืนอยู่ที่โถฉี่ในสุด เฟี๊ยตเดินตรงไปหา ไอ้หนุ่มตาคมร้องทันที
“หยุดตรงนั้นเลยนะมึง”
แต่เฟี๊ยตเดินเรื่อยๆเข้าไปหา ทำให้ทูหน้าตาเลิกลั่ก
“เฮ่ย พอแล้วเลิกแกล้งมันเหอะ” อ๋อมทำเหมือนดุแต่หน้ากลับยิ้มกว้าง “เดี๋ยวมันฉี่รถกางเกงต้องนั่งดมกันไปตลอดทาง”
ทูรีบฉี่ รีบเก็บ รีบรูดซิป
“เฮ่ย ช้าก็ได้เดี๋ยวพอดีติดซิป” โอช่วยเสริม
“ห่า ลามกกันไม่มียั้ง เดี๋ยวห้องน้ำหญิงได้ยินหรอกมึง” ทูดุ ส่งสายตาข้ามผ่านช่องระบายอากาศเหนืออ่างล้างมือ
แต่กลับมีเสียงกิ๊วก๊าวของสาวๆ ที่อีกฝั่งของห้องน้ำร้องตะโกนบอกว่าได้ยินหมดแล้ว
แต่คิดหรือว่าพวกผู้ชายฝั่งนี้จะอาย หัวเราะกันลั่น
“แมร่ง แต่ละคน กูคิดผิดคิดถูกวะเนี่ยมากับมึงเนี่ย”
ทูบ่นขณะที่เดินสวนออกมาล้างมือ แล้วหยุดยืนรออยู่ที่ด้านนอก
“หิวหรือเปล่า” เฟี๊ยตทักทันที
“ไม่” ตอบสั้นๆ ตาก็มองไปทางอื่น
เบิ้มประธานชมรมเลยเตือน “ไปซื้อของกินนะโว้ย คราวนี้ยิงยาวถึงชายแดนสุรินทร์เลยนะมึง”
“เออ” ทูตอบรับเสียงนิ่งๆ แต่พอเห็นอ๋อมเดินไปที่ร้านค้าทูก็ตามมาทันที
โอคนเฝ้าระวังหลังได้แต่หันไปหาเฟี๊ยต แต่ไอ้ตี๋โย่งแค่ยักไหล่
กลับขึ้นมาบ่นรถ ไล่ยังไงเฟี๊ยตก็ไม่ยอมกลับไปนั่งข้างอ๋อม แต่กลับมานั่งติดกับทู
จัดท่าให้ทูนั่งพิงอีกต่างหาก
“วุ่นวายมากนะมึง ไม่ได้มาเที่ยวนะโว้ย”
“จะได้นอนสบายไง”
“ไม่นอนแล้วโว้ย”
เฟี๊ยตยิ้มเฉย ไม่ยอมขยับออก
“มึงอายเป็นมั้ยเนี่ย”
“อายเรื่องที่ควรอายสิ”
“แมร่ง แทนที่มาเที่ยวนี้กูจะมาทำความดี แต่จะได้ฆ่าคนซะก่อนมั้ยเนี่ย”
ถึงโรงเรียน ย้ายข้าวของเครื่องนอนลงจากรถ พวกผู้หญิงไปนอนบ้านพักครู ส่วนผู้ชายนอนในห้องเรียน เพราะเป้าหมายของการทำงานครั้งนี้คือการซ่อมแซมห้องสมุด
อุปกรณ์ก่อสร้างที่ให้ครูใหญ่สั่งไว้วางเรียงรายที่สนาม
อาคารเรียนหลังเก่าใต้ถุงสูง กระดานเรียนผุ โต๊ะเรียนขาเก เก้าอี้โยกเยก
อ๋อมวางกระเป๋าเดินทางไว้หน้าห้องเรียน เดินมาจับโต๊ะเรียนที่วางซ้อนไว้หลังห้อง แล้วเดินไปที่กล่องเครื่องมือ คาดเข็มขัดช่าง หยิบตะปู และค้อน เริ่มงานง่ายโดยไม่ต้องมีใครบอก
โอมองยิ้มๆ ยกกระเป๋าเดินทางทั้งหมดเข้ามากองในห้อง ขณะที่ทูเปลี่ยนห้องเรียนเป็นห้องนอนโล่ง หันมาอีกที เฟี๊ยตกำลังซ่อมเก้าอี้อยู่อีกมุม
ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำงาน รู้ตัวเมื่อทูเดินมาเรียก
“จะห้าทุ่มแล้ว ไปอาบน้ำแล้วมานอนเหอะ”
นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำจากโอ่งท่ามกลางแสงไฟหลอดริบหรี่พร้อมกันทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2 ยังปี 4 กำลังอาบๆ ทูก็เหลียวซ้ายมองขวา
“หาอะไร”
ทูส่ายหน้า ขยับไปยืนกลางระหว่างอ๋อมกับโอ
ไอ้คนมนุษยสัมพันธ์ดี ทำแซว “กลัวผีเหรอ ตะเอ๊ง”
“สัด ชอบทำเสียงสูง แถวนี้มันเย็นๆ กูกลัวงู”
“อ้าว” โอทำหน้าตาเหมือนเพิ่งนึกออก รุ่นน้องอีกหลายคนก็เหลียวมองตามไปด้วย
อ๋อมได้แต่ส่ายหน้า “คนให้คึก เอะอะโวยวายกันขนาดนี้ เขาหนีไปหมดแล้ว”
“จริงเหรอ” ทูรีบจ้วงตักน้ำอาบอย่างรวดเร็ว
“เออ ให้ว่อง” อ๋อมรู้ว่าเพื่อนกลัวยิ่งแกล้ง อาบน้ำเสร็จเปลี่ยนผ้าขาวม้า แต่ทูยังถูหน้าไม่เสร็จ
“สัดใครหนีกูแช่งให้เป็นหวัดนก”
เฟี๊ยตอาบน้ำเสร็จก่อน แต่ยังยืนอยู่ข้างๆช่วยตักน้ำให้ล้างหน้าล้างตัว แต่ทูคอยเหลือบตามองเพื่อน 2 คนที่ยืนรออยู่
“รอกูก่อน”
“เออ รอ แมร่งเกิดจะกลัวขึ้นมา”
ทูหันมามองตี๋โย่งคนที่ยืนตักอยู่ข้างๆ ช่วยตักน้ำใส่ขันให้แล้วรู้สึกพิกล
หันไปเห็นโอจะเดินไปไหนไม่รู้ก็ร้องเรียก
“สัดโอ รอกูไง”
“กูจะไปฉี่”
คนตาคมหันมามองคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆอีกทีแล้วหงุดหงิด “รู้มั้ยตอนนี้มึงน่ากลัวว่างูอีก”
ตอนที่เดินกลับออกมาเบิ้มกับไก่ประธานชมรมค่ายอาสาคนต่อไป ยังคุยอยู่กับครูใหญ่และอาจารย์ที่ปรึกษาของชมรม
“ซ่อมโต๊ะเรียนเสร็จมั้ย” ครูหันมาถามขำๆ ก็มีโต๊ะเรียนอยู่ไม่มากนักช่วยกันทำ 3 คนแป๊บเดียวก็ผ่านไปหลายตัวแล้ว
“โต๊ะเรียนที่นี่เยอะเกิน ผมคงต้องขออยู่ซ่อมโต๊ะอีกสักเดือนละครู” โอทำหน้าตาเหน็ดเหนื่อยมาก
“ขอบคุณมากนะ” ครูใหญ่บอกอย่างจริงใจ ทำให้บรรดาอาสาสมัครทั้งหลายซึ้งตามไปด้วย ทั้งโรงเรียนมีครูสามคน ห้องเรียนรวม ที่ยังสามารถเปิดสอนอยู่ได้ไม่ถูกยุบรวมไปเข้ากับโรงเรียนอื่น ก็เพราะคนในชุมชนขอร้องไปทางจังหวัด ไม่อยากให้เด็กๆต้องเดินทางไกล
แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องประเมินกันปีต่อปี
ถึงทุกคนในชมรมจะมีถุงนอนประจำตัว แต่เพราะว่าครูใหญ่ไปขอยืมที่นอนมาจากวัด ทำให้มีเสื่อปูนอนพร้อมหมอน ถุงนอนเลยกลายเป็นผ้าห่ม
ที่ผ่านมาตั้งแต่รับน้องปี 1 จนถึงเวลานั่งเรียน หรือเดินเป็นกลุ่มไปด้วยกัน แม้แต่ไปกิจกรรมอะไรก็ตามจะในมหาวิทยาลัยหรือนอกสถานที่ ตำแหน่งของโอคือซ้ายมือของอ๋อม และทูจะอยู่ขวามือ คืนนี้ทูอยู่ขวาก็จริง แต่กลับโดนผลักไปติดผนัง เฟี๊ยตเข้ามานอนแทรก ระหว่างอ๋อมกับทูซะดื้อๆ
“สัด ไปนอนข้างโอโน่นเลย” ทูเงื้อขาเตรียมถีบ
เฟี๊ยตหันมายักคิ้ว “มันต่างกันตรงไหน”
“ต่างสิสัด ก็กูนอนเรียงกัน 3 คนกันอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร มึงมาแทรกทำไมเนี่ย” ถีบมันไม่ไป ผลักอีกแรงแมร่งก็ไม่ขยับ
“มึงจะให้กูแปลจริงๆ เหรอว่าทำไม”
....เงียบ....
รุ่นเดียวกัน รุ่นน้องทุกคนล้วนเงียบรอฟังคำตอบจากทู
แต่ไอ้ทูไม่ตอบ พยายามจ้องๆๆๆ แบบที่อ๋อมกับโอกลัวนักหนาน่ะแหละ แต่ไม่เคยเห็นว่าเฟี๊ยตมันจะกลัวสักที
...ไม่เข้าใจ ทำไมมันไม่เคยกลัวกูเลยวะ แมร่งกูเสียความมั่นใจนะโว้ย..
“อ๋อม มึงบอกให้มันไปนอนฝั่งโน้นของมึงไม่ได้เหรอ” ทูกำลังอยากคลั่ง
“เห้อ” อ๋อมทำเสียงประหลาด “ทำเป็นเด็กไปได้ว่ะทู นอนกันเต็มห้อง มันจะทำอะไรมึง”
เฟี๊ยตยักคิ้วแล้วล้มตัวลงนอน โดยไม่ลืมดึงมือทูให้นอนที่หมอนข้าง ๆ
“กูเพิ่งรู้ว่ามึงกลัวกู”
“เหอะ ใครกลัวมึงสัด”
“ก็ถึงขนาดเรียกให้อ๋อมช่วย ไม่เรียกว่ากลัวหรือไง”
ทูยกตัวมองอ๋อมที่นอนถัดไป แล้วลงนอนหันหลังให้ รู้สึกตัวเหมือนไอ้เฟี๊ยตขยับเข้ามาใกล้ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่รดหลังศีรษะ
“อย่ากลัวกูเลย กูก็แค่รักมึง อยากอยู่ใกล้มึงเท่านั้นแหละ”
ทูพลิกหน้าหันมามอง กลายเป็นการหันแก้มมาหาจมูกที่รออยู่
หยุดนิ่งสนิท แล้วขยับสบตาที่มองมา
เฟี๊ยตขยับอีกครั้งตามกดจมูกที่แก้ม สูดกลิ่นหอมเต็มปอด แล้วผละออกเพียงนิดเดียว
“นอน” เสียงของทูเบาพอให้ได้ยินกันเพียง 2 คน
ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า มือไม้เย็นเฉียบแต่เรื่องอะไรจะให้มันรู้ว่าร่างกายกูเกิดปฏิกริยาแบบไหน
หันกลับมานอนมองฝาผนังห้องเหมือนเดิม แล้วหลับตาลง
ฟอร์มนิ่ง นอนเฉยไม่เกร็ง ไม่สั่น แต่ที่รู้ก็คือ ลมหายใจอุ่นๆ ที่ด้านหลังศีรษะยังคงไม่หายไปไหน
==========จบตอนที่ 14==========
1 นี่คือเรื่องแต่งไม่มีอะไรเป็นความจริงสักเรื่องเดียว แม้แต่มหาวิทยาลัยของอ๋อมและเพื่อนโรงเรียนของต้อนและเพื่อน ตารางเรียนตารางสอบ ผมก็เมคขึ้นเองทั้งสิ้น
ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องเล่า
2 ตอนนี้ มีความรู้สึกเหมือนผมกำลัง "อัด" ข้อมูลและเรื่องอะไรหลายอย่างลงไปในตอนเดียวกัน แต่ก็ไม่อยากแบ่งตอนให้อารมณ์ค้างคา
หา่กรู้สึกว่ามันเยอะไปบอกกันนะัครับ เพราะผมยังไม่เก่ง
3 พบกันวันศุกร์ครับ
ขอบคุณทุกความเห็น กำลังใจและทุึกคะแนน
ไจฟ์ครับ