10.2 เลิกเล่นกันเถอะ!
“อยากรู้ไหมล่ะ ว่าของใครจะหวานกว่ากัน” สิ้นสุดประโยคนั้น ศีรษะได้รูปของกันย์ก็ก้มต่ำลงมา หัวใจของผมเต้นระส่ำบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ผละหนี แต่แล้ว.. กลับถูกดวงตาคู่คมรั้งไว้ ราวกับใช้คาถาสะกดนิ่ง
ผมทำได้เพียงพริ้มตาลงเมื่อริมฝีปากของมันประกบลงมาเบาๆ ก่อนจะถอนออกแทบทันที แล้วกดซ้ำลงมาใหม่เม้มริมฝีปากล่างเบาๆ ถอนออก กดซ้ำลงมาอีกครั้งหนักๆ ถอนออก มือที่เชยคางผมกดปลายคางเบาๆ ให้ริมฝีปากเผยอออกก่อนจะจูบผมอีกครั้ง ....คราวนี้ไม่ได้เบาบาง ฉาบฉวยแต่ลึกซึ้ง ดูดดื่ม รู้สึกถึงปลายลิ้นแทรกเข้ามาลิ้มชิมความหวานจากตัวเอง ปลายลิ้นไล้ที่ผนังปากด้านบนทำให้รู้สึกแปลกๆ แล้วก็ยังคงเรียกร้องต่อไป เล่นเอาเคลิ้มจนต้องตอบสนองตามไปด้วย จนเมื่อมันจะถอนริมฝีปากออกผมกลับเป็นฝ่ายแหงนเงยขึ้นอย่างเสียดาย เราถอนจูบออกจากกันแต่ใบหน้ายังใกล้กันแค่คืบผมหายใจหอบ ปรือตามองหน้ามัน
ตายห่า!! เมื่อกี้กูทำอะไรลงไป!!
ก้มลงทันควัน... กูอยากร้องไห้ ... ฮือ....
ยังไม่จบ... ไอ้กันย์มันยังไม่ยอมปล่อยผม อยู่ดีๆ มันก็จับคางผมให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จนตั้งตัวไม่ติด ก่อนจะประกบปากลงมาจูบอีก คราวนี้ตกใจ
กูต้องขัดขืนจริงๆ ซะที!! บอกตัวเองแล้วเอามือยันอกมันออก ส่งเสียงอู้อี้แปลว่า “อย่านะ” แต่แล้วก็โดนปลายลิ้น.. กับริมฝีปากหวานๆ ของมันจัดการจนเตลิดไปอีก!!
โอ้แม่เจ้า...... ท้ายสุดจูบกันอีท่าไหนวะ... มันถึงผลักผมลงไปราบกับโซฟาเฉยเลย แถมยังเอามือมาไล้ตรงเอวผมอีก มึงอย่าบอกว่า..... มึงนึกอยากกดกูขึ้นมา !!
ก่อนที่อะไรจะเลยเถิด...
ในที่สุด...
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นคั่นกลางอารมณ์ประหลาดทั้งปวงที่ก่อตัวขึ้น
“รับสายสิ จะปล่อยให้มันดังไปถึงไหน” ผมเตือนสติกันย์ด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงเล็กๆ ยันร่างหนาที่ทาบทับตัวเองให้ถอนออกไปนั่งตัวตรง
“กันย์ครับ....อยู่บ้าน... ขอโทษนะแพร .... จะรีบไปแล้ว” กันย์กรอกเสียงลงไปตามสาย ผมหันไปอีกทาง ระงับความอับอายของตัวเองให้พ้นสายตาอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ ยิ่งเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใครยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดโหมกระหน่ำเข้ามา
กูหนอกู หวั่นไหวไปเอง แล้วยังอยากจะไปยั่วยวนให้มันหวั่นไหวไปด้วย แล้วเมื่อเป็นไปตามแผน ก็หามีความหักห้ามใจตัวเองสักนิดก็หาใหม่ ยังจะคล้อยตามปล่อยให้มัน....
แฟนเขาหรือก็มีอยู่เป็นตัวเป็นตน
เป็นผู้หญิงที่สวยออกปานนั้น...
ไหนจะสาวในฝันที่ไอ้กันย์มันไปแอบรัก สวย...แสนดี...
ผู้ชายอย่างกูจะเอาอะไรไปสู้วะ!!
อย่างดีก็แค่ความเผลอใจ หวั่นไหว อารมณ์ชั่ววูบ... ก็เท่านั้น!
ผมยิ้มขื่นๆ ให้ตัวเอง เมื่อตื่นขึ้นจากความฝันแสนหวานมาพบกับความจริงที่ช่างโหดร้าย และบีบคั้นหัวใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ทำได้เพียงกักเก็บให้ท่วมท้นได้แต่เพียงในใจก็เท่านั้น
“มึงรีบไปเถอะ เดี๋ยวเขาจะคอย” ผมบอก รีบลุกขึ้นเดินออกไปหน้าบ้าน กันย์เดินตามมา
“กิ๊งจะไปไหน” มันถามด้วยเสียงที่แสดงถึงความกังวล
“กลับไง มึงไปส่งกูแค่ที่มีวิน หรือจะทิ้งกูไว้ตรงไหนก็ได้ที่พอจะมีวินผ่าน เดี๋ยวกูกลับเองก็ได้”
“อย่าเพิ่งกลับสิ อยู่นี่ รอกันย์กลับมาก่อน กันย์มีเรื่องจะคุยกับกิ๊งนะ” ส่งเสียงออดอ้อน
“ว่ามาสิ” รีบพูดเลย ถ้าพูดแล้วมึงจะปล่อยกูออกไปจากสถานการณ์ที่กดดันเช่นนี้
“ตอนนี้ยังไม่ได้ รอ...ให้อะไรลงตัวกว่านี้ก่อนนะ”
“งั้นก็เอาไว้วันหลังเถอะ” ผมบ่ายเบี่ยง
“ลืมแล้วเหรอว่ามาที่นี่ทำไม จะมาช่วยเฝ้าบ้านรอเพื่อนกันย์ไม่ใช่เหรอ ช่วยอยู่นี่อีกสักครู่นะ”
“ไม่!! ถ้ามึงไม่ไปส่งกู กูกลับเองก็ได้” ผมบอกแล้วเดินลิ่วจะเดินไปที่รั้วบ้าน แต่กันย์กลับรั้งผมไว้ด้วยการดึงผมเข้าไปกอดทั้งตัวจากทางด้านหลัง อ้อมกอดที่ทั้งหนักหน่วงและแนบแน่นทำให้ลมหายใจของผมขาดห้วง
“ปล่อย!! นี่มึงยังไม่เข้าใจสิ่งที่กูต้องการจะสื่ออีกเหรอ กูรู้ว่ามึงเครียด กับปัญหาหัวใจของมึงน่ะ มึงพยายามเอากูไปช่วยทำให้มึงสบายใจ แต่มันก็ควรต้องมีขีดจำกัดบ้าง ถึงเวลาแล้วที่มึงจะตื่นขึ้นมาจากความฝัน แล้วพบกับความจริง มึงควรจะไปในที่ที่มึงควรอยู่ กับคนที่มึงต้องอยู่ด้วยมากกว่า”
“กูกำลังจะไป... แต่กูเพียงแค่อยากให้แน่ใจว่าถ้ากูกลับมา มึงจะยังอยู่ตรงนี้ก็เท่านั้น” มันตอบกลับมา ผมพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอดของมันแล้วหันมาเผชิญหน้า ไม่สามารถซ่อนแววตาสั่นไหวเจ็บปวดได้อีกต่อไป
“เลิกเล่นซะทีเถอะกันย์ ไม่เห็นหรือไง ว่าเรามาไกลกันแค่ไหนแล้ว ถ้ายังขืนเล่นต่อไปอีก แล้วมีใครสักคนที่ถลำลึก มันจะขำไม่ออกนะ”
“อือ กูจะเลิกเล่น... ต่อไปนี้กูจะจริงจังซักที” ทั้งคำพูดและแววตาของมันจริงจังนัก
“ยังไม่จบอีกเหรอกันย์ กับคนสองคนที่มึงคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงก็ยังไม่พอให้ต้องปวดหัวใช่ไหม ถึงได้ลากกูเข้าไปร่วมด้วยอีกคน มึงยังไม่รู้จักกูดี สมมุติว่าถ้ากูจริงจังขึ้นมาเมื่อไร อย่าว่าแต่ปลาสองตัวในมือมึงเลย ต่อให้มึงเลี้ยงปลาไว้ทั้งบ่อ กูก็จะเอาไฟฟ้ามาช็อตให้ตายยกบ่อ” ผมขู่มันออกไป
“แล้วเมื่อไรมึงจะจริงจังล่ะ” เหอะ!! แม่ง ฟังภาษาคนไม่เข้าใจ!
“มึงฟังภาษาไทยไม่เข้าใจอีกแล้วนะ กูบอกแล้วไงว่ามันแค่...เรื่องสมมุติ”
มีเหตุผลเป็นร้อยทำให้กูจริงจังไม่ได้ !
ผมถอนใจอย่างเอือมระอากับคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เลยว่าการที่ผมยังอยู่ตรงนี้ กดดันแค่ไหน เลยเถิดกันไปถึงขั้นนี้แล้วมันยังไม่รู้สึกรู้สาสักนิด จะสำนึกผิดสักนิดก็ไม่มี
จากนั้นมันก็ประคองหน้าของผมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ มันก้มลงมาแตะริมฝีปากที่ข้างจมูกเบาๆ อย่างรวดเร็วแล้วถอนออก ทำเอาใจสั่นอีกครา ทำให้โมโหจนต้องตวาด
“บอกว่าให้เลิกเล่นไง กูไม่สนุกแล้วนะ”
“สิ่งที่กูทำลงไปทั้งหมด กับมึง กูไม่คิดว่าเป็นเรื่องสนุกเหมือนกัน... กูเรียกมันว่า...ความสุข” มันตอบกลับมาเล่นเอาหัวใจผมแทบหยุดเต้น...
“กูสัญญาว่าจะรีบกลับมา...ได้โปรด...รอกูอีกสักครั้งเถอะนะ” ดวงตาและน้ำเสียงนั้นอ้อนวอนได้อ่อนโยนนัก มือของมันละจากใบหน้าของผมแล้วจากไปเปิดประตูรั้ว จนกระทั่งรถของมันแล่นออกไปได้ครู่ใหญ่ ผมก็ยังยืนค้างอยู่ ณ จุดๆ เดิม
บอกว่าอย่าเล่น... มึงสนุกมากไหม กับการเล่นกับหัวใจกูเนี่ย... กูไม่สนุกสักนิด .... ไม่สักนิด ....
และกูไม่กล้า...เรียกมันว่าความสุข...
............................
แก้ไขคำผิดนิดหน่อยค่ะ ตอนลงรีบมากจนติดขัดหลายจุดเลย เซ็ง...