บ้านหลังใหญ่กลางเมือง ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า เพียงแค่ชายหนุ่มร่างเพรียวในชุดนักเทนนิสสะพายกระเป๋าใบใหญ่ ส่วนมืออีกข้างถือถ้วยรางวัลขนาดย่อม ลงจากสถานีแล้วเดินเข้าไปในซอยเพียงแค่สิบนาที .. จุนเจือ... ผู้ชนะการประกวดคอสเพลย์ก็เดินกลับมาถึงอย่างปลอดภัย
ช่วงขายาวเดินผ่านทางเดินกระเบื้องหินอ่อน เสียงน้ำพุที่หน้าบ้านทำให้สดชื่นไม่น้อย แต่ที่ทำให้เขารู้สึกเซ็งสุดๆก็คงไม่พ้น ...
รถเอสยูวีสีดำนำเข้าจากอเมริกาคันเบ้อเริ่มมาจอดอยู่ที่โรงจอดรถหน้าบ้าน เป็นสัญญาณบอกให้รู้เลยว่าวันนี้ใครมาเยือนที่บ้านของเขา
ริมฝีปากบางเบ้อย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะปั้นหน้าราวกับว่ายินดีนักหนาแล้วเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
"คุณผู้หญิงคะ คุณเจือกลับมาแล้วค่า....." เสียงสาวใช้เจื้อยแจ้ววิ่งมารับกระเป๋าจากลูกชายคนเล็กของบ้าน
"เอ้อ มาพอดีเลยเจือ กินข้าวมารึยังเนี่ย...พี่เทียนกับพี่เจนเขามารอกินข้าวด้วยเนี่ย....นี่ยัยต่ายอย่าลืมไปเตรียมห้องให้สองคนเขาด้วยล่ะ บ้านอยู่ไกล ไหนคุณเขาจะเปิดไวน์รับลูกเขยอีกเนี่ย ไม่ต้องกลับบ้านกลับช่องกันพอดีวันนี้ นอนนี่ล่ะนะ เจน เทียน.... แม่คงไม่ได้ขัดจังหวะอะไรมาก ฮ่ะๆ" เสียงคุณราตรีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมื่อเอ่ยแหย่ลูกสาวและลูกเขยหมาดๆอย่างทินกฤต
"เจือ มาพอดีเลย ไหนมาบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยว่าวันนี้ได้รางวัลรึเปล่า..." เจนปราดเข้ามากอดแขนน้องชายทันที เธอภูมิใจในน้องชายคนสวย(?) คนนี้ของเธอมากเลยทีเดียว
" อะ..ยกให้พี่เจน " มือเรียวยื่นถ้วยรางวัลขนาดย่อมให้พี่สาวของตนเอง ดวงตาคมเป็นประกายกับท่าทางของพี่สาวที่รัก ก่อนจะหันไปหาคุณแม่ที่ดูจะปลื้มใจกับการ"ชนะเลิศ"ของเขา
" แม่ฮะ อย่าลืมให้รางวัลด้วยนะ ผมชนะอีกแล้ว "
"รอบนี้จะเอาอะไรอีกล่ะ " คุณแม่ที่มีงานอดิเรกช่วยคลายเครียดจากการทำธุรกิจแนวอสังหาริมทรัพย์เป็นการตัดเย็บและถักนั่นโน่นนี่จนเต็มบ้านไปหมดหันมาถามลูกชาย ดูจะภูมิใจไม่ได้น้อยที่พรสวรรค์ในงานฝีมือของเธอส่งต่อไปยังลูกสาวได้ด้วย
คำถามแบบนี้เข้าทางลูกชายคนเล็กของบ้านพอดี จุนเจือผละจากที่สาวไปอ้อนคุณแม่ต่อทันที ด้วยการซุกศีรษะกับไหล่ของคุณแม่ไปมา
" เนี่ย..คือว่า อีกสองสามเดือน ก็ต้องเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งต่อที่ญี่ปุ่นแหละ .. ถ้ามีตังค์ไปเที่ยวด้วยก็คงสนุกขึ้นอีกเยอะเลยน้า~ "
"อะไรๆ จะไปญี่ปุ่นอะไร...อีกสองสามเดือน เรานั่นล่ะจะต้องไปฝึกงานไม่ใช่หรือไง"
คุณแม่ไม่หลงกลลูกชายจอมอ้อน เพราะเป็นลูกชายคนเล็กเธอก็เลยตามใจมาตลอด แต่ก็ไม่ได้มากมายจนเกินไปนัก จะห่วงก็ตัวเจนสุดา ผู้เป็นพี่รายนี้ตามใจน้องตลอดเลยจริงๆ
" แม่อะ..ไปฝึกงานบริษัทพี่เขย หยวนๆให้อยู่แล้วล่ะ " ดวงตาคมเหลือบมองไปทางคนที่เขาเอ่ยถึง
ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงอย่างทินกฤตแอบทอดถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะต้องขยับหนีเมื่อจู่ๆน้องภรรยาของตนเดินดุ่มๆเข้ามาหา มือเรียวทั้งสองข้างคล้องแขนพี่เขย ราวกับว่าสนิทสนมกันมาเป็นสิบปี
" ใช่ไหมล่ะ พี่เทียน~ "
"เอ่อ..."ทินกฤตดูอ้ำอึ้ง ก่อนจะดึงมือออกมาจากการเกาะกุมของ "น้องเมีย"
"เรื่องนี้พี่คงต้องดูกับทางฝ่ายบุคคลอีกทีนะ...ว่าต้องการคนเท่าไร ถ้าอยากไปทำที่บริษัทของพี่จริงๆ ฝากด้วยปากอย่างเดียวคงไม่ได้ เจือต้องทำเอกสารมาด้วยนะครับ..." แต่เหมือนจะไม่ได้พูดกับจุนเจือ ชายหนุ่มหันไปบอกว่าแม่ยายแทน
"ได้ยินพี่เขาว่าแล้วใช่ไหม เจือ ไปขอเอกสารจากที่มหาลัยมาให้เรียบร้อยล่ะ ถ้ากลัวจะทำงานหนักคนเดียวก็ไปชวนบาสไปเป็นเพื่อนก็ได้"
" งั้น.. " ดวงตาคมด้วยอายไลเนอร์ขยิบให้พี่เขยก่อนจะเอื้อมไปจับมือแกร่งนั้นอีกรอบ
" ไว้ผมกับเพื่อนจะไปหานะครับ..อย่าใช้งานพวกผมเยอะน้า .. ไม่งั้นจะฟ้องพี่เจนด้วย "
"อ้าว พูดแบบนั้นได้ยังไง ไปฝึกงานนะครับ...เจน...ดูน้องคุณ..................ซี่" ท้ายประโยคของทินกฤติเงียบหายเมื่อหันไปสบตาภรรยาสาวสวยของตนเองแล้วพบว่า เจนกำลังทำตาเป็นประกายกับภาพที่ได้เห็น
"อ่ะ แฮ่ม...เจน..."
"อ่ะ คะ...แหม...อย่าเพิ่งเอามือออกซี่ยังไม่ทันถ่ายรูปเลย เจนว่าพลางดึงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตั้งท่าจะถ่ายรูปน้องชายของตัวเองกำลังนัวเนียอยู่กับสามีสุดหล่อ
" ยิ้มหน่อยสิคร้าบ เอ้า ชีสสสสสส " น้องชายคนสวยยังคงคล้องแขนพี่เขยของตัวเองก่อนจะซุกหน้ากับไหล่กว้างแล้วโพสต์รอยยิ้ม มือข้างว่างก็ชูสองนิ้วอีกต่างหาก
ทินกฤตมองหน้าเด็กหนุ่มสลับกับหน้าของภรรยา แล้วถอนหายใจก่อนจะปั้นยิ้มให้กับกล้องมือถือของเจน ท่ามกลางเสียงหัวเราะของพ่อตาและแม่ยาย ผู้คนบ้านนี้ท่าจะชอบการถ่ายรูปกันมากเลยทีเดียว
"โอเค สวยมากเจือ เยี่ยม เดี๋ยวพี่เอาลงเฟสบุ๊คอวดอลิสนะ" เจนว่าพลางหันมายิ้มให้กับน้องชาย
"เอาล่ะ เพลาเรื่องถ่ายรูปไว้ก่อนมากินข้าวกันเถอะ...."ก่อนเสียงคุณแม่กับพ่อจะดังขึ้นพร้อมๆกัน
+++++++++++++++++
มื้ออาหารผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางบทสนทนาที่สนุกสนานของครอบครัวใหม่ของทินกฤต การแต่งงานครั้งนี้ไม่ต่างจากการรับเขยเข้าบ้าน เป็นเพราะเจนติดที่บ้านกับน้องชายมากทำให้เขาต้องพาเจนมาทานข้าวมานอนค้างที่บ้านพ่อตาแม่ยายอยู่เป็นประจำแม้ว่าทั้งคู่จะแยกออกไปอยู่ที่เรือนหอที่อยู่ห่างออกไปอีกฝั่งหนึ่งของเมืองแล้วก็ตามที
การแต่งงานครั้งนี้ ความจริงแล้วทินกฤตยืนกรานเสียงแข็งกับที่บ้านอยู่นานว่าเขาไม่อยากจะแต่ง เขาไม่เคยรู้จักเจนมาก่อน และเขาก็คิดว่ามันดีแล้วที่เป็นเช่นนั้น เพราะหากว่ามีใครรู้มาก่อนว่าเขาเป็นเกย์ล่ะก็ มันก็คงจะเท่ากับว่าความลับที่เขาปกปิดกับทางครอบครัวเอาไว้นานแสนนานมันแตกมานานแล้ว
แต่ในวันแรกที่ทางบ้านบังคับให้เขาไปรับเจนมาทานข้าวมันก็ทำให้เขาได้รับรู้ถึงความจริงอีกอย่างของเจนเช่นกัน หญิงสาวที่นั่งรอเขาอยู่ในร้านอาหารวันนั้นปล่อยผมสีน้ำตาลเข้มดูนุ่มสลวยยาวประบ่า ดูนุ่มนวลน่าสัมผัสเข้ากับเสื้อผ้าสีอ่อนที่ทำให้ดูบอบบางน่าปกป้อง...แต่เธอไม่ได้นั่งรอเขาอยู่คนเดียว เจนมากับหญิงสาวสวยหน้าตาฝรั่ง แต่งตัวจัดจ้านทาปากสีแดงสด
ผู้หญิงที่เขาเห็นชั่ววินาทีแรกก็รู้สึกไม่ถูกชะตาอย่าง..อลิส ..
และแน่นอนว่าประเด็นแรกที่เปิดขึ้นในบทสนทนานั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกช็อคมากขึ้นไปอีก เมื่อ เจนแนะนำให้เขารู้จักกับ "อลิส"
................แฟนสาวของเธอ......................... เรื่องราวกลายเป็นว่าเจนเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานซักเท่าไรเหมือนกัน เธอพูดออกมาตามตรง ด้วยน้ำเสียงเนิบช้าหวานหูตามแบบคุณหนูที่เติบโตมาในโรงเรียนหญิงล้วน แต่กระนั้นก็หนักแน่น เธอมองหน้าเขาและบอกตรงๆว่าเธอไม่ชอบผู้ชาย และเรียกตัวเองว่าเป็นเลสเบี้ยนได้อย่างเต็มปาก
การแต่งงานในครั้งนี้ไม่ได้ต่างจากเรื่องราวในละครน้ำเน่าหลังข่าวที่พ่อแม่ตกลงกันไว้ก่อนโดยไม่ได้คิดถึงหัวอกของลูกทั้งสองคน...ตกลงกันไว้โดย่ที่ไม่ได้มองให้ลึกถึงรสนิยมของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
เจนสุดาจึงยื่นข้อเสนอ ที่ดูท่าว่าเธอกับอลิสจะตระเตรียมกันมาเป็นอย่างดีว่า
[/i]"จะเป็นไปได้ไหม ถ้าเราจะแต่งงานกันแล้วหย่าภายในครึ่งปี..." [/i]
ทินกฤตสนใจแผนการนี้ในทันที ทำไมเขาจะปฏิเสธ นึกแล้วก็อยากจะดัดหลังพ่อแม่เหมือนกัน ถ้าแต่งงานเพื่อเหตุผลทางธุรกิจได้ แล้วทำไมจะหย่าเพื่อเหตุผลทางธุรกิจไม่ได้ ....ภายในครึ่งปี ผลประโยชน์ทั้งสองบริษัทที่อยู่ในชื่อของพวกเขาทั้งสองคน จะถูกนำมาหารครึ่งและแบ่งให้ไปพอกินพอใช้ไปได้อีกนาน เจนตั้งใจจะไปเรียนต่อทางด้านแฟชั่นที่อเมริกา บ้านเกิดของอลิส และไม่คิดจะกลับมาที่เมืองไทยอีก เธอเพียงแค่ต้องการต้นทุนเท่านั้น
แต่...เธอไม่อยากจะหักหาญน้ำใจของพ่อแม่มากจนเกินไป การหย่าแล้วขอตัวไปทำใจเมืองนอกจึงน่าจะเป็นข้ออ้างที่ดีไม่น้อย
ทินกฤตตอบตกลงแทบจะในทันที แต่เขาเองก็มีข้อแม้ให้กับสองสาวเช่นกัน ว่าเรือนหอหลังใหม่ที่สร้างขึ้นนั้น จะต้องมีสองห้องนอน ไม่ว่าเจนจะพาอลิสมาค้างหรือไม่ หรือเขาจะพาใครไปค้างก็ตามแต่ จะไม่มีการข้องเกี่ยวซึ่งกันและกัน... แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีเสียงค่อนแคะจากอลิสไม่น้อย
"ยังไงผู้ชายก็คือผู้ชาย หน้ามืดขึ้นมาเมื่อไรก็ไม่รู้....เจนต้องล็อกห้องดีๆนะ ไม่อย่างนั้นก็ต้องเอาน้องเจือไปเฝ้าด้วยล่ะ"....ยัยฝรั่งปากเสีย.... ทินกฤตได้แต่กัดฟันกรอด แม้เขาจะเป็นคนที่ชอบเที่ยวเตร็ดเตร่ แต่เขาไม่เคยผิดสัญญาอะไรกับใคร.... และอีกอย่างแม้จะหน้ามืดแค่ไหนเขาคงไม่ทำอะไรผู้หญิงของยัยปากมากคนนี้เป็นแน่
ส่วนน้องชายเพียงคนเดียวของเจนก็มีนิสัยประหลาดๆ จุนเจือเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวที่ดูเหมือนจะหยิ่งในสายตาคนที่ไม่รู้จัก โครงหน้าสวยคม กับรูปร่างเพรียว ท่วงท่าการเดินต่างๆ โดดเด่นมาแต่ไกล ไม่น่าเชื่อว่าจู่ๆจะเดินมาคล้องแขนแล้วซบหน้ากับไหล่ของพี่เขยได้อย่างหน้าตาเฉยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เพียงเพื่อจะให้พี่สาวถ่ายรูปความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ดูอบอุ่น
มันเป็นเรื่องที่เหมือนจะทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองในตัวเจน ผู้หญิงคนแรกที่เขายินดีที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วยในทุกๆวันได้อย่างไม่รู้สึกกระอักกระอ่วน ตรงที่เจนดูท่าจะชอบ การ์ตูน หรือ นวนิยายที่ว่าด้วยเรื่องของ
"ชายรักชาย" หรืออะไรที่เจนเรียกว่า
"วาย" อยู่ไม่น้อย
เธอมักจะมองเพื่อนชายของเขาอย่างพศวัต หรือ เด็กหนุ่มๆคนอื่นๆที่เขาพากลับมาที่บ้านด้วยสายตาหยาดเยิ้ม และเพ้อฝัน เจนมักจะมานั่งสาธยายให้เขาฟังถึงนวนิยายที่เธออ่านว่าโรแมนติดอย่างไร สวยงามแค่ไหน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว การที่เขาเป็นเกย์นั้นไม่ได้สวยงามน่ารื่นรมย์อย่างที่สาวสวยคนนี้วาดฝันเอาไว้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาอยากจะปิดบังความเป็นเกย์ของตัวเองเอาไว้ให้เป็นส่วนตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่า
และน้องชายของเจนสุดา อย่างจุนเจือ ก็ทำให้เขารู้สึกอารมณ์เสียได้ทุกครั้งที่เห็นเรื่องการที่เขาเป็นเกย์นั้นเป็นเรื่องเล่นๆ จุนเจือรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นเกย์ แต่กระนั้นก็ยังชอบเข้ามากระแซะ มาใกล้ชิด เพียงเพื่อต้องการจะทำให้เจนยิ้ม หัวเราะ ....เป็นเด็กหนุ่มที่ทำเพื่อพี่สาวได้ทุกอย่างโดยไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลยแม้แต่น้อย
....ว่าเขาต้องใช้ความอดทนแค่ไหนที่จะไม่คว้าร่างเพรียวนั้นมาทำตามใจ...เพราะบางทีไอ้แต่ละโพสต์ที่เจ้าหนุ่มนั่นเลือกเข้ามาก็ช่างเหมาะเจาะและยั่วยุอารมณ์เขาเสียนี่กระไร.....
....เสือที่ต้องเก็บซ่อนกรงเล็บทั้งๆที่มีเหยื่อมาออดอ้อนออเซาะถึงมือนี่มันทรมานไม่น้อยเหมือนกัน.....+++++++++++++++++
"เจน...บางทีผมก็เหนื่อยกับน้องคุณเหมือนกันนะ" ทินกฤตพูดพลางคว้าหมอนกับผ้าห่มย้ายไปนอนอีกทาง เขาไม่นอนร่วมเตียงกับเจนจนเป็นเรื่องปรกติ
"คะ?....."แต่หญิงสาวกลับหันมาทำหน้าไม่รู้เรื่อง
"นี่ เทียน รูปที่ถ่ายเมื่อกี้สวยมากเลยนะ...เดี๋ยวจะอัพให้อลิสดูล่ะ ต้องกรี๊ดแน่เลย เฮ้อ ผู้ชายสองคนยืนคู่กันนี้สวยจริงๆนะ...." ว่าพลางก็ถอนหายใจออกมาอย่างอิ่มอก ทินกฤตได้แต่ปาดเหงื่อเม็ดเป้งออกจากหน้าผากพลางยืนมองภรรยาสาวของตนเองกำลังอัพรูป "วายๆ" ของตัวเองกับน้องชายคนสวยให้ แฟนสาวที่ไปเดินแบบต่างประเทศของเธอได้ดู
.....ผมว่ามันจะไม่สวยก็ตรงที่น้องคุณมันกวนประสาทผมน่ะซี่.....สิ่งที่เจนไม่เคยรู้เลยก็คือ ทุกครั้งที่จุนเจือเข้าใกล้ ออเซาะพี่เขยอย่างน่ารักต่อหน้าเธอนั้น ลับหลังแล้ว น้องชายตัวแสบทำอย่างไรกับทินกฤตบ้าง ทั้งส่งข้อความล้อเลียนเรื่องเขากับเจนว่า ที่เขาไม่ทำอะไรเจนไม่ได้เป็นเพราะเขาเป็นเกย์หรอก แต่ไม่มีน้ำยาเสียมากกว่า.... หรือชอบส่งภาพตัวเองแต่งตัวเป็นนั่นโน่นนี่เข้ามือถือ...ยังไม่รวมไปจนถึงวิธีกลั่นแกล้งแบบเด็กๆที่มักจะมีของแปลกๆไปอยู่ในรองเท้า หรือ หลังรถของเขาเสมอเวลามาค้างที่บ้านของเจน
....ก็เพิ่งจะรู้นี่ล่ะว่า น้องชายที่หวงพี่สาว...ที่เป็นเลสเบี้ยน...ที่ดันมาแต่งงานกับเกย์นี่เขาแสดงออกกันแบบนี้นี่เอง.....แต่ก็นั่นแหละ..รูปของน้องภรรยาที่แต่งตัวประหลาดๆในโทรศัพท์ ก็ไม่เคยถูกลบออกไปแม้แต่รูปเดียวอยู่ดี..
+++++++++++++++++
ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน เจนตื่นมาทำอาหารเช้าสำหรับสามที่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืนนี้เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดในที่จอดรถกลางดึกเป็นรถของอลิส แฟนตัวจริง ของเจน
"เจน...อลิสมาเหรอ" ทินกฤตเอ่ยถามภรรยาพลางผูกเนคไทไปพลางพยายามจะดื่มกาแฟให้เร็วที่สุดไปพลาง
"อ้อ ค่ะ...เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากถ่ายแบบที่อเมริกา...ง่วงก็เลยขอมานอนที่นี่ก่อน ..."เจนว่าพลางส่งขนมปังปิ้งให้กับอีกฝ่าย เห็นท่าทางเร่งรีบแบบนี้แสดงว่า ทินกฤตไม่อยากจะอยู่เจอหน้าอลิสเป็นแน่
....คู่นี้ไม่ถูกกันจริงๆซี่นะ...."โอเค เข้าใจล่ะ งั้นผมรีบไปดีกว่า ยัยนั่นตื่นมาเดี๋ยวโวยใส่ผมอีก ใช้แฟนเขาทำกับข้าว"
"ฮ่ะๆ ไม่เป็นไรหรอก ก็ช่วยๆกัน เทียนยังช่วยเจนทำความสะอาดเลยนี่...ผลัดกันไง" เจนว่าพลางหัวเราะ ใครมาเห็นคงนึกประหลาดใจ ที่สามีภรรยาคู่นี้อยู่กันแบบรูมเมทกันเสียมากกว่า
"ก็นะ...ไม่มีเด็กทำให้นี่นา...เอ้อ...วันนี้เจือจะไปฝึกงานที่บริษัทผมใช่ไหม...ช่วยโทรไปปลุกด้วยล่ะ เดี๋ยวจะตื่นสาย...ผมไม่ชอบคนตื่นสายนะฝากบอกเขาด้วย" ทินกฤตเป็นแบบนี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงานจะเอาจริงเอาจังผิดกับนิสัยปรกติหน้ามือหลังเท้า ...ซึ่งมันก็เป็นเพียงแค่ละครจัดฉากให้พ่อแม่ดูไปวันๆก็เท่านั้น ...
"โอเค เดี๋ยวเจนโทรไปปลุกให้" รู้ดีว่าน้องตัวเองยังไม่ตื่นแน่ พี่สาวคนสวยจึงรีบโทรไปปลุกน้องชาย...ที่สวยไม่ได้ต่างกัน..ให้รีบไปฝึกงานวันแรกทันที
"ไปล่ะ..สายละ เข้าบริษัทสาย สายของแม่ได้โทรไปฟ้องแน่" ทินกฤตว่าพลางโบกมือก่อนจะหยิบขนมปังปิ้งหนึ่งชิ้น พร้อมกระเป๋าเอกสารวิ่งออกจากบ้านไปทันที
+++++++++++++++++
ที่บ้านของทินกฤตทำบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้าง ดูแลในการก่อสร้างและการขายโครงการที่อยู่ใหญ่ๆต่างๆทั้งในบริเวณกรุงเทพ และต่างจังหวัด
ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเดินเข้าไปในบริษัท ทั้งรับไหว้พนักงานเด็กๆบ้าง ยกมือไหว้ผู้ใหญ่บ้าง ได้รับเสียงแซวบ้างหลังจากที่เพิ่งจะแต่งงานไปหมาดๆ ก่อนจะต้องทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ผู้บริหาร
เพียงไม่นานเลขาก็เดินเข้ามารายงานตาราง ประชุมและเอกสารที่จำเป็นจะต้องเซ็นต์ในวันนี้
"เอ้อ...นุช...เด็กฝึกงานรอบนี้มีกี่คนนะ"
" สิบคนค่ะ .. นี่ก็กำลังรายงานตัวกับฝ่ายบุคคลอยู่ค่ะ "
"สิบคนนะ...อืม....ฝ่ายบัญชีก็ปาไปสี่แล้ว...คอมพิวเตอร์อีกสาม...วิศวะสาม ใช่ไหม" ถามไปอย่างนั้นเพราะรายชื่อก็อยู่ในมือ แน่นอนว่าต้องมีทั้งชื่อและประวัติของ นายจุนเจือ น้องชายของภรรยาตัวเองปรากฏหลาอยู่บนหน้ากระดาษเช่นกัน
"งั้นก็ให้มีรุ่นพี่ช่วยดูไปเหมือนทุกทึนะ แจงงานให้ดีๆ อะไรที่เบาๆก็ให้เด็กมันช่วยทำไป จะได้เป็นงาน ส่วนใครมีปัญหาอะไรก็แก้ไม่ตกมาบอกผมได้ จะไปช่วยแก้ให้" ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองเลยแต่ทินกฤตสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าอาจจะมีเรื่องจึงเสนอตัวออกไปเช่นนั้น
+++++++++++++++++
พี่เทียน!!!!!!!!!!!!!!
เค้าจะเป็นโลมมมกับพี่เทียนตัวจริง
อ๊ายยย เนอะพี่เรนนี่เนอะ
นิสัยดีจริงๆ
ศิลปินไทยน่ารัก ไม่แพ้ศิลปินต่างชาติเลยเนอะ คุณน้องเรลล่า
ถูกค่ะพี่เรนนี่
เราโดนกันเต็มๆ ปลื้มมมใจ ฮิ้วววว
หวังว่าการมาเป็นอิมเมจของพี่โดมคงจะถูกใจกันนะคะ!ตามอ่านทันแล้วค่า
น่ารักทุกเรื่อง
แต่กำลังรอลุ้นจุนเจือ
โอ้ว ขอบคุณค่า ตบมือให้เพราะเข้าใจว่ายาวใช่ย่อย (ขนาดนั่งเพ้อ อ่านเองยังปาไปครึ่งวัน ...แค่สองเรื่องแรกนะ)
ยินดีต้อนรับค่า รออ่านซีรีย์ห้านะคะ
ขอต้อนรับรีดเดอร์คนขยัน(?) ..ก็เพราะว่ากว่าจะอ่านจบ 4 เรื่องมันยาวใช่ย่อยใช่ไหมล่ะคะ ขอให้มีความสุขกับเรื่องที่ 5 กันนะคะ
สุดท้ายนี้ !! โหวดกันรึยังคะ?