พิธีเผาศพจะมีขึ้นในวันนี้ นับเป็นงานใหญ่ที่คนในหมู่บ้านต้องมาช่วยกัน กลุ่มแม่บ้านมาช่วยกันทำอาหารแต่เช้า เพื่อให้ทันถวายเพล ส่วนสมปองตื่นแต่เช้าด้วยท่าทางสงบนิ่งผิดกับเมื่อคืนนี้ที่ได้ระบายออกถึงความเศร้าทั้งน้ำตากับคนรัก ดอกไม้หน้างานศพ ถูกเปลี่ยนอีกครั้งในช่วงเช้ามืดเพื่อให้เป็นภาพจดจำที่สวยงามที่สุดของหญิงวัยกลางคนที่โอบอ้อมอารีกับทุกคน
หลังจากถวายเพลแล้วจึงมีพิธีบวชให้กับลูกชายเพียงคนเดียวของผู้ตาย สามเณรมีอากัปกิริยาที่สงบนิ่ง ท่าทีเปลี่ยนไปแต่ยังคงแสดงให้เห็นได้ถึงความกระตือรือร้นที่จะทำตามที่พระผู้ใหญ่บอกให้ทำตามพิธีการ จนเมื่อถึงเวลาที่จำเดินนำไปพร้อมกับพระรูปอื่นที่ได้นิมนต์ไว้ก่อนหน้า แต่ละย่างที่ก้าวไปเพื่อวนรอบเมรุให้ครบสามรอบนั้นเชื่องช้า หากแต่มั่นคง
พิธีการก่อนจะถึงการประชุมเพลิง คือการกล่าวถึงคุณงามความดีของผู้ที่จากไปแล้วอย่างสงบ แม่ของสมปองซึ่งไม่มีญาติคนอื่นเหลืออยู่อีกแล้วจึงมีเพียงน้าเพ็ญ น้องสาวเพียงคนเดียวที่เป็นคนกล่าวแต่กล่าวได้ไม่ทันไร หล่อนก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่และไม่อาจตั้งสติได้ จนพิธีกรต้องให้คนมาพาออกไปในที่สุด พศวัตยืนมองภาพนั้นภายใต้แว่นกันแดดราคาแพงของตัวเองในใจนึกเหนื่อยหน่ายเหลือเกินกับพฤติกรรมของผู้หญิงคนนนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา ...เขาคาดว่า มันคงเป็นเรื่องที่หลายๆคนในหมู่บ้านคงจะรู้กันเป็นอย่างดี
ส่วนการทอดผ้าบังสุกลหน้าศพนั้น ผู้ใหญ่บ้านได้มอบรายชื่อของผู้ทอดผ้าบังสุกุลจำนวนสิบกว่าคน โดยได้เห็นว่าบุคคลนั้นๆเป็นผู้ใหญ่รวมถึงผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านที่ลุงดำและตัวสมปองเองให้ความเคารพมาโดยตลอด รวมถึง ...ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำจากกรุงเทพที่เป็นขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ไปทั้งหมู่บ้าน พศวัตเดินขึ้นบันไดที่ยกเมรุขึ้นสูงทีละก้าวๆ แล้ววางผ้าบังสุกุลที่ได้รับมาลงที่ด้านหน้าเมรุเผาร่างที่หลุดพ้นเคราะห์กรรมในชาตินี้ไปแล้ว
... ขอให้ไปสู่สคตินะครับ คุณน้า .. เรื่องน้อยไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเขาไปทั้งชีวิต ....ดอกไม้จันทน์ถูกแจกจ่าย แขกเหรื่อถยอยขึ้นวางดอกไม้จันทร์ จนกระทั่งสุดท้ายแล้วคือญาติที่ขึ้นไปวางดอกไม้ สามเณรสมปองเองก็ขึ้นไปวางดอกไม้ให้แม่เช่นเดียวกัน ฝาโลงถูกเลื่อนเปิดให้ได้เห็นร่างไร้วิญญาณซีดเผือดของแม่ที่หลับไปตลอดกาลเป็นครั้งสุดท้าย เสียงลมหายใจสูดเข้าลึก ก่อนที่จะปล่อยให้คนของวัดทำหน้าที่ต่อไป โลงไม้ชั้นในถูกเลื่อนเข้าไปปิดประตูล็อคแน่นหนา เพียงเวลาไม่นานที่ยอดบนสุดของเมรุมีควันสีหม่นลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าที่เจือด้วยแสงสีส้มจากพระอาทิตย์ที่เริ่มจะคล้อยต่ำ ดวงตากลมของสามเณรสมปองมองนิ่งยังกลุ่มควันนั้นราวกับจะบอกลาต่อบุพการีเป็นครั้งสุดท้าย
ชายหนุ่มในชุดสูทเดินเข้ามาหาสามเณรที่ยืนมองกลุ่มควันนั้นด้วยอาการสงบนิ่ง
" เณร..ไม่เป็นไรนะ? "
"ไม่เป็นไรหรอกครับ "เณรเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาหาอีกฝ่าย
"โยมจะกลับแล้วใช่ไหม"
"ใช่ .. ต้องกลับแล้ว .. เณรมีอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะ ..แล้วผมจะรอที่กรุงเทพ "ประโยคหลังนั่นพศวัตย้ำกับคนตรงหน้านี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มือแกร่งหมายจะลูบศีรษะอีกฝ่าย แต่ไม่สามารถทำได้เพราะสถานภาพของสมปองในตอนนี้ เณรขยับออกเล็กน้อย
"โยมเป็นแบบนี้ตลอด... ผมไม่เป็นอะไรหรอก...กลับไปเถอะครับ เดี๋ยวหลวงตาคงเรียกแล้ว" เณรสมปองเอ่ยก่อนจะเดินไปหาหลวงตา
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำมองอาการเดินอย่างสงบของสามเณรใหม่คนนั้นไปจนลับสายตาก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังที่จอดรถเพียงลำพัง..
++++++++++++++++++++++
นับตั้งแต่วันที่งานศพเสร็จสิ้น พศวัตก็กลับไปยังกรุงเทพ และนั่นดูเหมือนจะเป็นวันสุดท้ายที่ทั้งสองคนได้พบกัน ระยะเวลาผ่านไปกว่าสามเดือน สมปองสึกออกจากการเป็นเณร ตลอดเวลาที่อยู่ในวัด จิตใจของเขาสงบลงไปมาก เพราะกิจในวัดที่จะต้องทำ เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะกลับเข้าไปอยู่ในกรุงเทพอีกครั้ง โดยที่ทางของที่บ้านซึ่งก็มีเหลือเพียงแค่บ้านกับต้นพิกุลของแม่ก็ถูกปิดเอาไว้อย่างนั้น เมื่อมาถึงกรุงเทพควักเงินในกระเป๋าดูก็เห็นว่าเหลืออยู่เพียงไม่กี่บาท ตั้งใจไปกดเอทีเอ็ม ดูก่อนจะร้องอุทานออกมาเสียงดังจนคนรอบข้างหันกลับมามอง
...สามหมื่นห้าร้อยสิบเอ็ดบาท สี่สิบเจ็ดสตางค์... "สามหมื่น!!!! มาได้ไงเนี่ย!!" เด็กหนุ่มร้องลั่น คิดซ้ายขวาหน้าหลังก่อนจะรู้สึกตัวรีบกดเงินเท่าที่ตัวเองต้องการมา ก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถมือก็พลางกดมือถือไปยังคนที่คิดว่าเป็นเจ้าของเงิน ที่อยู่ๆก็โพล่เข้ามาในบัญชีของตัวเอง
....คุณแมกซ์.....
...คนที่จะบ้าทำแบบนี้ได้มีคนเดียวเท่านั้น.... แต่กลับมาเสียงตอบรับจากระบบอัตโนมัติของเครือข่ายโทรศัพท์เท่านั้น เขาไม่สามารถติดต่อกับพศวัตได้เลย
"ไปไหนอ่ะ...เอาไงดีเนี่ย...กลับไปร้านก่อนดีกว่า" ด้วยคิดว่าตัวต้นเหตุน่าจะไปอยู่ที่ไหนไกลนอกจากที่ร้าน เลยตั้งใจว่าจะกลับไปที่ร้านก่อน
++++++++++++++++++++++
สมปองนั่งรถไปตามสัญชาติญาน เขาคิดเพียงแค่ว่าจะไปาพศวัตได้ที่ใด รถเมล์จอดป้ายหน้าปากซอยเหมือนทุกครั้ง ถนนหนทางที่ห่างหายไปสามเดือน บรรยากาศรอบด้านนั้นยังไม่เปลี่ยนไปเท่าไร มองไปยังพอพบเห็นผู้คนหน้าเดิมๆ ร่างผอมเกร็งกึ่งวิ่งกึ่งเดินลัดเข้าไปในซอยเล็กๆเพื่อเข้าไปด้านหลังร้านด้วยความเคยชิน แล้วก็ต้องทำตาโต ใบหน้าเล็กๆร้อนไปทั้งหน้าอีกครั้งเมื่อเห็นอะไรที่หลังร้าน
"พี่แมน...จานชามนี่ก็นับๆไปเอาจำนวนพอๆกับที่นี่ก็แล้วกันนะ" เสียงนุ่มของเจ้าของร้านอย่างรามินทร์ดังขึ้น ร่างบางของชายหนุ่มขยับขึ้นเล็กน้อย เพื่อยกจานชามบนคัพบอร์ดลงมา
"เดี๋ยวพี่ถือเอง .. มีแรงแล้วรึไง? "ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยกจานชามเหล่านั้นลงมา ไม่วายแหย่เรื่องเมื่อคืน
"ไม่ต้องมาแหย่นะ ..." รามินทร์หันกลับไปมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
"ก็เพราะใครเล่า"
"ใครกันแน่ ร้องจะเอาอีกๆ"กตัญญูวางจานชามเหล่านั้นลงกับโต๊ะทำครัว แล้วเบียดหลังอีกฝ่าย มือไม้ก็ลูบสะโพกบางผ่านผิวกางเกงเบาๆ
"พี่แมน... ตอนนั้นก็ตอนนั้นซิ่...ถอยนะจะได้รีบทำงานไง ส่วนพวกนี้ก็ไม่ต้องเอาไป " รามินทร์พยายามเบียงประเด็นปละตัวเองออกจากมือของอีกฝ่ายที่พยายามจะล้วงล้ำ รามินทร์เริ่มกลับเข้าสู่โหมดที่พยายามจะทำงานอีกครั้ง
"เพราะยังไงพี่แมนก็ไม่ต้องไปที่โน่นอยู่แล้ว"
"แล้วถ้าพี่ไม่ไปแล้วใครจะไปล่ะ .. ที่โน่นน่ะ เปิดใหม่นะ แยกกันทำก็ได้นี่ "พอคนรักไม่ให้เขาทำอะไรอีกเลยเปลี่ยนเป็นกอดเอวไว้หลวมๆแทน
"ไม่ นี่ร้านของผม ผมเป็นเจ้าของ กาแฟผมก็จะชงเอง แล้ว อาหาร ที่แมนก็ต้องเป็นคนทำ เพราะพี่แมนเป็นเชฟของผม" รามินทร์ยืนยันความคิดเดิม
ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา เมื่อสามเดือนก่อนเขากับกตัญญูก็กลับมาทำร้านกันเองโดยที่มีลูกจ้างคนใหม่เข้ามาช่วยทำบ้าง แต่เพราะงานหนักก็มีหลายครั้งทที่พนักงานไม่พอจนต้องลุกมาทำเองบ้าง พลางคิดขยายกิจการไปแถวสีลม แต่ตั้งแค่มีความคิดนี้มาก็ดูเหมือนจะมีเรื่องเล็กๆให้เถียงกับกตัญญูได้ตลอด คือ จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งไปดูแลร้านที่อยู่ห่างออกไปคนละฝากฝั่งเมืองแทน
"แล้วร้านโน้นใครจะเป็นคนทำล่ะครับ มิน.. เราพูดกันตั้งหลายครั้งแล้วนะ เข้าใจพี่หน่อยสิครับ "กตัญญุเถียงพลางถอนหายใจ
"มินก็บอกพี่ไปหลายครั้งแล้ว ว่า เชฟของมินมีพี่คนเดียว...พี่ก็ต้องทำให้มินซิ่ครับ" เมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้นรามินทร์จึงหันกลับไปย้อนบ้าง จะทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้อีกแล้ว...ชายหนุ่มร่างหนาคิดในใจเลยเปลี่ยนเรื่องเสีย
" งั้น ... ถ้าพี่เป็นเชฟของมินคนเดียว ..งั้นคืนนี้ ปิดร้านแล้ว จะเอามินไปทำอะไรกันดีนะ? "ริมฝีปากหนาขยับแตะกับอีกฝ่ายเบาๆ แล้วกระซิบติดริมฝีปากนั้น
"นึกออกแล้ว มินทั้งตัวราดวิปครีมกับคาราเมลดีไหม? "
"ลามกเกินไปละ...ไม่เล่นอะไรแปลกๆด้วยหรอกนะ" รามินทร์ตอบน่าแดงก่ำ ก่อนจะเบือนหน้าหนีริมฝีปากหนานั้นไปทางประตู โชคดีที่วันนี้ร้านปิดเพราะพวกเขาต้องเช็คของ ทำให้ไม่มีลูกค้า ...แต่ในขณะเดียวกันเพราะไม่มีลูกค้านี่ล่ะ ที่ทำให้กตัญญูกล้าทำแบบนี้
"อ้าวน้อย..." ก่อนจะอุทานออกมาเมื่อเห็นสมปองยืนอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าแดงก่ำ และดูจะแดงขึ้นไปจนถึงศรีษะที่ยังไม่มีผมขึ้นดีนั่นด้วย
"มาได้ยังไงเนี่ย ไหนพี่แมนว่าบวชอยู่ ...เอ๊ะ ถอยไปเลย "ว่าพลางก็ดันร่างคนที่พยายามจะแนบชิดให้ถอยออกไป
"ไง เพิ่งสึกเรอะ หัวเหอ ยังไม่มีผมเลย " กตัญญุเอ่ยทักสมปอง เด็กหนุ่มที่ไม่มีผมคนนี้ดูแปลกตาไปเลยทีเดียว
"ฮะ เฮีย...คือพอดี...สึกก็กลับมาเลย ...ผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเหมือนกัน "เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ พลางมองไปรอบๆร้าน
"อ้าว ร้านปิดเหรอครับ"
" เออ เข้ามาก่อนสิวะ กินอะไรมารึยัง ผอมกว่าเดิมอีกนะมึง อดข้าวเย็นมากี่เดือนแล้วล่ะ? "กตัญญูจัดแจงหาของสดที่ยังอยู่ในตู้เย็นออกมา
"สามฮะ.... บวชให้แม่" เด็กหนุ่มตอบ ดวงตายังมองไปรอบๆเหมือนมีข้อสงสัย
"โอเค งั้นจะทำกับข้าวให้กินใช่ไหม...มาน้อย ไหนมาคุยกันหน่อยซิ่...ไปบวชมาแล้วเป็นไงบ้าง" เห็นท่าทางที่มองไปรอบๆอย่างใคร่รู้ทำให้รามินทร์เข้าใจได้ เขากลับมาบ้านได้สามเดือน แม้ไม่ได้รู้เห็นอะไรมากนัก แต่มีหรือที่นมใหญ่จะไม่บอกเล่าอะไรให้ฟังเลย และจากคำให้การนั้นเขาก็พอจะเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าพี่ชายของตัวเองนั้นให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มคนนี้แค่ไหน
....ก็กลัวเณรจะไม่มีเงิน เลยทำบุญเสียเดือนล่ะหมื่นนั่นล่ะ....สมปองเดินไปที่หน้าร้านกับรามินทร์ ตอนแรกนึกว่าจะได้ช่วยกตัญญูทำครัว แต่กลับเจอห้ามเอาไว้ ดูท่าทางรามินทร์จะหยักยิ้มด้วยความพอใจไม่ได้น้อยที่ได้ออกปากสั่งการ
"พี่แมนทำกับข้าวไปนะ สามที่นะ" จนเมื่อเดินหลบออกมาจนกตัญญูไม่น่าจะได้ยินในสิ่งที่พวกเขาจะคุยกันแล้ว รามินทร์จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อหันมาเจอท่าทีที่ยังสับสนของเด็กหนุ่ม
....พี่แมกซ์เอ้ย น้องมันยังเด็กอยู่เลย.... "คุณแมกซ์ไม่อยู่เหรอครับ...พอดีว่าผม....พยายามจะโทรหาแล้ว...ไม่ติดน่ะครับ" เด็กหนุ่มว่าเสียงเบา
"พี่แมกซ์เขาไปอเมริกาน่ะ...คงไม่กลับมาเร็วๆนี้หรอก" ว่าพลางก็นั่งลงตรงหน้าของอีกฝ่าย
"มีอะไรกับพี่เขาหรือไง"
คำถามที่ได้ยินทำให้เด็กหนุ่มต้องก้มหน้าลงเล็กน้อย
"ไม่....ครับ...ไม่มี"
"โกหก....โกหกไม่เก่งด้วย พี่รู้หมดแล้วล่ะ" รามินทร์ตอบพลางตบไหล่ของเด็กหนุ่มเบาๆ
"ผม...ก็ไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไง สึกมาก็อยากจะขอกลับเข้ามาทำงานที่นี่อีก แต่...อยู่ๆมันมีเงินเข้าบัญชีมาสามหมื่น ไม่รู้มาจากไหน เลยคิดว่าคุณแมกซ์คงจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้แน่...เลยอยากจะเอาเงินมาคืนน่ะครับ "สมปองเอ่ย ดูท่าทางก็ไม่ได้พอใจนักกับเงินที่ได้มา เขากำลังคิดว่า อยากจะเริ่มค้นทำอะไรด้วยตัวเอง
"ผม...ขอโทษนะครับคุณมิน มันอาจจะดูเสียมารยาทที่คนแบบผมจะปฏิเสธความหวังดีของผู้ใหญ่แต่...ผมแค่ไม่อยากทำตัวเหมือนเกาะใครกิน..." เด็กหนุ่มว่าพลางยกมือขึ้นเป็นการขอโทษ
"แล้วพี่แมกซ์เขาไม่ดีกับเราเหรอ..." รามินทร์เอ่ยถาม เขารู้ดีถึงวิธีการใช้ชีวิตของพี่ชาย บางครั้งก็เรื่องเงินมาก่อนจนอาจจะเรียกได้ว่ามากเกินไปและลืมถามไปว่าอีกฝ่ายต้องการเพียงเงินอย่างเดียวหรือเปล่า
"ดีครับ...ดีมากจนผม..ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันที่จะตอบแทนคุณแมกซ์ได้..." เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกก็แล้ว แต่เสียงที่ออกมาก็ยังแหบพร่า
"แต่...ทุกครั้งมันมีแต่เรื่องเงิน...ผมรู้สึกไม่ดีเอาเลย...ใครรู้เข้าก็คงไม่ดีแน่" สมปองพูดต่อ
"ผมแค่อยากจะโตเป็นผู้ใหญ่ให้คุณแมกซ์เขา...ไว้ใจผมได้บ้าง" ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอหน่วย
เห็นเด็กหนุ่มร้องไห้ออกมาแบบนั้น ทำให้รามินทร์นึกเจ็บใจแทนอยู่ไม่น้อย ความรู้สึกนั้นไม่ต่างจากครั้งที่เขาใช้เงินเข้าแก้ปัญหาเรื่องของเขากับกตัญญู
....ทิ้งเด็กมันให้มันคิดมากแบบนี้ได้ยังไง....พี่บ้าเอ้ย...."ก็ช่างเขา เขาไม่เห็น พี่เห็นว่าเราโตแล้ว พี่แมนก็รู้....น้อย..พี่แมกซ์น่ะ เขาไปอเมริกาแล้วนะ...ทีนี้มันคงต้องถามเราแล้วล่ะว่าเราจะทำยังไง" ดวงตาสวยสบตาเด็กหนุ่มนิ่ง
....ถึงความจริงใกล้จะกลับมาแล้วก็เถอะ...."ผมก็ไม่รู้ครับ...ผมไม่มีที่จะไปแล้วจริงๆ" เด็กหนุ่มเอ่ย จากพฤติกรรมของเขา เขาไม่กล้าจะกลับไปหาน้าที่ฝั่งธนอีกแล้ว น้าสาวคงเหน็บแนมเรื่องนี้ไปอีกนานเป็นแน่
"เอาอย่างนี้ซิ่...."ทันใดที่ได้ยินสมปองพูดอย่างนั้น ทำให้รามินทร์ยิ้มออกทันที...เขานึกอะไรเด็ดๆขึ้นมาได้เสียแล้ว....
"มาทำงานกับพี่ ไปเปิดร้านใหม่เป็นผู้จัดการร้านใหม่ให้พี่นะ..." รามินทร์ดูจะตกลงเรื่องที่จะให้สมปองมาดูแลร้านเองเสร็จสรรพ และก็ยังคงยืนยันที่จะให้กตัญญูอยู่ทำงานเป็นเชฟให้ที่ร้านสาขาใหญ่ต่อไป
++++++++++++++++++++++
"แล้วพี่แมนตกลงแล้วใช่ไหมว่าจะให้ใครมาช่วยทำงานที่ร้านสองอ่ะ " ชายหนุ่มร่างบางหันไปถามเชฟของร้านหลังจากที่ให้สมปองขึ้นไปเอาเสื้อผ้าไปเก็บที่ชั้นบนของร้าน ที่เรียกได้ว่าเป็นห้องนอนประจำของเด็กหนุ่มมาตลอด
"พี่ว่าจะลองให้ ไอ้หมีไปช่วยที่ร้าน มินจำได้ไหม ที่เราเคยเจอมันที่จตุจักรน่ะ " กตัญญูที่ง่วนอยู่กับการทำข้าวผัดอย่างง่ายๆในครัวตอบกลับมา
"หมี?...อ้อ คนที่ตัวใหญ่ๆใช่ไหม..." รามินทร์นึกออกแทบจะในทันที เพราะชื่อกับตัวนั้นช่างเข้ากันเสียนี่กระไร
"ใช่ๆ ที่ขายเฉาก๊วยไง"ชายหนุ่มตะโกนกลับมา
"นี่จะเลิกขายเฉาก๊วยได้จริงๆใช่ไหม ผมอยากได้พนักงานฟูลไทม์นะ" รามินทร์เอ่ยน้ำเสียงยังคงเอาแต่ใจอยู่เล็กๆ
"ก็ให้มันเลือกเอาซี่ ระหว่าง ขายเฉาก๊วย เหงื่อออกอย่างกับน้ำที่จตุจักร กับมาเป็นเชฟให้เรา ร้านก็สวย ห้องแอร์ เงินเดือนดี สวัสดิการพร้อม มันจะเลือกอะไร"กตัญญูหัวเราะกับคำพูดแบบนั้นของคนรักก่อนจะเสิร์ฟข้าวผัดเบอนใส่ผักรวมหลากสีหน้าตาน่ากินบนโต๊ะที่เจ้าของร้านนั่งอยู่ส่วนอีกจานก็วางไว้ให้ว่าที่ผู้จัดการร้านคนใหม่
" แถมเจ้าของร้านยังน่ารักอีกต่างหาก "
"...อย่าบอกว่าสมาชิกเกย์อีกคนในเกย์คลับนี่นะ...โอ้ย เปลี่ยนชื่อร้านดีไหม "รามินทร์มองหน้าของอีกฝ่าย พลางหัวเราะออกมาเบาๆ
"ฮะ ฮะ .. สมัยเรียนด้วยกันน่ะ พี่คิดว่าไม่นะ .. แต่ตอนนี้ไม่แน่ ตอนมินไปเอาเฉาก๊วยวันนั้นมันยังมองมินตลอดเลยนิ "กตัญญูบอก แต่ไม่ได้แสดงอาการหึงหวงอะไร
"ก็อย่าไปกินเด็กมันก็แล้วกัน เท่านั้นก็พอ "รามินทร์ตอบพลางเขียนตาราง ส่งกลับมาให้กตัญญู
"เดี๋ยวพี่ไปนัด หมี เขามาก็แล้วกันเอาไปคุยกันที่ร้านเลย ...แล้วก็ให้คิดเมนูเตรียมมาด้วยคาว สองอย่าง หวานสองอย่างให้ต่างจากที่ร้าน...แล้วก็จะได้เอาเจ้าน้อยไปคุยด้วย ผมจะให้มันคุมทั้งหมด เป็นผู้จัดการร้านไปเลย ส่วนเรื่องชงกาแฟ มีน้องมิ้นต์ที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าพนักงาน ผมจะให้น้องเขาไปคุมเรื่องกาแฟ เห็นชงเป็นอยู่แล้วก็ช่วยเจ้าน้อยมันไปด้วย ส่วนพี่ก็อยู่กับผมที่นี โอเค๊?" ร่ายยาวเสร็จสรรพรามินทร์ก็ยังไม่ปล่อยให้กตัญญูได้หนีไปไหนอยู่ดี
"พูดมายาวเยียด แค่จะไม่ให้พี่ไปห่างตัวเองเนี่ยนะ "
"ผมพูดคำไหนคำนั้นนี่..." รามินทร์เอ่ย พลางยักคิ้วใส่อีกฝ่าย กตัญญูหัวเราะ รามินทร์เป็นแบบนี้เสมอ เอาแต่ใจแล้วก็หวงเขาที่เป็นผู้ชายธรรมดา ไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมายแต่ลึกๆก็อยากจะยิ้มจนแก้มปริที่อีกฝ่ายยอมเลือกและให้อภัยในสิ่งที่เขาทำ
...ความจริงก็คงจะเรียกได้ว่าหนีกันไปไหนไม่พ้นทั้งสองคนนั่นล่ะ
++++++++++++++++++++++
talk : ไม่รู้มีใครยังนึกถึงคู่รักมาม่าคู่นี้กันอยู่รึเปล่าคะ กลับมาแฮปปี้มีความสุข หวานแหววกันไปเนอะ น่ารัก