ค่ำคืนที่เป็นเหมือนกับพายุได้พัดผ่านไป ก้องภพตื่นขึ้นจากฝันร้ายที่หลอกหลอนเขาจนกระทั่งบัดนี้ ความผิดของเขาที่มีต่อรามินทร์ ความผิดในอดีตที่ดีแต่ทำให้จิ๊บเสียใจ เขาพบว่าตัวเองนอนขุดคู้ตัวอยู่กับพื้น คราบไวน์เริ่มแห้งอยู่บนพื้นของสตูดิโอที่ใช้ทำงาน เขามองดูรอบคราบสีแดงเข้มนั้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก คราบนั้นยิ่งตอกย้ำในความทรงจำของเขาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริง
รามินทร์เองก็ดี...
หรือแม้แต่จิ๊บเองก็ดี
คนที่เคยรัก...
คนที่เขารัก
ทั้งสองคนได้จากเขาไปแล้ว และมันคงไม่มีความจริงใดเจ็บปวดมากเท่ากับการที่ได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นเพราะตัวเขาเอง
มือแกร่งของศิลปินหนุ่มกระแทกลงบนพื้นซีเมนต์เย็นเฉียบ เขาเคยคิดว่ามันจะดีสำหรับการทำความสะอาดเวลาเขาทำงานศิลปะจนเลอะเทอะ แต่ในตอนนี้มันกลับเย็นเหมือนจะบาดเข้ามาในเนื้อ
++++++++++++++++
เช้าวันนี้แตกต่างจากทุกวัน ทุกลมหายใจเข้าออกนั้นทรมานกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น เสียงของเจ้าเคนที่โถมเข้ามาหาตัวก็เหมือนดังอยู่ห่างไกล เป็นวันแรกในหลายปีที่เขารู้สึกแบบนี้ เหมือนคนที่มีแค่ร่างกาย การเคลื่อนที่ไปมานั้นไม่เหมือนมีตัวเองอยู่ด้วย ชายหนุ่มร่างสูงก้าวเดินช้าๆ จากบ้าน ไปที่ร้านกาแฟร้านเดิม
ก้องภพเดินมาจนถึงร้าน ดวงตาคมมองเข้าไปด้านใน ไม่เห็นทั้งหน้าบาริสต้าคนเก่งของร้านและพนักงานเสิรฟคนเดิมที่เขามาตามหา
"คุณก้องมาหาพี่จิ๊บเหรอฮะ...ไม่มาหรอก ลาป่วยน่ะ" อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังน้อยยิ้มเพล่อยู่เหมือนรู้ทัน
"อ่ะ...เหรอ....แล้วเขาบอกหรือเปล่าวว่าป่วยเป็นอะไรมากไหม" ก้องภพถามกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่พยายามเค้นออกมาจากลำคอ
"เอ...ไม่นี่ฮะ ก็แค่บอกว่าป่วย เสียงฟังดูไม่ดีตามเคย..." เด็กหนุ่มตอบไปตามที่ได้ยิน
ก้องภพกลับยิ่งหน้าเสีย รู้ว่ามันคงเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้จิ๊บเป็นแบบนั้น
"เอ่อ.........จะเข้าไปทานกาแฟไหมฮะ วันนี้ผมโชว์ฝีมือเองเลยนะ"
น้อยยังคงยิ้มระรื่น อย่างน้อยก็ดูเหมือนน้อยกำลังพยายามอย่างมากที่จะให้บรรยากาศมันเป็นแบบนั้น
"ไม่ล่ะ....พี่...ไม่อยากทานอะไรแล้ววันนี้..."ก้องภพตอบกลับเสียงเบา พลางโบกมือปฏิเสธ
"ฝากสวัสดีพี่แมนด้วยก็แล้วกัน" ชายหนุ่มว่าก่อนจะหันหลังกลับเดินกลับไปทางเดิม
++++++++++++++++
บ่ายคล้อยความเป็นกังวลใจนั้นยังไม่จางหาย ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับสาย
เมื่อลองพยายามโทรหาซ้ำๆ กลับกลายเป็นว่าเบอร์โทรศัพท์นั้นกลับถูกปิดไปเสียแล้ว มือแกร่งกำโทรศัพท์มือถือแน่นจนรู้สึกได้ถึงความร้อนจากผิวกายของตนเองในตอนนี้ เหมือนไม่มีสติอะไรหยุดยั้งตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป สองขาออกวิ่งกลับไปที่บ้านที่ท้ายซอยทันที ไม่นานรถบีเอ็มดับบลิวสีดำคันงามก็แล่นฉิวออกจากซอยไป
แต่เมื่อไปจนถึงหอพักของจิ๊บ ก็กลับพบว่าห้องล็อค
"จิ๊บ...จิ๊บ....!!! นี่พี่เองนะ เปิดประตูให้พี่หน่อยซิ่...จิ๊บ.....พี่ขอโทษ....จิ๊บ!!" ก้องภพทุบประตูลงไปเหมือนไม่กลัวว่ามือที่ใช้สร้างสรรค์ผลงานนั้นจะหักหืออย่างไร
" คุณเบาๆหน่อยซิ! "
เจ้าของหอพักวิ่งมาห้ามเมื่อคนที่มาใหม่กำลังทุบประตูห้องพักอย่างแรง
" น้องเขาไม่อยู่หรอก "
"ไม่อยู่?...." ก้องภพหันไปมองหน้าหญิงชราคนนั้นนิ่ง ก่อนจะถลาเข้าไปคว้าสองไหล่นั้นเอาไว้
"เขาไปไหนครับ...เขาไปไหน"
" อะไรกันคุณ ใจเย็นๆ! .. เขาไม่ได้บอกอะไรป้าไว้หรอก ทุกทีอยู่ซะที่ไหนล่ะเด็กคนนั้น "
เจ้าของหอ เป็นหญิงวัยกลางคนร่างท้วม ถึงกับตกใจเมื่อถูกคว้าไหล่เอาไว้
"แล้ว...เขาไปไหนครับ ...ออกจากหอไปแล้วเหรอครับ?"
หากแต่หญิงคนนั้นก็ยังยืนยันว่าจิ๊บไม่อยู่ และไม่ได้แจ้งว่าไปไหน ปากก็บ่นไปว่าปกติก็ไม่ค่อยอยู่ที่ห้องอยู่แล้ว ก้องภพเห็นท่าทีแบบนั้นก้ไม่ได้คิดจะตอแยต่อไปอีก....จิ๊บไม่อยู่ไม่คิดจะรับโทรศัพท์
ก้องภพเดินคอตกกลับมาที่รถร่างสูงทิ้งตัวลงที่หลังพวงมาลัยอย่างอ่อนแรง มือแกร่งทุบกับพวงมาลัยรถแล้วซบหน้าลงไป เมื่อคืนด้วยความเมามายเขาพูดเรื่องราวที่อัดอั้นตันใจมาหลายปีออกไปจนหมด
มิหนำซ้ำจิ๊บยังเข้ามาได้ยิน เขาเองก็พร่ำพูดออกไปจนหมด มันคงไม่แปลกหรอกที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะรับไม่ได้แล้วหนีเขาไปในที่สุด ไม่แปลกเลยแม้แต่น้อย แต่คำถามในตอนนี้คงจะเป็นว่า เด็กคนนั้นหนีเขาไปที่ใดมากกว่า เมื่อลองมาคิดดูแบบนี้แล้วก้องภพรู้สคกเหมือนตัวเองไม่มีที่ที่จะหันไปหาใครได้ ในเรื่องของจิ๊บ เขาไม่รู้จักเพื่อนของจิ๊บเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะไปหาใครที่ไหน ในกรุงเทพได้
ปรกติแล้วจะเห็นแต่อยู่ที่ร้านหรือไม่ก็ที่หอ อีกสถานที่เดียวก็จะเป็นที่บ้านของเขาเอง
แต่ในตอนนี้ ทั้งสามสถานที่ทีนึกออกนั้น ไม่มีจิ๊บอยู่ที่ใดเลย.....
"หนีไปแล้วซิ่นะ.....หนีไปแล้วจริงๆ " ++++++++++++++++
ก้องภพขับรถออกจากหน้าหอพักของจิ๊บ เรื่อยไปตามถนน ร่างที่เหมือนจะไร้สติของก้องภพพาตัวเองกับรถยนต์คู่ใจมาถึงบ้านหลังใหญ่ทั้งๆที่เคยมาถึงแค่หน้าหมู่บ้านเมื่อหลายปีก่อนโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว สภาพของสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดหมูยับๆกับกางเกงยีนส์สีเข้ม ใบหน้าคมคายเศร้าหมอง ฉายแววของคนที่ไม่ได้พักผ่อนและกำลังเสียใจอย่างหนัก ดวงตาสดใสแดงก่ำหันไปมองกระบอกใส่ภาพวาดวิปริตฝีมือของเขา ภาพที่เหมอืนกับคำสาปให้คนที่เกี่ยวข้องกัยตัวเองต้องเจ็บปวดกันไปหมด ชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้วเดินลงมากดออดที่หน้าประตูบ้านหลังนั้น
"มีแขกมาหาคุณมินน่ะค่ะ "
"แขก?...ใครเหรอครับ" รามินทร์เอ่ยถามอดแปลกใจไม่ได้ ตัวของรามินทร์เองในวันนี้ก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะพบปะเจอหน้าใครมากนัก ปัญหาของเขาก็มีมากเกินพอแล้ว
"เห็นบอกว่าชื่อก้องภพน่ะค่ะ เอ...ถ้าจำไม่ผิด เขาเป็นเพื่อนของ...." ยังไม่ทันที่ นมใหญ่ หรือ แม่นมใหญ่ที่คอยดูแลรามินทร์มาตั้งแต่เด็กอ้าปากจะได้พูดอะไรต่อ รามินทร์ถลันออกไปจากห้องทันที
"นมใหญ่ไม่ต้องเตรียมน้ำ ของว่างอะไรนะครับ เดี๋ยวผมจะออกไปคุยกันข้างนอก" เมื่อเดินลงมาที่ด้านล่างเห็นร่างสูงของคนที่เคยคุ้ยเคยยืนอยู่ ดูแปลกตาไปจากทุกครั้ง รามินทร์สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเดินลงมาตามบันได
"พี่มาทำอะไร..ที่นี่" น้ำเสียงนั้น อ่อนล้าและเหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะตั้งการ์ดอะไรได้อีก
"มิน...พี่นึกว่ามินจะไม่... ไม่..ยอมเจอพี่แล้ว" ก้องภพยิ้มให้อีกฝ่าย หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ได้ยินดีตามที่เอ่ยออกไปเลย
"จะออกไปคุยกันข้างนอกดีไหม...อยู่ในบ้านมันคงไม่ดีเท่าไหร่" รามินทร์เอ่ย ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายออกไปยังมุมเงียบของสวนด้านนอก ดวงตารีเรียวเหลียวมองซ้ายขวา นมใหญ่คงรู้ว่าหากเขาพูดเช่นนั้นแสดงว่าเขาไม่ต้องการให้ใครรบกวน
"พี่มีธุระอะไร...." รามินทร์นั่งลงที่เก้าอี้สีขาวที่มุมที่จัดเป็นโต๊ะและเก้าอี้สองตัว
"
มิน..พี่ขอโทษนะ.. "เสียงของชายหนุ่มแหบพร่า เขารวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยคำนี้กับอีกฝ่ายมาเกือบสามปี ดวงตาสีเข้มสมดวงตาเล็กของอีกฝ่ายไปตรงๆเขายังจำได้ดีว่ารามินทร์หวาดกลัวเขามากขนาดไหน หลังจากที่เขาได้ทำแบบนั้นลงไป
รามินทร์เบือนหน้าไปอีกทาง เขาไม่เคยคิดอยากจะเจอคนตรงหน้าเลย เพราะเพียงแค่นึกถึงหรือมีอะไรมากระตุ้นให้เขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับอีกฝ่ายก็ทำให้ร่างสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ทุกครั้ง แต่ก็เป็นที่น่าแปลกเพราะในวันนี้เขากลับมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆได้โดย ที่ไม่รู้สึกกลัวและร่างทั้งร่างก็ยังหายใจปรกติ
"พี่มาเพื่อขอโทษ ผมเท่านั้นใช่ไหม..." รามินทร์รู้สึกเจ็บปลาบในหัวใจ น้ำเสียง ดวงตาที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ในตอนนี้เมื่อได้ยิน และลองสบตามองตรงๆแล้วมันทำให้นึกถึงตัวเองในตอนนี้
"ผม...เคยบอกพี่ใช่ไหม ว่าผมเกลียด
พวกที่คิดว่าจะยึดคนอื่นเอาไว้เป็นของตัวเองคนเดียว...วิธีการแบบนั้นน่ะ มันไม่ใช่ความรัก" รามินทร์เอ่ยเสียงแหบพร่า ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ
"ผมคิดว่าเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของพี่แล้วล่ะ...."ดวงตารีเรียวสบตาของอีกฝ่าย "
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่มีใครหันหลังให้เรา"
"คนนั้นน่ะ ...ใช่พี่แมนรึเปล่า?" ชายหนุ่มถามออกไปตรงๆ เมื่อวันก่อนเขาเข้าไปที่ร้าน ท่าทางของแมนนั้นไม่ได้ต่างจากรามินทร์ซักเท่าไหร่ แววตาเศร้าหมองที่มองมายังรามินทร์นั้นพอให้เขาคาดเดาอะไรบางอย่างออก
รามินทร์ไม่ได้ตอบ เพียงแค่ปั้นยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
" งั้นเหรอ... ถ้าเป็นพี่แมน เขาคงทำให้มินมีความสุขได้แน่ๆ ...
อย่าปล่อยเขาไปนะ " มือแกร่งที่กุมมือของตัวเองเอาไว้ตลอดละออก ก่อนจะค่อยๆยื่นไปแตะมือเรียวนั้นเบาๆ แม้จะกลัวว่า รามินทร์จะหวาดผวาสัมผัสจากเขาอีกก็ตาม มือเรียวนั้นกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชักออกเหมือนเช่นทุกที
รามินทร์มองหน้าของอีกฝ่าย เขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว กับคนๆนี้ ทุกอย่างเป็นเพราะความเจ็บปวดทางกาย ใจ แต่วันเวลาที่ผ่านไปความสัมพันธ์กับใครอีกคนที่เขาทุ่มไปแล้วทั้งหมด
....นี่ก้าวข้ามผ่านมาแล้วใช่ไหม... "ถ้าหากมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ...ผมก็ยินดีที่จะทำให้เขามีความสุข....
ผมก้าวผ่านมาแล้ว ความผิดที่สุด ความทุกข์ทรมานที่สุด...ความเจ็บปวดทางกายทางใจอย่างถึงที่สุด...." รามินทร์ยิ้มก่อนจะดึงมือออกมาจากมือของอีกฝ่าย
"
และผมว่าพี่เองก็ควรจะข้ามไปให้ได้เหมือนกัน...พอกันที พี่เองก็คงไม่อยากจะจำเรื่องพวกนั้นเอาไว้ใช่ไหม เพราะมีเด็กคนนั้นแล้ว"
คำพูดของรามินทร์ทำให้ก้องภพยิ้มเยาะตนเอง
"เขาไปแล้วล่ะมิน..พี่กับเขามันจบแล้ว "ก้องภพมองขึ้นไปบนฟ้าสีหม่นของเมืองหลวง
"พี่ไม่ใช่คนดี มินก็รู้ .. ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด แต่จิ๊บก็ดันมาเห็นมันจนได้ " ชายหนุ่มหยิบม้วนกระดาษออกจากกระเป๋าที่พกมาด้วย เขาวางมันลงตรงหน้าอีกฝ่าย
รามินทร์ขยับถอยเล็กน้อย ดวงตามองม้วนกระดาษนั้นอย่างหวาดระแวง
"เขาเห็นรูปนี้...ก่อนจะกลับเชียงใหม่ นี่คงเป็นเพราะ
พี่ทำกับมินเอาไว้เยอะ กรรมสนองมันก็สมควรแล้ว "ก้องภพยิ้มให้กับตนเอง เขากันม้วนกระดาษนั้นให้อีกฝ่าย
"
เรื่องของเรา เมื่อก่อน พี่ทำกับมินเอาไว้เยอะ เกินกว่าจะให้อภัย ... วันนี้มินยอมมาคุยกับพี่ พี่ก็ดีใจมากแล้ว "ดวงตาคู่คมนั้นสบตาของรามินทร์อย่างร้องขอ
"
แต่ถ้ามินจะกรุณาพี่บ้าง .... เผามันด้วยมือของมินเอง จะได้ไหม?... "
รามินทร์มองหน้าของอีกฝ่าย เรื่องของเขากับก้องภพ เป็นเรื่องที่เคยสวยงาม แต่กลับเลวร้ายลงเพียงเพราะความต้องการที่จะครอบครอง..เช่นเดียวกับเรื่องของเขา กับ แมนมันเคยงดงาม ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา แต่มันก็จบลง เพราะเขาเพียงคนเดียว
"
ถ้าทุกอย่างมันมอดไปแล้ว... ผมขออโหสิกรรมให้พี่ เราจะลืมเรื่องทั้งหมด...และก้าวต่อไปกับชีวิตของพวกเราเสียที....เพราะในตอนนี้ ไม่ว่าจะผม หรือ พี่ ก็เป็นคนที่ผิดไม่ได้ต่างกัน"
รามินทร์ดึงม้วนกระดาษนั้นเอาไว้ เขาไม่คิดที่จะเปิดดู เขารู้ดีว่ามันเป็นภาพอะไร และเขาไม่อยากจะให้มันกลับมาหลอกหลอนในชีวิตของเขาอีกต่อไป ร่างเล็กลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมามองหน้าของอีกฝ่าย
"มากับผม........."
++++++++++++++++
รามินทร์เดินไปหากระถางเปล่าๆที่คนสวนวางทิ้งไว้ข้างรั้วมาวางไว้ตรงหน้าของอีกฝ่าย เขาฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกเป็นชิ้นๆ ก้องภพยื่นซิปโป้ให้รามินทร์เป็นคนเผามันเสีย ร่างเล็กจุดไฟขึ้นกับกระดาษที่เหลืออยู่ในมือ ก่อนจะทิ้งมันลงไป ในกระถาง เปลวไฟลามเลียเชื่องช้า ก่อนขยายวงกว้างใหม้กระดาษพวกนั้นจนกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน เศษที่มอดไปแล้วเมื่อขาดเชื้อนั้นปลิวตามลมที่พัดผ่านมาเล็กน้อย ทั้งสองคนยืนดูทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไป ก่อนที่รามินทร์จะส่งซิปโป้คืนให้กับอีกฝ่าย
"ผมจะไปอเมริกา...ไปทำหัว...ทำชีวิตให้มันปลอดโปร่ง" ชายหนุ่มร่างเล็กเอ่ย เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม...อีกครั้ง
" งั้นเหรอ?...พี่ก็ต้องไปที่โน่นเหมือนกัน "ก้องภพรับเอาซิปโป้มาใส่กระเป๋าหลังของกางเกง " ถ้าโชคดี เราคงเจอกันที่โน่นนะ "
"ถ้าโชคดี...ให้พี่ได้เจอคนของพี่จะดีกว่า" รามินทร์มองหน้าของอีกฝ่าย "แบบนั้น คงจะดีที่สุด"
"
ไม่รู้สินะ..ทั้งๆที่พี่อยากจะหยุดที่คนนี้แล้ว พี่อยากจะให้เขาเป็นคนของพี่ แต่ก็นั่นแหละ ... พี่ไม่ใช่คนโชคดี "ศิลปินหนุ่มยิ้มจางๆให้รามินทร์ ก่อนจะดูนาฬิกา
" เอาล่ะ .. พี่น่าจะกลับได้แล้ว เดี่ยวพี่แมกซ์มาเจอ คงไม่ดีหรอก ใช่ไหม? "
"อืม..ตอนนี้ พี่แมกซ์เจอใครมันก็ไม่ดีไปหมดนั่นล่ะ" รามินทร์ว่า เขายกมือขึ้นแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นครั้งแรกในหลายปีที่รามินทร์แตะอีกฝ่ายก่อน
"ไม่มีใคร ที่โชคไม่เข้าข้างหรอก แต่มันก็มีเวลาของมันนั่นล่ะ …กลับไปได้แล้ว" รามินทร์ว่าพลางออกแรงดันไหล่นั้นเล็กน้อย
ก้องภพหัวเราะออกมาเบาๆแล้วเดินไปยังที่จอดรถของเขา BMWสีดำคันนี้เป็นรถเรียบๆง่ายๆคันเดิมที่รามินทร์เคยนั่งและจิ๊บเองก็เคยนั่ง ชายหนุ่มขับมันออกไปจากบ้านหลังใหญ่หลังนั้น ด้วยท่าทางที่ดีขึ้นรามินทร์ถอนหายใจเมื่อ เห็นรถยนต์คันนั้นแล่นออกไป กล่องดำที่อยู่ในใจ เริ่มย่อขนาดเล็กลงเรื่อยๆ เขาหวังว่า สักวันมันจะหายไปเองตามเวลา ในขณะที่อีกฝั่งของหัวใจ กลับมีกล่องหนึ่งเปิดอ้ารออยู่ ให้เขาเอาความทรงจำกับใครบางคนยัดใส่ลงไป และปิดตายมันเสียที
++++++++++++++++++
รีดเดอร์คะ..
วันนี้ไรเตอร์+โคไรเตอร์ ยังคงผัดมาม่าให้รับประทานกันต่อค่ะ! อร่้อยกันแล้ว ก็ขอตบด้วยของหวาน(??)
รามินทร์ .. หรือ มินนี่(ที่รักของไรเตอร์+โคไรเตอร์) ค่ะ
ติดตามเรื่องของเขาที่หลายๆคนสงสัยได้ใน .... ซีรี่ส์ที่ 2 นะคะ!