บุพเพวายร้าย
43.
ผมตัดสินใจไม่อยู่กับคอนโดกับพี่วุฒิเหมือนเดิม ทั้งที่จำอะไรไม่ได้
พอแม่ถามเรื่องหน้าพี่วุฒิที่เป็นรอยมือ พี่ชนะบอกแม่ว่า พี่เขาตบยุงให้พี่วุฒิแต่ตบแรงไปหน่อยเท่านั้นเอง
หลังจากผมบอกพี่วุฒิจะกลับไปอยู่คอนโด พี่วุฒิก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตา และดูแลผมมากขึ้นและมากเกินไป ไม่ว่าผมจะกินน้ำก็เทน้ำให้แล้วยังป้อนอีก แต่ผมก็ให้ป้อนตามคำแนะนำของพี่ชนะที่ก่อนจะกลับกระซิบบอกผมว่า ถ้าไม่เหนือบากกว่าแรงก็ให้ตามใจพี่วุฒิไปก่อนแล้วจะดีเอง แต่บางครั้งผมก็อายแม่เหมือนกันนะครับคนไม่ไม่เป็นไรมาก แต่กลับป้อนน้ำป้อนข้าว เวลาเข้าห้องน้ำก็เดินตาม เวลาไปเดินเล่นก็ไม่ให้ผมเดิน เอารถเข็นมาให้ผมนั่งแล้วตัวเองเข็น แบบนี้เขาจะเรียกว่าออกกำลังกายได้ยังไง แล้วช่วงนี้ชอบมาถามผมว่า อยากได้ตุ๊กตาลิงไหม? ผมก็ตอบไปว่าไม่อยากได้ แต่ก็มาถามย้ำอยู่นั่นแหละว่าอยากได้ไหม ผมเลยตอบไปว่า‘อยากได้ครับ’เพราะตอบว่าไม่อยากได้ ไม่หยุดถาม เลยตอบว่าอยากได้ดูว่าจะมาถามอีกไหม เห็นผลครับ พอบอกว่าอยากได้ไม่มาถามอีกเลย
เรื่องถึงเนื้อถึงตัวผมก็มีบ้างครับ เช่น หอมแก้มก็มีบ้าง ไม่ถึงกับจูบ แต่คงไม่มีโอกาสมากกว่าครับ เพราะค่อนข้างระวังตัวและชอบรั้งแม่ไว้ให้อยู่กับผมกับพี่วุฒิ ตอนกลางคืนที่แม่ไม่อยู่ผมก็พยายามนอนแต่หัววัน หรือไม่ก็แกล้งหลับไปเลยเดี๋ยวหน้าผมไปสะกิดอารมณ์พี่วุฒิอีก
พรุ่งนี้วันศุกร์ผมก็กลับบ้านได้ จากการตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ผมก็จำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม หมอเลยแนะนำให้กลับไปอยู่บ้านเผื่อจะจำอะไรได้บ้าง...
5 โมงกว่าแล้ว ตอนนี้ผมอยู่ในห้องกับพี่วุฒิ 2คน เพราะพอพี่วุฒิกลับมาแม่ก็ออกไปข้างนอก เหมือนเปลี่ยนเวรกับพี่วุฒิ
“ คณะพี่เขาไม่รับน้องหรือครับ?” ผมถามเพราะเห็นพี่วุฒิกลับมา 5 โมงเย็นตรงเวลาทุกวัน ผมนึกว่านักศึกษาที่เข้าเรียนปี1จะยุ่งๆเพราะรับน้องเหมือนที่เห็นในโทรทัศน์เสียอีก
“ รับดิ ไอ้แบงค์กลับบ้านมืดค่ำทุกวัน” เห็นว่าพี่วุฒิกับพี่ชนะเรียนคณะเดียวกันด้วย แล้วทำไมพี่วุฒิถึงไม่เคยรับน้องบ้าง
“ แล้วพี่ล่ะครับ?” ผมถาม ขณะที่พี่วุฒิกำลังหาของกินในตู้เย็น และก็ได้นมขวดครึ่งลิตร กับขนมปังโฮลวิต1 แถวออกมา เห็นบ่นว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยง แต่ผมไม่ได้ถามหรอกครับว่าทำไมไม่กิน
“ เขาก็มีการถามก่อนว่าใครมีธุระอะไรไหมปัญหาอะไร ใครมีโรคประจำ หรือที่บ้านจะว่าไหมที่ต้องกลับบ้านเย็น อะไรทำนองนั้น” พี่วุฒิบอกหยิบขนมปังออกจากถุงมา 2 แผ่นกินสลับกับนมที่ถืออยู่ในมืออีกข้าง ถ้าหิวขนาดนั้นทำไมไม่ลงไปกินข้าวข้างล่าง
“ แล้วพี่บอกรุ่นพี่ว่าอะไรครับ?” ผมถามอยากรู้ว่าพี่วุฒิจะเอาเหตุผลอะไรไปอ้าง
“ กรูบอกว่าเมียไม่สบายนอนอยู่โรงบาล ต้องรีบกลับไปดูแล”
“ ......0.0 พี่พูดแบบนั้นไม่อายหรือครับ!?” ผมถาม ดูจากสีหน้าแล้ว ผมว่าพี่วุฒิแบบนั้นจริงๆไม่ต้องสงสัย
“ อายทำไม!กรูพูดเรื่องจริง” พี่วุฒิตอบเอาขนมปังจากถุงอีก 2 แผ่นเพราะ 2 แผ่นเมื่อกี้กินหมดแล้ว
อายสิครับ ขนาดผมยังอายแทนเลย
“ ไปกินข้าวข้างล่างเถอะครับ ผมอยู่คนเดียวได้” ผมบอกเพราะถ้าไม่งั้นพี่วุฒิได้กินขนมปังแถวนี้เป็นอาหารเย็นแน่ ถ้ากินขนาดนั้นกินข้าวดีกว่า
“ เรื่องของกรู” พี่วุฒิบอกเอาขนมปังอีก 2 แผ่นออกจากถุงนี่เท่ากับ 2 แผ่นนี้เป็น 2 แผ่นที่ 5กับที่6 ครับ
ผมนึกถึงคำพี่แบงค์ว่าผมได้เปรียบพี่วุฒิแต่ผมไม่คิดอย่างงั้นครับ เพราะไม่ว่าผมจะพูดอะไร ไม่มีความหมายสำหรับพี่วุฒิเลย
สุดท้ายพี่วุฒิกินขนมปัง 8 แผ่นกับนมครึ่งลิตรครับ ท่าทางจะหิวมากจริงๆ
“ พรุ่งนี้มรึงจะออกจากโรงบาล แต่กรูต้องไปเรียน มรึงก็กลับไปอยู่บ้านก่อน ตอนเย็นไปรับ” พี่วุฒิบอก
“ ไหนก็ไหนๆพรุ่งนี้วันศุกร์ ต่อด้วยเสาร์อาทิตย์ จนถึงวันอาทิตย์แล้วค่อยไปคอนโดนะครับ” ผมบอก
“ กลับคอนโดเลย” พี่วุฒิบอก
“ ผมอยู่ที่บ้านเผื่อจะจำอะไรได้มากขึ้น” ผมยกเหตุผลมาพูด
“ กรูบอกแม่มรึงว่า กรูอยากให้มรึงกลับคอนโดเร็วๆ”
“ ทำไมครับ?”
“ ไม่บอก ปล่อยให้อยากรู้” ทำไมคำพูดถึงไม่เหมือนคนอายุ 19 หรือว่าต้องลบด้วย 10
“ ผมไม่อยากรู้หรอกครับ” พี่วุฒิที่ทำท่าจะนอนลุกขึ้นมา! อะไรล่ะครับ
“ ทำไมไม่อยากรู้” พี่วุฒิถาม เดินมาหาผม
เอาแล้วครับ ??
“ ก็พี่ไม่บอก ผมก็ไม่อยากรู้” ผมตอบ พี่วุฒิจ้องหน้าผม
“ ตอนนี้กรูอยากเอามรึงมาก”
“……
….O.0…!” ใบ้กิน ผมจ้องมองพี่วุฒิที่ทำหน้าเหมือนไม่มีความรู้สึกพูดออกมาได้หน้าตาเฉย
“ เอ่อ คือว่าผมง่วงมากเลยครับ” ผมบอกยิ้มแห้งๆจะล้มตัวลงนอน แต่พี่วุฒิจับไหล่ไว้ 0.0
“ พอไปถึงคอนโดสิ่งที่กรูจะทำเป็นอันดับแรกคือ เอามรึง” TOT
พูดแบบไม่อ้อมค้อม
“ คือว่า คือว่าผมยังจำอะไรไม่ได้ เอาไว้ให้ให้ผมจำอะไรได้ก่อนเถอะครับ”
“ ถ้ามรึงจำอะไรไม่ได้ตลอดชีวิต กรูทำไง!”
“ …………………………” ผมไม่รู้ครับ แต่ไม่ได้พูด
“ เพราะงั้นพอถึงคอนโดกรูจะเอามรึง” ผมจะอ้าปากพูดพี่วุฒิยกนิ้วขึ้นมา
“ อย่าต่อรอง ไม่งั้นกรูจะไม่พอใจ และเอามรึงตอนนี้” ปากผมปิดสนิททันที
กลัวครับ เพราะพี่วุฒิคงทำจริง
งั้นก็พรุ่งนี้แล้วสิครับ 0.o! หลายวันมานี้ผมอยากจะออกจากโรงบาลมาก แต่ตอนนี้ผมไม่อยากออกเลย ในหัวของผมก็พยายามคิดว่าจะเอาตัวรอดยังไงดี เพราะถ้ากลับถึงคอนโด ผมไม่รอดแน่ครับ ผมสู้พี่วุฒิไม่ไหวแน่ เพราะฉะนั้นผมต้องหาทางอยู่บ้านในเสาร์อาทิตย์เพื่อยืดเวลาออกไป
ผมมองพี่วุฒิที่นอนหลับตาบนโชฟา แต่ท่าจะยังไม่หลับ
“ พี่ครับ” ผมเรียก
“ อะไร” พี่วุฒิว่า ยังไม่ลืมตาขึ้นมา
“ ยังไงผมก็ต้องไปอยู่คอนโดกับพี่อยู่แล้ว เสาร์อาทิตย์นี้ให้ผมอยู่บ้านเถอะครับ”
“ กรูคิดว่า กรูคุยกับมรึงรู้เรื่องแล้วนะ!” พี่วุฒิลืมตาหันแค่หน้าส่งสายตาแข็งกร้าวมาหาผม
“ ครับ เอาตามนั้น” ผมบอกก้มลงนอน
น่ากลัวเป็นบ้า!
“ ถึงมรึงจะคิดว่าพอไปอยู่บ้านแล้วจะรอดมรึงคิดผิด” พี่วุฒิบอกแล้วไม่พูดอะไรอีก
ผมเอาไงดี………………….แต่ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว
* * ** * *
ตื่นเช้ามาพี่วุฒิไปเรียนเหมือนเดิมครับ ส่วนผมกับแม่กลับบ้านกันตอนบ่ายโมง
พี่วุฒิบอกว่ารถที่บ้านพี่วุฒิจะมารับ เพราะ แม่ไม่ได้เอารถมา แต่พอถึงเวลาจริงๆคนที่มารับคือคุณแพรพลอยแม่ของพี่วุฒิ แม่ของพี่วุฒิสวยและยังสาวอย่างที่ผมคิดไว้ และเห็นได้ว่าพี่วุฒิคล้ายแม่มาก
ท่านดูเป็นคนใจดีครับ และถามอะไรผมหลายอย่าง ท่านทราบอยู่แล้วว่าผมเข้าโรงบาลและความจำเสื่อมแต่ไม่มีเวลามาเยื่ยม ตอนนี้พ่อพี่วุฒิก็อยู่ที่อังกฤษ
ขณะที่นั่งอยู่ในรถ พี่วุฒิส่งข้อความมาหาผม
‘เย็นเดี๋ยวไปรับ’ ผมพิมพ์ข้อความกลับไป
‘ครับ’ พอกลับถึงบ้านเข้าไปห้องตัวเองแปลกตามาก ข้าวของก็น้อยชิ้น ตู้เสื้อผ้า เสื้อ กางเกงที่เคยใส่ประจำไม่มี และมีเสื้อ 2 ตัวที่ไม่ใช่เสื้อผมแขวนอยู่
เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น เสื้อแขนยาวสีดำ คงเป็นเสื้อพี่วุฒิ
บนโต๊ะที่ผมไว้ทำหรับทำการบ้านมีสมุดเล่มบางๆวางอยู่ 1 เล่ม เตียงถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบๆ ผมนั่งลง เอาหมอนมากอด
คิด ………………….
“………………………………….”
...............ความจริงแล้ว
ความจริงแล้ว...............
“…………………”
ผมนอนลงทั้งยังกอดหมอนอยู่
ผม คือ เด็กหนุ่มอายุ 18 ปีที่ยังหลอกการบ้านเพื่อน แอบตั้งฉายาให้อาจารย์ เล่นเกมส์ ทำสิ่งที่ชอบ มีความฝัน มีความต้องการที่จะทำอย่างที่เด็กหนุ่มคนอื่น .. ไปเฮฮากับเพื่อนบ้าง แล้วชอบใครสักคน อยากลองมีความรัก แล้วไปทำอะไรร่วมกัน หรือมากกว่านั้น…
ผมเป็นเด็กหนุ่มธรรมดา เป็นลูกของแม่ ที่รักแม่ อยากให้แม่ให้มีความสุข อยากทำให้แม่ภูมิใจ
ผมฝันสักวันหนึ่ง จะมีความครอบครัวที่อบอุ่น …
“ ………………..” ผมเอามือลูบผ้าปูสีท้องฟ้า มองไปยังตู้เสื้อผ้าที่เปิดอยู่ มองเสื้อที่แขวนอยู่บนไม่แขวน เสื้อ 2 ตัวที่ไม่ใช่ของผม
ผมเหมือนคิดอะไรไม่ออก เหมือนกับที่ผมไม่รู้ว่า ต่อไปชีวิตจะเป็นยังไง
8 เดือนมานี้ผมรักพี่วุฒิ แต่ตอนนี้ผมไม่มั่นใจว่าเคยรัก
ผมพอจะบอกได้ว่ารู้สึกคุ้นเคยกับพี่วุฒิ แต่ไม่วางใจ อยู่ใกล้แล้วรู้สึกอึดอัด บางครั้งก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
ผมหวังว่าเมื่อผมไปอยู่คอนโดกับพี่วุฒิผมจำอะไรขึ้นมาบ้าง หรือแม้แต่ตอนนี้ตอนที่ผมอยู่บ้าน
ผมรู้ว่าพี่วุฒิไปคุยอะไรกับแม่แน่ แม่ถึงได้ให้ผมไปอยู่คอนโดตั้งแต่เสาร์อาทิตย์เลย
ผมพลิกตัวหันหลังให้ตู้ แขนยังกอดหมอนอยู่เหมือนเดิม ……..
แล้วผมหลับไป…
แล้วก็มาตื่นตอนเย็นเมื่อมีคนปลุก
“ ตื่น ไปกินข้าวจะได้กลับ” พี่วุฒิบอกนั่งข้างตัวผม แต่ผมยังไม่ได้ลุกขึ้น แค่มองพี่วุฒิเท่านั้นเอง …
“ นี่คือบ้านของผม แล้วพี่จะให้ผมกลับไปไหนอีก” ผมบอก ไม่รู้ตัวหรอกว่าพูดอะไรออกไป จนเมื่อพูดจบ
“ ………………..” พี่วุฒิเงียบก้มลงมา
“ พี่ครับ…..” ผมรู้ว่าพี่วุฒิจะจูบ แต่ผมไม่ได้หันหน้าหนี มีอะไรบางอย่างบอกผมว่าควรปล่อยไป
ริมฝีปากพี่วุฒิแตะริมฝีปากผมช้าๆนุ่มนวล แค่แตะริมฝีปากเบาๆก่อนที่ ที่จะเงยขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากห่างกันแค่เซน จึงสัมผัสถึงลมหายใจเบาๆ
“กลับเถอะ” พี่วุฒิบอกน้ำเสียงต่างจากทุกที เหมือนจูบเมื่อกี้ก็ต่างจากทุกครั้ง
ดวงตาผมประสานกับตาพี่วุฒิ ผมไม่หลบพี่วุฒิก้มลงมาอีก เอียงหน้า ริมฝีปากแตะหูผมเล็กน้อย สะดุ้ง!? จะลุกขึ้นแต่อกพี่วุฒิกดตัวผมไว้
“ กลับเถอะนะ” เสียงพี่วุฒิบอกข้างหูเบากว่าเมื่อกี้
“ …………………” ท่าทีของพี่วุฒิทำให้ผมสับสน
“ กลับไปกับพี่” พี่วุฒิบอกอีก ก่อนที่จะเอาหน้ามาจ้องผม
ความคิดผมสับสน
ใจผมลังเล
“ พี่จะพยายาม ให้มันดีขึ้น”
“ยังไงครับ?” ผมถาม อยากจะมองพี่วุฒิต่างจากหลายวันที่ผ่านมา
“ยังไงก็ได้ ที่จุมอยากให้เป็น”
เรียกชื่อผมครั้งแรกที่อยู่กัน 2 คน เพราะพี่วุฒิจะเรียกชื่อผมก็ต้องมีบุคคลที่สาม อย่างแม่
“ อย่างที่เรียกชื่อผมตอนนี้หรือครับ?”
“ ดีไหมล่ะ?” พี่วุฒิถามกลับ
“ ดีมั้งครับ” ผมตอบ
“ ทำไมต้องมีมั้ง?”
“ ………………..” ผมไม่ตอบ แต่คิดว่ามันน่าจะดีเท่านั้นเอง
“ งั้นขอรางวัลหน่อย” พี่วุฒิบอกยิ้มแบบเจ้าเหล์
“รางวัล?”
“ ใช่ ทำอะไรมันก็ต้องได้สิ่งตอบแทน” พี่วุฒิบอก ผมรู้สึกประโยคนี้มันแปลกครับ
“ บางอย่างทำไปก็ไม่ได้อยากได้สิ่งตอบแทนนะครับ”
“ ไม่มีหรอก เสียบางอย่างก็ต้องได้บางอย่าง”
“พี่คิดว่าพี่เสียหรือครับ ที่เรียกชื่อผม” ผมบอก ไม่รู้ทำไมเหมือนจะน้อยใจ
“ ……………………” พี่วุฒิไม่ตอบ ผมผลักพี่วุฒิออกไปลุกขึ้นนั่งจะลุกจะเตียง แต่พี่วุฒิกำมือผมไว้ทั้ง 2 ข้าง
“ ปล่อยครับ!”
“ ไม่ได้เสีย..แต่พอได้ต่อรอง เวลาเรียกมันจะได้ไม่เขิน” พี่วุฒิบอก ผมมองหน้า พี่วุฒิก้มจูบมือผมที่จับเอาไว้
ประหลาดคน
แต่ผมเขินครับ เขินมากด้วย
แล้วทำไมพี่วุฒิไม่เขินอย่างที่พูดแต่เป็นผม
“ หิวข้าวครับ” ผมบอกชักมือตัวเองไปกำไว้หลวมๆ
“ เขินอ่ะดิ หน้าแดงยังกะใครเอาสีไปป้าย”
“ก็พี่ทำให้ผมอาย” ผมบอก
“ จะทำให้อายกว่านี้อีก” พี่วุฒิตาเป็นประกายขึ้นมา ผมรีบลงจากเตียง เข้าใจว่าตัวเองไม่ปลอดภัย
หมับ!
“ พี่วุฒิ?!”
พี่วุฒิตามไปกอดผมจากด้านหลัง ทั้งที่ผมจะเดินถึงประตูอยู่แล้ว
“ จุมอยากกินข้าวแต่พี่อยากกินอย่างอื่น”
“ ตอนนี้เป็นเวลากินข้าวครับ” ผมบอกแกะพี่วุฒิมืออก แล้วเดินไปเปิดประตู ก่อนที่หยุดรอพี่วุฒิ
“ เร็วครับ ผมหิวข้าว”
พี่วุฒิเดินมายิ้มแป้น ยังกะเด็กจะได้ของเล่น
* * ** * *
หลังจากกินข้าวเสร็จแม่ไปทำงานครับ เพราะหยุดมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว หลังจากนั้นผมก็เก็บโต๊ะ ล้างจาน พี่วุฒิก็ช่วยด้วยครับ ช่วยเช็ดโต๊ะ
วันนี้ผมพอจะรู้ว่าพี่วุฒิอารมณ์ดี …
สัก 2 ทุ่มได้ ก็มาถึงคอนโด เป็นคอนโดที่หรูมากเลยครับ และในห้องก็ใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้ด้วย เปิดประตูเข้าไป ตรงหน้าเป็นเหมือนห้องรับแขก ด้านซ้ายมีเคราเตอร์แบ่งเป็นครัว เข้าไปอีกเป็นห้องมี 2 ห้อง
“ มีอะไรจะให้ดู” พี่วุฒิบอกลากผมไปห้องขวามือ พอเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่ดูดสายตาให้ไปจ้องมองคือ เจ้าวัตถุสีน้ำตาลออกแดง 2 ตัวที่ใหญ่เนื้อที่ผนังห้องด้านในจนหมด และมันยังก้มหัวลงเล็กน้อย เพราะหัวมันชนเพดาน
ผมเดินเข้าดูใกล้ๆ ..................นี่มัน
ตุ๊กตา………….. …………………………….. ลิงยักย์ 2 ตัว? ().0+!
“........................”(ผม)
“ ชอบไหม?” พี่วุฒิ เดินมาช้อนหลังผมเมื่อไรไม่รู้ถาม ผมหันกลับไปเลยชนพี่วุฒิเต็มๆ
ผลั่ก! ผมถอยออกมา
“ ชอบไหม?” พี่วุฒิถามอีก ผมงงพี่วุฒิซื้อให้ผมเหรอครับ?
ผมนึกถึงที่พี่วุฒิบอกว่าอยากจะให้ผมกลับมาเร็วๆคงอยากจะให้ผมมาเห็นตุ๊กตา 2 ตัวนี้
“ จุมชอบตุ๊กตาลิงไง …หรือว่าลืมด้วย” พี่วุฒิบอกผมหันกลับไปมองตุ๊กตาลิงยักย์อีกครั้ง
ผมชอบตุ๊กตาลิง???
ผมจำได้ว่าชอบสัตว์ทุกชนิด งั้นจะบอกว่าชอบลิงก็ไม่ผิด แต่ไม่เคยอยากได้ตุ๊กตาลิง ผมอยากจะบอกพี่วุฒิแบบนี้เหมือนกัน ทว่าเห็นหน้าพี่วุฒิที่ดูภูมิใจผมก็ไม่กล้าพูด
“ ตัวไม่ใหญ่ไปหรือครับ” ผมว่า ไปนั่งบนขาของตุ๊กตาเพราะขาที่มันนั่งทำให้เหมือนโชฟา และยังมาแขนของมันมากอดได้ด้วย
? พี่วุฒิก็ไปนั่งตักตุ๊กตาอีกตัวเหมือนกันครับ
“ ถ้าตัวเล็กจุมก็จะนั่งแบบนี้ไม่ได้” พี่วุฒิบอก ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่ใช่หรอกครับ ผมพยักเข้าใจว่าพี่วุฒิอยากได้ตัวใหญ่แบบนี้ต่างหาก
“ พี่ซื้อให้ผมเหรอครับ?” ผมถามยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนตักตุ๊กตา
“ จุมบอกว่าอยากได้ .. และแทนตัวเก่า”
“ ตัวเก่า?”
“ ใช่”
“ แล้วตัวเก่าอยู่ไหนครับ?” ผมถาม
“ พี่เอามันไปทิ้งแล้ว”
“ ทำไมล่ะครับ?”
“ พี่อยากเอามันไปทิ้งก็เอาไปทิ้ง” พี่วุฒิบอกน้ำเสียงเริ่มเปลี่ยน แต่ผมว่าน่าจะมีอะไรมากกว่าอยากเอาไปทิ้งเฉยๆ
“ แล้ว 2 ตัวนี้พี่จะเอามันไปทิ้งอีกหรือเปล่า?” ผมถาม
“ ………………” พี่วุฒิไม่ตอบ หมายความว่าสักวันหนึ่งก็ต้องอยากจะเอาตุ๊กตา 2 ตัวนี้ไปทิ้งทั้งที่บอกว่าซื้อให้ผม
“ อย่าเอาไปทิ้งเลยนะครับ ผมชอบมันมาก และพี่ก็บอกแล้วว่าให้ผม พี่จะเอาของผมไปทิ้ง ไม่ได้นะครับ” ผมบอก
“ ตุ๊กตาเป็นของจุม แต่จุมเป็นของพี่ ของของจุมก็เหมือนของของพี่” พี่วุฒิบอก ผมหน้าชา
‘จุมเป็นของพี่ ของของจุมก็เหมือนของของพี่’
“………………”
“ เป็นอะไรเงียบไป?” พี่วุฒิถาม
“ ไม่เป็นไรครับ ผมง่วง ไปอาบน้ำนอนนะครับ ว่าแต่ห้องห้องนี้ของผมใช่ไหมครับ” ผมบอก และสังเกตเห็นของตัวเองหลายอย่าง
“ใช่” แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก
‘จุมเป็นของพี่ ของของจุมก็เหมือนของของพี่’
“ ……….………” ผมเดินเข้าไปประตูที่คิดว่าเป็นห้องน้ำและใช่อย่างที่คิด แต่ผมมองพื้นกระเบื้องสีขาว ผมก็ถึงกับสะดุ้งไม่ทราบสาเหตุ สิ่งมองก็ยิ่งหวาดหวั่นจนแทบอยากจะวิ่งออกไป
ผมเป็นอะไรกันแน่!!
ผมไม่รู้ แต่กลับไม่อยากรู้คำตอบ เพราะอะไรไม่รู้อีกเช่นกันแต่ความรู้สึกมันบอก
ผมเดินเหมือนหมดแรง เข้าไปข้างใน ทรุดตัวลงกับพื้นและผนังห้อง น้ำตาไหลอาบแก้ม เนื้อตัวสั่นระริก
ที่นี่ผมมีความทรงจำ…….ที่คิดไม่ออก คิดจนปวดหัวก็คิดไม่ออกว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้
“...................”
ถึงผมจะลืม บางเรื่องไป แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป
* * *
ผมออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอว พี่วุฒิไม่อยู่แล้วโล่งอกครับเพราะเมื่อกี้ตอนที่จะออกมาก็กล้าๆกลัวๆอายเหมือนกัน
ผมเลยเปิดตู้หาเสื้อ กางเกงใส่ และก็เลือกตัวโปรดที่ใส่นอนเป็นประจำ 8 เดือนผ่านไปยังใช้ตัวเดิม ผิดกับหลายๆเรื่องที่เปลี่ยนไป
ใส่เสื้อเสร็จผมก็ว่าจะนอนเลย แต่ก็สายตาก็หันไปมองตุ๊กตาลิงที่นั่งติดกันเป็นโชฟาชวนให้ไปนั่ง
นึกถึงคนที่ให้ผมก็เดินไปนั่งโชฟาลิงที่ตัวใหญ่จนคิดว่าอาจจะเป็นตุ๊กตาหมี
ไม่รู้ว่าพี่วุฒิคิดยังไงถึงได้เอาตุ๊กตาลิงให้ผม และยังตัวใหญ่ขนาดนี้
แกร๊ก!?
ประตูเปิดออก โดยไม่มีการเคาะบอกล่วงหน้า
พี่วุฒิเปิดประตูเข้ามา เปลี่ยนชุดแล้วเรียบร้อย คงออกไปอาบน้ำเหมือนกัน
“ มีอะไรหรือครับ?” ผมถามยืนขึ้นอัตโนมัติ
“ อยากนอนกับเมีย” พี่วุฒิตอบเดินเข้ามาหาและหยุดเอาครั้งเดียวตอนตัวชนผมแล้ว ผมจึงต้องถอยหลังไปก้าว แต่มือพี่วุฒิกอดรอบเอวพร้อมเจ้าของร่างเดินเดินมาชิดตัวผม
“ คือ..พี่ครับ”
“ พี่บอกแล้วว่ากลับมาเมื่อไรพี่จะเอาจุม” ผมเอามือดันอกพี่วุฒิและพยายามถอยหลังหนีแต่พี่วุฒิก็ก้าวตามมือก็ยังโอบเอวผมไม่ปล่อย
“ คือพี่ ผมยังจำอะไรไม่ได้ เพราะงั้น รอก่อนเถอะครับ” ผมบอกมือที่ผลักไม่ได้ออกแรง เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์หากพี่วุฒิต้องการที่จะทำ
“ ไม่รอ รอไม่ไหว” พี่วุฒิมองก้มหน้าลง มือผมจากผลักอกยกขึ้นมาป้องกันหน้า
“ รอเถอะครับ ผมขอ” ผมบอก แต่เช่นเดิมพี่วุฒิไม่มีท่าทีอ่อนลงแต่รุกหนักว่าเดิม มือผมเอาขึ้นบังหน้าถูกพี่วุฒิก็จูบ
“ พี่ครับ วันนี้เพิ่งผมออกจากโรง-บาล” ผมบอกพยายามหาเหตุผลมาอ้าง
“ ในโรงบาลก็เคยทำเพราะงั้นไม่เกี่ยว” พี่วุฒิบอกจูบเริ่มรุนแรงขึ้น ร่างกายขนลุกทั้งตัว
พูดเหตุผลกับพี่วุฒิไม่ได้เลย ไม่มีผล ไม่มีเหตุ
“ แต่พี่ครับ!” ผมพูดเสียงดังกว่า เดิม พี่วุฒิหยุดครับ แต่มองผมสายตาเริ่มไม่พอใจ
“ ………………”
“ ทำไมพี่ถึงจะเอาผมอยู่เรื่อย?” ผมถาม ไม่รู้และไม่เข้าใจ
“ จุมเป็นเมียพี่ ผัวจะเอาเมียทำไมต้องสงสัย”
“ แค่นั้นหรือครับ?”
“ อยากรู้ไปทำไม!” พี่วุฒิพูดเสียงแข็ง
“ ไม่ได้หรือครับ” ผมถาม
“ .............................” พี่วุฒิไม่ตอบ หันหน้าไปมองลิง
“ มันทำให้พี่รู้สึกว่าจุมเป็นของพี่” พี่วุฒิตอบเสียงเบาลงหน้ายังหันมองลิง
“ ........................” เรื่องความรู้สึกของคน พูดยากครับแต่ไม่จำเป็นว่าต้องมีอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ
“ อย่าพูดมาก” พี่วุฒิบอกหันกลับมารวดเร็ว ก้มลงแล้วรวบใต้เข่าอุ้มผมขึ้น ผมตกใจครับ
“ อะไรครับพี่!”
“ เอาเมีย” พี่วุฒิตอบอุ้มผมแบบอุ้มเจ้าสาวก่อนที่จะวางผมลงบนเตียง ผมรู้ครับว่ามันหมายถึงอะไร
“ อย่าเพิ่งครับ ผมยังไม่พร้อม” ผมบอกดันอกพี่วุฒิที่จะก้มแนบลงมา
“ หรืออยากให้ใช้กำลัง” พี่วุฒิบอกกดแขนผมลงกับเตียง ผมเริ่มตัวสั่น ไม่รู้ว่าพูดยังไงพี่วุฒิถึงจะเข้าใจ
“ พี่อยากใช้กำลังกับผมหรือครับ?” ผมถามโง่ๆ
“ ก็ไม่”
“ แล้วทำไมพี่ถึงทำ”
“ ก็ไม่ยอมทำไม”
“ เพราะผมบอกพี่แล้วว่าผมยังไม่พร้อม” ผมบอกบิดข้อให้หลุดจากมือพี่วุฒิ พี่วุฒิเลยเอามือประสานมือผมแล้วบีบแน่นไม่ให้ดิ้นหลุดอีก
“ เมื่อไรจะพร้อม?”
“ รอให้ผมความจำกลับคืนมาก่อนไม่ได้เหรอครับ?”
“ ไม่อยากรอ”
“ ผมจะพยายามคิด พยายามฟื้นความจำ ตอนนี้ผมจำอะไรไม่ได้ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผมกับพี่วุฒิเป็นอะไรกัน แล้วพี่ยังจะใช้กำลังกับผมอีก...” ผมบอก พี่วุฒิคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบว่า
“ นานแค่ไหน?” ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหนก็ผมจะจำอะไรได้ พี่วุฒิก็คงรู้เรื่องนี้ดี แต่ที่ถามว่านานแค่ไหนคงจะหมายถึงว่าให้ผมทำใจยอมรับเรื่องนี้ซ่ะ
1 เดือนน้อยไป 2เดือนยังไม่พอสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันแล้วจะมีอะไรโดยเต็มใจ 3 เดือนผมก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะพร้อม 4 เดือน
“ นานแค่ไหน!” พี่วุฒิถามย้ำ
“ 6เดือน” ผมตอบรวดเร็ว
“ตอบใหม่นานแค่ไหน?” ทำไมให้ผมตอบใหม่ล่ะครับ หรือว่าผมมพูดไม่ดังพอ
“ 6 เดือนครับ”
“ ตอบใหม่” พี่วุฒิบอกก้มลงมา หน้าจะชนผมแล้ว แต่ไม่ครับ ผมกระพริบตาถี่ๆมองเห็นแต่หน้าพี่วุฒิที่อยู่ใกล้แค่ปลายขนตา
“ ..............” ทำไมให้ตอบใหม่?
“ อยากจะโดนใช่ไหม!”
“ ไม่ครับ!” ผมตอบหันหน้าหนี พี่วุฒิยังก้มลงมา ลมหายใจรดต้นคอ
“ 6 เดือนนานไป” พี่วุฒิพูด ผมถึงได้เข้าใจ
“ 3 เดือน” ผมบอก
“ 3 เดือน นานไป”
“ 2 เดือน” ผมตอบยังยังหันหน้าหนีมองลิงครับ
“ พรุ่งนี้หรือวันอาทิตย์?” 0.0 พี่วุฒิถาม ผมหันหน้ากลับชนหน้าพี่วุฒิเบาๆ แต่พี่วุฒิไม่หลบ
“พรุ่งนี้หรือวันอาทิตย์ ไม่เร็วเกินไปหรือครับ?” ผมว่า
“ หรือจะตอนนี้”
“ วันอาทิตย์ครับ!” ผมตอบไม่ต้องคิดเพราะนั่นเป็นวันที่นานที่สุดแล้ว
“ วันเสาร์แล้วกัน” พี่วุฒิว่าล้มตัวลงนานข้างๆผม ผมที่หายใจหายคอไม่ค่อยออกเมื่อกี้ลมหายใจโล่งขึ้น
รอดตัวไป
แต่ วันเสาร์0.0 คือพรุ่งนี้!!
“ ไหนว่าวันอาทิตย์ก็ได้ไงครับ” ผมลุกนั่งถาม
“ วันอาทิตย์ ตื่นมาจุมต้องไปโรงเรียน” พี่วุฒิตอบหันหน้ามาสบตากับผมที่นั่งอยู่
“........................” สบตานานผมหลุบสายตาต่ำลง
เขินได้ไงครับผม?
ผมเลยเท้าแขนลงก่อนที่จะนอนบ้าง พอนอนลงก็มีแขนมาพาดอก
“ กอดพี่มั้งสิ” พี่วุฒิบอก ผมหันไปมองพี่วุฒิก่อนที่ทำตามที่บอก
“ .............................”
“ พรุ่งนี้ทำกับข้าวนะ พี่ให้คนเอาของที่คิดว่าจะต้องใช้มาแล้ว” พี่วุฒิบอกแนบแก้มกับแก้มผม
พี่วุฒิเป็นคนชอบการสัมผัสหรือเปล่าผมไม่รู้แต่ผมคิดว่าอย่างงั้น เพราะชอบจับโน่น จับนี่นิดๆหน่อยๆก็ยังดี
“ ครับ” ผมบอก เพราะผมพอทำกับข้าวเป็น ถ้าจะให้ทำก็ทำได้ แต่คงไม่หลากหลายเท่าไร
“ ผมทำเป็นแต่กับข้าวพื้นๆนะครับ” ผมออกตัวก่อน เผื่อพี่วุฒิอยากกินอะไรที่มันยากๆผมคงทำไม่ได้
“ ทำอย่างที่เคยทำ” ?
“ ผมเคยทำหรือครับ?” ผมสงสัย เริ่มขยับตัวหนีเพราะพี่วุฒิกำลังลูบท้องแบนๆของผม
“ เคย” พี่วุฒิตอบ
หมับ! ผมจำมือพี่วุฒิที่วางอยู่หน้าท้อง พี่วุฒิหัวเราะในลำคอ ผมรู้สึกเหมือนโดนแกล้ง
“ ...................ตอนที่จุมตกบันได แล้วพี่เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น มาตอนนี้จุมนอนอยู่ตรงนี้..พี่คิดว่าดีที่สุดแล้ว” พี่วุฒิพูดกุมมือผม
“ .........................” ผมหันไปมอง พี่วุฒิหลับตาลง ?
“ ...............................”
ผมรอครู่ใหญ่ๆโดยไม่ได้พูดอะไร มือพี่วุฒิก็ไม่เป็นปลาหมึกแล้ว ผมก็ชักง่วง
ตาหันไปมองพี่วุฒิอีกครั้ง.... หลับไปแล้วครับทั้งที่เมื่อครู่ยังเป็นเด็กเอาแต่ใจอยู่เลย...
คนอะไรไม่รู้ไม่มีเหตุผล จะทำแต่ตามใจตัวเองเท่านั้น แล้วแบบนี้จะใช้ชีวิตในสังคมได้ยังไง
ผมจ้องหน้าพี่วุฒิตอนหลับ แล้วรู้สึกดีอย่างประหลาด ลองเอามือไปจับจมูกเล่นดูก็สนุกพิลึก เอานิ้วไปแตะๆขนตาหนาที่ทำให้ตาดวงนี้คมจนน่ากลัวในบางครั้ง สายตาผมมองต่ำลงมาปากสีชมพูออกแดงที่มักจะพูดเอาแต่ใจ
“ ...............” ผมขยับตัวเข้าไปชบอกพี่วุฒิ
ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเบาๆทั้งหัวใจผมและของพี่วุฒิมันเหมือนเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน
ผมรู้สึกดีมาก
** ** ** **
.
.
ขอบคุณทุกคำอวยพรเจ้าค่ะ