บุพเพวายร้าย
37.
.
.
ผมรู้สึกเหลือเชื่อตัวเองที่กล้าพูดออกไป แบบนั้น
“ แล้วพี่คิดว่าพี่จะปฏิบัติต่อผมที่เป็นเมียพี่ยังไง!” ผมอายครับ ผมพูดไปแล้ว แล้วพี่วุฒิก็ยังไม่ปฏิเสธอีก
“ จุม มรึงบ้าป่ะ นั่งยิ้มอยู่ได้” จักรว่า มือเท้าโต๊ะผม วันนี้อาจารย์แสงดางอาจารย์ที่ปรึกษาลาครับ คาบโฮมรูมเลยว่าง
“ เปล่า” ผมบอก
กริ้งๆ
เสียงโทรศัพท์ผมครับ ผมมองชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอ ผมแปลกใจกับคนที่โทรมา
คุณแพรพลอย ?
“ อัลโหลครับ?”
“ สวัสดีจ้ะจุม”
“ครับ”
“ เรียนอยู่หรือเปล่า?”
“ยังครับ” ผมบอก คิดว่าที่คุณแพรโทรมาต้องเกี่ยวกับพี่วุฒิ
“ มีเรื่องอะไรกับวุฒิหรือเปล่า?” คุณแพรถามผม
“ ...........................คือ ว่าผม........”
“…….ว่าแล้วเชียว เมื่อคืนตาวุฒิไปอารวาดจนบ้านแตก ไม่มีใครได้หลับได้นอน แม้แต่คุณวัช ก็ต้องตื่นมาทำงานเพราะนอนไม่ได้”
“ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” ผมนึกถึงโจ๊กทีกินเมื่อเช้าพี่วุฒิบอกว่านมขมิ้นทำมาให้
“ เห็นนมบอกว่า ไปถึงบ้านตอน เที่ยงคืนกว่าๆ ก็ไปเปิดเพลงจนดังลั่นบ้าน แล้วยังละเลงห้องจนเละอีก” ต้องเปิดเพลงดังเท่าไรถึงจะดังลั่นบ้านหลังใหญ่โตขนาดนั้น ผมคิด
ก่อนที่ผมจะออกมาจากคอนโดได้ยินเสียงขว้างข้าวของตามหลัง ไม่รู้ว่าตอนนี้มีสภาพยังไง
“ ตอนตี 3 ก็ให้นมทำกับข้าวให้ บอกว่าจะเอาไปจุม แต่สุดท้ายก็ไม่เอา แต่ก็ให้นมทำโจ้กให้แทน...แม่ก็เลยคิดว่าวุฒิน่าจะทะเลาะกับจุม”
“.........................เออ.....ครับ” ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไร เพราะผมคิดว่าเรา 2 คนไม่ได้ทะเลาะกัน ถ้าทะเลาะกันยังดีกว่านี้
“ จุม”
“ครับ”
“ แม่รู้ว่าวุฒิเขาค่อนข้างเอาแต่ใจ..แต่อยากให้จุมเข้าใจว่าวุฒิยังเด็ก ทำอะไรไม่ค่อยคิด เพราะงั้นพยายามเข้าใจวุฒิหน่อยเถอะนะ”
“ ........................”
ค่อนข้างเอาแต่ใจ ไม่ใช่เอาแต่ใจมากหรือครับ และคำที่ว่ายังเด็กนี่คือ เด็กอายุ 19 ปี
“ ถ้ามีอะไรที่วุฒิทำให้ไม่พอใจ ไม่ชอบ ก็ให้ค่อยยอมไปก่อน ถือว่าแม่ขอ วุฒิเขายังไม่โตพอที่จะรู้ว่าอะไรถูกไม่ถูก...”
นั่นทำให้ผมอึ้ง
“ เราต้องค่อยๆบอกค่อยสอนไป..” แล้วเมื่อไร? พี่วุฒิอายุ 19 แล้ว ถ้าไม่บอกตอนนี้แล้วจะบอกตอนไหน ผมไม่สงสัยในการกระทำของพี่วุฒิเลย
เมื่อคืนที่พี่วุฒิไปอารวาดที่บ้าน มีใครดุด่าพี่วุฒิหรือเปล่า? ไม่ต้องสงสัย ไม่มีใครพูดอะไรสักคำแน่ๆ แล้วพี่วุฒิจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่พี่วุฒิทำนั้นมันผิด
“ ครับ ผมจะพยายาม ตอนนี้อาจารย์เข้าห้องแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ” ผมบอกแล้วก็ตัดสาย แต่อาจารย์ไม่ได้เข้าห้องหรอกครับ ผมพูดไปอย่างงั้นเองเพราะผมทนฟังต่อไปไม่ไหว ยิ่งฟังผมก็ยิ่งสงสารพี่วุฒิ
“ ...........................”
พอคุณแพรวางพี่วุฒิก็ส่งข้อความมา ผมเปิดข้อความที่พี่วุฒิส่งมา
‘ให้ทำยังไง บอกมา’
ผมไม่ได้ตอบกลับไป บางสิ่งบางอย่างไม่มีใครบอกแต่เรียนรู้ได้เองได้
ตอน เย็นพี่แบงค์มารับผมเหมือนเดิม และมีพี่วุฒินั่งมาด้วย
“วันนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน ไอ้ชนะมันฉลอง”
“ฉลองอะไรครับ?”
“ฉลองอยากเลี้ยง ฉลองอยากกิน ตามเรื่อง”
ฉลองอยากเลี้ยง ฉลองอยากกิน ตามเรื่อง ?
“ ....................”
“ ที่ ร้านอิ่มที่ไปครั้งที่แล้วนั่นแหละ”
“ ครับ”
“ พวกมรึงไปกันตอนไหน!?” พี่วุฒิถามเสียงกระด้างจากด้านหลัง “ ไปกันตอนไหน! ทำไมกรูไม่รู้เรื่อง”
แล้วพี่วุฒิชะโงกหน้าหน้าเข้ามาระหว่างเบาะผมกับพี่แบงค์ ผมตกใจขยับตัวไปติดประตูรถ
“ บอกมา!” “ เบาๆก็ได้วุฒิ ไปกันเมื่อวาน กรูพาจุมไปกินข้าวก่อนที่จะไปคอนโดมรึง” พี่แบงค์อธิบาย พี่วุฒิหันหน้ามาหาผมก่อนที่กลับไปนั่งข้างหลังเหมือนเดิม เมื่อกี้ผมแทบหายใจใออก
“ เมื่อไร กลับ”
เสียงลอยจากด้านหลัง เสียงพี่วุฒิครับ
“ .........................”
“ ถามว่าเมื่อไรกลับ!” “ จุมอย่าไปฟังมัน ไอ้วุฒิมันบ้าให้มันพูดคนเดียวไป”
“ จะเอายังไง โทรไปก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ พูดด้วยก็ไม่พูด
เห็นกรูเป็นหัวหลักต่อหรือไง!” “ .......................” ผมหันไปมองพี่แบงค์ พี่วุฒิเริ่มจะก้าวร้าวอีกแล้ว
“ วุฒิ!”
“ ก็พูดมาสิว่าจะให้ทำยังไง ถึงจะยอมกลับ”
“ ก็เพราะมรึงเป็นแบบนี้ มรึงไม่เข้าใจหรือไง ถ้าเป็นคนอื่นเขาเข้าใจกันไปแล้ว!”
“ กรูเป็นอย่างงี้ มันยังไง!” “ มรึงเป็นแบบนี้ไง!” “ แบบนี้แบบไหน มรึงอยากจะให้ผัวเมียเขามีปัญหากันนักใช่ไหม!? พวกกรูก็อยู่กันมาดีๆ แต่พวกความหวังดีของพวกมรึง มันเลยกล้าหือกับกรู!” “ ไอ้วุฒิ!” พี่แบงค์ตะเบ็งเสียงที่แข่งกับเสียงพี่วุฒิและเสียงตัวเองที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
“ มรึงอารมณ์ขึ้นเพราะกรูพูดแทงใจดำมรึงใช่ไหมล่ะ!” “ ไอ้วุฒิ มรึงหยุดพูดสักทีเถอะ!” พี่แบงค์พูดพร้อมทั้งเอามือทุบพวงมาลัย ขณะรถติดไฟแดง
ผมไม่เคยเห็นพี่แบงค์เป็นแบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าน่ากลัว
“ พี่วุฒิ หยุดเถอะครับ ที่พี่แบงค์เขาดีกับผมก็เพราะเขาสงสารผม เวทนาผม พี่แบงค์เขาไม่ได้คิดอะไรกับผมทั้งนั้น!” ผมบอกไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆถึงได้คิดว่าพี่แบงค์ชอบผมทั้งพี่เจน และตอนนี้ก็พี่วุฒิ
“ กรูหยุดก็ได้ จะกลับไปด้วยกันไหม!”
“ ............................” ผมลังเล ผมคิดว่าถ้าผมมาอยู่ที่คอนโดพี่ชนะแล้วจะมีอะไรดีขึ้นแต่มันกลับเลวร้ายลง พี่วุฒิยังเป็นพี่วุฒิ
“ จุมอย่าไปฟังมัน ถ้ากลับไปทุกอย่างที่ผ่านมามันก็ไม่มีประโยชน์”
“ แบงค์!” “ วุฒิถ้ามรึง พูดอีกคำเดียว ขอร้องลงจากรถกรู!”
“ .......................เซี่ย!” พี่วุฒิพูดพร้อมทั้งตบเบาะเหมือนกระแทก
ผมหันหน้าออกนอกรถ..............................................ฝนตกเต็มหน้า........ตกไม่หยุดสักที.................
** -- ** -- **
รถจอดที่ร้านอิ่มนานแล้วแต่ไม่มีใครขยับตัว แม้แต่ผมเอง ผมยังคงหันหน้ามองด้านข้างไม่ต่างจากครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“ จุม” พี่แบงค์เรียก ผมหันหน้าไป
“ ..................................”
“ ไอ้ชนะมันรออยู่นานแล้วนะ”
“ พี่ครับเดี๋ยวผมขออยู่คนเดียวสักพักนะครับ?” ผมบอกแต่อ้อนวอน
“ ...........................ตามเข้าไปนะ” ผมพยักหน้าตอบ พี่แบงค์หันไปหาพี่วุฒิที่อยู่ด้านหลัง
“ จุมบอกว่า อยากอยู่คนเดียว หวังว่าเข้าใจนะวุฒิ”
“ ..........................เออ” พี่วุฒิบอกเปิดประตูออกไปก่อนพี่แบงค์
“ พอสบายใจแล้วค่อยมา ไม่ต้องกังวล” พี่แบงค์บอก ผมพยักหน้าอีกครั้ง
ผมมองพี่วุฒิและพี่แบงค์เดินเข้าร้านไปแล้วก็ปล่อยโฮ
“ ฮือๆ”
ผมจะต้องทำอย่างไรกับพี่วุฒิ? และผมจะต้องทำยังไงกับตัวเอง?
ผมมีคำตอบ แต่ทำไม่ได้
ผมอยากเปิดประตูรถแล้ววิ่งไปวิ่งไปเรื่อยๆ เพราะผมไม่มีจุดหมายแค่อยากหนีจากความรู้สึก กับปัญหาที่อยู่ตรงหน้า แต่ถ้าผมหายไป ผมรู้แม่คงจะเป็นห่วงผมมาก…ผมไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ ผมจึงต้องอยู่ตรงนี้
ผมเดินเข้าไปในร้านมองหาโต๊ะที่พวกพี่วุฒินั่งแ ละสายตาก็ประทะเข้าทันที กับผู้ชาย 3 คนที่ยืนขึ้น มือพี่แบงค์และพี่ชนะจับแขนพี่วุฒิไว้ ผมรีบเดินเข้าไป
เกิดอะไรขึ้น!?
“ มาสักที ตัวดี” พี่วุฒิพูดพร้อมนั่งลง ตามด้วยพี่ชนะ และพี่แบงค์ที่นั่งพร้อมผม
โต๊ะเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัส ผมนั่งที่ว่างระหว่างพี่แบงค์และพี่ชนะเพราะงั้นที่ที่พี่วุฒินั่งคือตรงข้ามผม
“ ไอ้วุฒิ จะออกไปตามจุม มันนึกว่าจุมหนีมันไปแล้ว” พี่ชนะบอกหัวเราะไปด้วย
ผมมองพี่วุฒิและสบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ กินข้าวเสร็จกลับยัง?” พี่วุฒิถาม
“ ไอ้วุฒิมรึงพูดแต่คำเดียวไม่เบื่อบ้างหรือไง” (พี่ชนะ)
“ ไม่เบื่อ กรูจะถามมันอยู่อย่างงี้แหละ จนกว่ามันจะกลับไปกลับกรู”
“ ............................”
“ ..............ตอบมา จะกลับไปกับกรูแล้วใช่ไหม!?”
“ ......................” ผมก้มลงกินข้าว ซึ่งกินเฉพาะข้าวจริงๆจนพี่แบงค์ต้องตักกับข้าวใส่จานผม
“ ขอบคุณครับ”
“ มรึงยังไม่ได้ตอบกรู” พี่วุฒิพูด เห็นว่าผมไม่ตอบก็จับมือผมข้างที่ผมจับช้อนหมับ
!? ช้อนร่วงจากมือลงจาน
สั่น
“ ไอ้วุฒิ มรึงกลับไปกินข้าวบ้านมรึงไป” พี่ชนะพูดพร้อมทั้งดึงมือพี่วุฒิออกจากแขนผม
“ ก็มันไม่ยอมตอบกรู”
“ จุมไม่ตอบหรือไม่ตอบมรึงก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่า”(พี่ชนะ)
“ มันเป็นเมี....”
“ วุฒิ อย่าเอาสิทธิ์ที่มรึงใช้กำลังได้มาอ้างถ้ามรึงยังเป็นลูกผู้ชายพอ” พี่แบงค์พูดเหมือนตัวเองไม่ได้พูด กินข้าวปกติไม่ได้หันไปมองพี่วุฒิด้วยซ้ำ
“ .........................”
“ โดนวะแบงค์ ฮ่ะๆ เล่นมันอึ้งไปเลย....” พี่ชนะหัวเราะตักกับข้าวให้ผม ให้พี่แบงค์ ให้ตัวเองยกเว้นพี่วุฒิ
พี่แบงค์ พี่ชนะ ต่างก็ช่วยผมแต่ผมกลับอยู่เฉยๆ ผมก็ควรที่จะทำอะไรบ้าง
“ พี่.....วุฒิ........” ผมเงยหน้าขึ้น มองพี่วุฒิ สบตาพี่วุฒิด้วยความตั้งใจของตัวเอง
“ ...................” พี่วุฒิสีหน้าสงสัยว่าผมจะพูดอะไร พี่แบงค์พี่ชนะก็เช่นกัน
“ ผมจะกลับไปกับพี่ครับ”
“ จุม!?” พี่แบงค์กับพี่ชนะพูดพร้อมกัน
“ ก็แค่นั้น......งั้นกลับเลย” พี่วุฒิพูด
“ จุม ???” (พี่แบงค์)
“ ผมจะกลับกับพี่ แต่ผมมีข้อแม้ว่าพี่จะต้องซื้อตุ๊กตาลิงให้ผม”
“ อยากได้ก็ไม่บอก กรูซื้อให้มรึง 3 ตัวเลยดีไหม?”
“ ตามใจพี่เถอะครับ แต่ผมจะไม่เอาถ้าพี่วุฒิเอาเงินของพ่อแม่มาซื้อ พี่ต้องเอาเงินที่ของพี่เงินที่มีหาเองมาซื้อให้ผม ไม่งั้นผมไม่เอา!”
“ เรื่องมาก!” “ ถ้ามันเหนือบากกว่าแรงพี่ ไม่เอาตุ๊กตาลิงแล้วก็ได้ และผมก็จะไม่กลับจนกว่าจะได้ตุ๊กตาลิง” ผมบอก
“ ไม่เหนือบากกว่าแรงกรูหรอ มรึงเตรียมเก็บกระเป๋าได้เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้กรูไปทำงานโรงแรมวันเดี๋ยวซื้อได้แล้ว” พี่วุฒิบอก แต่ถ้าพี่วุฒิไปทำงานโรงแรมพ่อตัวเองแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร เพราะผมรู้ดีอยู่แล้วว่าคุณวชิระตามใจพี่วุฒิแค่ไหน และคำว่าทำงานของพี่วุฒิผมคิดไม่ออกว่าได้ทำงานจริงๆไหม?
“ ถ้าเป็นเงินจากครอบครัวพี่วุฒิ ผมก็ไม่เอาหรอกครับ” ผมบอกพยายามใจกล้าที่สุดแล้ว
“ เอ๊ะ นี่มรึงแกล้งกรูใช่ไหม!” พี่วุฒิตะคอก คนที่นั่งโต๊ะไปอีกโต๊ะหนึ่งหันมามอง จนพี่แบงค์ต้องขอโทษแล้วบอกว่า ไม่มีอะไร
มือผมดึงเสื้อพี่แบงค์ยึดไว้เป็นที่พึ่ง
“ ไอ้วุฒิมรึงอยากจะให้เขาไล่ออกจากร้านนักใช่ไหม
ห่ะ!” พี่ชนะพยายามบีบเสียงบอกพี่วุฒิ
“ ก็ดูมันต่อรองกับกรู มันคิดว่ามันเป็นใครมาสั่งกรูอย่างโง้นอย่างงี้”
“ มรึงไม่ทำก็ไม่มีใครว่า”(พี่ชนะ)
“ กรูจะทำจะเอาตุ๊กตาลิงมาให้มัน กรูจะได้ไม่ต้องตามมันต้อยๆแบบนี้จะได้จบสักที”
“ เขาได้ขอให้มรึงมาตามไหมก็ไม่” พี่ชนะพูดไปยักไหล่ไป พี่วุฒิจ้องพี่ชนะไม่พอใจมาก
“ มรึงตั้งเงื่อนไขแบบนี้ แล้วมรึงจะให้กรูไปทำงานอะไร กรูจบ.แค่มอ6ใครเขาจะให้กรูทำงาน”
“ อันนี้ไม่ต้องห่วงเพื่อนเลิฟญาติกรูเปิดร้านกาแฟ เขาต้องการเด็กเสริ์ฟพอดี เดี๋ยวป๋าชนะฝากให้” พี่ชนะหันสายตาวิววับมาทางผม
“เด็กเสริ์ฟ กรูไม่ทำ!”
“ หรือว่ามรึงทำไมไม่ได้” (พี่แบงค์)
“ …ก็ได้กรูจะทำ…”
“ กรูจะเอาตุ๊กตามาฟาดหัวมรึง แล้วลากมรึงกลับคอยดู”
“ ...................” ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือเปล่าที่คิดจะให้พี่วุฒิรู้จักคุณค่าของเงิน และอาจจะได้ความอดทนเพิ่มมาด้วย นั่นผมไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ผมคิดได้เรื่องนี้ก่อนผมก็พูดออกมาเลย เพราะหากปล่อยไว้นานความกล้าที่พูดก็อาจจะหายไป
“ อย่าเพิ่งพูดเลยไอ้วุฒิ มรึงทำให้ได้ก่อนเถอะ”(พี่ชนะ)
“ ทำไม่กรูจะทำไม่ได้ ก็อีกแค่เอากาแฟมาวางให้คนกิน”
“ เออ มรึงเก่ง”(พี่ชนะ)
“………………….” ผมหวังว่าเรื่องนี้จะไปด้วยดี
“ กรูจะกินปลา” พี่วุฒิพูดขึ้น แต่พี่แบงค์ และพี่ชนะทำเหมือนไม่ได้ยินครับ พอพี่วุฒิบอกจะกินปลาผมก็มองไปยังจานปลาราดพริก อาหารจากปลาอย่างเดียวบนโต๊ะ
“ กรูจะกินปลา” พี่วุฒิพูดเสียงดังกว่าเดิม ผมมอง พี่วุฒิชักสีหน้า
“ มองทำไม!”
“ ปะเปล่าครับ” ผมตอบ
“ อยากกินมรึงก็กินไป ไม่ต้องบอก” พี่ชนะว่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ??
“
เออ! กรูกินเอง” พี่วุฒิพูดเอาช้อนและส้อมตักเนื้อจากตัวปลาในจาน แล้วก็เอาไปจ้อง จ้องจนแทบทะลุ ?!
“ ..............?.............” พอพี่วุฒิจะกินก็เอากลับมาจ้องอีก
“ ดูให้กรูดิ” พี่วุฒิพูดแล้ววางปลาใส่จานผม ?
“ครับ” ผมคิดถึงเหตุการณ์ที่ที่ผมแกะปลาทูให้พี่วุฒิที่บ้านตอนนั้นผมคิดว่า ไม่มีหรอกคนที่อายุ 19 ที่แกะปลาออกจากก้างกินเองไม่ได้ ตอนนี้ผมคิดว่าคนแบบนั้นมีอยู่จริงๆด้วยและคนนั้นก็คือพี่วุฒิ......
“ วุฒิมรึงกลัวอะไรหนักหนา ตรงที่ตักไปมันไม่มีก้างไม่ต้องกลัว” พี่ชนะพูด ขณะที่ผมดูปลาชิ้นเมื่อกี้ให้พี่วุฒิ ไม่มีก้างหรอกครับ ผมเลยคืนให้ พี่วุฒิก็กินทันที
“ ใครจะไปรู้”
“ โตเป็นควาย จะกินปลาอีกก็ไม่ได้ แต่คิดว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา”
“ เรื่องของกรู!” พี่วุฒิพูดเสียงห้วน แต่พี่ชนะหัวเราะ แม้แต่พี่แบงค์เองก็ยิ้ม ผมก็อดที่ยิ้มไม่ได้ แต่พอเจอสายตาพี่วุฒิที่กำลังจ้องเขม็งเอาเรื่องผมก็หุบยิ้มทันที ดูพี่วุฒิไม่พอใจมากครับแต่ไม่ได้พูดอะไรกลับมาคงเพราะเป็นเรื่องที่ตัวเองปฏิเสธไม่ได้
เรื่องบางเรื่องที่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำได้จนเป็นเรื่องปกติแต่ก็มีคนบางคนที่คิดว่ามันเป็นเรื่องยากแสนสาหัส
กลับ ถึงคอนโดพี่ชนะ ผมก็อาบน้ำเลย พวกพี่ๆยังนั่งอยู่ข้างนอก แต่พอผมออกมา พี่ชนะก็อาบน้ำเสร็จแล้วอยู่ในชุดพร้อมนอน พี่ชนะบอกว่าอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านนอกแล้ว
“ วุฒิ เมื่อไรจะกลับ พวกกรูจะนอน” พี่ชนะถามพี่วุฒิที่ยังกดรีโมทไปเรื่อยไม่หยุดที่ช่องไหนนานเกินครึ่งนาที
“ กรูนอนด้วย”
“ ไม่ได้เว้ย!”
“ ทำไม!” “ มรึงห้ามกรูไม่ได้”
“ห้ามได้เพราะนี่มันคอนโดกรู กลับได้แล้ว”
“ กรูไม่กลับ!” พี่วุฒิบอกจะเดินมาหาผม ผมหลบหลังพี่แบงค์และเดินตามพี่แบงค์เข้าไปในห้องทันที
“ .....................”
“ จุม”
“ครับ” ผมนั่งบนเตียง พี่แบงค์ถอดเสื้อ 0.0 ผมหันหน้าไปอีกทาง
“ คิดจะให้ไอ้วุฒิมันรู้ค่าของเงินเหรอ?”
“ คิดว่าอย่างงั้นครับ”
“ แต่มันไม่ง่ายหรอกนะ อย่าลืมว่าไอ้วุฒิมัน 19 ไม่ใช่ 9 ขวบ” เรื่องนั้นผมรู้ดี แต่ผมคิดอะไรไม่ออก คิดได้แค่นี้
“ …………………”
“ แต่มันก็ยอมทำ แค่นี้ก็นับว่าดีแล้ว” พี่แบงค์พูดแล้วเดินเข้าห้องน้ำo.0 ในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
ผมก้มดูตัวเองทำไมหุ่นผมเหมือนก้างปลาเลย อยากหุ่นดีๆเหมือนพวกพี่ๆเขาบ้าง
“จุม!” พี่ชนะเปิดประตูชะโงกหน้าเข้ามา แล้วควักมือเรียกผม
“ มีอะไรหรือครับ?”
“ ไอ้วุฒิมันบอกจะกลับถ้าจุมไปส่งมันหน้าประตู ไปส่งมันหน่อยมันจะได้กลับๆไปสักที”
“ …………………………” ผมเดินตามพี่ชนะออกไป พี่วุฒิยืนรออยู่หน้าประตู
“ หอมแก้มกรูดิ แล้วกรูจะกลับ” ผมอึ้งพูดไม่ออก หน้าร้อนขึ้นมาเหมือนไฟเผา
“ จะทำหน้าตกใจทำไม เร็วดิ” ผมหันหน้าร้อนๆมองพี่ชนะที่ยืนอยู่ข้างๆ จะให้ผมทำได้ยังไงครับ พี่ชนะก็ยืนอยู่ตรงนี้
“ เอาเลย พี่ไม่ดูหรอก มันจะได้กลับไปสักทีมาสิงที่นี่ทั้งวันและยังมาก่อกวนอีก” พี่ชนะบอก ผมคงทำไม่ได้หรอกครับ ถึงจะไม่มองแต่ก็รู้ว่าทำอะไร ยังไงก็มีคนอื่นอยู่ดี ถึงไม่มีคนอื่นผมก็ไม่รู้ว่าจะกล้าหรือเปล่า
“ ……………………”
“ เร็วๆ หรือว่ามรึงไม่อยากให้กรูกลับ เพราะมรึงทนคิดถึงกรูไม่ไหว” ผมรีบหันไปมองพี่ชนะที่หลับตาหันหน้าไปอีกด้าน
“……………” ผมพยักหน้าให้พี่วุฒิก้มลงมาแล้วผมจะหอมแก้ม แต่พี่วุฒิกลับเงยหน้ามองเพดาน
แล้วผมจะทำยังไงละครับ? ผมคิดหนักและเหมือนเวลามันเร่งผมให้รีบๆทำ
ผมหายใจเข้าลึกๆแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มพี่วุฒิแต่! หน้าผมถูกมือพี่วุฒิประกบซ้ายขวา! ตาผมโตเท่าไข่ห่านก็ว่าได้
“ อื้~อ” ผมโดนจูบเข้าเต็มๆ ตกใจ หรือไม่กล้าที่จะขัดขืนก็ไม่รู้ผมถึงได้ปล่อยให้พี่วุฒิจูบอยู่อย่างงั้น ปลายลิ้นพี่วุฒิล่วงล้ำเข้ามาในปาก ผมหลับตาลงตัวสั่นระริก
ยิ่งไม่ต่อต้านพี่วุฒิก็ยิ่งบดริมฝีปากหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ผมใช้หางตามองพี่ชนะยังคงหลับตาอยู่ แต่ถ้าหันมาล่ะก็…
“ … ….” ยังไงตอนนี้ก็มีพี่ชนะ พี่วุฒิคงไม่กล้าลงไม่ลงมือกับผมแน่ ผมหลับตาแน่น ผมต้องทำได้ผมตะโกนบอกตัวเอง แล้วมือก็ผลักพี่วุฒิออกไป
“………….!” พี่วุฒิถอยอออกไปก่อนที่จ้องผม แล้วยิ้ม ?
“ เคลิ้มอะดิ เห็นหลับตาพริ้ม”
“………..” ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้……แต่ผมก็รู้สึกวาบหวามครับ
“ ……………………” พี่วุฒิเสียริมฝีปากแล้วมองผมตั้งแต่หัวจนเท้า ผมขนลุกหน้าร้อนผ่าว ลามไปยังใบหูแล้วยังลามลงมาคอ
“ หื่นพอยัง ไปกลับไป!” พี่ชนะพูดแล้วเปิดประตูรอพี่วุฒิเป็นการบังคับ
“ …………………”พี่วุฒิสีหน้าบอกว่าไม่พอใจพี่ชนะมาก แต่ก็ยอมออกไปโดยดี
พอพี่ชนะปิดประตู หน้าผมยังไม่หายร้อนเลยครับ
“จุม”
“ ครับ”
“ หน้าแดงแล้วน่ารัก”
“ ……0…0……” พูดต่อหน้าดื้อๆแบบนี้เลยหรือครับ
“ แต่หน้าเวลาตกใจน่ารักกว่า ฮ่ะๆ” พี่ชนะพูดแล้วเดินเข้าห้อง ผมคิดว่าพี่ชนะก็เป็นพวกชอบแกล้งเหมือนกันครับ นานเป็น 10 นาที กว่าผมจะเดินตามเข้าไปเพราะยังหวั่นๆพี่ชนะอยู่ แต่พอผมเข้าไปแล้วพี่ชนะหลับแล้วครับ 0.0
“ จุม เดี๋ยวพี่นอนข้างนอกนะ” พี่แบงค์บอก ถือหมอนใบหนึ่งกำลังเดินออกมา
“ ทำไมละครับ?” ผมถาม ไม่สบายใจคงเป็นเพราะผมมานอนที่นี่พี่แบงค์เลยต้องไปนอนข้างนอก
“พี่ยังไม่ง่วง เลยว่าจะดูหนังสักเรื่อง แล้วก็จะนอนข้างนอกเลย”
“ ไม่ใช่ว่าเพราะผมมานอนที่นี่แล้วทำให้มันเตียงมันแคบพี่เลยนอนไม่สบายตัวหรือครับ?”
“ ไม่ใช่เพราะ จุมหรอก”
“ จริงๆหรือครับ”
“จริง ปกติพี่ก็ไม่ได้นอนบนเตียงกับไอ้ชนะเท่าไร มันนอนดิ้น” ก็จริงครับ เพราะเมื่อคืนผมสะดุ้งขึ้นมาครั้งหนึ่ง คือพี่ชนะเอาขาขึ้นมาพาดตัวผม ตอนนั้นพี่แบงค์ก็รู้สึกตัวพอดี เลยบอกให้เปลี่ยนที่กัน
“ …………..” ผมมองพี่ชนะที่นอนอยู่แล้วหวั่นๆแต่คนละความหมายกับเมื่อกี้
“ เอาหมอนข้างมาวางกั้นๆไว้ก็พอช่วยได้ แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเริ่มเข้ามาใกล้แล้วก็ถีบๆไปก็ได้” พี่แบงค์บออกเอาหมอนข้างทั้ง 5 อันมาแบ่งเตียงออกเป็น 2 ส่วน ที่มีหมอนข้างมากขนาดนี้คงเอาไว้เพื่อทำแบบนี้
“จะดีหรือครับ” ให้ถีบพี่ชนะ?ผมคงไม่กล้าทำ
“ดี”
* * * * * *
100 มาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ปล. สวัสดีท่านพี่อากิเจ้าค่ะ^^~
ปล.2 ดีใจที่ได้คุยกับท่านน้องพุเจ้าค่ะ