
เมาเท้า เมาคำว่า อุอุ เพิ่งรู้ว่ารู้สึกดีขนาดนี้ ไว้จะแอบทำบ่อยๆ เหอะๆ มาแต่แบบยาวที่สุดเท่าที่เคยต่อเลยครับ
-------------------------------------------------------
“ นี่น่ะเหรอ ลูกชายของหนู ” ผมยืนตัวแข็งเลยครับ คุณปู่มองมาที่ผมด้วยสายตาที่ ...
อ่อนโยน งงแฮะ ทำไมมันตรงข้ามกับน้ำเสียงจัง
“ ค่ะ ” แม่ของผมตอบแทนครับ ตอนนี้ผมเดินไปหาแม่
“ ฉันไม่นึกว่าหน้าตาจะเป็นแบบนี้ ปะบอลพาปู่กลับบ้าน ” ใจหายวูบครับ มันคล้ายๆคำดูถูกเลย หรือว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้อง หลังจากที่ผู้ใหญ่และพวกของพี่บอลกลับไป แม่ก็นั่งเงียบไม่พูดอะไรกับผม ทั้งที่ปกติแม่จะถามผมตลอดว่าซื้ออะไรมาให้บ้าง ผมตัดสินใจเดินขึ้นไปบนห้องเลยครับ พอถึงบนห้องผมล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุด มันเครียดนี่ครับ
“ อื้อออ ” ใครมาเลียหูเนี่ย
“ นุครับ ตื่นได้แล้วครับ ” หืม เสียงพี่บอล
“ พี่บอลมา ... อยู่ในห้องผมได้ไง ”
“ ประตูมันไม่ล็อคพี่ก็เข้ามาสิครับ “
“ ปู่ของพี่ ” มันเหมือนกับลืมไปได้แค่พักเดียวครับ
“ ไม่ต้องห่วงครับ พี่คุยกับคุณปู่แล้ว ทางบ้านของพี่ไม่มีปัญหาอะไรครับ ” ผมยิ้มออกเลยครับ ถ้าอย่านั้นก็เหลือแม่ผมที่ยังไม่ตัดสินใจ
“ งั้นเราไปบอกแม่ของผมด้วยกันนะครับ ” พี่บอลหอมแก้มผมทีนึง ก่อนจะจับมือผมไว้
เอาเถอะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ผมเดินลงมาพร้อมกับพี่บอล โดยที่แม่กับป้าของผมก็รออยู่แล้ว
“ นุ ลูกรักพี่บอลไหมลูก ” ตกใจเลยครับ แม่ผมถามผมตรงแบบนี้เลย ป้าของผมก็ยืนเหมือนจะรอฟังคำตอบ
“ ผมรักพี่บอลครับแม่ ” ป้าของผมยิ้มๆครับ
“ ถ้าพี่บอลขอลูกแต่งงาน ลูกจะว่ายังไง ” เอาวะ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้ ผมขอตอบแทนพี่บอลบ้าง
“ ครับ ผมจะแต่งครับ ” ผมก้มหน้าลงทันทีที่ตอบคำถามเสร็จ ผมรู้สึกไม่ดีมากๆที่ไม่สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างที่แม่อยากให้เป็น
บรรยากาศเงียบลง โดยที่ผมเองรู้สึกได้ แต่แล้ว ...
“ ถ้านุเขาตกลง แม่ก็ตกลงจ้ะ ” ไม่อยากจะเชื่อครับ พอแม่พูดจบ ผมนิ่งไปชั่วขณะเพราะไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ ส่วนพี่บอลน่ะกอดผมแน่น แน่นจนหายใจไม่สะดวก
“ ผมขอบคุณครับแม่ ” พี่บอลผละออกจากผม แล้วทรุดตัวกราบเท้าแม่ของผมครับ แม่ของผมก็ก้มรับแทบไม่ทัน แล้วจากนั้น เราก็นั่งทานข้าวด้วยกันครับ
“ เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปบอกทางบ้านว่า ทางนี้ตกลงแล้วนะครับ ”
“ จ้ะ เอาตามที่เห็นสมควรนั่นแหละ ” แล้วพี่บอลก็ลากลับบ้าน โดยที่ผมกับแม่ก็นั่งคุยกันต่อ แม่ผมก็กลัวว่าต่อไปจะไม่ค่อยมีคนมาดูแล ผมเลยสัญญาว่าจะอยู่ใกล้ๆ ดูแลแม่เอง
รุ่งขึ้นพี่บอลก็มาแจ้งว่า จะจัดพิธีหมั้นพี่บ้านของผม ส่วนฉลองเอาไว้อีกที วันที่จัดก็อีก 2 วันหลังจากที่พี่บอลมาแจ้ง แรกๆมันก็ไม่ตื่นเต้นอะไรหรอกครับ แต่ไปๆมาๆก่อนวันงาน ผมเริ่มหวั่น ๆ ว่ามันจะเหมาะสมหรือปล่าวที่ทำแบบนี้ ... แต่เวลาคิดของผมมีไม่มากนักครับ เพราะวันงานมาถึงแล้ว
“ นี่ทำไม ฝ่ายชายถึงยังไม่มาล่ะลูก ... บอล ” เวลาที่จัดหมั้นเริ่มตั้งแต่เช้าๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ไม่มีแขกฝ่ายชาย มีพี่บอลกับแม่มาแค่สองคน ส่วนญาติทางผมพร้อมแล้วครับ
“ เดี๋ยวขอเวลาสักครู่ผม ... ขอโทรหาก่อนนะครับ เอ่อ นุขึ้นไปพักด้านบนก่อนดีไหม ” ผมรับคำก่อนจะเดินหงอยๆ ขึ้นมาที่ห้องตัวเอง
นี่มันเรื่องอะไรกัน จุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ของผมและพี่บอล มันเกิดปัญหาขึ้นแล้วเหรอ ภาพวันงานแต่งของพี่สองคนปรากฏขึ้นในหัวผม
“ นุครับ พี่ขอโทษ ... ” พี่บอลเดินเข้ามาปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านของผม พี่บอลเดินเข้ามากอดผม ผมก็ซบใบหน้าร้องไห้ทันที พี่บอลพยายามปลอบ เราสองคนกอดกันอยู่นาน โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร
“ ช่างมันเถอะนะครับ ” ผมพูดออกมาหลังจากเงียบไปนาน
“ หืม ว่าไงนะครับ ”
“ มีกันแค่นี้ เราก็จะต้องไปกันให้ได้นะครับ ”
“ ครับ เราจะไปด้วยกัน ” แล้วพี่บอลก็เช็ดน้ำตา พาผมไปล้างหน้า ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมจะไม่ถอยกลับอีก ในเมื่อมีเราแค่สองคน ก็ต้องไปกันสองคน
“ นุครับ เดี๋ยวลงไปรอพี่ก่อนได้ไหม พี่ขอเข้าห้องน้ำก่อน ” ผมก็รับคำ ก่อนจะเดินลงไปรอด้านล่าง ภาพที่เห็น ม่านสีแดงที่จัดเป็นพื้นหลัง ตัวหนังสือที่มีชื่อของผมสองคน แต่กลับไม่มีใครเป็นพยานให้กับผมสองคน มีเพียงแม่ของผมและแม่ของพี่บอล พร้อมด้วยญาติของผมเพียงไม่กี่คน เฮ้อ ช่างเถอะ ...
“ งั้นเรามาทำพิธีกันนะจ้ะ ” น้าของผม ซึ่งเป็นพวกคนที่ทำพิธีอะไรทำนองนี้น่ะครับ กล่าวนู่นกล่าวนี่ พิธีก็เป็นไปด้วยความเงียบหงอย และแล้ว ก็เกิดเรื่อง ...
“ หยุด ๆ ๆ พอกันได้แล้ว หยุดได้แล้ว ” พ่อของพี่บอล เดินเข้ามาในพิธีด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร ก่อนจะมองมาที่ผมและพี่บอลสลับกัน
“ ทุกคนไปบ้านฉันได้แล้ว คุณปู่และทุกคนรออยู่ ” ได้อึ้งในสิ่งที่พ่อของพี่บอลพูดมาก ๆ
นี่ผมสองคนกำลังอยู่ในเหตุการณ์อะไร ทำไมมันเหมือนกับฝันร้ายเหลือเกิน ผมสองคนค่อยๆลุกขึ้น โดยที่ญาติๆของผมต่างเดินกลับไปที่หลังบ้าน แม้แต่แม่และป้าของผมก็ไปกันหมด ตอนนี้จึงเหลือแค่ผม พี่บอล และพ่อของพี่บอล
“ สองคนไปด้วยกัน ฉันจะไปรอที่บ้าน ” เครียดมากนะครับ ผมสะกดความเครียดของผมเอาไว้ ไม่อยากให้พี่บอลกังวล
“ ไปกันนะครับ นุ ” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปพร้อมๆกับพี่บอล
“ นุ ... นุยังจะรักกับพี่อยู่ไหม ” คำถามที่พี่บอลถามในรถ ผมยังจำได้ดี
“ ถ้าพี่ยังรักผม ผมก็จะยังรักพี่ ” พี่บอลขยับมือออกจากเกียร์มากุมมือผมไว้ แล้วเราก็นั่งเงียบกัน จนถึงบ้านของพี่บอล
รอบๆบ้านพี่บอลดูเรียบร้อยแบบผู้ดีมีเงิน ยิ่งเห็นแล้วยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่ นี่ผมไปทำให้ครอบครัวเขามีปัญหาหรือปล่าวนะ
“ เข้ามาสิครับ ไม่ต้องกลัวนะ ” เหมือนรู้เลยนะว่า ผมกำลังไม่สบายใจ ด้านในซึ่งน่าจะเป็นห้องโถง มีรูปครอบครัวขนาดใหญ่ติดอยู่กลางบ้าน พี่บอลตอนนั้นยังหน้าอ่อนอยู่เลย (ตอนนี้ดูดีแบบผู้ใหญ่ อุอุ) ผมเข้ามาแบบหวาดๆ คนในบ้านน่าจะเป็นญาติๆของพี่บอล มองผมแบบไม่รู้สิ มันไม่เหมือนกับการดูถูก แต่น่าจะมีอะไรลึกๆ
“ นุขึ้นไปหาปู่ บอลพาไปส่งไป แล้วลงมาหาพ่อ ”
“ พ่อครับ ผม ... ”
“ พานุไปหาปู่ ” เอาแล้วสิ ผมต้องเจอกับคุณปู่เหรอครับเนี่ย พี่บอลทำเสียงฮึดฮัดแต่ไม่กล้าพูดอะไร
ผมเดินเลาะไปทางซ้าย ทางขวา ก่อนจะมาเจอหน้ากระจกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นกระจกทึบ
“ ปู่ครับ ผมพานุมาหาครับ ” ประตูค่อยๆถูกเปิดออก โดยมีปู่ของพี่บอล ซึ่งอยู่ในชุดลำลอง
“ เข้ามาคุยกัน มา ... บอลแกไม่ต้องเข้ามา ”
“ ปู่ครับ ผมขอเข้าไปด้วยนะครับ ยังไงผมก็จะอยู่กับนุนะครับ ” พี่บอลกล้าคุยกับปู่มากว่าพ่ออีกครับ
“ แกอย่าพูดมากได้ไหม เดี๋ยวมันจะเสียเรื่อง เอ่อ ... ” หืม เสียเรื่อง เรื่องอะไรอะ
“ มาๆ นุเข้ามา ” แกก็ดึงผมเข้าไปแล้วก็ปิดประตูไล่พี่บอลครับ ตอนนี้ผมก็อยู่กับคุณปู่โดยลำพัง
“ เธอว่าหน้าตาเธอเป็นยังไง ” ดูห่างเหินมากมายครับ
“ คงธรรมดาๆน่ะครับ ” ตอบแบบขัดใจตัวเอง แล้วก็ความจริงนิดนึง
“ ถ้าเทียบกับปู่ เธอหล่อกว่าปู่สมัยเป็นหนุ่มมาก ปู่ไม่เคยคิดเลยว่าหน้าตาหล่อๆแบบนี้ ไม่ได้ชอบผู้หญิง ” สรุปแล้วชมหรือว่าเนี่ย
“ เธอลองบอกปู่ทีสิ ว่าเธอจะอยู่กันยังไง ถ้าแม้แต่งานแต่ง ก็ยังไม่มีใครอยากจะมา ”
“ ขออนุญาตนะครับ ” ผมต้องขออนุญาตก่อน เพราะอย่างไรท่านคือผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง คุณปู่ของพี่บอลพยักหน้าทำนองอนุญาต
“ ผมกับพี่บอล ถ้าแต่งงานกัน เราก็มีกันสองคน แม้จะมีคนรอบข้างที่อาจจะเป็นญาต หรือคนรู้จัก เขาคงไม่ได้อยู่กับเราใกล้ชิดและยาวนานเท่ากับคู่ชีวิต ในงานแต่ง ถึงจะไม่มีใคร ผมก็จะอยู่กันไปสองคน โดยที่จะไม่ให้ต้องลำบากถึงการงานครับ ”
“ แล้วไม่ได้คิดว่างานจะเกิดปัญหาเหรอ ”
“ ขนาดหมอดูยังดูไม่แม่นเลยครับ ผมคงไม่มีความสามารถจะมองไปถึงวันนั้น แต่ถ้าวันนั้นมาถึง ผมสองคนก็พร้อมจะเดินต่อไปครับ ” คุณปู่หัวเราะขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล ^^”
“ แกสองคนเรียนคนละที่ ทำไมพูดเหมือนกันเลย บอลเขาก็บอกปู่เหมือนที่นุบอกนั่นแหละ หึ หึ ดีนะ เด็กสมัยนี้ ” ปู่กดออดเรียกคนดูแลเข้ามาหาครับ แต่คนที่เข้ามากลับเป็นพี่บอล
“ นุ ... ปู่ ปู่ถามอะไรนุน่ะครับ ”
“ ไม่บอก ไปนุมาพยุงปู่หน่อยสิลูก ” พี่บอลยิ้มอย่างสดใส ผมไม่เคยเห็นพี่บอลยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้เลยครับ ว่าแต่ผมยิ้มหรือปล่าวเนี่ย
“ ปู่ครับ บอลขอบคุณมากครับ ” พี่บอลกระโจนเข้าไปกอดคุณปู่แบบไม่ทันตั้งตัว
“ โอ้ย ๆ ไอนี่นิ ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ พอแล้วๆ ไปๆ พาปู่ไปหาพ่อกับแม่แกหน่อย ” ผมกับพี่บอลจูงมือคุณปู่คนละข้าง พอเดินออกมาตรงระเบียง (แบบที่มันเป็นชานโล่งแบบหน้าคนรวยอะครับ) ภาพที่เห็นทำเอาผมช็อคหนักกว่าตอนที่อยู่ที่บ้านอีกครับ นี่มันคนหรือมดกันเนี่ย ทำไมมันมากมายขนาดนี้ ต่างกับตอนที่เข้ามาแบบคนละหน้าเลย
“ คุณปู่รับลูกสะใภ้แล้วครับ ” พี่บอลตะโกนผ่านออกไป คนที่ยืนรอกันอยู่ด้านล่างมองขึ้นมาด้านบน พร้อมกับส่งเสียงเฮลั่นบ้าน มีทั้งเสียงตะโกนแสดงความยินดี โห่ฮิ้ว ผมรู้สึกดีมากๆเลยครับ ผมรู้สึกว่าน้ำตาของผมมันไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว
“ นุ อย่าร้องไห้สิลูก ” พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นพ่อ แม่ของพี่บอล พี่บาส แม่ของผมพร้อมทั้งญาติของผมอยู่กันครบ นี่มันอะไรกันเนี่ย
“ นุ ที่จริงพ่อน่ะ ก็ไม่ขัดข้องอะไรหรอก ปู่เองก็ไม่ขัดข้อง แต่แม่ของเรา อยากมั่นใจว่า เราสองคนจะเข้มแข็งพอที่จะเดินต่อไปได้ คงวางใจได้แล้วล่ะ ”
“ นี่จัดละครให้ผมสองคนเล่นกันเหรอเนี่ย ” พี่บอลพูดครับ
“ ใครบอกแก พวกฉันสิเล่น เธอน่ะโดนทดสอบ รู้ไหมปู่เบื่อมากๆ ไม่อยากทำหรอก แค่ตอนเป็นทหารก็ปั้นจะหน้ายับหมดแล้ว ” หลังจากนั้นก็หัวเราะสนุกสนาน นี่สินะฟ้าหลังฝน ย่อยสดใส
“ ทุกคน ไปเปลี่ยนชุดแต่งหน้ากันเถอะไป เดี๋ยวแขกจะทยอยกันมาแล้ว ฉันบอกเวลาไว้เก้าโมงเก้านาที รีบๆกันหน่อย ” ที่จริงผมเพิ่งสังเกต ทุกคนเปลี่ยนชุดกันหมดแล้วครับ ยกเว้นผม พี่บอลกับคุณปู่
“ บอล แกมาช่วยปู่แต่งตัวหน่อย เธอ (ปู่จะชอบเรียกแบบนี้น่ะครับ ตอนนี้เรียบแม่พี่บอล) ไปแต่งตัวให้หลานสะใภ้ฉันหน่อยไป ” ผมเขินจนหน้าแดงสุกแล้วมั้งเนี่ย ผมเดินเข้าไปห้องรับรอง ซึ่งก็จัดเตรียมไว้พร้อม ผมรีบเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบ ใส่ชุดสูทสีขาวรอ แล้วคุณแม่ของพี่บอลก็เดินเข้ามาครับ
“ นุ จ้ะ ต่อไปเรียกว่าแม่นะจ้ะ แม่จะเล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับตระกูลของคุณปู่นะ ตระกูลนี้ มีธรรมเนียมที่ทำกันมานานคือ ทดสอบฝ่ายหญิง สมัยแม่เองก็ถูกกีดกัน ทั้งที่จริงเรียกว่ากีดกันก็ไม่ได้ โดยที่ผ่านๆมา ลูกแต่ละรุ่นจะลูกชายคนเดียว และในวันหมั้นก็จะให้แม่ของฝ่ายชายมามอบตุ้มหูเพชรให้ฝ่ายหญิง แต่ลูกเป็นผู้ชาย แม่คิดว่าตุ้มหูคงดูไม่เหมาะสม แม่เลยมอบแหวนเพชรนี้ให้ลูก เก็บไว้กับตัว จนกว่าจะแยกจากกันนะลูก ” แล้วแม่ของพี่บอลก็สวมให้ผมที่นิ้วนางข้างขวา พร้อมกับกอดผม ตอนนั้นมันเหมือนฝันที่ดีที่สุดของผมเลยครับ นี่ผมได้รับการยอมรับแล้วเหรอ ...
--------------------------------------------------------
หลายอารมณ์ดีไหมครับ ลองนึกว่าเป็นทุกคนดูนะครับ วันนั้นผมจำได้ว่า ผมสับสนมากมาย แต่ใจมันสู้ครับ หุหุ ผมเพิ่งเข้าใจคำว่าเจ้าคุณปู่เป็นครั้งแรกก็ตอนนั้นแหละครับ แหวนเพชรนั้นยังอยู่ที่ผม ตอนที่แต่งผมก็เอามาใส่ไว้ มันอบอุ่นใจดีครับ แล้วก็ตอนต่อไปจะเป็นตอนจบของตอนพิเศษขนาดยาวพิเศษตอนนี้แล้วนะครับ โปรแกรมหน้าว่าจะนำเสนอเรื่องของต้นสนบ้าง ถ้าอยากอ่านช่วยแสดงความเห็นแล้วกันนะครับ เผื่อข้าวปุ้นกับต้นสนจะเอารัก เลือด ความผูกพันธ์ ไปละครับ จะไปสานความสัมพันธ์ อุอุอุ
