ห้ามยังไง...ก็จะรัก (ด้านมืดของ อย่ารักกู...)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้ามยังไง...ก็จะรัก (ด้านมืดของ อย่ารักกู...)  (อ่าน 135498 ครั้ง)

ออฟไลน์ khun_Kling

  • i Am kling
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

hipolymer

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆๆๆ :mc4: พี่เอกมาแล้ว ดีใจจังที่มาส่งข่าว คิดถึงนะครับบบ :L2:

ออฟไลน์ ToeY_@_KP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
มารอน้องเอก กับ พระตั้ม (ใช่ปล่ะ)  :really2:
 :L2:

yayu

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณที่มาส่งข่าวให้ทราบกันนะคะ
รอทั้งสองคนเลยค่ะ  :L2:


eak_Krub

  • บุคคลทั่วไป
   ผมกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิมแต่ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากในบ้าน  ผมกับเพื่อนๆเลยวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น  ภาพที่ผมเห็นนั้นพี่ปิงกับตั้มกำลังต่อยกันอยู่  ตั้มนอนอยู่บนพื้นโดยมีพี่เต้นั่งค่อมกระชากคอเสื้อแล้วบรรเลงเพลงหมัดลงไป
“นี้มันเรื่องอะไร”  เบียร์ตะโกนเข้าไปในบ้าน
“มึงก็ถามเพื่อนมึงดู  ว่ามันทำอะไรกับแฟนกู”  พี่ปิงปล่อยตัวตั้มกลับไปกระชากแขนพี่เต้แล้วหันมาพูดกับพวกผม
“ผมว่าพี่กลับไปก่อนดีกว่า  ไปคุยกับแฟนพี่ให้รู้เรื่อง  แล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย”  ผมพูดออกไปบ้าง  ผมกับเพื่อนๆเริ่มงงแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น  ตั้มทำอะไร  พี่ปิงพี่เต้เข้ามาเกี่ยวอะไรด้วยแล้วทำไมต้องชกต่อยกันด้วย
“ปิงพี่ว่าเรากลับก่อนดีกว่า  มีอะไรเดี่ยวไปคุยกันที่บ้าน  น้องตั้มไม่ต้องห่วงนะครับ  เดี่ยวทางนี้พี่จัดการเอง  แล้วพี่ก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เดือดร้อน”  พี่เต้ทั้งลากทั้งดึงพี่ปิงเพื่อจะพากลับบ้านแล้วหันไปคุยกับตั้ม
“ไม่เป็นไรพี่  แต่มีอะไรก็คุยกันให้หมด  อย่าให้ค้างคาใจกันอีก  เดี่ยวมันจะเกิดเรื่องแบบนี้อีก”  ตั้มตอบกลับไปแล้วเดินเช็ดเลือดที่ออกตามปากกับจมูกก่อนเดินมาสมทบกับพวกผม
“ตกลงมึงจะบอกกูได้ยังว่าเกิดอะไรขึ้น”   เบียร์ถามขึ้นหลังจากพี่เต้กับพี่ปิงกลับไปแล้ว
“เราขอโทษ  เพราะเราอีกแล้ว  นายถึงต้องเจ็บตัว”  ผมเป็นพวกชอบคิดไปเอง  และถ้าให้ผมเดาจากเหตุการณ์ที่มีพี่ปิง พี่เต้และตั้มเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  เรื่องนั้นก็น่าจะเกิดจากผมและผมก็รู้สึกเสียใจจริงๆที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“มึงจะร้องไปทำซากอะไรว่ะ  เรื่องแค่นี้เอง”  ตั้มพูดพร้อมกับเอามือมาขยำที่ศีรษะของผม
“ไปๆ  ไปกินกันต่อ” 
     
       หลังจากนั้นเราก็กลับไปหาอะไรทานกันต่อ ผมเดินไปหยิบชุดปฐมพยาบาลมาและทำแผลให้ตั้ม  ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน  คืนนั้นก่อนนอนผมได้รับข้อความจากเพื่อนๆหลายคน  ส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้อความสวัสดีปีใหม่  ผมก็ตอบกลับไปทุกคนนั้นแหละครับแต่ก็จะมีพิเศษไม่เหมือนใครก็คือ  ของคนที่ผมเม็มชื่อไว้ว่า  ‘คุณชาย’

ข้อความที่หนึ่ง   -------ปีใหม่นี้กูขอให้มึงอยู่กับกูตลอดไป 
ข้อความที่สอง  ------- ถ้ามึงยังน่ารักแบบนี้  กูว่าพรที่มึงขออาจจะเป็นจริงก็ได้

   เมื่อผมเปิดอ่านข้อความนี้ความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็พลันมลายหายไปทันตา  ผมนอนยิ้มให้กับตัวเอง  อ่านข้อความซ้ำไปวนมาอยู่หลายรอบ  ตบหน้าตัวเองก็แล้ว  บิดเนื้อตัวเองก็แล้วเพื่อจะพิสูจน์ดูว่าผมไม่ได้ฝันไปและมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ 
   แต่แล้วสิ่งที่ผมคิดนั้นกลับต่างกันโดยสิ้นเชิงกับความเป็นจริงที่มันเป็นไป  มันเป็นเพราะตัวเราหรือว่าเป็นเพราะตัวนาย  นี้คือคำถามที่ผมมักจะยกขึ้นมาถามตัวเองอยู่เสมอเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น 

“เอก แข่งเสร็จแล้วนายไปไหนต่อหรือเปล่า  เรากะจะชวนนายไปช่วยเลือกของเราหน่อย”  กายเดินเข้ามานั่งข้างผมในห้องพักนักกีฬาก่อนการแข่งขัน
“เอาดิ  เราไม่ได้ไปไหน”  ผมตอบตกลงไปเพราะไม่ได้ติดธุระที่ไหนอยู่แล้ว  และอีกอย่างผมก็ไปช่วยเลือกของกายบ่อยอยู่แล้วด้วย  เพราะกายเป็นคนเลือกซื้อของไม่เป็น
“โอเค  แล้วเราค่อยโทรหาน่ะ”  จากนั้นผมก็วอร์มร่างกายเล็กน้อย  ก่อนจะไปวอร์มอีกครั้งในสนาม 

   การแข่งขันครั้งนี้ผมค่อนข้างจะจริงจังและตั้งใจมากหน่อย  เพราะผมตั้งใจไว้ว่าจะเล่นบาสปีนี้เป็นปีสุดท้าย  เพราะปีหน้าผมต้องการที่จะให้เวลากับการเรียนมากกว่าเดิมเพราะผมต้องการที่จะสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังของจังหวัดให้ได้  ในช่วงพักครึ่งตั้มจะเข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงนักกีฬาให้ผมคอยช่วยเสิร์ฟน้ำ ช่วยนวดคลายกล้ามเนื้อ  ตั้มสามารถเข้าออกภายในทีมของผมได้ตลอดเพราะตั้มมักจะมานั่งคอยผมซ้อมบาสอยู่เสมอจนสนิทกับโค้ช  มีอยู่ครั้งหนึ่งโค้ชเคยชวนตั้มเข้าทีมด้วย  เพราะเคยเห็นตั้มชู๊ตบาสและแม่นด้วย  และแม่นกว่าใครๆในทีมหลายคนรวมทั้งผมด้วย  แต่ตั้มปฏิเสธเพราะตั้มมีจุดอ่อนตรงการเลี้ยงลูก  แต่ผมคิดว่ามันเป็นข้ออ้าง  เพราะจริงๆแล้วตั้มขี้เกียจซ้อมมากกว่า

   หลังจากแข่งเสร็จผมก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านของตั้ม  ไม่อยากจะอาบที่โรงยิมเพราะมันไม่สะดวกเอามากๆ  เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เจอแม่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟารับแขก  ผมเข้าไปทักทายแม่ของตั้มตามปกติแต่ก็จะมีบ้างที่อ้อนแม่จนออกนอกหน้านอกตาไปหน่อย  เพราะอยากจะแกล้งคุณชาย  คุณชายจะหวงแม่ตัวเองมากแม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่   เวลาอยู่นอกบ้านกับในบ้านตั้มจะเป็นคนละคนกันเลย  ไม่ใช่ทำไปเพื่อจะหลอกที่บ้านหือตบตาอะไรเหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า  ต่อหน้าพระพลับ ลับหลังตะโก หรอกครับ  แต่ตั้มเป็นคนรักขอบครัวของตัวเองมากกว่าก็เลยปฏิบัติกับคนในบ้านดีกว่าข้างนอก

   ผมชอบเวลาแม่ลูกคู่นี้อยู่กันตามลำพังเพราะจะน่ารักทั้งแม่ทั้งลูกเลย  เพราะเวลาจะคุยกันสองคนนี้จะคุยหยอกล้อกับเหมือนเพื่อนกัน  แต่ก็พอจะรู้ว่าทั้งคู่รักและห่วงซึ่งกันและกัน

“เป็นไงบ้างลูกเหนื่อยมั้ย”  แม่พูดพร้อมกับอ้าแขนเพื่อรับตัวผมเข้าไปกอด  ผมก็เลยตามเข้าไปหาท่านเพื่อจะกอดท่านตอบ  แต่ก็โดนคุณชายตัดหน้าเข้าไปนอนหนุนตักแม่ตัวเอง  ก็เลยทำให้ผมกับแม่อ้าแขนเก้อ
“คร๊าบบ  เหนื่อยจังเลย” 
“อะไรเนี๊ย  ใครถามตัวเองมิทราบ  ขี้ตู่นักนะเดี่ยวนี้  ลูกเอกดูมัน  ดูมันทำ  คงกลัวว่าจะโดนแย่งแม่ละซิถึงมาอ้อนแบบนี้  ว่างัยละเรา  มาอ้อนจะเอาอะไรอีก”  แม่พูดพร้อมกับตีเข้าที่ต้นแขนของตั้ม  ผมก็ได้แต่ยืนยิ้มให้กับภาพที่เห็น
“ทำไมครับ  ลูกอ้อนแม่ตัวเองบ้างไม่ได้หรอ  หรือว่ารังเกียจ  ว่างัย”   ตั้มถามแม่ตัวเองและคำตอบที่ได้นั้นก็ทำให้ผมหัวเราะซะลั่นบ้านเลย
“รังเกียจ” 
“รังเกียจหรอ มีลูกชายน่ารักแบบนี้  ยังรังเกียจอีกมั้ย” ตั้มพูดพร้อมกับหอดแก้มแม่ซ้ายทีขวาที 
“ลูกเอกดูมันทำ  ดูมันทำ”  แม่เบ้ปากไปทางตั้มแล้วพูดกับผม  ผมก็ยิ่งนั่งหัวเราะไปหนักกว่าเดิมอีก
“นายยังอยู่อีกหรอ  ไปอาบน้ำได้แล้วไป  หิวแล้ว  อย่างเร็วเลย  อย่าช้า”  คุณชายคงเห็นว่าผมนั่งหัวเราะมากไปแล้วเลยไล่ให้ผมขึ้นไปอาบน้ำ  ผมก็ทำตามแต่ก็ไม่วายยังหัวเราะอีกจนโดนตั้มเขม็งตาใส่นั้นและผมจึงได้หยุด

   ผมเดินขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องของตั้ม  เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เดินลงมาข้างล่าง  แต่ยังไม่ทันลงมาถึงชั้นล่างดี  ผมก็ได้ยินตั้มพูดกับแม่และเรื่องที่สองคนนั้นพูดกันก็เลยทำให้ผมไม่กล้าออกไปก่อนเพราะกลัวจะไปขัดการสนทนาทั้งสองคน  ผมยอมรับว่าผมนิสัยไม่ดีที่แอบฟังคนอื่นคุยกัน  แต่ด้วยความที่ผมอยากรู้ว่าตั้มกำลังคิดอะไรและแม่จะคิดยังไงกับเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันผมก็เลยหยุดฟังทั้งสองคนอยู่ที่ขั้นบันได

 “ความรักเป็นสิ่งสวยงาม  ทำให้คนบนโลกมีกำลังใจที่จะยืนหยัดไปสู่วันพรุ่งนี้  ไม่ว่าจะชายหญิงทุกคนล้วนแต่อยากมีความรัก  ไม่เกี่ยวกับเพศหรอกลูก”  ผมลงมาก็ได้ยินถึงตอนนี้พอดี  ผมไม่รู้หรอกครับว่าก่อนหน้านี้คุยอะไรกัน (เพิ่งจะมารู้เอาตอนที่ตั้มเขียนถึงตอนนี้เหมือนกัน  เพราะก่อนหน้านี้ตั้มไม่เคยเล่าให้ผมฟังสักครั้งเดียวว่าเคยพูดเรื่องนี้กับแม่  และก็เช่นเดียวกันตั้มก็ไม่เคยรู้เลยเช่นกันว่าวันนั้นผมได้แอบฟังอยู่  แต่ตอนนี้ก็คงรู้อยู่แล้ว) 
“แล้วถ้าเกิดวันหนึง  ลูกของแม่เกิดรักผู้ชายด้วยกันแล้วแม่จะทำไง”  ผมถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินประโยคนี้ออกจากปากตั้ม  ผมไม่คิดว่าตั้มจะกล้าเอาเรื่องนี้มาพูดกับที่บ้าน  แต่จะแปลกอะไรในเมื่อผมยังเคยพูดกับที่บ้านจะไปต่างกันตรงไหนกับการที่ตั้มจะพูดกับที่บ้านบ้าง  แต่ดูท่าทางแม่จะอึ้งๆไปนิดๆ  เพราะท่านเงียบไปอยู่นานเหมือนกัน  ผมไม่รู้เลยว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่  ทำหน้านังไงเพราะผมไม่กล้าที่จะโผล่หน้าออกไปมอง
“ถ้าเกิดวันนั้นมีจริง  แม่ก็เคารพการตัดสินใจของลูก  ถ้าเค้าเป็นคนดีจริงก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่จะรักกัน  คิดให้ดีๆ  คิดให้มากๆ  ไม่ต้องรีบร้อนนะลูก  แม่เชื่อว่าลูกแม่มีเหตุผลมากพอ  ที่จะคิดหาคำตอบให้ตัวเอง  ไม่ต้องกลัวว่าใครจะคิดยังงัย  ไม่ต้องไปสนใจคนอื่นจะว่าเรายังงัย  ขอแค่ลูกเลือกที่จะทำในสิ่งที่ใจลูกต้องการก็พอแล้ว”   ก่อนหน้านี้ผมค่อนข้างจะเป็นกังวลแทนตั้มว่าแม่จะรู้สึกยังไง  แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ออกจากปากท่านผมก็เลยโล่งใจแทนตั้ม  ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  นั่งหัวเราะตัวเองว่าเป็นไปมากเหมือนกันนะเราเนี๊ย
“ขอบคุณครับแม่”  หังจากตั้มพูดจบผมก็รอจนแน่ใจแล้วว่าสองคนนี้ได้เปลี่ยนเรื่องคุยผมจึงเดินออกไปแต่ก็แหย่คุณชายเล่นนิดหน่อย
“โหย  จะอ้อนไปถึงไหนอ่ะ”   
“เสร็จแล้วหรอ  ไปกันเลยป่ะ  สายแล้ว” 
“แม่ครับ  เอกไปก่อนนะครับ  ตอนเย็นอยากกินผัดขิงจังเลย”  ก่อนออกจากบ้านผมก็มิวายแหย่ตั้มเล่นอีกครั้ง  และก็เหมือนทุกครั้งก็จะโดนคุณชายทำหน้าดุใส่
“ได้จ๊ะ  เดี่ยวแม่ทำให้นะลูก”  แต่ไม่ว่าผมจะพูดยังไง  แม่ก็ยังเออออห่อหมกกับผมด้วยทุกครั้ง  ผมละรักคนครอบครัวนี้จัง  นี้ถ้าบ้านนี้เป็นคนดังซักหน่อย  คงได้รางวัลครอบครัวตัวอย่างไปแล้ว

   ผมกับตั้มเราตามมาที่ร้านอาหารที่เพื่อนๆรออยู่  ตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าผมได้นัดกับกายไว้   กายจึงโทรมาถามว่าผมอยู่ไหน  ผมจึงบอกไปว่าจะตามไปให้กายไปรออยู่ก่อนซึ่งกายก็โอเคที่จะรอ  ผมถามเพื่อนๆว่าใครจะไปเดินเที่ยวบ้างแต่ก็ไม่มีใครตอบตกลงที่จะไปกับผม  มีก็แต่ตั้มคนเดียวเพราะตั้มจะไปดูหนังเรื่องหนึ่งผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร  แต่เป็นเรื่องที่ตั้มอยากดูมากเช่นกัน  เมื่อเดินทางมาถึงแล้วผมก็กดโทรศัพท์ไปหากายเพื่อจะได้นักที่เจอกันถูก
“ทำไรอ่ะ”  ตั้มถามผมขึ้นหลังจากเอารถไปจอดเสร็จแล้ว
“ก็โทรหากายไง  จะได้ไปหามันถูก” 
“กูให้เลือก  มึงจะดูกับกูหรือมึงจะดูกับมัน”  อยู่ดีๆตั้มก็อารมณ์เสียใส่ผม  ไอผมก็งงว่าผมทำอะไรผิดหรือเปล่า
“แต่เรานัดกับกายไว้แล้วนะ” 
“ได้  งั้นมึงก็ไปดูกับมัน  กูกลับก่อน  เสร็จแล้วก็โทรหาด้วย  จะได้มารับ”   พูดจบตั้มก็เดินกลับไปที่รถ  ผมจะเรียกก็ไม่ทันได้เรียกเพราะกายรับสายแล้ว  ผมจึงต้องคุยกับกาย
“กายอยู่ไหนอ่ะ”  ผมถามทันทีที่กายรับสาย  แต่สายตาผมก็มองหาตั้มอยู่แต่ก็ไม่เจอ
“กำลังอยู่มุมกิ๊ฟช็อป  ตามมาน่ะ”  กายบอกผม
“โอเค  เดี่ยวตามไป”  พูดจบผมก็วางสาย

   ผมเดินกลับไปที่รถเพื่อจะไปตามหาตั้ม  แต่เมื่อไปถึงก็เจอแต่รถ  ส่วนคนไม่รู้หายหัวหายตัวไปไหน   ผมมองหารอบๆก็ไม่เจอ  เดินมองตามร้านค้าต่างๆแม้แต่ร้านเน็ตที่อยู่รอบๆตัวห้างก็ไม่เจอ  จึงตัดใจเดินเข้าไปหากายเพราะผมโทรไปตั้มก็ไม่รับ   หลายๆครั้งตั้มก็ปิดมือถือหนี  ตัวผมก็มีหัวจิตหัวใจโกรธเป็น เสียใจเป็น น้อยใจเป็น  ในเมื่อไม่สนใจกันผมก็จะไม่ง้อ  แต่ลึกๆก็อยากอยู่ด้วยกันอยู่ดี

   ผมเดินไปหากายช่วยเลือกของให้กาย  เพราะกายจะซื้อไปเป็นของขวัญให้กับเพื่อนก็เลือกกันอยู่นานเหมือนกัน  จนท้องเริ่มหิว  จึงได้ตกลงกันหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วว่าจะไปหาอะไรทานกัน  ซึ่งก็เป็นร้านที่ผมชอบนั่งประจำนั้นก็คือร้านคอนม  แต่เมื่อเข้าไปในร้านผมก็พบว่าตั้มก็นั่งอยู่ในร้านเช่นกัน  แต่นั่งอยู่กับคนที่ผมไม่ค่อยชอบใจ  พี่เอฟคือคนที่นั่งคู่กับตั้ม  ส่วนตัวแล้วพี่เอฟก็นิสัยใจคอดี  มีอัธยาศัย  หน้าตาก็ดี  ฐานะทางบ้านก็ดี  เรียนเก่ง  กีฬาใช่ได้  ถ้าเทียบกันแล้วผมคงไม่ถึงเศษเสี้ยวของพี่เอฟหรอก
   แต่ที่ผมไม่ชอบพี่เค้าเพราะว่าพี่เค้าชอบเข้ามากันท่าผมกับตั้มอยู่เสมอ  มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ตั้มไม่อยู่และพี่เอฟได้พูดออกมากลางวงสนทนาว่า  พี่เอฟจะขอลองจีบตั้มสักตั้ง  ในขณะที่พูดอยู่นั้นพี่เอฟก็จ้องหน้าผมอย่างจริงจัง  เหมือนกับจะประกาศสงครามกับผมยังไงยังงั้น  และก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่พี่เอฟชอบพูดหักหน้าผม  แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแค่เก็บเอาไว้ในใจ  ไม่อยากไปต่อล้อต่เถียงกับเรื่องไร้สาระแบบนั้น

   ผมเดินเข้าไปทักทายทั้งคู่ซึ่งในทีแรกกายก็ดึงแขนผมไว้  และบอกว่าอย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย  กายคงไม่อยากมีเรื่องกับตั้มหรอกครับ  เพราะสองคนนี้พอเจอหน้ากันทีไรก็เป็นต้องลับฝีปากทุกทีและผมเองก็เบื่อที่จะห้าม  เลยทำให้ช่วงหลังๆมานี้ผมจึงไม่ได้นัดไปไหนมาไหนกับสองคนนี้พร้อมๆกันถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆ  แต่ครั้งนี้ผมไม่รู้โดนของหรือเปล่าจึงทำให้ผมเข้าไปประจันหน้ากับทั้งคู่

“หวัดดีครับพี่เอฟ  มาเดินเที่ยวหรอ”  ผมเดินไปหยุดที่ด้านหลังของตั้ม  ซึ่งยืนหันหน้าไปทางพี่เอฟพอดี
“หวัดดีครับน้องเอก  มากับใครหรอ”  พี่เอฟทักทายผม  แล้วมองไปทางกายด้วยสายตาเจ้าเล่ห์  และพี่เอฟก็คงคิดว่ากายเป็นแฟนของผมจึงใช้สายตาแบบนั้นมองผมกับกายสลับไปมา
“อ๋อ  กายครับ  เพื่อนร่วมทีมผมเอง  เออกาย  นี้พี่เอฟ”  ผมแนะนำให้พี่เอกกับกายรู้จักกัน
“นั่งด้วยกันดิ” 
“ขอบคุณครับพี่”  ผมพูดพร้อมๆกับลากเก้าอี้มานั่ง  ซึ่งพี่เอฟก็เปลี่ยนที่นั่งไปนั่งข้างตั้ม  ผมก็เลยนั่งด้านตรงข้ามคู่กับกาย
“เอกกินไร  เดี่ยวเราเดินไปสั่งให้”  กายถามผมแต่สายตามองไปทางตั้มแบบเอาเรื่องเหมือนกัน  ไอผมพอเริ่มได้สติก็ตกใจนิดหน่อยที่ผมได้ชักนำโจทย์เก่ามาเจอกัน  แต่ผมก็ต้องเก๊กเก็บอาการไว้
“เอานมเปรี้ยวปั่นแก้วหนึงก็พอ”  กายเดินออกไปสั่งรายการอาหารที่เคาท์เตอร์  ผมจึงได้โอกาสถามตั้ม
“ไหนนายบอกเราว่าจะกลับบ้าน”  ผมถามทั้งๆที่รู่อยู่แล้วล่ะครับว่าตั้มไม่ได้กลับบ้าน  แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้และไม่สนใจด้วยว่าตั้มจะกลับหรือไม่กลับ
“....................”  แต่หมายเลขที่ผมเรียกไม่สามารถติดต่อได้  เพราะคลื่นสัญญาณไม่ว่างเพราะกำลังมัวเมากับการดูนมอยู่
“นายเป็นอะไร  ไม่พอใจอะไรเราก็พูดมาดิ”  ผมพูดออกไปอย่างเหลืออด  ผมน้อยใจที่ตั้มไม่มากับผมแต่ดันมากับพี่เอฟ  ผมเริ่มเสียใจที่ตั้มทำเหมือนกับผมเป็นแค่อากาศธาตุ 
“พี่เอฟ  เราไปดูรอบหนังกันดีกว่าครับ”  แทนที่ตั้มจะตอบคำถามผมแต่ดันชวนพี่เอฟไปดูหนัง  ผมจะพูดอะไรได้ก็ได้แต่นั่งกำหมัดแน่น  เก็บกดซ้อนอารมณ์โกรธ น้อยใจ  เสียใจ ไว้เพียงคนเดียว

C2U

  • บุคคลทั่วไป
น้องเอกกลับมาแล้ว    คิดถึงนะคับ   :กอด1:


ตั้มนี่เจ้าอารมณ์น่าดูเลยเนอะ  ไรเนี่ย   :angry2:

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีค่ะ น้องเอก

น่ารักมากเลย มาตามที่นัดไว้เลยนะเนี่ย

ตั้มรักเอกมากนะ เลยน้อยใจรุนแรงไป
รอฟังเรื่องราวต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ToeY_@_KP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
เอกมาต่อแว้ววววว

ขอบคุณมากครับผม..

REDMOON

  • บุคคลทั่วไป
ต่างคนต่างก็น้อยใจ ต่างคนก็ต่างความรู้สึก :เฮ้อ:
ขอบคุณน้องเอกที่เข้ามาต่อ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yayu

  • บุคคลทั่วไป
น้องเอกมาต่อแล้ว  :man1:
ตอนนี้รู้สึกว่า บรรยากาศจะมาคุ ...
ต่างคนต่างน้อยใจ เคลียร์กันนะคะ
อย่างอนกันมันนานไม่ดี
๐๐๐
คุณแม่ของน้องตั๊มน่ารักจัง 
แล้วเวลาตั๊มอยู่บ้านนี่เป็นอีกแบบเลย น่ารัก ^^

..ให้กำลังใจน้องเอก+รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :L2:


ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
พี่เอกมาแล้วววววววววววววววว

ตอนนี้กะเศร้าได้อีก
ต้นๆเรื่องเหมือนอะไรจะดีขึ้น
แต่พอตอนท้ายพี่เอกก็เจ็บเหมือนเดิม - -"  :เฮ้อ:

รอตอนหน้าค่า
รักพี่เอกน้า จุ๊บๆ

ออฟไลน์ luvY

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
ว้าวน้องเอกมาเล่าต่อแล้ว  :mc4:
ตอนนี้อึมครึมเหมือนระเบิดจะลง
แต่สุดท้ายเอกก็เจ็บอีกแล้ว
+1ให้น้องเอก รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ khun_Kling

  • i Am kling
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เย้ คิดถึงพี่เอกจัง

แล้วมาต่อให้อีกนะค่ะ

รอตอนต่อไป คิคิ

Gman

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ

น่ารักดี

เพิ่งเคยเม้นนนน.

ต่ออออๆๆๆ  น้าค๊าบบบ บ. :impress2: :impress2:

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
เอ้าไม่เป็นเรื่องก็ทำให้เป็นเรื่องซะงั้นนะคร้าบ

ใจเย็นๆกันนิดนะคร้าบ  น้องๆในเรื่องนี้น่ารักแถมดุจังคร้าบ

 :oni2: :oni2: :oni2:

Huo_To

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงน้องเอก
พี่ตาไม่ดี มาต่อตั้งสองวันแล้วเพิ่งเห็นอ่ะ กรำ

ตอนนี้เห็นอีกด้านของหลาย ๆคน  ไม่ว่าจะเป็นคุณชายกะคุณแม่ ซึ่งคุณชายมักไม่ค่อยเล่าอะไรแบบนี้อ่ะว่ามั้ย
แล้วอีกคนก็พี่เอฟ  กะตั้มเนี่ยแสนดีมากมาย แต่ไหงหันด้านมืดใส่เอกงี้ล่ะเฮ้อ  คุณชายรู้บ้างปะเนี่ย


Gu_Ton_Za

  • บุคคลทั่วไป
เอกกลับมาแล้วก้าบ

รอตั้งนานนะเนี่ย

แต่มาต่อสั้นไปหน่อยนะก้าบเอก

 :z2:

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป
รอน้องเอกนะครับ
ดีใจที่ได้อ่านอีก

Gman

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






namtaan

  • บุคคลทั่วไป
อ่านเรื่องตอนนี้ผ่านมุมมองเอก
ก็ต้องบอกว่า เอฟก็คงอยากเอาชนะ
ส่วนตั้มก็หึงว่างั้น แต่ไม่รู้จะแสดงออกยังไงดี
บวก 1 แต้มให้น้องเอกจ้า


ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ไปตามอ่านเรื่องนู้นของตั้ม
แล้วก็ประทับใจมากเลย
พอมาอ่านผ่านมุมมองของเอก
ก็ยิ่ง....งื้ออออออ
นี่ถ้าไม่รูว่าตอนนี้ได้รักกันแล้วก็นะ...
เจ็บจี๊ดดดดดดดด
แล้วมาต่ออีกนะคะ :L2:

eak_Krub

  • บุคคลทั่วไป
“พี่เอฟ  เราไปดูรอบหนังกันดีกว่าครับ”  แทนที่ตั้มจะตอบคำถามผมแต่ดันชวนพี่เอฟไปดูหนัง  ผมจะพูดอะไรได้ก็ได้แต่นั่งกำหมัดแน่น  เก็บกดซ้อนอารมณ์โกรธ น้อยใจ  เสียใจ ไว้เพียงคนเดียว
“เออ  แต่ว่า....”  พี่เอฟมองหน้าผมกับตั้มสลับกันไปมา  ไม่พูดอะไร  ได้แต่อ้ำอึ้ง
“ตกลงพี่จะดูมั้ย  ถ้าไม่ดูผมจะได้กลับ”  ผมกับพี่เอฟมองหน้ากัน  พี่เอฟคงเหมือนกับผมที่งงว่าตั้มโมโหหรือโกรธอะไร  ผมเลยพยักหน้าให้พี่เอฟไปเชิงบอกกับพี่เขาว่าไปเถอะ
“ก็ได้ครับ  งั้นน้องเอกพี่ไปก่อนนะครับ  แล้วค่อยเจอกัน”
   
   ผมไม่อาจจะรู้ได้ว่าตั้มเป็นอะไร  โมโหโกรธใครอยู่หรือเปล่าถึงได้อารมณ์แบบนั้น  หรือมันอาจจะเป็นเพราะผมที่เป็นต้นหุที่ทำให้ตั้มอารมณ์เสีย  เพราะผมไม่เลือกที่จะดูหนังกับตั้มสองคนแต่ผมก็มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น  ผมไม่ได้ไม่อยากดูหนังกับตั้มเพราะมันเป็นอะไรที่ผมต้องการมากที่สุด  ผมไม่เคยดูหนังกับตั้มสองต่อสองเลยผมเองก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน   หรือการเกรี้ยวโกรธของตั้มนั้นเป็นเพราะตั้มหึงผมกับกาย  ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงก็แสดงว่าจริงๆแล้วตั้มก็แคร์ผมอยู่เหมือนกัน  อยากเป็นคนสำคัญสำหรับผม  เป็นคนแรกที่ผมจะคิดถึงหรือเลือกที่จะทำอะไรร่วมกัน   ถ้ามันเป็นอย่างหลังความพยายามของผมก็ใกล้แล้วซินะครับ  ใกล้จะเป็นจริงแล้ว  ผมรอจนถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว

“นายจะกลับบ้านเลยไหม”  ผมกับกายบังเอิญมาเจอกับตั้มและพี่เอฟทางออกของโรงหนังพอดี  ผมเลยถามตั้มไปเพราะว่าจะได้กลับพร้อมกัน
“..............”  ตั้มไม่ตอบอะไร  แต่ผมคิดเอาว่าตั้มคงจะกลับเลยหรือไม่ยังไงผมก็คงจะรอกลับพร้อมตั้ม  เลยหันไปบอกกับกาย
“กายนายกลับไปก่อนก็ได้  เดี่ยวเรากลับพร้อมตั้ม”  ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ตั้มหันไปบอกพี่เอฟ
“พี่เอฟครับ  พี่กลับก่อนได้เลยนะครับ  ผมเอารถมา”  ตั้มเองก็หันไปบอกพี่เอฟ
“โอเคครับ  งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ”  จากนั้นตั้มก็เดินตรงไปยังห้องน้ำ  ส่วนผมไม่ได้ปวดอะไรก็เลยเดินไปรอตั้มที่หน้าลิฟท์

   ผมยืนคอยตั้มอยู่นานมากจึงนึกเอะใจว่าตั้มคงเดินลงไปทางบันไดเลื่อนเพราะตั้มคงยังโกรธผมอยู่  ผมจึงเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อดูให้แน่ใจว่าตั้มยังอยู่หรือหนีกลับไปแล้ว  แต่สุดท้ายผมก็เจอแต่ห้องน้ำที่ว่างเปล่า  แต่ตอนที่เดินออกจากห้องน้ำผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันตามทางเดินหลังโรงภาพยนตร์  และเสียงนั้นก็คุ้นหูผมมาก

“มึงไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับกู  จำใส่กะโหลกหนาๆของมึงด้วย  แล้วต่อไปก็อย่ามายุ่งกับกูอีก  จะหาว่ากูไม่เตือนไม่ได้”  คนพูดประโยคนี้กำลังกระชากคอเสื้อของผู้ร่วมสนทนาพร้อมกับกำลังจะทำร้ายร่างกาย  ผมจึงต้องรีบเข้าไปห้ามเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมากไปกว่านี้
“ตั้ม !!! นายทำอะไรไอกาย” ผมร้องตะโกนออกไป  ตั้มจึงได้หยุดการกระทำทั้งหมดลง
“เรื่องของกู  มึงไม่เกี่ยวอย่ามายุ่ง”  ตั้มพูดออกมาเสียงดังใส่หน้าผม  และจะเริ่มการทำร้ายร่างกายเพื่อนผมอีกครั้ง  แต่ผมก็เดินเข้าไปดึงตัวตั้มเอาไว้ทัน  จากนั้นก็ลากตั้มออกมาจากตรงนั้น
“ฝากไว้ก่อนนะมึง  วันหลังมึงไม่รอดแน่”  ตั้มตะโกนใส่กายซึ่งกำลังหน้าซีด
   ผมลากตั้มลงมาทางบันไดหนีไฟ  เมื่อลงมาได้ 1 ชั้นตั้มก็สะบัดมือผมแลเดินหนีผมออกไปยังลานจอดรถหลังห้าง   ผมก็เดินตามออกไปทันก่อนที่ตั้มจะขึ้นรถ
“นายทำแบบนั้นทำไม”  ผมเดินเข้าไปจับตั้มให้หันมาคุยกัน  
“เรื่องของกู”  แต่ตั้มก็สะบัดตัวและเดินต่อไป   แต่ผมก็ไม่ย่อท้อ  ยังพยายามที่จะคุยกับตั้มให้รู้เรื่อง
“กายมันไปพูดอะไรกับนาย”  
“ปกป้องกันจริงนะ  ทำไม  กลัวกูจะไปต่อยแฟนมึงหรอ”
“เรากับกายไม่ได้เป็นไรกัน”
“นั้นมันก็เรื่องของมึง  กูไม่อยากรู้”  
“นายก็รู้ว่าคนเดียวที่เรารักได้คือใคร  นายยังจะให้เราไปรักใครได้อีก  แค่นายไม่รักเรา  เราก็เจ็บมากพอแล้ว  อย่ายัดเยียดเราให้ใครอีก  เราขอร้อง”  ผมน้อยใจที่ตั้มทำเป็นไม่สนใจผม  ผมเสียใจที่ตั้มผลักดันให้ผมไปเป็นของคนอื่น  และผมก็มิอาจจะทนเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว  ผมเคยคิดเอาไว้ว่าผมจะเก็บเอาไว้  ไม่พูดออกมาเพื่อจะทำลายความรู้สึกของเราสองคน  
“เอก  กูรักมึงแบบคนรักไม่ได้จริงๆว่ะ”

“ทำไม บอกเรามาดิ ว่าทำไม  แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมามันหมายความว่างัย ทำไมต้องทำดีด้วย ทำไมต้องไม่พอใจเวลาคนเข้ามาจีบ ทำไมต้องคอยดูแลเวลาไม่สบาย ทำไมถึงบอกให้รอ แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น  บอกให้เราฟังหน่อย”  ที่ผ่านมาผมไม่เคยเข้าใจตั้มเลยสักครั้งว่าตั้มคิดอะไร  รู้สึกอะไร  ตั้มไม่เคยทำอะไรให้ชัดเจน  ไม่เคยเผยความรู้สึกของตัวเอง  ไม่เคยแม้แต่จะรับรู้ถึงความรู้สึกของผม  ถึงรู้ตั้มก็มักจะทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจ  แต่บางครั้งก็ทำเหมือนกับคนรักเขาทำกัน  จนผมไม่สามารถแยกแยออกมาได้ว่าอย่างไหนคือจริง  อย่างไหนคือหลอก  แบบไหนที่เรียกว่าเพื่อน  แบบไหนถึงเรียกว่าคนพิเศษ

“ตลอดเวลาที่ผ่านมามึงยังไม่รู้ตัวอีกหรอว่า กูไม่เคยรักมึงเลย ไม่คิดจะรักด้วย และกูก็ไม่อยากมีปัญหากับแฟนกูเพราะมึงอีก  ต่อไปมึงอยู่ห่างๆๆกูไว้นะดีแล้ว”  พูดจบตั้มก็เดินไปที่รถแล้วขับออกไปทันที  ไม่แม้แต่จะหันมามองผมที่กำลังร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย  ร้องแบบที่ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องหันมามอง  ผมไม่สามารถที่จะรับรู้ความรู้สึกอย่างอื่นได้อีก  แม้แต่ความรู้สึกอายต่อสายตาของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา  นอกจากความเจ็บปวดกลางใจที่เกิดจากคนที่ผมรัก.......หรือที่จริงแล้วมันเกิดจากตัวผมเอง   ที่ดันไปรักเขาเอง
   ระหว่างผมกับตั้มคงไม่ทางกลายไปเป็นคนรักกันได้  ทุกอย่างผมคงต้องหยุดเอาไว้ตรงนี้  ความรู้สึกต่างๆผมคงต้องเก็บเอาไว้ในส่วนลึกของใจเก็บไว้ให้ลึกที่สุดและขังมันเอาไว้ตรงนั้น  อย่าให้มันได้ออกมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราอีกครั้ง  ต่อไปผมจะยอมเป็นฝ่ายเจ็บคนเดียว  ดีกว่าที่จะทำให้คนที่ผมรักพลอยเจ็บไปด้วย  
   แม้ต่อไปความสัมพันธ์ของเราสองคนจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร   ผมก็ต้องน้อมรับเอาไว้  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเกิดเพราะตัวผมเอง  ผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้  ถึงมันจะยากลำบากแค่หน  เจ็บปวดเพียงไร  อ้างว้างขนาดไหน  หรือจะต้องอยู่คนเดียวอย่างคนไร้หัวใจ  ผมก็ต้องรับมันให้ได้
   ผมเดินออกมาจากจุดนั้น  เดินออกมาอย่างคนใจสลาย  ระหว่างที่เดินออกมาผมก็เดินคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าต่อไปผมจะทำอย่างไร  เพื่อที่จะให้เรากลับมาพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจอีกครั้ง  แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก  เพราสมองผมตอนนี้เหมือนมันจะไม่พร้อมรับอไรอีกต่อปแล้ว

“น้องเอก  น้องเอก”   มีคนเรียกผมอีกฝากฝั่งของถนน  ผมจึงหันไปมองว่าเป็นใครก็เจอเข้ากับพี่ปิงและพี่เต้  ผมจึงเดินไปหาแต่จนแล้วจนรอดด้วยความเงอะๆงะๆของผม  ผมก็ไม่สามารถข้ามถนนไปได้  ขอยอมรับตรงนี้เลยก็แล้วกันว่า  ผมข้ามถนนคนเดียวไม่เป็นใจมันสั่งให้ข้ามไป  แต่ขามันก็ไม่ยอมข้ามเพราะโดนสมองข่มขู่เอาไว้ว่าเดี่ยวโดนรถชน
“ไม่ต้องข้ามมา  เดี่ยวพวกพี่ไปหา”  พี่ปิงตะโกนกลับมา  พี่ปิงคงจจำได้ว่าผมข้ามถนนไม่เป็น  เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ปิงกับผมเดินข้ามถนนแต่พี่ปิงสามารถเดินข้ามไปได้  ส่วนตัวผมยังอยู่อีกฟากของถนนเพราะไม่กล้าเดินออกมา   พอออกไปได้ครึ่งถนนก็ต้องวิ่งกลับไปเริ่มใหม่เพราะใจไม่กล้าพอ  
“น้องเอกจะไปไหนหรอครับ”  พี่ปิงถามผม  หลังจากไปกลับรถแล้วมาจอดอยู่ข้างผม
“ไปที่บ้านตั้มครับ”
“ไปทางนี้เนี๊ยนะ  อย่าบอกพี่นะว่าเราจำทางไม่ได้”
“ครับ.......”  ผมตอบออกไป  ถ้าเป็นอารมณ์ปกติผมคงอายมาก  แต่นี้ผมกับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียว
“นี้มันจะออกไปทางนอกเมืองแล้วนะครับน้องเอก  มาขึ้นรถเดียวพวกพี่ไปส่ง”
“เอ่อ.....แต่ว่า....”  ผมเกรงใจพี่เต้นะครับ  ผมไม่อยากให้พี่ทั้งสองคนต้องมาทเลาะกันเพราะผมอีกแล้ว
“ขึ้นมาเถอะครับ......นี้ก็ดึกมากแล้ว  ตัวคนเดียวมันอันตราย”  เมื่อพี่เต้ชวนผมก็เลยตกลงขึ้นรถปกับพี่ทั้งสองคน
   แต่ระหว่างทางผมก็ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้กับพี่ทั้งสองคนฟัง  เราจคุยกันเรื่องทั่วๆไป  ซึ่งผมก็ฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้าง  จึงตอบกลับไปบ้างไม่ตอบบ้างเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไป
“น้องเอกมีอะไรหรือเปล่า  พวกพี่พอจะช่วยได้ไหม”  พี่ปิงถามผม  หลังจากลงมาส่งผมเข้าบ้าน
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ปิง  ขอบคุณพี่มากนะครับที่มาส่ง  พี่กลับไปเหอะพี่เต้รอนานแล้ว”  ผมมองเข้าไปในรถก็พบว่าพี่เต้ก็มองมาที่เราสองคนอยู่ก่อนแล้ว
“โอเคครับ  มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ  เอาเป็นว่าพี่กลับก่อนแล้วกัน”
   ผมยืนส่งพี่ปิงกับพี่เต้อยู่หน้าบ้านจนรถเคลื่อนออกไปนั้นแหละครับผมจึงได้เข้าบ้าน  ผมกะว่าจะไปทักทายแม่ของตั้มก่อน  แต่ไฟในห้องท่านก็ปิดแล้วผมจึงไม่อยากไปปลุกท่าน  เกรงใจไม่อยากรบกวนตอนที่ท่านกำลังหลับอยู่  ผมจึงเดินเข้าไปในห้องก็เจอแต่ความว่างเปล่า  ตั้มไม่ได้อยู่ในห้องอย่างที่ผมคาดเอาไว้จริงๆด้วย  ผมล้มตัวลงนอนก่อนจะผล่อยหลับไป
   หลังจากหลับไปได้สักพักผมก็ตื่นขึ้นมากะว่าจะไปอาบน้ำแล้วกลับมานอน  แต่ตอนที่ผมลุกขึ้นนั่งนั้นผมเกือบหัวใจวายตายเอาให้ได้  ก็ตั้มมานั่งก้มหน้ากอดเข่าอยู่หน้าประตูห้อง  
   ผมคิดเอาไว้แล้วว่าเมื่อเจอหน้าตั้มผมจะพูดคุยกับตั้มอย่างปกติ   ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อดูเชิงตั้มก่อน   แต่เหตุผลจริงๆก็อย่างที่บอกนั้นแหละครับ  ผมไม่อย่างรื้อฟื้นเรื่องราวต่างๆเพื่อจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเรามากไปกว่านี้  ต่อไปตั้มอยากจะให้ผมอยู่ในส่วนไหนผมก็พร้อมที่จะรับเอาไว้  อย่างน้อยๆ  เราก็ยังมีกันและกันอยู่

“กลับมาแล้วหรอ”  ผมถามตั้ม  แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมา  ผมจึงคิดว่าตั้มคงจะโกรธผมอยู่
“.....................”   ตั้มยังคงก้มหน้าไม่พูดอะไรกับผม
“เห้ยเป็นอะไร  ทำไมไม่พูดกับเรา  ยังโกรธเราหรอ  เราขอโทษ”  ผมเดินตรงไปที่ตั้ม  และนั่งลงตรงหน้า
“หายไปไหนมา  เรามารอตั้งนาน  แล้วกินข้าวมายัง  หิวป่าว  เดี่ยวไปหารัยให้กิน  ป่านนี้กับข้าวคงหมดแล้ว  แต่ไม่เป็นไร  เดี่ยวเราทำให้กิน  นายไปอาบน้ำก่อนนะ  แล้วเดี่ยวค่อยตาม.......”  อยู่ดีๆตั้มก็โผล่เข้ากอดผม  พร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  
“กูขอโทษ  ฮึกๆ กู ฮึๆๆ กูขอโทษ”
“นายเป็นอะไร  นายขอโทษเราเรื่องอะไร…แล้วนายร้องทำไม  ใครทำอะไรนาย”  ผมยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ตั้มไม่เคยแสดงความอ่อนแอแบบนี้ออกมาให้ผมเห็นบ่ายนัก  ครั้งล่าสุดที่ผมจำด้ก็คือตอนที่ตั้มกับพี่บาสกลับไปเป็นพี่น้องกัน
“ทำไมมึงถึงยังดีกับกู  ทั้งๆที่กูพูดถึงขนาดนั้น  ทำไม”
“เพราะรักไง  ถึงนายจะด่า  จะว่าเราซักเท่าไหร่  แต่นายรู้ไหมเราไม่เคยโกรธนาย  ทั้งที่อยากจะโกรธ”  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมเองที่เป็นฝ่ายไม่อยากจะพูดหรือเอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา  แต่ในเมื่อตั้มเป็นฝ่ายถาม  ผมก็อยากที่จะให้ตั้มรู้ว่าตอนนี้ทั้งหมดในใจของผม   ผมคิดยังไง
“เอก.....” ตั้มเรียกชื่อผม  ก่อนจะประทับจูบมาที่ริมฝีปากของผม  ผมไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับการจูบครั้งนี้   แต่ส่วนลึกของใจนั้นมันบอกว่า  เราไม่ใช่ของเล่นนะ  ถึงอยากจะทำอะไรก็ทำ  อยากจะด่าก็ด่า  อยากจะกอดก็กอด  อยากจะจูบก็จูบ  ผมเป็นคนมีหัวใจเหมือนกัน  ไม่รักกันก็อย่ามาให้ความหวัง
“นายทำแบบนี้ทำไม  ถ้านายไม่รู้สึกอะไรกับเรา  ขอร้องอย่าทำแบบนี้อีก”  ผมพูดออกมาพร้อมกับสายน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตา
“ทำไมจะไม่รู้สึก”  ตั้มพูดพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาให้ผม   “รู้สึกมากด้วย”
“หมายความว่าไง” ผมว่าถ้าผมฟังไม่ผิด  หรือหูไม่เพี้ยน  ผมคงจะฝันไปกับคำพูดของตั้ม   ผมเข้าใจความหมายของประโยคนั้นดี  แต่ต้องการความแน่ใจ
“ความรู้สึกแบบนี้”  ตั้มพูดแล้วเอามือมาแตะที่หน้าอกผม “มันต้องใช้ส่วนนี้ถึงจะสื่อสารกันรู้เรื่อง”   ระหว่างผมกับตั้มตอนนี้ไม่รู้ว่าใครหน้าแดงกว่ากัน   ผมเองก็เขินที่โดนพูดแบบนี้  ส่วนตั้มเองก็คงไม่ต่างอะไรไปจากผม  เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ผมรู้จักตั้ม   ตั้มไม่เคยพูดอะไรแบบนี้หรือทำแบบนี้กับใคร
 “แปลว่า....”  ผมกำลังจะพูดว่า  แปลว่านายรักเรา  แต่ไม่ทันพูดก็โดนตั้มปิดปากเสียก่อน
“ตอนนี้กูยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่  แต่ก็จะทำให้มันดีที่สุด  เท่าที่กูจะทำได้”  ตั้มดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง  ผมเองก็กอดตอบตั้มกลับไป  วันนี้เป็นวันที่แสนเศร้าและก็ยังเป็นวันสุดแสนวิเศษของผมเช่นกัน  ผมจะจำวันนี้เอาไว้จนวันตายของผม  20 ม.ค.2545
   ผมขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจผมตลอดมา   ผมขอยุติจบเรื่องพี่เท่านี้นะครับ  เหตุผลจริงๆก็คือผมไม่ค่อยมีเวลาที่จะเขียนเรื่องสักเท่าไหร่   ผมเขียนเรื่องนี้ครั้งแรกในช่วงที่ผมกลับมาอยู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือน  ผมจึงตั้งใจเอาไว้ว่าใจเขียนเพียงเท่านี้และตอนนี้ก็บรรลุจุดประสงค์ของผมแล้ว  
   ขอบคุณทุกคำติชม  ทุกความรู้สึกที่มีให้มาตลอดจนผมสามารถเขียนเรื่องจนจบ   ต่อไปทุกคนที่อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ติดตามทางเรื่องโน้นนะครับ   ส่วนตัวผมเองจะไม่ขอเข้ามาในที่นี้อีกแล้ว(ถ้าไม่จำเป็น)  หลายคนอาจจะทราบว่าทำไม  แต่ก็อีกหลายคนเหมือนกันที่ยังไม่ทราบ   แต่ผมขออนุญาตไม่ขุดคุ้ยดีกว่าครับ  ต้องขอโทษด้วยจริงๆ  
   สุดท้ายนี้ผมจะเอาข่าวพระตั้มมาบอก  พระตั้มจะสึกในวันที่ 2 พศจิกายน  แต่เรื่องทั่วไปไม่มีอะไร  เพราะตั้งแต่ที่ผมกลับมาถึง  ผมก็เข้าไปที่วัดทุกวัน  แต่ถามอะไรหรือพูดอะไร  พระตั้มก็ไม่ยอมพูดกับผมสักคำเดียว  ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  ผมไม่กล้าถาม  ไม่อยากรบกวนท่านนะครับ   แต่ผมเองก็ยังช่วยงานท่านอยู่ทุกวัน  
   
                                                                                                      ผมจะเก็บความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นนี้เอาไว้ในใจเสมอ      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2009 16:19:58 โดย eak_Krub »

C2U

  • บุคคลทั่วไป
 :L2:  ขอบคุณค่ะ น้องเอก 


พระตั้มสึกวันที่ 2 ตุลาคม   ก็สึกแล้วรึเปล่าคะ 
รึน่าจะเป็นวันที่ 2 พฤศจิกายน


เป็นกำลังใจให้นะคะ   
พอรู้เรื่องบ้าง  แต่ก็ไม่ละเอียดอะไร  เรื่องอะไรที่ไม่ดี  ก็ไม่ต้องไปขุดคุ้ยก็ดีค่ะ

Gman

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ luvY

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
 :pig4:
+1ให้และขอบคุณน้องเอกนะคะ ทำให้รู้ถึงความรักอีกมุมของน้องเอก
และขอบคุณสำหรับข่าวพระตั้ม จะสึกวันที่ 2 พ.ย.นี้แล้ว

สำหรับเรื่องของทั้งสอง ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องอะไร
และเพื่อความสบายใจ ไม่ต้องขุดคุ้ยอะไรขึ้นมาก็ดีค่ะ

แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กับความรักของทั้งสองนะคะ  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2009 17:29:22 โดย luvY »

yayu

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณน้องเอกที่นำเรื่องราวความรักมาเล่าให้ฟังนะคะ  :L2:
ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เคารพในการตัดสินใจของเอก
แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เลยค่ะ
ขอให้มีความสุขมากๆนะ   :กอด1:

REDMOON

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณน้องเอก ที่มาเล่าเรื่องราวความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคน ขอบคุณ :L2:
ยังคงเป็นกำลังใจให้น้องเอก ขอให้ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้นะ  :L2:
 :bye2:

pay-it-forward

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณน้องเอกสำหรับเรื่องเล่านะคะ
ส่วนตัวไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับน้องเอกและพระตั้มนะคะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...ขอบคุณมากๆๆจ๊ะที่มาเล่าอีกมุมมองนึงของความรักของน้องเอก ที่มีต่อพระตั้ม
...ส่วนเรื่องพระตั้ม ไม่พูดกับน้องเอก เดี๋ยวรอให้ท่านสึกก่อนนะจะไปแซวที่กระทู้โน้น ตอนนี้ไม่กล้า
...ว่างๆๆก็เข้ามาเยี่ยมที่กระทู้โน้น บ้างนะ อย่าหายไปเลยละ คิดถึง  โชคดีนะจ๊ะ
:L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด