แด่ขุนเขา 1
"เอ้า มึงชน!!" เสียงทุ้มของหนุ่มผิวเข้มหน้าคมดังก้องแข่งกับดนตรีในร้านที่ดังกระหึ่ม แขนกำยำยกแก้วขึ้นสูง ชวนเพื่อนทั้งสองให้ร่วมชนด้วยกันอย่างสนุกสนาน
"ชนนนนน!" หนุ่มตี๋หน้ามนรีบยกแก้วขึ้นชนทันที รอยยิ้มกว้างฉายเต็มใบหน้า ใบหน้าขาวใสเปล่งประกายด้วยความร่าเริง
"ชนเว้ยยย!" เสียงสุดท้ายจากหนุ่มสูงโปร่งที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว เสียงหัวเราะสดใสกระจายไปทั่วพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มที่ชนกันดัง "กริ๊ง" สะท้อนความคึกคะนองและความสุขในค่ำคืนนี้ สามหนุ่มหล่อสามสไตล์กอดคอกันแน่น โยกหัวตามจังหวะเพลงอย่างเมามันส์ สายตาของพวกเขาดูมีชีวิตชีวา ดวงตาเปล่งประกายด้วยความสนุกสนานอย่างเต็มที่
แต่ท่ามกลางความสนุกนั้น ใครบางคนก็สังเกตเห็นว่า หนุ่มผิวเข้มที่เคยยิ้มกว้างเริ่มดื่มมากเกินไป
"ขุนเขา! พอก่อนได้ไหม?" เสียงของนาวา ร่างบางหน้าหวานดังขึ้น ก่อนที่เขาจะรีบพุ่งเข้าไปจับหนุ่มผิวเข้มให้ถอยห่างจากแก้วที่ถือไว้ มือเรียวจับแขนของเพื่อนไว้แน่น
ขุนเขาหันมามองนาวา ดวงตาคมที่เคยดูแข็งแกร่งมีแววหม่นหมอง จนดูเหมือนคนละคนกับเมื่อครู่ เขาเอ่ยเสียงสั่นด้วยความเสียใจที่ล้นอก "วา... ทำไมวะ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับกูด้วย?" มือหนาของขุนเขากุมไหล่ของนาวาไว้แน่นราวกับหาที่พึ่ง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสับสนที่ไม่อาจเข้าใจ
นาวามองหน้าเพื่อนด้วยสายตาอ่อนโยน อดสงสารไม่ได้กับสภาพที่เห็นตรงหน้า เขาจับแก้มของขุนเขาเบา ๆ เพื่อให้เพื่อนสงบลง “ขุน... พอแล้วนะ มึงเมามากแล้ว” น้ำเสียงของนาวาอ่อนโยนเหมือนกำลังปลอบเด็กน้อย แววตาเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย
“ฮึก... กูผิดตรงไหนวะ” ขุนเขาพูดเสียงเครือ ฟุบหน้าลงบนไหล่ของนาวา ร่างสูงสะอื้นแรงจนทำให้ไหล่ของนาวารู้สึกได้ถึงความสั่นไหว หยดน้ำตาที่ไหลลงมาทำเอาเสื้อสีฟ้าของนาวาเปียกชุ่ม
“มึงไม่ผิดหรอกขุน มึงไม่ผิด” นาวาพยายามปลอบประโลม ลูบหัวขุนเขาเบา ๆ น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงความจริงใจและความห่วงใยที่มีให้เพื่อน
แต่คำปลอบของนาวาก็ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ ขุนเขาเงยหน้าขึ้นมามองนาวา ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบาย “แล้วทำไมวะ... ทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกที” ขุนเขาสะอื้นจนเสียงสั่น มือหนากำเสื้อนาวาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าจะสูญเสียที่ยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวนี้ไป
“เห้ย ไอวา! พาไอขุนกลับก่อนเหอะ กูว่ามันไม่ไหวแล้ว” องศา หนุ่มตี๋หน้ามนหันมามองอย่างเห็นใจ เขารู้ดีว่าคำปลอบใจของนาวาอาจไม่พอในคืนนี้
นาวาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะตะโกนกลับ “เออๆ กูฝากไอเตด้วยนะศา!” สายตาหันไปมอง "ตั้งเต" เพื่อนสูงโปร่งที่ยังเต้นอยู่กลางฟลอร์ เต้นพลิ้วไหวไม่สนใจโลก บางจังหวะแทบจะเสียหลักล้มเพราะความเมาแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มร่าเริง
"เออ! รู้แล้ว เดี๋ยวรับมือเอง... เจอกันนะมึง!" องศาร้องตอบพลางรีบวิ่งไปดูแลตั้งเตที่เหมือนจะร่วงได้ทุกเมื่อ
นาวาหันกลับมามองขุนเขาอีกครั้ง ร่างสูงที่เกาะไหล่เขาไว้เริ่มโอนเอนจนดูเหมือนจะไม่ไหว “ไหวไหม ขุน?” นาวาถามเสียงนุ่มด้วยความห่วงใย ใจหนึ่งก็สงสารแต่อีกใจก็รู้สึกเหนื่อยล้าที่ต้องรับมือกับอารมณ์ของเพื่อนทุกครั้งที่อกหักแบบนี้
“อึก... หว่ายย แค่เน๊เอ๊งงง” ขุนเขาพูดเสียงอ้อแอ้ ตอบกลับมาอย่างคนเมามาก นาวามองเพื่อนที่ยืนไม่ตรงอย่างหมดคำพูด ต้องถอนหายใจส่ายหัวเบา ๆ แต่ก็ยังไม่ละมือจากเพื่อนตัวโต
"โอเค ไหวก็ไหว” นาวาพูดเหมือนปลอบใจตัวเอง พลางจับขุนเขาพยุงขึ้น ยกมือโอบเอวเพื่อนแน่น เพื่อจะพาเดินออกไปจากร้าน แม้ว่าการแบกร่างสูงใหญ่ของขุนเขาจะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส แต่เขาก็ยอมทำอย่างเต็มใจ
‘ขุนเขา... อกหักทีไร ต้องให้เราลำบากทุกที’ นาวาคิดในใจด้วยความอ่อนล้า ร่างกายเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยเพราะต้องพยุงเพื่อนตัวโตที่หนักอึ้งไปตามทาง แต่ในใจลึก ๆ ก็อดห่วงขุนเขาไม่ได้ แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เพื่อนกลับบ้านอย่างปลอดภัย
กว่าจะพาร่างสูงกลับมาถึงคอนโดได้ ก็ทำเอานาวาแทบจะหมดแรง เขาอ่อนล้าทั้งจากการพยุงและทั้งจากการที่ต้องนั่งลุ้นตลอดทางในรถแท็กซี่ ขุนเขาที่เมาได้ที่ไม่ร้องไห้ก็ตะโกนร้องเพลง ไม่ร้องเพลงก็ทำท่าจะอาเจียน จนลุงแท็กซี่หลายครั้งทำท่าจะไล่ลง นาวาได้แต่ก้มหน้าก้มตาขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยกมือไหว้ลุงแท็กซี่ไปนับไม่ถ้วน
"แฮ่ก… หนัก!" เขาโอดเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ โยนร่างของขุนเขาลงบนเตียงอย่างทุลักทุเล จากนั้นตัวเองก็ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นห้องหายใจหอบถี่ รู้สึกเหมือนจะหมดแรงเสียเดี๋ยวนั้น นาวาถอนหายใจยาว เหลือบมองเพื่อนที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงด้วยความเหนื่อยใจ
“การเป็นนาวานี่ต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ” นาวาคิดในใจ ถอนหายใจอย่างล้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปสำรวจสภาพเพื่อนใกล้ ๆ ดวงตาหยุดมองใบหน้าหล่อเหลาที่แม้ยามเมาก็ยังดูมีเสน่ห์
"หน้าก็หล่อ…" นาวาพึมพำเบา ๆ มือเผลอยกขึ้นจิ้มแก้มอีกฝ่ายอย่างหมันเขี้ยว “เวลาหมดสภาพแบบนี้แล้วก็ยังหล่ออยู่ดี” เขาหัวเราะเบา ๆ แต่ใจหนึ่งก็อดเอ็นดูเพื่อนไม่ได้ สายตาค่อย ๆ ไล่มองไปตามโครงหน้าคมสัน คิ้วเข้มเรียงตัวสวย ดวงตาที่แม้จะหลับพริ้มก็ยังคงดูดี จมูกโด่งรับกับใบหน้า และริมฝีปากเรียวที่มักจะฉายรอยยิ้มอ่อนโยน…
"เขาทิ้งขุนได้ยังไงนะ" นาวาพึมพำเสียงแผ่ว เผลอไล้นิ้วไปตามริมฝีปากเรียวคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว ความอ่อนโยนในแววตาของเขาชัดเจนขึ้น เมื่อมองใบหน้าของขุนเขาในระยะใกล้ ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ถูกเผยออกมาเพียงชั่วครู่
แต่อยู่ ๆ เสียงครางเบา ๆ ของขุนเขาก็ดังขึ้น “อือ…” ทำเอานาวาสะดุ้ง เขาชักมือกลับอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก ดวงตากลมมองเพื่อนอย่างตกใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนยืดตัวตรงทันที
"ชิบหายละ นาวา ตั้งสติ!" เขาพึมพำกับตัวเอง ยกมือขึ้นตบหน้าเบา ๆ เรียกสติกลับมา มองดูเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่แล้วก็กรีดร้องในใจ
‘เมื้อกี้ถ้าขุนเขาไม่ส่งเสียงขึ้นมา เราคงจะเผลอจูบเขาไปแล้วแน่ ๆ !’ นาวาหายใจลึก รู้สึกทั้งอับอายและเสียใจที่เผลอคิดเลยเถิดไปไกล แม้ว่าในใจลึก ๆ จะรู้ตัวดีว่าเขาชอบขุนเขามากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ควรฉวยโอกาสกับเพื่อนในสภาพที่เมามายไร้สติแบบนี้
"ฮือ…" นาวายืนหอบ ใบหน้าร้อนระอุ ก้มลงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างกลั้นไม่อยู่ ความเขินอายปะปนกับความเสียใจที่ถาโถมเข้ามา ความรู้สึกที่เขาเฝ้าซ่อนไว้มานาน บัดนี้กลับแผ่ซ่านอยู่ในใจชัดเจนขึ้น ความคิดแผ่วเบาดังขึ้นในใจว่า ‘การแอบรักเพื่อนสนิทมันทรมานแบบนี้เองสินะ…’
นาวากัดริมฝีปาก พยายามสะกดกลั้นเสียงหัวใจที่เต้นแรง คำปลอบใจของเขาเองเริ่มไม่สามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกที่พุ่งสูงขึ้นทุกครั้งที่ได้มองใบหน้าของขุนเขาอย่างใกล้ชิด ความลับที่เขาซ่อนไว้ในอกเริ่มหนักหนาขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมา แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าไม่มีทางที่ขุนเขาจะหันกลับมามองเขาในแบบที่เขาอยากให้เป็น
พึ่งเคยมาแต่งที่นี่เป็นครั้งแรก ฝากเรื่องแรกด้วยนะครับบ