LOVE OF THE LETTER (ฝากหัวใจไว้ในตัวอักษร)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOVE OF THE LETTER (ฝากหัวใจไว้ในตัวอักษร)  (อ่าน 1367 ครั้ง)

ออฟไลน์ mumii009

  • [url=https://www.microhash.net/?tag=89198][img]https://www.microhash.net/assets/images/banner/b2.gif[/img][/url]
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ mumii009

  • [url=https://www.microhash.net/?tag=89198][img]https://www.microhash.net/assets/images/banner/b2.gif[/img][/url]
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
ขออนุญาต ฝากเรื่องที่เหมือนจะสั้นเอาไว้ในอ้อมอก อ้อมใจค่ะ


LOVE OF THE LETTER (ฝากหัวใจไว้ในตัวอักษร)

ตอนที่ 1


ผมชื่อวิกรมครับ ชื่อเล่นก็วิกรม ชื่อจริงก็วิกรม อรรถภิรมย์

อายุยี่สิบเจ็ดปีครับ ผมเป็นลูกชายคนโตทำงานเลี้ยงพ่อแม่และส่งเสียน้องชายเรียนมหาลัยด้วยอาชีพช่างถ่ายภาพครับ รับงานอิสระทั่วไปครับ อาชีพเสริมที่รายได้ต่อเนื่องกว่าอาชีพหลักคือนักเขียนครับ

ผมเป็นนักเขียนนิยายโรแมนติกที่ถูกซื้อไปทำละครหลายเรื่องแล้ว

ตอนนี้ไม่ถือว่ารวยมากครับแค่สามารถทำเรื่องที่อยากทำได้ และมีเงินเก็บให้น้องเรียนถึงปริญญาเอกตามที่มันขอได้แล้วด้วย ส่วนพ่อกับแม่ผมทำสวนทำไร่เล็กๆ ที่แม่ฮ่องสอนครับ



ผมเดินออกมาที่ตู้จดหมายกล่องสีแดงๆ ที่ซีดไปตามกาลเวลา กล่องแดงที่ตากลมตากฝนมาหลายปีแต่ผมก็ไม่ได้ฤกษ์เปลี่ยนมันสักที

ในตู้มีจดหมายเสียบอยู่ ผมดีใจที่ได้เห็นมัน



จดหมายจากใครบางคนที่ส่งผิดมาตลอดสองปี

"อานัส ทรงกระแส" คนที่ผมไม่เคยเห็นหน้าเลยแม้สักครั้ง

จดหมายจากกระบี่ ส่งมาที่บ้านนี้เพราะคิดว่าแฟนเขายังอยู่ที่นี่

จากการสืบความจากเจ้าของบ้านเดิมซึ่งคือญาติของเพื่อนผมเองนั้น

พบว่าคนที่เคยเช่าบ้านหนังนี้อยู่เป็นสาวใต้หน้าตาสวยตอนนี้แต่งงานไปกับชาวอังกฤษแล้วผมเลยซื้อบ้านหลังนี้ต่อ



คือปกติคนทั่วไปจะถามว่าทำไมถึงซื้อบ้านมือสองไม่กลัวนั่นนี่เหรอ

ผมจะบรรยายให้ฟังว่าบ้านหนังนี้เป็นยังไง

หลับตาลงนะครับแล้วนึกภาพตาม

บ้านหลังสีอิฐ

ชั้นหนึ่งก่อนด้วยอิฐทรงธรรมดา ออกแนวคันทรี่นิดๆ ชั้นสองทำด้วยไม้สัก ไม่ต้องตกใจครับ ไม้สักแต่ทำบ้านคล้ายสไตล์บ้านชาวชนบท ชั้นสองมีสองห้องนอน หนึ่งห้องทำงาน หน้าน้ำในตัวทุกห้อง

ชั้นล่างเป็นห้องครัวด้านหลังยื่นออกไป เป็นครัวแบบเปิด แล้วก็มีห้องรับแขกที่แดดจะส่องถึงทุกเช้าเพราะ มีเรือนเพาะกล้วยไม้ที่ด้านหลังด้วย ตอนนี้ผมเอามาปลูกกระบองเพชรเรียบร้อย

สวนเล็กๆ พอจะปลูกต้นไม้อีกต่างหาก แต่แม่ผมเอาดอกกุหลาบมาปลูกไว้เป็นแถวเลย

ตอนนี้ผมก็เลยจ้างแม่บ้านมาทุกวันอังคารแล้วก็คนสวนมาสัปดาห์เว้นสัปดาห์



บ้านหลังนี้ปลูกอยู่ในซอยสุขุมวิทครับ กลางเมือง ปั่นจักรายานไปไม่ไกลก็เจอห้างมีรถไฟฟ้าด้วย เหมาะกับช่วงที่ผมต้องเข้าบริษัทเพื่อทำงาน



เงินเก็บของผมทั้งหมดที่เหลือคือบ้านหลังนี้แหละครับ

ส่วนเงินที่ใช้ทุกวันนี้ก็เอาไปทุนกับเพื่อนทำร้านอาหารที่หัวหิน

ส่วนที่เหลือก็เอาไปลงหุ้น

แต่ผมยังต้องทำงานนะครับ



อ่อ

เรากลับมาที่จดหมายดีกว่า

ตอนแรกผมก็ตีกลับไปเป็นสิบฉบับเลยครับ

จนมาวันนึงหน้าซองมันเขียนประโยคที่ว่า

"ถึงคุณที่อยู่บ้านหลังนั้นอ่านแล้วตอบกลับผมด้วย"



พอเปิดอ่านก็เจอใจความประมาณว่า

"จดหมายผมถูกตีกลับมาเป็นสิบฉบับ คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่หยุดเขียนมา

มีเหตุผลสามข้อที่ผมยังพยายามติดต่อแฟนของผม

ข้อแรก เธอไม่ได้บอกเลิกผม

ข้อสอง ผมอยากรู้ว่าเธอยังอยู่ถึงแม้ว่าจะอยากหายไปจากชีวิตผมแล้ว

ข้อสาม ผมรักเธอและเธอละยังรักผมรึเปล่า



ดังนั้นถ้าคุณอ่านจดหมายฉบับนี้แล้วโปรดบอกเธอด้วยครับ



อานัส ทรงกระแส"



ครับผมอ่านแล้วขำในความซื่อบื้อของเจ้าของลายมือยึกยือนี้

ผมอ่านวนไปมาเพื่อวิเคราะห์ว่าเจ้าของลายมือนี้ที่ชื่อ คุณอานัส ทรงกระแสเป็นคนประมาณไหน

ผมก็วิเคราะห์ออกมาได้ดังนี้ครับ

1. น่าจะเรียนไม่สูง หรือไม่ก็เรียนสูงมากจนเขียนหวัด

2. เป็นคนโลว์เทคครับ ซึ่งอันนี้ทำให้ผมกลับไปมองที่อยู่ของผู้ส่ง น่าจะอยู่หมู่บ้านห่างไกลและกันดารถึงได้ใช้การเขียนจดหมายแทนการโทรหา หรือส่งไลน์ ข้อความอีเมล์ อันเทือกๆ นั้น

3. เป็นคนโง่ครับ เพราะผมตีกลับจดหมายไปเป็นร้อย ผมว่าน่าจะถึงร้อยแหละ เพราะตลอดเวลาหกเดือนมันเขียนมาทุกวัน บางวันก็สองฉบับ คนบ้าแน่นอน

4. รักเดียวใจเดียวเกินไป

อย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะเป็นคนรักเดียวใจเดียวและถือมั่นเกินไป



ผมส่ายหน้ากับกระดาษสีฟ้าอ่อนนั้น แอบเผลอดมด้วย ตลก มีคนแบบนี้อยู่จริงๆ แฮะ เหมือนหลุดมาจากยุคพ่อกับแม่ผมที่เขียนจดหมายจีบกันยังไงไม่รู้

"ถึงคุณอานัส ทรงกระแส

ผมชื่อวิกรมเป็นเจ้าบ้านที่คุณจ่าหน้าซองจดหมายมาเป็นเวลา หกเดือน เนื่องจากคุณส่งจดหมายมากเยอะ (มาก) และผมก็ตีกลับไป ผมสอบถามจากเจ้าของบ้านเดิมแล้วว่า คนที่เป็นแฟนคุณ ชื่อคุณเดือนได้แต่งงานไปกับมิสเตอร์เดวิด ชาวอังกฤษแล้ว ยังไงก็ตัดใจนะครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะลองโทรติดต่อญาติของเธอดู

แต่ผมแนะนำว่าคุณหาสาวแต่งงานไปเถอะครับล่าสุดคุณเดือนท้องสามเดือนแล้ว



ปล.ด้วยความสัตย์จริงลายมือคุณอ่านยากครับ"



จากนั้นสามเดือนมีจดหมายจากคุณอานัส ทรงกระแสมาอีก คราวนี้จ่าหน้าถึงผมและคงความลายมืออ่านยากอยู่ดี

"สวัสดีคุณวิกรม

ผมลองติดต่อญาติของเดือนแล้ว เธอไม่อยากพบผม และผมก็ได้คุณกับเธอจริงๆ จังๆแล้วด้วยการสไกป์"

อ่านถึงตรงนี้คนคนนี้ไม่ใช่คนโลว์เทคเลยนะครับ

"ผมกับเธอและเราก็บอกเลิกกันครับ แต่มันก็เลิกกันโดยที่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดกันครับ อย่างน้อยที่สุดผมก็ไม่ได้เกลียดเดือน แถมเธออวดภาพอัลตร้าซาวด์ลูกของเธอมาด้วย

ขอบคุณที่คุณอุตส่าอ่านจดหมายของผมนะครับ



ผมส่งรูปทะเลที่บ้านผมมาด้วยหวังว่าคุณจะชอบ

อานัส"



แปลกๆ นะ แต่เชื่อเถอะเขาน่าจะเป็นที่ชอบเขียนจดหมายเอามากๆ และผมก็ดันได้แรงบันดาลใจหลายๆ อย่างจากการอ่านจดหมายเล่าเรื่องสารทุกข์สุกดิบของเขา

ช่วงเวลาสองปีผมเป็นเพื่อนกับเขาทางจดหมาย นอกจากระยะเวลาที่ผมจมกับการเขียนนิยายเพื่อขายประทังชีวิต และไปๆ กลับๆ กรุงเทพหัวหินผมก็อ่านๆ จดหมายของเขา

กระบี่นี่ทะเลสวยจนบางทีผมอยากจะเยือน ถึงแม้ว่าจะไปทะเลภูเก็ตมาแล้วแต่ ภาพหาดเงียบๆ ทรายสีขาวดึงดูดผมเอามากๆ และแน่นอน ผมวางแผนจะไป แต่งานยังเข้าอย่างต่อเนื่องผมแทบปลีกตัวไม่ได้



"ผมเคยชอบยุโรปมากกว่าเอเชีย และเคยชอบภูเขามากกว่าทะเล"

ผมส่งโปสต์การ์ด,โพสต์การ์ดไปตามที่อยู่ที่ผมจำได้แม่นรองจากที่อยู่ของแม่ที่แม่ฮ่องสอน



บางทีการสื่อสารกันแบบนี้มันดีเหมือนกันนะ มันดูมีความหมายดี

แล้วผมกับคุณอานัสก็ไม่เคยส่งรูปหรือแลกเบอร์โทรศัพท์กันสักครั้ง



ช่วงเวลาสองปีมานี่ผมรู้จักเขาแค่ว่า ชื่ออานัส เป็นคนกระบี่ อายุ32



วันนี้ผมก็ทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟาแล้วก็เปิดซองจดหมายอ่านเหมือนทุกครั้ง

"สวัสดีครับคุณวิกรม



อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้รับมอบหมายให้เข้าฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาตัวเองเพื่อชีวิต ซึ่งจะต้องไปที่กรุงเทพฯ ครับ ผมจะต้องไปในวันอังคารนี้และจะกลับกระบี่ในวันอาทิตย์ครับ ผมอยู่ที่โรงแรม ....เผื่อว่าคุณจะอยากเจอผม"

ผมหันไปมองปฏิทินโดยอัตโนมัติ

ผมไปหัวหินมาตั้งแต่วันพฤหัส วันนี้วันเสาร์ พรุ่งนี้วันอาทิตย์แล้วนี่หว่า

ในซองมีอะไรบางอยู่างค้างอยู่ที่ก้นซองผมเลยเขย่าออกมาดู

อะไรบ้างอย่างที่หลุดออกจากซองนั้นตกลงไปซอกโซฟาและผมไม่สามารถหยิบได้

โอ๊ย...ผมรู้สึเหมือนตัวเองร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก

ทำไมต้องตื่นเต้นกับอะไรแบบนี้วะ

"ถ้าคุณไม่ติดธุระอะไรเรามาเจอกันเถอะครับ ผมจะเลี้ยงกาแฟคุณเป็นการยินดีที่ผมได้พบเพื่อนทางตัวอักษรของผม"



สวัสดีครับผมชื่ออานัสครับ

ผมนั่งมองผู้คนที่เดินไปมาผ่านกระจกร้านคอฟฟี่ช็อปของโรงแรม

ผมบอกตัวเองว่าเขาอาจจะไม่มาแต่ผมก็อดคาดหวังไม่ได้เหมือนกัน

ผมนัดเพื่อนทางตัวอักษรของผมเอาไว้

เมื่อสองปีก่อนจากการส่งจดหมายหาแฟนเก่าผมได้เพื่อนจากการติดต่อกันทางจดหมาย

เขาชื่อวิกรมเป็นพนักงานของสำนักพิมพ์แห่งนึงครับ

เขามักจะส่งรูปถ่ายของตึกรามบ้านช่องมาหลังจากที่ผมส่งรูปทะเลไป

ผมที่ไม่รู้ว่าหน้าตาเขาจะเป็นยังไง

และเขาจะมาหาผมหรือเปล่านั้น

ผมดันคาดหวังไปเต็มที่เลยครับ



คนที่สอนผมที่ทำใจเรื่องเลิกกับแฟนคือคุณวิกรมนี่แหละครับ

"ยังไงก็หาคนที่ทำให้รู้สึกว่าชอบตัวเองเวลาอยู่ด้วยให้เจอนะครับ"

มันทำให้ผมรู้สึกว่าเขาต้องเป็นคนที่อบอุ่นมากแน่นอน

การเขียนเล่าว่ามีแมวข้างบ้านหลบมาคลอดลูกในสวนหลังบ้าน

การเล่าให้ฟังแถมส่งรูปถ่ายต้นกระบองเพชรที่เริ่มออกดอกมาอวด

ผมมองว่าเขาเป็นคนใส่ใจรายละเอียด

เราคุยกันหลายๆ เรื่องหลายๆ อย่างเลย

ผมเลยได้รู้จักอะไรใหม่ๆ ด้วย

อะไรที่ผมรู้สึกว่ามันน่าลองอย่างเช่นการกินมะเขือเทศสดกับซอสมะเขือเทศ ซึ่งผมว่ามันไม่น่าจะมีใครกินได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น

คุณวิกรมบอกว่าเขากินมะเขือเทศแบบนั้นได้เป็นกิโลเลย

พอนึกถึงเรื่องที่เขาเล่ามาทางจดหมายผมก็อยากเห็นหน้าเขาเอามากๆ เลย



"หมอนัส" ผมหันไปเจอพี่หมออิง

"นั่งอยู่คนเดียวตั้งนานละ ทำไมไม่ไปตะเวนราตรีอย่างพวกหมอเสริมหมอก้าวละ"

"ผมนัดเพื่อนไว้ครับ"

"วันก่อนก็บอกนัดเพื่อนไว้แล้วไม่เห็นเพื่อนหมอจะมาเลย"

"อ่อ" ผมเกาหัวเขินๆ อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะมา ผมเลยนั่งรอเขาทุกวันเลยครับ

"เขาติดงานน่ะครับ"

"หมอ...พี่ถามจริงๆ หมอรอแฟนอยู่เหรอ”

"เพื่อนครับ" เพื่อนจริงๆ ครับ ผมชอบผู้หญิงครับ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมองผู้ชายเลยครับ

"หมอ ตอนที่เดือนทิ้งไปทำไมหมอทำใจง่ายจัง" อื้มมมมมม

"ไม่รู้เหมือนกันสิครับ"

"อื้ม....หมอมีคนดามใจแล้วชัวร์" พี่หมออิงตบเข่าตัวเอง

"อ่า...ใช่ที่ไหนละครับ" ผมหัวเราะแล้ว และเหลือบมองไปที่ถนน

สัญญาณไฟสีแดงให้รถหยุดและสีเขียวแสดงให้คนเดินข้าวมา เหมือนผมสะดุดตากับคนที่ใส่กางเกงวอร์มกับเสื้อยืดสีเทาเดินข้ามถนนมารีบๆ ไหล่ขวาสะพายเป้ใบไม่เล็กไม่ใหญ่

ผมยาวระคอ เดินตรงมาที่ทางเข้าโรงแรม ผมเหลือบมองเพราะละสายตาไม่ได้ แต่ก็ยอมรับกับตัวเองว่าผิวขาวจัดของเขาดูเหมือนผู้หญิง

"หมอ...พรุ่งนี้กลับแล้วหมอจะแวะไปซื้อของกับพี่มั๊ย" พี่หมออิงชวนอีกครั้ง

"...." ผมส่ายหน้าอีกครั้ง

"เอออออออออ งั้นพี่ไปละ" ผมมองร่างสมส่วนของพี่หมออิงเดินจากไป

"คุณหมออานัสคะ พอดีมีคนมาติดต่อคุณหมอ ชื่อคุณวิกรม"



ผมเดินมาถึงหน้าฟร้อน เจ้าหน้าที่ผายมือให้ผมพบกับคนคนนึงที่นั่งก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ การแต่งตัวของเขาคือคนที่ผมเห็นเมื่อสักครู่

"สวัสดีครับคุณวิกรม" เขาเงยหน้าแทบจะทันที

"อ่า สวัสดีคุณอานัส" ผมกลั้นลมหายใจตัวเอง

เขาดูต่างจากที่ผมคิดเอาไว้

เพราะผมคิดว่าผู้ชายที่ชอบปลูกต้นไม้คนนั้นจะตัวหนาและผิวเข้มกว่านี้

คุณวิกรมผอมกว่าที่คิดและสูงแค่ปลายจมูกเท่านั้นเอง

"ผมสูงร้อยเจ็ดสิบห้า คุณอาจจะมองว่าเตี้ยแต่อย่าแสดงออกชัดขนาดนี้เลยครับ" ผมอยากจะหัวเราะออกมาแต่เกรงว่าจะทำลายความสัมพันธ์ทางจดหมายสองปีของเรา

"ผม...ไม่ได้คิดว่าคุณเตี้ยครับ แต่คุณตัวเล็กกว่าที่คิด"

"ผมคิดว่านั่นไม่ใช่คำชมครับ" โผงผางเอาเรื่อง

"อื้ม...ก่อนที่คุณรู้สึกเกลียดขี้หน้าผม เราไปดื่มกาแฟด้วยกันทางโน้นดีมั๊ยครับ"

"ผมมีร้านดีๆ จะแนะนำถ้าคุณชอบกาแฟ แต่ตอนนี้หกโมงเย็นแล้วผมว่าเราควรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น"

"ดื่มเหล้าเหรอครับ" ผมไม่เคยมองนาฬิกาเวลาดื่มกาแฟ อันที่จริงผมดื่มกาแฟไม่เลือกเวลาต่างหาก

"เปล่าครับ ถ้าคุณจำได้ ผมเคยพูดถึงร้านอาหารดีๆ ที่ผมชอบไป ถ้าไม่รังเกียจเอาไว้คราวหน้าผมจะให้คุณเลี้ยงกาแฟ แต่คราวนี้ขอเลี้ยงอาหารเย็นคุณอานัสแล้วกัน"





ผมขึ้นเครื่องจากกรุงเทพ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ

อดนึกถึงบทสนทนากับคนที่ผมคิดว่าชาตินี้เราอาจจะไม่ได้เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ

“เป็นหมอนี่ครับ” ผมพยักหน้า

“ตอนนี้กำลังเป็นครูด้วยครับ”

“เริ่มต้องสอนแล้วเหรอครับ”

“ครับ” ผมลอบมองปากเล็กที่ออกจะห้อยนั้นงับอาหารเข้าปาก

“ทานเยอะๆ เลยครับ” ผมยิ้มตอบแล้วตักอาหารเข้าปาก

“ผมเป็นหมอกระดูก อายุสามสิบสองและกำลังจะเต็มสามสิบสามในเดือนหน้า” เมื่อถูกมองเหมือนเด็กกำลังสงสัย

“จริงดิ่ครับ ผม...” คนตรงหน้าผมตาดุครับ ตาชี้ๆ เหมือนจีนแถมผิวขาวเกินคนภาคกลางไปเยอะเลย

“อ่อ...ผมเป็นเหนือ พ่อแม่เป็นคนเหนือ แต่โตที่กรุงเทพ ผมอายุ...ยี่สิบแปดครับ” คราวนี้ผมเผลอเงยหน้าขึ้นมองเขา

“คือผมอยากจะบอกอายุคุณแหละแต่พอคุณบอกอายุมาตอนนั้นผมก็คิดว่าถ้าไม่บอกเราจะสามารถคุยกันได้เยอะกว่าแล้วคุณจะไม่มองว่าผมเด็ก ยังไงก็ขอโทษครับ”

“ไม่ขอโทษสิครับ ผมเองก็ไม่เคยถาม แต่พอมาเจอกันแบบนี้ผมนึกว่าเด็กมหาลัยซะอีก”

“ผมโตแล้วครับ” พอได้ยินประโยคนี้ผมอยากจะเถียงว่าเด็กมากเลยครับ

“เราคุยกันหลายเรื่องเลยครับทั้งเรื่องอาชีพ ครอบครัวบ้างนิดหน่อย เจ้าตัวอวดรูปแมวที่แอบไปคลอดลูกให้ดูด้วย แถมบ่นว่าลูกแมวสองตัวซนมาก

“คิดว่าจะไม่เลี้ยงแต่มันชอบแอบเข้ามาในสวนตลอดเลยครับ แถมบางทีก็แอบเข้ามาในบ้าน”

“เลี้ยงเลยสิครับเดี๋ยวผมส่งอาหารมาให้"

“ลำบากเปล่าๆ ครับ ผมเองก็ดูแลไหว เพียงแต่ป่วนจนบางทีผมปวดหัว”

“เอ่อ...ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าเราจะกลายเป็นเพื่อนกันทางจดหมาย”

“ครับ เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ เพราะผมก็ไม่เคยคุยกับใครทางจดหมายแบบนี้นอกจากเดือนกับคุณวิกรม”

“อ่า...ขอเสียมารยาทครับ”

“ครับผม” เขาเม้มปากแล้วค่อยๆ ถามผมแบบเกรงใจกึ่งอยากรู้ดูตลกดีครับ

“ทำใจได้แล้วจริงๆ เหรอครับ”

“ก็ทำใจได้แล้วครับ ไม่ได้นึกถึงเดือนในแง่นั้นแล้วครับ”

“ก็ดีแล้วครับ”

“วันก่อนเพิ่งไลน์คุยกันครับ นี่แอล ลูกสาวเดือนครับ” ผมส่งโทรศัพท์ให้เขาดู

“น่ารักนะเนี่ย”

“ใช่แล้ว” ตาชี้ๆ นั้นเบิกกว้าง แสดงออกชัดเจน

ตั้งแต่ผมกับเขาเจอกันผมก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้านี่เป็นพวกไม่เก็บอารมณ์



“เอาไว้คราวหน้าถ้าเจอกันผมเลี้ยงกาแฟแล้วก็อาหารมื้อใหญ่นะ”

“ถ้าได้เจอกันอีกนะครับ” คุณวิกรมในชุดที่เพิ่งไปฟิตเนส (เผลอเล่าออกมา) รับคำ

ใจผมอยากจะขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อจะได้ติดต่อกัน

“ถึงกระบี่แล้วอย่าลืมส่งจดหมายมาอีกนะครับ”

“คุณวิกรม” ผมยกโทรศัพท์มากดถ่ายภาพเขาเอาไว้

“จะถ่ายรูปเหรอครับมาสิผมติดกล้องมาด้วย”

การถ่ายรูปด้วยกันครั้งแรก การเจอกันครั้งแรกทำให้ผมรู้สึกดี

“แล้วผมจะส่งไปกับจดหมายนะครับ”



////

สวัสดีค่ะทุกท่าน

เราเขียนเรื่องนี้โดยมีแรงบันดาลใจมาจากวิชาการเขียนจดหมายสมัยประถม

ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างจะเบาๆ

เราชอบความจะไปก็ไปไม่ถึงของสองคนในเรื่องนี้มากๆค่ะ

โดยถ้ามีตอนต่อๆไป ก็จะให้จบแบบค้างเอาไว้เรื่อยๆแบบนี้

เผื่อว่าคนอ่านจะคิดแนวของเรื่องในแบบของตัวเองด้วย



ยังไงก็ช่วยกันคอมเม้นนะคะ

ยินดีมากๆที่มีคนเข้าอ่านค่ะ

ออฟไลน์ mumii009

  • [url=https://www.microhash.net/?tag=89198][img]https://www.microhash.net/assets/images/banner/b2.gif[/img][/url]
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
...ก่อนจากกัน...







จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้เบอร์โทรศัพท์ของคุณวิกรม

“หมอนัสคะ...วันนี้คนไข้หมอหมดแล้วค่ะ” เสียงสวรรค์จากนางฟ้าชุดขาว

“ครับ” ผมยิ้ม นาฬิกาฟ้องว่าบ่ายสองแล้ว

ช่วงสองสัปดาห์นี้ผมได้จดหมายแค่ครั้งเดียว มันมาพร้อมกับรูปถ่ายของผมกับวิกรม

“...” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู

เพื่อนในไลน์ยังคุยกันไม่เลิก รูปถ่ายตอนที่ไปสัมมนายังถูกส่งต่อกันไปมาในกรุ๊ป

ผมกดดูรูปที่เซฟไว้แล้วเลื่อนมาจนถึงรูปถ่ายของคนที่ผมเผลอรอจดหมายเขามาตลอดสองเดือนนี้

สูงร้อยเจ็ดสิบห้า....

"ผมสูงร้อยเจ็ดสิบห้า คุณอาจจะมองว่าเตี้ยแต่อย่าแสดงออกชัดเจนขนาดนี้เลยครับ"

ผมว่าตัวเล็กกะทัดรัดดีเหมือนกัน

ผมตรวจคนไข้ไปเรื่อยจนไลน์เด้งขึ้นมา

“คนนี้เพื่อนอานัสเหรอ” พี่หมออิงชะโงกหน้าเข้ามาดูรูปในมือถือ

“....” ตกใจแต่ต้องเงียบไว้ครับ การกระโตกกระตากของผมจะทำให้พี่หมออิงอยากรู้เรื่องเข้าไปใหญ่

“อ่อ...ครับ”

“เด็กกว่าเยอะนะ...เหมือนเด็กมหาลัย”

“เรียนจบแล้วครับ”

“เอาเวลาที่ไหนไปรู้จัก วันๆ เห็นทำแต่งาน”

“ก็บังเอิญน่ะครับ”

“บังเอิญยังไง”

“...” พอถึงเวลาซักไซ้พี่หมออิงไม่เคยปล่อยโอกาสให้ผมได้หนี

“ผมไปพักก่อนนะครับ”

“นัสเอ้ย...มีแฟนได้แล้ว” พี่หมออิงตะโกนไล่หลังผมมา

พยาบาลตรงหน้าห้องยิ้มให้ผม



.



ผมเดินเข้ารั้วมาทำเป็นเมินๆ กล่องสีแดงหน้าบ้านไป

สุดท้ายผมก็วนกลับไป

ในกล่องว่างเปล่า มันไม่มีจดหมายเลยสักฉบับเดียว

ผมอดใจหายไม่ได้ หรือว่าการที่ผมหยุดเขียนมันทำให้เขาหยุดเขียนเหมือนกัน

ไม่สิ หรือเพราะเขาเห็นว่าผมยังเด็ก แล้วไม่อยากคุย

อะไรวะทำงานแล้วนะเว้ย

ทีหลอกว่าเป็นครูยังเชื่อเลย ถึงจะเป็นครูจริงๆ แต่อาชีพหลักก็เป็นหมอนี่นา

“คุณวิกคะ...ป้าเอาจดหมายวางไว้ที่โต๊ะนะคะ พอดีวันก่อนฝนลงป้าเลยเก็บเข้าไปค่ะ เห็นคุณวิกไม่อยู่นาน” ป้าแม่บ้านบอกก่อนเดินออกจากบ้านไป

“...” ผมเดินเร็วๆ เข้าไปในบ้าน



ซองสีเทาเข้มวางอยู่สองสามซองเลือกซองที่ลงตราแสตมป์วันที่เก่าที่สุดก่อน

“สวัสดีวิกรม

ต่อไปเราคุยกันให้เป็นกันเองขึ้นอีกนิดก็ได้ ถ้าไม่สะดวกใจจะเขียนเรียกพี่ก็เรียกตามเดิมได้ แต่ขออนุญาตเรียกว่าวิกรมเฉยๆ”

ผมไล่สายตาไป เขาเขียนเล่าเรื่องในชีวิตประจำวันอย่างชัดเจนมากขึ้น

“ผมเอารูปใส่กรอบแล้วหล่ะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้พบกัน” ผมอ่านประโยคนี้สองครั้ง ทวนเพราะคิดว่าอ่านผิด

ต้องใส่กรอบเลยเหรอวะ ผมคิดในตอนนั้นแล้วเผลอหันไปมองตรงภาพที่แขวนผนัง เพราะมันมีรูปเพิ่มอยู่ตรงริมสุด

เออๆ ..ผมเองก็ใส่กรอบติดตรงมุมรูปภาพเหมือนกัน แต่ช่างเถอะ ผมไม่คงบอกเขาหรอกว่าผมก็ทำ

“สัปดาห์นี้ผมไปดูคนไข้ที่บ้าน ได้โปสต์การ์ด สวยๆ ด้วย” ผมหยิบโปสเตอร์ในซองนั้นขึ้นมา

“ช่วงหลังๆ คนเริ่มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่กันเยอะ ระวังสุขภาพด้วยนะ”

“เมื่อวันก่อนผมลองแนะนำให้คนไข้ทานมะเขือเทศกับซอสแบบที่คุณเคยแนะนำผม คนไข้กลับมาบอกผมว่าเขาทานมะเขือเทศได้แล้ว” อมยิ้มเพราะตอนนี้เขาบอกเล่าเรื่องราวมากขึ้น

“รักษาสุขภาพนะ” คำลงท้ายที่ทำให้ผมรู้สึกปวดแก้มมากกว่า



วันนี้อากาศดีจนผมออกไปวิ่งมาแล้วที่สวนใกล้บ้าน จบลงที่ผมมายืนดูเรือนกระบองเพชรหลังบ้าน ลูกแมวสองตัวโผล่หน้าออกมาจากใต้ชั้นวางกระบองเพชร

“ว่ายังไง” ผมมองมัน มันมองผมจ้องกันสักพักละ

“ถ้าไม่หลบไปเดี๋ยวจะถูกเหยียบนะ” จบประโยคมันเดินมาพันขาเรียบร้อย

ผมเอาแต่เก็บของและทำธุระจนยังไม่ได้อ่านจดหมายบนโต๊ะทำงานเท่าไหร่

ผมชอบอ่านจดหมายของคุณอานัสมาก และมักจะอ่านอย่างละเลียด อ่านเรื่อยๆ วนไปมา

เพราะผมชอบที่จะนึกภาพตามตัวอักษรของเขา







“ได้อยู่ ได้ๆ” หมอก้าวรับปากว่าจะยอมอยู่เวรแทนในวันที่ผมจะ “ธุระ”

“ขอบคุณมาก”

“แต่!” หมอก้าวยักคิ้วก่อนจะหันไปแตะมือกับหมอเสริม

“วันนั้นหมอต้องถ่ายรูปให้ดูว่าหมอไปหาใคร”

“หมอนัส...” หมอก้าวลากเสียง แววตากลับดูไม่น่าไว้ใจสักนิด

“พี่หมออิงบอกว่า...” กระแอมเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“หมอมีแฟนใหม่แล้ว”

ผมเงียบ...

“ไม่ใช่แฟนครับ เพื่อน” ผมย้ำเสียงหนักแน่น

“เพื่อนเหรอครับ...” สองคนหันไปหัวเราะให้กันก่อนจะหันมาย้ำ

มองดูสองคนที่คล้ายกล้วยหอมจอมซน บี1 บี2 แล้วหมั่นไส้ครับ

“หมออาจจะหลงชอบ “เพื่อน” อยู่ก็ได้นะครับ”

“ผมหลงชอบเพื่อน... ถ้าเป็นอย่างนั้นผมอาจจะรู้ตัว... แต่ถ้าเป็นหมอสองคนผมว่าไม่น่าจะรู้นะครับ”

.

.

.

“หมอนัสหมายถึงอะไร” หมอก้าวขมวดคิ้ว แล้วถามเพื่อนข้างๆ ตัว

“ไม่รู้...” หมอเสริมเสเดินไปหยิบชาร์ตเดินออกจากห้องไป







วิกรม

ผมแอบภาวนาให้คนที่ยืนตรงไม่ใช่เขาครับ คุณอานัสในเสื้อเชิ้ตสีกรมกับกางเกงแสล็คยืนอยู่หน้าบ้านผม ร่างกายเขามีหยาดน้ำฝนพรมอยู่ แว่นตาของเขาเริ่มขึ้นฝ้าจางๆ จากการตากฝน

"ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ครับ"

"คุณไม่ตอบจดหมายผม"

"พอดีผมไปสิงคโปร์ด่วน เลยไม่ได้บอกครับ"



แม้ในใจผมจะแย้งว่ามันไม่ใช่ธุระอะไรของเขา แต่ความรู้สึกแปลกๆ ตลอดสองเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมามันทำให้ผมเผลอ

"ผมคิดว่าคุณจะไม่ตอบจดหมายผมอีกแล้ว"

"ไม่หรอก" น่าแปลกที่เรายืนคุยกันกลางฝนที่เริ่มโปรยหนักขึ้น

"...." ผมชั่งใจว่าจะให้เขา 'เข้ามา' ดีหรือไม่

คนตรงหน้าผมก้มหน้า



"ผมหมดธุระแล้ว ขอตัวกลับก่อนครับ"

"เดี๋ยว..." ผมคว้าแขนเสื้อเขาเอาไว้...

"ฝนตกแล้วเข้าไปข้างในบ้านผมก่อนเถอะครับ" ผม...ยอมให้เขาเดินเข้ามา มันอาจจะไม่ใช่แค่พื้นที่ของ “บ้าน”



อานัส

ผมนั่งมองเขาที่เดินกลับลงมาจากชั้นสอง

เขามองตรงมาที่ผมไม่ได้แววตาหวาดระแวงหรือหวาดกลัว

"ผมขอรอจนฝนหยุดตกก่อน แล้วผมจะกลับครับ" ด้วยสัตย์จริงไม่ว่ามันจะดึกแค่ไหนผมจะกลับทันทีที่ฝนหยดสุดท้ายตกลงมา

"คุณนั่งรถมาจากกระบี่เลยเหรอครับ"

"นั่งเครื่องบินมาครับ" ถึงจอตอบออกไปแบบนั้น ผมกลับอดที่จะคาดหวังประโยคต่อไปเสียไม่ได้





วิกรม

ผมกลั้นใจฟังคำตอบ อยากให้เขาโกหกว่ามาทำธุระของตัวเองแล้วผ่านมาทางนี้

"กรุงเทพมันไม่ไกลเท่าไหร่ครับ ผมมาได้" เหมือนหัวใจของผมมันฟูแปลกๆ ผมสบตาเขาที่ยิ้มซื่อๆ ผมไม่ชอบแววตาแบบนี้ แววตาที่ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็จับเท็จไม่ได้

"ไกลครับ ผมคิดว่ามันไกล"





อานัส

ชั่วอึดใจที่วิกรมตอบกลับมา แววตาเหมือนมีความสงสัยและขอให้ผมคล้อยตาม ในแววตาเขากลัวอะไรบางอย่าง

"ผมมีเวลาว่าง72ชม.ครับ แล้วผมต้องกลับไปเข้าเวร"

ผมยอมชดเชยทุกอย่างให้คู่ซี้เจ้าเล่ห์นั่นเพียงเพราะความห่วงหาที่ผมมีให้คนตรงหน้านี้ แม้ว่าเราจะเจอกันแค่ชั่วโมงเดียวก็ตาม







"ผมไปสิงคโปร์มาครับ คิดว่าโปสการ์ดอาจจะไปนอนรอคุณที่กระบี่เมื่อคุณไปถึง" วิกรมบอกกับอานัส

รอยยิ้มมุมปากทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น

"ผมต้องขอโทษที่จู่ๆ มารบกวน"

อานัสยิ้มเมื่อพบว่าวิกรมจุดยิ้มที่มุมปากและแกล้งมองไปทางอื่น

เขาแกล้งมองไม่เห็น แต่ก็แอบจดจำรอยยิ้มนั้น



อานัสมาที่นี่เพื่อเพียงค้นหาคำตอบให้ตัวเอง

อย่างหนึ่งที่ อานัสทำให้เขารู้สึกคือ

อานัสเป็นห่วงเขามาก เป็นห่วงไม่รู้ว่าทำอย่างไร 'ห่วง' ที่ถักทอจากเขาไปถึงคนตรงหน้าจะเจือจางลง สองเดือนกว่าๆ เขาเพียรเขียนจดหมายมาหาตั้งหลายหน ไม่ตอบสักฉบับ แถมไม่บอกเขาสักนิดว่าเดินทางไกล



"ผมจะพยายามไม่กังวลนะครับ"

วิกรมละสายตาจากสายฝนด้านนอกกระจกกลับมาหาอานัส

"ครับ? "

"คุณจะได้ไม่ต้องอึดอัด เพียงแต่ผมอยากบอกว่าเมื่อวันนึงคุณหายไป ผมจะเป็นคนออกตามหาคุณเอง"

ฝนข้างนอกหยุดตกแล้ว อานัสยิ้มให้วิกรมก่อนจะยืนขึ้น

"ผมต้องกลับแล้ว แล้วผมจะเขียนจดหมายมาหา"



วิกรมงุนงงในทีแต่ก็เดินตามเขาออกมาส่งที่รั้วบ้าน

"เดินทางปลอดภัยครับ" อานัสค้อมหัวให้เล็กน้อยเป็นการบอกลา

ร่างสูงของชายเชิ้ตสีกรมมกำลังจะลับมุมถนน

อะไรข้างในใจสั่งให้วิกรมวิ่งออกไปจนทันและคว้าแขนเสื้อที่ดึงไว้เหมือนเมื่อตอนชวนเขาเข้าบ้าน



"ขอโทรศัพท์ของคุณ..." ใบหน้าขาวระเรื่อขึ้นพอให้เห็นเมื่อกระทบกับแสงจากเสาข้างทาง โดยที่อานัสไม่อาจคิดได้ว่าสาเหตุจากที่วิกรมวิ่งมาหาเขา หรือว่าสาเหตุอื่น...

"ถ่ายรูปด้วยกัน...นะครับ" อานัสงงแต่ก็ย่อกายต่ำเพื่อมองกล้อง แต่ก็ไม่วายเหลือบตามองคนข้างๆ

นิ้วเรียวๆ ของวิกรมกดชัตเตอร์ก็จะละมือลง

"ถ้าไม่รังเกียจ..." อานัสอึกอักเมื่อรับโทรศัพท์มาถือ ประโยคคำถามที่อยากถามตั้งแต่เมื่อตอนที่ลากันครั้งที่ผ่านมามันติดอยู่ที่ริมฝีปาก

"089-655-3...."

อานัสกดตามแทบไม่ทัน ความร้อนรนอันนำความอิ่มเอมบางอย่างมาสู่ใจ



"ถึงกระบี่แล้วโทรบอกผมหน่อยนะครับ"

อานัสไม่เคยรู้สึกร้อนหน้าขนาดนี้มาก่อน แม้ยามที่ต้องพรีเซ็นงานหน้าห้อง

ตอนนี้เขาหน้าแดงพอกับสัญญาณไฟแดงตรงสี่แยกนี้แล้ว



ร่างผอมกว่าวิ่งกลับเข้าซอยไป

เขาชะโงกหน้าดูเห็นประตูปิดไวๆ

"ครับ" อานัสบอกกับแผ่นหลังนั้นแล้วกดเซฟเบอร์

...........................................................................

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด