Hamonica Key - ผม เขา เรา ดนตรี [ตอนที่ 6 - 12/09/2024]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hamonica Key - ผม เขา เรา ดนตรี [ตอนที่ 6 - 12/09/2024]  (อ่าน 1158 ครั้ง)

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


HAMONICA KEY
ผม เขา เรา ดนตรี

by มิรันดา
ผู้เขียนไตรภาค LOVELESS SOCIETY
[/size]

=== ผลงานก่อน ====
ภาค 1
Loveless Society เพราะรัก... ออกแบบไม่ได้

ภาค 2
Coldness Town เพราะหัวใจ... ไม่เคยลืม

ภาค 3
Endless Dream เพราะปลายทาง... คือเรา



อ้างถึง
ผมชอบ ผมอยากได้ ผมซื้อ
คุณต้องมากับผม

01.เพลงที่ไม่เคยได้ยิน
02.เวียนมาบรรจบ
03.ไอ้เนิร์ดแว่น
04.บาง 0.45 มิลิเมตร
05.ร้องให้ดังกว่าเดิม
06.ก้นและต้มจืดไข่น้ำ

แค่เพลงเพลงเดียวของ “โนอาห์” ศิลปินอิสระ ที่ร้องเพลงขำขำ แต่มันดันไปเข้าหูของ “ลีโอ” โปรดิวเซอร์หนุ่มมือดีของค่ายซีชาร์พมิวสิค แต่ทว่าชีวิตของเขากำลังอยู่ในภาวะ “ดวงตก” ขั้นรุนแรง ทั้งแฟนที่ทิ้งไป หน้าที่การงานก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย แถมวงการเพลงกำลังเปลี่ยนผ่านเสียด้วย เขากำลังมองหา “เพชรแท้” ที่เหลืออยู่ เพื่อมากอบกู้ความฝันในการสร้างศิลปินตัวจริงคนสุดท้าย ก่อนที่เขาจะยอมแพ้และบอกลาวงการนี้ไป

แต่ยิ่งรู้จักโนอาห์ และเรือที่บรรทุกเรื่องราวของเพื่อนร่วมวง Hamonica ของเขา การที่ลีโอจะเจียระไนเพชรที่เขาคิดว่าใช่ ให้กลายเป็นศิลปินมันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะถ้ามันมีเรื่องของ “หัวใจ” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2024 20:56:54 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 1 – เพลงที่ไม่เคยได้ยิน

   “สวัสดีคับทุกคน เอ่อ....ก็ดีใจนะครับที่ทุกคนได้กลับมาเจอกันในวันนี้ พวกผม Hamonica ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้กลับมาเล่นด้วยกันอีก แต่พวกผมก็มีเพลง ที่เคยช่วย ๆ กันเขียนเอาไว้ตั้งแต่สมัยเรียน ก็เลยอยากจะใช้เพลงนี้บอกให้กับทุกคนที่ต้องเผชิญเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตนะคับ ลองมาฟังกันดู
   มา.... วัน ทรู ทรี!”

   ทันทีที่เสียงเสต็ปของกลองดังขึ้นเป็นเพอร์คัสชั่นให้ เสียงกีตาร์โปร่งเกริ่นนำและตามด้วยเมโลดี้เพราะ ๆ ของเสียงเปียโน ท่วงทำนองทุกอย่างล่องลอยไปยังกลุ่มคนที่นั่งอยู่มากมายในงานเลี้ยง ก่อนที่เสียงเพราะ ๆ ของ “โนอาห์” จะร้องเพลงของเขาออกมา

   
อ้างถึง
This is only me. Get down on my knee. In the lonely night
Try to get some sleep. But waking up at three. Like I’m lost in time

Hold on my fear. Hold on my tear. For a thousand time
Leave through the past. Cause everything won’t last...Won’t last
   
   อะไร? คาดหวังให้ทุกคนเคลิ้มกับบทเพลงที่บังเอิญซ้อมกันไม่นานก่อนขึ้นเวทีกันอย่างนั้นหรือ กับเมโลดี้ที่แทบจะกลั้นหายใจเล่นให้ไม่พลาดก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว และเพลงที่แต่งเองเนี่ย ไม่มีทางหรอกที่จะดึงให้คนทั้งงานหันมาโบกมือร้องตาม
   นี่คือโลกจริง พาทุกคนกลับเข้ามา!!!
ไม่แปลกหรอก ที่คนในงานจะไม่ได้ตั้งใจฟังเพลงของเขาเท่าไหร่ เพราะมันก็แค่งานเลี้ยงรวมของสมาคมศิลปินและนักดนตรี แรกเริ่มสมาคมก็คือการรวมตัวกันเพื่อให้นักดนตรีช่วยกันผ่านช่วงโควิดไปได้ แต่เมื่อตัวสมาคมแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็จัดงานกันทุกปี เพื่อให้สมาชิกของสมาคมช่วยกันซื้อโต๊ะพ่วงเงินทำบุญอีกนิดหน่อย โนอาห์กับเพื่อน ๆ นักดนตรีที่รู้จักกัน ต่างกระจัดกระจายกันไป นาน ๆ จะได้กลับมารวมตัวกัน ก็เลยจัดไปซักหนึ่งบทเพลง
โน๊ตตัวสุดท้ายลงจบอย่างสวยงาม ขณะที่มีเสียงปรบมือดังขึ้นประปราย คละเคล้ากับเสียงชนแก้วและพูดคุยที่ดูเหมือนจะดังมากกว่า โนอาห์ยิ้มเจื่อน ๆ ขณะที่มองไปท่ามกลางงานเลี้ยงและคนรู้จักต่าง ๆ
“ขอบคุณครับ”
เขากล่าวอย่างพอเป็นพิธี ก่อนจะลุกขึ้น พร้อม ๆ กับที่วงของเขากำลังทยอยเก็บของลงจากเวที แต่ไม่รู้ทำไม เขากลับรู้สึกเหมือนมีสายตาบางอย่างพุ่งตรงมาที่เขา ท่ามกลางผู้คนในงาน ใครคนหนึ่ง กำลังมองมาที่เขาจากมุมนึงของงาน สายตาคู่นั้นทำให้โนอาห์รู้สึกเหมือนกำลังโดนจ้อง และมันทำให้เขาอึดอัด
โนอาห์หรี่ตามองอีกครั้ง แต่แสงไฟต่าง ๆ ก็ทำให้เขามองลงไปข้างล่างได้อย่างยากลำบาก
เขาเดินลงจากเวทีขณะที่เพื่อน ๆ ในวงของเขา ทยอยเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ตัวเขาเดินไปหยิบแก้วที่วางอยู่หลังเวที ก่อนจะเดินตรงไปยังที่นั่งของตัว
ช่วงนาทีนั้น ร่างร่างหนึ่งก็ขวางตัวเองระหว่างโนอาห์กับทางออกจากหลังเวทีทันที
“ผมชอบ.... ผมเอา.... ผมอยากได้คุณ”
โนอาห์ยังตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขามองไปยังเจ้าของคำพูดนั้นที่ยืนขวางเขาอยู่ เขาคุ้นตาอย่างประหลาด เหมือนคนคนนี้ดึงเอาความทรงจำบางอย่างให้ผุดขึ้นมา
“ว่าไงนะ” โนอาห์ตอบทันที โดยยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากำลังพูดอยู่กับใคร
“ผมเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ซีชาร์ปมิวสิค ผมอยากได้คุณ ทั้งหมดเลย”

สำหรับโนอาห์ นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้เลย


--------------------------------
   ก่อนหน้างานเลี้ยง 5 ชั่วโมง

   ลีโอไม่ได้ยินเสียงของเอมี่ ที่พูดอยู่อีกฝั่งนึงของโต๊ะอาหาร เขายอมรับว่าเสียงของเธอมันทำให้ทุกอย่างมันตื้อมึน
   “เราเลิกกันเถอะ”
   ใช่! เขาคาดเดาออกมาซักพักแล้วว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่ทุก ๆ อย่างในชีวิตเขากำลังถึงทางตัน และนั่นทำให้สมองส่วนรับความรู้สึกของเขามันดับลงชั่วขณะ
   “ลีได้ยินหรือเปล่า เอมจะเลิก”
   เธอยังคงยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น แม้ว่าลีจะยังคงมองเธอ และกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
“เรา... คือเรา.....”
เอมหัวเราะเบา ๆ พลางบีบมือตัวเอง
“จริง ๆ เอมไม่ได้พูดเป็นประโยคคำถาม เอมพูดเป็นประโยคบอกเล่า” เธอหันออกไปมองนอกหน้าต่าง “เอมไม่ได้อยากให้มันยุ่งยากไปกว่านี้ และ....เอมเหนื่อยแล้ว เอมขอโทษนะ”
เขาไม่เข้าใจอะไรซักอย่างขณะที่เธอพูด ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและเดินออกไป โดยทิ้งให้ลีโอนั่งอยู่อย่างนั้น
......
“เหยด... ไม่ได้พูดเป็นประโยคคำถาม เป็นประโยคบอกเล่า.... ล้ำว่ะ” เสียงของฟิวส์ ผู้ช่วยโปรดิวซ์ดังขึ้นเรียกความคิดของลีโอให้กลับมา “แล้วเขาก็ไปเลยอ่ะนะ ไม่ตอบไลน์ บล็อคไอจี”

“เออ....” ลีโอพูดพลางหมุนมือถือในมือ “กูก็ไม่รู้ว่าจะทำไงแล้วเหมือนกัน”
แม้ว่าการบอกเลิกของเอมจะผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่มันไม่ได้ทำให้เขาลืมภาพที่เกิดขึ้นได้เลย แม้ว่าเสียงของเจ้าฟิวส์จะทำให้มันดูเป็นเรื่องตลกก็ตาม
“โหพี่.... มันก็ยากป่ะวะ คบกับนักแสดงค่ายอื่น แล้วเขาก็ดูไม่ได้อินกับที่พี่ทำให้เขาอยู่แล้วป่ะ” ฟิวส์ยังคงพูดต่อ
“ทำไม... มึงจะบอกว่า เขาไม่อินเพลงที่กูแต่งให้เขา ไม่อินโปรเจ็คที่กูจะครอสค่ายแล้วให้เขาเล่นซีรีส์ที่ซีชาร์ปจะทำเพลงให้อ่อ... เขาไม่ได้ให้เหตุผลแบบนั้น” ลีโอยังคงแก้ต่างให้เอมี่
“แล้วเขาให้เหตุผลอะไรพี่ล่ะ... ไม่มีไง... แล้วพี่ก็บอกผมว่าทุกอย่างมันแปลกตั้งแต่ตอนไหน ก็ตอนที่พี่คิดจะทำโปรเจ็คนี้ ผมว่ามันก็ชัดนะ” ฟิวส์ย้ำ ขณะที่ลีโอหมุนเก้าอี้มามองตาเขียว “โอเค... ผมไม่ยุ่งก็ได้ แต่ผมว่านี่มันแย่มาก เพราะถ้าหวยมันออกแบบนี้ มันจะเป็นเรื่องถึง.....”
ปิ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้น ลีโอเหลือบตาขึ้นมาเจมส์ทันที
“พูดถึงปีศาจ” ลีโอพูดพลางยิ้มเจื่อน ก่อนจะลุกออกจากห้องทำงานไป
“อย่าลืมนะพี่ คืนนี้พี่ต้องไปงานเลี้ยงสมาคม”
“เออ....”
ลีโอรับปากไปอย่างนั้น ก่อนจะพาร่างกายที่เหลือแค่กายหยาบขึ้นไปยังห้องทำงานห้องหนึ่ง ที่เขารู้ดีว่าเสียงแจ้งเตือนมือถือนั้นกำลังจะนำให้เขาไปเจอกับอะไร
...............
   “กูบอกมึงแล้วใช่ไหม กูเตือนมึงแล้ว ว่าอย่าเอางานไปปนเรื่องส่วนตัว แล้วเป็นไง ชิบหาย” เสียงของต้า หุ้นส่วนและผู้บริหารซีชาร์พมิวสิค ขณะที่ลีโอนั่งอยู่ปลายโต๊ะ
   “มึงจะซีเรียสทำไม ก็โปรเจ็คมันไม่เกิด ก็คือไม่เกิด มันยังไม่มีอะไรเสียเลย” ลีโอพูดตอบ
“มึงก็พูดได้นี่ มึงไม่ได้เป็นคนวิ่งหาสปอน ไม่ได้ประสานช่อง ไม่ได้ดีลกับเอเจนซี่ ผู้จัดการแฟนมึง กูเป็นคนทำคิวไม่ใช่มึงไง” ต้าโวยวาย “มันมีความเสียหายเกิดขึ้นไง แล้วมึงได้ดูฟีดข่าวบ้างหรือเปล่า ว่าแฟนมึงให้สัมภาษณ์ว่าไง”
ต้าวางไอแพดลงตรงหน้า ขณะที่ลีโอยังคงเงียบต่อไป
“ทั้งหมดที่กูรู้คือ เงินที่กูกำลังจะลงทุนกับศิลปินในโปรเจ็คต่อไป หายไปพร้อมกับที่มึงเลิกกับเขา” ต้าพูด
“เดี๋ยวกูรับผิดชอบเอง”
“รับผิดชอบยังไง ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา กูนั่งรอมึงปั้นแฟนมึง มึงเดิมพันกับกูด้วยคอนเสิร์ตใหญ่ ที่จะได้นางเอกหน้าใหม่ผันตัวมาเป็นศิลปิน แต่ตอนนี้เป็นศูนย์ ในณะที่มึงก็ไม่ได้มีศิลปินสำรองให้กูเลยซักคน งี้อ่ะนะ” ต้ายังคงโวยวายต่อ
ลีโอไม่อยากจะทนฟังอีกต่อไป เขาลุกออกจากเก้าอี้ทันที
“เห้ย มึงเดินหนีอ่อ เอาจริงดิ” ต้าว่าไล่หลัง “มึงจะใช้ฟิลลิ่งทำงานจนนาทีสุดท้ายเลยถูกมะ”
ลีโอหันมองหน้าเพื่อน ก่อนจะตั้งสติหาคำพูดดีดี
“กูจะไม่แต่งเพลง ทำเพลงโดยไม่ใช้ฟิลลิ่ง กูไม่ดูถูกคนฟัง ที่กูทุ่มให้เขาเพราะเขาทำให้กูทำเพลงให้ดีขึ้น เพราะเพลงกูใช้ใจ ถ้ามึงจะเอาตัวเลขมาคุยกะกู กูก็ไม่รู้จะตอบมึงยังไง เข้าใจป่ะ” ลีโอตอบ ต้ากัดริฝีปากตัวเองเบา ๆ
“ได้... ถ้ามึงอยากทำงานด้วยฟิลลิ่ง ตอนนี้มึงเฮิร์ตใช่ไหม” ต้าว่า “เอาโปรเจ็คมา ความเศร้าเหี้ยอะไรของมึง ไปงอกมา อะไรก็ได้ กูต้องการโปรเจ็ค ถ้ามึงหามาไม่ได้ภายในอาทิตย์นี้ กูว่ามึงกะกูคงไปต่อไม่ได้ละว่ะ”
“มึงนี่จะเค้นทุกอย่างขายให้ได้เลยใช่ป่ะ” ลีโอว่า
“โลกหมุนด้วยเงินเพื่อน เราทำค่ายเพลง เผื่อมึงลืม” ต้าย้ำคำเดิม ลีโอส่ายหน้าก่อนจะหันหลังไป “เห้ย....กูพูดจริงนะ กูให้มึงถึงศุกร์นี้”
ลีโอเดินออกจากห้องไป ด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า และเหมือนมีภูเขาหนัก ๆ กดทับอยู่บนไหล่
เขาจะไปหาเจอได้ยังไง โปรเจ็คที่เขาจะเอาใจลงไปเล่นด้วยได้ทันที ในช่วงเวลาแบบนี้

สำหรับลีโอ นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่เกิดขึ้นในวันนี้เลย
……….

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 2 – เวียนมาบรรจบ

   ลีโอเดินออกจากห้องประชุมมาอย่างหัวเสีย แต่เขาก็เห็นฟิวส์วิ่งหน้าตื่นมาหาเขาที่หน้าห้องทันที
“พี่ลี...รถพี่อ่ะ...”
ลีโอมองหน้าฟิวส์อย่างไม่เข้าใจนัก แต่หน้าตาของฟิวส์เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างให้เขาเข้าใจ แต่เมื่อเขาตามฟิวส์ลงไปถึงลานจอดรถหน้าบริษัท ภาพตรงหน้าของลีก็ให้คำตอบบางอย่างชัดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เดินเข้ามาเอาเอกสารบางอย่างมาให้เขาเซ็น
“โอเคครับ... นี่กุญแจ” ลีโอยื่นกุญแจให้ไป ยิ่งทำให้ฟิวส์ตกใจมากขึ้นไปอีก
“เห้ย ได้ไงวะพี่” ฟิวส์ร้องถาม
“มันไม่ใช่รถกูไง.... มันเป็นรถเค้า....” ลีโอตอบเบา ๆ
“อะไร... ผมคิดว่าพี่ถอยคันนี้มาใหม่ซะอีก พี่ใช้รถแฟนอ่อ” ฟิวส์ตอบ
“ก็ไม่เชิง ก็ต้องไปรับไปส่งไง ตอนนี้มันไม่ต้องแล้ว... มันก็ถูกแล้ว” ลีโอพูดพลางส่ายหัวเบา ๆ “ทำไมวะ กูก็แค่กลับไปขับคันเก่าไง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซะหน่อย”
“แน่ใจอ่อ จีน่าโอเคเหรอ” ฟิวส์ถามจี้ใจสิ่งที่ลีโอไม่ได้ทันนึกถึงเลยในรอบ 4 ปี
…………..
“หนูรู้ข่าวแล้ว” จีน่าหมุนเก้าอี้ห้องทำงานของลีโอและหันมาพูดกับเขา เธอยังอยู่ในชุดนักศึกษาขณะที่ฟิวส์เอาน้ำเข้ามาให้เธอ “พี่เอมให้สัมภาษณ์ถึงพี่ไว้ค่อนข้าง....”
“เสียหาย พี่รู้” ลีโอตอบ
“ค่อนข้างตรงต่างหาก” จีน่าว่าพลางไถหน้าจอมือถือของตัวเองต่อ “ตลอดเวลาที่คบกัน เขาค่อนข้างควบคุมความคิดของเอม และอยากให้เอมเป็นหลายอย่างที่เอมไม่อยากเป็น”
จีน่าอ่านเนื้อความของข่าวที่เธอไถหน้าฟีดเจอต่อ ขณะที่ลีโอพยายามเมินมองไปทางอื่น
“เอมเลยรู้สึกว่าอยากได้ชีวิตของเอมคืนค่ะ....หูว เสียดายจัง เป็นน้องสาวนี่บอกเลิกไม่ได้แหะ” จีน่าพูดต่อ
“นี่คือคำปลอบใจเหรอเนี่ย” ลีโอว่าต่อ “เหลือกันอยู่สองคน พี่จะขอให้แกทำตัวเป็นน้องที่ดีในเวลาแบบนี้มันไม่ได้เลยเหรอ”
“นี่ไง เอาอีกแล้ว พี่เป็นคนชอบกำหนดกฎเกณฑ์คนอื่นเขานะเนี้ย ทำไมอ่ะ เป็นน้องก็เลยต้องเห็นด้วยกับทุกอย่างที่พี่ทำเลยเหรอ ไม่ใช่ป่ะ” จีน่าว่าต่อ “แล้วเพราะพี่เป็นแบบนี้ไง พี่เอมเขาถึงทนไม่ได้อ่ะ”
“อูยยยย” เสียงของฟิวส์เสริมขึ้นมาทันที
“เงียบไปเลย” ลีโอหันไปว่าฟิวส์ “เห้ย ก็ลำบากอยู่ก็เลยมาขอความช่วยเหลือ”
“ไม่!” จีน่าพูดต่อ “พี่ให้รถหนูแล้วอ่ะ แล้วจะให้หนูไปเรียนยังไงอ่ะ ช่วงนี้ทำทีสิสอยู่นะ”
“จริงเหรอ ก็ยังไม่เห็นจบซะที ติดตัวโน้นตัวนี้อยู่นั่นแหละ” ลีโอว่าต่อ “ได้รถไปก็แทนที่จะรีบเรียนให้จบ พี่จะได้ไม่ต้องมาพะวงกะเธออีกคนไง”
“พะวงเหรอ” จีน่าพูดพลางลุกขึ้น “พูดแบบนี้ก็หมายความว่า หนูเป็นภาระถูกไหม เป็นเหมือนอะไรที่พี่อยากจัดการให้มันจบ ๆ ไป ก็เลยยกรถให้ใช้อย่างนั้นเหรอ”
จีน่าพูดเสียงจริงจัง พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ลีโอมากขึ้น
“ไม่คือ.... พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ลีโอพูดต่อ
“แล้วพี่จำได้ไหม ว่าน้องทำทีสิสอะไรอยู่” จีน่าถามต่อ ลีโออ้ำอึ้งไปเล็กน้อย
“ก็.... เอ่อ.... พี่....”
จีน่ายิ้มเฝื่อน ๆ
“โอเค... ถ้าพี่จำไม่ได้หนูก็จะบอกให้.....” จีน่ากลั้นใจหนึ่งครั้ง ก่อนจะมองหน้าพี่ชายเธอให้ชัดขึ้น “หนูทำเรื่องการผสานวัฒนธรรมดนตรีเอเชียอุษาคเนย์ในศตวรรษใหม่ พูดภาษาง่าย ๆ ก็คือ หนูอยากได้การคอลแลปเครื่องดนตรีพื้นถิ่นเข้ากับอุตสาหกรรมเพลงสมัยใหม่ มันคือสิ่งที่หนูเคยขอให้พี่ทำในโปรเจ็คที่เคยสัญญากับหนูไว้ ว่าจะให้หนูเข้าไปร่วมไง”
ลีโอเงียบเสียงลงทันที
“และตอบคำถามพี่ง่าย ๆ ว่าทำไมธีสิสหนูยังไม่เสร็จ เพราะโปรเจ็คพี่ยังไม่เริ่มซะทีไงคะ และตอนนี้ พี่จะมาขอรถพี่คืน ทั้ง ๆ ที่ทั้งรถหนูมีแต่หนังสือ หนูเรียนศิลปกรรมนะ” จีน่าว่า “ตอนนี้หนูเห็นภาพชัดขึ้นละ ว่าทำไมพี่เอมคิดงั้นอ่ะ”
จีน่าเดินสวนลีโอออกไป โดยไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวจีน่า ฟังพี่ก่อน” ลีโอคว้ามือเธอไว้
“พี่ให้รถหนู เพราะอยากให้หนูเรียนจบไวไว ไม่ต้องมาเป็นภาระใช่ไหม หนูไม่คืน ชื่อรถก็ชื่อหนู” จีน่าหันมาตวาดใส่ “หนูจะได้รีบเรียนให้จบ แล้วก็ไปไปจากชีวิตของพี่ซะที พอใจยัง”
จีน่าปิดประตูใส่ลีโอทันที ทิ้งให้ทั้งลีโอและฟิวส์อยู่ในความเงียบ
“ผมว่า... พี่ต้องไปทำบุญว่ะ” ฟิวส์พูดตัดความเงียบขึ้นมา ลีโอหันไปมองหน้าฟิวส์ตาเขียว ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง
“มีมันเหมือนไม่มีน้องอ่ะ เหมือนมีแม่” ลีโอว่าต่อ
“แล้วพี่จะเอาไงอ่ะ” ฟิวส์ถามต่อ
“จะยังไงอ่ะ ก็ต้องให้แม่งไปอ่ะดิ กุญแจก็อยู่มัน จริง ๆ มันก็พูดถูก รถก็ชื่อมัน” ลีโอตอบ
“ไม่ใช่ ผมหมายถึงเรื่องโปรเจ็คที่ต้องหาให้ได้ภายในวันศุกร์นี้ ผมว่าพี่ต้าเค้าเอาจริงแล้วนะ” ฟิวส์พูด “ผมไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อนเลยอ่ะ”
“เออ เดี๋ยวค่อยคิด” ลีโอพูด พลางขยี้หัวตัวเอง “แม่งเอ้ย มันเชี่ยอะไรนักหนาวะเนี่ย”
“พี่จะยังไปงานสมาคมอยู่ใช่ไหม” ฟิวส์ถามขณะที่เริ่มเก็บของ
“ก็ไปดิ รับปากเขาไว้แล้ว” ลีโอว่า
“งั้นพี่กลับไปแต่งตัวเหอะ เดี๋ยวไม่ทันนะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ขอโทษค่ะคุณลีโอ พอดีมีคนฝากสิ่งนี้มาให้ค่ะ”
ป้าแม่บ้านเดินเข้ามาในห้องทำงานของลีโอ และวางคีย์การ์ดคอนโดเขาลงตรงหน้า เขาจำมันได้ทันที ว่ามันคือคีย์การ์ดที่เขาฝากเอาไว้ให้เอมมี่ ลีโอรีบคว้ามา
“แล้วเขาอยู่ไหนครับ” ลีโอรีบลุกขึ้น
“เป็นแมสเซนเจอร์น่ะค่ะคุณลีโอ เหมือนเขาบอกว่า คนที่ฝากมา ได้ย้ายของออกมาหมดแล้ว หรืออะไรนี่แหละค่ะ”
คำพูดของป้าแม่บ้านทำให้ลีโอรู้สึกถึงความว่างเปล่าเข้าอย่างจัง
เอมมี่เอาตัวเองออกไปจากชีวิตเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว และนี่เป็นครั้งแรก ที่เขารู้สึกได้ว่าบางอย่างได้หายไปจากชีวิตเขาจริง ๆ
.........................
“เห้ย เบาเบา เพิ่งจะสามทุ่มเองนะเว่ย ไอ้เหี้ย มึงยกไม่เลิกเลย เป็นไรเพื่อน” เสียงของพี่บอย เพื่อนนักแต่งเพลงที่เคยร่วมงานกัน ตบไหล่เขาเบา ๆ ร่วมวงในเก้าอี้บาร์ที่งานเลี้ยงสมาคม ซึ่งไม่แปลกเลยพี่บอยจะตาโตกับสิ่งที่เห็น
ลีโอยกดื่มรัว ๆ แบบไม่รอแอลกอฮอล์ซึมเข้าเส้นเลือดเลยด้วยซ้ำ แถมไม่พูดอะไรซักคำอีกด้วย ทำเอาเพื่อนร่วมโต๊ะต่างมึน ๆ อึน ๆ ไปตาม ๆ กัน
“เอาเหอะ ก็ข่าวมันออกไปแล้วก็ช่างมัน ก็ให้เขาพูดไป ผู้หญิงแม่งก็เงี้ย มึงก็ไม่ต้องออกไปตอบโต้อะไรหรอก ก็ปล่อย ๆ ไปว่ะ” พี่บอยพูดพลางลูบหลังไปด้วย
“เอามาอีกแก้ว....” ลีโอไม่ฟัง ได้แต่จิ้มนิ้วไปที่โต๊ะ เพื่อสั่งบาร์เทนเดอร์ด้วยสีหน้าคมเข้ม เหมือนว่าคำแนะนำของพี่บอยไม่ได้เข้าหูเลย
“งั้นเอาเลยเพื่อน เดี๋ยว.... พี่มา...” พี่บอยทำหน้าเจื่อน เพราะคำปลอบใจในนาทีนี้ คงไม่ช่วย
ถูกต้องแล้ว เขาเมา
แต่พี่บอยไม่เข้าใจ มันไม่ใช่แค่เพราะเรื่องเอมมี่บอกเลิกเขา ตอนนี้เหมือนเขากำลังต้องแบกทุกอย่างเอาไว้โดยไม่รู้ว่าจะหาทางออกมันยังไง เอมมี่เป็นเหมือนโดมิโนตัวแรกที่ล้ม แล้วทุกอย่างก็ล้มระเนระนาดตามไปติด ๆ
เขาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ เขาไม่เข้าใจว่าการที่เขาเอาใจลงไปเล่นกับทุกงานรอบตัว มันผิดพลาดตรงไหน
และเขาจะไปหาโปรเจ็คอะไรไปให้ต้าชดเชยได้
และถ้าหาไม่ได้ เขาอาจจะต้องตกงาน ตอนอายุใกล้จะ 30
นี่มันไม่ใช่แล้ว.....
ทั้งหมดที่เขาต้องการ ไม่ใช่คำปลอบใจ
เขาอยากได้แค่เสียงดนตรีดีดี โน้ตดีดีตัวแรกที่เข้าหูแล้วมันใช่

“แต่พวกผมก็มีเพลง ที่เคยช่วย ๆ กันเขียนเอาไว้ตั้งแต่สมัยเรียน ก็เลยอยากจะใช้เพลงนี้บอกให้กับทุกคนที่ต้องเผชิญเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตนะครับ ลองมาฟังกันดู
มา.... วัน ทรู ทรี!”

เออ... มันต้องแบบนั้น แค่เพอร์คัสชั่นดีดีแค่เนี้ยกับไลน์กีตาร์
อ่า...ใช่ ไม่ต้องเยอะมาก ใช่ ใช่เลย
มันก็ชวนฟังแล้ว ส่วนที่เหลือก็นักร้องไม่ต้องเล่นลูกเล่นมาก ขอแค่ตรงคีย์ ก็....

“This is only me. Get down on my knee. In the lonely night

ในหัวของเขามันแปลเนื้อเพลงออกมาโดยอัตโนมัติ
“มีแค่ฉัน กอดตัวเอง ในค่ำคืนที่เดียวดาย”

แต่ยิ่งไปกว่านั้น เสียงแบบนั้น ทำไมเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่ไม่ใช่เพลงเก่า ไม่ใช่เพลงฮิต คนร้องไม่ใช่นักร้องเสียงหล่อ หรือเสียงใส เป็นเสียงธรรมดาที่พอดี เสียงที่อนุญาตให้เขาเข้าไปปรับแต่งบางอย่างได้

Hold on my fear. Hold on my tear. For a thousand time.
Leave through the past. Cause everything won’t last…. Even you.

ให้ทิ้งอดีต เพราะไม่มีอะไรจีรัง.... แม้แต่เธอ

เพื่อชีวิตงั้นเหรอ แต่กลิ่นแบบ Pop เนี่ยนะ
นายเป็นใครวะ

ลีโอดึงสติเท่าที่เหลืออยู่ และมองไปที่เวที และมันก็เหมือนภาพทุกอย่างกำลังทำงานไปพร้อมกัน
เขาเห็นนักร้องนำคนนั้น ตัวเล็ก ๆ นั่งอยู่ในท่าสบาย ๆ เขาสวมเสื้อแจ็ตเก็ตลายขวาง ทำให้ตัวเขาดูหนาขึ้นมาหน่อย แต่หน้าตาก็หล่อเอาเรื่อง
ไม่สิ ไม่ใช่หล่อ ก็น่ารัก ก้ำกึ่งระหว่างจะวัยรุ่นก็ไม่ใช่ จะโตแล้วก็ไม่เชิง
แล้วก็จะดูหวานไม่ใช่ จะเข้มก็ไม่เชิง
แต่เนื้อเพลง และเสียงร้องไม่ได้หวือหวา แต่มันกัดลึกลงไป แล้ววงที่รายล้อม กลองที่ไม่ดังเกิดไป กีตาร์ที่ดีดละเอียด มีสตริงเสริมด้วย
และทั้งหมด ทำให้แสงไฟที่สาดส่องไปยังนายคนนั้น
“ขอบคุณครับ”
นายคนนั้นเขากล่าวอย่างพอเป็นพิธี ก่อนจะลุกขึ้น พร้อม ๆ กับที่วงของเขากำลังทยอยเก็บของลงจากเวที แต่ไม่รู้ทำไม เขากลับรู้สึกเหมือนบทเพลงนั้นมันไม่ยอมจบลง ท่ามกลางผู้คนในงาน นายคนนั้น กำลังทำให้บางอย่างในตัวของเขามันลุกโชนขึ้นมา และทำให้ลีโอไม่รู้ตัวเลยว่า ร่างกายของเขา เดินออกมาจากบาร์เครื่องดื่ม มายืนอยู่เกือบจะหน้าเวทีอยู่แล้ว
ลีโอหรี่ตามองอีกครั้ง แต่แสงไฟต่าง ๆ ก็ทำให้เขามองลงไปข้างเวทีได้อย่างยากลำบาก
ช่วงนาทีนั้น เขาไม่รีรอที่จะตรงเข้าไปด้านหลังเวทีทันที และขวางตัวเองไว้ตรงทางออก
“ผมชอบ.... ผมเอา.... ผมอยากได้คุณ”
………………..

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 3 – ไอ้เนิร์ดแว่น

“ว่าไงนะ”
โนอาห์มองหน้าชายคนที่ขวางเขาไว้จากทางออก โดยกวาดสายตาดูจากสภาพที่เห็นแล้ว เขาไม่แน่ใจนักว่าหมอนี่ต้องการอะไรกันแน่
“ผมเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ซีชาร์ปมิวสิค ผมอยากได้คุณ ทั้งหมดเลย”
“เหอะ” โนอาห์พ่นลมออกจากปากเบา ๆ ก่อนจะแทรกตัวเบียดออกไป “ไปไกล ๆ ไป”
ลีโอไม่เข้าใจอะไรแบบนี้ ปกติมันต้องตาโต ต้องวี้ดว้าย เขาไม่ใช่นูกูเซโย
เขาเป็นโปรดิวเซอร์ และกำลังชวนมาทำเพลงนะโว้ย
“เห้ย... คุณจะเดินหนีผมไปแบบนี้ไม่ได้” ลีโอหันควับไปพูด สภาพของลีโอบวกกับเสียงอันดังเกินเหตุ ทำเอารอบ ๆ ข้างหันมามอง รวมถึงโนอาห์ด้วย
“นาย... ไม่...มี...สิทธิ์...ปฏิเส.....เฮือก.....”
ลีโออาเจียนลงตรงหน้าของโนอาห์ทันที ทำเอาเจ้าตัวหลุดขำ ขณะที่ลีโอจะล้มลง พี่บอยที่เดินผ่านมาพอดี ก็รีบเข้ามาประคองไว้ได้ทัน
“เห้ย ไอ้ลี มันต้องเละขนาดนี้เลยเหรอวะ” พี่บอยโวยวาย “ขอโทษด้วยนะครับ เขามากวนอะไรหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับ” โนอาห์พูดพลางมองสภาพตรงหน้าอย่างอนาถเต็มที “ฝากให้เขาระวังหน่อยด้วยละกันฮะ”
“เดี๋ยว...พี่... ผมจะเอา...เค้า”
เสียงยืดยานคางของหมอนั่นหายไปจากตรงหน้าพร้อมกับพี่ผู้ชายคนนั้น โนอาห์งง ๆ อยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะส่ายหัวให้กับตัวเองก่อนจะเดินกลับไปสมทบกับเพื่อน ๆ ในวงที่โต๊ะโซนของตัวเอง
“เห้ย เป็นไรวะ” เวย์ทักขึ้นก่อน เมื่อเห็นโนอาห์เดินกลับมาได้
“ไม่มีไรอ่ะ สักคนแม่งเมา แล้วมาพูดเชี่ยไรมั่วซั่ว” โนอาห์พูดตอบ “แล้วไงพวกมึง จะอยู่ดื่มกันต่อป่าว”
ทุกคนเงียบเสียงพลางมองหน้ากันไปมา
“   ขอโทษด้วยว่ะ แต่พวกกูคุยกันแล้วอ่ะ” ยีนส์มือเบสลุกขึ้นยืนทันที “พวกกูคงต้องกลับบ้านแล้วอ่ะ”
“อ้อ...โอเค ก็ไว้นัดเล่นกันอีกทีตอน....” โนอาห์พยายามจะพูดต่อ
“ไม่เว่ยคือ พวกกูบางคน จะกลับบ้านแบบ กลับต่างจังหวัดเลย” ชีตาร์พูดต่อ ทำเอาโนอาห์เงียบเสียงลง
“คือพวกกูก็เลยคิดว่าต้องบอกมึง” เวย์เห็นท่าทีของคนในวง รวมถึงโนอาห์ด้วย ก็เลยเดินเข้ามาหาเพื่อนทันที “พวกกูสนุกมากเลยที่ได้เล่นดนตรีมากะมึงตั้งหลายปี แต่... พวกกูคิดว่าต้องกลับไปใช้ชีวิตปกติกันแล้วอ่ะดิ”
โนอาห์ยิ้มก่อนจะมองไปหาทุกคน เวย์มือกีตาร์ ยีนส์มือเบส โอ๊คมือกลอง และชีตาร์มือคีย์บอร์ด ทุกคนต่างก็ยิ้มและมองกลับมาหาโนอาห์เหมือนกันทุกคน แววตาที่โนอาห์รู้ดีว่ามันมีความหมายซ่อนอยู่ข้างใน
“เห้ย... กูเข้าใจ” โนอาห์พูดพลางพยายามทำเสียงไม่ให้สั่น “แค่ผ่านโควิดกันมาได้ มันก็สุดยอดแล้วเว่ย กูไม่ว่าพวกมึงหรอก”
และแล้วก็เข้าสู่ความเงียบ
“พวกมึงกลับไปจัดการตัวเองกันอ่ะถูกละ กูลากพวกมึงมาสนุกกะกูตลอดไปไม่ได้อยู่แล้วแหละ กูเข้าใจ” โนอาห์พูดต่อ
“แต่พวกกูไม่เคยคิดว่ามันเสียเวลาเลยนะเว่ย” ยีนส์ว่า “ดูสมาคมดิ เราได้ช่วยนักดนตรีอีกหลายคนเลยนะ”
“และอีกอย่าง เพลงของมึงอ่ะสุดยอด” เวย์ยังคงยิ้มให้และเดินมาตบไหล่โนอาห์
“งั้น....ก็....ขอบคุณพวกมึงมาก แต่....” โนอาห์หยิบแก้วขึ้นมา “หมดแก้วก่อน เคป่ะ”
“ได้เลย”
และทั้งวงก็ชนแก้วเข้าหากันพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่ม
ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุการณ์วันนี้มันจะออกมาแบบนี้ แต่สำหรับโนอาห์แล้ว เขาเข้าใจทุกคนจริง ๆ จากใจ พวกเขาก็เข้าใกล้เลข 3 กันทุกคนแล้ว การเดินทางของวงพวกเขามาถึงจุดนี้ได้ มันก็ไกลมากแล้ว และการได้เล่นด้วยกันในงานสมาคมแบบนี้ ก็เป็นการลงจบที่สวยงามที่สุดแล้ว
“ขอบคุณพวกมึงมากนะเว่ย”
................
โนอาห์เดินสะพายกีตาร์ตัวเองออกจากด้านหลังของห้องจัดเลี้ยงโรงแรม พลางปัดมือถือดูรถที่เขาตั้งใจจะเรียกกลับบ้าน แต่เมื่อเดินลงมาถึงล็อบบี้ของโรงแรมแล้วเขาก็พบกับคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงบันไดขึ้นสุดท้ายของโรงแรม
โนอาห์มองสภาพของร่างนั้นอีกครั้งอย่างเต็มตา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ครั้งนี้เขามอง ไอ้หมอนั่น อีกครั้งอย่างไม่มีอคติ มองแบบตั้งใจและพิจารณาสิ่งที่เห็นแบบหัวจรดเท้า
“ว่า?” โนอาห์เริ่มพูดก่อน
“โอเค ถ้าจะคิดว่าสภาพกูไม่เหมือนโปรดิวเซอร์ มึงก็คิดถูกแล้ว กูโดนแฟนทิ้ง โดนน้องสาวทิ้ง แล้วก็กำลังจะตกงาน ก่อนมาถึงงานกูต้องนั่งไฟฟ้าแล้วต่อมอเตอร์ไซค์มา ตอนกูกระดกเหล้าที่บาร์กูคิดอยากจะตะโกนใส่หน้าทุกคนในห้องว่าหนวกหู และไล่ทุกคนไปตายห่าซะ” ลีโอพูดต่อ
โนอาห์ยังคงเงียบต่อไป
“แต่ตอนกูได้ยินเพลงมึง กูยอมรับว่ากูไม่ได้สนว่าเป็นมึง แต่เพลงมึงมันใช่ และมันทำให้...”
“มึงจำกูไม่ได้ เดินพูดกับกูแบบ... คุณ...ผม... แล้วก็เกือบอ้วกใส่กู งี้?” โนอาห์ต่อคำพูดของลีโอ
“กูจะบอกว่า เพลงมึงดี และกูอยากคุยด้วย กับ...เอ่อ... มึงในร่างนี้ ที่กูเห็นบนเวที ไม่ใช่เอ่อ...ไอ้แว่นเนิร์ตสมัยเรียน ที่กู....” ลีโอพูดแบบพยายามตั้งสติให้มั่นอย่างยากเต็มที ขณะที่โนอาห์มองเมินไปทางอื่นอยู่ครู่หนึ่ง
“กูไม่ได้ชื่อไอ้แว่นเนิร์ต” โนอาห์พูดตอบ “ไปจำชื่อกูให้ได้ก่อนเหอะ”
เขาเดินสวนลงบันไดไป แต่ลีโอก็คว้าแขนไว้
“โนอาห์” ลีโอพูดเสียงสั่น กึ่ง ๆ เมามายในน้ำเสียง “ไปคุยกันก่อน เดี๋ยวกูเลี้ยงเบียร์ เคป่ะ”
โนอาห์นิ่งเงียบก่อนจะหันไปมอง และพิจารณา ไอ้หมอนี่ อีกครั้งหนึ่ง
“นะ ถือว่าคุยกับเพื่อนเก่า” ลีโอยิงหมัดสุดท้าย น้ำเสียงเมา ๆ กึ่งงัวเงีย นี่มันก็ฟังดูน่าหมั่นไส้ชะมัด
สิบนาทีต่อมา โนอาห์นั่งอยู่ที่เลาจ์ของโรงแรมตรงล็อบบี้ ที่ป่านนี้รถแท๊กซี่ที่เขาเรียกไว้และกดยกเลิก คงด่าเขาถึงบุพการีไปแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะสภาพลีโอที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาเขาอดขำและเวทนาไม่ได้
เห็นไอ้ขี้เก๊กในสภาพนี้มันก็สะใจดีเหมือนกัน
“มึงไม่ได้เซ็นสัญญากับศิลปินมา 5 ปี” โนอาห์พูด ขณะที่มองมือถือตัวเองที่เปิดหน้าวิกิพีเดียเอาไว้ “หุ้นส่วนมึงใจกว้างมาก ที่ยังไม่ไล่มึงออก”
“ก็ใกล้แล้ว อ่านต่อดิ” ลีโอพูดขณะที่สภาพของตัวเองเริ่มเละเทะอยู่บนโซฟา
“และล่าสุด ก็เพิ่งเลิกกับนางเอกหน้าใหม่ ที่กำลังจะเซ็นสัญญากับช่องใหญ่แบบปุบปัป” โนอาห์พูดพลางปิดหน้าจอลง “ดราม่าดี แล้วเรื่องนี้เป็นปัญหาของกู เพราะ....”
“ก็ช่างแม่ง... มึงไม่ต้องสนก็ได้... ว่าแต่ใครแต่งเพลงให้มึง” ลีโอยิงคำถามตรงทันที
“กูเขียนเอง” โนอาห์ตอบ
“ไงนะ” ลีโอโงหัวขึ้นมามองหน้าโนอาห์แบบพยายามเต็มที
“ทำไม?” โนอาห์สวนกลับ
“อ้อ....ไม่ธรรมดา....” ลีโอพึมพำ “มึง... มาไกลนะ จากเมื่อก่อน”
“กูไม่ได้มาไกล กูเขียนเพลงมาตั้งนานแล้ว มึงแค่ไม่เห็น และกูไม่ได้เล่นให้ใครฟัง” โนอาห์ตอบ
“กูอยากได้ กูอยากทำเพลงให้” ลีโอยังคงพูดต่อในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนแบบสภาพไม่ไหว
“หมายความว่าไง” โนอาห์
“ก็ทำเพลงอ่ะคับ มาเข้าห้องอัด จับมึงแต่งตัว ถ่ายเอ็มวี เป็นเหมือนที่ศิลปินเขาเป็นกัน” ลีโอพูด
“เซ็นกับมึงอ่ะเหรอ” โนอาห์ว่า “มึงเนี่ยนะ...”
“แล้วมันทำไมวะ” ลีโอถามกลับ
“มึงไม่ได้เซ็นกับใครมาตั้งแต่ก่อนโควิด แล้ววงการเพลงตอนนี้มันก็ห่วยแตก” โนอาห์พูด “แล้วทำไมกูต้องกลายเป็นเด็กปั้น ของคนที่เคยจะจับไอดอลหน้าสวยที่ร้องเพลงยังไม่ตรงคีย์ด้วยซ้ำมาทำโปรเจ็ค ก่อนจะล้มไม่เป็นท่า เพราะเลิกกัน... กูจะได้อะไรไม่ทราบ”
ลีโอถึงกับดีดตัวขึ้นมาทันที
“แรงนะ” ลีโอว่า
“ก็กูพูดเรื่องจริง มึงและไอ้พวกท่าน ๆ ที่นั่งในเก้าอี้ค่ายเพลงพวกนั้นไม่ได้ต้องการกูหรอก มึงต้องการคนขายได้ มึงไม่ได้ต้องการเพลง มึงต้องการคนขายของ” โนอาห์ตอบ
“อินดี้ว่างั้น ศิลปินตัวจริง ไม่มีใครของแท้เท่ามึงแล้วเลยดิ” ลีโอว่ากลับ
“เปล่า กูแค่เป็นนักดนตรี เป็นคนแต่งเพลง ไม่ใช่อินฟลูขายของ” โนอาห์คว้ากีตาร์ตัวเองขึ้นบ่า “มึงไม่เจอสิ่งที่ตามหากับกูหรอก ไปลองนอนซักตื่น สร่างเมาก่อนแล้วคิดใหม่เหอะ”
“แล้วมึงจะร้องเพลงต่อไปเพื่ออะไร วงมึงก็แยกย้ายไปแล้ว หลังจากนี้มึงจะยังไง กลับไปร้องกลางคืนไปเรื่อยงั้นอ่อ” ลีโอถามกลับ “สุดท้ายมึงก็อยากให้มันสร้างงาน สร้างเงินให้มึงอยู่ดีป่ะ ไม่ว่าศิลปินหรืออินฟลู”
โนอาห์หันหลังกลับมามองลีโออีกครั้ง
“แล้วมึงกับคนพวกนั้นหายไปไหน ตอนนักดนตรีไม่มีงาน ไม่มีกิน ไม่มีเงินตอนโควิด” โนอาห์ตอกกลับและทำเอาลีโอเงียบกริบ “แล้วตอนนี้มึงมาดีลกู เพราะอะไรนะ... กูในร่างนี้ ดูดีขึ้น ไม่ใช่ไอ้เนิร์ดแว่นอ่อ...เออ... เหี้ยดี...กูไปละ”
“เหี้ยเดี๋ยว โอเค กูขอโทษ” ลีโอพยายามลุกขึ้นและคว้าแขนของโนอาห์ไว้ เขาหันหลังกลับมาทำหน้าดุ
“กูให้อีกประโยคเดียว” โนอาห์ว่า
“แต่เพลงมึงช่วยฮีลกูไง” ลีโอพูดน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะจ้องหน้าไปที่ดวงตาของโนอาห์ “สิ่งที่เราเห็นตรงกันคือ เพลงมึงดี และกูอยากให้มันส่งต่อให้คนอื่นด้วย เหมือนที่กูได้รับ... นั่นไม่ใช่สิ่งที่เพลงมันทำเหรอ ส่งต่อความรู้สึกผ่านทำนองไปหาคนฟัง”
โนอาห์มองหน้าลีโออยู่อย่างนั้น และมันก็เหมือนหยุดช่วงเวลาบางอย่าง ให้มันหมุนกลับไปในช่วงที่เขามองหมอนี่ผ่าน ๆ สมัยเรียน
ส่งต่อความรู้สึกงั้นเหรอ...
“โอเคมั้ย” ลีโอว่า
โนอาห์ไม่ตอบ เขาหันหลังเดินจากไป
“เห้ย อย่าเพิ่งไปดิ... โนอาห์...โน....”
ตุ๊บ!
ลีโอล้มหน้าคว่ำไปกับพื้นเสียงดังสนั่น เมื่อโนอาห์หันกลับไปมอง ก็เห็นสภาพของลีโอนอนแผ่อยู่กับพื้น
ไอ้เวร... ให้มันได้อย่างนี้ดิ
...................

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 4 – บาง 0.45 มิลลิเมตร

เสียงนาฬิกาปลุกตอนเช้า เรียกให้โนอาห์ลืมตาขึ้น เป็นอีกวันที่หัวของเขาว่างเปล่า ไม่ได้เกี่ยวกับที่เขาดื่มไปเยอะเมื่อคืนหรอก แต่อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวเมื่อคืนมันเต็มไปด้วยเหตุการณ์มากมายที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นแบบประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน วงของเขาแยกย้ายกันอย่างสมบูรณ์ และพร้อมกับเขาได้เจอกับ....ไอ้หมอนั่น
คนที่ไม่เจอกันมาเกือบสิบปี
ตบไหล่ตัวเองให้ตื่นลืมตารับวันใหม่อีกครั้ง และเริ่มต้นจัดการกิจวัตรประจำวันของตัวเอง โดยที่คำพูดของไอ้หมอนั่นยังคงดังอยู่ในหู
เพลงมึงดี และกูอยากคุยด้วย กับ...เอ่อ... มึงในร่างนี้ ที่กูเห็นบนเวที
ภาพความทรงจำสมัยเรียนเข้ามาในความคิด ลีโอพูดถูก
สมัยนั้นเขายังคงเป็นไอ้แว่นเนิร์ตอย่างที่ลีโอเรียก ในขณะที่ลีโอห้อมล้อมไปด้วยสาว ๆ มากมาย ทั้งกลุ่มเพื่อนของเขาต่างพูดถึงหนุ่มหล่อที่ลงเรียน Music Marketing ควบกับวิชาการผลิตไปพร้อมกัน ที่ถือว่าเป็นสองวิชาที่หินในปีสาม ในขณะที่สายดนตรีก็จะไปจมกับวิชาเครื่องดนตรีที่ตัวเองถนัด แต่หนุ่มคนนั้นดันเรียนข้ามสาย แถมทำออกมาได้ดีซะด้วย
อนาคตการงานของเขาเป็นที่จับตามาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่แล้ว
โนอาห์เดินเช็ดหัวตัวเองออกมาจากห้องน้ำ และเริ่มจัดแจงแต่งตัว ขณะที่เขามองไปยังกล่องใส่ปิ๊กกีตาร์อันหนึ่ง มันวางอยู่ตรงโซนวางกีตาร์ ความทรงจำบางอย่างมันก็ผุดขึ้นมา
ถ้าถามว่าเขาและลีโอได้พูดคุยกันบ้างหรือเปล่าสมัยเรียน คำตอบมันเด่นชัด เพราะมันมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และมันทำให้เขาจำได้ไม่ลืม มันเป็นงาน Open House ของคณะเขา และเขาขึ้นเล่นกับวงบนเวที แต่เป็นครั้งแรกที่เขาเล่นแบบ Acoustic Unplugged ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรผิดพลาด มันก็เป็นโชว์ที่ดีโชว์หนึ่ง จนกระทั่ง
“ทีหลังใช้บาง ๆ แค่ 0.45 มิลฯก็พอ”
ไอ้หมอนั่นเดินมาที่ข้างเวที ตบไหล่แล้วพูดกับเขาแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป และด้วยประโยคกำกวมแบบนั้น ทำเอาทั้งวง รวมไปถึงสต๊าฟงานวันนั้นถึงกับหันขวับมามองเขาเป็นสายตาเดียว
อะไรคือ 0.45 มิล ของมึงวะ!!!
แน่นอนว่าหลังจากนั้นมันคือการแซวแบบทะลึ่งตึงตังกันไปอีกหลายอาทิตย์ ซึ่งวันที่เกิดเรื่องเขาเองก็มึนงงพอสมควร จนกระทั่งเขากลับมาที่บ้านและอยู่ในห้องนี้แหละ ตอนที่เขาถอดกางเกงตัวเองออก และเตรียมจะโยนลงตะกร้า เมื่อเขาล้วงไปในกระเป๋ากางเกงตัวเอง เขาก็เจอกับปิ๊กกีตาร์สีขาวที่เขาไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋ากางเกงได้ยังไง
และบนปิ๊กมันก็บอกความบางเอาไว้อยู่ที่ 0.45 mm
ก็จริง! เขาไม่ทันคิด เพราะปกติเขาจะไม่ได้เล่นกีตาร์คนเดียวแบบ Acoustic แต่จะผสมกับวงไปด้วย ไอ้เวย์ที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้าเลยโยนปิ๊กมาให้เขาใช้ ซึ่งความหนาของปิ๊กกีตาร์ไฟฟ้าเมื่อมาใช้กับกีตาร์โปร่งมันให้ความใสของเสียงมันต่างกัน
แต่มันก็แค่เพลงเดียวเอง ต้องทำตัวเป็นคณะกรรมการเลยหรือไง
โนอาห์เอื้อมมือไปหยิบกล่องปิ๊กกีตาร์นั้นขึ้นมา ลองเขย่า ๆ ดู ก็ยังพบปิ๊กอันนั้นนอนอยู่ที่ก้นกล่อง เขาไม่เคยได้หยิบมาใช้หรอก แต่ก็ยอมรับว่าหลังจากนั้นเขาก็จะซื้อแต่ 0.45 มิลลิเมตรมาใช้ และไม่เคยยืมไอ้เวย์อีกเลย และก็ซื้ออยู่เรื่อย ๆ
โนอาห์ยิ้มให้กับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเช็กความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งและเปิดประตูออกจากห้องนอน เมื่อเดินผ่านโซฟาของตัวเอง เขาเหลือบไปมองอยู่หนึ่งครั้ง ก่อนจะถอนหายใจ และตัดสินใจกระตุกผ้านวมออกทันที
“งื้อ” เสียงงัวเงียของไอ้ตัวปัญหาดังขึ้นทันที และดูเหมือนเสียงและสภาพร่างกายที่เห็นตรงหน้า มันจะยังไม่พร้อมตื่นเสียด้วย โนอาห์จึงเดินไปเปิดผ้าม่านของตัวเองให้แสงแดดสาดเข้ามาอย่างเต็มที่
“เชี่ย...” ลีโอร้องพลางเอามือมาบังหน้าตัวเอง ก่อนพยายามจะลืมตาขึ้นมา และเจอโนอาห์ยืนมองอยู่อย่างนั้น
“นี่ไม่ใช่โรงแรมนะ ตื่นได้ละ” โนอาห์พูดเสียงเรียบ
“เชี่ย... กูอยู่ไหนเนี่ย” ลีโอพูดเสียงัวเงีย
“บ้านกู” โนอาห์พูดต่อ “ถ้าห้องโรงแรมไม่เต็ม กูไม่แบกมึงกลับมาด้วยหรอก จะลุกไม่ลุก อย่าลีลา”
โนอาห์ว่าพลางเดินตัดโซฟาไปที่โซนซิงค์ครัว ขณะที่ลีโอพยายามเอาตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
“ปวดหัวชิบ” ลีโอตบคอตัวเองเบา ๆ “กี่โมงแล้ววะเนี่ย”
“สิบโมง” โนอาห์ตอบ “กูมีกาแฟกับขนมปัง มึงจะเอาป่ะ”
“เออ...เอา” ลีโอตอบ “เชี่ย... มึงเปลี่ยนเสื้อให้กูอ่อ”
“ก็มึงอ้วก จะให้โซฟาบ้านกูเลอะอ่อ ก็ไม่ใช่มั้ย” โนอาห์ตอบ “ของมึงดำเลยนะ”
“เดี๋ยว...ดำเชี่ยไร ทะลึ่งละ” ลีโอว่า
“กูหมายถึงกาแฟ จะเอาดำเลยใช่ไหม อเมริกาโน่ไง คิดเชี่ยไรเนี่ย” โนอาห์พูดเรียบ ๆ
“อ...เออ... ก็ดำ” ลีโอพูดขณะที่มองโนอาห์นั่งทำอาหารเสียงก๊อกแก๊ก ก่อนจะมองไปรอบ ๆ มันช่างแปลกตาที่บ้านเป็นหลังแบบนี้ แต่กลับไม่เจอใครเลย และทุกอย่างก็มีกลิ่นเก่า ๆ อย่างประหลาด เสียงเครื่องบดกาแฟค่อย ๆ ทำให้ลีโอรู้สึกตื่นอย่างเต็มตามากขึ้น ก่อนจะคว้ามือถือของตัวเองมาดูและเริ่มไล่อ่านข้อความ ฟิวส์โทรหาเขาสามครั้งแล้ว และนั่นทำให้เขายิ่งตื่นเต็มตามากขึ้นไปอีก
ขณะที่โนอาห์เดินเอากาแฟและขนมปังมาวางไว้ตรงหน้า
“ขอบใจ” ลีโอพูด ขณะที่โนอาห์ยืนพิงเคาท์เตอร์ครัวอยู่อย่างนั้น และมองลีโอโดยไม่พูดอะไร
“เดี๋ยวกูจะไปข้างนอกแล้ว จะออกไปด้วยกันเลยไหม หรือจะให้กูเรียกรถให้” โนอาห์ถาม
“เดี๋ยวขอกู...เอ่อ...ตั้งสติแปบ” ลีโอตอบ ขณะที่เสียงมือถือดังขึ้นอีก และครั้งนี้เป็นฟิวส์ เขารีบกดรับทันที “ฮัลโหล.. เออ....”
ลีโอเหลือบมองโนอาห์อยู่แว้บหนึ่ง ก่อนจะฟังเสียงในโทรศัพท์ต่อไป
“เออ... กูรู้แล้ว เดี๋ยวได้เรื่องแล้วเข้าไปอัพเดทเอง... แล้วบอกมันด้วย ว่ามันไม่มีสิทธิ์แตะของให้ห้องสตูกู โอเค๊ เออ... กูยังไม่ตาย .. เออ เดี๋ยวเข้าไป แค่นี้นะ” ลีโอกดวางสายทันที
“กลับเลยใช่มั้ย” โนอาห์ถามอีก
“เห้ย ไม่ต้องรีบไล่ก็ได้ ขอกูตั้งสติแปบดิวะ” ลีโอพูดต่อ “กูยังไม่อยากไปไหนทั้งนั้นอ่ะ”
“ทำไม คีย์การ์ดคอนโดมีตั้งสองใบ แต่เข้าห้องตัวเองไม่ได้อ่อ” โนอาห์พูดเหน็บทันที
“มึงรู้ได้ไง” ลีโอหน้าเสียขึ้นมาทันที ขณะที่โนอาห์พยักพเยิดไปที่กองของของลีโอที่วางอยู่ยนโต๊ะ พร้อมชุดของเขาเมื่อคืนที่ซักรีดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว โดยมีคีย์การ์ดสองวางอยู่บนผ้าที่พับไว้ โดยใบหนึ่งมีรูปคู่ห้อยอยู่ที่พวงกุญแจ โนอาห์ยิ้มกริ่มเบา ๆ ก่อนจะทำเป็นเมินหน้าหนี
“เอ๊า... ของส่วนตัวมั้ย” ลีโอรีบคว้ากลับมา
“มึงควรจะขอบคุณที่กูเก็บมาให้ เพราะตอนมึงน๊อคหน้าฟาด ของมึงก็ร่วงกับพื้นหมด” โนอาห์พูดกลับ “มึงหมดสภาพก็คือหมดไง ไม่เห็นต้องหัวเสีย”
ลีโอมองหน้าโนอาห์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจและจิบกาแฟไปอีกหนึ่งคำ
“เออ... ก็ ยังไม่อยากกลับไปเจอว่า... ไม่มีใครอยู่แล้ว” ลีโอตอบ “ไม่มีใครทนได้หรอกมั้ย กลับไปเจอความว่างเปล่าในบ้านตัวเองอ่ะ”
“ไม่ช้าก็เร็ว มึงก็ต้องยอมรับความจริงอยู่ดี” โนอาห์ว่า
“มึงซักเสื้อให้กูพอ ไม่ต้องซักประวัติคนไข้ กูไม่ได้มาปรึกษาปัญหาหัวใจครับหมอ” ลีโอกวนกลับ โนอาห์หัวเราะเบา ๆ
“มึงตั้งสติมาจะสิบนาทีแล้ว สรุปมึงจะเอายังไง จะกลับไม่กลับ หรือจะไปไหน ยังไง” โนอาห์ถามต่อ ลีโอมองหน้าเขากลับ
“มึงต่างหากจะเอาไง” ลีโอว่า
“เอาไงอะไร” โนอาห์ตอบกลับงง ๆ
“ก็เรื่องเมื่อคืนที่กูถามไง เรื่องเซ็นสัญญา” ลีโอตอบ
“นี่มึงพูดจริงเหรอเนี่ย กูนึกว่ามึงพูดเพราะเมา” โนอาห์ถาม
“กูเมา แต่กูไม่ได้พูดเล่น กูพูดจริง ๆ แล้วดูมึงดิ” ลีโอมองโนอาห์อีกครั้ง หัวจรดเท้า และมองไปรอบ ๆ บ้าน “มึงโคตรไม่เหมือนเดิมเลยอ่ะ สมัยเรียนมึงไม่ใช่ลุคนี้แน่ ๆ กูว่าถ้าเพิ่มชุดเข้าไปหน่อย จัดคอนเซปต์อัลบั้มดีดี เอ็มวีดีดีซักตัว กูว่า...”
โนอาห์หัวเราะออกมาทันที ลีโอถึงกับชะงัก
“มึงขำอะไร กูชมมึงอยู่นะ” ลีโอว่า
“กูแค่ตลก ที่มึงกำลังบอกนักแต่งเพลงให้ต้องแต่งตัวยังไงเพื่อให้มีคนฟังเพลง กูว่าแม่งเป็นอะไรที่โคตรเฟค” โนอาห์ว่า “กูคิดว่าเพลงเป็นเรื่องของเสียงและทำนอง ไม่ใช่หน้า แล้วกูก็อายุจะ 30 แล้ว ไม่ใช่วัยรุ่นที่มึงจะจับไปเล่นเอ็มวีน่ารัก ๆ แล้วจะเด็ก ๆ มากรี๊ดแบบศิลปินในค่ายมึง เพราะกูคงไม่ลงไปเต้นเป็นไอดอล หรือเล่นซีรีส์วายเพื่อขายเพลง... ไม่ล่ะขอบคุณ”
“กูนึกว่าเราเข้าใจกันแล้ว ว่ามึงอยากส่งต่อเพลงของมึง และกูอยากทำให้มันง่ายขึ้นด้วยการปั้นมึง” ลีโอตอบ “มึงคิดว่ามึงจะขึ้นเวทีไปเพียว ๆ โดยไม่มีลุคเหรอ ดนตรีไม่ได้มีแค่นั้น เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ดนตรีได้ทำหน้าที่ของมัน”
“กูกำลังให้คนสร่างเมาสอนวิชา Music Marketing เหรอวะ” โนอาห์ว่า “กูไม่ได้อยากส่งต่อเพลงให้ใคร กูเขียนเพลงขำขำ”
“แล้วมึงเขียนไปเพื่อ?” ลีโอว่าต่อ
โนอาห์ยังคงเงียบและยกกาแฟขึ้นจิบ
“สรุปมึงจะตอบกูได้ยัง ว่าจะไปไหนต่อ” โนอาห์ว่า
“สรุปมึงจะตอบกูได้ยังว่าจะเซ็นไม่เซ็น” ลีโอจี้อีก
โนอาห์ยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งเป็นคำตอบพร้อมสายตาที่ว่างเปล่า
“โอเค งั้นมึงติสต์ต่อไป” ลีโอว่า พลางหยิบข้าวของตัวเอง “กู...จะเอาเสื้อมาคืนวันหลังละกัน เดี๋ยวกูเรียกรถเอง”
ลีโอกุลีกุจอปัดมือถือเพื่อเรียกรถ ขณะที่โนอาห์มองลีโอเดินออกไปที่ประตูหลังบ้าน
“ไม่ใช่ประตูนั้น โน่น ประตูโน้น” โนอาห์พูดเสียงเรียบ
“เออ กูรู้แล้ว ฝากบอกแม่มึงด้วย ว่าขอบคุณที่ซักเสื้อให้ รีดให้” ลีโอว่า พลางมองหารองเท้าตัวเองที่หน้าประตู
“อยู่ในตู้ข้าง ๆ” โนอาห์ตอบแทน
ลีโอหันมามองตาเขียวแว้บหนึ่ง ก่อนจะเปิดตู้และหยิบรองเท้าตัวเองออกมา แต่ทว่าสิ่งที่เขาเห็นหลงเหลือในตู้คือรองเท้าเพียงแค่สองคู่ เป็นรองเท้าผ้าใบและรองเท้าแตะเท่านั้น และนั่นทำให้ลีโอชะงักงันไปบางอย่าง ก่อนที่เขาจะปิดตู้และหันไปมองโนอาห์ และบ้านรอบ ๆ
“มึงอยู่บ้านนี้คนเดียวเหรอ”
โนอาห์ไม่ตอบอะไร ก่อนจะหลบสายตาลง
“เดี๋ยวรถก็มาหรอก” โนอาห์ตอบอย่างเรียบง่าย โดยที่ลีโอสัมผัสบางอย่างได้จากตัวของโนอาห์ทันที
..............

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 5 – ร้องให้ดังกว่าเดิม

   “อ้าว น้องโน วันนี้มาสายเชียว เมื่อคืนดึกเหรอจ้ะ” เสียงของป้ามลดังขั้นทันที เมื่อโนอาห์เดินเข้ามาถึงมูลนิธิ เขายิ้มกว้างพลางทักทาย
   “ครับ... เมื่อคืนมีงานสมาคมครับป้า นี่.. ผมเอามาฝากด้วย” โนอาห์หยิบเอาหนังสือสองสามเล่มออกมาจากกระเป๋าเป้ทันที “เผื่อให้ไอ้เก็ต เห็นมันบอกอยากอ่าน”
   “โห... ขอบใจจ้ะ นี่มันก็ใกล้สอบเทียบละ แล้วกินไรมาหรือยัง” ป้ามลถาม
   “เรียบร้อยแล้วครับ งั้นผมเข้าไปนะ สายมากละ เดี๋ยวจะ....” โนอาห์ว่า
   “เอ่อ... เดี๋ยว ๆ โนอาห์ ป้าขอคุยด้วยหน่อยสิ” ป้ามลเดินออกมาจากหน้าเคาท์เตอร์ก่อนจะจับตัวโนอาห์ และพามานั่งคุยที่โต๊ะอย่างจริงจัง
   “ครับป้ามล มีอะไรครับ” โนอาห์ถามเสียงจริงจัง เมื่อเห็นท่าทีของป้ามล
   “ได้ดูข่าวหรือเปล่า เรื่อง... ประกาศรัฐบาลเมื่อวาน” ป้ามลถามเสียงเครียด
   “เอ่อ... ไม่ได้ตามเลยครับ พอดีก่อนงานสมาคม พวกผมติดซ้อมกับวง ก็เลย....” โนอาห์ตอบ
   “ไม่เป็นไร ๆ คือ.. งบประมาณปีหน้ามันเคาะกันจบแล้ว และมูลนิธิโดนลดงบลง” ป้ามลพูดน้ำเสียงเบาลง เพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ ได้ยิน
   “ป้ามล ผมบอกแล้วไง ป้าไม่ต้องซีเรีนสเรื่องค่าตัวผม ป้าสะดวกแค่ไหน ป้าจ่ายเท่านั้นเลย จริง ๆ ผมมาฟรีก็ได้นะ ผมอยากมา” โนอาห์ว่า
   “ป้ารู้ว่าโนอาห์เคยบอก แต่ป้าไม่อยากให้โนมาฟรี ยังไงป้าก็ต้องจ่าย แต่...” ป้ามลดูมีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดจนโนอาห์สัมผัสได้
   “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
   “คราวนี้เราอาจจะ อยู่ได้อีกไม่นาน” ป้ามลตอบ “มันไม่ใช่แค่เรื่องจ้างโนไหวไม่ไหว แต่... เขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะ... ดูแลเด็กพวกนี้”
   โนอาห์เงียบเสียงลงทันที
   “มีคลิปไหมครับ ผมจะดูอภิปรายย้อนหลัง” โนอาห์ถาม
   “ไม่ต้องหรอก มันก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรชัด ๆ พวกเขาไม่โง่หรอก” ป้ามลตอบ “แต่... เด็กพวกนี้ก็ไม่ใช่เด็กกำพร้า หรือเหยื่อความรุนแรงทางเพศถูกไหมล่ะ”
   โนอาห์ถอนหายใจพลางเมินหน้าหนีจากป้ามล
   “แล้วถ้าไม่มีตรงนี้ จะยังไงต่อคับ พวกเขาจะยังไง” โนอาห์ถาม
   “จริง ๆ มันก็แค่ไม่ต้องรับเด็กมาเพิ่ม ก็ดูแลล็อตที่เหลือทั้งหมดให้พวกเขาไปใช้ชีวิตต่อให้ได้ มันก็...จะพอดีกับที่งบเราดูแลได้” ป้ามลตอบ
   “สี่คนสินะคับ ดิว เบียร์ เมญ่า แล้วก็ไอ้เก็ต” โนอาห์ตอบ
   “อื้อ ป้าก็เลยต้องมาบอกโน ว่าถ้ายังไง ก็อยากจะให้พวกเขามีงานทำ แล้วก็สอบเทียบ หลังจากนี้ก็จะได้...” ป้ามลพูดพลางมองไปที่ห้องหนังสือ
   “เข้าใจครับ... ผมจะ... ช่วยเข็นพวกมันเอง... โดยเฉพาะไอ้เก็ต ป้าไม่ต้องห่วง” โนอาห์ยิ้มให้ป้า ก่อนจะลุกขึ้น “มันอาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น... ลองสู้กันดูซักตั้งป้า ผมไปดูมันก่อนนะ”
   โนอาห์ก็ลุกเดินไปที่ห้องหนังสือและเปิดประตูเข้าไป และเจอกับไอ้เก็ตที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เก็ตหันมามองโนอาห์พลางยิ้มกว้าง
   “โห.. วันนี้พี่มาสาย” เก็ตร้อง
   “ทำไม มาสายแล้วอ่านเองไม่เป็นอ่อ” โนอาห์พูดต่อ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ น้องทันที
   “ก็เปล่า... ก็มันไม่มีใครให้ถามอ่ะ” เก็ตว่า “ทำไม พี่คิดว่าผมจะทำเองไม่ได้อ่อ”
   “พี่คิดไงไม่สำคัญหรอก แกต้องทำเองให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เข้าใจป่าว” โนอาห์ว่า “ไหน ดูดิ๊ อ่านไปถึงไหนละ”
   โนอาห์เลื่อนดูกระดาษที่เก็ตทำสรุปเอาไว้จากหนังสือ และไล่ตรวจเช็คดู
   “เออ ใช้ได้... แต่เวลาแกอ่านมาถึงช่วงกลาง ๆ เล่มแล้วอ่ะ อย่าคิดว่าเข้าใจบริบทหนังสือแล้วจะข้ามไปนะ ให้อ่านละเอียดเท่าเดิมเข้าใจป่าว แล้วมีคำไหนไม่เข้าใจบ้างป่าว” โนอาห์ถามต่อ
   “ก็...มีเซ็ตพวกนี้อ่ะ” เก็ตหยิบกระดาษอีกแผ่นแล้วยื่นมาให้โนอาห์ เขารับมันมาและเริ่มเปิดโทรศัพท์ตัวเองเพื่อไล่ดูคำศัพท์ “อ่านต่อไป ๆ ... เดี๋ยวค่อยมาไล่ดูทีละคำ เคป่าว”
   “โนอาห์ เพื่อนมาหาแหนะ” เสียงป้ามลเปิดประตูห้องหนังสือเข้ามา เมื่อโนอาห์หันไป ก็เจอเวย์ที่ยืนอยู่กับป้ามล มันส่งยิ้มให้กับโนอาห์อยู่ตรงนั้น แม้จะไม่สามารถซ่อนสีหน้าเป็นกังวลเอาไว้ได้
………………..
   โนอาห์นั่งมองกระดาษจดคำศัพท์ของเก็ตไปเรื่อย ๆ ขณะที่เวย์นั่งอยู่ข้าง ๆ
   “กูแวะมาดูว่ามึงโอเคหรือเปล่า” เวย์ออกปากถามก่อนทันที
   โนอาห์ยังคงมองแผ่นกระดาษของเก็ตก่อนจะขำเบา ๆ
   “อะไรทำให้มึงคิดว่ากูไม่โอเค” โนอาห์ว่า
   “เพราะกูรู้จักมึงไง กูเลยไม่อยากไปโดยไม่ได้ถามว่ามึงโอเคจริงหรือเปล่า” เวย์ถาม
   “มึงไปเหอะ มึงได้เจอป๊ามึงมาเท่าไหร่ละนะ 3 ปีละป่ะ กูขี้เกียจโกหกป๊ามึงแล้วด้วยเวลาเค้าโทรมา” โนอาห์ตอบ “มีกิจการที่บ้านให้กลับไปทำมึงควรจะดีใจนะเว่ย มึงก็จะได้มีอะไรทำ”
   “กูดูข่าวเมื่อวาน แล้วก็เจอป้ามลแล้ว... ที่นี่อยู่ได้อีกเท่าไหร่วะ” เวย์ถามเข้าตรงประเด็นทันที โนอาห์เงียบเสียงลง
   “ประมาณปีนึง ถ้าอภิปรายรอบสองไม่มีอะไรแก้” โนอาห์ว่า “ก็เหลือเด็กอีกสี่คน กูก็... แค่ต้องจัดการไอ้เก็ตให้เรียบร้อย”
   “แม่งไม่แฟร์เลยว่ะ เด็กมีคดีแล้วยังไงวะ แม่งไม่แหกตาดูหรือไงว่าที่เด็กมันต้องออกไปเรียกร้องตอนนั้นสภาพสังคมแม่งเป็นไง ขนาดพวกเรานักดนตรีแม่งยังเอาตัวแทบไม่รอด” เวย์เริ่มบ่น
   “โมโหไปก็ไม่ช่วย กูทำเท่าที่ทำได้ดีกว่า ไว้มีโอกาสโวยค่อยฟาดพวกแม่งทีเดียว” โนอาห์พูดติดตลก
   “แล้วถ้าสมมติแม่งไม่มีโอกาส แล้วที่นี่ไม่ได้ไปต่อ มึงจะทำไรวะ ร้องกลางคืนอย่างเดียวอ่อ” เวย์ถามต่อ
   “กูมีบ้านนะ แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนขนาดนั้น....” โนอาห์ตอบ
   “เออ... กูรู้ว่าแค่ที่แม่มึงทิ้งไว้ให้ มึงก็อยู่ได้ แต่กูว่านั่นแหละปัญหา กูกลัวมึงอยู่คนเดียว” เวย์พูดทันที
   โนอาห์เงียบลงทันที พลางวางกระดาษลง
   “ก็... กูก็อยู่ของกูมาได้ตั้งหลายปีป่ะ” โนอาห์ว่า
   “กูรู้นะว่าความฝันของมึงคือทำวง แล้วให้พวกเราอยู่ด้วยกัน” เวย์พูด “กู...ขอโทษนะเว่ย ที่กระจอกเอง กูแม่ง สู้ไปกะมึงไม่พอว่ะ”
   “กูบอกมึงแล้วไงว่ากูเข้าใจ พวกมึงมีชีวิตที่ต้องไปรับผิดชอบนะเว่ย” โนอาห์ว่า “กูก็มีไอ้เก็ตนี่ไง ก็ต้องดันแม่งไปจนเรียนจบแหละ”
   “แล้วหลังจากนี้อ่ะ ฝันต่อไปของมึงคืออะไรวะ” เวย์ถาม โนอาห์หันมามองเขาทันที และก็เข้าสู่ความเงียบสนิท
   นั่นสิ... ความฝันอันต่อไปคืออะไร
   “เชี่ย... เดี๋ยวกูต้องไปแอร์พอร์ตละ เดี๋ยวไม่ทัน” เวย์พูดพลางดูมือถือตัวเอง “มึง...มีอะไรมึงก็.. ทักหากูได้ตลอดนะ กูเป็นห่วงมึงนะเว่ย”
   “เออ... ขอบใจ... ไม่มีไรหรอก กูไม่คิดมากหรอก ก็เนี่ย... ก็ถ้าไม่มีอะไรทำ กูก็ออกมาสู้กับป้ามลนี่แหละ หาคนมาสนับสนุนเพิ่มไง ภารกิจยิ่งใหญ่ ความตั้งใจเด็ดเดี่ยวป่ะล่ะ” โนอาห์พูดติดตลกเพื่อดึงบรรยากาศ
   “ไอ้ห่า...” เวย์หัวเราะเบา ๆ พลางสะพานเป้ขึ้นบ่า “กูไปล่ะ”
   “เออ เดินทางปลอดภัย ถึงแล้วมึงก็ทักมาละกัน” โนอาห์โบกมือ
   “เออ...” เวย์พูดพลางหันหลังไปมองมูลนิธิของป้ามลด้านหลัง “ถ้าวงเราแม่งดังกว่านี้ หรือมึงเป็นอินฟลูไปเลย ก็น่าจะช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ป้ามลได้นะ กูแม่ง สงสารเด็ก ๆ ว่ะ”
   “เปิด ตต. เต้นเลยไหมล่ะ โชว์กล้ามมึงไง” โนอาห์พูดแซว
   “ไอ้สัด... ไปละ โชคดีมึง”
   โนอาห์โบกมือลา ขณะที่มองเวย์เดินออกไปจากมูลนิธิ เขาหันหลังกลับไปมองป้ามลที่กำลังนั่งสอนหนังสือให้เมญ่า เขาถอนหายใจก่อนจะมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง
   เป็นอินฟลูเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้เรื่องพวกนี้เหรอ...
   
   สุดท้ายมึงก็อยากให้มันสร้างงาน สร้างเงินให้มึงอยู่ดีป่ะ ไม่ว่าศิลปินหรืออินฟลู
   เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ดนตรีได้ทำหน้าที่ของมัน

   เสียงของหมอนั่นแทรกเข้ามาในความคิดของโนอาห์เสียอย่างนั้น
   “ให้ตายเหอะ” เขาสบถกับตัวเองให้กับความคิดน่าเวทนาที่แว้บเข้ามาในหัว
..................
ลีโอเดินเข้าออฟฟิศซีชาร์ปมิวสิคอย่างรีบร้อน ขณะที่ตัวเขายังคงเฝ้ารอโทรศัพท์ที่ไม่มีวันดังจากคนที่ไม่อยู่กับเขาอีกแล้วมาสองวัน และนั่นทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าอย่างจับใจ เพราะสถาพคอนโดของเขาไม่ต่างอะไรจากการถูกยกเค้า หลังจากที่เขากลับไปถึง ข้าวของแทบจะครึ่งต่อครึ่งหายไปทันที อาจจะเพราะของใช้ของผู้หญิงมันมีเยอะกว่าผู้ชายด้วย
ซึ่งมันกระทบกับสภาพจิตใจของเขาโดยตรง
แต่เมื่อเขามาถึงห้องทำงาน เขาก็พบกับกล่องใส่ของขนาดใหญ่อีกหลายใบ วางกองอยู่ที่หน้าประตูทันที
“เชี่ย อะไรกันวะ” ลีโอร้องทันทีเมื่อเปิดประตูเข้าไป
“รู้ไหม วันนี้วันอะไร และกี่โมงแล้ว” เสียงของต้าดังขึ้นพร้อมกับลีโอที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของลีโอ เจ้าตัวทำคอตกทันที ก่อนจะหันหน้าไปหาหุ้นส่วน
   “ฟิวส์ออกไปก่อนไป” ลีโอหันไปหาผู้ช่วย
   “ไม่ต้อง ๆ ฟิวส์อยู่นี่ เพราะน้องมันกินเงินเดือนฉัน มันเลยมาช่วยกูเคลียร์ของ แต่มึง... ไม่แน่” ต้าพูดเสียงเข้มขณะที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ลีโอมากขึ้น “มึงรับปากกูไว้ว่าไง”
   “ใช่ คือกู...”
   “ว่าไง....เพื่อน” ต้ากอดอกยืนฟังอย่างวางท่า ขณะที่ลีโอถอดหายใจ “งั้น มันก็คือคำตอบ ว่าทำไมกูต้องเคลียร์ของมึง”
   “มึงไล่กูออกจากบริษัทตัวเองไม่ได้” ลีโอตวาดทันที
   “บริษัทมึงอ่อ 5 ปีที่ผ่านมามึงทำกำไรให้บริษัทบ้าง ไหนเอาตัวเลขมาดูหน่อย” ต้าว่า ลีโอเงียบกริบ “กูแบกบริษัทมาคนเดียว ขณะที่มึงออกไปเที่ยวเล่นกับไอดอลที่กูไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย”
   “มึงจะขุดเรื่องนี้อีกกี่รอบวะ แล้วกูจะรู้มั้ย ว่าแม่งจะ...”
   “ทิ้งมึงเหรอ... แล้วมึงจะให้กูพูดอีกกี่รอบว่าอย่าลงไปคลุกวงในกับศิลปิน กูเตือนมึงแล้วใช่ไหม” ต้าว่า “กูไม่ใช่แค่เตือนมึงในฐานะหุ้นส่วน แต่กูก็เตือนมึงในฐานะเพื่อนเหมือนกัน มึงไม่เคยฟังกูเลย และตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา มึงก็ไม่ได้พยายามที่จะหาโปรเจ็คมาให้กูด้วยซ้ำ นอกจากเมาแล้วก็แฮงค์ไปสองวัน”
ลีโอเหลือบมองไปหาฟิวส์ทันที
“ไม่ต้องไปโทษน้องมันหรอก มันต้องรายงานกูอยู่แล้ว” ต้าว่า
“ถ้ามึงทำประโยชน์ไม่ได้ กูก็จะทำห้องนี้เป็นห้องซ้อมเต้น เก็บของมึงไปให้หมด” ต้าว่า “แล้วมึงค่อยมาเซ็นเอกสารมอบอำนาจผู้ถือหุ้น แล้วก็จบกัน”
ต้าเดินตัดลีโอออกไปจากห้องทันที

“This is only me. Get down on my knee. In the lonely night.....”

เสียงดนตรีดังขึ้นจากคลิปวีดีโอที่ลีโอเปิดขึ้นมาทันที เขาหมุนมือถือและโขว์ให้ต้าเห็นคลิปจาก Live ของงานสมาคมนักดนตรีที่แชร์ผ่านเพจของสมาคมเอาไว้
“สามพันแชร์ในสองคืน” ลีโอพูดขึ้น “และเพลงนี้ วงนี้เขาแต่งเอง”
ต้าเดินกลับเข้ามาทันที และเดินเข้ามาหาลีโอใกล้ขึ้น เพื่อดูคลิปในมือถือให้ใกล้ขึ้น
“เท่าไหร่นะ” ต้าพูดช้า ๆ
“สามพันแชร์สองคืนเหรอ ก็ประมาณห้าหมื่นเอนเกจในยี่สิบสี่ชั่วโมง” ลีโอว่า “มึงจะไม่ฟังเพลงเขาดีดีก่อนหน่อยเหรอ”
“ไวรัลคีย์คือ?” ต้าถามต่อ
“เอาจากความคิดกู หรือเอาจากชาวเน็ต” ลีโอว่าต่อ
“การตลาด” ต้ายิ้มตอบ
“ถ้าเอาชาวเน็ตทั่วไป ก็นักร้องหล่อ มือเบสน่ารัก” ลีโอกลั้นหายใจก่อนจะพูด “แต่ตัวเพจเป็นของสมาคมนักดนตรี ศิลปินบางคนที่ไปงาน แชร์คลิปของเพจไป คนก็เลยเห็นเยอะ”
“วงคั่นเวลาเหรอ” ต้าว่า
“คนเข้าไปดูเพราะมายดิไอคอนจะขึ้นต่อ วงนี้ก็เลยได้ยอด” ลีโอว่า “คนที่ติดตาม ก็เป็นคนฟังเพลงเพราะศิลปินดีดี เพจสมาคมมีคนติดตามเยอะเพราะตอนโควิดมีศิลปินหลายคนเคยมาเล่นสดผ่านเพจ แล้ว....”
“พูดคุยเบื้องต้น?” ต้ายิงคำถามต่อ
“อินดี้ ไม่เอากระแส แต่งเพลงขำขำ ไม่ใช่วงวัยรุ่น” ลีโอตอบ
“งั้นก็งานหิน” ต้าเม้มปาก “กูจะได้อะไร”
“เราจะได้อะไรอ่ะเหรอ” ลีโอทวนคำอีกครั้ง
“ใช่... เรา...ใช่ เราจะได้อะไร” ต้ากระแอมคอหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันมามองลีโอใหม่
“เราเป็นนักขุดทองเพื่อน ลองนึกถึงซีโจ เบลลี่ ที่เราปลุกมาจากหลุมที่ตายไปแล้วของแร๊พไทย หรือนอร์แมน ตอนนี้ไม่มีใครดังเท่าเขาอีกแล้ว” ลีโอพูดต่อ
“มึงก็รู้ว่าตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น ถ้าเราไม่ทำการตลาด ศิลปินไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ออกกล้อง มันก็ไม่มีใครฟัง” ต้าว่า “มึงจะให้กูลองเสี่ยงกับวิธีแบบเก่า ๆ เหรอ เพลงดียังไงก็มีคนฟังงี้อ่ะนะ ตื่นเพื่อน”
“เปล่า กูแค่จะบอกมึงว่า เราอาจจะกำลังมองหาศิลปินที่บอกอะไรบางอย่างให้กับคนฟัง บอกเรื่องราวจริง ๆ ที่เป็นตัวตนจริง ๆ ของเขา แล้วสุดท้ายพอเขาเป็นตำนาน เราก็....” ลีโอว่า
“ไม่มีใครดังเพราะมีตัวตนจริง ๆ ซักคน ทุกคนที่ผ่านมา ฝีมือเราปั้นทั้งนั้น” ต้าว่า
“มึงบอกเอง ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น และเราทำธุรกิจ ความเสี่ยงเป็นเรื่องจำเป็น” ลีโอตอบเสียงเรียบ
และแล้วก็เงียบกันไปช่วงเวลาหนึ่ง ขณะที่ต้ามองหน้าลีโออยู่อย่างนั้น
“เดโมใช้เวลาเท่าไหร่” ต้าถาม
“กูขอสาม” ลีโอตอบ
“ไม่... มึงติดโปร กูให้สองเดือน” ต้าบอกพลางมองไปที่ฟิวส์ “เอ๊า... เก็บของให้พี่เค้าดิ”
ต้าหันหลังเดินออกจากห้องไปทันที ขณะที่ลีโอพ่นลมถอนหายใจออกมา
“เชี่ย” ฟิวส์ร้องออกมา
“เออ... กูรู้” ลีโอว่า “เขายังไม่ได้ตอบตกลงเรา แต่ถ้ากูไม่ทำแบบนี้...”
“เปล่า... ผมหมายถึง ผมต้องมาเก็บของที่ผมเพิ่งเอาลงกล่องไปเนี่ย” ฟิวส์โวยวายใส่หน้าลีโอ “แต่...พี่ว่าไงนะ เขายังไม่ได้ตกลงเหรอ แล้วพี่ไปรับปากเขาได้ไง สองเดือน พี่บ้าป่ะเนี่ย”
“มันก็ต้องบ้าอยู่แล้ว” ลีโอพูด “เจอของดี เราก็ต้องมีลูกบ้าเว่ย.... เอ๊า รออะไรอ่ะ เก็บ! ของกู”
..................

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 6 ก้น และ ต้มจืดไข่น้ำ

โนอาห์เดินกลับบ้านหลังจากไปที่มูลนิธิในต้นสัปดาห์ต่อมา ช่วงเวลาที่เก็ตกำลังใกล้สอบเทียบ ทำให้เขามีหลากหลายความคิดวนเวียนตีกันในหัว ในฐานะผู้ปกครอง เขาต้องทำอย่างเต็มที่ให้เก็ตสอบให้ผ่านและเริ่มต้นชีวิตนักศึกษาให้ได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาคาบลูกคาบดอกเอามาก ๆ หลังจากนี้ก็ตาม เมื่อก้าวเท้ามาถึงประตูบ้าน เขาก็พบว่ามนุษย์ที่เขาเพิ่งเจอไปเมื่ออาทิตย์ก่อนมายืนรออยู่
“มึงมาทำไมเนี่ย” โนอาห์ร้องถาม
“ก็... เอาชุดมาคืนมึงไง” ลีโอทำหน้าตากวน ๆ ก่อนจะยิ้มให้และยื่นถุงให้เห็นตรงหน้า โนอาห์ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเดินตัดเขาไปเปิดประตูบ้าน
“งั้นก็เอามาดิ” โนอาห์หันไปหาลีโอหลังจากไขประตูบ้านเสร็จ
“โห.. จะไม่เชิญเข้าบ้านหน่อยเหรอ” ลีโอทำเสียงออดอ้อน
“จะเอาอะไรอีก” โนอาห์ว่า “กูบอกแล้วไง ว่ากูไม่เซ็น”
โนอาห์พูดเสียงแข็งก่อนจะเดินตัดเข้าบ้านทันที ลีโอรีบแทรกตัวตามเข้ามาทันทีก่อนที่โนอาห์จะปิดประตูรั้ว ซึ่งทำเอาโนอาห์ถึงกับกลอกตาทันที ขณะที่ลีโอยิ้มกริ่มกวน ๆ ใส่
“คุณโนอาห์ ผมจะขอกาแฟซักแก้วได้ไหมครับ” ลีโอยิ้มให้ขณะที่โนอาห์ถอนหายใจและพยักหน้าเชิญเขาให้เดินนำเข้าไปในบ้านไป
ลีโอทำเสียง Yes ใส่ตัวเองเบา ๆ
บ้านของโนอาห์ยังคงเป็นเหมือนเดิมที่ลีโอจำได้ในวันสร่างเมา เขาเดินตามเข้ามาในบ้านและได้กลิ่นเก่าของผ้าตีเข้าจมูกทันที โนอาห์เดินนำเข้าไปที่เครื่องกดกาแฟ ขณะที่ลีโอมองไปรอบ ๆ บ้านอีกครั้ง เพื่อดูว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่จริงอย่างที่เขาคิดไว้แต่แรกไหม ข้าง ๆ เครื่องชงกาแฟ ลีโอเหลือบไปเห็นกล่องข้าวเปล่า ๆ กับจานชามที่วางเอาไว้ค่อนข้างเป็นระเบียบ ซิงค์ล้างจานที่แห้งสนิท มีเพียงแก้วและจานไม่กี่ใบวางอยู่ แม้จะดูยังไม่ได้ล้าง แต่ก็เป็นระเบียบเอามาก ๆ
“มองอะไร” โนอาห์ร้องถาม
“อ๋อ ป๊าว” ลีโอทำเสียงสูง พลางเดินมานั่งที่โซฟาตัวเดิมที่เขาเคยนอนค้าง ก่อนจะนั่งหลังตรงและมองไปที่โนอาห์ที่กำลังเตรียมกาแฟให้
ก็ถูกที่โนอาห์ไม่ได้ตอบตกลงอะไรกับลีโอไว้เลย แต่สำหรับเขา ศิลปินก็เป็นแบบนี้แหละ ในฐานะโปรดิวเซอร์ เขามีหน้าที่ที่จะต้องขุดเอาทุกอย่างของศิลปินคนนั้นออกมาให้ได้ และออกแบบงานเพลงให้ตรงกับศิลปินให้ได้มากที่สุด และในเมื่อเขามีเวลาแค่สองเดือนแถมโนอาห์ก็เป็นสายอินดี้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทุ่มหมดหน้าตัก และเอาตัวเองลงมาคลุกกับศิลปินที่เขาเลือก เหมือนกับที่ผ่าน ๆ มา
โนอาห์เอากาแฟมาวางลงตรงหน้าทันที
“ขอบคุณค้าบ” ลีโอพูดเสียงน่ารัก ทำเอาโนอาห์ถึงกับถอนหายใจ
“มึงไม่ต้องมาทำไรแบบนี้เลยนะ” โนอาห์ว่าทันที “แม่งฝืนสัด”
“โหย.. ไม่เอาดิคับคุณโนอาห์ ก็วันนั้นคุณอุตส่าห์ดูแลผม ให้ผมนอนบ้าน ไม่ทิ้งผมไว้ข้างถนน ก็เลยอยากจะมาขอบคุณเป็นเรื่องเป็นราว” ลีโอพูดต่อ
“ด้วยการมาขอให้เขาเลี้ยงกาแฟที่บ้านเขาอีกทีอ่ะนะ” โนอาห์สวนทันที
“งั้น...แสดงว่าไม่ติดจะชวนไปกินข้าวเป็นการขอบคุณ” ลีโอยังคงชงต่อ ทำเอาโนอาห์ถอนหายใจและนั่งลงตรงข้ามทันที
“จะเอาอะไรอีก” โนอาห์ถามเสียงซีเรียส
“ก็แค่ขอชวนไปกินข้าว ถามไถ่กันจริงจังว่าชีวิตมึงเป็นยังไงบ้าง” ลีโอว่า “กูไม่ได้เจอมึงมา เท่าไหร่นะ แปดป่ะ”
“แปดปี” โนอาห์พูด “แต่มึงไม่คิดว่ามันน่าขนลุกเหรอ ที่อยู่ดีดีมึงก็ดุ่ย ๆ เข้ามา แล้วบอกจะเอาโน่นเอานี่จากกู”
“กูไม่ได้จะเอาอะไร กูแค่อยากรู้จักมึงเฉย ๆ” ลีโอพูด “สมัยเรียนเราแทบไม่ได้คุยกันเลย”
“ใช่... ไอ้เนิร์ตแว่นคงทำอะไรให้มึงมากไม่ได้ ไม่ใช่คนที่มีประโยชน์สำหรับอนาคตโปรดิวเซอร์ใหญ่ของวงการ” โนอาห์ว่า
“ว่ากันว่าพูดจาแดกดันเก่ง เป็นสกิลข้างเคียงของคนอัจฉริยะ” ลีโอว่า
“ว่ากันว่าคนเราจะปากหวาน เพราะต้องการบางอย่างเสมอ” โนอาห์สวน
“กูดูเป็นคนอย่างนั้นอ่อ” ลีโอทำเสียงอ้อน แต่โนอาห์ก็กระแอมคอตั้งท่าจริงจัง
“หน้าที่ของโปรดิวเซอร์คือการต้องคลุกอยู่กับศิลปิน ทำ Observe เพื่อดึงตัวตนของคนคนนั้นออกมาให้ได้มากที่สุด” โนอาห์พูดต่อ “ก่อนจะทำเดโม ศิลปินมักจะคลุกอยู่กับโปรดิวเซอร์เป็นเดือน ๆ เพื่อหาคาแรกเตอร์ที่ใช่ เมโลดี้ที่โดน เนื้อเพลงที่สื่อความหมาย”
โนอาห์เอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟออกจากมือของลีโอเมื่อเห็นเขาจิบเสร็จแล้ว
“และจากที่มึงได้บอกกูไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ว่าหุ้นส่วนมึงก็อยู่ในช่วงคาดโทษ กูเลยคิดว่าคงมีคนกำลังก้นร้อน และต้องวิ่งโร่ทำอะไรซักอย่าง ก่อนที่จะโดนไล่ออกจากงานตัวเอง” โนอาห์ยิ้มให้ทันที “มีตรงไหนที่กูพลาดไหมนะ”
ลีโอทำหน้านิ่งสนิท ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“จับก้นกูแล้วอ่อ ถึงรู้ว่ามันร้อนอ่ะ” ลีโอพูดต่อ
“สรุปจะคุยกันเรื่องก้นถูกไหม” โนอาห์ยิ้ม
“โอ...เค มึงเก่ง” ลีโอก้มหน้าลง “กูหมดข้ออ้างแล้ว”
“งั้น...กาแฟหมดแล้ว ก็เชิญกลับได้ครับ” โนอาห์ผายมือไปที่ประตูทันที
“มึงกินแต่ข้าวกล่องไม่เบื่อหรือไง” ลีโอว่า “กินข้าวกับกูซักมื้อ กูจะไม่เอ่ยเรื่องนั้นอีกเลย”
“กูไม่กินข้าวนอกบ้าน” โนอาห์พูดเสียงเรียบ แต่ลีโอยิ้มมุมปากทันที
“แล้วถ้ากูทำให้กินอ่ะ” ลีโอว่า
“ว่าไงนะ” โนอาห์ร้องทันที
“เอ๊า...กูทำอาหารเก่งนะเว่ย” ลีโอยิ้มกริ่ม
“มึงเนี่ยนะ” โนอาห์พูดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“มึงนี่ไม่เคยดูรายการที่กูไปออกอ่ะดิ กูทำกับข้าวเป็น” ลีโอว่า “แล้วก็ไม่ใช่แค่ไข่เจียวด้วย มึงอยากกินไรอ่ะ เดี๋ยวสั่งของมาทำ แปปเดียว”
โนอาห์ส่ายหน้าทันที
“มึงอยู่คนเดียว มีกูมาทำกับข้าวให้ซักมื้อ จะเป็นไรไป กูอยากเลี้ยงขอบคุณ” ลีโอว่า “เดี๋ยวกูเก็บล้างเอง โซนครัวมึงจะเป๊ะเหมือนเดิมเลย กูรับรอง”
โนอาห์มองหน้าลีโอนิ่งอย่างประเมิณค่าอยู่พักหนึ่ง
“นะค้าบ... นะนะ” ลีโอทำเสียงอ้อน “อยากกินไรเร็ว บอกกู”
โนอาห์ยิ้มกริ่ม พลางนึกอะไรสนุก ๆ เข้ามาในหัว
“ทายดิ” โนอาห์พูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ “ถ้ามึงทายถูกว่ากูชอบกินอะไร กูอาจจะยอมฟังข้อเสนอมึงก็ได้”
“พูดจริงป่าว” ลีโอว่า
“ก็ลองดูดิ จะเป็นไรไป” โนอาห์ว่า “ลองขุดดู ว่ากูเป็นยังไง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร”
ลีโอยิ้มทันที
..........
“ต้มจืดสาหร่ายไข่น้ำ แล้วก็ปีกไก่ทอด”
กลิ่นที่คุ้นเคยถูกวางลงตรงหน้า เมื่อโนอาห์เดินลงมาจากชั้นสองหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกขณะนั่งมองอาหารสองอย่างที่ตั้งตรงหน้า โดยมีลีโอที่นั่งยิ้มอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร ขณะที่โนอาห์นั่งมองเมนูตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรเลย พลางสลับมามองหน้าลีโออยู่อย่างนั้น
“ลองกินดูดิ ชิมเร็ว” ลีโอว่าพลางทำหน้ายียวน
โนอาห์ค่อย ๆ หยิบช้อนตักเข้าไปในน้ำซุป และซดเข้าปาก
รสสัมผัสที่ใกล้เคียงความรู้สึกที่เขาไม่ได้ชิมมานาน ชายหนุ่มวางช้อนลงทันที ก่อนจะมองตาของลีโอที่ทำหน้ายิ้มกริ่มในชัยชนะของตัวเอง
“กูหุงข้าวด้วยไม่ทัน ก็เลยซื้อสำเร็จเอา แต่..ต้มนี่กูทำเองจริง ๆ แล้วก็ครัวมึง สะอาดเนี๊ยบเหมือนเดิม” ลีโอว่า “ไปคุ้ยถังขยะดูก็ได้ ว่ากูซื้อของสดมาทำเองจริง ๆ ไม่ได้ซื้อสำเร็จมาแกะถุงนะ”
“มึงทำได้ไง” โนอาห์ถามทันที
“กูใคร...ลีโอนะเว่ย” ลีโอพูดเสียงหล่อ “ทำไม ทายถูกอ่ะดิ”
“มีสองเมนู อันไหนล่ะ” โนอาห์ยิงนัดสุดท้ายออกไป
ลีโอหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ต้มจืดอยู่แล้ว เพราะไก่ทอดเขาแถมมา กูเลยเอามาทอด” ลีโอยักไหล่
“โทรถามใครมา” โนอาห์ถาม
“มีตัวช่วยที่ไหนล่ะ ให้กูโทรถามใคร กูจำเพื่อนมึงไม่ได้หรอกว่ามีใครบ้าง” ลีโอพูด “กูจำได้แต่มึงอ่ะ”
โนอาห์เงียบเสียงลงทันที พลางมองหน้าลีโออย่างหลุดสติอยู่ครู่หนึ่ง
“จำเป็นไอ้เนิร์ตแว่นอ่ะดิ” โนอาห์รีบพูดดึงตัวเองกลับมา
“ทำไม เขินอ่อ...” ลีโอจ้องหน้าโนอาห์เข้าใกล้มากขึ้นอีก “กินไปด้วย.. อย่าเพิ่งเสียงทรงดิคับ”
“กู...ไม่ได้เสียทรง” โนอาห์ตักข้าวเข้าปากทันที ขณะที่ลีโอตักตาม “กูแค่สงสัย”
ลีโอยิ้มกริ่มทันที ก่อนจะตักปีกไก่มาไว้ที่จานตัวเอง
“มึงจำวัน Open House ได้ป่ะล่ะ” ลีโอพูดต่อทันที คำพูดของเขาทำโนอาห์ชะงักไป “ก็... กูดูซาวด์เอนอยู่หลังเวที จำได้ว่ามีคนเล่นพิเรนทร์ จะไปตักไข่เจียวมาผสมกับต้มจืด ทำพวกสวัสดิการโวย”
โนอาห์หลุดขำเบาเบาทันที
“แล้วก็...ได้ยินคนบ่นว่า น้ำมันเยอะเกิน” ลีโอพูดก่อนจะตักข้าวเข้าปากบ้าง ขณะที่โนอาห์มองลีโอพูด “ต้มจืดสาหร่าย ดูเผิน ๆ เหมือนจะทำง่าย แต่มันไม่ง่าย รายละเอียดเล็ก ๆ มันเยอะ พื้นฐานของหมูสับกับเต้าหู้อันนี้ทุกคนรู้อยู่ละว่าต้องประมาณไหน แต่ไม้ตายคือไข่น้ำและสาหร่าย ถ้าเจียวไข่ด้วยเซนส์แบบไข่เจียวมันจะอมน้ำมัน เราต้องทำให้มันเป็นไข่นึ่งก่อน แล้วค่อยใส่ลงไปตอนร้อน ๆ และสุดท้าย ใส่สาหร่ายที่นึ่งควันแล้วนิดหน่อย โปรยลงไปปิดท้าย ทุกอย่างถึงจะเพอร์เฟค”
โนอาห์ฟังลีโอบรรยายสรรพคุณตัวเองอย่างรู้สึกหมั่นไส้เบา ๆ พลางซดน้ำซุปต่อไป
“ระหว่างที่เคี่ยว ก็ค่อย ๆ เก็บล้าง เดี๋ยวเจ้าของบ้านเขาด่าเอา” ลีโอว่า “มึงไม่ค่อยแตะครัวเลยช้ะ เครื่องปรุงหลายอันจะหมดอายุเอานะ”
“ก็... ไม่ค่อยได้ทำ” โนอาห์พูดเบา ๆ “ตอนอาบน้ำ กูเปิดคลิปมึงไปด้วย”
“คลิปไร ว่าวกับคลิปกูอ่อ” ลีโอพูดกวน
“ว่าวพ่อง!” โนอาห์สบถทันที “คลิปรายการที่มึงไปออก ที่ทำอาหาร... ก็ กูกลัวว่าจะแดกไม่ได้ไง แล้ว...มึง...จำอะไรในวัน Open House ได้อีกป่ะ”
“ก็ไม่มากอ่ะ” ลีโอว่า “ถามทำไมวะ”
“ก็...เปล่า” โนอาห์พูดเสียงเรียบ “แล้วไปทำกับข้าวได้ไง โปรดิวซ์ไป ชิมไปอ่อ”
“มันก็เหมือนกับทำเพลงแหละ โปรดิวเซอร์เป็นคนประกอบวัตถุดิบ เราแค่ต้องรู้จักวัตถุดิบทุกชิ้นให้ดี และประกอบสร้างมันขึ้นมา” ลีโอพูด “เห็นแบบนี้แล้ว... กูพอจะผ่านพอจะทำเพลงให้มึงไหมล่ะครับ”
“มึงยิงตรงเลยนะ” โนอาห์ว่ากลับทันที
“แน่นอน จังหวะตอนคนแดกข้าวเนี่ย ดีสุดแล้ว” ลีโอพูดทันที โนอาห์ถอนหายใจพลางมองหน้าลีโอ
“กู... ไม่เชื่อใจมึง” โนอาห์พูดทันที
“หะ...เรื่องไรวะ” ลีโองง
“คือ... กูไม่ไว้ใจวงการเพลง” โนอาห์ตอบ “กูไม่คิดว่ากูจะเข้ากับอุตสาหกรรมตอนนี้เลย มันไม่ใช่กูเลย”
“แต่ถ้ามึงให้กูเข้าไปช่วยเปลี่ยน... มึงจะ...” ลีโอพยายามพูด
“เปลี่ยนกูเหรอ...” ลีโอว่า “นี่ไง...ที่กูติด กูไม่อยากให้ใครมาเปลี่ยนไง”
ลีโอถอนหายใจ พลางวางช้อนลงทันที
“งั้นกูถามหน่อย มึงเปลี่ยนลุคทำไมอ่ะ” ลีโอถามกลับ “เมื่อก่อนมึงก็ไม่ได้ลุคนี้ ไอ้เนิร์ตแว่นคนนั้นไปไหน”
โนอาห์เงียบเสียงลง
“เห็นป่ะ... คนเราต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่ออะไรบางอย่างทั้งนั้น” ลีโอว่า “ตอนนี้มึงแดกไข่กูได้อร่อยขนาดนี้ เพราะกูรู้วิธีเล่นกับไข่ไง”
“ฟังแล้วแปลกแปลก” โนอาห์หรี่ตา
“เออ...เชี่ย.. กูไม่ได้หมายความงั้น แต่มึงเข้าใจที่กูจะสื่อถูกไหม วงมึงยังต้องปรับกันมาตั้งเยอะกว่าจะถึงเวอร์ชั่นนี้ แล้วมันจะเป็นอะไรไป ถ้าจะให้กูเข้าไปร่วมปรับแต่งอีกหน่อย” ลีโอพูด “มึงไม่อยากให้เพลงมึงดังเหรอ ขยับอีกนิด เสียงของมึงจะดังได้มากขึ้นเลยนะเว่ย แล้วสุดท้ายเพลงของมึงก็จะได้ทำหน้าที่ของมัน”
โนอาห์เงียบเสียงลง กลายเป็นคำพูดเดิมของลีโอกลับฟังดูมีเหตุมีผลขึ้นเสียอย่างนั้น
คงเป็นเพราะต้มจืดไข่น้ำนี่สินะ
“อย่างน้อยกูก็... รู้ว่ามึงชอบอะไรนะ” ลีโอว่า “กูจะไม่ทำอะไรที่มึงไม่ชอบแน่นอน กูสัญญา”
ลีโอมองเข้าไปในดวงตาของโนอาห์อยู่อย่างนั้น
“สมมติว่ากูตกลง มันก็ไม่ง่ายอยู่ดีไหม มึงก็เห็น วงกูจบแล้ว ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว” โนอาห์พูดทันที
“เอาแค่มึงก่อนเหอะ... ถ้ามึงลุย กูจะลุยไปกับมึง ถ้ามึงอยากได้วงมึง กูนี่แหละ จะไปลากทุกคนกลับมาเล่นกับมึง” ลีโอพูด “โปรดิวเซอร์ต้องเสกทุกอย่างให้อยู่แล้ว เอามึงให้ชัวร์ก่อนเหอะ”
โนอาห์ถอนหายใจ พลางวางช้อนลง
“กูอิ่มละ” โนอาห์พูดเสียงเรียบ
“โอเค... กูเข้าใจ” ลีโอยักไหล่ “ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวกูเก็บเอง กูบอกแล้วไง เจ้าของบ้านนั่งเฉย ๆ นะครับ”
ลีโอทำได้อย่างที่พูดเอาไว้ เขาเก็บครัวได้เนี๊ยบเหมือนกับที่มันเคยเป็น ขณะที่โนอาห์แทบไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากบอกว่าอะไรอยู่ตรงไหน ขณะที่ใช้เวลาไม่นานก็จบมื้ออาหารค่ำ และสมควรแก่เวลาที่ลีโอจะต้องกลับ โนอาห์เดินออกมาส่งลีโอที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าว... อร่อยดี ไม่ได้กินนานละ” โนอาห์พูดเรียบ ๆ พลางทำทีเป็นมองไปทางอื่น ขณะที่ลีโอยิ้มมุมปากทันที
“ไม่เป็นไร ก็บอกแล้วว่าอยากเลี้ยงขอบคุณ” ลีโอพูดตอบ
“ส่วนเรื่องนั้น... กู... ขอเวลาคิดก่อน... แล้ว... เดี๋ยวกูบอก” โนอาห์ว่า
“ข้อความมาได้เลย ยกหูก็ได้ กูจะรอ” ลีโอยิ้มให้ “บายครับ”
ลีโอเดินออกจากรั้วบ้านไป ขณะที่โนอาห์มองหลังของเขา
“เอ้อ...คือไม่รู้ว่ามึงยังเก็บไว้อยู่หรือเปล่า” ลีโอหันหลังกลับมา “แต่.. อันที่กูซื้อให้ขอบมันบางพอดีนะ ยังไงมึงก็เหมาะกับ 0.45 มิลลิเมตรมากกว่า ใช้เล่นอีกนะ กูจะรอฟัง”
ลีโอส่งรอยยิ้มบางอย่างมาให้ ก่อนจะเดินหายไปในความมืดของค่ำคืน
...............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2024 22:10:20 โดย M2M_Jill »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด