วิฬาร์หนุ่มหน้าหวานผู้อาศัยอยู่กับหลวงปู่จันทร์ จนวันหนึ่งหลวงปู่มรณภาพเขาต้องถูกไล่ออกจากวัดและได้รับจดหมายเชิญไปเรียนที่โรงเรียนภพพิมานที่สอนเวทมนตร์ และเป็นความหวังในการปราบเจ้าแห่งมนตร์ดำ
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่โรงเรียนภพพิมาน ที่นี่เธอจะได้เรียนเวทมนตร์และขอให้ภูมิใจไว้เลยว่าในประเทศไทยนั้นจะไม่มีโรงเรียนไหนยอดเยี่ยมเท่าเรา
วิฬาร์ถูกขับไล่ออกจากวัดทันทีหลังจากที่หลวงปู่จันทร์มรณภาพได้ไม่นาน เขาเศร้าโศกจนแทบใจขาดจนกระทั่งได้รับจดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมาน ในคราแรกเขาคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระจนกระทั่งนราธิปมาพาเขาไปที่นั่นเขาจึงเชื่อและเรียนรู้เวทมนตร์ แต่มีเรื่องที่น่าแปลกใจคือนับตั้งแต่ที่เขาย่างกรายเข้าสู่ภพพิมาน สัญลักษณ์หัวใจครึ่งเดียวก็ปรากฏที่ข้อมือขวาของเขาซะได้ นั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาสงสัยและต้องหาคำตอบให้ได้
ขอเชิญนักอ่านทุกท่านเข้ามาสัมผัสกับโรงเรียนเวทมนตร์ของสยาม ที่นี่จะพาทุกคนไปพบกับความสนุกมากมายและดรามาพอประปรายขอให้ทุกท่านหาความรำคาญ....เอ้ย...สำราญได้นะบัดนี้
ตอนที่ 1 เริ่มต้นชีวิตใหม่
สายลมพัดโชยเบาๆ พัดพาเอาเสียงพระสวดมนต์แผ่วเบาเข้ามาในห้องเล็กๆ ที่มีเตียงไม้เก่าๆ วางอยู่ วิฬาร์นั่งเฝ้าหลวงปู่จันทร์มาตลอดคืน สายตากลมโตของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความเมตตาของผู้เป็นอาจารย์และพ่อในคราวเดียวกัน รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนริมฝีปากเหี่ยวย่นของหลวงปู่จันทร์วัย 91 ปี 71 พรรษา ราวกับท่านกำลังฝันถึงสิ่งดีๆ
“หลวงปู่ครับ…” วิฬาร์เอ่ยเรียกเบาๆ น้ำเสียงของเขาสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
หลวงปู่ลืมตาขึ้นช้าๆ มองมาที่วิฬาร์ด้วยสายตาที่อ่อนโยน “เป็นอย่างไรบ้างลูก เอามะม่วงที่ชาวบ้านถวายมากินสักหน่อยไหม”
วิฬาร์ส่ายหน้าช้าๆ “ไม่เป็นไรครับหลวงปู่”
“ลูกเป็นเด็กดีนะ ตั้งใจเรียนหนังสือนะลูก” หลวงปู่เอื้อมมือไปลูบศีรษะของวิฬาร์เบาๆ
“หลวงปู่จะไปไหนครับ” วิฬาร์ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หลวงปู่ยิ้มบางๆ “ทุกคนต้องไปกันหมดแหละลูก ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว”
วิฬาร์กอดหลวงปู่จันทร์ไว้แน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม เขาไม่อยากให้หลวงปู่ไปไหนเลย
“จำไว้ลูก สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือการทำดี และอย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของอนิจจัง” เสียงหลวงปู่จันทร์แผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเงียบสนิท
วิฬาร์ร้องไห้เสียใจอย่างหนัก เขาสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้ว
หลังจากการจากไปของหลวงปู่จันทร์ไม่นาน ก็มีชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมท่าทางหยิ่งผยองมาที่วัดพร้อมกับลูกน้องหลายสิบคน ชายคนนั้นอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ และต้องการจะยึดวัดไป วิฬาร์ไม่ยอม เขาพยายามอธิบายว่าวัดแห่งนี้เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษหลวงปู่ แต่ชายคนนั้นก็ไม่ฟัง เขาสั่งลูกน้องให้ขับไล่วิฬาร์ออกจากวัด
“นี่มันไม่ถูกต้อง!” วิฬาร์ตะโกนลั่น “วัดแห่งนี้เป็นของหลวงปู่จันทร์!”
“อย่ามาขวางทางฉัน” ชายคนนั้นขู่เสียงเข้ม “ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็รีบออกไปเสีย”
วิฬาร์ถูกพวกลูกน้องของชายคนนั้นรุมทำร้ายจนสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมา เขาก็พบว่าตัวเองถูกไล่ออกมาจากวัดแล้ว
วิฬาร์เดินไปเรื่อยเปื่อยอย่างหมดอาลัยตายอยาก จนกระทั่งมาถึงริมแม่น้ำสายเล็กๆ เขาหยุดยืนมองภาพสะท้อนของตัวเองในน้ำ แล้วก็พบว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อ เขาเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้น และพบว่าเป็นจดหมายเชิญชวนให้เขาเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมาน
วิฬาร์หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เขาคิดว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระที่สุดในชีวิต เขาขย้ำจดหมายฉบับนั้นจนยับยู่ยี่ และโยนมันทิ้งลงไปในแม่น้ำอย่างไม่แยแสเลยสักนิด
ไม่นานนัก ก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้าวิฬาร์ เป็นรถที่มีรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายนกขนาดใหญ่ ชายวัยกลางคน คนหนึ่งเดินลงมาจากรถ เขามีใบหน้าที่ใจดีและรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“เธอคือวิฬาร์ใช่ไหม” ชายคนนั้นถาม
วิฬาร์พยักหน้าเบาๆ
“ฉันชื่อนราธิป ฉันมาจากโรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมาน หลวงปู่จันทร์ฝากให้ฉันมารับเธอไปเรียนที่นั่น”
วิฬาร์รู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่เชื่อว่าจะมีโรงเรียนเวทมนตร์อยู่จริง
“คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าไม่ได้หลอกผม” วิฬาร์ถามด้วยความสงสัย
นราธิปยิ้ม “ฉันไม่จำเป็นต้องหลอกเธอหรอก”
เพื่อเป็นการพิสูจน์ นราธิปได้ร่ายคาถาเล็กๆ น้อยๆ ให้วิฬาร์ดู วิฬาร์ตาค้างเมื่อเห็นดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มบานสะพรั่งออกมาต่อหน้าต่อตา
“นี่มันเวทมนตร์!” วิฬาร์อุทานออกมาด้วยความตกใจ
นราธิปพยักหน้า “ใช่แล้ว เธอมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์มาก หลวงปู่จันทร์เชื่อว่าเธอจะสามารถเป็นนักเวทมนตร์ที่เก่งกาจได้”
วิฬาร์ลังเลใจอยู่สักครู่ ก่อนจะตัดสินใจขึ้นรถไปกับนราธิป
รถนกการเวกค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า วิฬาร์มองลงไปยังพื้นดินที่อยู่เบื้องล่าง เขาไม่เคยเห็นวิวแบบนี้มาก่อน รู้สึกตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจไปพร้อมๆ กัน
เมื่อนกการเวกบินสูงขึ้นเรื่อยๆ วิฬาร์ก็เห็นวัดเก่าแก่ที่เขาเคยอยู่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาจ้องมองวัดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหลับตาลงและปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม
"เป็นอะไรไปหรือเปล่า" นราธิปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
วิฬาร์ส่ายหน้าช้าๆ แล้วเช็ดน้ำตาออก "เปล่าครับ แค่คิดถึงที่นั่น"
นราธิปพยักหน้าเข้าใจ "ที่นั่นเป็นที่ที่เธอเติบโตมา ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ"
นกการเวกบินผ่านป่าเขาลำเนาไพร ทุ่งนาสีเขียว และเมืองใหญ่ต่างๆ วิฬาร์มองดูวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ด้วยความสนใจ
"นี่เราจะไปที่ไหนกันแน่ครับ" วิฬาร์ถาม
"เราจะไปที่โรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมาน" นราธิปตอบ "มันเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากโลกมนุษย์มาก"
"แล้วทำไมต้องอยู่ห่างไกลด้วยล่ะครับ"
"เพื่อความปลอดภัย โลกเวทมนตร์เป็นโลกที่ซ่อนเร้น เราไม่ต้องการให้คนทั่วไปได้รู้จัก โดยเฉพาะพวกมนุษย์ธรรมดา"
หลังจากเดินทางมาเป็นเวลานาน นกการเวกก็บินทะลุผ่านหมอกหนาเข้าไปในมิติใหม่ พืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆ ที่แปลกตาปรากฏขึ้นมากมาย ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวเรืองรองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"ถึงแล้ว" นราธิปพูดขึ้น
วิฬาร์มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างตื่นตาตื่นใจ ตรงหน้าเขาคือบ้านที่ทำจากหินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี
"นี่คือโลกเวทมนตร์ภพพิมาน" นราธิปกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
วิฬาร์ก้าวลงจากนกการเวกอย่างช้าๆ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีสถานที่ที่สวยงามขนาดนี้ในโลก
"เธอพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วใช่ไหม" นราธิปถาม
วิฬาร์ยิ้มให้ "ครับ ผมพร้อมแล้ว"
ทั้งสองเคลื่อนตัวผ่านประตูบานใหญ่ที่ทำจากไม้สักทองอร่ามเข้าสู่ภายในบ้านหินหลังงาม บ้านหลังนี้ดูขรึมและลึกลับด้วยแสงไฟสีนวลที่สลัวๆ ตกกระทบกับผนังหินที่สลักลวดลายวิจิตรบรรจง
“ที่นี่เป็นที่พักของฉันเอง” นราธิปกล่าวพลางเดินนำวิฬาร์เข้าไปในห้องโถงกว้าง ภายในห้องโถงมีชั้นหนังสือสูงตระหง่านเต็มไปด้วยหนังสือเก่าแก่ นราธิปเดินไปหยิบวัตถุกลมๆ สีทองออกมาจากกระเป๋าสีดำที่ห้อยอยู่ข้างๆ ตู้หนังสือ
“นี่คือลูกแก้วเคลื่อนย้าย” นราธิปอธิบาย “เราจะใช้มันเดินทางไปยังภพพิมาน”
วิฬาร์มองลูกแก้วด้วยความสงสัย เขายังไม่เคยเห็นสิ่งของประหลาดแบบนี้มาก่อน นราธิปถือลูกแก้วขึ้นมาแล้วท่องคาถาเบาๆ ลูกแก้วเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นประตูวงกลมขนาดใหญ่
“เข้ามาเลย” นราธิปเชิญชวน
วิฬาร์ก้าวเข้าไปในประตูวงกลม เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกดูดเข้าไปในอุโมงค์แห่งแสง เมื่อเขาหลุดออกมาจากห้วงมติ ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางเมืองที่แปลกตา
“ยินดีต้อนรับสู่ปสานธานี” นราธิปกล่าว “ที่นี่เป็นเมืองที่รวบรวมสินค้าเวทมนตร์จากทั่วทุกมุมโลก”
ปสานธานีเป็นเมืองที่สวยงามตระการตา อาคารบ้านเรือนสร้างด้วยวัสดุแปลกตา มีทั้งไม้มงคล หินวิเศษ และโลหะวิเศษ ตลาดนัดคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่แต่งกายด้วยชุดประหลาด และสัตว์ประหลาดหลากหลายชนิดที่ถูกจูงเดินตามเจ้าของไปมา
“ก่อนอื่น เราต้องไปที่ธนาคารเพื่อถอนเงินของเธอ” นราธิปกล่าว
ทั้งสองเดินไปยังธนาคารที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ธนาคารแห่งนี้มีชื่อว่า “ธนาคารมณีเนตร” สร้างด้วยไม้สักทองอร่าม ประดับประดาด้วยเครื่องประดับทองคำและอัญมณีที่มีค่ามากมาย ที่ประตูทางเข้ามีรูปปั้นเทพารักษ์คอยปกป้องอันตรายจากโจรหรือผู้ที่คิดจะมาขโมยของ
ภายในธนาคารมีตู้เซฟขนาดใหญ่ที่ทำจากเหล็กกล้า และมีเหล่าเทพารักษ์คอยดูแลรักษาความปลอดภัย
“ที่นี่ใช้สกุลเงินเป็น มณี” นราธิปอธิบาย “1 มณีก็เท่ากับ 40 บาทของโลกมนุษย์”
วิฬาร์พยักหน้าเข้าใจ เขาหยิบถุงผ้าออกมาจากกระเป๋า แล้วนำมามอบให้นราธิป ภายในถุงผ้ามีเงินจำนวนหนึ่งที่หลวงปู่จันทร์มอบให้ นราธิปนำเงินไปฝากไว้ที่ธนาคาร และถอนเงินออกมาในรูปของมณี และวิฬาร์ก็ได้รับมณีสีแดงสดใสมาจำนวนหนึ่ง
“เอาล่ะ ตอนนี้เราพร้อมที่จะไปหาซื้อของที่ปสานธานีแล้ว” นราธิปกล่าว
ทั้งสองเดินออกจากธนาคารและมุ่งหน้าไปยังร้านหนังสือ ที่ปสานธานีแห่งนี้เต็มไปด้วยสินค้าเวทมนตร์นานาชนิด ตั้งแต่สมุนไพรวิเศษ เครื่องรางของขลัง ไปจนถึงสัตว์วิเศษต่างๆ เช่น กิเลน หงส์ และมกร
“ที่นี่มีสัตว์หิมพานต์ขายด้วยเหรอครับ” วิฬาร์ถามด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอน ปสานธานีเป็นแหล่งรวมของสิ่งลี้ลับทั้งหลาย” นราธิปตอบ
วิฬาร์เดินสำรวจร้านค้าต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน เขาเห็นสัตว์ประหลาดมากมายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น นกยูงที่มีหางสีรุ้ง งูเห่าที่มีเขา และแมวน้อยที่น่ารัก
เมื่อเดินผ่านร้านค้าต่างๆ มาได้สักพัก นราธิปและวิฬาร์ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านหนังสือเก่าแก่หลังหนึ่ง ป้ายร้านเขียนด้วยลายมือที่สวยงามว่า "สาส์นวิทยาและวจนะเวทมนตร์" บรรยากาศภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหนังสือเก่าแก่และน้ำหมึก
“ที่นี่แหละ ที่เราจะหาหนังสือเรียนสำหรับเธอ” นราธิปกล่าวพลางผลักประตูร้านเข้าไป
ภายในร้านหนังสือเต็มไปด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่าน แต่ละชั้นเต็มไปด้วยหนังสือที่มีปกหลากสีสันและลายเส้นวิจิตรบรรจง บ้างก็มีอักษรโบราณขีดเขียนอยู่ บ้างก็มีภาพวาดสัตว์ประหลาดที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หลังเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นนราธิปและวิฬาร์เข้ามาในร้าน ก็รีบลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ร้านหนังสือของฉัน” ชายชราเอ่ยทักทาย “ฉันชื่อนริศ เธอคือ…”
“เขาคือวิฬาร์นักเรียนใหม่ที่โรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมาน” นราธิปเอ่ยบอก
“อ๋อ วิฬาร์เองเหรอ” นริศมองมาที่วิฬาร์ด้วยสายตาที่เป็นมิตร “ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของหลวงปู่จันทร์มาบ้าง ท่านเป็นผู้มีวิชาความรู้สูงส่งมาก” วิฬาร์อึ้งเขาไม่เคยคิดว่าหลวงปู่จันทร์จะมีชื่อเสียงในโลกเวทมนตร์
“ผมขอหนังสือเรียนสำหรับนักเรียนปีหนึ่งด้วยครับ” นราธิปกล่าว
นริศพยักหน้าแล้วเดินไปยังชั้นหนังสือที่สูงตระหง่าน เขาหยิบหนังสือเล่มหนาออกมาหลายเล่มจากนั้นก็วางเรียงไว้บนเคาน์เตอร์
“นี่คือหนังสือที่เธอต้องการ” นริศกล่าวพลางชี้ไปที่หนังสือแต่ละเล่ม “มีทั้งวิชาคาถาเวทมนตร์ไทย สัตว์หิมพานต์และสัตว์วิเศษ สมุนไพรเวทมนตร์ไทย การปกป้องตนเองจากคำสาป การบิน ประวัติศาสตร์เวทมนตร์ไทย กฎหมายพ่อมดแม่มด และการปรุงยา”
วิฬาร์ตื่นเต้นมากเมื่อเห็นหนังสือเหล่านี้ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีความรู้มากมายขนาดนี้ให้เขาได้ศึกษา
“ขอบคุณมากครับ” วิฬาร์กล่าว
“ไม่เป็นไรเลย” นริศยิ้ม “ฉันดีใจที่ได้พบกับนักเรียนใหม่ของโรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมานโดยเฉพาะเธอวิฬาร์” เขายิ้มอย่างเป็นมิตรอีกครั้ง
นราธิปและนริศพูดคุยกันเรื่องราวต่างๆ นานพอสมควร ทั้งคู่ดูจะสนิทสนมกันมาก นราธิปเล่าให้นริศฟังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเวทมนตร์ ส่วนนริศก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือเก่าแก่ที่เขามีให้ฟัง
ก่อนจะจากกัน นราธิปได้ชวนนริศไปเยี่ยมโรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมาน นริศรับปากด้วยความยินดี
“ถ้าเกิดฉันว่างเดี๋ยวจะไปก็แล้วกัน” นริศกล่าว “มีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกได้เลย”
“ขอบคุณมากครับ” นราธิปกล่าว
เมื่อออกจากร้านหนังสือแล้ว วิฬาร์และนราธิปก็เดินไปยังร้านค้าร้านอื่น วิฬาร์รู้สึกตื่นเต้นกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่โรงเรียนเวทมนตร์ เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เรียนรู้เวทมนตร์คาถาต่างๆ และค้นพบความลับของโลกเวทมนตร์ เขาเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าร้านขายไม้กายสิทธิ์ ทั้งสองเดินตรงไปยังร้าน "ชวลิต ไม้กายสิทธิ์" ในทันที ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายหลักของปสานธานี นราธิปหันมาบอกวิฬาร์ด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า "ที่นี่แหละ ที่เราจะหาไม้กายสิทธิ์ที่ใช่สำหรับเธอ ที่ไหนๆ ในปสานธานีก็สู้ที่นี่ไม่ได้"
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในร้าน ภาพที่เห็นตรงหน้าคือชั้นวางไม้กายสิทธิ์ที่วางเรียงรายกันเป็นแถวยาวไปจนสุดสายตา แต่ละอันมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ทั้งสีสัน รูปทรง และวัสดุที่ใช้ทำ
ไม่นานนัก ชายชราคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องเก็บของ เขาสวมแว่นตาหนาเตอะและชุดทำงานสีน้ำตาลของเขาก็เปื้อนฝุ่นไปทั่วทั้งตัว ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมแต่ก็แฝงไปด้วยความใจดี
"คุณวรินทร์ใช่ไหม" ชายชราเอ่ยทักทายวิฬาร์พลางมองมาที่ไม้กายสิทธิ์ที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น "ตามมาทางนี้สิ" วิฬาร์ได้แต่อึ้งที่เจ้าของร้านรู้จักนามสกุลของเขาซึ่งไม่เคยบอกใครมาก่อนแต่เขาก็ยังเดินตามชายชราไปอยู่ดี วิฬาร์และนราธิปตามชายชราไปยังโต๊ะทำงาน ชายชราคนนี้แนะนำตัวเองว่าชื่อชวลิต เป็นช่างทำไม้กายสิทธิ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในปสานธานี
"ไม้กายสิทธิ์ทุกอันที่ฉันทำขึ้นมา ล้วนแล้วแต่มีความเป็นไทยแท้ทั้งสิ้น" ชวลิตกล่าวพลางหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาอวด "อันนี้ทำจากไม้ตะเคียน แกนกลางเป็นขนหงส์ อันนี้ทำจากไม้ไผ่ แกนกลางเป็นเกล็ดนาค"
วิฬาร์มองดูไม้กายสิทธิ์เหล่านั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีไม้กายสิทธิ์ในชีวิตจริง เขาเคยเห็นแต่ในนิยายและในหนัง
ชวลิตยื่นไม้กายสิทธิ์ให้วิฬาร์ทีละอัน แต่ละอันที่วิฬาร์จับก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น ชวลิตทำหน้าเศร้าเล็กน้อย "ดูเหมือนว่าไม้กายสิทธิ์เหล่านี้จะไม่เลือกเจ้าหนูเลยนะ" เขากล่าว “ไม้กายสิทธิ์น่ะจะเลือกเจ้าของของมันเอง”
ทันใดนั้นเอง เมื่อวิฬาร์หยิบไม้กายสิทธิ์อันหนึ่งขึ้นมา ไม้กายสิทธิ์นั้นก็เปล่งแสงสีทองเจิดจ้า เกิดลมกรรโชกแรงและแผ่นดินสั่นไหวเล็กน้อย และมีเสียงคำรามแผ่วเบาออกมาจากไม้กายสิทธิ์
"โอ้…คุณพระช่วย" ชวลิตกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "ไม้กายสิทธิ์อันนี้ทำจากไม้ตะเคียนทอง แกนกลางเป็นขนครุฑ มันเลือกคุณแล้วคุณวรินทร์"
วิฬาร์จับไม้กายสิทธิ์ไว้แน่น เขารู้สึกถึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ภายในราวกับว่าไม้กายสิทธิ์อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขาไปแล้ว
"ขอบคุณมากครับ" วิฬาร์กล่าว
"ไม่เป็นไรเลย" ชวลิตยิ้ม "ขอให้คุณโชคดีกับการเรียนที่โรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมานนะ"
วิฬาร์และนราธิปกล่าวขอบคุณชวลิตแล้วเดินออกจากร้าน ชายชรายืนมองตามด้วยรอยยิ้ม เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างไม้กายสิทธิ์ให้กับนักเวทมนตร์รุ่นใหม่
“เหมือนว่าไม่นานมานี้นี่เองที่แม่เธอมาซื้อไม้กายสิทธิ์ที่ร้านของฉัน” ชวลิตพูดพึมพัมพลางมองวิฬาร์ที่พึ่งเดินออกไป
พวกเขาเดินออกมาไม่ไกลมากนักก็มาถึงร้าน "คุณนายพิมพ์จรัส" ซึ่งมีป้ายร้านที่ประดับด้วยลายดอกไม้ไทยมันสวยงามสะดุดตามากๆ เลยทีเดียว เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภายในร้านก็อบอวลไปด้วยกลิ่นผ้าหอมและเสียงดนตรีไทยแผ่วเบา คุณนายพิมพ์จรัสเป็นหญิงสูงวัยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางอ่อนโยน เธอรีบเดินเข้ามาต้อนรับวิฬาร์และนราธิปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
"ยินดีต้อนรับเข้าสู่ร้านของฉันจ่ะ" คุณนายพิมพ์จรัสกล่าว "หนุ่มน้อยคนนี้คงจะเป็นนักเรียนใหม่ที่โรงเรียนเวทมนตร์สินะ"
วิฬาร์พยักหน้ารับ "ใช่ครับ"
"หุ่นดีจังเลยลูก ตัวเล็กๆ ผอมบางราวกับผู้หญิงเลย" คุณนายพิมพ์จรัสชมเชยวิฬาร์พลางใช้สายตามองสำรวจร่างกายของวิฬาร์อย่างละเอียด
"ขอบคุณครับ" วิฬาร์รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
"มาๆ ตามฉันมา เราจะต้องวัดตัวหนูก่อนเพื่อให้ได้ชุดที่ดี" คุณนายพิมพ์จรัสพูดพลางนำวิฬาร์ไปยังห้องลองเสื้อผ้า
ภายในห้องลองเสื้อผ้ามีชุดเครื่องแบบนักเรียนเวทมนตร์วางเรียงรายอยู่บนหุ่น แต่ละชุดล้วนมีความสวยงามและประณีตบรรจง โดยเฉพาะชุดผู้ชายที่ออกแบบให้มีความเป็นไทยอย่างชัดเจน ชุดเครื่องแบบนักเรียนเวทมนตร์สำหรับผู้ชายประกอบไปด้วยเสื้อคลุมสีขาวเนื้อละเอียด ตกแต่งด้วยลวดลายกนกที่มีความประณีตงดงาม ปักด้วยดิ้นทองและดิ้นเงิน เสื้อชั้นในเป็นเสื้อคอกลมสีขาวเรียบง่าย กางเกงเป็นกางเกงขายาวสีดำทรงกระบอก และรองเท้าหนังสีดำทรงคลาสสิก
"ชุดนี้สวยมากเลยครับ" วิฬาร์กล่าวด้วยความชื่นชม
"ชุดนี้เป็นชุดประจำโรงเรียนภพพิมานเลยล่ะ " คุณนายพิมพ์จรัสอธิบาย "เราออกแบบให้มีความเป็นไทยและมีความหมายในตัวของมันเอง ลวดลายกนกบนเสื้อคลุมเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอมตะและความเจริญรุ่งเรือง"
คุณนายพิมพ์จรัสช่วยวิฬาร์วัดขนาดตัวอย่างละเอียด จากนั้นก็เลือกผ้าและอุปกรณ์มาตัดเย็บชุดเครื่องแบบให้กับวิฬาร์เป็นพิเศษ เธอใช้เวทมนตร์ในการตัดชุดอย่างน่าอัศจรรย์ไม่นานนักชุดก็เสร็จเรียบร้อย
"เสร็จแล้วจ่ะ" คุณนายพิมพ์จรัสกล่าว "เหมาะกับหนูมากเลย"
"ขอบคุณมากครับ" วิฬาร์กล่าว
"ไม่เป็นไรจ่ะ" คุณนายพิมพ์จรัสยิ้มให้ก่อนจะส่งชุดให้กับวิฬาร์ วิฬาร์และนราธิปจ่ายเงินไป 100 มณี ก่อนจะกล่าวขอบคุณคุณนายพิมพ์จรัสแล้วเดินออกจากร้าน เมื่อออกมาถึงด้านนอก วิฬาร์ก็รู้สึกตื่นเต้นกับการได้ชุดเครื่องแบบใหม่ เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะได้สวมใส่ชุดนี้ไปโรงเรียน
"ฉันว่าชุดของเธอต้องสวยมากแน่เลย" นราธิปกล่าว
"ผมก็หวังว่าอย่างนั้น" วิฬาร์ตอบพลางยิ้มอย่างดีใจ
พวกเขาคุยกันสักพักก่อนจะกลับมายังบ้านหินดังเดิม "กลับถึงบ้านแล้ว" นราธิปกล่าวพลางเปิดประตูบ้านหินกว้างออก "จัดเตรียมของอะไรให้เรียบร้อยนะวิฬาร์"
วิฬาร์พยักหน้ารับพลางมองไปรอบๆ บ้านหินที่คุ้นเคย "ขอบคุณนะครับที่พาผมไปซื้อของที่ปสานธานี"
"ไม่เป็นไรเลย" นราธิปยิ้ม "พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปโรงเรียนภพพิมานกัน" เขาเอ่ยก่อนจะหาอาหารเย็นมาให้วิฬาร์กิน หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ นราธิปและวิฬาร์ก็มานั่งคุยกันที่ระเบียงบ้าน
"ที่โรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมานมีเรือนพักให้นักเรียนอยู่หลายเรือนนะ" นราธิปเริ่มต้นบทสนทนา "มีทั้งเรือนคชสีห์ เรือนครุฑ เรือนนาคา เรือนกุญชรวารี และเรือนกินนรี แต่ละเรือนก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป"
"เรือนคชสีห์จะเน้นเรื่องพละกำลังและความอดทน เรือนครุฑจะเน้นเรื่องความเร็วและความคล่องตัว เรือนนาคาจะเน้นเรื่องเวทมนตร์ที่เกี่ยวกับน้ำ เรือนกุญชรวารีจะเน้นเรื่องการรักษาและสมุนไพร ส่วนเรือนกินนรีจะเน้นเรื่องการใช้ความคิด"
วิฬาร์ฟังด้วยความสนใจ "แล้วผมจะได้อยู่เรือนไหนเหรอครับ"
"ตอนเข้าไปในโรงเรียน จะมีคณาจารย์มาทำการคัดเลือกเธอเข้าเรือนเองในตอนนี้ฉันยังบอกไม่ได้หรอกว่าเธอจะอยู่เรือนไหน" นราธิปตอบ "แต่ไม่ต้องกังวลไปนะ ไม่ว่าจะอยู่เรือนไหน ก็จะมีเพื่อนๆ ร่วมห้องที่น่ารักคอยช่วยเหลือเธอเสมออย่างน้อยก็หนึ่งคนแหละ"
"แล้วเราจะไปโรงเรียนยังไงเหรอครับ" วิฬาร์ถามต่อ
"เราจะไปที่ป่าคำชะโนด จากนั้นก็จะขึ้นรถไฟนาคราชไปยังโรงเรียน" นราธิปหยิบตั๋วขบวนรถไฟนาคราชออกมาให้วิฬาร์ดู "นี่คือตั๋วของเธอ" วิฬาร์ก้มหัวขอบคุณก่อนจะรับตั๋วมาไว้
"ป่าคำชะโนดเหรอครับ" วิฬาร์รู้สึกแปลกใจ
"ใช่แล้ว ที่ป่าคำชะโนดจะมีทางเชื่อมไปยังสถานีรถไฟนาคราชอยู่" นราธิปอธิบาย "เมื่อถึงป่าคำชะโนดแล้ว เธอต้องมองหาต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด จากนั้นให้เดินไปด้านหลังต้นไม้และใช้มือขวาแตะไปที่ต้นไม้ มันจะทำให้เธอเข้าไปที่สถานีรถไฟนาคราชได้"
"แล้วคุณจะไปส่งผมถึงสถานีรถไฟเลยไหมครับ" วิฬาร์ถาม
"ฉันจะไปส่งเธอถึงป่าคำชะโนดเท่านั้นแหละ" นราธิปตอบ "เพราะฉันนึกได้ว่ายังมีของบางอย่างที่ฉันยังไม่ได้นำมา เธอต้องเข้าไปในโรงเรียนคนเดียว"
"แล้วเราจะได้พบกันอีกไหมครับ" วิฬาร์ถามด้วยความกังวล
"พบสิ เธอจะได้พบฉันแน่นอน" นราธิปยิ้ม "ตอนนี้ เธอไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า"
วิฬาร์พยักหน้ารับคำ เขารู้สึกตื่นเต้นและตื่นกลัวในเวลาเดียวกัน เขาตื่นเต้นที่กำลังจะได้เข้าสู่โลกใหม่ โลกที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีจริง และตื่นกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก คืนนั้น วิฬาร์นอนไม่หลับ เขาคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขาจะได้พบกับเพื่อนใหม่ๆ เรียนรู้เวทมนตร์คาถามากมายและใช้ชีวิตในโรงเรียนเวทมนตร์ภพพิมานเหมือนกับเป็นบ้านของเขา