Rating: R
Genre: Nightmare Flash Fiction
Length: SF
Status: complete
แก่ผู้เป็นที่รัก ผมเฝ้าคอยบอกกล่าว ณ ที่นี้นานเหลือเกิน ที่อ้างว้าง ที่โดดเดี่ยว ที่เดียวที่คนไร้ชีวิตอยู่อาศัย ที่เดียวที่มีไว้ให้อาลัย
สลักหินผุกร่อนไซร้ระบุร่างลบเลือน พยานรักจึงส่งเสริมกล่าวสาส์นรักนิรันดร์
มีคนกล่าวว่าแววตาคือหน้าต่างของหัวใจจะเกลียดจะรักกันป่านใดไม่ต้องมองทะลุใจแค่มองตาอ่านความหมายต่างมองออก
ความเศร้าหมองผ่านม่านดวงตาทุกคู่ที่ตรงมายังจุดเดียวกัน ดึงบรรยากาศให้จมดึงสู่ความเสียใจและการสูญเสีย
จุดรวมทุกสายตาเศร้าสร้อยที่ถูกตรึงไว้ในห้วงความอ่อนไหวแห่งความอาวรณ์ คือพิธีกรรมส่งผู้เป็นที่รักไปสู่โลกไร้ชีวิต
ใครบางคนกำลังหวาดผวากับการสูญเสียแต่ต้องสู้ทนรับมือความกับพิธีการสำคัญที่หนึ่งชีวิตคนเราจะมีเพียงครั้งเดียว
“หลับสบายดีใช่มั้ยเพื่อนรัก นอนในนั้นคงอุ่นพิลึกเถอะให้ตาย!” เสียงแหบแห้งบาดหูฟังเศร้าจับใจเขาหันกลับไปมองเสียงคุ้นเคยที่ส่งอารมณ์มากมาย ความรู้สึกต่างๆ ไหลปะดังเข้ามาจนจับจดไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
มืออุ่นทาบวางบนแผ่นหินเย็นคุ้นตาเรียวปากส่งยิ้มละมุนอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาที่เคยส่องประกายสดใสหล่อชื้นด้วยม่านน้ำตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ที่วายชีวาเป็นที่รักมากแค่ไหน
ขายาวๆ ของชายผู้นั้นก้าวเดินเข้ามายังสุสานของคนรักคู่หนึ่งที่นอนสวมกอดกันอย่างเป็นสุข ณ ที่นี่เป็นประจำและตลอดกาล ในมือถือสมุดปกหนาสีเข้ม กุหลาบสีขาวช่อใหญ่ถูกวางไว้หน้าสลักหิน มงกุฎดอกไม้ขาวคู่กันกับช่อดอกไม้ถูกคล้องไว้ที่รูปปั้นไม้กางเขนสัญลักษณ์แห่งความสุขสงบหน้าหลุมศพ
คำกล่าวอาลัยค่อยๆ ดังแทรกความเงียบเหงาชวนวังเวงในสุสานอีกครั้ง คำขานแห่งรักกลับมาขับกล่อมสรรพสิ่งที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นเป็นศักดิ์ขีพยาน ผู้คนทยอยมาร่วมไว้อาลัยรักแก่คู่รักคนดัง เหตุการณ์นี้น่าจะผ่านมาแล้วหลายปีเพราะความเศร้าที่ส่งให้เจ้าของสุสานนี้เปี่ยมด้วยความปลื้มปริ่ม คุณความดีคือสิ่งสุดท้ายที่เหลือไว้ให้ผู้คนชื่นชมชื่อเสียงคุณนิยมไม่เสื่อมคลาย เพื่อนสนิทคนสำคัญยังคงเปล่งถ้อยคำบนสมุดบันทึกด้วยน้ำเสียงชวนฟัง
'ผมไม่เคยเชื่อพรมลิขิต…จนผมได้เจอกันตัวเอง’
‘ผมไม่เคยเชื่อในพลังแห่งรัก…ก็ต่อเมื่อผมได้ศรัทธาความรัก’
‘ผมเชื่อเพียง...ตัวผม...ตัวผม...และตัวผม’
‘ปีนี้เป็นปีที่ดีและเป็นปีที่เลวร้าย’
‘ผมได้รางวัลที่ยิ่งใหญ่แต่ชีวิตคนสำคัญใกล้หมดลมหายใจ’
‘เกิดก็อซซิปและข่าวลือมากมาย หลายคนมองว่าการสร้างข่าวให้คนพูดถึงคือการสร้างมูลค่าให้ตัวตน เส้นทางหนึ่งของคนอยากโด่งดัง ต้องทำให้ผู้คนพูดถึงและเป็นหัวข้อที่คนทั่วไปสนใจ’ ‘แล้วไง...ผู้คนบนโลกต้องผู้จักผมและเรื่องราวส่วนตัวของผมอย่างนั้นหรือ ผมหมกมุ่นและค้นคว้าเพื่อรักษาผู้เป็นที่รักทั้งหมดคือผลของความพยายามที่สุดท้ายคือการสูญเสีย ผมขอถ่ายทอดชีวิตตัวเองลงบนแผ่นฟิล์มแห่งความทรงจำม้วนสุดท้าย’ ‘เวลาวันมีมากขึ้น เวลาชีวิตกลับมีน้อยลงขอทุกคนที่ได้รับฟังพึงใช้เวลาแห่งชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุด’ 'ภาระหน้าที่ผมเสร็จสิ้นลงแล้วตอนนี้ผมขออยู่กับโลกส่วนตัวที่มีเพียงแค่เราสองคน' เขาเฝ้ามองเหตุการณ์และดูพิธีการได้สักพักภาพตรงหน้าตัดฉากเป็นอีกสถานที่หนึ่ง เสียงใครบางคนแว่วมาแต่ไกลดึงความสนใจให้หันมามองผู้ที่กำลังเข้ามาหา
“เฮ้อ...ทำไมฉันต้องมาเหนื่อยเพื่อแกด้วยวะฮะ” เสียงเครื่องยนต์รถสปร์อตยี่ห้อดังเงียบลงพร้อมกับใครคนหนึ่งเอี้ยวตัวไปหอบกุหลาบสีขาวขนาดใหญ่หลายร้อยดอกที่วางอยู่ด้านที่นั่งข้างคนขับ สภาพการณ์เหมือนชายหนุ่มดำเนินชีวิตแบบนี้เป็นประจำ
บ้านหลังขนาดไม่ใหญ่นักแต่อบอวนไปด้วยความโศกอาจเพราะด้วยโทนสีและบรรยากาศของบ้าน กุหลาบหลายร้อยดอกที่เหี่ยวเฉาคาแจกันจากถูกเปลี่ยนใหม่หมดคืนความสดชื่นให้กับตัวบ้านแม้แต่คนเปลี่ยนเองก็ดูมีความสุข
ทั้งโทนบ้านสีสว่างทั้งดอกกุหลาบสีขาวเขาไม่ชอบนักเหมือนเดินเข้าสู่สถานบำบัดชำระล้างจิตใจเหมือนเดินเข้าโบสถ์มากกว่าเดินเข้าบ้านคนทั่วไป
“ไม่รู้แกเล่นคุณไสยอะไร ทำให้ฉันต้องมาทำธุระไม่ใช่ให้แกทุกปี” มือเรียวบรรจงบรรเลงเพลงรักสุดโปรดของเพื่อนบนเปียโนสีขาว ฉลองความรักให้กับเพื่อนพร้อมคนรักที่ลาลับไป ปลอบประโลมบ้านใหม่ที่เจ้าของได้ถือครองแต่ไม่ได้อยู่ ทุกตัวโน๊ตซาบซึ้งกินใจจนคนบรรเลงถึงกับน้ำตาร่วงไม่ขาดสายจนจบโน้ตตัวสุดท้าย
ความนุ่มเนียนประทับซับรอยน้ำตาของผู้ชายอ่อนไหวอย่างช้า ๆ คนได้รับสัมผัสนุ่มนวลถึงกับยิ้มรับเต็มใจ มือเรียวประคองดวงหน้าเกลี้ยงเกลาสดใสกดจูบแผ่วเบาบนปลายจมูก ชวนหยอกเล่นเช่นทุกครั้งจูบอย่างรักใคร่และเอ็นดู ไม่รุกร้ำเกินเลย
ดวงตาคนทั้งคู่เต็มไปด้วยรักอ้อมกอดประคองร่างกันเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยถึงจะมีน้ำตาไหลคล้อยหยดคล้อยลงปลายทาง
ไม่ใช่แค่สองคนที่ร่ำรักร้องไห้ตัวเขาเองที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ก็เศร้าจนรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าน้ำตาคลอเช่นเดียวกัน
'ใครกันคือผู้เป็นที่รักถึงขนาดคนสองคนอาลัยรักได้ขนาดนี้ข้ามวันคืนผ่านเป็นปียังไม่สามารถลืมคนๆ หนึ่งได้'
แรงดึงประหลาดผลักร่างเขาลอยเข้าไปในห้วงเวลาหนึ่งความหนาวเย็นสาดซัดจนร่างกายขนลุกซู่ กลิ่นอบอวนหอมคลุ้งจนฉุนเหมือนดอกไม้สะพรั่งบานพร้อมกันทั่วทั้งสวนชวนปวดประสาทบาดโพรงจมูกจนแสบร้อน ร่างกายเหมือนโดนกระแสน้ำสาดซัดพัดร่างกระเพื่อมขึ้นลงคล้ายตั้งใจส่งร่างกายไปยังที่ใดสักแห่งบนโลกใบนี้ เขาได้แต่ปล่อยกายใจลอยไปตามกระแสน้ำเย็น
เมื่อความตื่นตระหนกลดลงความรู้สึกเริ่มทำหน้าที่ให้เจ้าของร่างกายได้สัมผัสถึงร่างใครบางคนที่สองมือหนาได้โอบกอดไว้แนบอก ไร้ความอุ่นและไอร้อนของร่างนั้นนิ่งสงบหลับลึกเหมือนตุ๊กตามนุษย์ ความรู้สึกรักและโหยหาทำให้เขากระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นซุกหน้าซบซอกคอเย็นนั้นเหมือนเป็นพฤติกรรมเคยชิน
ความอึดอัดคัดแน่นบริเวณอกเหมือนร่างกายกำลังขาดอากาศ เขาพยายามอ้าปากกวาดอากาศที่ขาดๆ หายๆ เพื่อหายใจ ต่อสู้และเอาชีวิตรอดได้ไม่นานทั้งสองร่างกอดกันจมดิ่งสู่ห้วงน้ำลึกหนาวเย็น
คลื่นใต้น้ำผลักดันร่างขึ้นบนฝั่งเขาลุกนั่งมองดูทะเลเวิ้งว้างเกลียวคลื่นพัดเข้าชายฝั่งระลอกเล็กๆ ลมเย็นพัดโกรกจนรู้สึกหนาว หวังยกมือทั้งสองลูบทรายเม็ดเล็กๆ ที่เกาะติดตามผิวหน้าและร่างกายแล้วเดินจากทะเลแปลกประหลาดแห่งนี้ไป
มือหนาเกาะกุมมือข้างหนึ่งของใครบางคนเอาไว้ รั้งแขนให้หันกลับไปมองใครบางคนที่นอนนิ่งอยู่ข้างกายและใครอีกคนที่นอนคู่กัน เขาก้มมองคนทั้งคู่เพราะทั้งสองร่างคุ้นสายตาเหมือนเคยเจอะเจอกันแทบทุกวัน
ดวงตาทั้งคู่ประสานกันด้วยความไม่ตั้งใจดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นจ้องมองแน่นิ่งมายังเขาแต่แววตาว่างเปล่าหม่อมองไปยังที่แสนไกล
ด้วยความตกใจเขากระโดดหนีตัวลอยออกห่างจากสองร่างคนรักนั้น เขายังไม่หายตกใจกับดวงตาคู่นั้นเหมือนเป็นภาพติดตาที่สลัดทิ้งยังไงก็ไม่หายไป
“บ...บ้ากันไปแล้ว!!” เสียงใครคนหนึ่งแผดดังมาแต่ไกล เสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งตรงมายังผืนทรายที่เขานั่งตื่นตระหนกอยู่
ใครคนนั้นรูปร่างคุ้นตาเขายิ่งนัก ชายคนแรกที่วิ่งหน้าตาตื่นท่าทางเลิกลั่กรีบฉุดกระชากร่างคู่รักนั้นขึ้นมาให้พ้นน้ำทะเล ดวงตาของเขาจับจ้องทุกการกระทำเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ร่างสูงโปร่งกดกระแทกฝ่ามือลงบนอกชายคนหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียงเรียกชื่อชายคนนั้นตลอดเวลาไม่หยุดหย่น
ชายร่างเล็กอีกคนวิ่งปรี่เข้ามาช่วยชายอีกคนที่นอนคู่กันแต่แล้วกลับหันมาช่วยชายตัวสูงเป่าลมเข้าปอดเพื่อชีวิตให้กลับมาหายใจของคนที่น่าจะดึงชีวิตกลับมาได้
เสียงลมอื้ออึงเข้าปอดจากริมฝีปากแรงกระแทกกดอัดแล้วคลายออกจากบริเวณอกทำเขาแทบกระอักเหมือนโดนของแข็งบีบรัด ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขานอนคุดคู้ด้วยความระบม สายตายังคงจ้องมองชายสองคนกำลังช่วยชีวิตชายผู้นั้น ปฏิหาริย์ไม่เกิดแต่มือทั้งสองยังคงปั๊มกระตุ้นให้หายใจไม่หยุดหย่อน ภาพสะเทือนใจนั้นทำให้เขาร่ำไห้ไร้เสียงน้ำตาไหลรินไม่รู้ตัว เรากายหนักอึ้งของเขาขยับเข้าไปใกล้คนทั้งคู่แต่อีกคู่รักที่ยังนอนแน่นิ่ง “ไม่นะ...เคลาส์!” เสียงแหบตะโกนเสียงดังก้องพลังเสียงรวมตัวเป็นมวลมหาศาลผลักเขาลอยเคว้งไปอีกทางหนึ่ง น้ำหนักมือทั้งสองทุบลงบนอกครั้งสุดท้ายส่งดันตัวของเขาลอยละลิ่วจากฉากเศร้าสลดนั้นไกลออกไปจนภาพตัดเป็นสีดำ
อัยการหนุ่มหลุดจากฝันร้ายสะดุ้งสุดตัวลืมตาโพลงด้วยความตกใจ ถอนลมหายใจยาวเพราะโล่งใจที่ยังไม่ได้ไปปรโลกเหมือนดังฝัน เสียงของฌานที่ตะโกนเรียกชื่อเขายังดังก้องอยู่ในหัว ดวงตาแข็งเขม็งที่จ้องมองมานั้นยังติดอยู่ในความทรงจำ คนรักคู่นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเขา และ... เคลาส์ดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งสองมือประคองศีรษะคนรักให้ลงไปนอนบนที่นอนแทนอกของเขา ร่างหนานั่งสงบสติจากฝันร้ายสักพักและลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา อัยการก้าวขาไปยังบาร์เครื่องดื่มรินวิสกี้หวังคืนความสงบให้อารมณ์ที่กำลังแกว่งนิ่งลงเสียบ้าง ถึงจะเคยได้ยินว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดีแต่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ เสมือนเขาพึ่งผ่านพ้นความเป็นจริงอันเลวร้ายนั่นมาด้วยตัวเอง
ความฝันมักเกิดจากจิตใต้สำนึกที่สมองส่วนต่างๆ ถูกกระตุ้นและส่งผ่านชุดความจำเข้ามาในหัวขณะหลับ ฟรอยด์นักจิตวิเคราะห์ศึกษาการทำงานของระบบประสาทและความคิดไว้ว่า ความฝันคือการแสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู้สึกและแรงปรารถนาที่ถูกเก็บกดและซ่อนไว้ในจิตใจลึกๆ ของคน ส่วนใหญ่จะเกี่ยวโยงกับเรื่องเพศเป็นหลัก อัยการถอดลมหายใจยาวเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ได้นับ
หรือเขาจะหมกมุ่นกับเรื่องเพศจนเกินไป ฝันถึงทะเลและคู่รักนั้นคงเป็นเพราะมาเที่ยวทะเลใช้ชีวิตกับเอซิซนอนฟังเสียงคลื่นอาบแดดและลมร้อนมาหลายวันแล้ว งานศพนั่นคงไม่ใช่งานส่งวิญญาณของเขาหรอกนะนี่คงไม่ใช่ลางบอกเหตุเหมือนคนเฒ่าคนแก่พูดกัน เขาพึ่งจะได้รับภารกิจสำคัญบางอย่างแม้ไม่ได้เสี่ยงชีวิตเสี่ยงวิกฤตอะไรแม้แต่น้อยแต่คงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเพราะประมาทเลินเล่อขาดความรอบคอบ
เคลาส์ดื่มน้ำสีเข้มดีกรีแรงลงคออึกใหญ่ ดวงตาจับจ้องมองผิวทะเลไร้จุดหมายลมทะเล ณ ที่นี่ไม่ได้ทำให้เขาหนาวเหน็บเหมือนความฝันชวนสั่นสะท้านนั่น
มือเย็นสัมผัสรอบอกจนเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งชวนให้นึกถึงร่างเย็นยะเยือกที่เขากอดไว้แนบอกในความฝัน ร่างแน่นิ่งขาวซีดนั้นคงไม่ใช่คนที่ยังมีลมหายใจ ส่วนสูงและขนาดร่างกายคล้ายกับเอซิซที่กำลังกอดร่างเปลือยอกของเขาอยู่ตอนนี้ “เคลาส์...” น้ำเสียงงัวเงียเหมือนคนพึ่งตื่นจากการหลับใหลเรียกขานชื่อเขาแผ่วเบา ร่างเปลือยเปล่าแนบกายกับร่างหนาอบอุ่น
ชายหนุ่มดึงสติให้หลุดพ้นจากห้วงคะนึงฝันเขารวบมือเรียวทั้งสองไว้หันตัวกลับมาโอบกอดดาราหนุ่มเหมือนความฝันร่างขาวนวลอุ่นนุ่มของเอซิซถึงจะเข้มขึ้นจากแสงแดดแต่ผิวสวยยังกระจ่างใต้แสงจันทร์ เรียวปากหยักกดจูบที่หน้าผากแล้วซุกหน้าเข้าซอกคอหอมกรุ่นด้วยความเชยชิน
ร่างในอกอุ่นโอบรัดรอบอกแน่นส่งเสียงอือออในลำคอเหมือนคนละเมอฟังดูน่ารักน่าชังเป็นอีกมุมของดาราคนงามที่ทำท่าทางน่าเอ็นดู เอซิซตัวสั่นเล็กน้อยด้วยแรงลมยามดึกสงัดแฟนหนุ่มรีบอุ้มร่างเปลือยเปล่าท้าลมทะเลไปนอนกกในเตียงอุ่นเหมือนเช่นทุกคืน
เท้าของเขาเตะเข้ากับขวดทรงกลมไม่แรงนักแต่เจ้าสิ่งกลมกลึงนั้นกลิ้งมาอยู่ในขอบเขตของสายตาพอดีกลิ่นหอมฉุนกึกคงจะเป็นเจ้าน้ำหอมสีทองขวดนี้เป็นแน่ที่กลิ่นหอมชวนประทับใจนั้นล่องลอยเข้าหลอกหลอนเขาถึงในความฝัน
คู่รักกลับไปนอนกกกอดมอบไออุ่นบนเตียงนุ่มต่างพากันหลับใหลลงอีกครั้งในคืนนี้ พร้อมแสงหน้าจอโทรศัพท์มือถือสองเครื่องที่แข่งกันกระพริบถี่ยิบเพราะเจ้าของต่างปรับให้ระบบทำงานแบบเสียงเงียบเพื่อตัดการติดต่อกับโลกภายนอกเพราะต้องการใช้ชีวิตคู่ส่วนตัวลำพังกันสองคน
อีกฝากหนึ่งของคนโทรหาไม่ขาดสายหาใช่คนอื่นไกล เพื่อนรักนักสืบของเจ้าตัวนั่นเองฌานหัวเสียไม่น้อยที่เพื่อนอัยการไม่ยอมรับโทรศัพท์ที่เขากระหน่ำโทรเหมือนส่งชิงโชคหวังเอารางวัลพิเศษ แต่เมื่อสติเริ่มกลับมาอารมณ์ต่างๆ ที่พรั่งพรูเริ่มสงบลง “เพราะฝันบ้านั่น!” ฌานทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับมือที่ปล่อยวางจากโทรศัพท์มือถือ เพื่อนอัยการตอนนี้คงใช้เวลาอยู่กับแฟนดารา
เขามองตัวเลขดิจิตอลบอกเวลาแล้วถอนหายใจที่เพื่อนไม่รับสายคงหลับอยู่ก็เป็นได้ในเวลาดึกสงัดเช่นนี้
โบราณว่าไว้ฝันร้ายจะกลายเป็นดี ฝันว่าเพื่อนไปเป็นสุขในแดนสุขาวดีเพื่อนรักคงมีอายุยืนยาว!
ฌานกวาดตามองหาใครบางคนข้างกายที่เมื่อคืนผีรักอาจเข้าสึงมานอนขดกายข้างเขาหน้าตาเฉย เขาจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าไคอาจจะมีใจให้แต่ไม่กล้าข้ามกำแพงความเป็นเพื่อนมาเป็นคนรักเขาเสียทีช
เมื่อสายตาคุ้นชินกับความมืดจึงลุกออกจากเตียงมองหาไคจินเพื่อนรักเพื่อนใจ สายตาสะดุดกับร่างใครคนหนึ่งในมือถือกระป๋องเครื่องดื่มนั่งตะแคงข้างมองออกไปนอกชานยามดึกสงัด ไคจินกลับมา แต่งตัวเป็นชายตามปกติแล้ว ฌานเดินเข้ามานั่งข้างๆ โดยที่คนมองเหม่อไปนอกหน้าต่างไม่ได้สนใจอะไร ชายหนุ่มวางคามบุ๋มของตัวเองบนไหล่ลาด ในใจจะกดจูบกอดฟัดให้สมอยากแต่ก็ทำได้แค่คิด ใจชื้นขึ้นได้หน่อยเพราะมีคลิปที่แอบถ่ายไว้พอจะดับกระหายไปได้บ้าง ถ้าเจ้าตัวได้รู้ตัวเขามีหวังได้คอหักตายเพราะลูกเตะมหาประลัยของไคจินแค่คิดก็เสียวลำคอแล้ว
“นายกลัวตายไหมฌาน” คำถามจากเพื่อนร่วมอาชีพทำให้ฌานสะดุ้งเล็กน้อยเพราะความคิดไม่ดีในหัวเหมือนโดนเจ้าตัวล่วงรู้ความลับที่ไม่ต้องการเปิดเผย
“ถึงไม่อยากตายแต่ไม่ได้กลัวหรอก ใครก็ตายได้ทั้งนั้น” พ่อนักสืบทรงเสน่ห์ตอบยานคางเสียงเนือยเนือง
ไคจินหันหน้ากลับมาหาคนด้านหลัง พ่อนักสืบมือไวรวบร่างเพื่อนขึ้นมานั่งบนตักเหมือนเพื่อนรักตัวเล็กน่ารัก ใบหน้าอ่อนวัยซุกหน้าลงบ่าของฌานปากรูปกระจับเจื้อยแจ้วประโยคสำเนียงจีนมากมายแต่ฟังไม่ได้สัพเพราะเสียงโดนอกร่างสูงดูดซับไปเกือบหมดพร่ำพรรณนาจบก็ฟุบหลับอยู่บนตักเพื่อนไปเสียอย่างนั้น
มือของฌารรีบจับกระป๋องเครื่องดื่มที่กำลังจะหลุดไปจากมือของไคจินได้อย่างหวุดหวิด เขาเพ่งมองกระป๋องเครื่องดื่มที่เพื่อนรักดื่มได้อย่างชัดเจนก็โล่งใจที่เป็นแค่น้ำผลไม้รสชาติเปรียวอมหวานของสัปปะรด ดื่มน้ำรสจัดตอนค่ำคืนไคจินไม่เสาะท้องบ้างหรือไงกัน
“ถ้านายตายก่อนฉันสั่งนะน่าดู!” คำสั่งคนหลับทำให้ใครบางคนนั่งยิ้มไม่ยอมหุบ คงต้องรีบหาของขลังวิชาคงกระพันเหมือนชาวตะวันออกไว้ป้องกันตัวบ้างเสียแล้ว
ใครจะอยากตายยังไม่ได้จับวายร้ายหัวใจสุดแสบมาคุมขัง สำเร็จโทษร้ายแรงบนเตียงนอนให้สาแก่ใจเสียที
“นักสืบลามก!” คนฟังไม่ได้โกรธได้แต่หัวเราะเบาๆ แล้วพาพ่อญาณทิพย์นอนละเมอกลับเตียงจะได้นอนหลับสบายที่น่าจะหลับดีกว่าบนตักของเขาที่เจ้าคาวโลกีย์ดีดขึงแข็งปั๋งไม่ดูเวล่ำเวลาในยามดึกดื่นค่อนคืนตอนนี้
ขณะเดียวกันคนที่กดโทรศัพท์ไม่หยุดอีกสายคือผู้จัดการโฮนั่นเอง ไม่รู้ว่าฝันร้ายหรือเพราะมีงานด่วนให้ต้องติดต่อกับดาราหนุ่มในยามวิกาลดึกสงัดเช่นนี้
ร่างสูงสง่าหงุดหงิดไม่น้อยที่รุ่นพี่ดาราหนุ่มไม่ยอมรับสาย โอลิเวอร์ทั้งหงุดหงิดทั้งโมโหแต่สาเหตุไม่ได้มาจากดารารุ่นพี่แต่เป็นชายอีกคนหนึ่งที่เขาพึ่งวิ่งหนีมา
“บ้าเอ้ย!” ผู้จัดการมือต้องคบค้าหาเพื่อนใหม่ที่พร้อมจะช่วยเหลือเขาได้มากกว่าดาราตกหล่มในหลุมรักเสียแล้ว
เมื่อนึกถึงปีศาจร่างจำแลงก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ชายร่างสูงหน่วยก้านดียืนจังก้าขวางทางโอลิเวอร์ไว้ ผมยาวสีเทาหม่นตามสมัยนิยมถูกรวบมัดไว้ที่ท้ายทอยเปิดให้เห็นเทรนด์ผมเปิดข้างไถสูงสไตล์อันเดอร์คัตแต่งตัวแนวแฟชั่นนิสจัดจ้านทั้งรูปลักษณ์และสีสัน “ผมตามหามาเป็นปี คุณมาซ่อนตัวอยู่ใต้ปีกดาราเริงเมืองเอซิซ เวลส์นี่เอง” รอยยิ้มร้อยบนใบหน้าหวานแหววกระเดียดไปทางหญิงร้ายร้อยเล่ห์นั่น ทำเอาข้าทั้งสองข้างที่มั่นคงแข็งแรงของโฮสั่นขึ้นมาไม่หยุดหย่น โรคแพ้เพศตรงข้ามเปิดทำงานโดยอัตโนมัติถึงเขาจะเข้ารับการรักษาและบำบัดมาระยะเวลานานแต่เหมือนปมร้ายในใจยังไม่ยอมลาจากไปโดยง่าย
“เอาหน้าชั่วร้ายของแกออกไปให้พ้น!” เสียงเค้นต่ำเต็มกับด้วยความเคียดแค้นเหมือนโกรธเกลียดกันมาเป็นแรมปีดังคับตรอกเล็กๆ นั่น
รูปร่างสูงโปร่งท่าทางเหมือนทอมบอยไม่ยี่หระสะทกทะท้ายคำข่มขู่นั่น ถึงร่างกายแข็งแรงทำเตะต่อยทำร้ายเขาได้ก็ไม่ส่งผลร้ายกับเขาได้แน่ในขณะนี้
ปัสกาลหนึ่งในนักออกแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดังเดินตรงดิ่งเข้าหาผู้จัดการหนุ่มโอลิเวอร์
ใบหน้าหญิงงามในร่างชายที่เจ้าตัวกร่อนด่าทุกวันหน้ากระจกเพราะทำให้ถูกล้อเลียนสร้างความอับอายตั้งแต่เด็ก แต่เขากลับทำให้เป็นจุดแข็งของตัวเองไหนก็เกิดมาหน้าสะสวยเขาจึงจัดหนักให้ใบหน้าหญิงงามตั้งอยู่บนเรือนร่างสมชายชาตรีไปเลย เก๋ดีย์!
มือเรียวแต่แข็งแรงกระชากคอเสื้อร่างสูงกว่าตัวเองเข้ามาใกล้ ตาที่โตอยู่แล้วของผู้จัดการหนุ่มเบิกกว้างขึ้นไปอีกและหันหน้าหนีทันที ใบหน้างดงามตามจี้ตีติดจนไม่เหลือระยะหน้าผากโหนกสวยชนตรงหว่างคิ้วขมวดได้พอดีนัก
โอลิเวอร์ได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ทั้งโมโหตัวเองทั้งโกรธผู้ชายหน้าหญิงที่พุ่งเข้าหาเขา ร่างกายแสดงปฏิกิริยาต่อต้านชัดเจนจนไร้ความสามารถจะตีตัวออกห่างจากชายหน้านางฟ้าแต่ทำตัวเหมือนมารคนนี้ได้
เรียวปากนุ่มกดจูบดูดเรียวปากอิ่มของผู้จัดการมือทองอย่างจาบจ้วงและรวดเร็ว เรียวลิ้นพยายามละลายละเลงความหวาดกลัวให้ลดหายแต่กลายเป็นเพิ่มความเลวร้ายระดับทำลายล้างขั้นสุงสูด สติเจือจางดวงตาพร่าเลือนสมองดับภาพตรงหน้าหายวับไปอย่างรวดเร็วเหมือนดับสวิสต์ไฟ ร่างสูงวูบหลับทิ้งตัวจวนจะล้มแต่มีมือสองข้างคอยกระคองรอไว้แล้วอย่างแข็งขัน
“โอ้ว! รุกฆาต! แรงไปมุ้ยอ่ะ” ถึงร่างกายและสรีระจะบางกว่าคนสติหลุดแต่ไม่มีปัญหาอะไรที่ปัสกาลจะจับคนตัวสูงกว่าพาดบ่าแล้วเดินแบกร่างไร้สติไปยังรถยนต์สีมืดทะมึนของตัวเอง ใช้เวลาไม่นานรถคันดังกล่าวได้ขับฝ่าความมืดออกไปทิ้งพื้นที่เกิดเหตุให้ว่างเปล่าเหมือนไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ฝันจะดีหรือจะร้ายคงมีแต่โอลิเวอร์ที่ต้องเผชิญกับมันด้วยตัวเอง...
The End
เรื่องสั้นตอนพิเศษมาจากเรื่องหลัก Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก หาอ่านกันได้ในห้อง Boy's love story นะคะ ฝากนิยายทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาวในเล้าเป็ดด้วยค่ะ