- ภาพยนตร์ -
#3 : เด็กชายม่อนผู้ขาดความอบอุ่น
มุมมองสูงของโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยค่อยๆ เลื่อนต่ำลงสู่ระดับอาคาร เด็กนักเรียนมัธยมกำลังเดินกลับขึ้นห้องเรียน ป้ายห้อง ม. 2/3 ปรากฏขึ้นเหนือประตูห้อง และค่อยๆ เลื่อนต่ำลงจนมาเจอกับเด็กนักเรียนหญิงสามคนที่กำลังเดินคุยกันมาตามทางเดิน เมื่อเข้ามาในห้องเรียน ออนเหลือบไปเห็นวัตถุขาวๆ บนเก้าอี้ที่เธอนั่ง สาวน้อยมุ่นคิ้ว เธอตรงเข้าไปหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย
ออน: ตุ๊กตาแมวซีเกมส์นี่
เพื่อนของออนอีกสองคนเดินตามมาดูด้วย ทั้งคู่ดูสงสัยเช่นกัน จึงถามออนเป็นคำเมือง
เพื่อนคนที่หนึ่ง: ของเธอเหรอออน
ออน: ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ซื้อเลย
เพื่อนคนที่สอง: หรือว่า…พี่อาร์ตเขาเอามาง้อเธอ
ออน: แล้วเขาจะไปเอามาจากไหนล่ะ มันไม่มีขายแล้ว
เพื่อนคนที่หนึ่ง: พี่อาร์ตซื้อต่อมาจากใครหรือเปล่า บางคนเขาก็เอามาขายต่อนะ ขายแพงมาก มีคนอยากได้เยอะเลย
เพื่อนคนที่สอง: เออ เป็นไปได้
เพื่อนคนที่หนึ่ง: แสดงว่าพี่อาร์ตเขารักเธอมากเลยนะเนี่ย อุตส่าห์ไปหามาให้จนได้
สีหน้าของออนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่ม ดูเหมือนเธอจะเชื่อตามที่เพื่อนพูด
ออน: เดี๋ยวฉันมานะ
ออนเดินดุ่มๆ ออกจากห้องด้วยรอยยิ้มพอใจ เธอเอามือไพล่หลังซ่อนตุ๊กตาแมวซีเกมส์ไว้
ในห้อง ม. 3/1 อาร์ตยืนคุยกับเพื่อนผู้ชายอย่างออกรสออกชาติ สาวน้อยคนหนึ่งโผล่มาตรงประตูทางเข้า เธอยิ้มหวานและเดินเข้ามาหาอาร์ต
ออน: พี่อาร์ต
อาร์ตหยุดคุยและหันมามองเจ้าของเสียง เขายิ้มดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร เพื่อนๆ ของเขาพากันแซวสนุกสนาน
ฟ้าฮ่าม: สาวมาหามึงเว้ย
งาย: สงสัยน้องเขาจะหายงอนมึงแล้วแน่ๆ เลย
ออนมาหยุดยืนตรงหน้าอาร์ต เธอเอาตุ๊กตาแมวซีเกมส์ที่ซ่อนไว้ข้างหลังขึ้นมาอวด ยิ้มเห็นฟันขาวเรียงตัวสวย
ออน: ขอบคุณนะพี่อาร์ต
อาร์ตหุบยิ้ม สายตาจับอยู่ที่ตุ๊กตาแมวซีเกมส์ แววตาของเขาดูสงสัย
อาร์ต: ออนไปเอาตุ๊กตาแมวซีเกมส์มาจากไหน
ออน: อ้าว ก็พี่อาร์ตเอาไปวางไว้ที่โต๊ะออนไม่ใช่เหรอ
อาร์ตทำหน้าฉงนหนักขึ้น ก่อนพยายามเก็บสีหน้า เขาน่าจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนเอาตุ๊กตาแมวซีเกมส์ไปวางไว้ที่โต๊ะของออน
ออน: ไม่ใช่พี่อาร์ตเหรอ ถ้าพี่อาร์ตไม่เอาไปวางไว้ แล้วใครจะเอาไปวางไว้ล่ะ หรือว่า…มีคนมาวางลืมเอาไว้
อาร์ต: ไม่ใช่หรอก
ออน: อ้าว แล้วใครล่ะ
อาร์ตไม่ตอบ ใบหน้าของออนเผยให้เห็นแววตาขุ่นเคือง เธอกัดฟันกรอดๆ ก่อนทำเสียงกระฟัดกระเฟียด
ออน: ไอ้เราก็อุตส่าห์ดีใจ นึกว่าไปซื้อมาให้ใหม่
ออนเหวี่ยงตุ๊กตาแมวซีเกมส์ลงไปบนพื้นอย่างแรงจนมันไถลไปอยู่ใต้โต๊ะ เธอเดินกระแทกเท้าตึงๆ ออกไปจากห้อง ม. 3/1
อาร์ตเดินไปตรงโต๊ะตัวนั้น เขาก้มลงไปเก็บตุ๊กตาแมวซีเกมส์ขึ้นมา เมื่อยืนขึ้นก็พบว่าเพื่อนๆ มองมาที่เขาเป็นตาเดียวกัน อาร์ตบ่นพึมพำลอดไรฟันอย่างไม่พอใจระคนระอาใจ
อาร์ต: พูดไม่ฟังเลย
อาร์ตเอาตุ๊กตาแมวซีเกมส์ไปใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ ก่อนรีบวิ่งตามออนออกไป
… … …
มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ ลานกว้างของหมู่บ้าน เด็กผู้ชายสิบกว่าคนเล่นเตะบอลกันอยู่ตรงนั้นเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ดูจากความสูงและรูปร่างน่าจะมีทั้งเด็กประถมปลายและมัธยมต้นคละกัน อาร์ตลงจากรถแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
เด็กชายม่อนกำลังเล่นเตะบอลกับเพื่อน เขายิ้มกว้างและหัวเราะมีความสุข แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นอาบทาเส้นผมและใบหน้าของเขาจนฟุ้งวาวสว่างใส อาร์ตมองไปที่ม่อนอย่างสนใจ สีหน้าขุ่นเคืองผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เด็กชายคนหนึ่งหันมาเห็นอาร์ตยืนอยู่ข้างสนาม จึงหันไปตะโกนบอกเพื่อนๆ
เด็กชายคนหนึ่ง: เฮ้ยพวกมึง ใครมาวะ
ม่อนกับเพื่อนๆ หยุดเล่นและหันมาดู เขายิ้มดีใจและหันไปบอกเพื่อนๆ เป็นคำเมือง
ม่อน: พวกมึงเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวกูมา
เพื่อนๆ ของม่อนบ่นพึมพำเพราะขาดคนเล่นไปหนึ่งคน แต่ไม่นานก็เล่นกันต่อตามเดิม อาร์ตเอามือไพล่หลังซ่อนตุ๊กตาแมวซีเกมส์ไว้ ม่อนเดินแกมวิ่งใกล้เข้ามา
ม่อน: พี่อาร์ตมาหาผมเหรอ
อาร์ต: อือ
ม่อน: พี่ออนหายโกรธพี่อาร์ตแล้วใช่ไหม
อาร์ต: ไม่หาย โกรธมากกว่าเดิมอีก
อาร์ตทำเสียงดุ ม่อนหุบยิ้มและหน้าเสีย
ม่อน: อ้าว
อาร์ต: เราต้องคุยกันหน่อยนะม่อน
ม่อน: พี่อาร์ตจะด่าผมหรือเปล่า
อาร์ต: ก็มันน่าด่าไหมล่ะ
เด็กชายหน้าสลดวูบ ท่าทางดูหวาดกลัวและไม่กล้าสบตาอาร์ต ขณะที่ใบหน้าของอาร์ตมีแววตาที่อ่อนลงเล็กน้อย
อาร์ต: ตามพี่มานี่
ม่อน: ครับ
ม่อนเดินตามอาร์ตไปที่รถมอเตอร์ไซค์อย่างว่าง่าย สายตาจับอยู่ที่ตุ๊กตาแมวซีเกมส์ที่อาร์ตถือไว้ อาร์ตขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซค์ก่อน ม่อนตามมานั่งซ้อนท้าย ไม่นานอาร์ตก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
สองข้างทางบนถนนเล็กๆ เคลื่อนที่สวนทางความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์ ครู่หนึ่งแม่น้ำปิงก็เริ่มปรากฏขึ้นไกลๆ และค่อยๆ ใกล้เข้ามา รถเลี้ยวซ้ายและวิ่งไปเรื่อยๆ ตามถนนเลียบริมน้ำจนมาถึงที่ดินโล่งๆ แห่งหนึ่ง มีป้ายปักว่าที่ดินส่วนบุคคลห้ามบุกรุก มีรั้วลวดหนามล้อมรอบ แต่ก็เปิดทางไว้ให้เข้าได้ตรงด้านหน้า อาร์ตเลี้ยวรถเข้าไปในนั้น เขาตรงเข้าไปจอดใกล้ๆ กับแม่น้ำปิง ทั้งสองคนลงจากรถและเดินไปนั่งตรงที่นั่งริมแม่น้ำ ได้ยินเสียงแม่น้ำไหลเอื่อยๆ และเห็นด้านหลังของเด็กชายสองคนที่นั่งเคียงกัน แสงส้มอ่อนของดวงอาทิตย์สาดส่องอยู่ด้านบน อากาศในเดือนนี้ของเชียงใหม่ยังคงหนาวอยู่
อาร์ต: ทำไมถึงไม่เชื่อที่พี่บอกล่ะ
ม่อน: ก็ม่อนอยากช่วยพี่อาร์ต
เด็กชายทำเสียงอ่อย สีหน้ายังดูหวาดกลัว เวลาอาร์ตดุแล้วดูน่ากลัวไม่น้อย
อาร์ต: แล้วมันช่วยได้ไหมล่ะ
ม่อน: ก็ผมนึกว่ามันจะช่วยได้ไง
อาร์ตส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจและถอนหายใจเบาๆ
ม่อน: แล้วทำไมพี่ออนต้องโกรธด้วยล่ะ เขาไม่อยากได้ตุ๊กตาแมวซีเกมส์เหรอ
แววตาของเด็กชายดูไร้เดียงสา ขณะที่ใบหน้าของอาร์ตดูอ่อนอกอ่อนใจ
อาร์ต: อยากได้สิ ทำไมเขาจะไม่อยากได้ล่ะ
ม่อน: อ้าว แล้วทำไมพี่ออนโกรธล่ะ ผมก็เอาไปให้แล้ว
อาร์ตถอนหายใจ สีหน้าของเขายังดูขุ่นเคือง ทว่าก็ดูอ่อนลงค่อนข้างมาก
อาร์ต: คนที่จะเอาไปให้เขาต้องเป็นพี่สิ ไม่ใช่ม่อน ออนเป็นแฟนพี่ ไม่ใช่แฟนม่อนซะหน่อย
ม่อน: อ๋อ
ม่อนเงียบไป เขาก้มหน้า สีหน้าบ่งบอกว่ารู้สึกผิด ไม่หันมาสบตาอาร์ตตรงๆ
ม่อน: แล้ว…พี่อาร์ตเสียใจหรือเปล่าที่พี่ออนโกรธ
อาร์ต: เสียใจสิ ถามได้
เสียงของอาร์ตดุ ใบหน้าของเขาดูขุ่นเคืองขึ้นอีกนิด แต่ไม่นานก็อ่อนลงอีก เขาเงยหน้ามองฟ้าและถอนหายใจยาวอย่างอ่อนล้า แววตาดูวิตกกังวลและเศร้า ม่อนลอบมองด้วยความเห็นใจระคนรู้สึกผิด
อาร์ต: ต่อไป ถ้าพี่บอกว่าไม่ก็คือไม่นะม่อน
ม่อนพยักหน้าตกลงอย่างว่าง่าย
ม่อน: ครับพี่อาร์ต
อาร์ต: คนเราเวลาทำผิดน่ะ ม่อนรู้ไหมว่าควรต้องทำอะไร
ม่อน: ก็ขอโทษ
อาร์ต: แล้วม่อนจะไม่ขอโทษพี่เหรอ ตอนพี่ทำแก้วซีเกมส์ม่อนแตก พี่ยังขอโทษม่อน แล้วก็เอาตุ๊กตาแมวซีเกมส์มาให้ม่อนแทนเลย
ม่อนยิ้มแหยๆ และดูอายๆ เขาไม่เคยขอโทษใครเวลาทำผิดเลย ยิ่งในบ้านยิ่งแล้วใหญ่ เพราะแม่ตามใจลูกชายคนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆ
ม่อน: ขอโทษครับ
อาร์ต: ฟังไม่เพราะเลย ไม่เคยขอโทษใครเลยเหรอ เอาใหม่
ม่อนยิ้มแหยๆ แต่สักพักเขาก็ยอมพูดอีกครั้ง
ม่อน: ผมขอโทษครับพี่อาร์ต
อาร์ต: ดีมาก ลูกผู้ชาย…ทำผิดก็ต้องกล้ารับผิด
ม่อน: ครับ
อาร์ต: แล้วก็อย่าลืมขอโทษพี่เมี่ยงแล้วก็แม่ด้วยล่ะ คนทำผิดแล้วไม่ขอโทษ…เป็นคนใช้ไม่ได้รู้ไหม
ม่อน: ครับพี่อาร์ต
อาร์ต: ม่อนรับปากพี่แล้วนะ ต้องทำให้ได้ล่ะ เดี๋ยวพี่จะคอยดู
ม่อน: ครับ
ม่อนยิ้มกว้างขึ้น แววตาหวาดกลัวเริ่มหายไป
ม่อน: ผมขอโทษพี่อาร์ตแล้ว พี่อาร์ตหายโกรธผมหรือยัง
อาร์ต: พยายามอยู่ บอกตรงๆ ว่าพี่โกรธม่อนมาก ควันออกหูเลย แต่ตอนนี้โกรธไม่ลง
ม่อน: อย่าโกรธผมเลย สงสารเด็กตาดำๆ ไม่มีพ่ออย่างผมนะครับพี่อาร์ต
น้ำตาของม่อนร่วงเผาะๆ อาร์ตมองด้วยสีหน้าแปลกใจ ได้ยินม่อนขอความสงสารเพราะเจ้าตัวไม่มีพ่อแล้วก็นึกเห็นใจไม่น้อย
อาร์ต: อ้าว ร้องไห้ทำไมล่ะ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่โกรธแล้ว
ม่อนพยายามกลั้นสะอื้น
ม่อน: ผมอยากมีคน...คอยสอนผมแบบพี่อาร์ตน่ะ
อาร์ต: อ้าว แล้วแม่กับพี่เมี่ยงล่ะ พี่ก็เห็นเขาสอนม่อนอยู่นะ
ม่อน: มันไม่เหมือนกัน
ใบหน้าของอาร์ตฉายแววเวทนา แต่ก็มีคำถามในแววตาของเขา
ม่อน: ถ้าม่อนมีพ่อ พ่อจะสอนม่อน…แบบที่พี่อาร์ตสอนม่อนหรือเปล่า
อาร์ต: พี่จะรู้ได้ไง พี่ไม่ใช่พ่อม่อนซะหน่อย
ม่อน: แล้วป่าป๊าของพี่อาร์ต สอนพี่อาร์ตแบบนี้หรือเปล่า
อาร์ต: อือ บางทีก็สอนแบบนี้ แต่บางทีก็ดุ ดุมากด้วย
อาร์ตยิ้มระคนขำเบาๆ สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าของม่อน
อาร์ต: ม่อนไม่เคยเจอพ่อเลยเหรอ
ม่อนส่ายหน้า
ม่อน: ไม่เคย เขาทิ้งแม่ไปตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ แล้วก็ไม่เคยมาหาพวกเราเลย
อาร์ต: ม่อนอยากเจอพ่อหรือเปล่าล่ะ
ม่อน: ไม่รู้ครับ แต่แม่ไม่ให้เจอหรอก แม่โกรธพ่อมาก เขาบอกว่าถึงตายก็ไม่ต้องมาเผาผี
อาร์ต: ขนาดนั้นเลยเหรอ
ม่อน: อือ แม่บอกว่าพ่อเป็นคนเจ้าชู้ มีเมียหลายคน เขาทำแม่เจ็บมาก แม่ก็เลยไม่ให้อภัย
อาร์ตพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
อาร์ต: เลิกร้องไห้ได้แล้ว เป็นผู้ชายอย่าขี้แงสิ
ม่อน: ก็ผมกลัวพี่อาร์ตด่าผมน่ะ
อาร์ต: ไม่ด่าแล้ว ก็พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่โกรธแล้ว เห็นพี่เป็นคนชอบด่าไปได้
ม่อนเอามือป้ายน้ำตา เสียงสะอื้นเริ่มหายไป
ม่อน: ผมอยากมีพี่เหมือนพี่อาร์ตจังเลย
อาร์ต: ทำไมล่ะ
ม่อน: บ้านผมมีแต่ผู้หญิง ไม่มีผู้ชายเลย
อาร์ต: ขาดความอบอุ่นเหรอเรา
ม่อน: ก็คงงั้น
อาร์ตมองเด็กชายที่นั่งข้างๆ ด้วยแววตาเห็นใจ กระนั้นเขาก็กระอักกระอ่วนใจที่จะคุยเรื่องทำนองนี้ต่อ จึงตัดบท
อาร์ต: กลับบ้านดีกว่า มืดแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง อ้อ นี่ตุ๊กตาแมวซีเกมส์ของม่อน อย่าเอาไปให้ใครอีกรู้ไหม รักษาไว้ดีๆ ให้สมกับที่อยากได้หน่อย
อาร์ตส่งตุ๊กตาแมวซีเกมส์ในมือให้ม่อน เด็กชายรับมาถือไว้ด้วยสีหน้าดีใจระคนรู้สึกผิด
ม่อน: ครับพี่อาร์ต
เด็กชายสองคนลุกขึ้น มีแสงสะท้อนสีส้มแดงของดวงอาทิตย์ระยิบระยับเป็นฉากหลังขณะเดินออกไป แม้ยังไม่ถึงหกโมงเย็นแต่ก็มืดไวเพราะยังอยู่ในช่วงหน้าหนาว
… … …
มีนาคม 2539
ป่าป๊าเพ่งดูบางอย่าง คิ้วสองข้างมุ่นเข้าหากัน แววตาค่อยๆ ฉายแววโกรธจัด สักพักก็ฟาดสมุดเกรดลงบนพื้นโต๊ะไม้อย่างแรง ลูกชายที่นั่งก้มหน้าอยู่ถึงกับสะดุ้ง
ป่าป๊า: ทำไมได้เกรดสี่แค่วิชาเดียวล่ะอาตี๋ แย่กว่าเทอมที่แล้วอีก ลื้อรับปากอั๊วแล้วนะว่าจะทำให้ได้เกรดสี่ทุกวิชาเทอมนี้ บอกป่าป๊ามาซิว่าทำไมทำไม่ได้
อาร์ต: ผมพยายามแล้วครับป่าป๊า
ป่าป๊า: พยายามจริงเหรอ ไม่ใช่ลื้อแอบไปวาดรูปอีกล่ะ อย่าคิดว่าอั๊วไม่รู้นะ จะวาดให้มันได้อะไรขึ้นมา อยากเป็นศิลปินไส้แห้งหรือไง ตระกูลเราไม่มีใครเขาทำแบบลื้อสักคน
อาร์ต: ไม่ใช่นะครับป่าป๊า ผมติวหนังสือกับเมี่ยงทุกวันเลยนะครับ
ป่าป๊า: ลื้อไม่ต้องมาโกหกเลยอาตี๋
ป่าป๊าลุกจากโซฟา เขาเดินลงส้นหนักๆ ขึ้นไปข้างบน ได้ยินเสียงบ่นไกลๆ ดังก้องสะท้อนตามมา
ป่าป๊า: เดี๋ยวกูจะเผาทิ้งแม่งให้หมดเลย
หม่าม้าและพี่สาวโผล่ออกมาจากครัว ทั้งคู่เดินมานั่งข้างๆ อาร์ตด้วยสีหน้ากังวล
เอ้: เจ๊เอาของพวกนั้นไปซ่อนในห้องเจ๊แล้ว ป่าป๊าเขาหาไม่เจอหรอก
หม่าม้า: เย็นนี้ หม่าม้าว่าอาตี๋ไปนอนที่อื่นดีกว่านะ เดี๋ยวป่าป๊าจะตีเอาอีก
อาร์ต: ไปนอนที่ไหนล่ะหม่าม้า
หม่าม้า: บ้านเพื่อนไง อาตี๋ไปนอนบ้านเพื่อนสักคนดีไหม มีเพื่อนคนไหนพอที่อาตี๋จะขอไปนอนด้วยสักคืนสองคืนได้บ้างหรือเปล่า หม่าม้าไม่อยากเห็นอาตี๋โดนป่าป๊าตีเลย
เอ้: ไปบ้านเมี่ยงไหมอาร์ต ป้าของเมี่ยงมีโฮมสเตย์อยู่ อาร์ตไปพักที่โฮมสเตย์ก็ได้
หม่าม้า: ไปเลยอาตี๋ เดี๋ยวหม่าม้าจ่ายค่าที่พักให้เอง อาตี๋รีบไปสิ เดี๋ยวป่าป๊าลงมา
อาร์ต: แต่ผมยังไม่มีเสื้อผ้าเลยนะหม่าม้า ผมต้องขึ้นไปเอาที่ห้องก่อน
เอ้: หม่าม้าเขาเตรียมให้แล้ว
พี่สาวของอาร์ตเดินไปหยิบกระเป๋าซึ่งซ่อนไว้ในครัวมาให้ อาร์ตรับมาด้วยสีหน้าซาบซึ้งในความห่วงใยของผู้เป็นแม่
หม่าม้า: ไปเร็วอาตี๋ ป่าป๊าอีจะลงมาแล้ว
อาร์ต: ครับหม่าม้า
อาร์ตถลาไปที่รถมอเตอร์ไซค์พร้อมกระเป๋า เขารีบสตาร์ทรถแล้วก็ขี่ออกไปเลย มีสายตาของพี่สาวและหม่าม้าที่มองตามไปด้วยความเป็นห่วง
ป่าป๊าได้ยินเสียงรถลูกชายแล่นออกไปก็รีบลงมาดูทันที ทว่าก็เห็นแต่ลูกสาวกับเมียยืนอยู่ เขาจึงถามอย่างฉุนเฉียว
ป่าป๊า: อาตี๋ไปไหน
หม่าม้า: อั๊วะไม่รู้
ป่าป๊า: ไม่รู้ได้ยังไง
หม่าม้า: ก็อั๊วะไม่ได้ถามน่ะ
ป่าป๊า: ให้มันได้อย่างนี้สิ แล้วไอ้ของวาดรูปพวกนั้นมันหายไปไหนหมด
เอ้: ไม่รู้ค่ะป่าป๊า
ป่าป๊า: พวกลื้อสองคนโกหกอั๊วะหรือเปล่า อย่าให้รู้นะว่าช่วยกันปิด ตกลงอาตี๋ไปไหน
หม่าม้า: อั๊วะไม่บอกลื้อหรอก อั๊วไม่ให้ลื้อตีลูกของอั๊วะแล้ว
ป่าป๊า: จะไม่ให้ตีได้ยังไง ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ มันใช้ได้เหรอ อั๊วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เดี๋ยวพวกนั้นมันก็มาหัวเราะเยาะอั๊วะอีก
หม่าม้ากับเอ้พากันเงียบ คนโมโหจึงได้แต่บ่นพึมพำและเดินตึงๆ ขึ้นไปข้างบนอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ตะโกนเสียงก้องๆ ลงมาสั่งด้วย
ป่าป๊า: พวกลื้อปิดร้านไปเลย ไม่ขงไม่ขายมันแล้ว
… … …
ประตูห้องมืดๆ เปิดออก มีเงาตะคุ่มๆ ของหลายคนเดินเข้ามาข้างใน ตามด้วยเสียงเปิดสวิตช์ไฟ พริบตาเดียวไฟก็สว่างไปทั้งห้อง
ป้าหมอน: หนูพักหลังนี้ละกันนะ หลังเล็กหน่อย พอดีอีกหลังเพิ่งมีคนมาพักก่อนหนูมาถึงเมื่อกี้นี้เอง
อาร์ต: ได้ครับป้าหมอน ไม่มีปัญหาเลยครับ
เมี่ยง: แล้วอาร์ตกินอะไรมาหรือยังล่ะ
อาร์ต: ยังไม่ได้กินเลยเมี่ยง
เมี่ยง: อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวเราทำให้
อาร์ต: ไข่เจียวก็ได้
เมี่ยง: โอเค เดี๋ยวเราทำมาให้นะ เอาแกงจืดด้วยไหม
อาร์ต: ได้
ม่อน: พี่อาร์ตไม่กินเผ็ดเหรอ
เมี่ยง: อาร์ตเขาไม่กินเผ็ดหรอก
ม่อน: อ้าว พี่เมี่ยงรู้ได้ไง
เมี่ยง: รู้สิคะคุณชายม่อน อาร์ตเรียนห้องเดียวกับพี่มาตั้งแต่ปอสามแล้วนะ ไม่รู้ก็แปลกแล้ว
ทุกคนพากันหัวเราะ ม่อนเอามือเกาท้ายทอยและยิ้มเขินๆ
แม่หมิว: งั้นให้อาร์ตไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีไหม เพิ่งมาเหนื่อยๆ
ม่อน: แม่…ผมอยากมานอนเป็นเพื่อนพี่อาร์ตน่ะ
แม่หมิว: พี่เขามาเป็นแขกนะลูก อย่าไปรบกวนพี่เขาเลย
อาร์ต: ไม่รบกวนหรอกครับน้าหมิว ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีเพื่อนคุย
แม่หมิว: เอางั้นเหรอ
อาร์ต: ครับ
ม่อนยิ้มดีใจจนออกนอกหน้า อาร์ตเอากระเป๋าไปวางบนชั้นวาง ไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ม่อนเดินตามพี่สาวเข้าไปในครัว ก่อนเอ่ยปาก
ม่อน: พี่เมี่ยง ม่อนอยากทำไข่เจียวให้พี่อาร์ตกินน่ะ พี่เมี่ยงสอนผมทำหน่อยสิ
เมี่ยง: อย่าเลยม่อน เดี๋ยวแม่เห็นก็จะมาดุพี่อีก ไปอยู่เป็นเพื่อนอาร์ตเหอะ
ม่อน: เดี๋ยวไป พี่อาร์ตเขาอาบน้ำอยู่
เมี่ยง: แหม...เดี๋ยวนี้ดูสนิทกับอาร์ตเยอะเลยนะ
ม่อน: ก็พี่อาร์ตเขาใจดี
เมี่ยงหรี่ตามองน้องชายราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เมี่ยง: พี่ไม่เคยเห็นม่อนชมใครแบบนี้เลยนะเนี่ย แต่จะว่าไป ตั้งแต่ม่อนรู้จักกับอาร์ตมา พี่ว่าม่อนเปลี่ยนไปเยอะเลย
ม่อน: เปลี่ยนยังไงล่ะ
เมี่ยง: ก็ดีขึ้น หน้างอน้อยลง แล้วก็รู้จักขอโทษด้วย อาร์ตเขาสอนเหรอ
ม่อน: อือ
เมี่ยง: สอนแบบไหน
ม่อน: ไม่บอก ไปดีกว่า
ม่อนหันหลังและรีบเดินออกมาจากครัวด้วยรอยยิ้มเขินๆ พี่สาวมองตามมาอย่างสงสัย แต่ไม่นานก็หันกลับไปทำอาหารให้แขกที่เพิ่งมาพัก
ผ่านไปพักใหญ่ เมี่ยงยกอาหารมาวางบนโต๊ะในห้องที่อาร์ตพักอยู่ มีม่อนนั่งรออยู่ด้วย เมี่ยงหันไปมองน้องชายด้วยสีหน้ายิ้มๆ
เมี่ยง: ม่อนจะกินเป็นเพื่อนอาร์ตไหม
ม่อน: กินครับ
เมี่ยง: งั้นรอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวพี่ไปเอาข้าวมาให้
ม่อน: ครับ
เมื่อพี่สาวเดินออกไป ม่อนจึงหันมาชวนอาร์ตคุย
ม่อน: แล้วทำไมพี่อาร์ตไม่นอนที่บ้านล่ะครับ หรือว่าไม่มีคนอยู่
อาร์ต: เปล่า มีปัญหาที่บ้านนิดหน่อย
ม่อน: เหรอ ถ้าผมอยากรู้ พี่อาร์ตจะด่าผมไหม
อาร์ต: เรานี่ยังไง เห็นพี่เป็นคนชอบด่าไปได้
อาร์ตหัวเราะเบาๆ เขาเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ
อาร์ต: พี่ทะเลาะกับป่าป๊าน่ะ หม่าม้าก็เลยให้พี่ไปพักที่อื่นก่อน อีกวันสองวันค่อยกลับ
ม่อน: ป่าป๊าของพี่อาร์ตดุเหรอ เขาตีพี่อาร์ตหรือเปล่า
อาร์ตพยักหน้า
อาร์ต: อือ
ม่อน: แต่พี่อาร์ตโตแล้วนะ
อาร์ต: ใช่ พี่โตแล้ว แต่ป่าป๊าก็ยังตีพี่อยู่น่ะ เทอมนี้…พี่ได้เกรดสี่แค่ตัวเดียวเอง
ม่อน: จริงเหรอ แต่ก่อนสอบผมเห็นพี่อาร์ตติวหนังสือกับพี่เมี่ยงแทบทุกวันเลยนะ
อาร์ต: พี่หัวไม่ดีเท่าเมี่ยงไง
ม่อน: อ๋อ แล้ว…วิชาที่ได้เกรดสี่ใช่ภาษาอังกฤษหรือเปล่า
อาร์ต: อือ ก็มีวิชานี้วิชาเดียวนี่แหละที่ง่ายที่สุดสำหรับพี่
ม่อน: ผมไม่เคยได้เกรดสี่ภาษาอังกฤษเลย ได้แค่สาม เรียงประโยคไม่ถูกสักที ขนาดอีสแอมอาร์ง่ายๆ ผมยังใช้ไม่ถูกเลย
อาร์ต: ให้พี่ช่วยสอนไหมล่ะ
ม่อน: จริงนะ
อาร์ต: จริงสิ อยากเรียนหรือเปล่าล่ะ
ม่อน: อยาก
อาร์ต: โอเค งั้นกินข้าวเสร็จเดี๋ยวพี่จะสอนให้
ม่อนยิ้มดีใจ จังหวะนั้นเมี่ยงเปิดประตูเข้ามาพอดี เธอเอาจานข้าวมาวางให้ม่อน
เมี่ยง: อาร์ตยังไม่กินข้าวอีกเหรอ
อาร์ต: รอกินพร้อมม่อนน่ะ
เมี่ยงหันมาทางน้องชายและมองอย่างเอ็นดู
เมี่ยง: วันนี้คุณชายม่อนกินข้าวเย็นสองรอบเลยเหรอ
ม่อน: ผมจะกินเป็นเพื่อนพี่อาร์ตไง
เมี่ยง: แหม...เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็พี่อาร์ต
ม่อน: ก็พี่อาร์ตใจดี
เมี่ยง: อ้าว แสดงว่าพี่เป็นคนใจร้ายล่ะสิ
ม่อน: ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย
เมี่ยง: งั้นก็กินไป ไปแล้วนะอาร์ต แขกที่มาใหม่เขาสั่งอาหารเพิ่มน่ะ
อาร์ต: เหนื่อยแย่เลย
เมี่ยง: ไม่เหนื่อยหรอก สนุกดี เราทำแค่ตอนเย็นเท่านั้นแหละ แม่กับป้าหมอนเหนื่อยกว่าอีก ทำทั้งวันเลย แต่ช่วงนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมาเชียงใหม่แล้วล่ะ หน้าร้อนแล้วเขาไปทะเลกันหมด
ม่อน: ผมก็อยากช่วยนะพี่อาร์ต แต่แม่ไม่ยอม มาถึงบ้านก็ไล่ไปเตะบอลทุกที
อาร์ต: อ้าว ทำไมล่ะ
ม่อน: ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เขาไม่ให้ผมเข้าครัว ไม่ให้ซักผ้า ไม่ให้ทำงานบ้าน ให้เรียนกับเตะบอลอย่างเดียว
อาร์ตทำหน้าแปลกใจ จึงหันไปมองเมี่ยงเพราะอยากให้อีกฝ่ายอธิบาย ทว่าเมี่ยงก็เพียงแต่ยิ้มกระอักกระอ่วน
เมี่ยง: เราไปก่อนนะอาร์ต อาร์ตกินข้าวเหอะ หิวแย่แล้ว จะเอาอะไรเพิ่มก็โทรไปนะ
อาร์ต: ได้ๆ
เมื่อเมี่ยงออกไปแล้ว เด็กชายทั้งสองก็ลงมือกินข้าว อาร์ตตักไข่เจียวมาใส่จานข้าวของตัวเอง ทว่าก็ยังไม่กินทันที เขาเอาช้อนส้อมตัดและตักไข่เจียวไปใส่จานให้ม่อนด้วย เด็กชายมองเขาด้วยแววตาชื่นชม
อาร์ต: เวลากินข้าวน่ะ ม่อนต้องรู้จักตักอาหารให้คนอื่นด้วยนะ
ม่อน: ครับพี่อาร์ต งั้นม่อนตักแกงจืดให้พี่อาร์ตนะครับ
อาร์ตพยักหน้า ระหว่างนั้นเขาตักไข่เจียวและข้าวใส่ปากเคี้ยวหงุบหงับ สักพักเขาก็ยิ้มพอใจ
อาร์ต: เมี่ยงทำอาหารอร่อยเหมือนกันนะเนี่ย
ม่อน: ก็แหงอยู่แล้ว เขาช่วยป้าหมอนทำมาตั้งแต่เด็กๆ
ม่อนเอาช้อนกลางตักแกงจืดไปใส่จานให้อาร์ต แต่ดูงกๆ เงิ่นๆ แถมยังทำหกอีก อาร์ตก็เลยขำเบาๆ อย่างเอ็นดู
อาร์ต: แล้วทำไมเมื่อก่อนม่อนไม่ได้มาอยู่กับป้าหมอนล่ะ
ม่อน: ตอนเด็กๆ ผมกับพี่เมี่ยงก็อยู่หางดงกับแม่แหละ แต่ป้าหมอนแกขอพี่เมี่ยงมาอยู่ด้วยที่นี่ เพราะแกไม่มีลูก ผมก็เลยอยู่กับแม่ที่หางดงสองคน แต่ป้าหมอนกับพี่เมี่ยงเขาก็ไปหาทุกเดือน
อาร์ต: แล้วทำไมตอนนี้ม่อนย้ายมาอยู่นี่ล่ะ
ม่อน: ป้าหมอนเขาอยากให้ผมมาเรียนที่นี่ไง เขาว่ามันดีกว่าที่โน่น พอผมย้ายมา แม่ก็ต้องมาด้วย ก็เลยย้ายมาอยู่กับป้าหมอนกันหมดเลย
อาร์ต: แล้วบ้านที่หางดงล่ะ
ม่อน: ตอนนี้แม่ให้คนมาเช่าครับ
อาร์ต: อ๋อ
ม่อน: พี่อาร์ตเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่เมี่ยงมาตั้งแต่ประถมเลยเหรอ
อาร์ต: ใช่ เพื่อนๆ ในห้องของม่อนหลายคนก็เรียนประถมที่เดียวกับพี่นั่นแหละ ไอ้ดั๊กไอ้วิทย์ก็ด้วย แต่แปลกนะ พี่ไม่เคยรู้เลยว่าเมี่ยงมีน้องชาย
ม่อน: พี่เมี่ยงเขาไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอครับ
อาร์ต: ไม่แน่ใจ อาจจะเล่าก็ได้ เมี่ยงเขาเป็นเด็กเรียนไง เวลาอยู่โรงเรียน เขาไม่ค่อยคุยหรอก
ม่อนยิ้มกริ่ม แววตาดูมีเลศนัย
ม่อน: ถามจริง พี่อาร์ตเคยคิดจะจีบพี่เมี่ยงไหม
อาร์ต: เฮ้ย ทำไมถามอย่างงั้นล่ะ
ม่อน: อยากรู้เฉยๆ
อาร์ต: ยังไม่เคยคิดหรอก
ม่อน: ตอนนี้พี่อาร์ตก็ไม่มีแฟนแล้ว ลองจีบพี่เมี่ยงดูไหม เดี๋ยวผมช่วย
อาร์ต: เดี๋ยวๆๆๆ พี่ว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลย
อาร์ตหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ
ม่อน: ก็...ถ้าพี่อาร์ตแต่งงานกับพี่เมี่ยง บ้านเราก็จะมีผู้ชายมาอยู่ด้วย ผมก็จะได้มีเพื่อนไง
อาร์ต: คิดไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ พี่ยังไม่แต่งงานตอนนี้หรอก อ้อ วันไหนเมี่ยงแต่งงาน เดี๋ยวก็มีผู้ชายมาอยู่บ้านนี้เองแหละ ทำไมต้องเป็นพี่ด้วยล่ะ
ม่อน: ก็ผมอยากให้พี่อาร์ตเป็นพี่เขยมากกว่า
อาร์ต: แล้วทำไมต้องเป็นพี่ล่ะ
ม่อน: ก็ผมชอบพี่อาร์ตไง
อาร์ต: หา! ม่อนพูดว่าอะไรนะเมื่อกี้
ม่อน: ไม่ใช่ชอบอย่างนั้นซะหน่อย
อาร์ต: แล้วมันยังไงล่ะ
ม่อน: ก็ชอบเหมือนพี่ไง
อาร์ต: พี่ชายใช่ไหม
ม่อน: อือ
อาร์ต: แล้วไป
อาร์ตทำหน้าโล่งอก แต่สักพักก็ขำเบาๆ และยิ้มเอ็นดู
ม่อน: ตกลง…พี่อาร์ตจะจีบพี่เมี่ยงหรือเปล่า
อาร์ต: ยัง พี่คิดว่าเมี่ยงเขาไม่ชอบพี่หรอก ไม่งั้นก็ชอบไปนานแล้ว
โต๊ะกินข้าวตัวเดิมเปลี่ยนมาเป็นที่สอนหนังสือ บรรยากาศสอนภาษาอังกฤษเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หลังสอนเสร็จ อาร์ตก็วาดรูปให้ม่อนดู เขาเอาปลายดินสอแรเงาขึ้นลงอย่างชำนิชำนาญบนกระดาษที่มีเส้นบรรทัด มันคือภาพเหมือนเด็กผู้ชายที่กำลังยิ้มมีความสุขนั่นเอง อาร์ตส่งรูปนั้นให้ม่อน เด็กชายรับมาดูอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าเป็นรูปตัวเองเขาก็ยิ้มดีใจ
อาร์ต: เก็บไว้ดีๆ ล่ะ พี่ไม่เคยวาดภาพเหมือนให้ใครเลยนะรู้ไหม
ม่อน: ได้ครับ เดี๋ยวผมจะให้แม่เอาไปใส่กรอบ
TBC…