บทที่ 1
ถ้าหากถามว่าพิรัลเข้ามาอยู่ในโลกนิยายแห่งนี้ได้อย่างไรก็ต้องตอบว่าเขาสำลักเงาะตาย เอาจริง ๆ ตอนใกล้ตายนี่ไม่ตลกเลยแต่พอตื่นขึ้นมาในร่างของพิรัลนั้นเขาก็แอบขำเล็กน้อย ตายอุบาทว์มากจนคิดว่าคนอื่นจะตายแบบเขาไหมนะ แต่เอาเถอะเขาไม่รื้อฟื้นเรื่องนั้นแล้ว
และถ้าหากถามว่าพิรัลตัวจริงหายไปไหน พิรัลตัวจริงนั้นถูกรถชนจนบาดเจ็บสาหัสจากไอ้เปรตนิสัยเลวที่ขับรถเหมือนพวกมันจ้างคนอื่นไปสอบเพื่อเอาไปขับขี่ เรียกว่าไอ้ระยำสองยำยังน้อยไปไอ้พวกฉิบหายนี่น่ะ
ด้วยความที่พิรัลตายซึ่งก็พอดิบพอดีกับที่ตัวของเขาตายเขาจึงได้กลายเป็นพิรัลอย่างเต็มตัวและได้อยู่ที่บ้านสภารมย์มาสองปีถ้วนแบบไม่มีขาดไม่มีเกิน เขาอยู่ที่นี่ยาวนานมาตลอดซึ่งในระหว่างที่ดำเนินชีวิตอยู่นั้นเขากลับรู้สึกว่ามันไม่เหมือนชีวิตในนิยายเลยด้วยซ้ำ ทุกตัวละครที่เขาอ่านนักเขียนล้วนเขียนแยกขาวดำอย่างชัดเจนจนเขานึกเอียนกับมัน แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้เขากลับรู้สึกว่าทุกคนล้วนเป็นคนเทา ๆ ไม่ได้เลวจนดำและไม่ได้ดีจนขาวโพลน นั่นจึงทำให้ทุกคนดูเป็นมนุษย์มากขึ้น
พิรัลในตอนนี้อายุได้ยี่สิบเอ็ดบริบูรณ์ไม่มีขาดหรือเกินเลยสักนิด ตอนนี้เข้าร้านเหล้าได้โดยที่ไม่ต้องกลัวพี่รปภ.หน้าร้านอีกต่อไป ภูมิใจเว้ย!
“พี่น้อยวันนี้ไปร้านเหล้ากันปะ”เนี่ยพูดแล้วก็เปรี้ยวปากอยากกระดกเหล้าหวาน ๆ
“ไม่เอาอะ ลืมหรอวันนี้เรามีงานอะไร”
พิรัลทำหน้างงไปครู่หนึ่งก่อนจะร้องอ๋อออกมา วันนี้เราดำเนินการตามแผนตามที่วางกันเอาไว้ นั่นคือการจัดงานเลี้ยง แต่ถามว่างานเลี้ยงอะไรพวกเราทั้งสองคนอ้างว่าเป็นงานเลี้ยงครบรอบสองปีของการเปิดสาขาที่สิบห้าถึงแม่มันจะดูงง ๆ ไปหน่อยก็เถอะว่าทำไมไม่ฉลองตอนครบห้าปีหรือสิบปี แน่นอนว่าพิรัลให้พี่ชายของเขาอ้างกับแม่ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะเมื่อตอนที่ครบรอบหนึ่งพวกเราไม่ได้ฉลองอะไรกันเลย
นอกจากนี้พิรัลต้องการจะให้อคิราห์มาเหยียบที่บ้านของเราด้วย เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวพิรัลได้เหยื่อตั้งสองตัว นั่นคือนายอคิราห์และเหล้าหวาน ๆ
“พร้อมหรือเปล่า”พิรัลเอ่ยถาม
“พร้อม!”พิรัชตอบ
งานเลี้ยงพร้อมแล้วแผนการของเราในวันนี้ก็คือการเปิดตัวว่าที่คู่คนรักของพิรัช และแน่นอนหลังจากเอ่ยเรื่องนี้ท่ามกลางแขกเหลื่อในงานทุกคนก็จะพากันตบมือกันพร้อมกับแสดงความยินดี หลังจากนั้นเราก็จะไปโฟกัสกับใบหน้าแสนจะผิดหวังของอคิราห์
ถือว่าปิดเกมแล้วเราก็จะไปกินเหล้าหวาน ๆ กัน
หนึ่งทุ่มตรงแขกต่างพากันทยอยเข้ามาในงาน งานที่จัดเป็นเพียงงานเล็ก ๆ เท่านั้นไม่ได้โอ่อ่าใหญ่โตเท่าการจัดงานของพวกรัฐมนตรีหรอกนะ พวกนั้นมันจัดเอาหน้า อุ๊ย! เอาเป็นว่างานที่นี่มันถูกจัดขึ้นมาและเชิญเฉพาะแขกคนสนิทเท่านั้น
ตอนแรกเขาเสนอกับพี่น้อยว่าจะพาโคโยตี้มาเต้นด้วย แต่พี่น้อยก็เอ่ยห้ามกลัวว่าคุณภาวิณีมารดาบังเกิดเกล้าและคุณสุชาติบิดาผู้มากพร้อมด้วยเงินทองจะเป็นลมล้มไปกันทั้งคู่ ความคิดเขาจึงจอดอยู่แค่นั้น
พิรัชเดินเข้าไปพูดคุยกับบรรดาแขกในงานแล้วเรียบร้อย ส่วนพิรัลยังคงยืนมองนาฬิกาข้อมืออย่างไม่ละสายตาตอนนี้หนึ่งทุ่มแล้วแต่คนที่เขาจ้างมาเป็นคนรักของพี่น้อยก็ยังไม่มาเลย
“เมื่อไหร่จะมาสักที เดี๋ยวก็ไม่ทันการกันพอดี”
“ใช่ คุณพิรัชหรือเปล่าครับ”
พิรัลหันไปมองตามเสียงเรียกที่มาจากด้านหลัง ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความหล่อตะลึง โครงหน้าเด่นชัด ตาคมเฉี่ยว ปากกระจับได้รูปผิวขาวอมชมพูแถมยังอยู่ในชุดสูทอย่างดี ผมสั้นถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทรง แต่เมื่อพินิจพิจารณาดูรูปร่างความหล่อเหลาอย่างกับเทพสร้างแบบนี้แล้ว
อีห่า! นี่พระเอก
“Oh shit!”
“ผมมาสายไปหรือเปล่าครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”คนตรงหน้าผงกหัวงก ๆ พลางพนมมือไหว้ขอโทษ
“ช่างมันเถอะครับ ว่าแต่...คุณไม่ใช่คนที่ผมจ้างมาหนิครับ”
“อ๋อ พอดีพี่พลคนที่คุณพิรัชจ้างเขาเกิดไม่สบายครับ เขาก็เลยให้ผมมาแทน”
พิรัลพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ถือได้ว่าคนตรงหน้าที่ก็ดีเกินคาดเลยแหละ เหมาะกับพี่ชายของเขาอย่างกับกิ่งทองใบหยก ก็แหงสินี่มันพระเอก
“ผมไม่ใช่พิรัชหรอกนะ ผมชื่อพิรัล ส่วนนั่น...”พิรัลชี้ไปทางพี่ชายที่กำลังพูดคุยจ้อกับแขกอย่างออกรส
“...พี่พิรัช คุณต้องเรียกเขาว่าน้อย หรือจะเรียกพิกกี้บูบู เบบี๋ ไอ้ต้าว ตะเองหรืออะไรก็ได้ตามใจเลย คุณจะซ้อมกับพี่ชายผมก่อนไหมเดี๋ยวจะตามมาให้”
อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักอย่างซื่อ ๆ พิรัลจึงเดินเข้าไปกลางวงสนทนาพร้อมกับขอตัวพี่ชายสักครู่เนื่องจากมีเรื่องสำคัญ
“แฟนพี่น่ะมาแล้วนะ”
“หืม มาไวจัง”พิรัชเอ่ยพลางมองดูคนรักกำมะลอในวันนี้ หล่อสูงอย่างกับนายแบบเลยไม่น่าเชื่อว่าจะมาทำอาชีพเล่นเป็นแฟนแบบนี้
“สองคนคุยกันนะ ส่วนน้องจะไปจิบเหล้าเย็น ๆ รอ”เอ่ยจบพิรัลก็ปลีกตัวออกมาจากสองคนนั้น ให้เขาสองคนพูดคุยกันไปส่วนเขาน่ะหรอ โฮะ ๆ ขอไปจิบเบียร์สักแก้วละกัน
“ร้ายนักนะ คิดจะมาหลอกคนอื่น”
หืม...ใครพูดอะไรวะ พิรัลคิดในใจขณะกำลังนั่งจิบเบียร์รสหวานอยู่ เขาหันซ้ายแลขวาแต่ก็ไม่เห็นใครเลยสักคน
“นิสัยแย่ ๆ แบบนี้ชอบหลอกคนอื่นเขาไปทั่ว มันน่าจับตีก้นให้เข็ด”
เฮ้ย! ใครมันมาพูดอะไรใกล้หูของเขาวะ พิรัลลุกจากเก้าอี้พลางหันมองไปรอบ ๆ งานก็ไม่เห็นใครสักคนอยู่แถวนี้ ชักจะเดือดแล้วนะไอ้ที่พูดเมื่อครู่นี้มันคือคำด่าเขาหรืออย่างไร
พิรัลเดินหนีออกจากตรงนั้นในทันที สงสัยจะเป็นคนในงานออกมาคุยโทรศัพท์ เขาเดาเอานะแต่ไม่รู้ทำไมคำพูดมันดูเข้าตัวของเขาเลยล่ะ
ในงานวันนี้คุณภาวิณีคิดจะประกาศคู่หมั้นของลูกชายเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถือว่าเป็นการเซอร์ไพร์สแขกในงานจากที่ตอนแรกจะไปเจอกับครอบครัวของฝั่งนั้นเพียงแค่คนในเท่านั้น
“นิดพี่เราอยู่ไหน”
“นิดไม่รู้”พิรัลเอ่ยพลางหันมองไปรอบ ๆ งาน ก่อนจะสบตาเข้ากับตาคมคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงพอ ๆ กับแฟนกำมะลอของพี่ชายแต่ดูไกล ๆ คนนี้น่าจะสูงกว่าแต่ไม่มากกำลังจับจ้องมาทางเขาก่อนที่คน ๆ นั้นจะเบนสายตาออกไปทางอื่น แต่พิรัลก็หาได้สนใจไม่ในตอนนี้เขาต้องการรู้ว่าพี่น้อยคนงามของเขาหายไปไหน
“นั่นไงแม่พี่น้อย”พิรัลชี้ไปทางพิรัชที่เดินมาพร้อมกับคนรักปลอม ๆ ของเขา
“นั่นใคร”คุณภาวิณีเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แฟนพี่น้อยไงแม่”
“ฮะ!?”เสียงตกใจของแม่เรียกความเงียบให้แขกทั้งงานได้เป็นอย่างดี นั่นทำให้แม่หน้าเหวอไปชั่วขณะและระหว่างนั้นเองพระเอกและนายเอกของงานก็เดินเข้ามา
พิรัชจูงมือคนข้าง ๆ ให้เดินตามกันมาติด ๆ และทั้งคู่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าแม่ของเขา พิรัชชี้ให้อีกฝ่ายยกมือไหว้แม่ของเขาอย่างสุภาพและนอบน้อม
“แม่ครับนี่ นี่กนกแฟนของน้อยครับ”
คุณภาวิณีแทบจะลมจับเกือบยันพื้นไว้ไม่ถูกดีที่พิรัลคว้าแม่เอาไว้ได้ทัน พิรัชเมื่อได้บอกให้แม่ได้รับรู้เขาจึงประกาศกับแขกเหลื่อในงานว่า
“สวัสดีครับทุกคน ผมพิรัช สภารมย์กำลังจะหมั้นหมายกับคุณกนกคนรักของผมครับ”
พิรัลรู้สึกภูมิใจไม่น้อยจนอยากจะปรบมืออย่างแรงแต่ติดว่าต้องประคองแม่จึงทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มแสดงความภาคภูมิใจให้กับพี่ชาย ตอนนี้เขาเหมือนเป็นมัมหมีที่มองดูลูกตัวเล็ก ๆ โผบินออกจากรังไปหารักถึงแม้ว่ามันจะเป็นรักปลอม ๆ ก็เถอะ
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่แขกต่างพากันลดมือลง แต่เสียงปรบมือนี้ก็ดังขึ้นมาปรากฎเป็นภาพของชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทที่เดินฝ่าวงล้อมบรรดาแขกในงานออกมา
“ยินดีด้วยนะครับคุณ...น้อย”
พิรัลมองผู้มาใหม่อีกฝ่ายส่งยิ้มด้วยความยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่งราวกับดีใจแทนคนในครอบครัวก็ไม่ปาน แต่ในดวงตานั้นดูร้อนราวกับเปลวเพลิงที่กำลังทะลุออกมาจากดวงตาคม
ผู้ชายคนนี้หล่อชะมัด...แต่ว่าแบบอย่างไรนะ
หล่อแบบพระรอง
“นั่นใครอะแม่”
“ไหน?”แม่เอ่ยถาม
“นู่นน่ะ ผู้ชายตัวสูง ๆ ที่ยืนปรบมืออยู่น่ะ”พิรัลยื่นปากไปทางชายคนนั้น แม่จึงหรี่ตามองก่อนจะเบิกตาขึ้น
“นั่นมันลูกชายคนโตของตระกูลสวัสดิกุล”คุณภาวิณีเอ่ยตอบ
พิรัลอึ้งกิมกี่นั่นคืออคิราห์พระรองของเรื่องนี้อย่างนั้นหรือก็ว่าล่ะทำไมถึงหล่อแบบพระรองไม่ออร่าจับแบบพระเอกเลย อย่าหาว่าเขาด่าเลยแต่ไม่สเป็คอะและเขาเดาได้เลยว่าคน ๆ นี้ก็ไม่ใช่สเป็คของพี่น้อยแน่ ๆ
“เอ่อ ทุกท่านคะวันนี้งานเลี้ยงของเราก็จบลงเท่านี้นะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยใครที่มาวันนี้เราจะแจกซองงานหมั้นพร้อมกับแซลมอนซาชิมิร้อยโลนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”คุณภาวิณีรีบกุลีกุจอไล่แขกไปในทันทีที่เห็นใบหน้าของอคิราห์
ภายในบ้านหลังใหญ่กลางห้องนั่งเล่น มีครอบครัวของตระกูลสภารมย์ คนของสวัสดิกุล และกนกผู้มาใหม่ พิรัลนั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบเชียบของคนในบ้านคุณภาวิณีและคุณสุชาติต่างพากันนั่งอมขี้ฟันไม่พูดไม่จา
“บอกหน่อยซิคุณสุชาติ ไหนคุณบอกว่าเจ้าน้อยโสดอย่างไรล่ะ”
“อะ เอ่อ เรื่องนั้นต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ พะ พวกเราทั้งสองก็พึ่งจะรู้ว่าเจ้าน้อยมีแฟนกับเขาแล้ว”สุชาติเอ่ยอย่างกุกกัก เกิดมาจนล่วงวัยใกล้จะเกือบหกสิบมาเจอผู้นำของสวัสดิกุลแบบนี้ก็กลัวไม่น้อยเลย
พิรัลเองก็ลอบมองชายชราวัยใกล้ฟัง พยายามทั้งฟังและมองดูอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่เรียบร้อยเขานั่งอยู่บนโซฟาโดยขนาบข้างด้วยพี่น้อยแล้วก็กนกผู้ไม่รู้เรื่องอะไรกับแผนการนี้แค่มารับจ้างก็เท่านั้น
“แล้วแบบนี้จะให้ทำอย่างไร หลานชายของฉันมันเองก็อยากจะแต่งเต็มแก่แล้วมาเจอแบบนี้ก็เสียใจแย่”
“เอ่อ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับคุณเกียรติ แต่ผมกับภาวิณีเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี”
เกียรตินึกถอนหายใจ ชายชราหันไปมองพิรัชที่ยังคงกุมมือของคนรักไม่ยอมปล่อยอดนึกเสียใจแทนหลานชายไม่ได้เลยแบบนี้มันหักหน้ากันชัด ๆ สัญญากันเสียดิบดีว่าจะให้แต่งงานกันแต่นี่อะไรมันสัญญิงสัญญาแต่ลูกชายดันไปประกาศหมั้นกับชายอื่น
“เฮ้อ ที่เราคุยกันไว้ว่าจะดองกันก็คงต้องยุติกันสินะ ฉันเองก็นึกเสียใจไม่น้อยอุตส่าห์สัญญากับพ่อของเธอไว้อย่างดีแต่ก็ดันมาเจอแบบนี้กันเสียได้”เกียรติเอ่ยพลางทำท่าจะลุกแต่ก็ถูกมือของหลานชายรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนครับคุณปู่”
“หืม มีอะไรหรือเจ้าโมกข์”
“ยังมีอีกคนหนึ่งนี่ครับที่เป็นลูกของอาสุชาติ”
อคิราห์เอ่ยพลางหันไปมองพิรัล นั่นทำให้ทุกคนต่างหันมามองพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย พิรัลมองหน้าพ่อแม่ คิ้วหน้าเลิกขึ้นอย่างสงสัยและนิ้วชี้เรียวก็ชี้เข้าที่ตัวเอง
สุชาติเมื่อเห็นว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองเด็กเกินไปที่จะมีการหมั้นเกิดขึ้นจึงได้เอ่ยค้าน
“ผมว่าคงไม่ดีมั้งครับ เจ้านิดยังเด็กอยู่เลย”
“ชื่อนิดงั้นหรือ”เกียรติเอ่ยถาม
“คะ ครับ”พิรัลเอ่ยอย่างกุกกัก พลางหันไปมองตัวต้นเรื่องที่บังอาจชี้โพรงมาทางเขาแล้วไอ้ท่าทางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นมันอะไร แววตาอย่างกับจะล่าเหยื่อแบบนั้น ไม่มีใครเห็นเลยหรือ เฮ้ย! ทุกคนครับหันไปมองบักห่านี่เดี๋ยวนี้มันยิ้มเจ้าเล่ห์ในหนู
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
“ปีนี้ยี่สิบเอ็ดแล้วครับ”
“โอ้ ก็ไม่เด็กแล้วนะสุชาติ”
“แต่แกยังเรียนไม่จบเลยนะครับ”สุชาติเอ่ยค้าน
“ก็รอเรียนจบเสียก่อนสิแล้วค่อยแต่ง หมั้น ๆ กันไว้ก่อนเรื่องแต่งน่ะแต่งตอนไหนก็ได้”
สุชาติกัดฟันแน่นนึกอยากจะตีลูกชายคนโตที่ทำอะไรโดยไม่คิด แต่ก็อยากจะตบหัวกะโหลกตัวเองสักทีสองทีที่ยอมให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น ไม่น่าไปสัญญากับคุณพ่อเอาไว้เลยว่าจะให้ลูกมันแต่งงานกับคนตระกูลนี้ เขาไม่ควรมีลูกเลยจริง ๆ เหมือนกับว่าให้เด็กสองคนนี้เกิดมาเพื่อมารับรู้ว่าตัวองจะต้องแต่งงาน
“ฉันถือว่าตกลงนะ”เกียรติเอ่ย
“เอ่อ คะ ครับ”สุชาติทำได้แค่รับคำแต่โดยดี
“งั้นฉันขอตัว ดึกแล้วเลยเวลานอนของคนแก่ ไปเถอะโมกข์”
“ครับ คุณปู่”
อคิราห์ยกมือลาทั้งคุณภาวิณีและคุณสุชาติพลางหันมาส่งยิ้มหวานให้กับกนกและพิรัช ส่วนเขาน่ะหรืออคิราห์ทำหน้าเหมือนกับอยากจะแดกเขาเข้าไป
“นิด”
“ครับพ่อ”
“ไปส่งคุณเกียรติหน่อย”สุชาติเอ่ยบอกลูกชาย
พิรัลกล้ำกลืนฝืนทนไม่น้อยที่ต้องมาปั้นหน้าส่งยิ้มให้กับชายชราวัยไม้ใกล้ฝั่ง ยิ่งต้องมาอยู่ใกล้กับพ่อพระรองแสนดีแต่แอบยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งแอบกลัว ให้แววตาที่มองเขากับมองพ่อกับแม่ของเขามันช่างต่างกันลิบลับ
“ขอบใจนะ”เกียรติเอ่ยขอบคุณพลางเข้าไปในรถก่อนที่อคิราห์จะปิดประตูลง
“หมดหน้าที่แล้วผมขอตัวนะครับ”พิรัลยกมือไหว้คนแก่กว่าและกำลังจะเดินหนีแต่ก็ถูกมือหนารั้งแขนเล็กเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน ฉันยังไม่ได้จะให้เธอไปเลย”
“คุณโมกข์มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
“อย่าเรียกชื่อเล่นฉันเลย นั่นเอาไว้เรียกสำหรับคนสนิทเท่านั้น”
“แล้วผมต้องเรียกพี่ว่าอะไรครับ”
อคิราห์เบะปากยกยิ้มเล็กน้อยกับไอ้ท่ายียวนกวนประสาทของอีกฝ่าย นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กสมัยนี้มันจะใจกล้าปากเก่งถึงขนาดนี้
“อย่าเรียกฉันพี่ดีกว่า เรียกคุณอัคก็พอเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
“อ๋อ แล้วคุณอัคเนี่ย...มีอะไรกับผมมิทราบ”พิรัลสะบัดข้อมือออกและหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“ฉันรู้นะว่าไอ้แผนตื้น ๆ พี่ชายมีแฟนเนี่ย เธอเป็นคนคิด”
“อ่าฮะ แล้วไงอะควัฟ”พิรัลทำท่ายียวน
อคิราห์ยิ่งยิ้มกับความปากเก่งของอีกฝ่าย ทำให้มือหนาจับหมับเข้าที่คางเพื่อให้คนตรงหน้าเลิกทำหน้ายียวนแบบนี้เสียที
“ปากดีจังเลยนะ เก่งแบบนี้ให้ได้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน”
“แน่นอนครับ ส่วนคุณน่ะก็เสแสร้งให้เต็มที่เลยนะครับ ผมจะรอดูวันที่หน้ากากคุณถูกถอด”
“ดูท่าแล้วเธอคงจะผิดหวังหน่อยนะเด็กน้อย..”อคิราห์ปล่อยคางของเด็กตรงหน้าและย่อตัวลงจนใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ
“เพราะหน้ากากของฉันน่ะ มันแนบแน่นกับหน้าไปแล้วน่ะสิ”
พิรัลถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องถึงจะตัวเล็กแต่ก็เตะปากคนแก่ถึงละวะ แก่ ๆ แบบนี้เตะปากมาหลายรายแล้วนะเว้ย
“หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ...คุณว่าที่คู่หมั้น”
“ผมไม่ใช่คู่หมั้นคุณ”
“งั้นหรือ”
อคิราห์พยักหน้าอย่างพร้อมเบะปาก มือหนาล้วงไปที่กระเป๋าด้านในของชุดสูทเขายืนตรงเต็มความสูงหยิบเจ้ากล่องขนาดเล็กสีแดงกำมะหยี่ออกมาพร้อมกับเปิดเจ้ากล่องนั้นออกก็เห็นเป็นแหวนทองคำขาวที่สลักชื่อตระกูลของอคิราห์เอาไว้
“ส่งมือมา”
พิรัลยืนนิ่งไม่ยอมส่งมือให้ นั่นทำให้อคิราห์ต้องใช้แรงคว้าไอ้ข้อมือเล็กนี่ขึ้นเพื่อหวังจะสวมแหวนเข้าไปที่นิ้วนางด้านซ้าย
“นี่ปล่อยนะ”
“อยู่นิ่ง ๆ ถ้าเธอไม่หยุดขยับฉันจะเปลี่ยนจากบีบข้อมือเป็นบีบคอเธอแทน”
พิรัลยอมหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคำขู่ของอีกฝ่าย ไอ้บ้านี่มันดุชะมัดเป็นหมาพันธ์อะไรหรือกินหมาเข้าไปทุกสายพันธ์ถึงได้ดุขนาดนี้
อคิราห์จัดการสวมแหวนเข้าไปที่นิ้วอย่างรวดเร็วแต่ดูเหมือนว่าแหวนวงนี้จะหลวมนิดหน่อยจนเหมือนกับว่ามันจะหลุดออกมาจากนิ้วเลย
“ใส่แหวนวงนี้ไว้ตลอด ห้ามถอด”
“มันหลวมขนาดนี้จะใส่อย่างไรไม่ให้หลุดล่ะบ้ารึเปล่า...ไม่คิดจะวัดไซซ์นิ้วกันหรือไง”
“ฉันเจอเธอครั้งแรกก็วันนี้ จะเอานิ้วที่ไหนวัดฮะ”
“...”
“ซื่อบื้อ”
พิรัลเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง ไอ้แหวนเวรนี้จะประคับประครองไม่รอดแล้วยังต้องมาประคับประครองความสัมพันธ์อิหยังวะแบบนี้อีก แล้วนี่มันนิยายเรื่องอะไรเนี่ยพระรองอะไรโคตรปากจัดเลย
“กลับไปสักทีเถอะ ดึกแล้วผมง่วง”
“นอนเร็วสมกับเป็นเด็กจริง ๆ”
“นี่คุณ!”
อคิราห์ยกยิ้มมุมปากและรีบหนีขึ้นรถและบึ่งรถออกไปในทันที ทิ้งไว้เพียงแต่แหวนหลวม ๆ ที่ยัดเข้ามาในนิ้วนางเท่านั้น
“แกคิดจะแต่งจริงหรือฮะเจ้าโมกข์”
“ครับ ก็สัญญาเอาไว้แล้วนี่ครับ”
“เฮ้อ ฉันก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับไอ้สัญญาของฉันกับพ่อสุชาติหรอกนะ มันก็แค่สัญญาพิลึก ๆ ก็เท่านั้น”
เกียรติเอ่ยมันเป็นเพียงอดีตก็เท่านั้น เกียรติและพ่อของสุชาติก็คือเพื่อนที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอด และพวกเขาทั้งสองที่พากันช่วยเหลือกันแบบนี้มาตลอดจนพ่อของสุชาติเอ่ยปากว่าถ้าหากบ้านเรามีหลานจะให้เขาแต่งงานกัน ตัวเกียรติเองก็รับปากส่ง ๆ ไปไม่คิดว่าเจ้าโมกข์มันจะเอามาเป็นจริงเป็นจริง
ด้านอคิราห์เองในคราแรกก็ไม่ได้นึกจะสนใจอะไรในตัวพิรัชนักหรอก รู้แต่เพียงว่าพิรัชนั้นเป็นเจ้าของร้านน้อยนิดก็เท่านั้น ตอนแรกที่มาบ้านตระกูลนี้ก็กะว่าจะมาปฏิเสธเรื่องการแต่งงานแต่พอเห็นคนน้องอย่างพิรัลเขาเองก็นึกสนใจอยู่ไม่น้อยยิ่งเห็นความดื้อรั้นและเจ้าแผนการด้วยแล้วยิ่งรู้สึกชอบใจไปใหญ่ เห็นแล้วอยากจะดัดไม้แข็งให้มันอ่อนลงอย่างบอกไม่ถูก