เรื่องสั้น
แฟนดารา
ผมกำลังยืนหลบมุมอยู่ข้างเสาในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ข้างหน้าเป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงที่กำลังรุมล้อม
ใครบางคน อยู่ เสียงกรี๊ดกร๊าดที่ดังออกมาเป็นระยะๆ และกลุ่มก้อนของผู้คนที่เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น คงเดาได้ไม่ยากว่า
ใครบางคน นั้น ป๊อปปูล่าร์ขนาดไหน
ก็ไม่ได้อยากจะอวดหรืออะไรนะ แต่ไอ้ผู้ชายตัวสูงเป็นเปรต ทั้งๆที่อายุมันเพิ่งผ่านยี่สิบเอ็ดปีเต็มมาได้แค่ไม่กี่เดือน แถมยังพ่วงตำแหน่งดาราหน้าใหม่ขวัญใจมหาชน ที่ตอนนี้มือกำลังเป็นระวิงจากการถือโทรศัพท์ถ่ายเซลฟี่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของหมู่สาวๆนั่นน่ะ
มันคือแฟนผมเอง ใช่ครับ ผมมีแฟนเป็นดาราหน้าหล่อ ตัวสูง แถมยังมีลักยิ้มกระชากใจสาวๆ เอิ่ม รวมถึงกระชากใจผมด้วย (ก็ได้) ถ้าจะถามถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างมันกับผมน่ะหรอ ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน บ้านผมกับมันอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแต่คนละซอย ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนไหนดลใจให้มันออกมาวิ่งในซอยบ้านที่ผมอยู่ ผมกำลังจะออกไปทำงาน ก็เลยหิ้วขยะออกมาทิ้ง แล้วมันก็วิ่งผ่านมาพอดี เราหยุดสบตากันโดยมีถังขยะสีเขียวของ กทม. คั่นตรงกลาง หลังจากนั้นผมก็เจอมันออกมาวิ่งบ่อยๆ แรกๆก็สงสัยว่าฝนตกก็ยังจะออกมาวิ่ง
แม่งท่าจะบ้า จนกระทั่งเดือนนึงผ่านไป จากที่มันไม่เคยหยุดทักทาย ดีหน่อยก็แค่พยักหน้ากับยิ้มให้ มาคราวนี้มันกลับหยุดครับ
"เอาขยะมาทิ้งหรอครับ?" ผมหันซ้ายหันขวา ไม่แน่ใจว่ามันพูดกับใคร แต่ที่ยืนอยู่ตรงนี้มันก็มีแค่ผมกับมันเท่านั้นนี่วะ
"ใช่ครับ" ถามอะไรแปลกๆนะไอ้นี่
"บ้านผมอยู่ซอยถัดไปนี่เอง น่าจะทำความรู้จักกันไว้ นี่เบอร์ผมครับ" จำได้ว่าผมกระพริบตาปริบๆติดๆกันหลายครั้ง รู้สึกงงงวยและสับสน ก่อนจะยื่นมือไปรับกระดาษที่มีตัวเลขสิบหลักในมืออีกฝ่ายมาอย่างงงๆ
"เบอร์คุณล่ะ" "เอ่อ..." เอ้า ใบ้แดกซิ่ครับ พอแหงนคอขึ้นไปมอง (ครับ ต้องแหงนคอแบบมุมเสยเลยล่ะ ไม่รู้ว่ามันกินอะไรเข้าไปถึงได้โคตรพ่อโคตรแม่สูงขนาดนี้) ก็สบตาเข้ากับมันที่กำลังมองอยู่พอดี ทำเอาผมต้องรีบเบนสายตาหนี นี่มันสาตาเตือนภัยแผ่นดินไหวระดับ 10 ริกเตอร์ชัดๆ อันตรายโคตรๆ
แล้ววันนั้นก็จบลงตรงที่มันกดเบอร์ผมลงมือถือ เสร็จแล้วมันก็บอกขอบคุณแล้วก็วิ่งจากไป
ครับ ง่ายๆแบบนั้นล่ะ
หลังจากนั้นมันก็ขยันโทร ส่งข้อความมาเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกทีก็มีแฟนเป็นดาราดาวรุ่งไปแล้วซะอย่างนั้น
"ขอโทษที่ให้รอนานนะ" เสียงทุ้มๆของมันทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ตอนคบกันแรกๆมันยังไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่ากับตอนนี้ เมื่อก่อนเรายังไปไหนมาไหนได้สะดวก แต่ตอนนี้ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะไหนจะกลุ่มแฟนคลับที่มีมากยังกะฝูงผึ้ง และพวกปาปารัชชี่ที่ชอบแอบถ่ายนั่นอีก
"ไม่เป็นไร" ผมยิ้มให้อีกฝ่าย มันเอื้อมมือจะมาจับมือผม แต่ผมห้ามเอาไว้
"กลางห้างนะ ระวังตัวหน่อยซิ่" มันถอนหายใจ ผมรู้ว่ามันไม่พอใจ เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วหลายครั้ง แล้วก็ได้ข้อสรุปเหมือนเดิมคือมันไม่สนว่าคนจะมองยังไง แต่ผมก็เถียงขาดใจว่าผมสน ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะรับความสัมพันธ์แบบนี้ได้ อีกอย่างมันก็กำลังมีชื่อเสียง จะให้มาสะดุดเพราะผมได้ไง
"คิดมากตลอด" มันบ่นก่อนจะเดินดุ่มๆออกไป
หลังจากหาข้าวกินกับชอปปิ้งเล็กๆน้อยๆ ผมกับมันก็ขับรถกลับคอนโดที่ที่บ้านมันซื้อทิ้งเอาไว้ ผมก็เพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าปกติมันไม่ค่อยได้กลับบ้าน ส่วนมากมันจะอยู่คอนโดมากกว่า เพราะใกล้มหา'ลัยที่มันเรียนอยู่
แล้วไอ้ที่กูเจอมึงวิ่งผ่านหน้าบ้านกูเป็นเดือนๆนั่นคืออะไร? นี่ผมควรจะดีใจซิ่นะ
+++++++++++++++++++++++++++++++
"พรุ่งนี้จินต์มีถ่ายเอ็มวี พีชไปกับจินต์นะ" แขนยาวที่โอบอยู่รอบเอว กับแรงกดเล็กๆที่ไหล่เพราะอีกฝ่ายเอาคางเกยลงมา ทำให้ผมที่กำลังสาละวนอยู่กับการผัดเส้นสปาเกตตี้อยู่หน้าเตา ต้องเอี้ยวตัวไปมอง
"ช่วงนี้พี่งานยุ่ง แล้วอาทิตย์หน้าก็มีพรีเซนต์งานด้วย" อีกฝ่ายคลายมือออก
ความจริงแล้วถ้าคนเราทำหน้ามุ่ยมันก็ไม่ควรจะดูดีแบบนี้ป่ะวะครับ?"พีชก็งานยุ่งตลอดทั้งปีนั่นแหละ" ผมถอนหายใจ เดินตามไปนั่งแหมะข้างๆคนตัวสูงที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนโซฟา
"ถ่ายนานมั๊ยล่ะ"
ไอ้แววตาวิ้งๆนี่มันคืออะไรกันครับ แผนที่จะทำพรีเซนต์งานคงต้องพักไปก่อนแน่
"ไม่นานๆ พี่เค้าบอกว่าไม่เกินครึ่งวัน เริ่มสิบโมง ไม่เกินบ่ายสามก็เสร็จแล้ว" อีกฝ่ายรีบตอบ ท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆทำเอาผมต้องยิ้มตามไปด้วย
มันก็จริงที่ว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยมีเวลาให้กันเท่าไหร่ จะพูดให้ถูกก็คือผมนี่แหละที่ไม่ค่อยมีเวลาให้มัน แปลกมั๊ยครับ แทนที่มันที่เป็นดาราดังจะไม่มีเวลาให้ผม กลับเป็นมนุษย์เดินดินกินเงินเดือนอย่างผมที่ไม่มีเวลาให้มันแทน
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้ชายอายุเท่ามันจะจัดสรรเวลาในชีวิตได้ดีขนาดนี้ แค่เรียนกับทำงานก็สูบเวลาของมันไปมากโขแล้ว แต่แปลกที่มันไม่เคยห่างผมไปไหน มันยังคงโทรหาผม เช้า กลาง วัน เย็นและก่อนนอน ส่งข้อความมาถามนู่น นี่ นั่น ทั้งวัน ผมซะอีกที่บางทีก็ไม่ได้ใส่ใจมันเท่าที่ควร
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรามาถึงโลเคชั่นที่เป็นสถานที่ถ่ายเอ็มวีกันก็เกือบจะเก้าโมง วันนี้พี่นัท ผู้จัดการของมันตามมาด้วย เนื่องจากเป็นผู้จัดการที่มีดาราดังๆในสังกัดหลายคน น้อยครั้งมากที่พี่นัทจะมาดูแลนักแสดงในสังกัดด้วยตัวเอง
"วันนี้เห็นจินต์บอกว่าพีชจะมาด้วย พี่ก็เลยตามมา ไม่งั้นคงให้นิวมาดูแทน" ผมหัวเราะ ตอนนี้ไอ้ดาราหน้าหล่อแยกออกไปแต่งตัว แต่งหน้าแล้ว ก็เลยเหลือแค่ผมกับพี่นัทนั่งกันอยู่สองคน
"จินต์ได้ยินแบบนี้คงเสียใจแย่"
"โอ๊ย อย่างมันเคยแคร์ใครที่ไหน มันแคร์แค่พีชคนเดียว" อีกฝ่ายพูดจบก็ยกน้ำมาดื่ม ผมก็แค่ยิ้มๆตอบกลับไป
"ความจริงพี่มีเรื่องอยากให้พีชช่วย" น้ำเสียงที่ออกจะเป็นการเป็นงานของอีกฝ่าย ทำให้ผมเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
"ให้ผมช่วย?"
พี่นัทถอนหายใจคล้ายๆกับอึดอัดใจกับสิ่งที่จะพูด ทำให้ผมเริ่มใจคอไม่ดี
"อย่าทำแบบนี้ซิ่พี่ ผมใจคอไม่ดีแล้วนะ"
หรือจะมีข่าวหลุดเรื่องผมกับมัน? "พีชจำพี่ดา ผู้จัดละครที่ติดต่อจินต์มาคราวก่อนได้มั๊ย" ผมพยักหน้า เพราะคนที่พี่นัทพูดถึงเป็นผู้จัดละครมือทอง ที่ปั้นดาราดังๆมานักต่อนักแล้ว
"นั่นแหละ พี่แกส่งบทละครเรื่องใหม่มา พี่อ่านดูแล้วก็ว่าบทมันดีเลยล่ะ จินต์เองก็ดูจะชอบด้วย"
"อ้าว ก็ดีแล้วนี่พี่"
"แต่จินต์มันไม่รับ" พี่นัทวางแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
"เฮ้ย ทำไมอ่ะพี่ ในเมื่อบทมันดี แล้วจินต์ก็ดูจะชอบ"
"เพราะในบทมันต้องจูบจริงกับนางเอก จินต์มันไม่อยากจูบ
มันบอกพี่ว่าปากของมันจะเก็บไว้จูบพีชแค่คนเดียว" ร้อน ตอนนี้หน้าของผมกำลังร้อนผ่าว นี่มันกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเลยหรอ นี่กะจะให้ผมอับอายจนแทรกแผ่นดินหนีเลยใช่มั๊ย?? ไอ้บ้าา ถึงแม้จะรู้สึกโล่งใจว่าไม่ใช่เรื่องที่คิดเอาไว้ก็เถอะ แต่นี่....
โอ๊ยยยย กูอยากจะฆ่าาามันนนน
"ผม..." บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมกำลังอายพี่นัทหนักมาก ยิ่งพี่แกมองผมด้วยสายตาล้อเลียนยิ่งทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก
"จะมาขงมาเขินอะไรพี่ฮะพีช จินต์มันเล่าให้พี่ฟังหมดแหละ มันหลงพีชจะตาย มีแค่เรื่องบนเตียงแหละที่มันไม่ยอมเล่า"
"พี่นัท!!" อีกฝ่ายหัวเราะจนตัวโยนที่แกล้งผมได้
ผมรับปากพี่นัทว่าจะลองคุยเรื่องนี้กับมันให้ ความจริงผมไม่ได้มายด์เลยนะเรื่องที่มันต้องจูบจริงกับนางเอก เพราะผมรู้ว่ามันเป็นงาน แต่ไอ้บ้านั่นผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรของมัน นี่ถ้าผู้จัดเค้าส่งแต่บทที่ต้องจูบจริงกับนางเอกมาอีก มันก็จะไม่รับแล้วก็จะลาออกจากวงการเลยรึไง?
ประหลาดคนกองถ่ายเลิกตอนเกือบสามโมง หลังจากพูดธุระเสร็จพี่นัทก็ขอตัวกลับ นี่ถ้าไม่คิดจะมาคุยกับผมแกคงไม่มาจริงๆนั่นแหละ
"ไปหาอะไรกินแถวๆนี้กันมั๊ย มีร้านไอติมที่พีชชอบด้วยนะ" หลังจากบอกลาคนในกองครบแล้ว ไอ้หน้าลักยิ้มก็เดินมาหาผมที่นั่งรออยู่ไม่ไกล
"มันจะไม่ปิดหรอ วันนี้วันอาทิตย์นะ" ผมพูดพลางเก็บแลปท็อปเข้ากระเป๋า เพราะนั่งทำพรีเซนต์ไประหว่างรอมันถ่ายงาน ได้งานนิดๆหน่อยๆก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย
"ก็เดินไปดูก่อนไง ปิดก็กลับ" ผมพยักหน้ารับง่ายๆ อีกฝ่ายเอื้อมมือมาดึงกระเป๋าแลปทอปที่อยู่ในมือผมไปถือเอาไว้ซะเอง ผมไม่อยากเรื่องมากก็เลยเดินตามมันไป
.
.
.
.
A few moment laters....
"ว้าาา .... "
ใช่ครับ
ร้านปิด มันส่งสายตาละห้อยมาที่ผม ผมได้แต่ยักไหล่ตอบกลับไป
เค้าก็ปิดร้านพักผ่อนกันมั่งมั๊ยล่ะ มันคะยั้นคะยอให้เดินไปดูอีกสองสามร้าน ก็ปรากฎว่าปิดเหมือนกัน มันก็เลยต้องยอมแพ้ ระหว่างทางที่เดินกลับไปที่รถ ก็เจอกับแฟนคลับของมันบ้างประปราย บ้างก็เข้ามาขอถ่ายรูป ขอลายเซนต์ ผมต้องยอมรับว่ามันเซอร์วิสแฟนคลับดีมากๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด และดีอย่างที่แฟนคลับของมันค่อนข้างมีมารยาท พวกน้องๆจะขอใช้เวลาส่วนตัวของมันแค่ไม่นาน แล้วก็จะปล่อยมันออกมา อาจจะด้วยตัวมันกับกลุ่มแฟนๆอายุไม่ได้ต่างกันมากด้วยมั้ง ก็เลยเก็ทกันง่าย
"พี่นัทบอกว่าพี่ดาส่งบทละครเรื่องไหมมาหรอ?" ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ในรถ โดยมีมันเป็นคนขับ มันหันมามองหน้าผมแวบนึงแล้วก็หันกลับไปมองถนน
"ใช่ แต่จินต์ไม่รับ" มันตบไฟเลี้ยวเข้าถนนใหญ่ โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ รถก็เลยไม่เยอะ
"พี่นัทบอกพี่แล้ว แต่พี่ว่าจินต์น่าจะลองคิดดูใหม่นะ บทก็ดีไม่ใช่หรอ" อีกฝ่ายแตะเบรกเพราะติดสัญญาณไฟแดง
"จินต์คิดดีแล้ว"
"แต่... อื้ออ" ผมตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายประกบริมฝีปากลงมาเร็วๆแล้วก็ผละจากไป ประจวบกับสัญญาณไฟเขียวที่กระพริบขึ้นพอดี
มือหนาข้างนึงเอื้อมมาจับศรีษะของผม แล้วก็กลับไปจับพวงมาลัยต่อ เป็นอันจบบทสนทนาเรื่องนี้ไปโดยปริยาย
ขอโทษนะครับพี่นัท ผมช่วยไม่ได้จริงๆ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่รู้ว่าเพราะพี่ดาอยากได้มันไปร่วมงานจริงๆหรือถูกเล่ห์กลมนต์ดำของพี่นัทเป่าหูกันแน่ เพราะจากบทที่เคยต้องจูบจริงก็ถูกปรับให้ใช้แค่มุมกล้องแทน วันนี้พอถ่ายซีนสุดท้ายเสร็จก็ปิดกล้องพอดี แว่วๆมาว่าอีกสองเดือนก็จะลงจอแล้ว
ไวดีเหมือนกันผมล็อครถและหอบหิ้วบรรดากระดาษเขียนแบบต่างๆมาไว้เต็มอ้อมแขน อีกมือก็ยกกระเป๋าแลปทอปขึ้นมาสะพายไว้ที่ไหล่ ช่วงใกล้สิ้นปีแบบนี้งานของผมที่ปกติก็ยุ่งอยู่แล้ว ยิ่งยุ่งหนักเข้าไปอีก ความจริงวันนี้ผมกะจะกลับไปทำงานต่อที่บ้าน แต่มีไอ้เด็กเอาแต่ใจที่งอนตุ๊บป่องเป็นยุงก้นลาย ส่งข้อความมาตัดพ้อความยาวสี่กระดาษเอสี่ ว่าผมเอาแต่ทำงาน ไม่สนใจมัน ถ้าวันนี้ผมไม่มานอนกับมันที่คอนโด มันจะตามไปนั่งเฝ้าผมที่ทำงาน
แล้วผมเลือกอะไรได้หรอ? พอแตะคีย์การ์ดลงไปประตูก็เปิด ปรากฎว่ามันยังไม่กลับ เพราะมันเองก็ใกล้จะขึ้นปีสี่ งานก็เยอะเป็นธรรมดา ผมวางของกองๆลงบนโต๊ะหน้าทีวี ก่อนจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้า
มองหน้าตัวเองในกระจกก็หลุดขำออกมาไม่ได้
นี่หรอแฟนดาราดัง?ไอ้ตี๋หน้าจืดแว่นหนาเตอะเนี่ยนะ? มันก็ไม่ใช่ว่าผมจะขี้เหร่หรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ ผมก็หน้าตาปกตินี่แหละ แต่ไม่รู้ซิ่นะ พอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับมันหรือกลุ่มเพื่อนๆของมัน ผู้ชายวัยเลยเบญจเพศมาไม่กี่ปีอย่างผม ก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าผมมีดีอะไรให้มันมาชอบ ถ้ามันชอบแนวขาว ตี๋ ตัวเล็กๆ ผมว่ามันก็หาได้ไม่ยาก เพื่อนในมหา'ลัยมันก็เยอะแยะ มันจะไม่มีที่ตรงสเป็คมันเลยงั้นหรอ
"หนูยอมเป็นชู้นะ ถ้าพี่พีชเล่นด้วย" นิว ผู้ช่วยมือดีของพี่นัทเคยพูดเอาไว้ ตอนที่เรานั่งดื่มกัน ผมหลุดขำพรืด พี่นัทหัวเราะก๊าก และจินต์ที่มองนิวตาเขียวปั้ด
"พี่พีชนี่แหละสเป็คหนูเลย หนูอยากมีแฟนที่หนูสามารถปกป้องดูแลได้" นิวยังคงพูดต่อโดยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง เพราะจู่ๆ ผมหน้าม้าที่นิวบรรจงจัดทรงมาอย่างดีก็ถูกมือดีใช้มือขยี้จนเละไม่เป็นทรง
"ไอ้จินนนนนต์!!!" สองคนวิ่งไล่กันไปมาเหมือนเด็ก พอคิดถึงภาพวันนั้นแล้วผมก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
ทำไมมาแอบอยู่ในห้องน้ำ ไม่ได้ยินเสียงจินต์หรอ?" เออ สงสัยจะคิดอะไรเพลินไปหน่อย ถึงไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเปิดประตู
แฟนเด็กหน้าหล่อของผมอยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวกับกางเกงยีนส์พอดีตัวสีซีด ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมมันถึงได้ดูขึ้นมากขนาดนี้วะ ไหนจะไอ้ผมแสกกลางมีลอนนิดๆทรงโอปป้านั่นอีก
ดาเมจแรงไปแล้วผมก้าวออกจากห้องน้ำ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายรวบตัวไปกอด
"นี่จินต์รีบทำรายงานเร็วที่สุดในชีวิตเลยนะ" คนตัวสูงโน้มตัวลงมา ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะประกบลงมาที่ริมฝีปากของผม
จินต์จูบเก่ง จนบางทีผมก็แอบสงสัยว่าอายุแค่นี้มีประสบการณ์โชกโชนแบบนี้ได้ยังไง
มือหนาค่อยๆประคองผมลงบนเตียง นานแล้วที่เราไม่ได้มีอะไรกัน เพราะตารางชีวิตที่ยุ่งเหยิงกันทั้งคู่ เมื่อริมฝีปากของผมถูกครอบครอง ก็ดูเหมือนว่าพายุจะเริ่มตั้งเค้าแล้ว
ระหว่างนี้ชาวประมงควรงดออกจากฝั่งนะครับ เพราะคลื่นลมทะเลจะแรงมากกก++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"วันศุกร์หน้ามีเลี้ยงปิดกล้อง พีชต้องไปนะ" ตอนนี้ไอ้หน้าหล่อนอนตะแคงมีผ้าห่มปิดท่อนล่างเอาไว้แบบหมิ่นเหม่ หันหน้ามาทางผมที่กำลังนั่งทำงานอยู่
คุณคงคิดว่าหลังพายุสงบ พระเอก นาง(?)เอก คงต้องนอนกอดกันตัวกลม และหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันซิ่นะครับ เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้งานผมล้นมือมากมาย มีโอกาสตอนไหนก็ต้องรีบทำให้เสร็จไว้ก่อน
"เดี๋ยวพี่บอกอีกที" ผมบอกก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย
ทำหน้าบูดเป็นตูดลิงอีกแล้ว ผมก็เลยต้องละมือจากแบบที่กำลังเขียนอยู่ ไปนั่งลงบนเตียงข้างๆมัน
"โอเคๆ พี่ไป แต่ไม่รับปากนะว่าจะไปถึงกี่โมง" มันกดจูบหนักๆลงที่ปากผม แล้วก็กระโดดผลุงลงจากเตียง ได้ยินเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีดังลอดออกมาจากห้องอาบน้ำ ถือเป็นการการันตีว่าผมตัดสินใจถูกที่จะไปงานเลี้ยงปิดกล้องกับมัน
(ต่อด้านล่างค่ะ)