....อยากจะพบเธอคนเดียว..... “ว่าไงนะ?! มึงจะย้ายไปในเมืองหลวง”
ชายหนุ่มร่างสูงตะโกนเสียงดังลั่นรถยนต์ จนหญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่เบาะข้างๆต้องสะดุ้งตกใจสุดตัว หญิงสาวเหลือบเห็นว่ามือกำยำของชายหนุ่มบีบพวงมาลัยหรูอย่างแน่น ก่อนที่เขาจะหักเลี้ยวจอดที่ข้างทางอย่างรวดเร็ว ดีหน่อยที่ไม่มีรถหลังขับตามมาไม่งั้นพวกเขาคงได้ไปนอนสวัสดีพื้นถนนอย่างแน่นอน
“จันทร์! ทำไมมันกะทันหันแบบนี้”
‘พอดีพี่สาวกูเขาชวนพ่อแม่ไปอยู่ด้วยกันน่ะ พ่อแม่กูเองก็คิดถึงพี่ดาวกับหลานแฝดกูด้วย กูดูแล้วเขาอยากไปก็เลยให้ไป ส่วนตัวกูเอง...มึงก็รู้ เดย์’
เสียงใสของจันทร์ที่ตอบกลับมามันทำให้เดย์บีบพวงมาลัยแน่น เขารู้ว่าตอนนี้ใบหน้าใสของจันทร์กำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ มันคงต้องใบหน้าเศร้าๆที่เขาเห็นมันมาตลอดสิบปี
“มึงจะไปวันไหน? รอกูก่อนได้ไหม พรุ่งนี้กูกะว่าจะไปหามึงอยู่พอดี”
‘มาหากูบ่อยยิ่งกว่าเด็กมึงอีกนะมึงเนี่ย กูยังไม่ไปวันนี้พรุ่งนี้หรอก น่าจะอาทิตย์หน้าแหละ’จันทร์ตอบเสียงทะเล้นกลับมา
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้”
.
.
.
“ไอ้นิสัยชอบพูดอะไรให้คนอื่นตกใจนี่เลิกสักทีนะ ไอ้จันทร์!” เดย์พูดเสียงดังขณะที่เขามารับเพื่อนสนิทตัวขาวไปกินอาหารด้วยกัน วันนี้ร่างบางของจันทร์ถูกสวมทับด้วยเสื้อยืดสบายๆและกางเกงผ้าเนื้อเย็น
“มึงขวัญอ่อนเองต่างหาก”จันทร์ตอบกลับมาพลางหยักไหล่กวนๆอย่างที่เขาชอบทำใส่มัน
“เออๆ แล้วมึงบอกกุได้ยังว่าทำไมมึงถึงย้ายไปกับพี่สาวด้วย”เดย์เริ่มถามในสิ่งที่อยากรู้ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปขึ้นรถของเดย์ที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก
“กูเป็นลูกแหง่มึงก็รู้ พ่อแม่ไปไหนกูไปด้วย”
“ขอเหตุผลจริงๆ”
“กุจะยอมแพ้แล้วเดย์”
เอี๊ยด! เดย์เผลอเหยียบเบรกรถอย่างแรง ทำให้หัวของจันทร์ไปโขกกับคอนโซลรถหรูเข้าอย่างจัง เดย์รีบขอโทษขอโพยเพื่อนสนิทก่อนจะขับรถต่อไปอย่างที่พยายามทำใจให้เย็น เดย์ขอยืนยันอีกรอบว่าอยากจะตะโกนไอ้จันทร์เหลือเกินว่าเมื่อไหร่จะเลิกนิสัยชอบพูดให้เขาตกใจเสียที!
“ยอมแพ้?”
“ใช่”
“ทำไม?”
จันทร์เงียบลงไม่ตอบคำถามอะไรเดย์อีก ดวงตากลมโตมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งที่อยู่ในหัว
.
.
.
วันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เขาและพี่สาวว่างงานตรงกันพอดี พี่สาวเขาจึงนัดแนะกันมาเก็บของบางส่วนไปที่บ้านในเมืองหลวงก่อน จันทร์และครอบครัวชวยกันขนของใส่รถรับจ้างขนของที่เขาจ้างมา เพื่อขนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่และของเล็กๆน้อยที่ไม่สามารถใส่ลงพี่สาวของเขาไปได้หมดใส่ลงไป พรุ่งนี้จะเป็นวันที่เขาต้องเริ่มเดินทางแล้ว....
15.50 น. จันทร์เดินสะพายกระเป๋ากีตาร์ตัวเดิมมาที่สะพานไม้เก่าๆ ที่นี่ก็ยังคงร้างไร้ผู้คนและเงียบสงบอย่างน่าประหลาดเช่นเคย จันทร์ตัดสินใจมานั่งที่นี่ก่อนที่เขาจะเดินทางไปวันพรุ่งนี้ เพราะบางทีเขาอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อยู่บ่อยๆเช่นเคยอีกแล้ว
“หมดเวลาแล้ว...”
จันทร์เปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา ใช่ หมดเวลาแล้ว อย่างที่เดย์เคยบอกว่าเขาจมกับสิ่งที่อยู่ในใจมานาน และมันนานเกินไป ในคราแรกเขามั่นใจว่าตัวเองจะทนรับความเจ็บปวดในจิตใจได้อย่างแน่นอน เขาตั้งมั่นที่ยังจะเฝ้ารอวันที่อาทิตย์กลับมา และแล้ว วันนั้นก็มาถึง อาทิตย์กลับมาแล้ว...
แต่ตัวเขาเองที่ไม่กล้าทำตามไว้อย่างที่ตั้งใจ ตัวเขาเองในอดีตที่มั่นใจว่าจะยิ้มกว้างเหมือนเคยให้อาทิตย์ยามกลับมาพบกันใหม่ มันไม่เหลือความมั่นใจอะไรในตอนนี้แม้แต่น้อย
เขากลัว...กลัวความรู้สึกภายในใจของตัวเขาเองที่มันรุนแรงเสียเหลือเกิน ยิ่งพอที่ได้รู้ว่าอาทิตย์จะกลับมาความรู้สึกนั้นมันยิ่งรุนแรงขึ้น รุนแรงขึ้น อย่างที่ตัวเขาเองไม่แน่ใจว่าจะสามารถควบคุมมันได้ยามเมื่อเจอกับอาทิตย์
ในที่สุดเขาเลือกที่จะยอมแพ้และจากไป....เขาไม่อยากทำให้อาทิตย์เกลียดเขาไปมากกว่านี้
ความ ‘คิดถึง’อันมากล้นที่ผ่านมาตลอดสิบปี มันไม่เคยลดน้อยลงไปแม้แต่ครั้งเดียว จันทร์ได้แต่เฝ้าถามหาว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมดวงใจของเขาถึงถูกพรากออกไปไกลแสนไกล
ตึง!
“คนเดียวที่คิดถึง”.
.
.
16.00 น. ในสวนสาธารณะประจำเมืองปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งกุมมือก้มหน้าราวกับคนสิ้นหวัง ชายหนุ่มคนนั้นมีร่างกายสูงใหญ่และผิวสีเข้ม แน่นอนว่าตอนนี้เขากำลังประสบปัญหาใหญ่ทั้งๆที่เพิ่งจะกลับมาเมืองบ้านเกิดได้เพียงไม่กี่วัน
และเขาคนนี้...อาทิตย์...กำลังใช้สมองที่ถูกขัดเกลามาจากสถาบันชั้นนำต่างๆคิดค้นหาวิธีทางแก้ปัญหาให้ได้อย่างสันติที่สุด...
ถ้าหากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะก็.....อาทิตย์เพิ่งทะเลาะกับแฟนสาวรุ่นพี่อย่างมิ้งค์ที่คบมาตั้งแต่ม.ปลาย เนื่องจากไม่กี่วันก่อนเขารับคำขอขอคุณพ่อที่จะมาจัดงานหมั้นกันที่นี่ เนื่องจากเมืองนี้เป็นทั้งบ้านเกิดทั้งของเขาและมิ้งค์ แต่ดูเหมือนว่าแฟนสาวของเขาจะค่อนข้างไม่พอใจ เพราะเจ้าหล่อนต้องการจัดงานหมั้นแบบหรูหราที่โรงแรมในเมืองหลวงมากกว่ามาจัดแบบบ้านที่เมืองนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็พยายามอธิบายให้มิ้งค์เข้าใจในความต้องการของคุณพ่อของเขา แต่มิ้งค์กลับไม่สนใจและอาละวาดอย่างหนัก จนญาติทางฝ่ายผู้ใหญ่ของเขาเริ่มทำหน้าไม่พอใจ
“อาทิตย์ มิ้งค์ขอแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว อาทิตย์ให้มิ้งค์ไม่ได้เหรอ? มิ้งค์อยาดจัดงานหรูๆให้สมกับฐานะของเรา ไม่ใช่มาจัดงานบ้านนอกแบบนี้!”
อันที่จริงเขาและมิ้งค์มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างระหองระแหงกันมานานแล้ว เขากับมิ้งค์เลิกกันตลอดเวลาที่คบกันมาเกือบสิบปี เพราะมิ้งค์ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการกับเขาจนเกินสมควร อย่างเช่น เขานัดกินข้าวเรื่องงานกับลูกค้าสาว มิ้งค์ก็หวงจะหน้ามืดไปอาละวาดเสียจนเขาต้องขอโทษขอโพยลูกค้าคนนั้นยกใหญ่ แต่ถึงยังงั้นแม่ของเขา ‘คุณเกตุ’ก็ยังคงยกยอปอปั้นมิ้งค์ อย่างไม่รู้ผิดถูก จนบางทีก็ทำเขาปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว....
ส่วนงานหมั้นนี้ ก็เป็นฝีมือของแม่เขาเช่นกันที่เร่งรีบจัดการหมั้นกันไว้ก่อน ทีแรกคุณพ่อและเขาคิดว่ามันดูจะเป็นรีบร้อนเกินไปหรือเปล่า แต่คุณแม่ของเขากลับค้านหัวชนฝาและยืนยันที่จะจัดงานหมั้นให้ได้ แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขากับมิ้งค์ก็ทะเลาะกันใหญ่โต จนเมื่อวานนี้มิ้งค์หลุดคำพูดหนึ่งออกมา
“มิ้งค์ไม่น่าเอาคนอย่างอาทิตย์มาเป็นแฟนเลย! รู้แบบนี้มิ้งค์ไม่เข้าไปยุ่งเรื่องสิบปีก่อนก็ดีแล้ว! มิ้งค์น่าจะปล่อยให้อาทิตย์ไปหามัน”
สิบปีก่อนงั้นเหรอ... อาทิตย์จำไม่ได้ว่าเมื่อสิบปีก่อนมิ้งค์ไปยุ่งเรื่องอะไรของเขา เขารู้เพียงว่าเขาช้อคจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าและแพนิคไป จากเหตุการณ์ที่แม่ของเขาพังกีตาร์ตัวโปรด เพราะเพื่อนสนิทที่สุดของเขาคนหนึ่งดันไปบอกเรื่องแอบหนีออกจากบ้านกับแม่ของเขา แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็เกิดอาการดังกล่าว ในตอนนั้นเองเข้าโกรธเพื่อนสนิทของเขาเสียจนไม่อยากเห็นหน้าอีก เขาเลือกปกป้องตัวเองโดยการทำสิ่งที่เห็นแก่ตัวที่สุดลงไป....
อาทิตย์ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุงขึ้นและเดินไปรับลมเย็นๆตามแนวเขื่อนที่ไม่ได้มาเสียนาน เขาเดินปล่อยความคิดในหัวให้ลอยไปเรื่อยเปื่อยจนเวลาก้าวเข้าสู่ยามเย็น ความทรงจำในวัยมัธยมปลายย้อนกลับเขามาในหัวของอาทิตย์อีกครั้ง ทั้งๆที่เขาพยายามลืมเรื่องราวพวกนี้ไปแล้วแท้ ๆ
อาทิตย์ไปเรียนต่อที่อเมริกาทันทีหลังจากจบม.6 นับตั้งแต่นั้นเขาไม่แตะกีตาร์อีกเลย เขาใช้ชีวิตหรูหราและสนุกสนานในต่างประเทศจนเรียบจบและเข้าทำงานรับช่วงต่อจากพ่อพี่ชาย ชีวิตของเขากำลังไปได้ดี หน้าที่การงานดี มีเงินมากมาย มีแฟนสาวสวย แต่ทว่าภายในใจของเขายังคงโหยหาอะไรบางอย่าง....
อะไรบางอย่างที่เขาเก็บมันไว้ในส่วนของหัวใจที่ลึกที่สุด....
‘อาทิตย์’ เสียงใสของใครบางคนในความทรงจำ ดังขึ้นมาในระหว่างที่เขากำลังเดินเลียบริมเขื่อนในยามเย็น อาทิตย์รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้ ก่อนที่ใบหน้าใสของใครบางคนจะผุดขึ้นมาในความทรงจำ...
กึก!
อาทิตย์กัดฟันด้วยความเจ็บปวดในใจทันที เมื่อความทรงจำที่เขาพยายามจะลืมมันย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
‘จันทร์ฟังนะ พรุ่งนี้เจอกันที่สะพานไม้สี่โมงเย็น อาจจะช้าหน่อยเพราะแอบแม่กับพี่มิ้งค์ออกไป’
‘ได้ ช้าแค่ไหนก็รอได้ อย่าลืมเอากีตาร์ไปล่ะ’
‘อืม’ มือหนาหยิบเอาวิตามินในกระเป๋ากางเกงมากินอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดในใจทวีความรุนแรงขึ้นอาทิตย์พิงตัวกับขอบปูนของเขื่อนริมน้ำอย่างอ่อนแรง ไม่นานนักลมหายใจของเขาก็สงบลง แต่สายลมอ่อนในยามเย็นพัดพาเอาเสียงกีตาร์และทำนองอันคุ้นเคยที่เขาพยายามลบมันออกไปมากับสายลม อาทิตย์รู้สึกเจ็บที่กลางหน้าอกอีกครั้ง ร่างสูงพยายามจะลุกขึ้นยืนจนสำเร็จ เขาพยายามเดินเลี่ยงออกไปทางอื่น แต่ขาของเขากกลับเดินตามเสียงกีตาร์ไป....
จนกระทั่งมาเจอกับเจ้าของเสียงกีตาร์และเสียงร้องเพลงไพเราะ เป็นชายหนุ่มร่างบางผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลระต้นคอขาวกำลังนั่งเล่นกีตาร์และร้องเพลงบนสะพานไม้เก่าๆ
สะพานไม้....
อาทิตย์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ภาพความทรงจำของเขาและใครบางคนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ทั้งรอยยิ้มสดใส เสียงร้องเพลงอันไพเราะ
‘อาทิตย์’
เสียงที่ยามเรียกเขาทีไร หัวใจของเขามีอันต้องเต้นอย่างรุนแรงตลอด....เข้าลืมความรู้สึกนี้ได้อย่างไร
อาทิตย์ยืนตาค้างมองแผ่นหลังบางอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ความทรงจำทุกอย่างจะประกอบรวมกันเป็นแผ่นหลังบางของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนสะพานไม้เก่าๆคนนั้น
จันทร์........คนเดียวที่คิดถึง....
....ป่านนี้ใจเธอคิดอะไร....
....คิดถึงฉันหรือเปล่า.....
.....ว่านอนหนาวหัวใจ....
.....เหงาเกินคำบรรยาย....
‘จันทร์ฟังนะ พรุ่งนี้เจอกันที่สะพานไม้สี่โมงเย็น อาจจะช้าหน่อยเพราะแอบแม่กับพี่มิ้งออกไป’
‘ได้ ช้าแค่ไหนก็รอได้ อย่าลืมเอากีตาร์ไปล่ะ’
‘อืม’
.....เลยเวลาเธอไม่มาหา......
....รู้บ้างไหมว่าฉันคอย....
อาทิตย์ที่เหงื่อออกท่วมตัวเพราะความเจ็บปวดที่กลางหน้าอกค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้น ขายาวพยายามจะก้าวเดินไปหาคนร่างบางที่นั่งร้องเพลงอยู่อย่างเชื่องช้า และเมื่อเดินเข้าไปใกล้จนเขาสามารถเห็นได้ว่ามือที่ดีดกีตาร์เริ่มดีดเบาลง จนเสียงกีตาร์เงียบหายไป เหลือเพียงเสียงขับร้องอันไพเราะเท่านั้น
....กำลังใจเริ่มจะทดถอย....
.....น้ำน้อยๆล้นออกตา....
วินาทีนั้นเองเขาเห็นว่าข้างแก้มใสมีหยดน้ำสีใสที่สะท้อนกับแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ในยามเย็นค่อยๆไหลออกมา....
เช่นเดียวกับที่แก้มของเขา
ร่างสูงของอาทิตย์รู้สึกเหมือนถูกดึงย้อยกลับไปในความทรงจำในอดีต คำพูดของเดย์ เพื่อนสนิทของเขาลอยเข้าหูมาพร้อมกับเสียงร้องเพลงของใครอีกคนหนึ่ง
....คิดถึงเธอแทบใจจะขาด....
“มึงไม่คุยกับจันทร์เหรอ แต่ก่อนมึงสนิทกันนิ ไม่คิดถึงจันทร์เหรอ”
....อยากให้เธอกลับมาซะที....
“วันนี้วันสุดท้ายแล้ว มึงจะไม่ไปคุยกับจันทร์หน่อยเหรอ”
....คิดถึงเธอทุกวินาที....
“จันทร์อยู่บนดาดฟ้า ที่ที่พวกมึงชอบไปเล่นกีตาร์ด้วยกันน่ะ”
อาทิตย์ในวัยมัธยมปลายทำหน้าเย็นชาและตอบกลับเพื่อนสนิทไปว่า
....อยากจะพบเธอ...
“ไม่ว่ะ พี่มิ้งค์รอกุอยู่”
“คนเดียว” อาทิตย์ถูกดึงออกมาจากภาพในอดีตสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงหวานอันสั่นเครือของจันทร์ โดยที่ไม่ทันรู้ตัว เขาพุ่งเข้าไปกอดแผ่นหลังบางนั้นทันที จันทร์ตกใจมาก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร อาทิตย์ก็กอดตัวเขาเอาไว้แน่นจนหายใจไม่ออก
“ทำไมตอนนั้นฉันถึงจำความรู้สึกนี้ไม่ได้”
“หา? เดี๋ยวนะคุณ ใจเย็นก่อน” จันทร์ปล่อยกีตาร์วางไว้ข้างตัวก่อนจะพยายามแก้แขนอันแข็งแรงออกจากเอว เพื่อที่จะหันไปคุยกับคนที่อยู่ด้านหลังดีๆ
“ขอโทษนะ จันทร์ ฮีก ขอโทษจริงๆ” กึก!
จันทร์ชะงัก ก่อนที่ร่างบางอันสั่นเทิ้มจะหันกลับไปหาคนที่กอดเขาแน่นอยู่ด้านหลัง ดวงตาแบบนี้ โครงหน้าแบบนี้ ผิวเข้มที่เขาแสนรักแบบนี้ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปสิบปีแต่จันทร์ก็ไม่อาจลืมใบหน้าของคนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวินาทีได้...
“อาทิตย์!!”
“ขอโทษนะจันทร์ เพราะเพลงของเราทำให้ฉันจำได้”
“ฮือ ฮึก อาทิตย์ ฉัน”
จันทร์โผกอดเข้าหาคนร่างสูงอย่างแสนคิดถึง น้ำตาไหลอาบมาจนเปอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าขาว แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะปัดมันออกไป
“ทำไมเพิ่งจะกลับมา? หายโกรธฉันแล้วเหรอ? โกรธฉันเรื่องอะไร? ฉันทำอะไรผิด?”
จันทร์พ่นคำถามมากมายใส่คนร่างสูง อาทิตย์ทำได้แค่เพียงร้องไห้ออกมาไม่ต่างจากจันทร์ ความโกรธทำให้เขาลืมทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งความรู้สึกของเขาและจันทร์ ที่มันตรงกันมาตั้งนานแล้ว....
“ขอโทษจันทร์ ขอโทษ ฉันกลับมาแล้วนะ”
อาทิตย์พูดพร้อมกับกอดร่างบางกว่าแน่น จันทร์เองก็กอดอาทิตย์แน่นไม่แพ้กัน เขาไม่สนแล้วว่ากีตาร์คู่ใจของเขาจะถูกวางไว้ตรงไหน เขาไม่สนใจแล้วว่ามือของเขาที่กำเสื้อของอาทิตย์แน่นจะเจ็บแค่ไหน เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเขาคือ คนที่เขาคิดถึงที่สุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว...
กลับมาแล้วสินะ....อาทิตย์ ในยามเย็นนั่นเอง ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ได้นั่งกอดกันแน่น อาทิตย์ได้แต่โทษตนเองกับสิ่งที่เขาทำลงไป ในขณะที่ทั้งเขาและจันทร์ต่างร้องไห้กันเสียงเครือ
บนสะพานไม้ที่เดิม...
.
.
.
ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า อาทิตย์กอดจันทร์ที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้าไว้แนบอก พวกเขานั่งบนสะพานไม้เก่าๆและมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน อาทิตย์กระซิบข้างหูจันทร์
“ อยากจะพบเธอ....คนเดียว”พระอาทิตย์ กับพระจันทร์ แม้อยู่ผืนฟ้าเดียวกัน แต่มิอาจได้พบกัน...
....แต่....
ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังลาลับฟากฟ้า ดวงจันทร์ก็เพิ่งเริ่มเปล่งประกาย
....ชั่ววินาทีนั้น....
"พวกเขาก็จะได้พบกัน"
END