เรื่องสั้น : คิดถึง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น : คิดถึง  (อ่าน 1838 ครั้ง)

ออฟไลน์ M_wonderr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เรื่องสั้น : คิดถึง
« เมื่อ27-06-2020 12:55:33 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ M_wonderr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เรื่องสั้น : คิดถึง
«ตอบ #1 เมื่อ27-06-2020 12:57:52 »

!!warning!!
[/size]

เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง 'คิดถึง' ของ หรั่ง ร้อกเคสต้า นะคะ
เพลงคิดถึง เป็นเพลงที่ทางเราฟังทีไรก็น้ำตาซึมเกือบทุกครั้ง เพราะเป็นเพลงที่ถ่ายทอดห้วงแห่งความคิดถึงของคนหนึ่งคนออกมาได้อย่างดี
แรงบันดาลใจของเรามาจากทั้งเพลงต้นฉบับและการร้อง Cover
ดังนั้น เพื่ออรรถรสในการอ่าน แนะนำให้ท่านผู้อ่านเปิดเพลงคิดถึงฟังก่อนอ่านหรือฟังไปขณะอ่านก็ามารถเข้าถึงสิ่งที่สื่อออกมาได้

ต้นฉบับ คิดถึง : หรั่ง ร็อกเคสตร้า

ฉบับCover คิดถึง : เอก KPN
https://www.youtube.com/watch?v=uHiMzrwrZDc

**ท่านผู้อ่านสามารถเลือกฟังได้ตามความชอบเลยนะคะ มีฉบับcoverอีกมากมายที่คุณภาพดี****

Are you Ready?
ใส่หูฟังให้พร้อม ทำหัวสมองให้โล่ง และเตรียมพบกับ
คิดถึง
ของให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ^^
********************************************************************************************

พระอาทิตย์ กับพระจันทร์ แม้อยู่ผืนฟ้าเดียวกัน แต่มิอาจได้พบกัน
.
.
.
คิดถึงเธอแทบใจจะขาด
อยากจะพบเธอ...คนเดียว...

********************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2020 13:29:26 โดย M_wonderr »

ออฟไลน์ M_wonderr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เรื่องสั้น : คิดถึง (ตอนที่1)
«ตอบ #2 เมื่อ27-06-2020 13:36:39 »

...คนเดียวที่คิดถึง ที่รักเธอเป็นดังดวงใจ....




   เสียงกีตาร์สองตัวดีดเป็นทำนองเพลงช้าคลอคู่กันไปอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางสายลมที่พัดแรงบนดาดฟ้าของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มสองคนในชุดนักเรียนนั่งหันหลังพิงกำแพงปูนของด่านฟ้า โดยในมือของทั้งสองคนมีกีตาร์โปร่งอยู่ในมือคนละตัว   เด็กหนุ่มทั้งสองสบตากันเพียงเล็กน้อย ก่อนเสียงกีตาร์ที่ดังคลอกันไปจะหยุดลงเมื่อสิ้นสุดท่อนอินโทร เด็กหนุ่มผู้มีผิวขาวกว่าเล็กน้อยเผยรอยยิ้มบางเบา ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเปล่งเสียงอันไพเราะออกมา

   “คนเดียวที่คิดถึง”

   ดวงตาสองคู่สบกันอีกครั้ง พร้อมกับเสียงดีดกีตาร์ช้าปนหวานดังคลอตามมา

   “ที่รักเธอเป็นดังดวงใจ”

   ปัง!

   “พวกมึงมาสวีทที่นี่กันอีกแล้ว อาจารย์ป้าตามหาพวกมึงอยู่นะมากับกูก่อน!”

   เด็กหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเปิดประตูด่านฟ้าเสียงดังลั่น พร้อมกับเดินดุ่มๆมาลากแขนเด็กหนุ่มอีกสองคนที่นั่งถือกีตาร์พร้อมกับทำหน้าฉงนอยู่บนพื้น

   “ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย พวกมึงยังไม่ได้ส่งแพลนงานแสดงวันจบการศึกษาของรุ่นพี่ให้อาจารย์ป้าเลย เขามาตามหาพวกมึงที่ห้องก็ไม่เจอ ความซวยเลยมาตกที่กูเนี่ย! จารย์แกบอกว่าถ้าตามพวกมึงมาไม่ได้ก็ติดลบ 5 คะแนนกันทั้งห้อง แม่ง!ปัญญาอ่อนชิบหาย”

   เด็กหนุ่มทั้งสองฟังเพื่อนสนิทบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดทางเดินลงจากด่านฟ้า โดยที่เด็กหนุ่มผู้ที่มีผิวเข้มกว่าอาสาถือกระเป๋านักเรียนให้กับคนผิวขาว เพราะอีกคนหนึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บกีตาร์คู่ใจลงกระเป๋าให้เรียบร้อย

   “รู้แล้วล่ะน่าไอ้เดย์ พวกกูกะจะไปส่งให้แกหลังเลิกเรียนอยู่แล้ว”เด็กหนุ่มผิวขาวพูดพลางบุ้ยปากไปที่เพื่อนสนิทที่ยังคงไม่เลิกบ่น

   “เจริญล่ะไอ้จันทร์ จารย์ป้าแกโวยวายว่ารอแพลนงานของพวกมึงแค่แพลนเดียวเนี่ย ชมรมอื่นเขาส่งตั้งแต่ปีมะโหวแล้ว ดีที่พวกมึงไม่ส่งตอนวันเริ่มงานจบการศึกษา”

   “ก็คิดไว้ว่าจะส่งวันนั้นอยู่นะ แต่พอดีพวกกูทำเสร็จก่อน เนาะอาทิตย์”เด็กหนุ่มผิวขาวชื่อ ‘จันทร์’พูดอย่างกวนๆก่อนะหันไปหาแนวร่วมจากเพื่อนผิวเข้มที่เดินตามมาเงียบๆ

   “อืม”

   เดย์ที่ได้ยินสองเพื่อนสนิทปานจะกลืนกินแท็คมือกันเบาๆ ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา

   “กุล่ะเชื่อพวกมึงเลย”

   .

   .

   .

   “พรุ่งนี้ไอ้กันนัดไปร้านชาบูในตัวเมือง พวกมึงจะไปเปล่าว่ะ?”เดย์เอ่ยถามสองเพื่อนสนิทที่เดินนำหน้าในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินกลับบ้านหลังจากไปส่งแพลนงานให้อาจารย์ป้าจอมขี้บ่นแห่งโรงเรียนที่รับผิดชอบในการรวบรวมข้อเสนอของชมรมต่างๆที่มีความต้องการจะจัดแสดงและอำนวยความสะดวกต่างๆในงานจบการศึกษาของรุ่นพี่ม.6 แน่นอนว่าแม่งานที่เป็นน้องม.5อย่างพวกเขาต้องทำงานกันหนักชนิดที่เรียกว่าอดหลับอดนอนเพื่อจัดงานนี้กันทีเดียวเชียว

   “ไม่อ่ะ พวกกูจะไปซ้อมกีตาร์กัน”จันทร์ตอบ พร้อมกับยื่นไอติมตัดรสเผือกที่ซื้อมาจากร้านหน้าโรงเรียนส่งเข้าปากคนผิวเข้มกว่า ซึ่งอาทิตย์เองก็ไม่ปฎิเสธรสชาติหอมเย็นที่อยู่ในปากแม้แต่น้อย

   “กูก็คิดว่างั้นแหละ”

   เดย์พูดพร้อมกับมองสองเพื่อนสนิทที่อีกคนกินไอติมอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนอีกคนก็คอยเช็ดมุมปากที่เลอะไอติมตัดให้อย่างเบามือ อาทิตย์และจันทร์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ร่วมถึงตัวเขาเองด้วย อาจจะเพราะเมืองเล็กๆนี้ไม่ใช่เพื่อนใหญ่ที่มีประชากรมากมายนัก ในสมัยเด็กพวกเขาจึงถูกจับมาเล่นด้วยกันที่สวนสาธารณะของเมือง แน่นอนว่าเขามักจะเห็นภาพอาทิตย์และจันทร์ทำอะไรด้วยกันอยู่เสมอและสิ่งที่อยู่คู่กับสองคนนั้นก็คงจะเป็น ‘กีตาร์’ที่อาทิตย์และจันทร์มักจะนำมันไปบรรเลงด้วยกันอยู่เสมอ

   เขาคิดว่าสื่อกลางระหว่างสองคนนั้นที่คนทั่วไปเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็น กีตาร์ และเพลงๆนั้น....

.

.

.

   ‘วันหยุด’ คงจะเป็นวันที่ใครหลายคงได้วางภาระหน้าที่ต่างๆที่แบกไว้บนบ่าวางทิ้งไว้ที่ใดที่หนึ่ง และใช้เวลาว่างทั้งวันในการผ่อนคลายในรูปแบบของตนเอง บางคนก็เลือกไปพบปะกับเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันมานาน บางคนชักชวนกันไปลิ้มลองรสชาติชีวิตในสถานที่ใหม่ บางคนก็เลือกที่จะอยู่บ้านทำสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือบางคนอาจจะสะพายกีตาร์แล้วออกมาเดินรับลมในยามสาย เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มสองคนที่เดินเคียงคู่กันไปตามแนวเขื่อนริมแม่น้ำที่เชื่อมมาจากสวนสาธารณะหลักของเมือง

   สายลมอ่อนๆยามบ่ายที่แม้จะพัดไม่แรงแต่โชคดีที่วันนี้มีเมฆหนาตัวจนแสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องเอาความร้อนลงมาได้ เลยทำให้อากาศกำลังพอดีๆเหมาะแก่การออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งจันทร์และอาทิตย์ก็คิดเช่นเดียวกัน ทุกวันหยุดพวกเขาจะนัดกันออกมาและเดินไปยังสถานที่หนึ่งด้วยกัน แน่นอนว่าสถานที่นี้เป็นความลับ ที่มีเพียงจันทร์ อาทิตย์ และเดย์เท่านั้นที่รู้ สถานที่นั้นก็คือ...

   “ถึงแล้ว”

   อาทิตย์พูดพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงบนสะพานไม้เก่าๆอยู่เหนือลำธารเล็กที่เชื่อมลงไปยังแม่น้ำสายหลัก จันทร์เองก็หย่อนตัวลงนั่งข้างกัน ดวงตาใสมองไปยังลำธารเล็กที่ถูกปกคลุมไปด้วยพืชน้ำอย่างหนาแน่น แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายกันอยู่ไม่น้อย

   “เมื่อวานแม่คุยกับฉัน”

   จันทร์ละสายตาจากลำธารเล็กไปมองหน้าของอาทิตย์ เขาแอบเห็นว่าใบหน้าเข้มนั่นมีแววความเครียดเผยออกมาอยู่เล็กน้อย

   “ท่านถามฉันว่าคิดเรื่องเรียนต่อมหาลัยหรือยัง”

   “หืม? ถ้าฉันเดาไม่ผิดป้าเกตุคงอยากให้นายเข้ามหาลัยดังในเมืองหลวงใช่มั้ยล่ะ?”จันทร์พูดเสียงใส ซึ่งคำตอบจากอาทิตย์มีเพียงใบหน้าเคร่งเครียดที่พยักหน้ารับน้อยๆเท่านั้น

   “อีกไม่กี่เดือนพวกเราก็จะม.6แล้วนี่เนาะ ป้าเกตุเขาคงอยากให้นายคิดวางแผนไว้ก่อนล่ะมั้ง”

   “แล้วนายล่ะ? จันทร์” จันทร์เลิกคิ้วน้อยๆเป็นเชิงแปลกใจที่อาทิตย์ถามกลับ แต่คนร่าเริงก็ฉีกยิ้มสดใสกลับไปให้คนที่ทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ

   “ฉันน่ะเหรอ พ่อกับแม่ฉันไม่ได้เคร่งเครียดอะไรมากนะ ขอแค่ให้เลือกในสิ่งที่ชอบก็พอใจแล้วล่ะ”

   “งั้นเหรอ”อาทิตย์พูดพึมพำเบาๆก่อนจะเบนหน้าไปยังลำธารเล็กข้างล่าง จันทร์ที่เห็นดังนั้นจึงเอื้อมมือไปบีบไหล่กว้างของเพื่อนสนิท ก่อนจะพูดออกมาว่า

   “และนั่นก็หมายความว่าฉันสามารถสอบเข้าที่เดียวกับนายได้ยังไงล่ะ แต่คนโง่ๆอย่างฉันคงต้องพยายามหน่อยละนะ ฮ่าๆ”

   อาทิตย์มองรอยยิ้มสดใสของคนตรงหน้าก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมาบ้าง มือหนากว่าเอื้อมไปขยี้หัวของเพื่อนสนิทแรงๆเสียจนเจ้าตัวโวยวายออกมา

   “จันทร์น่ะ ทำได้อยู่แล้ว”

   “อาทิตย์ก็ทำได้อยู่แล้วเหมือกันนั่นแหละ”

   เด็กหนุ่มทั้งสองคนยิ้มให้กัน ดวงตาสองคู่สบตากันอย่างที่คนนอกไม่สามารถเข้าใจในความหมายได้ อาจจะเพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่ายังไงการตัดสินใจของอีกคนก็ไม่ต่างไปจากของตัวเองอย่างแน่นอน

   “ครั้งก่อนฉันอัดเสียงที่เราเล่นกันไว้ด้วยนะ ฉันส่งไฟล์เสียงให้นายไปเมื่อวานแล้ว”อาทิตย์พูดพร้อมกับหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูออกมาแล้วเข้าแอปบันทึกเสียงที่พวกเขามักจะใช้บันทึกเสียงเวลาที่เล่นกีตาร์ด้วยกันอยู่บ่อยๆ

   “อ่าฮะ เมื่อวานฉันลองฟังแล้ว เรามาเล่นต่อให้จบกันเถอะ วันนี้ฉันวอร์มเสียงมาพร้อมเลยนะ”จันทร์พูดพร้อมกับทำท่ากระแอมคออย่างทะเล้น อาทิตย์ที่เห็นท่าทางพร้อมเกินเหตุของเพื่อนสนิทก็เอื้อมไปหยิบกีตาร์มาจัดในท่าทางที่เหมาะสม จันทร์เองก็ทำเช่นเดียวกัน อาทิตย์ที่จัดท่าตัวเองให้ถนัดแล้วก็หยิบสายหูฟังเชื่อมกับสมาร์ทโฟน ก่อนจะนำหูฟังเสียบที่หูของจันทร์และของตัวเอง

   เสียงดีดอินโทรจังหวะเนิบๆของกีตาร์ทั้งสองตัวดังไปทั่วบริเวณ ดวงตาสองคู่ไม่ได้มองคอร์ดกีตาร์ เพราะพวกเขากำลังมองลึกลงไปภายในตาของใครอีกคนที่กำลังนั่งข้างกันอยู่ต่างหาก

   “คนเดียวที่คิดถึง ที่รักเธอเป็นดังดวงใจ”


ออฟไลน์ M_wonderr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เรื่องสั้น : คิดถึง (ตอนที่2)
«ตอบ #3 เมื่อ27-06-2020 15:52:56 »

...เธอไม่มาด้วยเหตุใด จะไปไหนก็ไม่บอก ทิ้งฉันไว้คนเดียว...




   ปิดเทอมใหญ่ เป็นสิ่งที่เด็กหลายๆคนชื่นชอบไม่น้อยเพราะว่าพวกเขาไม่ต้องไปโรงเรียนอันเป็นเสมือนสถานที่อันแสนน่าเบื่อสำหรับเด็กบางคน แถมยังนอนดึกตื่นสายได้ตามต้องการอื่นต่างหาก หรือจะชักชวนคุณพ่อคุณแม่ให้พาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างทะเล แล้วถ่ายรูปลงอินเทอร์เน็ตสวยๆอวดเพื่อนก็ย่อมได้ แต่สำหรับเหล่าว่าที่เด็กมัธยมปลายปีสุดท้าย บางคนก็ต้องหมดเวลาในช่วงปิดเทอมไปกับการติวเข้มชนิดจัดหนักจัดเต็ม เพราะต้องการเข้ามหาลัยดีๆ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่นั่งใช้ชีวิตเปื่อยๆไปวันๆแบบจันทร์ วันนี้เขาตื่นเช้ามารดน้ำต้นไม้ ทานข้าวเช้า เล่นกับสโนว์หมาพุดเดิ้ลสมาธิสั้นที่ชอบมาแทะกีตาร์โปร่งของเขา ทานข้าวเที่ยง แล้วมานอนแผ่บนเตียงพร้อมกับกีตาร์คู่ใจที่มีรอยฟันของสโนว์ที่ตอนนี้ก็นอนหมดพลังเหมือนกับเขา

   มือบางเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาเข้าแอปสนทนาที่เขาไม่ค่อยได้เข้าสักเท่าไหร่ แล้วกดเข้าไปยังแชทของเขากับอาทิตย์ที่เวลาบนหน้าจอบอกว่าการสนทนาครั้งล่าสุดก็ผ่านมาสามวันแล้ว...

   “หรือว่าจะติวอยู่นะ”

   จันทร์พึมพำพลางอ่านแชทที่เขาทักเพื่อนสนิทไปเมื่อวันก่อน ช่วงปิดเทอมแบบนี้ทั้งเขาและอาทิตย์มักจะใช้เวลาไปกับการแวะเวียนไปบ้านของกันและกัน หรือไม่ก็ไปนั่งเล่นกีตาร์ที่สะพานไม้ แต่ปิดเทอมครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะอาทิตย์บอกเขาว่าปิดเทอมนี้ป้าเกตุแม่ของอาทิตย์จ้างวาน ‘พี่มิ้ง’รุ่นพี่สาวมหาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงที่ทำอาชีพติวเตอร์เป็นอาชีพเสริม มาติวส่วนตัวที่บ้านของอาทิตย์ แน่นอนว่าอาทิตย์ชวนเขาไปติวด้วยกัน แต่ดูจากค่าใช้จ่ายแล้วจันทร์คิดว่าพ่อแม่ของคงไม่เห็นด้วยแน่นอน...ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนพร้อมที่จะเรียนพิเศษเสียทุกคนนี่นา..อีกอย่างจันทร์เองก็ไม่อยากไปรบกวนทางบ้านของอาทิตย์ด้วย

   แน่นอนว่าตั้งแต่อาทิตย์เริ่มติวเข้ม เขาก็ไม่ได้คุยกับอาทิตย์อีกเลย ล่าสุดก็คงจะเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบธรรมดา และข้อความของอาทิตย์ที่บอกว่า

       ‘ถ้าว่างจะทักมาหา’

       จันทร์นั่งเฝ้าหน้าจอมือถือมาสามวันแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นว่าอาทิตย์จะทักมาหาเสียที เขาจึงคิดว่าทางนู่นคงจะยุ่งอยู่กับการติวอย่างแน่นอน

   “เราเองก็ต้องฟิตหน่อยสิ ดันไปสัญญากับหมอนั่นไว้ซะด้วยสิว่าจะเข้ามหาลัยเดียวกันให้ได้”

   คิดได้ดังนั้นจันทร์ก็ลุกขึ้นมา ก่อนจะทรุดตัวนั่งที่โต๊ะหนังสือและเริ่มทบทวนบทเรียนต่างๆอันที่จริงเขาเองก็ใช้เวลาว่างทบทวนบทเรียนในช่วงก่อนนอนอยู่แล้วล่ะนะ แต่เนื่องจากปิดเทอมนี้จันทร์มีเวลาว่างเสียจนไม่รู้จะทำอะไรมากกว่า

   ละแล้วครึ่งแรกของการปิดเทอมใหญ่ก็ผ่านไปอย่างเงียบเหงา กีตาร์โปร่งตัวโปรดถูกวางทิ้งไว้ที่มุมห้องในขณะที่เด็กหนุ่มผิวขาวกำลังนั่งขีดๆเขียนๆลงบนหนังสือเตรียมสอบที่พี่สาวซื้อมาให้อย่างเคร่งเครียด

   ติ้ง!

   เสียงแจ้งเตือนของแอปสนทนาเรียกสติของจันทร์ให้หลุดจากข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ดวงตาใสเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของคนที่เขารอมานานอย่างอาทิตย์ ส่งอะไรบางอย่างมาให้เขา จันทร์ไม่รอช้าที่จะเปิดและพบว่าอาทิตย์ส่งรูปชีทมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะทานข้าวที่บ้านของอาทิตย์ โดยที่พื้นหลังเป็นรูปครึ่งตัวของหญิงสาวผมยามเป็นลอน จันทร์เดาว่าคนนั้นคงจะเป็นพี่มิ้งอย่างแน่นอน ในขณะที่เขากำลังพิมแซวกลับไปตามภาษา อาทิตย์ก็โทรเข้ามาทันที จันทร์ขมวดคิ้วงงกับพฤติกรรมของเพื่อน ก็มือขาวก็กดรับสายอย่างไม่เกี่ยงงอน

   “ว่าไงครับคุณอาทิตย์หายตัวไปเป็นเดือนเชียวนะ”

   ‘จันทร์ ขอโทษ’

   เสียงเครียดที่ตอบกลับมาทำให้จันทร์ใจไม่ดีทันที ไม่ใช่ว่าอาทิตย์ติวหนักไปหรอกนะ...

   “เป็นไร พี่มิ้งติวโหดเหรอ? หรือคิดถึงฉันจน...”

   ‘จันทร์ฟังนะ พรุ่งนี้เจอกันที่สะพานไม้สี่โมงเย็น อาจจะช้าหน่อยเพราะแอบแม่กับพี่มิ้งออกไป’

   จันทร์ชะงักไปนิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่หลังจากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มบางออกมา เมื่อเข้าใจความหมายที่อาทิตย์ต้องการสื่อ

   “ได้ ช้าแค่ไหนก็รอได้ อย่าลืมเอากีตาร์ไปล่ะ”

   ‘อืม’

   ตี้ด!

   สายตัดไปสักพักแล้ว แต่จันทร์ยังคงเอาโทรศัพท์แนบหูไว้อย่างนั้น ดวงตาที่เคยฉายแววสดใสหม่นแสงลงเล็กน้อย ยังไงจันทร์ก็ขอยืนยันคำเดิมว่าปิดเทอมใหญ่นี้ แตกต่างออกไปจริงๆ...

.

.

.

.

   แสงแดดยามบ่ายไม่เคยปราณีใครจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่เด็กหนุ่มตัวขาวที่สะพายกีตาร์อันใหญ่อยู่บนหลัง สองเท้ารีบก้าวเดินไปตามแนวร่มไม้เพื่อไปรอใครบางคนยังสถานที่นัดไว้ หมวกแก๊ปแฟชั่นที่เขาได้มาเป็นของขวัญวันเกิดไม่ได้ช่วงบดบังแสงแดดแม้แต่น้อย จันทร์จึงต้องใช้วิชาตัวเบาในการวิ่งจากเงาของร่มไม้หนึ่งไปยังอีกร่มไม้หนึ่งอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าเขากลัวดำหรืออะไรหรอกนะ แต่เวลาที่ผิวสัมผัสแดดนานๆมันชั่งแสบยิบๆอย่างกับอะไรดี โดยเฉพาะกับแดดยามบ่ายแบบนี้ กว่าจะมาถึงสะพานไม้จันทร์ก็หอบตัวโยนไม่น้อย ดีหน่อยที่ว่าตรงนี้ยังมีสายลมอ่อนๆพัดโชยเอาเหงื่อให้แห้งไปบ้างเล็กน้อย

   แต่อะไรก็คงไม่สามารถทำให้จันทร์ลดความตื่นเต้นที่จะได้เจอเพื่อนสนิทหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือนหรอกนะ....
.

.

.

   “แม่จะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะครับ!”เด็กหนุ่มผิวเข้มตะโกนออกมาสุดเสียง เมื่อกระเป๋ากีตาร์ของเขาถูกกระชากจากใครบางคนในขณะที่กำลังจะก้าวออกมาจากห้องนอน และใครคนนั้นก็คือ แม่ของเขาเอง

   “ทำไมจะทำไม่ได้ นี่แกจะออกไปเที่ยวเล่นกับจันทร์อีกแล้วใช่มั้ย?! ไร้สาระจริงๆลูกคนนี้ แทนที่จะอยู่ติวกับน้องมิ้งค์เขาให้คุ้มกับที่เสียเงิน แกจะได้เข้ามหาลัยดังๆได้ แต่นี่อะไร?! แกกลับเลือกที่จะไปเที่ยวเล่นกับเด็กไร้สาระแบบเจ้าจันทร์มันเนี่ยนะ?!”หญิงวัยกลางคนผู้ที่ใบหน้าถูกแต่งเติมไปด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพงแสดงความเกรี้ยวกราดอย่างหนัก เธอพยายามจะเดินเข้าไปหาลูกชายคนสุดท้องเพื่อลากตัวเจ้าตัวดีมาทำโทษ แต่มีหญิงสาวร่างบางมาห้ามเอาไว้ก่อน

   “คุณป้าอย่าทำน้องอาทิตย์เลยค่ะ มิ้งค์เข้าใจเด็กวัยนี้ดีค่ะ เขามักจะให้ความสำคัญกับเพื่อนเป็นเรื่องปกติ” เสียงหวานพูดพร้อมกับถือวิสาสะกอดแขนของหญิงวัยกลางคนให้ถอยห่างออกมาจากเด็กหนุ่มที่กำลังยืนกำมือตัวสั่นอยู่ตอนนี้

   “จันทร์ไม่ใช่เด็กไร้สาระนะครับ อีกอย่างแม่ห้ามเรียกจันทร์ว่ามันด้วย!”

   “โห นี่แกกล้าเถียงฉันเหรออาทิตย์! แกอยากออกไปเล่นกีตาร์บ้าๆนี่กับมันมากใช่ไหม?!”คุณเกตุอารมณ์ขึ้นมาอีกรอบ พร้อมกับยกกระเป๋ากีตาร์ในมือขึ้นมา มือที่ประดับด้วยแหวนเลอค่าล้วงเอากีตาร์ไม้ออกมาจากกระเป๋า อาทิตย์ตาโตทันทีพร้อมกับที่ร่างสูงจะพยายามวิ่งไปแย่งกีตาร์มาจากมือของมารดา แต่มิ้งค์กลับวิ่งมารั้งเอวเข้าไว้สุดแรง

   “ปล่อยผมนะพี่มิ้งค์! แม่! อย่านะครับ!”

   “หึ! งั้นแกก็ไม่ต้องเล่นมันอีกแล้วกันไอ้กีตาร์บ้าๆนี่!”

   ปัง!

   เสียงของกีตาร์โปร่งตัวสวยถูกโยนออกนอกหน้าต่างห้องนอนของอาทิตย์ที่อยู่ชั้นสอง จนร่วงไปกระแทกกับพื้นคอนกรีตข้างล่างดังสนั่นอยู่ภายในจิตใจของอาทิตย์ เขาพยามสุดแรงที่จะสะบัดรุ่นพี่สาวสวยออกจากตัวแล้วไปคว้ากีตาร์ตัวนั้นมา แต่ดูเหมือนจะสายเกินไปเมื่อกีตาร์ตัวนั้นหล่นลงสู่พื้นคอนกรีตจนแหลกสลายเป็นชิ้นๆ ไม่ต่างจากหัวใจของเขา

   กีตาร์ตัวนั้นมีความหมายกับเขาพอๆกับการมีชีวิตอยู่ เพราะกีตาร์นั้นเป็นกีตาร์ที่จันทร์เก็บเงินซื้อให้เขาเป็นของขวัญวันเกิด...

   “ตอนจากนี้ฉันขอสั่งกักบริเวณแกจนกว่าจะเปิดเทอม และก็นะ...ฉันจะส่งแกไปเรียนที่เดียวกับพี่ชายแก มหาลัยธุรกิจชื่อดังที่เมืองนอกคงจะทำให้นิสัยคลั่งดนตรีบ้าๆนี่เพลาลงซะบ้าง!”คุณเกตุพูดจบก็เดินลงจากห้องไป ทิ้งไว้แต่เด็กหนุ่มที่นั่งนิ่งน้ำตาไหลอาบทั่วหน้า แต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นใดๆ หญิงสาวจึงเดินเข้าไปรวบกอดร่างนิ่งของเด็กหนุ่มผิวเข้มอย่างถือวิสาสะ

   “โอ๋ๆอย่าร้องเลยนะคะน้องอาทิตย์ พี่เองก็ต้องขอโทษน้องอาทิตย์ด้วยนะคะ แหมก็น้องจันทร์ดันโทรมาบอกป้าเกตุเมื่อเช้านี้ว่าจะขออนุญาตป้าเกตุให้น้องอาทิตย์ไปเล่นด้วย”

   ปึก! โอ้ย!

   “โกหก!! จันทร์ไม่มีทางทำแบบนั้น จันทร์น่ะไม่เคยปริปากเรื่องผมให้แม่รู้สักนิดเดียว!”อาทิตย์พูดพร้อมกับสะบัดร่างหญิงสาวอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกกำแพงห้อง แน่นอนหญิงสาวไม่ยอมแพ้เธอลุกแล้วเดินมาประจันหน้ากับเด็กหนุ่มรุ่นน้อง

   “แล้วถ้ายังงั้นป้าเกตุจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ?! อาทิตย์ลองคิดดูสิ ถ้าไม่ใช่จันทร์แล้วจะเป็นใคร?!”อาทิตย์ชะงักทันที เมื่อได้ยินดังนั้น วันนั้นเขาแอบโทรหาจันทร์ระหว่างที่ไปเข้าห้องน้ำ เรื่องนี้ก็มีเพียงจันทร์กับเขาเท่านั้นที่รู้ แล้วทำไม....

   “อาทิตย์ลองคิดดูสิ ป้าเกตุน่ะเขาเป็นห่วงอนาคตอาทิตย์เหนือสิ่งอื่นใดเลยนะ ถ้าจันทร์เขาห่วงอาทิตย์จริง เขาไม่โทรมาบอกป้าเกตุเรื่องนี้หรอก เพราะจันทร์เขาคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าป้าเกตุโมโหใช่มั้ยล่ะ”มิ้งค์พูดเสียงหวานพลางเอื้อมมือไปกุมมือของอาทิตย์เอาไว้อย่างอบอุ่น

   “ทั้งป้าเกตุและพี่ รักและห่วงอาทิตย์มากนะ ดังนั้นอาทิตย์อย่างเสียใจไปเลย พี่จะอยู่ข้างๆอาทิตย์เองนะ” พูดจบเธอก็ดึงร่างไร้เรี่ยวแรงของอาทิตย์เข้าสู่อ้อมกอด ก่อนจะแอบยกยิ้มมาเพียงเล็กน้อย

   ถ้าถามว่าป้าเกตุรู้เรื่องจันทร์กับอาทิตย์ได้อย่างไรน่ะเหรอ? เธอก็จะขอตอบว่าเธอนี่แหละที่แอบฟังอาทิตย์คุยโทรศัพท์ในห้องน้ำและแอบไปบอกป้าเกตุ

   แหม เธอก็แค่ทำหน้าที่พี่สาวที่ดี ร่วมถึงทำหน้าที่ของ ‘ว่าที่แฟนสาว’ที่ดีของอาทิตย์หนุ่มน้อยสุดหล่อคนนี้เท่านั้นเอง

   ใครๆเขาก็ทำกันนี่จริงม่ะ?

.

.

.

   17.30

   เวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอสมาร์โฟนไม่ได้ทำให้คิ้วเรียวที่ขมวดกันเป็นโบว์คลายออกแม้แต่นิดเดียว จันทร์นั่งรอนอนบนสะพานไม้เก่าๆนี่จนผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว คนที่เขารอก็ยังไม่มีวี่แววโผล่มาสักที แน่นอว่าเขาแชทไปหาอาทิตย์เป็นสิบข้อความจนเครื่องจะค้างอยู่แล้ว แต่อาทิตย์ก็ยังไม่อ่านหรือตอบอะไรกลับมา ไม่ใช่ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับอาทิตย์หรอกนะ แต่จะว่าไปอาทิตย์บอกว่าแอบป้าเกตุออกมาแล้วอาจจะมาช้าหน่อยนี่นา ถ้างั้นเขารออีกสักหน่อยแล้วกัน

   จันทร์คิดได้ดังนั้นก็เสียบหูฟังแล้วฟังเพลงที่เขาและอาทิตย์เล่นด้วยกันไปพลางๆระหว่างรอ ดวงตาใสที่นอนมองท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกยอมไปด้วยสีส้มเหม่อมองกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า เสียงอินโทรกีตาร์ที่คุ้นเคยดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงร้องของตัวเขาเองที่ดังขึ้น และปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปพร้อมกับเพลงที่เปิดวนลูปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...

คนเดียวที่คิดถึง  ที่รักเธอเป็นดั่งดวงใจ

เธอไม่มาด้วยเหตุใด  จะไปไหนก็ไม่บอก

ทิ้งฉันไว้คนเดียว

18.30 น.

คนเดียวที่คิดถึง  ป่านนี้ใจเธอคิดอะไร

คิดถึงฉันหรือเปล่า  ว่านอนหนาวหัวใจ

เหงาเกินคำบรรยาย

19.30 น.

เลยเวลาเธอไม่มาหา รู้บ้างไหมว่าฉันคอย

กำลังใจเริ่มจะทดถอย  น้ำน้อยๆล้นออกตา


   จันทร์ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เขาเปิดเพลงที่เขาและอาทิตย์เล่นด้วยกันวนลูปเป็นชั่วโมงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้ว่าเพราะดวงตาของเขาพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำ หรือเพราะเขาฝันไป ท้องฟ้าสีส้มถึงได้กลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม คละเคล้าไปด้วยแสงไฟสีเหลืองนวลของไฟข้างทางไปเสียแล้ว

   อาทิตย์....อาทิตย์ต้องมาแน่นอน...

   ใช่ จันทร์คิดแบบนั้น เขาเชื่อว่าอาทิตย์ไม่เคยผิดสัญญา เขาเชื่อว่าอาทิตย์จะมาพบเขาได้อย่างแน่นอน แต่ทำไม...ทั้งที่เขาเชื่อแบบนั้น...น้ำตากลับไหลออกมาไม่หยุดแบบนี้ล่ะ....

   จันทร์รู้สึกได้ว่าจังหวะหัวใจของเขาช้าลงและเต้นไปพร้อมๆกับทำนองเพลง ดวงตาที่พล่ามัวไปด้วยน้ำตาทำให้ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว จันทร์ยังคงนอนรออาทิตย์อยู่ท่าเดิมแม้ความชาที่ขาจากการตั้งชันเป็นเวลานานก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจและเดินกลับบ้านได้ เพราะเขาเชื่อว่าอาทิตย์...จะต้องมาแน่นอน

   ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาหลับลงช้าๆ หัวใจที่เต้นไปตามทำนองกีตาร์เองก็ช่างแผ่วเบาเสียเหลือเกิน วินาทีนั้นเองจันทร์เปล่งเสียงอันไพเราะของตนเองออกมาพร้อมๆกับเพลงที่ดังในหูฟัง

   ‘คิดถึงเธอแทบใจจะขาด’

   “คิดถึงเธอแทบใจจะขาด





        “จันทร์....”

       นั่นเสียงใครน่ะ? อาทิตย์หรือเปล่า?

       “จันทร์....”

       อาทิตย์? มาแล้วใช่มั้ย?

       “ไอ้บ้าจันทร์ว้อย!”

       เฮือก!

       จันทร์สะดุ้งสุดตัวจากแรงเขย่าของใครบางคน ก่อนจะลืมตาแล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่ง จันทร์พยายามปรับโฟกัสให้ตาที่เบลอจากคราบน้ำตา ละแล้วเขาก็เห็นว่าคนที่มาเขย่าเขาเสียจนคอแทบหักไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเดย์และเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกสองสามคน...

      “มึงมานอนบริจาคเลือดให้ยุงทำไมตรงนี้ นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะว้อย”เดย์พูดเสียงดุพร้อมกับปัดยุงที่บินตอมอยู่รอบๆตัวขาวๆของเพื่อนสนิท
ให้ตายสิ! ถ้าผิวขาวๆนี่เป็นผื่นแดงทั้งตัวละก่อน คงน่าเสียดายไม่น้อย...

      “เที่ยงคืน?”จันทร์ถามเสียงมึน เพื่อนคนอื่นที่เหลือหัวเราะออกมาเสียงดังในขณะที่เดย์ทำท่าจะพุ่งเข้ามาเขย่าคอคนมึนอีกรอบให้รู้แล้วรู้รอด

      “ดูเวลาที่โทรศัพท์สิว้อย! โทรศัพท์น่ะเขาไม่ได้มีไว้แค่อัดเสียงฟังเพลงนะจันทร์”เดย์พูดพร้อมกับยื่นหน้าจอโทรศัพท์มาให้เขาดูเวลาชัดๆ

      00.05 น.

      “แล้วอาทิตย์ล่ะ?”เสียงพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน เดย์กับเพื่อนที่เหลือต่างขมวดคิ้วแล้วมองหน้ากัน ก่อนที่เดย์จะหันมาพูดว่า

      “อาทิตย์? ไม่เห็นมันเลยนะ พวกกูผ่านมาจะแวะมาส่งไอ้เจมส์แถวนี้แล้วเหลือบไปเห็นมีคนนอนอยู่บนสะพาน ทีแรกไอ้เจมส์กับไอ้ไบร์ทมันนึกว่าศพซะแล้ว พวกกูเลยลงมาดูก็เจอมึงนอนเป็นตู้บริจาคเลือดให้ยุงอยู่นี่ไงล่ะ ว่าแต่มึงมากับอาทิตย์เหรอ กูไม่เห็นมันเลยนะ”

      กึก!

      จันทร์ชะงักไปทันที หัวใจดวงน้อยรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนมีใครเอามือมาบีบ น้ำตาที่เคยเหือดแห้งกำลังมาไหลเป็นสายอาบแก้มขาวเนียนอีกครั้ง กายบางอ่อนแรงเอนไปพิงกับอกของเพื่อนสนิทอย่างเดย์ทันที เดย์และเพื่อนอีกสองสามคนต่างตกใจทันทีเมื่อเห็นอาการของจันทร์ แต่ถามยังไงจันทร์ก็ไม่พูดแถมเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว เดย์จึงตัดสินใจวานไบร์ทเจ้าของรถพาจันทร์ไปส่งที่บ้าน

      ระหว่างทางจันทร์ไม่พูดอะไรสักคน เขาเพียงแต่เสียบหูฟังไว้ที่ที่หูอีกครั้ง หวังเพียงเสียงกีตาร์จะช่วยลบเลือนความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ

คนเดียวที่คิดถึง ที่รักใจเธอคิดอะไร

คิดถึงฉันรึเปล่า  ว่านอนหนาวหัวใจ

อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว


ออฟไลน์ M_wonderr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เรื่องสั้น : คิดถึง (ตอนที่3)
«ตอบ #4 เมื่อ27-06-2020 17:03:27 »

...คนเดียวที่คิดถึง ป่านนี้ใจเธอคิดอะไร...




   กาลเวลาเพียงเดือนครึ่งไม่สามารถลบความเจ็บปวดในใจของใครออกได้ โดยเฉพาะเมื่อความเจ็บปวดภายในใจนั้นมันเป็นทั้งสิ่งที่มีค่าและน่าชังในเวลาเดียวกัน จันทร์เองก็คิดเช่นนั้น หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่ออาทิตย์อีกเลย แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คืออาทิตย์เองก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกลับมาหาเขาด้วย ทีแรกจันทร์ได้บอกตัวเองว่าอาทิตย์คงติวหนังสืออย่างหนักอยู่จนไม่มีเวลาว่างติดต่อเขา....

   ช่วงเดือนครึ่งที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอยู่วนไปมาสลับกับบ้านของเขาและเดย์ที่ชักชวนกันไปอ่านหนังสือตามสถานที่ต่างๆ แน่นอนว่านี่เป็นชีวิตที่จันทร์ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเขามาก่อน...ชีวิตที่ไม่มีอาทิตย์น่ะ...

   อาทิตย์เหมือนหายตัวออกไปจากสาระบบของเขา เขาไม่ได้เห็นใบหน้าคมที่ชอบทำหน้ามึนๆใส่เขามาตั้งนานแล้ว เขาไม่ได้ฉีกยิ้มกว้างให้กำลังใจคนผิวเข้มเวลาที่โดนป้าเกตุบ่นมาตั้งนานแล้ว และเขาไม่ได้เล่นกีตาร์กับอาทิตย์นานแล้วด้วยเหมือนกัน

   ตึง!

   จันทร์ที่กำลังนั่งเกากีตาร์อยู่เพลินสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเขาดันเกิดหงุดหงิดขึ้นมาละเผลอตีคอร์ดซะแรง จันทร์ส่ายหน้าน้อยๆกับอาการใจลอยของตัวเอง มือบางเอื้อมไปหยิบสมาร์ทโฟนและสายหูฟังมาเสียบเข้าที่หูทั้งสองข้างของตนเอง เสียงดีดกีตาร์อันคุ้นเคยดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงดีดอันแสนอ่อนหวานและทำนองเพลงช้าๆทำให้ความวุ่นวายและฟุ้งซ่าน ภายในใจของจันทร์สงบลงได้

   จันทร์รับฟังเสียงดีดอาทิตย์ของอาทิตย์และนึกถึงดวงตาอบอุ่นของเจ้าตัวที่มักจะมองตรงมายังเขาเสมอ และแน่นอนว่าเขาก็จะฉีกยิ้มกว้างลับไปให้อีกคนอย่างที่เคยเป็นเสมอมา จันทร์ยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะหลับตาและสลักความรู้สึกนี้ลงไปในหัวใจ...ที่มีทั้งสุขและทุกข์จากคนคนเดียวกัน

   เขาไม่อาจลืมความเจ็บปวดได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อาจลืมความสุขระหว่างเขาและอาทิตย์ได้เช่นกัน แม้อาทิตย์จะหายไปจากความทรงจำแต่เขามั่นใจว่า ถ้าเขาหวงแหนความรู้สึกเหล่านี้ไว้ อาทิตย์จะยังมีตัวตนสำหรับเขาเสมอ

.

.

.

   วันเปิดเทอมเป็นอีกหนึ่งวันที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หน้าโรงเรียนมัธยมประจำเมืองคละเคล้าไปด้วยทั้งผู้ปกครองที่มายืนส่งเหล่าเด็กมัธยมหน้าใหม่ นักเรียนที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่หน้าประตูทางเข้าราวกับนกกระจอกแต่งรัง โดยนักเรียนหญิงจับกลุ่มคุยกันระหว่างรอสมาชิกในกลุ่มมาครบ และนักเรียนชายที่วิ่งกระโดดกอดคอกันเข้าไปในโรงเรียนส่งเสียงโหวกเหวกเสียจนคณะอาจารย์ที่มายื่นต้อนรับนักเรียนในวันเปิดเทอมต้องส่ายเบาๆอย่างระอา

   “นี่ๆเปิดเทอมนี้ป๊าซื้อกระเป๋าดินสอให้ฉันใหม่ล่ะ เป็นลายลิมิเต็ดของXXXเชียวนะ”

   “ฉันเองก็มีของฝากจากทะเลมาให้นะยะ”

   เสียงของเด็กเรียนหญิงที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ข้างหน้าโรงเรียนที่แม้จะเสียงดังสักแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้จันทร์ที่วันนี้ก้าวขึ้นเป็นนักเรียนม.6อย่างเต็มตัวละความสนใจไปจากแผ่นหลังไวๆของใครบางคนได้ ร่างบางที่สะพายกีตาร์คู่ใจพยายามวิ่งฝ่าฝูงชนไปยังแผ่นหลังหนาของคนที่เขาเฝ้ารอมาตลอด อาทิตย์...

   แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวแผ่นหลังของคนที่จันทร์คิดว่าเป็นอาทิตย์ก็ถูกแทนที่ด้วยแผ่นอกของเพื่อนสนิทที่ดูท่าทางจะสูงขึ้นของเดย์ จันทร์เงยหน้ามองหน้าคนที่มาขัดขว้างเขาอย่างไม่สบอารมณ์

   “ไงเปิดเทอมมาก็ทำหน้าเป็นลูกหมาอดแดกกข้าวเลยนะ กูเรียกมึงตั้งนานไม่คิดจะหันมาหน่อยหรือไง”เดย์พูดเสียงกวนลางก้มมองเพื่อนตัวขาวที่ปิดเทอมใหญ่ครึ่งหลังนี้พวกเขาคอยชีวิตตัวติดกันอยู่เกือบทุกวัน ไม่ใช่ว่าเดย์คิดอะไรกับจันทร์หรอกนะ เพียงแต่ว่าเขากลัวว่าถ้าปล่อยมันไว้คนเดียววันดีคืนดี คนมึนแบบมันอาจจะไปนอนแผ่เป็นผักแห้งบริจาคเลือดให้ยุงอีกก็ได้

   เขาไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างจันทร์และอาทิตย์ในช่วงปิดเทอมครึ่งแรก แน่นอนว่าคนขี้เสือก เอ้ย ขี้ห่วงเพื่อนสนิทอย่างเดย์จะต้องเลียบๆเคียงๆถามไถ่พวกมันสองคนอยู่แล้ว แต่ให้ทายว่าพวกมันจะปริปากพูดอะไรไหม? ปิ้งป่อง! แน่นอนว่าพวกมันไม่ปริปากพูดกับเขาสักคำ แม้เดย์จะถามจันทร์อยู่บ่อยครั้ง หรือการที่เขาแชทไปหาอาทิตย์เพื่อนสนิทปานกลืนกินของไอ้จันทร์ที่นอกจากอ่านแล้วตอบก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น เอาเถอะเดย์ยังคงเชื่อว่ายังไงถ้าอาทิตย์และจันทร์เห็นหน้ากันก็คงจะกระโดดกอดเข้าหากันเหมือนอย่างเคยล่ะนะ...

   แต่...น่าเสียดายที่เขาเดาผิด

   นี่มันสถานการณ์อะไรกันครับเนี่ย?!

   เดย์ที่เพิ่งเข้ามาถึงห้องเรียนมองไปที่โต๊ะเรียนบริเวณหลังห้องอย่างงงๆ ก็เข้าใจนะว่าเทอมใหม่ ห้องก็ใหม่ แต่ทุกคนไม่ใช่เด็กใหม่ที่จะมาสับเปลี่ยนที่นั่งกันนะ! ทีแรกเดย์ก็คิดว่ามีการจับสลากที่นั่งใหม่ เพราะปกติโต๊ะแถวกลางหลังสุดจะเป็นที่นั่งของเขาที่นั่งด้านซ้ายมือที่นั่งคู่กับไอ้ไบร์ท และแถวริมหน้าหน้าก็จะเป็นคู่หูเพื่อนสนิทปานจะกลืนกินอย่างอาทิตย์และจันทร์ แต่ดูเหมือนว่าตำแหน่งทุกอย่างจะถูกต้องหมดยกเว้นแต่ที่นั่งของเขาถูกคนตัวสูงผู้มีผิวสีเข้มอย่างไอ้อาทิตย์มานั่งแทนที่ซะงั้น

   เดย์หันไปมองหน้าไอ้ไบร์ทที่ได้แต่ส่งยิ้มแหะๆมาให้ก็นึกอ่อนใจ ท่าทางว่าไอ้ที่เขาเดาในใจเมื่อเช้านี้คงจะผิดถนัด...

.

.

.

   จันทร์เหลือบมองแผ่นหลังของอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอกันนานอย่างแสนคิดถึง ขาของเขากำลังจะก้าวไปกระโดดกอดคอเพื่อนสนิทจากด้านหลังเหมือนที่เคยทำ เพียงแต่ว่าเขาเห็นว่าดวงตาคมหันมามองเขานิดๆก่อนจะเบือนหน้ากลับไปที่เดิม จันทร์ที่เห็นดังนั้นจึงหยุดชะงักราวกับกดปุ่มหยุดทันที

   เขาเห็นเดย์ทำหน้าตาหงุดหงิดพร้อมกับเดินเข้าไปหาอาทิตย์ในขณะที่ตัวเขาเองได้ยื่นนิ่งอยู่ที่เดิม....สายตาเย็นชาแบบนั้น...อาทิตย์ไม่เคยส่งมันมาให้เขาเลย...ทำไมกันล่ะ?

   “จันทร์มึงนั่งกับกูไปก่อนนะ กูเดินไปบอกให้อาทิตย์กลับที่แล้วมันแม่งไม่ยอม”เดย์ที่เดินกลับมาหาเข้าพูดเสียงหงุดหงิด จันทร์ที่ยืนเหม่อลอยอยู่เงยหน้ามองเพื่อนตัวสูงเล็กน้อย ก่อนจะยอมพยักหน้าน้อยรับและก้าวเดินไปยังที่นั่งคู่แถมริมหน้าต่างห้อง

   บรรยากาศหลังห้องดูน่าอึดอัดต่างจากด้านหน้าที่มีเพื่อนบางคนทำท่าทางตลกๆกันอยู่อย่างร่าเริง จันทร์เหลือบตาไปมองอาทิตย์ที่ถูกคั่นกลางด้วยเดย์ เขามองอาทิตย์เพียงหวังจะให้อาทิตย์หันหลับมามองเขา แต่จนแล้วจนรอดอาทิตย์จะยังคงทำหน้านิ่งและก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรบางอย่างลงมือถือ จันทร์ที่เห็นดังนั้นอดที่จะใจหวิวไม่ได้ มือบางเอื้อมสายหูฟังมาเสียบไว้ที่หูทั้งสองข้างก่อนจะเปิดเพลงที่ฟังบ่อยที่สุด เขาหวังเพียงแค่ว่าเสียงกีตาร์จะช่วยกลบความเจ็บปวดที่ก่อตัวขึ้นในใจได้

   ชีวิตที่ไม่มีอาทิตย์น่ะ...เขาคิดไม่ออกจริงๆนะ

.

.

.

   “เฮ้ย ไอ้อาทิตย์พี่สาวคนนี้แฟนมึงเหรอว่ะ กูเห็นแชทแม่งเป็นสีชมพูเลยนะโว้ย”เสียงของไบร์ทพูดขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังเก็บของเพื่อที่จะลงไปทานข้าวกลางวัน อาทิตย์มองหน้าคนที่นั่งข้างๆก่อนจะแอบเตะหน้าขาคนขี้เสือกไปทีหนึ่ง ทำเอาไอ้ไบร์ทโวยวายไล่หลังมาทันที

   “ใช่พี่มิ้งค์อะไรที่เป็นติวเตอร์ส่วนตัวแม่งเปล่าว่ะ?”เดย์รับไม้ต่อความขี้เสือกมาจากไบร์ท ชะโงกหน้ามาถามเพื่อนสนิทบ้าง

   “ไม่เสือกดิ”อาทิตย์พูดเสียงเรียบก่อนจะเดินนำออกนอกห้องไป

   “โห ไอ้นี่แม่งมุบมิบว่ะ ตอบกุมาคำเดียวก็ได้ว่าใช่มั้ย ไม่งั้นกูนอนไม่หลับนะเพื่อนทิตย์”ไบร์ทพูดพร้อมกับเดินมากอดคอเพื่อนผิวเข้มตัวสูง

   “เอ้ย ว่าแต่ไอ้จันทร์ไปไหนว่ะ?”เจมส์ที่เดินรั้งท้าย ถามขึ้นมาพร้อมกับหันซ้ายหันขวาเมื่อไม่เห็นเพื่อนตัวขาวในห้อง คนทั้งสามที่เดินนำหน้าอยู่ชะงักทันที ไบร์ทเลยหันมาตอบเพื่อนว่า

   “น่าจะไปอยู่ที่...”

   “ใช่!”อาทิตย์ตะคอกแทรกกลางปล่องขึ้นมาทันที ทำให้เด็กหนุ่มที่เหลืออีกสามคนทำหน้าฉงน

   “ใช่อะไรของมึง?”เดย์ถามออกมา

   “พี่มิ้งค์แฟนกูเองแหละ แล้วมึงก็หยุดพูดถึงคนอื่นด้วย!”

   พูดจบร่างสูงก็เดินสาวเท้าเร็วๆไปทันที ทิ้งให้เพื่อนสนิทสามคนด้านหลังต้องหันมามองหน้ากันด้วยความงงอีกครั้ง เดย์ขมวดคิ้วแน่นทันที ไอ้อาทิตย์มันหมายถึงใคร

       คนอื่นเหรอ?....

       จันทร์....

.

.

.

.

   เทอมแรกผ่านไปไวอย่างกับโกหก ไม่นานนักเหล่าเด็กมัธยมปีสุดท้ายก็หมดวิชาเรียนอันแสนหนักหนาที่ต้องเรียนวันละห้าหกคาบต่อวันเสียที เทอมสองที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นอีกหนึ่งเทอมที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนก็ได้ เพราะโรงเรียนปล่อยให้เหล่านักเรียนได้ไปเตรียมตัวสอบเพื่อเข้ามหาลัยดีๆ นานๆทีทางโรงเรียนจะจัดติวสอบเพื่อวัดผลบ้างเล็กน้อย แต่ก็เป็นอันรู้กันภายในโรงเรียนของเหล่ารุ่นน้องว่า เทอมนี้จะเจอหน้าค่าตาพี่ม.6ได้น้อยมากๆ ไม่ต่างกันกับนักเรียนม.6ด้วยกันเอง ที่แทบจะไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนร่วมชั้นอย่างครบถ้วยเลย ซึ่งถ้าจะเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาก็คงจะเป็นงานจบการศึกษาที่รุ่นน้องจัดให้ตอนปลายเทอมนู่นละมั้ง

   และแล้ววันที่เหล่าเด็กม.6จะกลับมาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาก็มาถึง บรรยากาศภายในโรงเรียนคละคล้ำไปด้วยของประดับมากมาย มีทั้งฉากถ่ายรูปสวยๆ หรือแม้กระทั่งลูกโป่งสีสันสดใสที่ติดอยู่ตามเสาของโรงเรียน นักเรียนมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่สนามหญ้าหน้าโรงเรียน เพราะตอนนี้เป็นพิธีมอบของที่ระลึกและพบปะกับรุ่นพี่ที่จบการศึกษาแล้ว แน่นอนว่าแม่งานหลักของวันนี้อย่างเหล่ารุ่นพี่ม.6 ต่างคนต่างมีเครื่องหัวเครื่องตัวกันอย่างแน่นเนือง ทั้งมงกุฎดอกไม้หรือผ้าคลุมที่ใส่เข้ากันเป็นกลุ่มๆ สองแขนโอบอุ้มเอาของขวัญจากรุ่นน้อง รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว หรือจากเพื่อนร่วมรุ่นไว้เต็มสองแขน

   เสียงโหวกเหวกอันแสนรื่นเริงของกลุ่มคนข้างล่างดังแว่วจนขึ้นมาถึงด้านบนของด่านฟ้าโรงเรียน ที่มีเพียงเด็กหนุ่มผิวขาวนั่งพิงกำแพงปูนอยู่คนเดียว รอบกายของเขาไม่ได้มีของขวัญอะไรมากมายอย่างที่ควรจะเป็น เพราะมีแค่ดอกไม้นำโชคที่ทางโรงเรียนมอบให้เด็กทุกคนและกระเป๋ากีตาร์คู่ใจเท่านั้น

   จันทร์ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเขาจะเดินทางมาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เรียนจบมัธยมและพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเติบโตที่มีความท้าทายมากมายรออยู่ ทั้งๆที่วันนี้ต้องเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกเศร้าแบบนี้ล่ะ....

   ตลอดสองเทอมที่ผ่านมาเขาและอาทิตย์ไม่ได้คุยกันอีกเลย ชีวิตประจำวันของเขาจืดชืดไร้สีสันและรู้สึกแตกต่างออกไปจากเดิม เขาได้เฝ้ามองคนผิวเข้มที่แม้เขาจะมองตรงไปแค่ไหน เขาก็ไม่ได้รับสายตาอันคุ้นเคยตอบกลับมาอีกเลย จันทร์ได้แต่เฝ้าถามว่าเขาไปทำอะไรให้อาทิตย์ไม่พอใจหรือเปล่า? เขานั่งคิดนอนคิดจนหมดหนทางก็คิดไม่ออก ทั้งๆที่เขาและอาทิตย์รู้จักใครอีกคนดีเท่ากันตัวเอง แต่ในเวลานี้เขากลับเห็นอาทิตย์อีกคนหนึ่ง อาทิตย์เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

   ชีวิตที่ขาดอาทิตย์มันไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็นสำหรับจันทร์ เขาได้แต่ให้เวลาเยียวยาทุกอย่าง แต่ดูเหมือนกาลเวลาจะไม่เข้าข้างเขา เพราะไม่ว่าจะยังไงอาทิตย์ก็ยังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมสักที ถ้าหากจะถามว่าแล้วทำไมเขาไม่ตัดใจกล้าเดินเข้าไปหาเลยล่ะ? จันทร์ก็ขอแค่นยิ้มแล้วบอก เขาลองเข้าหาอาทิตย์มาทุกวิธีแล้ว แต่ผลลัพธ์มันก็ยังเหมือนเดิมคือ อาทิตย์ส่งสายตาเย็นชามาให้ ไม่พูดอะไรสักคำ แล้วเบือนหน้าหนี เหมือนไม่อยากมองหน้าเขานาน

   ทุกๆครั้งที่เขาพยายามเข้าหา เขามักจะได้รับความเจ็บปวดกลับมาเสมอ จนสุดท้ายเขาคิดว่าไม่อยากให้อาทิตย์เกลียดขี้หน้าเขาไปมากกว่านี้ เขาจึงยอมแพ้และถอยห่างออกมา...

   ดวงตาคู่กลมคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง จันทร์จึงตัดสินใจหยิบสายหูฟังมาเสียบเข้าหูอีกครั้ง หวังให้เสียงกีตาร์ของใครบางคนที่ดังอยู่ในห้วงคะนึงได้เยียวยาความเจ็บปวดนี้ มือบางเอื้อมหยิบกีตาร์คู่ใจออกมาแล้วดีดตามเสียงเพลง ริมฝีปากบางที่เม้มจนเป็นเส้นตรงเผยอออก ก่อนจะเปล่งเสียงออกมา

“คนเดียวที่คิดถึง  ที่รักเธอเป็นดั่งดวงใจ

เธอไม่มาด้วยเหตุใด  จะไปไหนก็ไม่บอก

ทิ้งฉันไว้คนเดียว

คนเดียวที่คิดถึง  ป่านนี้ใจเธอคิดอะไร

คิดถึงฉันหรือเปล่า  ว่านอนหนาวหัวใจ

เหงาเกินคำบรรยาย”

.

.

.


   “ไอ้จันทร์มึงไม่ไปส่งไอ้อาทิตย์เหรอว่ะ?”เดย์ถามขึ้นในขณะที่เขามาหาเพื่อนสนิทตัวขาวที่บ้านหลังจากที่ไปส่งอาทิตย์มาที่สนามบินเมื่อเช้านี้ จันทร์ที่กำลังนั่งเกากีตาร์ชะงักทันที ดวงหน้าขาวเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเพื่อนสนิทอย่างฉงน เดย์มองสบตาเพื่อนสนิทที่หลังๆมานี้ดวงตาโตที่เคยสดใสกลับเต็มไปด้วยแววตาเศร้าสร้อยอยู่ตลอดเวลา

   “ส่ง?”

   ....กำลังใจเริ่มจะถดถอย.....

   “อ้าว อาทิตย์ไม่ได้บอกมึงเหรอว่าวันนี้มันจะบินไปอเมริกาแล้ว เห็นว่าแม่มันส่งไปเรียนที่มหาลัยเดียวกับพี่มัน”

   ตึง!

   ...น้ำน้อยๆ ล้นออกตา....

   กีตาร์โปร่งตัวโปรดล่วงลงสู่พื้นห้องทันที เดย์ร้องเฮ้ยอย่างตกใจ ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของกีตาร์ที่ตอนนี้กำลังนั่งทำหน้าตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน น้ำตาเม็ดน้อยไหลอาบแก้มขาวอย่างมากมาย ร่างบางสะอื้นสั่นไหวโอนอ่อนไปมาอย่างน่าสงสาร เสียงสะอื้นแห่งความเจ็บปวดที่ดังออกมาเป็นครั้งแรกทำให้เดย์ตกใจต้องรีบถลามาปลอบเพื่อนสนิท

   ....คิดถึงเธอแทบใจจะขาด.....

   จันทร์ปล่อยเสียงแห่งความเจ็บปวดที่กักเก็บภายในใจมานานออกมาอย่างหมดเปลือก ทำไมกัน? เขาทำอะไรผิด? อาทิตย์โกรธเขาเรื่องอะไร ความรู้สึกที่เหมือนตายทั้งเป็นตลอดสองเทอมที่ผ่านมาทำให้จันทร์เจ็บปวดไม่น้อยไปว่าสิ้นใดทั้งหมด เขารอเพียงให้เวลาเยียวยาสถานการณ์นี้ รอเพียงให้อาทิตย์เดินกลับมาหาเขาอย่างที่เป็น รอเพียงให้เวลาที่เขาและอาทิตย์ยิ้มให้กันกลับมาอีกครั้ง

   ทำไมล่ะ? เขาหวังมากไปงั้นหรือ?

   ....อยากให้เธอกลับมาซะที.....

   ตลอดเวลาที่ผ่านจันทร์ได้แต่มองแผ่นหลังของอาทิตย์ น้อยครั้งที่ใบหน้าคมนั้นจะหันมามองหน้ากัน บางครั้งจันทร์โมโหจนอยากจะวิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้ออาทิตย์ให้มาคุยกันให้รู้แล้วรู้รอด แต่จันทร์กลับทำแบบนั้นไม่ได้ เขาไม่อยากให้อาทิตย์เกลียดเขาไปมากกว่านี้ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอาทิตย์ถึงเป็นแบบนี้

   “ฮึก เดย์ กดถอนสิทธิ์ให้กูที ฮึก”จันทร์ยื่นโทรศัพท์มือถือที่เขาเปิดค้างไว้ก่อนหน้านี้มาให้เดย์ ซึ่งเดย์เองก็รับมาอย่างงงๆก่อนเขาจะก้มมองดูหน้าจอมือถือแล้วพบว่านี่เป็นหน้าต่างการยืนยันสิทธิ์การเข้าศึกษาต่อของจันทร์เขาเองก็พอจะรู้ว่าจันทร์สามารถสอบเข้ามหาลัยชื่อดังในเมืองหลวงจนมีรูปนักเรียนแปะอยู่หน้าป้ายโรงเรียน ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องยืนยันสิทธิ์ในการเข้าศึกษา

   “จันทร์! มึงฟังกูนะ มึงจะทิ้งอนาคตของมึงไม่ได้ นี่มันเป็นความฝันของใครหลายคนที่อยากเข้ามหาลัยดังแบบนี้ มึงจะมาทิ้งๆกว้างๆของแบบนี้ไม่ได้นะ!”

   “แล้วยังไงล่ะ?! ฮึก เดย์ กูทำทุกอย่างนี่เพื่ออาทิตย์! กู ฮึก รู้ว่าถึงแม้อาทิตย์จะโกรธกู ฮึก ไม่อยากมองหน้ากู ฮึก ทั้งที่กูไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่กู...แต่กูก็ยังคงหวัง ฮึก หวังว่ากูจะใช้ชีวิตมหาลัยที่เดียวกับอาทิตย์”

   ....คิดถึงเธอทุกวินาที.....

       “จันทร์...” เดย์มองหน้าเพื่อนสนิทตัวขาว ที่ตอนนี้สะอื้นไห้ตัวโยนอย่างหน้าสงสาร เขาไม่เคยเห็นจันทร์ร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน เขาพยายามลูบไหล่ลูบหลังให้เพื่อนสนิทใจเย็นลง และเมื่อจันทร์หายใจสะดวกมือบางก็เช็ดน้ำตามากมายที่ไหลออกมาอย่างลวกๆก่อนจะพูดออกมาว่า
     
      “เดย์ กุสัญญากับอาทิตย์ไว้ ว่ายังไงคนโง่ๆอย่างกู ฮึก ก็จะเข้าไปอยู่มหาลัยเดียวกับอาทิตย์ให้ได้ แต่ตอนนี้อาทิตย์อยู่ไกลเกินไปเดย์ ฮึก กูทำตามสัญญาไม่ได้แล้วเดย์”

   “ไม่นะจันทร์ มึงอย่าคิดแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่มึงไม่รู้มาก่อน มึงไม่ได้ผิดสัญญา”

   “เดย์ สำหรับกูน่ะ ไม่มีอาทิตย์ มันก็ไม่มีความหมายหรอกนะ”

   ....อยากจะพบเธอ.....

        “จันทร์....”

   “อาทิตย์น่ะ ฮึก เป็นทุกอย่างของกูแล้วจริงๆ”

   ....คนเดียว.....


ออฟไลน์ M_wonderr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เรื่องสั้น : คิดถึง (ตอนที่4)
«ตอบ #5 เมื่อ27-06-2020 17:13:56 »

....คิดถึงฉันหรือเปล่า  ว่านอนหนาวหัวใจ เหงาเกินคำบรรยาย....




   วันเวลาคล้อยผ่านเดือนและตะวัน กาลเวลาผ่านเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี....

   ‘ชีวิตมหาลัยเป็นสิ่งที่สนุกสนานที่สุดในชีวิต’

   ใครบางคนได้พูดไว้เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งก็มีคนจำนวนไม่น้อยเห็นด้วยกับคำพูดนี้ เพราะชีวิตมหาลัยคือประตูบานใหม่ที่สู่ความอิสรเสรีในการใช้ชีวิต ไม่คอยมีใครมาจ้ำจี้จ้ำไชตามงาน จะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียนก็ได้ ขอแค่อย่าขาดเกิน3ครั้งก็พอ บางคนใช้ชีวิตอยู่หออย่างอิสระ บางคนสนุกสนานกับรสชาติชีวิตใหม่ๆที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน....
 
        แต่สำหรับใครบางคน อย่างเช่น จันทร์ คงไม่ใช่แบบนั้น

   หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป จันทร์ก็ขอเลือกเรียนต่อที่มหาลัยใกล้บ้านแทน เขาเลือกที่จะสละสิทธิ์ให้คนที่ต้องการเรียนที่นั่นมากกว่าเขา จันทร์เคยบอกแล้ว ว่าตัวเขาเองเรียนที่ไหนก็ได้ พ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับ พี่สาวก็ไม่ได้เข้มงวด จันทร์ขอเพียงอย่างเดียว....
       
        ขอแค่ให้มีอาทิตย์....

   แน่นอนว่าเขาโดนไอ้เดย์บ่นไปเกือบสามเดือนที่ตัดสินใจแบบนั้น บ่นกับเขาไม่พอ มันยังมานั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้งที่บ้านเขาให้พ่อแม่ของเขาฟังอีก แต่ก็นั้นแหละ พ่อแม่ของเขาชิลเกินกว่าจะร่วมวงเทศนาไปกับเดย์ด้วย สุดท้ายมันจึงเหนื่อยและเลิกบ่นไปเอง จันทร์รู้มาว่าเดย์ไปเรียนมหาลัยต่างเมืองแต่ไม่ไกลจากเมืองเดิมที่อยู่มากนัก เขาและเดย์ยังคงติดต่อกันอยู่เสมอๆ

         แต่กับใครอีกคนที่เขาอยากติดต่อที่สุด....

         อาทิตย์...

        เขาได้แต่เก็บเบอร์มือถือเบอร์ใหม่ของอาทิตย์ที่ได้จากเดย์ไว้ในโทรศัพท์แบบนั้น เขายังไม่กล้าที่จะโทรไปหาอาทิตย์ เพราะจันทร์รู้ดี จันทร์รู้ว่าสิ่งที่จะได้จากอาทิตย์คืออะไร มันคงไม่มีอะไรมากไปกว่าความเจ็บปวดตลอดสามปีที่ผ่านมา
   
        จันทร์ตกใจในการยึดติดของตัวเองไม่น้อยไปกว่าคนรอบข้างตัวของเขา ใครหลายคนแนะนำว่าให้เขาปล่อยอาทิตย์ให้จมดิ่งหายไปในห้วงเวลาในอดีต

   ลืมอาทิตย์ไปซะ...แล้วจันทร์จะมีความสุข...

   จันทร์ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ อย่างที่เคยบอกว่าอาทิตย์เปรียบเสมือนครึ่งชีวิตที่ผ่านมาของเขา ความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับอาทิตย์ที่มีค่ามากสำหรับจันทร์ เขายอมเจ็บปวด แต่เขาไม่ยอมที่จะลืมอาทิตย์ เพราะจันทร์ยังคงเชื่อ....

         เชื่อว่าสักวันอาทิตย์จะกลับมา....

   “พระอาทิตย์กับพระจันทร์เปรียบเสมือนคู่ขนานที่มิอาจได้พานพบบรรจบกัน แม้จะอยู่ฟากฟ้าผืนเดียวกันก็ตาม”

   เสียงที่ดังออกมาจากหูฟังทำให้จันทร์หลุดออกจากภวังค์ สติที่กลับเข้ามาสู่ปัจจุบันทำให้จันทร์รู้ว่าตัวเองกำลังยืนมองวิวแม่น้ำจากริมเขื่อน ร่างขาวโปร่งในชุกนักศึกษาเท้าแขนกับขอบปูนเนิ่นนานจนแขนเริ่มช้า เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนตัดเข้าทรงตามสมัยนิยมปลิวตาแรงลมคลอใบหน้าขาวใส ในมือขาวก็ถือสมาร์ทโฟนที่เขาเปิดฟังเพลงในแอปอยู่ สงสัยจะเหม่อมากไปหน่อย มือเลยเผลอไปโดนวีดิโอเสียได้

   “ใกล้เวลาแล้วนี่นา”

   จันทร์พูดพร้อมกับหยิบกระเป๋ากีตาร์คู่ใจมาสะพายบนหลัง ขาเรียวออกตัวเดินไปยังสถานที่ที่เขาต้องมาทุกวันอาทิตย์ในเวลาสี่โมงเย็น ใช่แล้ว...ที่ที่เขากำลังจะเดินไปคือ สะพานไม้

   สะพานไม้ที่ดูเก่าคร่ำครึกกว่าสมัยก่อน เพราะไม่มีใครมาซ่อมแซมยังคงทนและมีความแข็งแรงมากพอที่จะรับน้ำหนักตัวของจันทร์ที่ทรุดตัวนั่งห้อยขาลงไป ดวงตากลมโตมองเหล่าปลาตัวน้อยที่แหวกว่ายในลำธารอย่างที่เคยทำ

   จันทร์จะมาที่นี่ทุกวันอาทิตย์เวลาสี่โมงเย็น ใครอาจจะว่าเขาบ้าก็ได้ แต่ที่นี่ก็เปรียบเสมือนเป็นความทรงจำดีๆระหว่างเขากับอาทิตย์ และที่นี่เป็นที่ที่อาทิตย์นัดเขาให้มาเจอกัน เมื่อสามปีก่อน

   อาทิตย์ยังคงอยู่ในใจเขาเสมอมา....และจะคงอยู่เสมอไป

        จันทร์ไม่รู้ว่าในอนาคตเขาจะได้เจออาทิตย์อีกหรือไม่ แต่เขาก็ยังคงเฝ้ารอและเชื่อในตัวอาทิตย์จนกว่าตัวเขาเองจะยอมแพ้และจากที่แห่งนี้ไป....

   “อาทิตย์อยู่อเมริกานะ สะพานไม้กับอเมริกา ห่างกันตั้งครึ่งค่อนโลก”

   จันทร์พึมพำก่อนจะแค่นหัวเราะกับตัวเอง เขาตัดสินใจเอื้อมไปหยิบกีตาร์มาเกาเป็นเพลง

   “อยากจะพบเธอคนเดียว”

.

.

.

        ช่วงชีวิตการทำงานของจันทร์ได้เริ่มขึ้น เมื่อเขาได้รับตำแหน่งเป็นพนักงานเงินเดือนดีในตัวเมือง แน่นอนว่าเขาเติบโตเป็นคนที่น่าภาคภูมิใจของพ่อแม่ไม่น้อยไปกว่าพี่สาว จันทร์ได้สร้างผลงานโดเด่นมากมายให้กับบริษัทจนหัวหน้าแผนกที่สนิทสนมกันดีกับเขาได้แนะนำให้จันทร์ลองเข้าไปทำที่บริษัทศูนย์ใหญ่ในเมืองหลวง เพราะเขามองแล้วว่าคนทำงานดีอย่างจันทร์สามารถหาความก้าวหน้าในศูนย์ใหญ่ได้อย่างแน่นอน แต่จันทร์เองก็กล่าวปฏิเสธคำแนะนำนั่นอย่างนอบน้อมเรื่อยมา

        จันทร์คิดว่าตัวเขาเองใช้ชีวิตได้อย่าลงตัวแล้วในตอนนี้ เขาได้อยู่กับพ่อแม่ ได้อยู่ในเมืองเกิดที่เขาผูกพัน แม้จะเหงาบ้างที่เพื่อนสนิทอย่างเดย์ไม่ค่อยแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเนื่องจากธุรกิจมัดตัวจนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ แต่เดย์ก็ยังคงแวะมาหาเข้าบ่อยอยู่ดี วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากับเดย์นัดกันมาทนอาหารเย็นด้วยกัน

        “นี่มึงปฏิเสธเขาไปกี่รอบแล้วเนี่ย? เป็นกูนะจับมึงมัดยัดรถส่งเข้าศูนย์ใหญ่ไปแล้ว”

        เดย์ที่ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีร่างกายแข็งแกร่งและกำยำ ผมสีเข้มหลุดลุ่ยออกมาจากการจัดทรงผมเลียบข้าง ทำให้ปอยผมบางส่วนร่วงลงมาทิ่มคิ้วเข้มที่อยู่บนใบหน้าคมสัน

        “ไม่มีเจ้านายที่ไหนเขาเผด็จการเท่ามึงแล้วล่ะเดย์” จันทร์ตอบกลับไปเสียงใส เดย์เลยได้แต่สายหน้าอย่างระอา พลางมองตรงไปยังเพื่อนตัวขาวที่เมื่อก่อนตัวบางยังไง ตอนนี้ก็ยังบางอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมก็อาจจะเป็นส่วนสูงที่เพิ่มมาไม่กี่เซ็น เส้นผมสีน้ำตาลยาวระต้นคอเรียวขาว เดย์ไล่สายตาลงมาที่ไหล่บอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตสีเดียวกับเขา จวบจนถึงข้อมือขาวเนียนที่กำลังใช้ส้อมจิ้มเอาอาหารโปรดเข้าปาก

        “มองกุแบบนั้นเดียวน้องเนยก็แดกหัวกุหรอก” จันทร์เงยหน้าสบตาเพื่อนสนิท ก่อนจะยกคิ้วข้างซ้ายส่งให้อย่างกวนๆ เดย์เองก็ได้หัวเราะออกมาเมื่อเพื่อนสนิทพาดพิงถึงสาวน้อยคนสวยที่เขากำลังคั่วอยู่ แน่นอนว่าหลังจากกินข้าวกับจันทร์เสร็จ เขาจะเลยไปรับน้องเนยที่อยู่ไปไกลจากที่นี่ไปเดทยามดึกซะหน่อย

        Rrrrrrr
 
        โทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋ากางเกงของเดย์สั่นอย่างแรง จนมือหนาต้องเอื้อมมือหยิบมันออกมาดูว่าใครโทรมาซึ่งเป็นแปลกไม่ขึ้นชื่อ แต่ด้วยความที่ลูกค้าของเขามักชอบโทรมาคุยตลอดเวลาอยู่แล้ว เดย์จึงไม่ได้สนใจและกดรับ

        “ครับ”

        จันทร์ที่เห็นว่าเพื่อนกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก็ส่งสายตาบอกว่าถ้าเดย์ไม่กินอาหารจานนี้จะไม่เหลือถึงท้องของเพื่อนร่างสูง ซึ่งเดย์เองก็ยักไหล่กลับมาเป็นเชิงว่าตามสบาย จันทร์จึงถือวิสาสะกวาดอาหารทั้งหมดเข้าท้องตัวเองอย่างหิวโหย

        ไม่นานนักเดย์ก็วางสาย จันทร์แอบเห็นว่าคนตรงหน้ามีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย จึงพูดออกมาว่า

        “มีงานด่วนหรือเปล่า มึงกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเรื่องอาหารกูจะ....”

        “จันทร์”

        “หืม?”

        “ไอ้อาทิตย์จะกลับมาทีนี่”

        กึก!

        “มันจะจัดงานหมั้นกับ...แฟนมัน...ที่นี่”

.

.

.

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว หลังจากที่เขานั่งนิ่งอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง หลังจากที่เดย์ขับรถมาส่งเขาที่บ้าน จันทร์เหม่อมองไปยังกีตาร์ตัวโปรดที่ถูกวางไว้อยู่ตรงมุมห้อง เขาไม่ได้เล่นมันมาสักพักหนึ่งแล้วเนื่องจากยุ่งๆกับงานที่บริษัท

   อาทิตย์จะกลับมาที่นี่....

        ใช่เขาดีใจมาก! จันทร์ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าดีใจมาก เพราะเขาจะได้เจออาทิตย์สักที หลังจากวันเวลาผ่านมาเกือบสิบปี....

   อาทิตย์ในความทรงจำของเขาเป็นเด็กหนุ่มม.ปลายหน้านิ่ง ผิวเข้ม ผู้ที่มีส่วนสูงอันน่าอิจฉา ถึงแม้เพื่อนๆหลายคนจะบอกว่าดวงตาของอาทิตย์ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา แม้แต่ตอนทำเรื่องอย่างว่าก็ตาม แต่จันทร์อาจจะเป็นคนเดียวที่ได้รับแววตาอันแสนอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีใครได้รับมันมาก่อน

   แต่ในวันนี้ เขาได้รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่เจ้าของดวงตาแสนอบอุ่นนั้นเพียงคนเดียว เพราะในวันนี้เขาเพิ่งได้รู้ว่ามีใครอีกคนช่วงชิงดวงตาที่เขาแสนรักไปซะแล้ว อันที่จริงจันทร์ทำใจเรื่องพวกนี้ไว้แล้ว เขาเคยจินตนาการถึงวันที่ได้พบกับอาทิตย์ เขาเคยคิดว่าอาทิตย์อาจจะกลับมาพร้อมกับแฟนสาว จันทร์คิดว่าถ้ามันเป็นเช่นนั้น เขาจะไม่เป็นอะไร เขาจะยิ้มกว้างให้อาทิตย์เหมือนที่เคยทำ สำหรับจันทร์แล้วนั้น ขอให้แค่เห็นหน้าอาทิตย์ก็ยังดี

   ทั้งๆที่คิดไว้แล้วตัวเขาจะต้องไม่เป็นอะไร.....

   แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างส่องกระทบกับอะไรบางอย่างที่ไหลอาบแก้มใสของชายหนุ่มร่างบาง ไหล่บอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตสั่นเทิ้มอย่างแรง ความสว่างของแสงจันทร์สาดส่องมาที่หลังมือขาวเนียนอันเป็นจุดที่หยดน้ำเปล่งประกายไหลมารวมกัน ภายใต้มือบางที่กำลังสั่นอยู่นั้น มีรูปถ่ายของเด็กหนุ่มสองคนในชุดม.ปลายยืนเคียงข้างกัน พวกเขาทั้งสองคนสะพายกระเป๋ากีตาร์ใบโตเหมือนกัน คนตัวเล็กกว่าเผยรอยยิ้มสดใส ในขณะที่เด็กหนุ่มอีกคนเผยรอยยิ้มออกมาบางเบา แต่ดวงตาของพวกเขาทั้งคู่เป็นสิ่งเดียวที่เด่นชัดที่สุดในรูปนี้...

        ดวงตาที่ประกายความสุขอันไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว


ออฟไลน์ M_wonderr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เรื่องสั้น : คิดถึง (ตอนจบ)
«ตอบ #6 เมื่อ27-06-2020 17:31:36 »

....อยากจะพบเธอคนเดียว.....




   “ว่าไงนะ?! มึงจะย้ายไปในเมืองหลวง”

   ชายหนุ่มร่างสูงตะโกนเสียงดังลั่นรถยนต์ จนหญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่เบาะข้างๆต้องสะดุ้งตกใจสุดตัว หญิงสาวเหลือบเห็นว่ามือกำยำของชายหนุ่มบีบพวงมาลัยหรูอย่างแน่น ก่อนที่เขาจะหักเลี้ยวจอดที่ข้างทางอย่างรวดเร็ว ดีหน่อยที่ไม่มีรถหลังขับตามมาไม่งั้นพวกเขาคงได้ไปนอนสวัสดีพื้นถนนอย่างแน่นอน

   “จันทร์! ทำไมมันกะทันหันแบบนี้”

   ‘พอดีพี่สาวกูเขาชวนพ่อแม่ไปอยู่ด้วยกันน่ะ พ่อแม่กูเองก็คิดถึงพี่ดาวกับหลานแฝดกูด้วย กูดูแล้วเขาอยากไปก็เลยให้ไป ส่วนตัวกูเอง...มึงก็รู้ เดย์’

   เสียงใสของจันทร์ที่ตอบกลับมามันทำให้เดย์บีบพวงมาลัยแน่น เขารู้ว่าตอนนี้ใบหน้าใสของจันทร์กำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ มันคงต้องใบหน้าเศร้าๆที่เขาเห็นมันมาตลอดสิบปี

   “มึงจะไปวันไหน? รอกูก่อนได้ไหม พรุ่งนี้กูกะว่าจะไปหามึงอยู่พอดี”

   ‘มาหากูบ่อยยิ่งกว่าเด็กมึงอีกนะมึงเนี่ย กูยังไม่ไปวันนี้พรุ่งนี้หรอก น่าจะอาทิตย์หน้าแหละ’จันทร์ตอบเสียงทะเล้นกลับมา

   “งั้นเจอกันพรุ่งนี้”

.

.

.

   “ไอ้นิสัยชอบพูดอะไรให้คนอื่นตกใจนี่เลิกสักทีนะ ไอ้จันทร์!” เดย์พูดเสียงดังขณะที่เขามารับเพื่อนสนิทตัวขาวไปกินอาหารด้วยกัน วันนี้ร่างบางของจันทร์ถูกสวมทับด้วยเสื้อยืดสบายๆและกางเกงผ้าเนื้อเย็น

   “มึงขวัญอ่อนเองต่างหาก”จันทร์ตอบกลับมาพลางหยักไหล่กวนๆอย่างที่เขาชอบทำใส่มัน

   “เออๆ แล้วมึงบอกกุได้ยังว่าทำไมมึงถึงย้ายไปกับพี่สาวด้วย”เดย์เริ่มถามในสิ่งที่อยากรู้ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปขึ้นรถของเดย์ที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก

   “กูเป็นลูกแหง่มึงก็รู้ พ่อแม่ไปไหนกูไปด้วย”

   “ขอเหตุผลจริงๆ”

   “กุจะยอมแพ้แล้วเดย์”

   เอี๊ยด!

   เดย์เผลอเหยียบเบรกรถอย่างแรง ทำให้หัวของจันทร์ไปโขกกับคอนโซลรถหรูเข้าอย่างจัง เดย์รีบขอโทษขอโพยเพื่อนสนิทก่อนจะขับรถต่อไปอย่างที่พยายามทำใจให้เย็น เดย์ขอยืนยันอีกรอบว่าอยากจะตะโกนไอ้จันทร์เหลือเกินว่าเมื่อไหร่จะเลิกนิสัยชอบพูดให้เขาตกใจเสียที!

   “ยอมแพ้?”

   “ใช่”

   “ทำไม?”

   จันทร์เงียบลงไม่ตอบคำถามอะไรเดย์อีก ดวงตากลมโตมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งที่อยู่ในหัว

.

.

.

   วันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เขาและพี่สาวว่างงานตรงกันพอดี พี่สาวเขาจึงนัดแนะกันมาเก็บของบางส่วนไปที่บ้านในเมืองหลวงก่อน จันทร์และครอบครัวชวยกันขนของใส่รถรับจ้างขนของที่เขาจ้างมา เพื่อขนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่และของเล็กๆน้อยที่ไม่สามารถใส่ลงพี่สาวของเขาไปได้หมดใส่ลงไป พรุ่งนี้จะเป็นวันที่เขาต้องเริ่มเดินทางแล้ว....

   15.50 น.

   จันทร์เดินสะพายกระเป๋ากีตาร์ตัวเดิมมาที่สะพานไม้เก่าๆ ที่นี่ก็ยังคงร้างไร้ผู้คนและเงียบสงบอย่างน่าประหลาดเช่นเคย จันทร์ตัดสินใจมานั่งที่นี่ก่อนที่เขาจะเดินทางไปวันพรุ่งนี้ เพราะบางทีเขาอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อยู่บ่อยๆเช่นเคยอีกแล้ว

   “หมดเวลาแล้ว...”

   จันทร์เปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา ใช่ หมดเวลาแล้ว อย่างที่เดย์เคยบอกว่าเขาจมกับสิ่งที่อยู่ในใจมานาน และมันนานเกินไป ในคราแรกเขามั่นใจว่าตัวเองจะทนรับความเจ็บปวดในจิตใจได้อย่างแน่นอน เขาตั้งมั่นที่ยังจะเฝ้ารอวันที่อาทิตย์กลับมา และแล้ว วันนั้นก็มาถึง อาทิตย์กลับมาแล้ว...

   แต่ตัวเขาเองที่ไม่กล้าทำตามไว้อย่างที่ตั้งใจ ตัวเขาเองในอดีตที่มั่นใจว่าจะยิ้มกว้างเหมือนเคยให้อาทิตย์ยามกลับมาพบกันใหม่ มันไม่เหลือความมั่นใจอะไรในตอนนี้แม้แต่น้อย

   เขากลัว...กลัวความรู้สึกภายในใจของตัวเขาเองที่มันรุนแรงเสียเหลือเกิน ยิ่งพอที่ได้รู้ว่าอาทิตย์จะกลับมาความรู้สึกนั้นมันยิ่งรุนแรงขึ้น รุนแรงขึ้น อย่างที่ตัวเขาเองไม่แน่ใจว่าจะสามารถควบคุมมันได้ยามเมื่อเจอกับอาทิตย์

   ในที่สุดเขาเลือกที่จะยอมแพ้และจากไป....เขาไม่อยากทำให้อาทิตย์เกลียดเขาไปมากกว่านี้

   ความ ‘คิดถึง’อันมากล้นที่ผ่านมาตลอดสิบปี มันไม่เคยลดน้อยลงไปแม้แต่ครั้งเดียว จันทร์ได้แต่เฝ้าถามหาว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมดวงใจของเขาถึงถูกพรากออกไปไกลแสนไกล

   ตึง!

   “คนเดียวที่คิดถึง”

.

.

.

   16.00 น.

        ในสวนสาธารณะประจำเมืองปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งกุมมือก้มหน้าราวกับคนสิ้นหวัง ชายหนุ่มคนนั้นมีร่างกายสูงใหญ่และผิวสีเข้ม แน่นอนว่าตอนนี้เขากำลังประสบปัญหาใหญ่ทั้งๆที่เพิ่งจะกลับมาเมืองบ้านเกิดได้เพียงไม่กี่วัน

        และเขาคนนี้...อาทิตย์...กำลังใช้สมองที่ถูกขัดเกลามาจากสถาบันชั้นนำต่างๆคิดค้นหาวิธีทางแก้ปัญหาให้ได้อย่างสันติที่สุด...

        ถ้าหากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะก็.....อาทิตย์เพิ่งทะเลาะกับแฟนสาวรุ่นพี่อย่างมิ้งค์ที่คบมาตั้งแต่ม.ปลาย เนื่องจากไม่กี่วันก่อนเขารับคำขอขอคุณพ่อที่จะมาจัดงานหมั้นกันที่นี่ เนื่องจากเมืองนี้เป็นทั้งบ้านเกิดทั้งของเขาและมิ้งค์ แต่ดูเหมือนว่าแฟนสาวของเขาจะค่อนข้างไม่พอใจ เพราะเจ้าหล่อนต้องการจัดงานหมั้นแบบหรูหราที่โรงแรมในเมืองหลวงมากกว่ามาจัดแบบบ้านที่เมืองนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็พยายามอธิบายให้มิ้งค์เข้าใจในความต้องการของคุณพ่อของเขา แต่มิ้งค์กลับไม่สนใจและอาละวาดอย่างหนัก จนญาติทางฝ่ายผู้ใหญ่ของเขาเริ่มทำหน้าไม่พอใจ

        “อาทิตย์ มิ้งค์ขอแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว อาทิตย์ให้มิ้งค์ไม่ได้เหรอ? มิ้งค์อยาดจัดงานหรูๆให้สมกับฐานะของเรา ไม่ใช่มาจัดงานบ้านนอกแบบนี้!”

        อันที่จริงเขาและมิ้งค์มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างระหองระแหงกันมานานแล้ว เขากับมิ้งค์เลิกกันตลอดเวลาที่คบกันมาเกือบสิบปี เพราะมิ้งค์ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการกับเขาจนเกินสมควร อย่างเช่น เขานัดกินข้าวเรื่องงานกับลูกค้าสาว มิ้งค์ก็หวงจะหน้ามืดไปอาละวาดเสียจนเขาต้องขอโทษขอโพยลูกค้าคนนั้นยกใหญ่ แต่ถึงยังงั้นแม่ของเขา ‘คุณเกตุ’ก็ยังคงยกยอปอปั้นมิ้งค์ อย่างไม่รู้ผิดถูก จนบางทีก็ทำเขาปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว....
     
        ส่วนงานหมั้นนี้ ก็เป็นฝีมือของแม่เขาเช่นกันที่เร่งรีบจัดการหมั้นกันไว้ก่อน ทีแรกคุณพ่อและเขาคิดว่ามันดูจะเป็นรีบร้อนเกินไปหรือเปล่า แต่คุณแม่ของเขากลับค้านหัวชนฝาและยืนยันที่จะจัดงานหมั้นให้ได้ แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขากับมิ้งค์ก็ทะเลาะกันใหญ่โต จนเมื่อวานนี้มิ้งค์หลุดคำพูดหนึ่งออกมา

        “มิ้งค์ไม่น่าเอาคนอย่างอาทิตย์มาเป็นแฟนเลย! รู้แบบนี้มิ้งค์ไม่เข้าไปยุ่งเรื่องสิบปีก่อนก็ดีแล้ว! มิ้งค์น่าจะปล่อยให้อาทิตย์ไปหามัน”

        สิบปีก่อนงั้นเหรอ...

        อาทิตย์จำไม่ได้ว่าเมื่อสิบปีก่อนมิ้งค์ไปยุ่งเรื่องอะไรของเขา เขารู้เพียงว่าเขาช้อคจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าและแพนิคไป จากเหตุการณ์ที่แม่ของเขาพังกีตาร์ตัวโปรด เพราะเพื่อนสนิทที่สุดของเขาคนหนึ่งดันไปบอกเรื่องแอบหนีออกจากบ้านกับแม่ของเขา แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็เกิดอาการดังกล่าว ในตอนนั้นเองเข้าโกรธเพื่อนสนิทของเขาเสียจนไม่อยากเห็นหน้าอีก เขาเลือกปกป้องตัวเองโดยการทำสิ่งที่เห็นแก่ตัวที่สุดลงไป....

        อาทิตย์ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุงขึ้นและเดินไปรับลมเย็นๆตามแนวเขื่อนที่ไม่ได้มาเสียนาน เขาเดินปล่อยความคิดในหัวให้ลอยไปเรื่อยเปื่อยจนเวลาก้าวเข้าสู่ยามเย็น ความทรงจำในวัยมัธยมปลายย้อนกลับเขามาในหัวของอาทิตย์อีกครั้ง ทั้งๆที่เขาพยายามลืมเรื่องราวพวกนี้ไปแล้วแท้ ๆ

        อาทิตย์ไปเรียนต่อที่อเมริกาทันทีหลังจากจบม.6 นับตั้งแต่นั้นเขาไม่แตะกีตาร์อีกเลย เขาใช้ชีวิตหรูหราและสนุกสนานในต่างประเทศจนเรียบจบและเข้าทำงานรับช่วงต่อจากพ่อพี่ชาย ชีวิตของเขากำลังไปได้ดี หน้าที่การงานดี มีเงินมากมาย มีแฟนสาวสวย แต่ทว่าภายในใจของเขายังคงโหยหาอะไรบางอย่าง....
       
        อะไรบางอย่างที่เขาเก็บมันไว้ในส่วนของหัวใจที่ลึกที่สุด....

        ‘อาทิตย์’

        เสียงใสของใครบางคนในความทรงจำ ดังขึ้นมาในระหว่างที่เขากำลังเดินเลียบริมเขื่อนในยามเย็น อาทิตย์รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้ ก่อนที่ใบหน้าใสของใครบางคนจะผุดขึ้นมาในความทรงจำ...

        กึก!

        อาทิตย์กัดฟันด้วยความเจ็บปวดในใจทันที เมื่อความทรงจำที่เขาพยายามจะลืมมันย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

        ‘จันทร์ฟังนะ พรุ่งนี้เจอกันที่สะพานไม้สี่โมงเย็น อาจจะช้าหน่อยเพราะแอบแม่กับพี่มิ้งค์ออกไป’
   
        ‘ได้ ช้าแค่ไหนก็รอได้ อย่าลืมเอากีตาร์ไปล่ะ’
   
        ‘อืม’


        มือหนาหยิบเอาวิตามินในกระเป๋ากางเกงมากินอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดในใจทวีความรุนแรงขึ้นอาทิตย์พิงตัวกับขอบปูนของเขื่อนริมน้ำอย่างอ่อนแรง ไม่นานนักลมหายใจของเขาก็สงบลง แต่สายลมอ่อนในยามเย็นพัดพาเอาเสียงกีตาร์และทำนองอันคุ้นเคยที่เขาพยายามลบมันออกไปมากับสายลม อาทิตย์รู้สึกเจ็บที่กลางหน้าอกอีกครั้ง ร่างสูงพยายามจะลุกขึ้นยืนจนสำเร็จ เขาพยายามเดินเลี่ยงออกไปทางอื่น แต่ขาของเขากกลับเดินตามเสียงกีตาร์ไป....

        จนกระทั่งมาเจอกับเจ้าของเสียงกีตาร์และเสียงร้องเพลงไพเราะ เป็นชายหนุ่มร่างบางผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลระต้นคอขาวกำลังนั่งเล่นกีตาร์และร้องเพลงบนสะพานไม้เก่าๆ

        สะพานไม้....

        อาทิตย์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ภาพความทรงจำของเขาและใครบางคนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ทั้งรอยยิ้มสดใส เสียงร้องเพลงอันไพเราะ

        ‘อาทิตย์’

        เสียงที่ยามเรียกเขาทีไร หัวใจของเขามีอันต้องเต้นอย่างรุนแรงตลอด....เข้าลืมความรู้สึกนี้ได้อย่างไร

        อาทิตย์ยืนตาค้างมองแผ่นหลังบางอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ความทรงจำทุกอย่างจะประกอบรวมกันเป็นแผ่นหลังบางของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนสะพานไม้เก่าๆคนนั้น

        จันทร์....



....คนเดียวที่คิดถึง....

....ป่านนี้ใจเธอคิดอะไร....

....คิดถึงฉันหรือเปล่า.....

.....ว่านอนหนาวหัวใจ....

.....เหงาเกินคำบรรยาย....



        ‘จันทร์ฟังนะ พรุ่งนี้เจอกันที่สะพานไม้สี่โมงเย็น อาจจะช้าหน่อยเพราะแอบแม่กับพี่มิ้งออกไป’

        ‘ได้ ช้าแค่ไหนก็รอได้ อย่าลืมเอากีตาร์ไปล่ะ’

        ‘อืม’




.....เลยเวลาเธอไม่มาหา......

....รู้บ้างไหมว่าฉันคอย....



        อาทิตย์ที่เหงื่อออกท่วมตัวเพราะความเจ็บปวดที่กลางหน้าอกค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้น ขายาวพยายามจะก้าวเดินไปหาคนร่างบางที่นั่งร้องเพลงอยู่อย่างเชื่องช้า และเมื่อเดินเข้าไปใกล้จนเขาสามารถเห็นได้ว่ามือที่ดีดกีตาร์เริ่มดีดเบาลง จนเสียงกีตาร์เงียบหายไป เหลือเพียงเสียงขับร้องอันไพเราะเท่านั้น



....กำลังใจเริ่มจะทดถอย....

.....น้ำน้อยๆล้นออกตา....



         วินาทีนั้นเองเขาเห็นว่าข้างแก้มใสมีหยดน้ำสีใสที่สะท้อนกับแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ในยามเย็นค่อยๆไหลออกมา....
   
         เช่นเดียวกับที่แก้มของเขา

        ร่างสูงของอาทิตย์รู้สึกเหมือนถูกดึงย้อยกลับไปในความทรงจำในอดีต คำพูดของเดย์ เพื่อนสนิทของเขาลอยเข้าหูมาพร้อมกับเสียงร้องเพลงของใครอีกคนหนึ่ง



....คิดถึงเธอแทบใจจะขาด....



“มึงไม่คุยกับจันทร์เหรอ แต่ก่อนมึงสนิทกันนิ ไม่คิดถึงจันทร์เหรอ”


....อยากให้เธอกลับมาซะที....


“วันนี้วันสุดท้ายแล้ว มึงจะไม่ไปคุยกับจันทร์หน่อยเหรอ”


....คิดถึงเธอทุกวินาที....


“จันทร์อยู่บนดาดฟ้า ที่ที่พวกมึงชอบไปเล่นกีตาร์ด้วยกันน่ะ”

อาทิตย์ในวัยมัธยมปลายทำหน้าเย็นชาและตอบกลับเพื่อนสนิทไปว่า


....อยากจะพบเธอ...


“ไม่ว่ะ พี่มิ้งค์รอกุอยู่”



        “คนเดียว”

        อาทิตย์ถูกดึงออกมาจากภาพในอดีตสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงหวานอันสั่นเครือของจันทร์ โดยที่ไม่ทันรู้ตัว เขาพุ่งเข้าไปกอดแผ่นหลังบางนั้นทันที จันทร์ตกใจมาก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร อาทิตย์ก็กอดตัวเขาเอาไว้แน่นจนหายใจไม่ออก

        “ทำไมตอนนั้นฉันถึงจำความรู้สึกนี้ไม่ได้”

        “หา? เดี๋ยวนะคุณ ใจเย็นก่อน” จันทร์ปล่อยกีตาร์วางไว้ข้างตัวก่อนจะพยายามแก้แขนอันแข็งแรงออกจากเอว เพื่อที่จะหันไปคุยกับคนที่อยู่ด้านหลังดีๆ

        “ขอโทษนะ จันทร์ ฮีก ขอโทษจริงๆ”

        กึก!

        จันทร์ชะงัก ก่อนที่ร่างบางอันสั่นเทิ้มจะหันกลับไปหาคนที่กอดเขาแน่นอยู่ด้านหลัง ดวงตาแบบนี้ โครงหน้าแบบนี้ ผิวเข้มที่เขาแสนรักแบบนี้ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปสิบปีแต่จันทร์ก็ไม่อาจลืมใบหน้าของคนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวินาทีได้...

        “อาทิตย์!!”

   “ขอโทษนะจันทร์ เพราะเพลงของเราทำให้ฉันจำได้”

   “ฮือ ฮึก อาทิตย์ ฉัน”

   จันทร์โผกอดเข้าหาคนร่างสูงอย่างแสนคิดถึง น้ำตาไหลอาบมาจนเปอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าขาว แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะปัดมันออกไป

   “ทำไมเพิ่งจะกลับมา? หายโกรธฉันแล้วเหรอ? โกรธฉันเรื่องอะไร? ฉันทำอะไรผิด?”

   จันทร์พ่นคำถามมากมายใส่คนร่างสูง อาทิตย์ทำได้แค่เพียงร้องไห้ออกมาไม่ต่างจากจันทร์ ความโกรธทำให้เขาลืมทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งความรู้สึกของเขาและจันทร์ ที่มันตรงกันมาตั้งนานแล้ว....

   “ขอโทษจันทร์ ขอโทษ ฉันกลับมาแล้วนะ”

   อาทิตย์พูดพร้อมกับกอดร่างบางกว่าแน่น จันทร์เองก็กอดอาทิตย์แน่นไม่แพ้กัน เขาไม่สนแล้วว่ากีตาร์คู่ใจของเขาจะถูกวางไว้ตรงไหน เขาไม่สนใจแล้วว่ามือของเขาที่กำเสื้อของอาทิตย์แน่นจะเจ็บแค่ไหน เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเขาคือ คนที่เขาคิดถึงที่สุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว...

   กลับมาแล้วสินะ....อาทิตย์

        ในยามเย็นนั่นเอง ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ได้นั่งกอดกันแน่น อาทิตย์ได้แต่โทษตนเองกับสิ่งที่เขาทำลงไป ในขณะที่ทั้งเขาและจันทร์ต่างร้องไห้กันเสียงเครือ
 
        บนสะพานไม้ที่เดิม...

.

.

.
 
        ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า อาทิตย์กอดจันทร์ที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้าไว้แนบอก พวกเขานั่งบนสะพานไม้เก่าๆและมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน อาทิตย์กระซิบข้างหูจันทร์

        “ อยากจะพบเธอ....คนเดียว”



พระอาทิตย์ กับพระจันทร์ แม้อยู่ผืนฟ้าเดียวกัน แต่มิอาจได้พบกัน...

....แต่....

ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังลาลับฟากฟ้า ดวงจันทร์ก็เพิ่งเริ่มเปล่งประกาย

....ชั่ววินาทีนั้น....

"พวกเขาก็จะได้พบกัน"


END

ออฟไลน์ M_wonderr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เรื่องสั้น : คิดถึง (ส่งท้าย)
«ตอบ #7 เมื่อ27-06-2020 17:42:16 »

....ส่งท้าย....




        เดย์ยืนมองคนสองคนที่นั่งกอดกันบนสะพานไม้เก่าๆด้วยดวงตาประกายความสุข ร่างสูงยืนพิงรถหรูที่มาจอดเทียบอยู่ข้างริมเขื่อน ใบหน้าคมสันประดับพรายไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดีที่เขาไม่ได้ยิ้มมานานหลายปีแล้ว

        วันนี้เขาจะมาช่วยจันทร์ขนของหลังจากที่ตั้งใจว่าจะแวะไปหาอาทิตย์สักหน่อย แต่เมื่อเขาไปบ้านของอาทิตย์ก็เจอเพียงแฟนสาวของอาทิตย์ที่กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้กับป้าเกตุ เดย์รู้ได้ทันทีว่าเพื่อนตัวดีของเขาคงไม่อยู่เป็นแน่แท้ เขาเลยขับรถมาหาจันทร์ที่บ้านแล้วก็พบว่าจันทร์ก็ไม่อยู่บ้านอีก สถานที่เดียวที่เขาคิดออกว่าจันทร์จะไป คือที่นี่
 
        สะพานไม้

         สะพานไม้เป็นสถานที่แห่งความลับระหว่างพวกเขาทั้งสามคน แม้ตัวเดย์เองจะไม่ค่อยได้มีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้มากเท่ากับอาทิตย์และจันทร์ แต่ตัวเขาเองย่อมรู้ดีว่าสะพานไม้นี้ก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเพื่อนทั้งสองเช่นกัน

        หลังจากที่อาทิตย์จากไปไม่นาน เขาต้องนั่งเฝ้ามองจันทร์มานั่งเล่นกีตาร์ที่นี่เกือบทุกวัน แม้ปากจะบอกไม่เป็นไร แต่ทำไมเดย์จะไม่รู้ว่าจันทร์เจ็บปวดแค่ไหน...

        เขาเป็นเพียงผู้ที่เฝ้าดูเท่านั้น และผู้เฝ้าดูอย่างเขาก็หวังเพียงให้เพื่อนทั้งสองคนของเขามีความสุข

        “เอาละ ถึงเวลาเอาคืนมึงแล้วอาทิตย์”

        เดย์พูดก่อนที่ใบหน้าคมจะยิ้มร้ายออกมา มือหนาล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเบอร์ของเลขาคนสนิท

        “คุณพราวครับ ช่วยทำเอกสารเสนอขายที่ดินที่ชื่อ ‘สะพานไม้’ทีครับ”

        ‘คะ? สะพานไม้?’

       “ครับ”

        ถือสายเพียงไม่ถึงนาที เลขาคนเก่งอย่างคุณพราวก็หาข้อมูลของที่ดินที่เดย์ถามถึงมาได้

       ‘ใช่ที่ดินในเมืองบ้านเกิดของคุณเดย์หรือเปล่าคะ? แต่ที่ดินตรงนี้คุณเดย์บอกว่าจะไม่ขายใครไม่ใช่เหรอคะตั้งแต่ที่ซื้อมาเมื่อสี่ห้าปีก่อนนี่คะ’

        เดย์หัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาขี้เล่นมองตรงไปยังอาทิตย์ที่กำลังเดินจูงมือจันทร์เดินลงมาจากบนสะพานไม้ เขากรอกคำพูดสุดท้ายลงก่อนจะกดวางสาย

        “ผมจะเสนอขายให้ไอ้อาทิตย์ครับ...”

        ที่ดินนี้เขาขอซื้อผ่านคนรู้จักของพ่อเมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะเจ้าของเก่าตั้งใจจะขายทอดสู่ตลาดที่ดิน เหตุผลเดียวที่ซื้อก็อย่างที่เขาบอก...

        แม้เขาจะไม่มีความผูกพันกับสถานที่นี้ แต่เขารู้ดีที่สุดว่ามันมีความหมายต่อคนสองคนนั้นขนาดนั้น

        เอาเถอะ...ยังไงเขาก็กะว่าสักวันหนึ่งจะส่งที่นี้ให้จันทร์กับอาทิตย์อยู่แล้ว แต่เดย์ขอเอาคืนไอ้อาทิตย์มันหน่อยเถอะ อยู่ๆดีก็ไม่พูดกับจันทร์แถมยังหนีจันทร์ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา ทิ้งให้จันทร์นั่งทำหน้าเศร้าใส่เขามาเป็นเป็นสิบปีนี่มันใช้ได้ที่ไหน ทั้งๆที่ไอ้อาทิตย์มันก็รักจันทร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร...ใช่แล้ว รักเขาแต่ไม่รู้ตัว แถมยังทำร้ายจิตใจคนที่ตัวเองรัก นี่มันน่าหาอะไรมาฟาดหัวนัก

        แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ...

        “ไงพวกมึง อธิบายให้กูฟังด้วยล่ะ”


******************************************************************************************************

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ

เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราพยายามและตั้งใจที่อยากจะเขียนให้จบมากๆ

เราพยายามจุ่มตัวเองลงไปในบทเพลงและเนื้อหาเพื่อตีความออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หวังว่านักอ่านทุกท่านจะชอบและมีความสุขกับการอ่าน เรื่องสั้น 'คิดถึง'กันมากๆนะคะ


สุดท้ายนี้ หากมีส่วนไหนของเนื้อหาผิดพลาดไป ต้องขออภัยนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ



ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: เรื่องสั้น : คิดถึง
«ตอบ #8 เมื่อ02-07-2020 09:23:52 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด