Long drive
กระโดดขึ้นรถที่คุณจอดรออยู่ริมรั้ว
เสียงกระหึ่มของมันคงปลุกคนในบ้านได้ แต่ผมไม่สน และคุณก็คงไม่แคร์
คุณทักผมด้วยการกระทำเดิม ๆ คือการจูบแก้ม ผมแกล้งเอียงคอหลบ ...ปฏิกิริยาตอบสนองเดิม ๆ เช่นกัน
ผมบอกให้คุณรีบขับออกไปเมื่อเห็นว่าหน้าต่างชั้นสองของบ้านสว่างวาบ
คุณหัวเราะร่า เปลี่ยนเกียร์ หมุนพวงมาลัยจนสุดแขน
คุณขับรถเก่ง ไม่ถึงเท่าไหร่ ก็พาเราสองคนออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว
คุณเป็นพวกชอบบ่นเวลาขับรถ
พอเห็นลูกระนาด ก็บ่นว่าสูงเกินไป ทั้ง ๆ ที่มาออกจะบ่อย
ผมกระเด้งกระดอนเพราะคุณไม่ผ่อนแรงรถเลย
ผมต่อว่าคุณเล็กน้อยด้วยความอ่อนใจ แต่ก็กลับมาหัวเราะคุณต่อ
“เงียบเนอะ”
นิ้วเรียวสวยของคุณแตะหน้าจอสัมผัส เปิดเพลงที่เป็นของเรา
เพลงรักของเรา
เพลงที่บอกว่าเราจะรักกันตลอดไป
เพลงที่ไม่เคยกล่าวโทษความคึกคะนอง แต่กลับชมเชยที่เรามีมัน
ฟ้ามืดมากแล้ว บนถนนไม่มีแม้รถสักคัน
คุณค่อย ๆ ผ่อนความเร็วลง ผมเปิดหน้าต่าง
ลมเย็นพัดปะทะหน้า แก้มผมเย็นเฉียบ คุณแตะมันแล้วบ่น
ผมยิ้ม ยังคงยื่นหน้าสัมผัสลม
“หมา”
คุณว่า
คุณชอบแกล้งผม ชอบทำเหมือนผมน่ารัก ทั้ง ๆ ที่ไม่เลยสักนิด
“ฟ้าสวย”
ผมมองออกไปข้างบน ดวงดาวพร่างพราย ตาผมพร่ามัว
คุณผ่อนความเร็วลงอีก เพื่อให้ผมได้มองดาวชัด ๆ
คุณเปิดหน้าต่างฝั่งตัวเองบ้าง แอบเห็นนะว่ายื่นหน้าออกไปตอนขับรถ แต่ผมไม่ว่า
“อืม สวยจัง”
“อยากเห็นแบบนี้ทุกวันเลย”
ผมได้ยินคุณหัวเราะ
ขำอะไรไม่รู้ แต่คุณก็ชอบขำผมประจำ
รถกระบะคันโตเลี้ยวเข้าถนนที่ตัดออกไปนอกเมือง
ต้นไม้เริ่มมากขึ้น อากาศสดชื่นขึ้น
ผมปิดแอร์ คุณมองมาเพราะคุณชอบแอร์
“นะ”
“ก็ได้”
คุณหันกลับไปขับรถ บ่นว่าไฟข้างทางไม่มี
อันที่จริงฟิล์มรถคุณมืดเกินไปต่างหาก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีไฟข้างทาง
ผมรู้ว่าบางครั้งคุณก็กลัว
คุณชอบฟังเรื่องเล่าสยองขวัญแล้วเก็บมาคิด ส่วนผมชอบฟังเรื่องวิทยาศาสตร์แล้วมาวิเคราะห์
ผมจับมือข้างซ้ายของคุณมากุมไว้
แหวนเงินที่นิ้วโป้งส่องวาวเตะตา ผมหมุนเล่น
จำได้ว่ามันมาปรากฏบนนิ้วของคุณเมื่อสองปีก่อน
คุณใส่ไม่ถอด
คุณชอบมันมาก
คุณชอบเครื่องประดับ ส่วนผมมีแค่นาฬิกา
วันนี้ไม่ได้ใส่อะไรมาเพราะมาทั้งชุดนอน ผมเอี้ยวตัวมองเวลา
23.23 น.
เลขสวยมากแล้ว
แต่คุณคงไม่สังเกต
สายตาของคุณจดจ่ออยู่กับทางข้างหน้า
ตั้งใจ
แม้ไม่รู้ว่าวันนี้เราจะไปที่ใด
คุณมักไม่มีแผนอยู่เสมอ
คุณชอบทำให้ผมคาดไม่ถึง
คุณบอกว่าสนุกดีที่ผมอ้าปากหวอ สนุกดีที่ผมตื่นเต้น
คุณมันพวกโรคจิต ชอบแกล้ง
“วันนี้เย็น”
ยื่นมือออกไปสุดแขน
ลมบาดผิว แต่ผมกลับชอบ
ช่วงเวลาที่มีแค่เราสองคน
ช่วงเวลาที่ไม่ต้องนึกถึงอะไร
ไม่ต้องมีจุดหมายปลายทางก็ได้ เพราะแค่มีคุณ ผมก็เหมือนพบจุดหมายของตัวเองแล้ว
นอกจากลมเย็นจะปะทะแขนแล้ว ยังปะทะตา
กะพริบตาไล่น้ำตาให้เคลือบดวงตาอันเหือดแห้ง
ผมกลับมามองคุณในรถ คุณกำลังยิ้ม
เพลงของเรากำลังบรรเลง
ถึงท่อนที่บอกว่า ‘ขอแค่มีกันและกัน ก็ไม่ต้องกลัวอะไร’
ผมร้องคลอ คุณฮึมฮัม
‘ห้องพัก 24 ชม.’
คุณเลี้ยวเข้าซอยที่มีป้ายไฟเก่า ๆ
ท่ามกลางป่าเขา แต่ยังมีสถานที่รองรับเราสองคน
“นอนได้หรือเปล่า”
คุณถามผม ผมพยักหน้า
คุณก็รู้ว่าผมจำใจ แต่จำใจมาหลายรอบแล้ว คุณก็ยังทำอย่างเดิม
ชอบนักที่เปลี่ยว ๆ
ห้องเหมือนห้องแถว ไม่เก่าอย่างที่คิด
ในห้องพอรับได้ ไม่เหม็นอับ
ผมเปิดแอร์ เปิดทีวีให้มีเสียง
เราสองคนต่างไม่ชอบความเงียบ
คุณปิดไฟ ให้มีเพียงแสงทีวีนำทาง
มือของคุณโอบกอดผมจากด้านหลัง
ริมฝีปากของคุณแตะลงบนต้นคอ
คุณลากฟัน กัดเม้ม ไม่นานจนเบื่อ
ผมหันมาเผชิญหน้ากับคุณ จูบคุณ รักคุณ
ผมมอบร่างกายนี้ให้แก่คุณ เหมือนสาวกที่มอบจิตวิญญาณให้พระเจ้า
คุณดันผมลงนอน ปลดเปลื้องทุกสิ่งออกจากเราทั้งคู่
เสียงลมหายใจแผ่วเบาดังขึ้นเป็นระลอกสลับกับเสียงทีวี
คุณชอบจูบแผ่นอกผม คุณชอบลูบหน้าท้องผม
คุณชื่นชมที่มันเป็นทรงสวยงาม
คุณชอบกลิ่นน้ำหอมที่ผมใช้
ผมมักฉีดทั่วตัวให้หอมจาง ๆ ติดผิว
คุณบอกว่าเหมือนได้สัมผัสสิ่งล้ำค่า สิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจเอื้อม
แต่คุณกลับเป็นคนเดียวที่ได้สัมผัสมัน
คุณไม่ชอบใส่เครื่องป้องกัน ผมที่ยอมคุณ รักคุณ ก็ตามใจ
ใคร ๆ ก็บอกว่าผมหลงคุณหัวปักหัวปำ
ผมไม่ปฏิเสธ
คงหลงคุณจริง ๆ
ถึงได้ยอมคุณทุกเรื่อง
ฟ้าคงลิขิตมาอย่างนี้
ให้ผมเป็นของคุณ
ให้คุณได้ปลดปล่อยในตัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า
ผมชอบที่เสียงเตียงราคาถูกดังรับจังหวะ
ผมชอบที่คุณไม่ยอมให้ผมขอร้องอ้อนวอน
“ตื่นได้แล้ว”
ผมลืมตา
คุณบอกว่าไม่มีเวลาแล้ว
“เร็ว!”
แม้ผมจะแค่บิดขี้เกียจ แต่คุณกลับคิดว่ามันนานเป็นชั่วโมง
คุณยัดเสื้อใส่มือผม จับผมใส่กางเกง
“ยังไม่เช้าเลย”
ผมบ่น ขยี้ตา
แต่คุณกลับลากผมขึ้นรถ ไม่พูดอะไรอีก
ฟ้งยังคงมืดมิด ดาวยังคงสว่างจ้า
ผมพิงกระจกมองฟ้า หวังเห็นดาวตก จะได้อธิษฐานขอพรสักครั้ง
ขอให้เวลาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ ที่ ๆ มีแค่เราสองคน
ขากลับคุณขับรถไวอย่างกับหนีตำรวจ
เวลาที่คุณใจจดใจจ่อแบบนี้ คุณจะไม่บ่นนัก
ผมนั่งฟังเพลงเงียบ ๆ
เริ่มไม่เห็นดาวแล้ว นั่นหมายถึง ...ใกล้เข้าไปทุกที
ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยถาม
“จุดหมายของคุณคืออะไร”
แต่คุณไม่เคยตอบ
คุณมักจะทำเป็นเงียบ พาผมขึ้นสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็พาลงกลับมาทุกที
“แวะปั๊มหน่อย”
ผมบอก เพื่ออยากยืดเวลา
คุณก็รู้
คุณจึงแวะ
คุณยอดหน้าร้านสะดวกซื้อ ลงไปก่อน
ผมกำลังนึกว่าตัวเองจะกินอะไร แต่ก็นึกไม่ออก
ผมอยากกินนะ รอให้คุณซื้อมาให้ก็ได้
ซื้อนาน ๆ
ให้นานที่สุด
คุณเดินออกมาจากร้าน พร้อมน้ำผลไม้
คุณไม่ได้เข้ามาในรถ แต่ยื่นให้ทางหน้าต่าง
คุณเดินออกไป จุดบุหรี่ราคาถูก
ผมชอบท่าทางตอนที่คุณติดไฟแช็ค
ผู้ชายหน้าตาดี กับมาดร้าย ๆ
ใครล่ะจะไม่ชอบ
และคุณก็รู้เสน่ห์ของตัวเองดี จึงเข้าหาผม
“เอาอะไรอีกมั้ย”
คุณเดินกลับเข้ามา นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มผม
สัมผัสของคุณทำให้ผมใจสั่น และมันยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่เสมอ
ผมยังเป็นของคุณอยู่เสมอตั้งแต่วันแรกเจอ
คุณคือไฟ
ผมเคยสักรูปเปลวเพลิงไว้ที่หน้าอก ตรงหัวใจ
ก่อนจะถูกสั่งให้ลบมันออกไป แม้นี่จะเป็นร่างกายของคุณ
คุณกลับขึ้นรถ ลูบหัวผม
คุณบอกว่าไม่เป็นไร อย่าร้องไห้
ผมไม่ได้ร้องไห้
นั่งฟังเพลงที่บอกว่าจูบของคุณเหมือนหนามกุหลาบ สัมผัสวูบวาบที่เต็มไปด้วยเลือด
การเดินทางที่เรารู้จุดหมาย มักถึงไวกว่าที่คิด
ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ดาวศุกร์เด่นชัดกว่าใคร ๆ
คุณจอดรถ ผมอิดออด
รถเก๋งสีดำกลืนไปกับความมืด มีเพียงไฟหน้ารถเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่ามีบางสิ่งไม่เข้าพวก
“ไม่ไปได้ไหม”
ผมถาม
“ไม่ได้”
ผมอยากได้ยินคำตอบที่แตกต่างออกไปเหลือเกิน
“เมื่อไหร่”
“รอไปก่อน”
ผมกัดปาก
ก็มีแต่คุณ
มีแค่คุณ
ต่อให้ดวงอาทิตย์ขึ้นอีกสักกี่ครั้ง ใจมันก็ยังมีแต่คุณคนเดียว
ปัง!
“ไอ้เพลิง!!”
คุณหัวเราะ
ผมรู้ว่าทำไม
รถคันนี้เป็นของพ่อคุณ คุณมักจะบอกว่าขโมยมา แม้ทางนั้นจะเป็นฝ่ายยกให้
แต่คุณก็คงตกใจที่ครั้งนี้ในมือของคน ๆ นั้นมีไม้เบสบอล และมันถูกทุบลงบนกระโปรงรถจนเป็นรอยบุบ
ผมมองตาคุณ คุณไม่ได้มองผมเลย
“ขอโทษนะ”
“อืม”
“ฑล! ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ผมเปิดประตูรถ เตรียมตัวรับแรงกระชาก
ไม่โต้เถียง แม้จะโดนดุด่าและตบตี
เขากระชากหัวผม ตบหน้าหลายทีด้วยปลายนิ้ว
ก่นด่าที่ผมทำให้เขาอับอาย
“แน่จริงมึงกลับมาทำไมล่ะ ห้ะ! แน่จริงจะกลับมาทำไม! อายชาวบ้านเขาบ้างมั้ย”
“ก็เสียงดังให้เขาได้ยินทำไมล่ะ”
“มึงขึ้นเสียงใส่กูเหรอ!!”
ร่างกายของผมเซไปเซมา ถึงอย่างนั้น ผมกลับมองคุณอยู่ตลอด
คุณคนที่ผมรัก
คุณที่ทำให้ทุกคืนมีค่า
“มองมันเข้าไปสิ! ถ้ามันรักมึงจริง มันไม่แอบพาหนีแค่ตอนกลางคืนหรอก! ไอ้ลูกโง่! คนรักกัน เขาไม่เจอกันแค่บนเตียงหรอกโว้ย หัดฉลาดซะบ้าง”
ผมยืนฟังคำด่า
คุณเปลี่ยนเกียร์ เหลือบตามามองผมเพียงชั่วครู่
ผมพยักหน้ารับทราบ
คุณขับรถออกไป ขับแบบที่จงใจให้เขาโมโห
“ไอ้เวร ไอ้เด็กเดน ขอให้รถคว่ำตายห่าไปเลย!”
ผมกลับมาที่ห้องนอนสีขาว ห่มผ้าสีดำ แก้มแนบหมอน
น้ำตาไหลหยดลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ก็แค่ระบาย ไม่มีอะไรพิเศษ
‘วันศุกร์เจอกัน จะพาไปสักใหม่”
คุณส่งข้อความมาหา
นัดผมเหมือนอย่างเคย เหมือนทุกคืนที่คุณพาออกไปข้างนอก มาส่ง ถูกด่า แล้วก็นัดใหม่
วนลูปอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหน
คุณเคยให้ความหวังกับผม ว่าจะพาไปอยู่ด้วยกัน
คุณเคยบอกอย่างนั้นมาห้าปีแล้ว
ผมรอคุณ รอคุณเสมอมา
แต่สิ่งที่คืบหน้าที่สุด คือการพาผมนั่งรถชมวิวไปที่ไกล ๆ แทนการเข้าโรงแรมม่านรูดห่วย ๆ
และถึงแม้เขาจะดุด่า ตบตีผมทุกครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนรั้วใหม่ ไม่เคยเปลี่ยนกุญแจ ไม่เคยติดเหล็กดัด เพราะเขารู้ว่าผมรอคุณ
เขารู้ว่าวันหนึ่งผมต้องไป
แต่เขาก็คงมีคำถามเช่นเดียวกันกับผม
เมื่อไหร่...?
คุณทั้งไม่ปล่อย ทั้งไม่ไป
ขณะเดียวกัน
คุณก็ไม่เคยก้าวเข้ามาเพื่อพาผมออกไป
...แม้สักวัน
แต่งด้วยอารมณ์เปลี่ยว คืนเดียวเสร็จตี 4 ค่ะ555
แนวหน่วงๆ ไม่ได้แต่งนานแล้ว
มาแต่งดูก็สนุกดีเหมือนเดิม