[เรื่องสั้น] ไอ้พี่ตั้ม! The Series [P.2 ...น้องเจ...]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ไอ้พี่ตั้ม! The Series [P.2 ...น้องเจ...]  (อ่าน 1625 ครั้ง)

ออฟไลน์ o8_perfectionist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • My twitter

**_ภาพเป็นลิขสิทธิ์ของนักเขียนและนักวาดนะคะ ห้ามนำไปใช้_**

ไอ้พี่ตั้ม! The Series

โอแปด เขียน


 

ผมโคตรเกลียดลูกชายของเพื่อนบ้านตัวเองเลยว่ะ แม่งจีบสาวตัดหน้าผมทุกรอบทั้งที่รู้ว่าผมชอบอยู่ จีบติดก็เขี่ยทิ้งง่ายๆ เหมือนพวกเธอเป็นของเล่น เจอแบบนี้เข้าไปคิดเหรอว่าคนอย่างผมจะทนไหว

มันต้องเคลียร์โว้ย! มันต้องเคลียร์!

“ไอ้พี่ตั้ม!”

ผมตะโกนลั่นหลังจากบุกเข้าบ้านไอ้พี่ตั้มตอนกลางวันแสกๆ แน่นอนว่าผมรู้ว่าเวลานี้บ้านของเขาไม่มีใครอยู่นอกจากตัวเขา และผมอยากเคลียร์กันแบบเงียบๆ ไม่อยากให้พ่อแม่ของเขารู้สึกไม่สบายใจ

“ว่าไงครับน้องเจ”

ทำเป็นยิ้มหน้าระรื่นพูดจาสุภาพ น่าหมั่นไส้จริงๆ

“พี่เป็นไรมากปะ ทำไมชอบมาจีบสาวตัดหน้าผม”

“ก็...” เขาทำหน้าครุ่นคิดได้ตอแหลมากอะ “จะว่าเป็นก็เป็น จะว่าไม่เป็นก็ไม่เป็น”

“ไม่ต้องมาลีลาเยอะ พูดมาตรงๆ เลย”

“มั่นใจนะว่ารับได้”

รับได้หรือไม่ได้นี่จำเป็นต้องมองผมด้วยสายตาเหมือนผู้ชายมองนมสาวด้วยเหรอวะ

“เออ พูดมาเลย”

“โอเค” ไอ้พี่ตั้มยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกตลกออกมา

“พี่ชอบน้องเจครับ ชอบมาตั้งนานแล้ว”

“ตลกละ บอกเลยนะว่าผมไม่ขำ”

“พี่พูดจริงๆ”

“พี่ช่วยตอบให้มันตรงคำถามหน่อย ผมถามว่าทำไมพี่ชอบมาจีบผู้หญิงตัดหน้าผม”

ผมพูดแบบเหนื่อยหน่ายใจ ส่วนไอ้พี่ตั้มก็ทำหน้าขึงขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นกว่าเดิม จนผมต้องก้าวถอยออกมาเล็กน้อยเพราะมันใกล้เกินไป

“พูดตรงนั้นผมก็ได้ยิน ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ได้”

“ก็อยากบอกใกล้ๆ”

“ถ้างั้นก็รีบๆ พูดมา”

เออ ใกล้ๆ งี้ก็ได้ ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นผมจะได้ซัดหน้าไอ้พี่ตั้มได้ทันที

“พี่ชอบเจ นั่นแหละคำตอบ”

“ยังจะล้อเล่นอีกนะ”

“ไม่ได้ล้อเล่น พี่จริงจัง”

พอเห็นสายตาแน่วแน่นั่นผมก็เงียบกริบทันที

อะไรของแม่งวะ?

ผมพยายามคิดทบทวนหลายตลบ เหตุผลที่ไอ้พี่ตั้มยกมาเนี่ย มันน่าต่อยมากนะ แต่ผมดันรู้สึกแปลกๆ กับสายตานั่นก่อนไง เลยเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่

“ไม่เชื่อสินะ”

“จะให้เชื่อได้ยังไง ก็...”

พูดไม่ทันจบ ผมก็โดนผู้ชายตรงหน้าล็อกศีรษะไว้แน่นแล้วโน้มหน้าเข้ามาประกบริมฝีปาก

ฟ้ากกกกก!

ผมตกใจได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ เพราะหลังจากที่โดนสัมผัสชื้นๆ จากลิ้นของไอ้พี่ตั้ม ผมก็ดิ้นกระแด่วๆ เหมือนปลาขาดน้ำทันที

จะบ้าเรอะ!

ผมว่าไอ้พี่บ้านี่มันหยามผมว่ะ ผมจะต่อยมัน ต่อยมันให้ตาย! ตอนนี้! เดี๋ยวนี้! เวลานี้!

“ปล่อยนะโว้ย!”

ประเด็นคือจะต่อยมันได้ไง ในเมื่อผมโดนมันกอดรัดและฟัดอยู่แบบนี้!

ว้ากกก!

“ไม่ปล่อยหรอก เดี๋ยวโดนน้องเจต่อย”

“เห็นผมตัวเล็กกว่าเลยจะทำอะไรก็ได้ใช่ปะ?”

ไอ้พี่ตั้มได้ยินก็หัวเราะลั่น

มีไรน่าขำวะ? กวนว่ะแม่ง!

ขลุกขลัก ขลุกขลัก (พยายามดิ้นสุดชีวิต)

ให้ตายเถอะ! แม่งไม่ยอมปล่อยผมว่ะ

“ไอ้พี่ตั้ม! ปล่อยนะโว้ยยย”

“ไม่ปล่อย...จนกว่าเจจะยอมคุยกับพี่ดีๆ” ไอ้พี่ตั้มพูดเสียงนิ่ม แต่ผมไม่อยากนิ่มด้วยไงประเด็น

เกิดมาเป็นผู้ชายตัวเล็กนี่มันเสียเปรียบจริงๆ!

“ไอ้พี่ตั้ม!”

“หืม”

“ให้ตายเถอะ! อย่ามายิ้มนะ!”

ทำไมผมต้องมาทนอยู่ในสภาพเหมือนผัวเมียกำลังง้องอนกันแบบนี้กับไอ้พี่ตั้มด้วยวะ

แต่เอาเถอะ! คงต้องยอมไอ้พี่แม่งนี่ไปก่อน ไม่งั้นมันคงไม่ลดความเป็นปลาหมึกในตัวลง

“เออๆ คุยก็คุย”

เรื่องมันดำเนินมาจุดนี้ได้ไงวะเนี่ย เกินคาดไปแล้ว

ไอ้พี่ตั้มยอมคลายวงแขนลงเล็กน้อย...ย้ำว่าเล็กน้อย! แต่ไม่ปล่อย...

ฟ้ากกกก!

“ปล่อยดิพี่!”

“เปลี่ยนใจแล้ว คุยท่านี้แหละ”

“งั้นไม่คุย!”

“งั้นจูบ”

พอได้ยินแบบนั้นผมก็ตาโต นึกไปถึงลิ้นชื้นๆ ของไอ้พี่ตั้มก็รู้สึกขนลุกชันไปทั้งตัว

ว้ากกกก!

“โอเคๆๆ รีบๆ คุยเลยนะ”

ยอมให้พี่มันอีกรอบ ทำไงได้ ตอนนี้ผมเสียเปรียบเต็มประตูเลยนี่หว่า และไอ้การอยู่ในสภาพนี้นานๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก นี่ก็ดิ้นขัดขืนจนหมดแรงแล้วเนี่ย ใครจะไปสู้แรงนักกีฬาหุ่นบึกบึนแบบไอ้พี่ตั้มได้วะ

“พูดมาดิ”

แม่ง! จ้องผมเหมือนจะกลืนกินแบบนั้น...ของจริงเหรอวะเนี่ย!

“พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง”

“...” เออ เริ่มจะเชื่อแล้วล่ะ ดูสายตาอีพี่ที่มันจ้องหน้าผมสิ

“และพี่ก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย”

“...” เอ๊า! แล้วไอ้ที่ทำอยู่นี่มันเรียกว่าอะไรวะ?

ผมกำลังจะง้างปากพูดสวนไป แต่ถูกไอ้พี่ตั้มพูดสวนมาก่อน แถมไอ้ที่พูดมาก็เล่นผมจนนิ่งสตั๊นไปหลายวิ

“ยกเว้นเจ...”

“หา?”

“เจเป็นสิ่งเดียวที่พี่ชอบ” พี่ตั้มขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ พูดกระซิบริมหูของผม “ชอบมากๆ จนอยากซั่ม”

ฟ้ากกกกก!

“ผมว่าพี่บ้าแล้วแหละ” ผมคิดงี้จริงๆ

“พี่ไม่ได้บ้านะ พิสูจน์ได้ว่าพี่พูดจริง”

“พะ...พิสูจน์ไร! ไม่เอา! ปล่อยๆ”

ผมเริ่มดิ้นขัดขืนและโวยวายอีกรอบ สายตาและท่าทางคุกคามร่างกายของไอ้พี่ตั้มแม่งน่ากลัวมาก!

“ให้พี่พิสูจน์ก่อนเดี๋ยวปล่อย”

“ไม่ให้พิสูจน์อะไรทั้งนั้น! ปล่อยผมนะโว้ย!”

“โวยวายเก่งจริง แรงเยอะนักหรือไงเรา” เสียงไอ้พี่ตั้มเริ่มหงุดหงิด ก่อนที่วงแขนของอีพี่จะเริ่มกระชับแน่นขึ้นอีกรอบ

เป็นงูเรอะ!

“ต้องทำไงเจถึงจะยอมเชื่อที่พี่พูด”

“จะให้ผมเชื่อพี่ได้ไง ในเมื่อไม่กี่วันก่อนพี่เพิ่งจะเขี่ยผู้หญิงที่ผมแอบชอบทิ้งไปอะ!”

“ก็พี่หึงพี่หวง พี่ไม่อยากให้เจไปชอบใครนอกจากพี่”

ถ้าเป็นก่อนหน้าผมคงคิดว่าอีพี่แม่งพูดจาตอแหล แต่คือหลังจากโดนจูบก็คิดอะไรแบบนั้นไม่ได้แล้วไง จะบอกว่าไอ้พี่ตั้มแสดงละครตบตาก็แม่งเล่นได้เนียนเกิ๊น! เนียนซะจนผมเริ่มเชื่อแล้วเนี่ยว่าอีพี่แม่งชอบผมจริงๆ

“ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย!”

“อืม พี่รู้” ไอ้พี่ตั้มพูดเสียงเศร้าจนผมแอบรู้สึกผิดนิดๆ

“ขอโทษ”

“เปลี่ยนคำขอโทษเป็นคำตอบรับแทนได้มั้ย”

“ตะ...ตอบรับอะไร”

ไอ้พี่ตั้มแม่งเริ่มไม่น่าไว้ใจละ น้ำเสียงออดอ้อนแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนนั่นทำเอาผมสยอง

“ลองคุยๆ กันดูก่อนระยะนึง ถ้าหลังจากนั้นเจยังไม่ชอบพี่ จะยอมปล่อยมือและไม่มายุ่งวุ่นวายอะไรกับเจอีก”

“ไม่มีทาง! ผมชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชาย!” ผมตอบทันทีแบบไม่คิดทบทวน ใครมันจะเปลี่ยนรสนิยมตัวเองได้ง่ายๆ แบบนั้นกัน!

ไอ้พี่ตั้มได้ยินแบบนั้นก็นิ่งเงียบไปหลายอึดใจจนผมเริ่มเครียดตาม

ผมพูดแรงไปหรือเปล่าวะ?

“เอ่อ...” เอาไงดี

“ถึงไม่มีทางพี่ก็จะกรุยทางเอง ขอแค่โอกาสเดียวให้พี่ได้ลองก็พอ”

ไม่รู้เป็นเพราะคำพูดกับน้ำเสียงนิ่มๆ หล่อๆ ของไอ้พี่ตั้มรึเปล่า หัวใจของผมเลยเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยหลังจากที่ได้ฟัง จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของคนตัวโตขยับเข้ามาเป่าใกล้ๆ ใบหน้า

“น้องเจเคยบอกพี่ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าเราเริ่มลงมือทำ...เพราะฉะนั้นขอให้พี่ได้เริ่ม”

โอยยยย! ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในอนิเมะที่ชอบดูเลยวะ แก้มร้อน ใจเต้นผิดปกติแบบนี้เรียกว่าเขินรึเปล่าวะ อยากกรี๊ดว่ะ!

ผมจิ๊ปากขัดใจ ไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี ไม่ชอบเวลาที่ไอ้พี่ตั้มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลรูหูแบบนี้เลยว่ะ!

“ผมมีทางเลือกอื่นมั้ย”

ผมถามเสียงเครียด แต่ไอ้พี่ตั้มกลับหัวเราะเบาๆ ออกมาก่อนจะขยับหน้าไปเป่าหูผมหนึ่งที

ฟู่!

“ไอ้พี่ตั้ม!”

“ไม่มีทางอื่น มีแค่ทางนี้ทางเดียว...”

“ถ้าผมไม่ยอมอะ”

“พี่ก็จะตามรังควานชีวิตรักของเจไปตลอดจนเราโสดยันตายทั้งคู่”

“จริงจังปะเนี่ย!”

“มาก”

“โวะ!”

ผมอยากเอามือทึ้งผมตัวเองมาก แต่ทำไม่ได้เพราะถูกไอ้พี่ตั้มกอดไว้แน่นจนขยับตัวลำบาก หายใจยังลำบากเลย อึดอัดแต่ก็หอม... หอมแบบสดชื่นผสมกลิ่นหวานๆ

ก็ตัวไอ้พี่ตั้มมันหอมอะ! ใช้น้ำหอมยี่ห้อไรวะ จะได้ซื้อตามบ้าง

ว้ากกกก แล้วทำไมผมต้องไปสนใจกลิ่นจากตัวไอ้พี่ตั้มด้วยวะเนี่ย!

“เออ! ยอมก็ได้!”

ผมตอบไปแบบหงุดหงิดที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะบ้านไอ้พี่ตั้มแม่งอยู่ติดกับบ้านผมเลยไง จะหนียังไงก็คงลำบาก ผมยังเรียนและต้องพึ่งพาอาศัยพ่อแม่อยู่ แตกต่างจากไอ้พี่ตั้มที่นิสัยรวย อยากทำไรก็ทำได้หมด

“ขอบคุณนะ”

ผมไม่อยากเงยหน้าไปมองอีกฝ่าย ไม่รู้มันมาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง ทั้งที่ตอนแรกที่เดินเข้าบ้านไอ้พี่ตั้มมาคือตั้งใจจะมาเคลียร์เรื่องนิสัยเลวๆ ของไอ้พี่ตั้ม แต่สุดท้ายกลับมาลงเอยที่ผมตกลงยอมคุยๆ กับอีพี่นี่ได้ยังไงวะเนี่ย!

ฟ้ากกกกกก!

“พี่จะทำอะไร!”

ผมร้องเสียงหลงเมื่อไอ้พี่ตั้มเริ่มทำตัวเหมือนจะเป็นปลาหมึกอีกรอบ

“จูบมัดจำ”

“จะบ้าเหรอ! ผมยอมคุยๆ ด้วยเท่านั้น ไม่ได้จะยอมเป็นเมียพี่ซะหน่อย”

อีพี่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดทุกการกระทำแล้วจ้องหน้าผมตาแป๋ว คิดว่าทำท่าทางไร้เดียงสาแบบนั้นแล้วผมจะยอมเรอะ ฝันไปเถอะ!

“ฟังผมนะพี่ ถ้าอยากให้ผมยอมคุยๆ ด้วย พี่ต้องรักษากฎ”

“กฎ?”

ไม่รู้แหละ ยังไงตอนนี้ผมต้องหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองไว้ก่อน เห็นความเป็นจอมมือปลาหมึกนั่นมั้ย อยากบอกว่ามันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด!

“ใช่! กฎ...ถ้าพี่แหกกฎ ผมจะเลิกคุยกับพี่”

จงกลัวผมซะ! เพราะต่อไปนี้คือคำขู่!

“หนึ่งห้ามทำตัวรุ่มร่ามใส่ผม สองห้ามจูบ สามห้ามจับถ้าผมยังไม่อนุญาต สี่เรื่องของเราจะต้องปิดเป็นความลับ ห้าเราจะคุยกันแค่หนึ่งปีเท่านั้น ถ้าผมยังไม่รู้สึกอะไรกับพี่ พี่ต้องรักษาสัญญาด้วยการยอมปล่อยผมไป ไม่ยุ่งแล้วต่อกันอีก”

ไอ้พี่ตั้มคลายวงแขนและผละออกไป เขามองหน้าผมนิ่งแต่ก็ยอมพยักหน้าให้

“โอเค แต่...”

“แต่อะไร” วุ่นวายจริงอีพี่นี่!

“พี่ก็มีกฎ”

“กฎอะไร” คิ้วของผมขยับเข้าหากัน ไม่รู้ไอ้พี่ตั้มจะมาไม้ไหนอีก

“ถ้าเจแตะตัวพี่ก่อน กฎข้อหนึ่งถึงสามพี่สามารถแหกได้ตามใจ”

“หา?” คิดว่าตัวเองน่าแตะนักหรือไงวะ ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันเปล่าวะ มีเหมือนกันทุกอย่าง และอีกอย่างผมยังชอบผู้หญิงอยู่นะ

“ถ้าเจไม่ตกลงกับกฎของพี่...พี่ก็ไม่ตกลงกับกฎของเจเหมือนกัน”

“คิดว่าต่อรองผมได้เหรอวะ”

“ได้ดิ ถ้าพี่ขู่ว่าจะปล้ำเดี๋ยวนี้”

ผมกับไอ้พี่ตั้มจ้องตาแข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนผมเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ แล้วว่าไอ้พี่ตั้มแม่งจะทำจริงอย่างที่พูด

“ล้อเล่น พี่ไม่ปล้ำหรอก ถ้าเจไม่ยอม”

ผมลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ก็ได้” ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แค่เห็นแววตาหม่นๆ ของไอ้พี่ตั้มก็รู้สึกห่อเหี่ยวตามขึ้นมานิดๆ

ว่าแล้วไอ้พี่ตั้มจะต้องยิ้ม แถมยิ้มซะหล่อเลยนะแม่ง!

“เจนี่ยังใจดีไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“ถ้างั้นผมขอใจร้ายตอนนี้เลยได้มั้ย”

“โอ๋ๆ รู้น่าว่าเขิน”

ตอนแรกผมไม่ได้เขินหรอก แต่พอไอ้พี่ตั้มขยับตัวเข้ามาขยี้เส้นผมบนหัวของผมจนไม่เป็นทรงเท่านั้นแหละ หน้าผมงี้เห่อร้อนขึ้นมาทันที

ร้อนเพราะโมโห!

“ตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่แตะเนื้อต้องตัวกัน”

“แตะแค่ผมก็ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้!”

“ดุจริง” ไอ้พี่ตั้มทำเสียงหงอย ทำหน้าเหมือนหมาโดนดุ

“โว้ยยย ไม่คุยด้วยแล้ว!”

“จะไปไหนน่ะ”

“กลับบ้าน”

ตึกๆๆ (เสียงเดิน)

หันไปมอง

“แล้วจะเดินตามมาทำไม”

“อยากไปสำรวจบ้านเจบ้าง ไม่ได้ไปนานแล้ว”

“ไม่ให้ไป”

“ไป~”

แล้วจะมาทำเสียงอ้อนทำไมวะเนี่ย ไม่สมกับหุ่นบึกบึนนั่นเลย น่าโบกชะมัด!

“เจ”

“อะไร” ผมไม่คิดจะหันไปมองคนที่เดินตามผมออกจากบ้านมาต้อยๆ เหมือนลูกหมาติดเจ้าของ

“พี่ชอบเจนะ”

แล้วไอ้พี่ตั้มก็พุ่งตัวมาขวางหน้าผมไว้ ทำให้ใบหน้าของผมปะทะกับร่างของเขาเต็มๆ

“โอะ เจโดนตัวพี่แล้ว”

เวรละ! อีพี่นี่มันผีจริงๆ

ฟ้ากกกกก!



(จบ...ไม่จริง)

______________

แต่งสนองนี้ดค่ะ
อยากทำเรื่องยาวนะ กลัวแห้ว (ฮ่า) เพราะไม่เคยแต่งแนวนี้
แต่เขียนสนุกมากกก เคมีตั้มเจมันดีจริงๆ
อยากเขียนพาร์ทพี่ตั้มมองน้องเจบ้าง รอคึกกว่านี้ก่อน ฮ่าๆ (ถ้าไม่คึกก็ให้จบไปแบบนี้แหละค่ะ)
ขอบคุณที่อ่านนะคะ


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2019 06:17:01 โดย o8_perfectionist »

ออฟไลน์ Philosophy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อย่าพึ่งจบบบ เอาอีก

ออฟไลน์ o8_perfectionist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • My twitter
อย่าพึ่งจบบบ เอาอีก

เดี๋ยวมาต่ออีกค่า ติดตามๆ
มาเป็นซีีีรียส์เลย ฮ่า
 :laugh:

ออฟไลน์ o8_perfectionist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • My twitter
Re: [เรื่องสั้น] ไอ้พี่ตั้ม! The Series
«ตอบ #3 เมื่อ17-12-2019 06:08:50 »

ไอ้พี่ตั้ม! The Series

ตอน ...น้องเจ...




   ( - พี่ตั้ม - )

   “โอะ น้องเจโดนตัวพี่แล้ว”

   ผมยกยิ้มมุมปากรอดูน้องเจโวยวาย

   “ไอ้พี่ตั้ม!”

น้องเจพูดเสียงดังพลางถลึงตาใส่ผม หลังจากที่โดนผมหัวหมอใส่ด้วยการวิ่งมายืนดักหน้าเพื่อหวังแหกกฎของน้องที่ใช้กันผมไม่ให้เข้าถึงเนื้อถึงตัว

   แต่ใครจะไปยอมกันล่ะ...ในเมื่อผมอยากจะ ‘เข้า’ ให้ถึงตัวน้องแบบ ‘ลึก’ ลงไปถึงจิตใจ...

   หึๆ :-)

   “ครับ”

   “คิดจะหัวหมอใส่ผม?”

   ผมแสร้งหัวเราะออกมาเบาๆ หลังจากที่ได้ยิน

   “หัวหมอตรงไหน หัวพี่น่ะหล่อจะตาย หล่อทุกตรง ทุกมุม ขยับเข้ามาดูใกล้ๆ ได้นะ” ว่าแล้วก็เขยิบตัวเข้าหาน้อง

   มุมตรงหน้าน้องเจนี่มันดีต่อใจจริงๆ

   “เฮ้ย! ถอยไปเลยนะ บอกแล้วไงว่าอย่ามาทำรุ่มร่ามใส่ผม” น้องเจยังคงพูดเสียงดังติดจะโวยวาย

   อืม...หูผมไม่ได้ตึงนะ แต่แบบนี้ก็ฟังเสียงได้ชัดเจนดีเหมือนกัน เวลาได้ยินน้องบอกว่ารักคงชื่นใจน่าดู

   คิดบวกไปสิคร้าบ~

   “เลิกกวนผมสักทีได้ปะ รำคาญ--” ลากเสียงยาวๆ เพื่อตอกย้ำ

   “พี่ทำไปก็เพราะคิดถึงน้องมากเท่านั้นเอง” ผมแสร้งทำหน้าเศร้าเคล้าน้ำเสียง แต่สายตานั้นคอยจับจ้องดูปฏิกิริยาคนน้องตลอด

   “คะ คิดถึงไรวะพี่ ยังไม่ทันพ้นหน้ากันเลย อย่ามาเว่อร์!”

   “ก็ตั้งแต่เจขึ้นมอหก เราสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”

   “นั่นมันเพราะพี่ไปเรียนต่อมหา’ลัยไม่ใช่หรือไง”

   มันก็จริง...ก่อนหน้านี้ผมเรียนที่เดียวกับน้องจนจบมอหก หลังจากนั้นผมก็เข้ามหา’ลัยเรียนปีหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนเก่าพอสมควร

   พี่ตั้มไม่ปลื้มเลยคร้าบ :-(

   “ถ้างั้นน้องเจช่วยตั้งใจเรียนให้จบมอหกแล้วเข้ามาเรียนต่อมหา’ลัยเดียวกับพี่ที” ผมอ้อน

   “พี่จะบ้าเรอะ! บ้านผมไม่ได้รวยเหมือนพี่นะ จะได้มีปัญญาจ่ายค่าเทอมมหา’ลัยเอกชนอะ”

   “งั้นเดี๋ยวพี่เปย์เอง น้องแค่ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่ก็พอ”

   พอได้ยินผมพูดแบบนั้นน้องเจก็ผงะ ก่อนจะทำหน้าง้ำชี้หน้าผม

   “ไอ้พี่ตั้ม! เดี๋ยวก็ฟาดปากซะนี่ ผมไม่ใช่เด็กไซต์ไลน์นะโว้ย”

   “เอ๊า! พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ ก็แค่อยากให้เราสองคนได้เรียนที่เดียวกัน” ผมว่าพลางทำตาปริบๆ

   “นี่แน่ะ อย่ามาพูดจาน่าขนลุกกับผมนะ!”

   “ตีแขนพี่แบบนี้ถือว่าตั้งใจโดนตัวพี่นะครับ พี่จะแหกกฎ!”

   “จะทำอะไรผม!” น้องเจสะดุ้งโหยงเบิกตาโพลง

   ไอ้ที่ประทุษร้ายผมไปเมื่อกี้คงจะลืมตัวจริงๆ สินะ

   ไม่เป็นไร ถือว่าได้กำไรคืนอยู่บ้าง...

   “ไม่ยอมให้หนีหรอก” ผมบอกพร้อมกับวิ่งไปคว้ามือน้องเจที่กำลังรีบร้อนหนีผมเข้าบ้านตัวเองมาจับไว้แน่น

   “ปล่อยเลย รังเกียจ”

   “เอะอะด่า เอะอะไล่ จะยอมคุยกับพี่ดีๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือไง น้องเจคนเดิมคนนั้นของพี่หายไปไหนแล้ว”

   “อี๋...ไม่ต้องมาทำหน้าทำตาเศร้าๆ รำลึกถึงความหลังเลยนะ ทำตัวเป็นตาแก่คิดถึงหลานไปได้ ขนลุกว่ะ”

   ถ้าเป็นตอนปกติผมคงต่อปากต่อคำกับน้องต่อ แต่ผมขี้เกียจและอยากจะคุยดีๆ กับน้องมากกว่าเลยแกล้งทำเป็นเงียบมองหน้าน้องนิ่งๆ ซะเลย

   “อะไร? พี่เงียบทำไม”

   นั่นไง...มันได้ผล

   จุดอ่อนของน้องคือใจดีกับพี่คนนี้เสมอ แม้ว่าพี่จะทำตัวแย่ขนาดไหนก็ตาม เพราะแบบนี้ไงผมถึงหลงรักน้องโดยไม่สนใจเรื่องเพศ

   “เขาว่าน้องเจด่าแปลว่าน้องเจรัก” ผมค่อยๆ คลี่ยิ้ม

   “เขาไหนวะพี่ ผมจะไปตบปากมัน มั่วฉิบ ผมด่าก็คือผมด่าว้อย”

   ผมหัวเราะเบาๆ กับอาการฟึดฟัดของน้อง

   เอ็นดูจนอยากซั่ม... (หืดหาด)

   “หน้าผมมันเหมือนนมสาวนักรึไงวะพี่ เลิกทำสายตาแบบนั้นใส่ผมสักที! แล้วก็ปล่อยมือผมด้วย เหงื่อเต็มมือแล้ว!”

   “พูดปกติก็ได้ ทำไมชอบพูดเสียงดังกับพี่จัง”

   “ฮึ! ใครวะพูดจาดีๆ ด้วยแกล้งทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง”

   “ใครบอก อะไรที่เจพูดมาพี่ตั้งใจฟังหมดแหละ”

   “เหรอออ”

   “คร้าบบบ”

   “ถ้างั้นก็ปล่อยมือผมสักที จะเข้าบ้าน! ยืนเถียงกับพี่ตั้งแต่โน่นมานี่จนเมื่อยแล้วเนี่ย” ไม่ว่าเปล่าชี้ไม้ชี้มือจากบ้านผมมาที่บ้านตัวเองประกอบ

   “ก็พี่บอกแล้วไงว่าจะมาสำรวจบ้านเจ ไม่ได้มาส่องนานแล้ว”

   “ประเด็นคือผมไม่อนุญาตไงครับ!”

   แน่ะ ทำเป็นมีหางเสียงบวกทำหน้าขึงขัง ประชดได้ถูกใจพี่ตั้มคนนี้จริงๆ

   “ไม่ยุติธรรมอะ ตอนเจบุกเข้าบ้านพี่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะขออนุญาตใครในบ้านพี่ก่อนเลย”

   แล้วน้องก็ทำหน้าบูดใส่ผม ปากคว่ำแล้วคว่ำอีก คว่ำซะจนจะกลายเป็นไม้บรรทัดครึ่งวงกลมละ

   “โอเค...จะไม่ยอมไปง่ายๆ ชะ?”

   “ก็เข้าบ้านไปด้วยกันสิคร้าบ”

   “ได้...ได้เลย...ได้เลยไอ้พี่ตั้ม”

   น้องเจบ่นงึมงำอะไรสักอย่าง ส่วนผมฉีกยิ้มหน้าบานไม่สนใจใบหน้าเคร่งขรึมของน้องเจ เจ้าตัวยอมปล่อยให้ผมจับมือไว้และเดินตามเข้าไปในบ้านของตัวเองแบบติดๆ

   สภาพแบบนี้นี่มันเหมือนคู่รักเดินจูงมือกันเข้าสถาบันแห่งรักชะมัดเลย อะเฮื้อ~ (ทำเสียงหล่อเหลา)

   “คุณแม่ไปไหนล่ะเจ” ผมถามหลังจากตามน้องเจมาถึงในห้องนอน แต่ไม่เจอใครเลยตั้งแต่เดินเข้าบ้านมา

   “วันนี้แม่ออกไปดูหนังกับพ่อ กลับดึกๆ โน่น”

   ผมยอมปล่อยมือน้องเจแล้วหันไปสนใจสำรวจห้องนอนน้อง

   ฮัดช้า~ ห้องน้องเจสุดที่รักนี่มีกลิ่นแป้งเด็กอบอวลเต็มไปหมด แตกต่างจากห้องนอนของผมที่ใช้ก้านไม้หอมอโรม่ากลิ่นเปปเปอร์มินต์ประดับติดไว้

   กีตาร์สีดำตัวโปรดที่น้องชอบเล่นและร้องเพลงแหกปากให้ผมฟังเมื่อสมัยเรียนวางอยู่บนที่นอน ที่ปูด้วยผ้าสีฟ้าน้ำทะเล ส่วนผ้าม่านในห้องก็เป็นสีขาว และยังมีตู้เสื้อผ้าไม้ขนาดเล็กกับโต๊ะเขียนหนังสือที่ดูเหมือนจะมีคอร์ดกีตาร์วางไว้อย่างเรียบร้อยอยู่บนนั้นอีกด้วย

   เพดานห้องน้องติดดาวเรืองแสงไว้ด้วยนี่นา...

   อ่า...ห้องเล็กๆ ธรรมดานี้ของน้องนี่ให้อารมณ์น่ารักอบอุ่นเหมือนเด็กผู้...

   “มองแบบนั้นหมายความว่าไงวะไอ้พี่ตั้ม เดี๋ยวปั๊ดฟาดด้วยโคมไฟทำจากกะลา”

   “ปะ เปล่า แค่รู้สึกว่าห้องเจเหมือนเด็กวัยรุ่นผู้ชายดี”

   “พี่ก็ผู้ชายปะ ห้องพี่มันต่างจากห้องผมมากนักอ่อ?”

   ผมที่นั่งเล่นอยู่บนเตียงของน้องถึงกับยิ้มแห้ง

   “ก็ไม่ต่างมากนักหรอก อย่างที่นอนก็ใช้แบบคิงไซส์ทำจากยางพาราอย่างดี ส่วนเตียงนอนก็สั่งช่างออกแบบให้โดยเฉพาะ นอนดิ้นขนาดไหนก็ไม่มีเสียง...”

   ผมพูดค้างไว้แค่นั้นเมื่อเห็นน้องเจที่นั่งกอดอกฟังอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือยกมือทำปางห้ามญาติ

   “เดี๋ยว ที่พูดมาทั้งหมดนี่คือจะสื่อถึงอะไรวะครับพี่?”

   “ก็...จะบอกว่าเตียงในห้องพี่มันใหญ่มาก ที่นอนก็ด้วย”

   “แล้ว?”

   ผมขย่มที่นอนเบาๆ จนตัวเด้งขึ้นลง

   “ก็มันต่างตรงที่เตียงเจนอนได้คนเดียว แต่เตียงพี่นอนได้มากกว่าหนึ่งคน”

   ผมไล่สายตามองน้องตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างสื่อความหมาย...

   ทำไงได้ อยากให้น้องรับรู้สักนิดก็ยังดี ว่าความรู้สึกของพี่นั้นมันพุ่งพล่านมากขนาดไหน...

   ป้าบ!

   “ไอ้พี่ตั้ม! ทะลึ่งผิดคนละ!”

   “อูย ไม่ผิดคนนะ ก็คนนี้นี่แหละที่พี่จะเอา” ผมลูบต้นแขนที่โดนน้องฟาดเต็มแรงป้อย พลางบุ้ยหน้าไปที่น้องเพื่อยืนยันคำตอบว่าพี่มั่นใจไม่มีผิดตัว

   ฟึ่บ!

   “ออกจากห้องผมไปเลยนะพี่ ยิ่งคุยกับพี่ผมยิ่งปวดหัว” น้องทำหน้าเหี้ยมใส่ไม่พอ ยังชี้นิ้วไปที่ประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้อีกด้วย

   “ไม่เอาอะ อยากอยู่กับเจนานๆ”

   ผมเอนกายนอนลงไปบนเตียงน้อง ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโวยวายอะไรกลับมาบ้าง

   ฮัดช้า~ เตียงนี้มันเต็มไปด้วยกลิ่นประจำตัวน้องทั้งนั้นเลยนี่หว่า อยากหมกมุ่นอยู่แต่ตรงนี้จังเลย ไม่อยากกลับบ้านแล้ว ขอสิงห้องนี้เลยได้มั้ยนะ

   “ไอ้พี่ตั้มออกไป”

   “เราตกลงคุยๆ กันแล้วนี่ เอาแต่ไล่แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้คุยล่ะ” ผมเลื่อนสายตาไปจ้องหน้าน้องที่ตอนนี้ค่อยๆ เริ่มคลายสีหน้าลง

   เฮ้อ...เจ้าตัวจะรู้บ้างมั้ยว่าเวลาที่ตัวเองทำหน้าปกติน่ะดูสวยเหมือนผู้หญิงเลย

   น้องเจตัดผมรองทรงก็จริงแต่ก็มีหน้าม้าปกคลุมคิ้วลงมาด้วย เส้นผมและนัยน์ตาของน้องเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ บวกกับขนตาที่ยาวนั้นทำให้หน้าของน้องดูหวาน น้องไม่ใช่คนมีแก้มมาก ปากกับจมูกก็เล็กได้รูปเข้ากันดี ส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรเหมาะที่จะยืนซบอกแกร่งของพี่คนนี้ได้พอดิบพอดี แต่หุ่นน้องผอมบางไปหน่อย เลยทำให้ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ลดความแมนทางกายภาพไปแบบฮวบฮาบ เหลือแต่ความห้าวหาญทางนิสัยใจคอ

   “พี่ก็ช่วยทำตัวให้มันปกติหน่อยดิวะ” น้องเจพูดเสียงติดหงุดหงิดและเดินไปที่ปฏิทินแขวนในห้อง ในมือมีปากกาเมจิกที่หยิบจากโต๊ะเขียนหนังสือติดไปด้วย

   “มันก็ไม่ปกติตั้งแต่ที่พี่เริ่มรู้สึกกับเจแล้วมั้ยอะ”

   ผมเหลือบไปมองน้องที่ยืนนิ่งหันหลังให้ ไม่รู้ว่าทำหน้ายังไงอยู่ตอนนี้

   เฮ้อ...

   รุกมากไปรึเปล่าวะเรา?

   แต่ว่านะ...

   ฮัดช้า~ หน้าด้านอายอดเว้ย!

   นี่คือคติประจำใจของผมคร้าบ X-D

   “เจทำไรอะ”

   น้องเจไม่ตอบแต่ขยับตัวให้ผมเห็นปฏิทินที่มีรอยหมึกจากปากกาเมจิกสีแดงกากบาททับไว้บนวันที่ 12 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันนี้ของปีที่เราเริ่มมีข้อตกลงกัน

   “หนึ่งปีนะพี่ ถ้าผมไม่รู้สึก พี่ต้องทำตามสัญญา”

   “...”

   “พี่น่าจะรู้นิสัยผมดีนะว่าผมยอมรับข้อตกลงของพี่เพราะอะไร”

   “...”

   “ผมไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราในหนึ่งปีนี้ คำตอบของผมในวันนั้นเท่านั้นที่เป็นตัวตัดสิน และถ้าผมบอกว่าไม่ พี่ก็ต้องปล่อยผมไป”

   ผมไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดีหลังจากที่ได้ยินน้องเจหันมาพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจังแบบนั้น เวลาน้องแสดงออกแบบนี้ บอกตรงๆ เลยว่าผมไปต่อไม่ถูก กลัวจะทำอะไรผิดพลาดและเสียน้องไป ซึ่งผมไม่มีวันยอมให้มันเป็นแบบนั้น

   ท่าทางน้องดูมั่นใจมากว่าจะไม่มีทางรู้สึกกับผมแบบเดียวกับที่ผมรู้สึก...

   ให้ตายเหอะ...โคตรรู้สึกแย่เลยว่ะ

   “ไอ้พี่ตั้ม”

   “ครับ” ไม่รู้ว่าผมเหม่อไปนานแค่ไหนถึงได้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าน้องเจเดินเข้ามาสะกิดตัวผมอยู่ข้างๆ เตียง

   “ขยับไปหน่อย ผมจะเล่นกีตาร์”

   “อ่อ ได้ๆ” ผมรีบขยับหลบน้องไปนั่งที่ปลายเตียงทันที

   น้องเจเดินไปหยิบกีตาร์สีดำตัวเก่งของเขามานั่งตรงขอบเตียง ก่อนจะหันหน้ามาทางผม

   “พี่อยากฟังเพลงอะไรเป็นพิเศษมั้ย”

   “อะไรก็ได้...” ที่ผมตอบไปแบบนี้เพราะยังรู้สึกหน่วงๆ กับความคิดจริงจังที่น้องเพิ่งประกาศออกมาก่อนหน้านี้ไม่หาย

   “โอเค” น้องพยักหน้าหงึกหงักพลางขยับกีตาร์ให้เข้าที่เข้าทางและเริ่มเกากีตาร์

   จากนั้นเพลงที่ผมไม่คิดว่าน้องจะเล่นให้ฟังก็เริ่มบรรเลงขึ้น...


   * Time, is going by, so much faster than I,
   And I’m starting to regret not spending all of it with you.
   Now I’m, wondering why, I’ve kept this bottled inside,
   So I’m starting to regret not telling all of this to you.
   So if I haven’t yet, I’ve gotta let you know…

   เวลาผ่านไป เร็วกว่าตัวฉันมากมาย
   และฉันเริ่มจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ใช่เวลาทั้งหมดนั้นกับเธอ
   ตอนนี้ฉันก็ได้แต่นั่งคิดว่าทำไม ฉันเก็บความรู้สึกนี้ไว้ข้างในตลอดมา
   ฉันเสียใจที่ไมได้บอกความรู้สึกนี้ไป
   แล้วถ้าฉันยังไมได้บอกไป ฉันก็อยากให้เธอได้รู้




   มันคือเพลงที่ผมกับน้องช่วยกันหาคอร์ดกีตาร์และพยายามออกเสียงเนื้อร้องให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา ซึ่งตอนนั้นเป็น   ช่วงที่เราทั้งคู่ยังเรียนอยู่มอต้น

   ผมเริ่มส่งเสียงร้องคลอตาม...

   ขณะที่สายตาก็มองไปที่น้องเจที่นั่งเกากีตาร์ด้วยท่าทางที่มั่นคง...



   You’re never gonna be alone
   From this moment on, if you ever feel like letting go,
   I won’t let you fall…
   You’re never gonna be alone
   I’ll hold you ’til the hurt is gone.

   เธอจะไม่มีวันอยู่ตัวคนเดียว
   จากเวลานี้เป็นต้นไป ถ้าเธอรู้สึกท้อ
   ฉันจะไม่ยอมให้เธอถอย
   เธอจะไม่อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว
   ฉันจะกอดเธอไว้ จนกว่าความเจ็บปวดจะจางหายไปหมด




   มันเป็นจังหวะที่ผมรู้สึกว่าโคตรอยากกอดน้องแรงๆ เพื่อซึมซับความรู้สึก แต่ว่าเพลงนี้มันทำให้ผมตระหนักได้อย่างหนึ่ง นั่นคือมิตรภาพที่ผมกับน้องมีให้กันตั้งแต่เด็กจนโตนั้นไม่เคยถูกตัดขาดเลยสักครั้ง ไม่ว่าผมจะทำตัวแย่ด้วยการจีบสาวที่เข้าหาน้องเอามาควงตัดหน้าทุกครั้งก็ตาม ทั้งที่ก็เห็นอยู่แหละว่ารูปลักษณ์ภายนอกแบบน้องไม่ได้มีโอกาสที่จะเจอผู้หญิงเข้าหาก่อนได้ง่ายๆ แต่ว่านะ...

   ผมระบายรอยยิ้ม

   “น้องเจ”

   “เรียกซะน่าขนลุก...มีไร?” น้องหันหน้ามามองหลังจากหยุดเกากีตาร์

   “พี่ขอโทษที่ทำให้เจอึดอัดและพยายามจะให้เจเป็นคำตอบของพี่”

   “ก็ไม่ได้บ้านี่หว่า” น้องโคลงศีรษะเล็กน้อย

   ผมยกยิ้มตรงมุมปากแล้วพุ่งตัวเข้าไปกอดน้องไว้แน่น จากนั้นก็โพล่งออกไป

   “แต่พี่จะเป็นทุกอย่างให้เจเอง จะเป็นคำตอบสุดท้ายของเจให้ได้ พี่รักเจนะ!”

   “เฮ้ย! นี่มันหนักกว่าก่อนหน้านี้อีกนะว้อยยย”

   น้องเจโวยวายพยายามดิ้นหนีผม แต่ก็ทำได้ลำบากเพราะในมือประคองกีตาร์ไว้อยู่

   “ไหนมาจูบมัดจำทีดิ๊”

   จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ!

   “พอเลยนะ! หยุดเดี๋ยวนี้! ปล่อยผมนะโว้ยยย”

   “เดี๋ยวพี่ร้องเพลงให้ฟังเป็นการตอบแทนนะ...อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลืน~”

   “ไม่ฟังว้อยยย” ดิ้นสุดชีวิต กีตาร์ก็ต้องรักษาไว้

   “อยากได้ยินเพียงเสียงของเธอเพรียกบอกรักเพ้อถึงฉันผู้เดียว~”

   “ไอ้พี่ตั้ม!” จ้องตาแข่งกับพี่แบบนี้ไม่ดีนะน้อง

   “จ๋า~”

   พลั่ก!

   “ถะ ถีบพี่ได้ไง นี่พี่ตั้มนะ”

   ทำไมน้องโหดร้ายกับผมแบบนี้ ทั้งที่ผมก็แค่อยากมอบความสุขคืนให้น้องบ้าง (ตั้มอยาก Cry)

   “ก็พี่ทำตัวรุ่มร่ามใส่ผมก่อนทำไมล่ะ” ว่าพลางประคองกีตาร์เก็บเข้าที่

   “ก็เจทำตัวน่ารักอะ เห็นแล้วมันอดใจไม่ไหว”

   “เลิกพูดจาน่าเกลียดแบบนั้นสักที ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งนาน ทำไมมีแต่พี่ที่คิดแบบนั้น คนอื่นไม่เห็นจะคิด!”

   “ก็เขามองไม่เห็นถึงตัวตนข้างในที่น่ารักน่าเอ็นดูของเจไง ไอ้พวกนั้นมันตาถั่ว” ผมคลี่ยิ้มกว้างอย่างเอาใจทั้งที่ยังยืนคลำก้นตัวเองป้อยๆ

   “ปากแบบนี้สินะ ถึงว่าทำไมผู้หญิงที่เข้าหาผมก่อนถึงเปลี่ยนเป้าหมายไปคบพี่แทนผม!”

   ฉิบ...หายละ

   เรื่องที่ไอ้พี่ตั้มคนนี้กลัวที่สุดคือการโดนน้องเจสุดที่รักขุดอดีตอันเลวร้ายของตัวเองมาด่าคร้าบ (ตั้มอยาก Cry)

   “ผู้หญิงมีเป็นล้าน! ไอ้พี่ตั้มไม่เอานะครับ! เพราะผู้หญิงที่ไอ้พี่ตั้มจะเอาน๊านนน...จะต้องเป็นคนที่เข้ามาหมายตาน้องเจผู้น่าสงสารคนนี้เท่านั้น!”

   น้องมันทำเสียงแดกดันและจีบปากจีบคอพูดได้น่าจับกดลงเตียงมากครับ!

   แต่ยังกดไม่ได้ เพราะน้องมันทำตาเขียวปั๊ดใส่ผมอยู่ไง...

   น่ากลัวงะ (ตั้ม Cry again)

   “คะ คือเรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปนะเจ!” ผมทำหน้าทำเสียงให้ดูจริงจังแบบสุดๆ

   “ที่มาที่ไปอะไรหา! แย่งกันหน้าด้านๆ แบบนี้พี่ยังจะกล้ามาสารภาพรักกับผมอยู่อีกเหรอ...ฮึ้ยยย โมโห!”

   ในระหว่างที่น้องทำท่าทางฟึดฟัด ผมก็โพล่งเสียงแข็งออกไป

   “เจใจเย็นๆ ก่อน แล้วตั้งใจฟังที่พี่พูด”

   พอเห็นผมนิ่งขรึมจริงจังบ้าง น้องมันก็ค่อยๆ สงบลงตามผมแล้วเดินโผล่หน้าออกไปที่หน้าต่างห้องนอน

   อ่า...ถึงเวลาแล้วสินะที่ผมต้องพูดความจริงทั้งหมดออกไป

   “เจคิดว่าผู้หญิงที่เข้าหาเจก่อนพวกนั้นชอบเจที่เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วจริงๆ น่ะเหรอ”

   “...”

   “พี่จะไม่ขอพูดใส่ร้ายใครทั้งนั้นนะ พี่ไม่อยากนินทาผู้หญิง”

   “...”

   “แต่พี่อยากให้เจลองตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าผู้หญิงที่เข้ามาหาเจก่อนแล้วเปลี่ยนใจมาเลือกพี่ทีหลังพวกนั้นน่ะ...มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าพี่กับเจบ้านอยู่ติดกันและสนิทกันมาก่อน”

   “...”

   “ลองเก็บไปคิดให้ดีๆ”

   น้องมันเอียงหน้ามามองผมทั้งที่ยังยืนหันหลังอยู่แบบนั้นโดยไม่ยอมปริปาก

   ท่ามกลางความเงียบ...

   ผมยิ้มบางๆ และบอกลากลับบ้านตัวเอง¬¬ ก่อนจะปล่อยน้องไว้ในห้องคนเดียว ไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายส่งเสียงไล่หรือตอบรับคำใดๆ กลับมา

__________________

*Nickelback – Never Gonna Be Alone (เนื้อเพลงแปลโดย www.aelitaxtranslate.com)




________
To Be Continued...

ในที่สุดก็ตัดสินใจจะเขียนต่อ แฮร่ ฝากด้วยนะฮ้าฟฟฟ
เรื่องนี้ลงไว้หลายเว็บค่ะ บอกไว้ เผื่อพี่ตั้มหายจากเล้า ฮ่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2019 06:15:58 โดย o8_perfectionist »

ออฟไลน์ Philosophy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ถ้าชั้นเป็นเจ ชั้นจะสูนมาก เหมือนโดนหยาม

ออฟไลน์ o8_perfectionist

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • My twitter
ถ้าชั้นเป็นเจ ชั้นจะสูนมาก เหมือนโดนหยาม

น้องเจเสียศูนย์จริงๆ ค่ะ
คนเขียนก็รู้สึกตามน้องเหมือนกัน T_T

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด