✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)  (อ่าน 24163 ครั้ง)

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 36

ใครต่อใครต่างบอกกันว่า ฟ้าหลังฝนมักแจ่มใสเสมอ แต่สำหรับบีมและครอบครัวคงไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อปัญหาเรื่องหนึ่งจบเรื่องต่อไปก็ตามมา
เพราะพวกเราไม่อาจหนีพ้น ‘ความมั่นคงของชีวิตคู่’ ไปได้
ซึ่งความมั่นคงที่ว่า..
ไม่มีอยู่จริงในประเทศนี้เลย
“บีม.. กับนัทมั่นใจแล้วใช่ไหม” แม่เรียกบีมเข้ามาถามในห้องนอนของท่าน ราวกับต้องการพูดคุยเป็นการส่วนตัว หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลาหลายวัน
ขณะที่บีมได้แต่นั่งเงียบงันบนพื้นไม้ขัดเงา เพราะยังวางตัวไม่ถูก
“คือแม่หมายถึงชีวิตคู่ของบีมกับนัทหลังจากนี้ มั่นใจแล้วใช่ไหม กฎหมายไม่ได้เอื้ออำนวยให้เราสร้างอนาคตร่วมกันได้ จัดการทรัพย์สินร่วมกันก็ไม่ได้ เซ็นยินยอมการรักษาพยาบาลยามเกิดเหตุฉุกเฉินก็ไม่ได้ แม้กระทั่งจัดการพิธีศพยังทำไม่ได้เลย”
“...”
“ที่แม่พูดไม่ใช่ว่าแม่แช่งชักหักกระดูกหรอกนะ แต่แม่จำเป็นต้องพูดให้บีมรู้ว่าต้องเจอกับอะไร เพราะชีวิตคู่ของบีมกับนัทไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าทุกอย่างจะไม่เลื่อนลอย”
คำพูดของแม่บ่งบอกได้ดีว่า แม่ใช้เวลาอันเงียบสงบหลังจากเปิดอกคุยกันให้เป็นประโยชน์ ด้วยการหาข้อมูลเกี่ยวกับ LGBTQ+ จนกระทั่งพบว่าสวัสดิการต่าง ๆ ที่ควรเสริมสร้างความมั่นคงต่อชีวิตคู่ไม่มีเลยสักอย่าง
ความกังวลของพ่อกับแม่จึงยิ่งท่วมท้น
คล้ายกับปัญหาไม่มีวันมอดดับ
“คบหากันไป สถานะของบีมในทางกฎหมายก็เป็นได้แค่คนอื่น ไม่ใช่คู่ชีวิตอย่างที่ควรเป็น” สิ้นคำเตือนอันหวังดีของแม่ บีมได้แต่นั่งเงียบงันบนพื้นไม้ขัดเงา เพราะความเลื่อนลอยเหล่านี้คือสิ่งที่บีมเคยกังวล
และยังเห็นได้ชัดเมื่อบีมประสบอุบัติเหตุจากการเดินละเมอจนเกือบถึงแก่ชีวิต เพราะถ้าหากบีมเป็นอะไรไปจริง ๆ คุณนัทคงกลายเป็นเพียง ‘คนอื่น’ ในทางกฎหมาย แต่ความจริงแล้วคุณนัทคือบุคคลสำคัญในการดูแลความเป็นอยู่ของบีม
โดยจะมีผลต่อเนื่องไปอีกว่า ทรัพย์สินระหว่างบีมกับคุณนัทจะจัดการกันอย่างไร เพราะก่อนกลับบ้านบีมดำเนินการให้คุณนัทเป็นผู้ถือหุ้นคนสำคัญของห้องเสื้ออิสระ จึงมีสิทธิ์จัดการเงินทองและบริหารงานภายในเทียบเท่ากับบีม
ไหนจะยังมีแพลนการซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านและหาพื้นที่ประกอบธุรกิจร่วมกันโดยให้เจ้าบ้านเป็นชื่อบีมอีก หากดำเนินการสำเร็จ และผ้าลูกไม้ในวันนั้นไม่ได้ฉีกขาด..
ผลประโยชน์ในส่วนนี้..
ยังจะอยู่ในมือของคุณนัทหรือเปล่า.. ไม่มีทางรู้เลย..
“บีมทราบครับ” เจ้าของห้องเสื้ออิสระได้แต่เอ่ยเสียงแผ่วพลางก้มหน้าไม่ยอมสบตาผู้เป็นแม่ ในใจสั่นระรัวด้วยความกังวล เพราะความห่วงใยของแม่กำลังแสดงออกอย่างชัดเจน
“บีม.. เงยหน้ามองแม่สิ”
“...” ทันทีที่ได้ยินเสียงถอนหายใจและคำพูดจาของแม่ บีมก็รีบเงยหน้าอย่างเชื่อฟัง
“แม่เรียนรู้ที่จะห่วงใยโดยที่ไม่ต้องทำร้ายบีมทางอ้อมแล้ว แม่ไม่ขอให้บีมเลิกกับนัทหรอก เพราะพ่อกับแม่เข้าใจแล้วว่า นัทคือคนที่บีมไม่สามารถปล่อยมือได้ ในมุมมองของพ่อกับแม่ก็เห็นว่าจริงตามนั้น แต่แม่อดเป็นกังวลกับอนาคตอันไม่แน่นอนของความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ไม่ได้”
“แม่ครับ.. เดิมทีบีมไม่ได้คาดคิดว่าจะมีโอกาสใช้ชีวิตคู่อย่างทุกวันนี้ แต่พอได้ลองแล้ว รสชาติและสีสันของมันเหมือนลูกกวาดในเวลาที่เรามีความสุข ส่วนเวลาที่เราเป็นทุกข์บีมรู้สึกว่ามันคือแรงผลักดันที่ทำให้บีมมองเห็นความสุขตรงปลายเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม”
“...”
“ถึงมันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกในทางกฎหมาย แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อใจนะครับ แล้วมันทำให้บีมอยากวางแผนครอบครัวของเราอย่างจริงจังขึ้นมา” บีมเปรยแพลนในอนาคตให้แม่ทราบอย่างไม่คิดปิดบัง
“แล้วครอบครัวของคุณนัท ดีกับบีมหรือเปล่า ?” แม่เอ่ยถามพลางยิ้มละไมกับคำตอบที่บีมกลั่นกรองออกมาจากหัวใจ
แต่ขณะเดียวกันก็ฉายแววกังวลอยู่ในที
“พวกท่านดีกับบีมมากครับ หลังจากเกิดเรื่องพวกท่านคอยพูดคุยเป็นเพื่อนบีม คอยให้กำลังใจเวลาที่บีมต้องกินยาแล้วเจอเอฟเฟคอันมหาศาล แถมยังเฝ้ารอวันที่บีมจะได้ใส่เดรสกระโปรงบานเต้นลีลาศใต้ต้นปีบอีกครั้ง” บีมพูดไปยิ้มไปบ่งบอกได้ดีว่ากำลังใจจาก ‘บ้านสวน’ ทำให้บีมหลงลืมความน่ากลัวของสิ่งที่ตนเคยเผชิญ
“ยิ่งพูดก็ยิ่งคิดถึงบ้านสวนของพวกท่านครับ”
“ได้ยินแบบนี้พ่อกับแม่ก็หมดห่วง” แม่เอื้อมมือมาลูบศีรษะของบีมด้วยความเอ็นดูพร้อมยิ้มด้วยความโล่งใจ บีมเลยพลอยยิ้มตามไปด้วย เมื่อได้รับไออุ่นที่ให้ความรู้สึกละมุนละไมกว่าที่เคยสัมผัส
“ก่อนกลับกรุงเทพ บีมกับนัทอยากให้พ่อกับแม่จัดงานแต่งอย่างเป็นทางการแบบที่รู้กันแค่ในครอบครัวของเราไหม อย่างน้อยจะได้เป็นหลักประกันให้นัทรักษาสัญญาว่าจะดูแลบีมในฐานะคู่ชีวิตต่อหน้าพ่อกับแม่”
“แม่จะจัดงานแต่งให้บีมจริง ๆ เหรอครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความเหลือเชื่อ รอยยิ้มพลันฉีกกว้าง ขณะที่ในอกเต้นตุบ ๆ ราวกับจะระเบิดออกมา
เพราะคำถามของแม่..
ไม่ต่างจากเส้นไหมอันเหนียวแน่น ถูกตัดด้วยสองมือของบุพการี ส่งผลให้ความโล่งใจ ดีใจ ผสมปนเปจนบีมทำตัวไม่ถูก
“วันนั้นบีมใส่ชุดเจ้าสาวให้พ่อกับแม่ดูด้วยนะ” แม่รั้งฝ่ามือของบีมทั้งสองข้างวางลงบนตัก พร้อมกระชับแน่นอย่างต้องการคำตอบ
“ชุดของพี่แก้วเหรอครับ” บีมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะลึก ๆ ในใจ บีมยังเกลียดชุดนั้นมาก แต่ก็ไม่อาจฉีกทึ้งด้วยความบ้าคลั่งอย่างใจคิด
มันจึงถูกจัดวางอย่างโดดเด่นอยู่บนหุ่นมูลาจตามเดิม
“แต่ถ้าบีมไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรนะลูก แม่เข้าใจว่าชุดแต่งงานชุดนั้นสร้างบาดแผลในใจของบีมจนบอบช้ำ” แม่พูดด้วยสีหน้าไม่ดีนัก คงเพราะปฎิกิริยาของบีมที่มีต่อคำขอของแม่และคนบ้านสวนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ลองดูก็ได้ครับ เพราะถึงอย่างไรบีมก็รักเสื้อผ้าทุกตัวที่บีมออกแบบ ยิ่งได้ใส่ในวันสำคัญ บีมอาจจะลดอคติที่มีต่อมันได้ง่ายขึ้น” บีมครุ่นคิดอยู่นาน จนกระทั่งตัดสินใจแน่วแน่ เพราะบางทีการตัดสินใจในครั้งนี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บีมกล้าที่จะรักผลงานของตัวเอง และไม่รู้สึกเสียดายเวลาในการตัดเย็บ
“แม่ขอโทษนะบีม แต่หลังจากนี้มันจะไม่ใช่ชุดแต่งงานอันไร้ค่าในสายตาของแม่อีกต่อไป เพราะมันจะเป็นชุดที่บีมต้องสวมใส่ในวันสำคัญของตัวเอง”
สิ้นคำพูดของแม่ทำให้บีมพอจะทราบความนัยที่แอบซ่อนภายใต้การจัดงานแต่งอันเหนือความคาดหมาย คงเพราะแม่ทราบดีว่าการกระทำของตัวเองส่งผลกระทบต่อสิ่งใดบ้าง แม่จึงอยากลบล้างความรู้สึกแย่ ๆ ด้วยงานสำคัญที่บีมไม่กล้าคิดฝัน

เมื่อหมดเรื่องคุยบีมก็ขอตัวกลับบ้านริมบึง เพราะมีความเป็นเอกเทศมากกว่า บีมจึงเดินลงจากชั้นสองของบ้านใหญ่ ย่ำผ่านเส้นทางอันเงียบเหงา
พบว่าคุณนัทกำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ตรงระเบียงริมบึง
“เป็นอย่างไรบ้างครับ” พออีกฝ่ายได้ยินเสียงพื้นไม้สะเทือนเลือนลั่นตามจังหวะการก้าวเดินก็รีบยิงคำถามใส่ด้วยความเป็นห่วง
“เหมือนผมจะหาจุดเริ่มต้นของการปลอดล็อกความรู้สึกแย่ ๆ ในอดีตเจอมั้งครับ” บีมเดินเข้าไปยืนเคียงข้างคนรักพร้อมวางมือลงบนระเบียงไม้ ขณะที่สายตาก็ทอดมองออกไปยังบึงบัวแดงที่มีนกอีแจวเดินเล่นอยู่บนใบบัว
“คุณหมายถึง.. ?” คุณนัทเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมทำคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว
“ผมควรจะเปลี่ยนมาสวมแหวนตรงนิ้วนางข้างซ้ายพร้อมชุดแต่งงานที่ผมตัดเองได้สักที” บีมชายตามองคนรักพลางชูฝ่ามือข้างซ้ายให้อีกฝ่ายเห็นพร้อมขยับนิ้วไปมาด้วยรอยยิ้ม
“คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณ..” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความตะกุกตะกัก บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังดีใจมาก
“ยอมรับความสัมพันธ์ของเราแล้ว!” แต่แล้วสองเสียงระหว่างคู่รักก็สะท้อนออกมาในเวลาเดียวกัน ทำเอาใบหน้าที่มีรอยยิ้มยิ่งเบิกบานไปกันใหญ่
บริเวณบึงบัวแดงจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงตะโกนด้วยความดีใจ โดยที่ฝ่ายหนึ่งโอบอุ้มอีกฝ่ายหมุนไปรอบ ๆ ทิศทางอย่างร่าเริง

ขึ้นชื่อว่า ‘งานแต่ง’ ต่อให้จัดแบบรู้กันในครอบครัวก็ยังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เพราะญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งบีมและคุณนัทต่างก็อยากมีส่วนร่วมกันทั้งนั้น เพียงแต่เงื่อนไขในการจัดงาน บีมตกลงกับคุณนัทไว้แล้ว ว่าเราจะจัดกันก่อนกลับกรุงเทพ ไม่ได้เน้นความหรูหราอะไรมากมาย
เพราะงานแต่งสำหรับเราถือเป็นงานสำคัญทางจิตใจที่เป็นรูปธรรม ว่าเรากำลังจะใช้ชีวิตคู่กันอย่างจริงจัง โดยมีผู้ใหญ่รับรู้
แต่ไม่มีการจดทะเบียนสมรสอย่างที่เราใฝ่ฝัน
เราจึงตกลงกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายว่า ถ้าหากประเทศนี้อนุมัติให้สมรสเท่าเทียมผ่านเมื่อไร พวกเราจะจัดงานแต่งอย่างยิ่งใหญ่ตามที่ผู้ใหญ่ทางฝ่ายของคุณนัทร้องขอ เพราะงานสำคัญทางรูปธรรมนี้สามารถสร้างคอนเนกชันทางการค้าให้กับเครือคิมหันต์กรุ๊ปได้อย่างมากมาย
“ที่รักคุณขับดี ๆ สิ จะชนต้นไม้แล้ว” บีมตีลาดไหล่ของคุณนัทด้วยความตกใจ เมื่อมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของแม่กำลังวิ่งเป๋ไปเป๋มา
“ผมพยายามแล้วนะ” คุณนัทโต้เถียงกลับมา บีมจึงได้แต่ยิ้มขำ เพราะเข้าใจดีว่าการขับขี่จักรยานยนต์ท่ามกลางสวนยางพาราเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า ‘หินมาก’ เมื่อเส้นทางแสนจะขรุขระ ยามขึ้นเนินแสนจะยากเย็น แต่ยามลงเนินกลับประคองยาก
“ใกล้ถึงแล้วครับ” บีมที่นั่งอยู่ในรถพ่วงข้างชี้ไปยังทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกหญ้าสีชมพูแสนเบาบาง จนไม่อาจต้านทานสายลมได้ มันจึงปลิดปลิวมาเกาะตามเสื้อผ้าหน้าผม
แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคนสองคนเท่าไร เพราะพวกเขามีเป้าหมายที่จะนำดอกหญ้าเหล่านี้ไปประดับภายในบ้านริมบึง ตรงบริเวณประตูกระจกที่เคยเกิดเหตุอันตราย โดยคุณนัทเสนอให้ทำแบล็คดรอปปิดไว้ เพราะบีมยังไม่แน่ใจว่าที่ตรงนั้นจะส่งผลต่อความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยหรือเปล่า
ผ้าม่านจากผ้าลูกไม้จึงถูกนำออกมารังสรรค์พร้อมประดับไฟระยิบระยับท่ามกลางดอกหญ้าแพมพัสสีขาวฟูฟ่องที่ถูกจัดเข้าช่อกับดอกไม้ประดิษฐ์จากไส้มันสำปะหลังสีขาวนวลฝีมือแม่ที่ค่อนข้างทำยาก บีมกับคุณนัทเลยตัดสินใจออกตามหาดอกหญ้ามาเพิ่ม แม่จะได้ไม่เหนื่อยอีกทั้งงบประมาณในการจัดงานจะได้ไม่ต้องใช้เกินความจำเป็น
“ที่รัก..” ขณะที่บีมกำลังตั้งหน้าตั้งตาดึงกิ่งก้านของดอกหญ้าช่อบาง คุณนัทก็เอ่ยเรียก บีมจึงหันไปมองตามเสียง
“ฟู่ววว” เสียงเป่าปากดังพร้อมกับดอกหญ้าสีชมพูบนฝ่ามือใหญ่ปลิวว่อนใส่ใบหน้าของบีมเข้าอย่างจัง
“คนบ้า!” บีมอดสบถใส่คนรักไม่ได้ ขณะที่สองขาพลันวิ่งไล่อดีตชายหนุ่มมาดนักธุรกิจอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งไล่ตามทันช่อดอกหญ้าทั้งหมดในมือก็ฟาดเพียะลงบนแผ่นหลังของคนรักอย่างไม่เบามือ
ดอกหญ้าอันบางเบาจึงฟุ้งกระจายรอบตัวคนทั้งคู่..
ไม่ต่างจากความรักที่แสดงออกผ่านรอยยิ้มแห่งความสุขและเสียงหัวเราะ

กระทั่งยามเช้าของวันที่รอคอยมาถึง บีมอดตื่นเต้นไม่ได้ ยิ่งเฝ้ามองบรรยากาศสุดโรแมนติกบริเวณห้องตัดเสื้อ หัวใจของบีมก็ยิ่งเต้นรัว ฝ่ามือพลันเปิดปิดสวิตช์หลอดไฟดวงเล็กที่พ่อทำไว้
แสงสว่างสีเหลืองนวลจากหลอดไฟ LED สุดคลาสสิกก็สว่างวาบตามกำแพงและเพดานห้องจนถึงแบล็คดรอปที่มีตัวอักษร N & B จากซังข้าวโพดพันรัดด้วยหญ้าดอกชมพูที่ลงทุนไปเก็บมา
“ผมมีเรื่องน่าสนใจให้คุณพิจารณาตอนเข้าหอ” บีมสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนรักที่เดินไปทางบ้านใหญ่ พุ่งเข้ามาโอบกอดพลางกระซิบเสียงแผ่ว
“ลูกเต๋าเสี่ยงทาย ?” บีมแบมือรับของสำคัญที่อีกฝ่ายยื่นให้ก่อนจะเงยหน้ามองว่าที่เจ้าบ่าวด้วยความสนใจและพลิกลูกเต๋าเพื่ออ่านข้อความ
“KISS”
“TOUCH”
“SUCK”
“มีอีกลูกหนึ่งครับ” คุณนัทกระซิบเสียงแผ่วพลางวางลูกเต๋าอีกอันลงบนฝ่ามือของบีม
“HAND”
“THIGH”
“ชักน่าสนใจแล้วสิครับ” บีมคลี่ยิ้มพลางยืดปลายเท้ากระซิบริมหูของนายท่านผู้สรรหาเรื่องสนุกมาให้เชยชม
“แต่ก่อนเพลย์.. ห้ามลืมกล้องวงจรปิดนะครับนายท่าน” บีมผละตัวออกห่างก่อนจะขยับปากไร้เสียง
เมื่ออีกฝ่ายหันมาให้ความสนใจ

ด้วยความที่มีเวลาเหลือเฟือ บีมจึงใช้เวลาหลังมื้อเช้าไปกับการออกแบบ ‘Garter’ หรือสายรัดต้นขาสำหรับเจ้าสาว เพื่อที่เวลาเพลย์จะได้ช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ให้ตนเองมากขึ้น
ส่วนคุณนัทหายไปทำคะแนนกับพ่อแม่ของบีมอย่างวางใจ
เพราะบีมไม่มีอาการหวาดกลัวบรรยากาศในห้องตัดเสื้อเหมือนช่วงแรก
“ที่รักรีบแต่งตัวเร็ว วันนี้มีแขกมาร่วมงานด้วยนะ” กระทั่งบีมวางมือจากเครื่องประดับมาให้ความสนใจกับชุดแต่งงานที่เคยเป็นหนามตำใจ เสียงกระหืดกระหอบจากคุณนัทก็เรียกความสนใจจากบีมได้เป็นอย่างดี
“ใครครับ ?” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่คาดคิดว่าพ่อกับแม่จะเชิญใครมาร่วมงาน
“พวกคุณลุงที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาน่ะครับ” คุณนัทเฉลยพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อนำชุดเจ้าบ่าวสไตล์คันทรีรัสติกที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาว เนคไท กางเกงสีครีม และเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเข้ม
“แล้วพิธีการ ?” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกตั้งใจว่าจะสวมแหวนต่อหน้าพ่อกับแม่เท่านั้น
“ตามเดิมครับสวมแหวนแล้วก็เข้าหอ” คุณนัทตอบด้วยท่าทางทะเล้น ๆ เหมือนตอนอยู่ที่บ้านสวน
“ไม่มีกินเลี้ยง ?” บีมเอ่ยถามทีเล่นทีจริง ขณะปลดเสื้อผ้าที่เคยสวมใส่โดยไม่มีความเก้อเขิน จนกระทั่งชุดแต่งงานทรงเอไลน์แบบเกาะอกประดับอยู่บนเรือนร่าง
“ไม่มีครับ เพราะคุณแม่เปลี่ยนใจทำขนมมงคลไปแจกจ่ายให้คนงานแทน” คำตอบของคุณนัททำเอาบีมทำสีหน้าไม่ถูก
เพราะบีมไม่คิดเลยว่า..
แม่จะเล่นใหญ่ขนาดนี้

กระทั่งกำหนดการใกล้มาเยือน คุณนัทจึงวีดิโอคอลหาครอบครัวที่บ้านสวน บีมเลยทักทายพวกท่านเล็กน้อย เพราะวันนี้เป็นวันเดียวที่บีมได้เห็นคุณพ่อของคนรักมาร่วมเฟรมด้วย
“หลานย่าคนหนึ่งหล่อ คนหนึ่งแซ่บไม่เบา” คุณย่าออกปากล้อเลียนเมื่อสังเกตเห็นว่าชุดแต่งงานของบีมวันนี้ แม้จะเป็นเกาะอกที่ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่ก็มีความเซ็กซี่อยู่ในที เพราะการตัดเย็บเน้นการใช้เสน่ห์ของผ้าลูกไม้ให้เป็นประโยชน์จนกลายเป็นว่า..
ท่ามกลางกลีบดอกไม้สีขาวสะอาดตา
กลับมีเกสรสีชมพูซ่อนเร้นได้อย่างแนบเนียน
“ย่าชอบไหม นัทชอบนะ” พอสมโอกาสคุณนัทก็โอบไหล่บีมอย่างแสดงความเป็นเจ้าของพร้อมยื่นหน้าเข้าไปถามญาติผู้ใหญ่เพียงเบา ๆ
“ชอบสิ บีมใส่อะไรก็สวย” พอได้ยินคำชมจากปากคุณย่า บีมก็ได้แต่ยิ้มหน้าบานจนต้องคว้าเวลมาปกปิดใบหน้า
“แขกมาแล้วเริ่มเลยดีกว่าบีม” คุณแม่กับคุณพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับบรรดาแขกผู้มีเกียรติ บีมเลยได้แต่จัดแต่งผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างลวก ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้สง่าราศีของคนสำคัญประจำงานลดลงเลย
“คุณใส่มันได้แน่นะ” คุณนัทกระซิบเพียงแผ่ว เพื่อย้ำถามความมั่นใจ เพราะการสวมเวลสำหรับบีมไม่ต่างจากการหวนกลับไปยังคืนฝันร้าย
“น่าจะได้ครับ” บีมกระซิบตอบอย่างไม่มั่นใจนัก แต่ก็ไม่มีเวลาแก้ไขอะไรแล้ว เพราะลุงช่วยกำลังรับหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินงาน ส่วนแม่และคุณนัทเดินไปยังส่วนจัดงานเรียบร้อยแล้ว
หัวใจของบีมเต้นระรัวจนไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวลที่สวมใส่
หรือพิธีแต่งงานอันเรียบง่ายกันแน่
“คงจะตื่นเต้นมากสินะ ตอนพ่อกำลังเข้าพิธีแต่งงานกับแม่ พ่อก็ตื่นเต้นจนเหงื่อออกมือเหมือนกัน” ผู้ใหญ่หนุ่ยกล่าวพลางกระชับฝ่ามือของบีมให้แน่นขึ้นพร้อมส่งยิ้มให้กับลูกชายเพียงหนึ่งเดียวในชุดเจ้าสาว
“แล้วพ่อทำอย่างไรครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เพราะตอนนี้บีมต้องการที่พึ่งกว่าที่คิด เพราะในอกกำลังปั่นป่วนไปด้วยความสุขเหลือประมาณ
“สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วก้าวเดินออกไป โดยที่สายตามองหาแต่แม่ของเราคนเดียว” คุณพ่อพูดพลางส่งสัญญาณให้บีมเกาะแขน เดินเข้าไปยังงานแต่งสไตล์คันทรีที่มีแต่แสงสีเหลืองนวลชวนอบอุ่น ส่งผลให้บีมที่อยู่แต่ในห้องนอนอันมืดมิดได้แต่หรี่ตามองบรรยากาศงานแต่งของตัวเองอย่างช้า ๆ จนกระทั่งสบกับใบหน้าของเจ้าบ่าว รอยยิ้มจึงเข้ามาแทนที่ความสั่นระริกของหัวใจ
“ลำดับต่อไปเชิญเจ้าบ่าวสวมแหวนให้กันครับ” สิ้นคำของลุงช่วยแม่ก็เดินถือพานใส่แหวนที่ประดับด้วยดอกไม้ประดิษฐ์จากไส้มันสำปะหลัง
“วันนี้ผมเปลี่ยนจากสวมกำไลเป็นสวมแหวนให้คุณแล้วนะ” คุณนัทกล่าวพลางเอื้อมไปหยิบแหวนเงินเกลี้ยงที่ภายในสลักตัวอักษร N & B ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายด้วยรอยยิ้ม ขณะที่บีมได้แต่ยืนเก้กังด้วยความเก้อเขิน
“ขอบคุณนัทสิบีม” แม่กระซิบบอกเมื่อบีมยังคงไม่รู้ประสา
“ขอบคุณครับ” บีมก้มหน้าพลางพูดราวกับเสียงกระซิบ จากนั้นก็หันไปหยิบแหวนเงินวงที่ใหญ่กว่าข้อนิ้วของตนเองสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งจนสามารถหลอมละลายตัวตนของบีมได้ทุกเมื่อ
“ขอบคุณนะที่รัก” กระทั่งได้ยินถ้อยคำหวานหู ชวนเรียกร้องเสียงโห่แซวจากบรรดาแขกผู้มีเกียรติ บีมก็ยิ่งหน้าแดงไปกันใหญ่
“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!” ยิ่งเสียงตะโกนเชียร์อันโจ่งแจ้งดังขึ้นเท่าไร บีมก็ยิ่งเลิ่กลั่กมากเท่านั้น เพราะบีมไม่เคยจูบคุณนัทต่อหน้าพ่อกับแม่
และไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ทำแบบนั้นด้วย
“เจ้าบ่าวว่าอย่างไรครับ” ลุงช่วยเร่งรัดคุณนัทให้รีบตัดสินใจ บีมจึงเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างต้องการทำใจกับความเขินอาย
“ก็ต้องตามใจผู้มาร่วมงานสิครับ” คุณนัทหัวเราะด้วยความเก้อเขิน แต่ก็ยังเชยปลายคางของบีมให้อยู่ในระดับเดียวกัน ก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนโฟกัสทางสายตาพร่าเลือน
จากนั้นกลีบปากนุ่มหยุ่นของคุณนัทก็สัมผัสกับริมฝีปากของบีมอย่างแผ่วเบา ราวกับต้องการละเลียดของหวานแสนถูกใจอย่างทะนุถนอม เล่นเอาหัวใจของบีมเต้นระรัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ รอบกายพลันเงียบสงัดคล้ายกับที่ตรงนี้มีเพียงคนสองคนที่กำลังแลกเปลี่ยนความหวานฉ่ำจนเกิดเสียงบดเบียดชวนเก้อเขิน
จนกระทั่งบีมได้สติก็รีบผละออกจากอ้อมกอดของคนรักที่ไม่รู้ว่ากักขังตนเองไว้ตั้งแต่เมื่อไร
“ลำดับต่อไปเชิญผู้ใหญ่หนุ่ยและคุณนุ้ยให้คำสอนสั่งแก่คู่บ่าวสาวด้วยครับ” สิ้นการดำเนินงานของลุงช่วยพ่อกับแม่ก็มายืนอยู่ตรงหน้า ส่วนบีมที่ตอนนี้พวงแก้มกำลังร้อนผ่าวได้แต่ก้มหน้าด้วยความวางตัวไม่ถูก
“ชีวิตคู่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ไม่ง่ายทั้งนั้น แค่ความรักไม่ช่วยให้เส้นทางอันสวยงามคงอยู่ได้ตลอดไป แต่เป็นความเข้าใจและการให้อภัยกันที่จะทำให้ความรักยังคงเติบโตอยู่ในใจ” คุณพ่อคว้าฝ่ามือของเราไปกอบกุมไว้ ขณะเอื้อนเอ่ยข้อคิดเตือนใจในวันมงคล พร้อมลูบฝ่ามือของเราเพียงแผ่ว ราวกับต้องการให้กำลังใจ เพราะท่านคงทราบดีว่าประเทศนี้ ไม่มีสิทธิประโยชน์อันเท่าเทียมอย่างคู่ชีวิตชายหญิง แถมอัตลักษณ์ของคอมมูนิตี้อย่างเรา ๆ ยังถูกนายทุนกลืนกินอย่างตะกลุมตะกลาม แต่ไม่มีส่วนช่วยให้สังคมเปิดกว้างอย่างจริงใจ
“นัท.. แม่ฝากดูแลบีมอย่างที่เคยทำมาตลอดนะลูก เพียงแต่การฝากคราวนี้แม่คงต้องใช้คำว่าตราบชั่วชีวิต เพราะแม่ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่า คนเราไม่ได้อยู่ยงคงกะพัน อีกอย่างบีมกับนัทใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพ คงมีแต่ต้องคอยดูแลกันและกันมากขึ้น ทั้งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องถูกความสูญเสียกลืนกิน”
“แม่มีอะไรอยากพูดอีกหลายอย่างเลย แต่แม่ก็เคยพูดกับบีมไปบ้างแล้ว ว่าแม่เป็นห่วงเรื่องที่บีมกับนัทต้องเผชิญกับความไม่เท่าเทียมของชีวิตคู่ เพราะฉะนั้นต้องดูแลกันดี ๆ นะลูก เราสองคนคงไม่อยากทุกข์ใจที่ไม่อาจเซ็นเอกสารต่าง ๆ ทางการแพทย์ในยามฉุกเฉินได้ใช่ไหม ลำพังพ่อกับแม่และญาติ ๆ ยังอยู่คงไม่เป็นไร แต่ถ้าหาก..” แม่พูดไปก็น้ำตาไหลอาบแก้มจนบีมต้องเอื้อมไปเช็ดให้ทั้งที่ฝ่ามือสั่นเทาและน้ำตากำลังไหลพรากเพราะบีมรู้ดีว่า เวลาหลังจากนี้คือความจริงที่ต้องเผชิญ ซึ่งบีมก็ไม่รู้ว่าสิทธิประโยชน์ในเรื่องที่น่ากลัวนี้จะถูกอนุมัติเมื่อไร
เพราะอนาคตเมื่อเราเติบโตจนต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังด้วยกัน
มันคงน่าเศร้ามากหากไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่มีสิทธิ์ในการจัดการหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้..

 
--------------------------✁


ตอนแรกตั้งใจจะเขียนตอนนี้ให้เป็นตอนจบ แต่ว่าเหตุการณ์ที่อยากใส่มันเยอะเกินไป ก็เลยต้องยกการเพลย์ไปไว้อีกตอน และมันจะเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ของเรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ เพราะว่าตอนนี้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายแล้ว แต่ความลับของช่างตัดเสื้อก็ยังคงต้องเป็นความรับต่อไป เพราะมันคือรสนิยมที่พ่อกับแม่ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตของบีมก็เรียกได้ว่าปลดล็อกทุกอย่างแล้ว เพราะพ่อกับแม่ยอมรับความเป็นบีมได้ทั้งหมด พิธีแต่งงานเราพยายามจะทำให้เป็นแบบเรียบง่าย ไม่เน้นอะไรมาก เพราะในมุมมองของทั้งคู่มันเป็นแค่การประกาศการใช้ชีวิตร่วมกันให้คนอื่นทราบ แต่มุมมองของพ่อกับแม่มันเป็นการฝากฝังบีมไว้ในความดูแลของนัทอย่างเป็นทางการ ด้วยความที่ตัวละครในเรื่องมีความเป็นผู้ใหญ่และค่อนข้างคิดถึงอนาคตอย่างจริงจัง เราเลยใส่ประเด็นเกี่ยวกับสมรสเท่าเทียมลงไปด้วย เพราะบีมเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว ดังนั้นปัญหาการเซ็นเอกสารยินยอมการรักษาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่คิดไม่ได้เลยค่ะ เพราะทั้งสองคนใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่กรุงเทพ ส่วนครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด และอย่างที่แม่บีมบอกค่ะว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีพ่อกับแม่หรือญาติ ๆ แล้ว จะทำยังไง นั่นล่ะค่ะคือปัญหาที่น่ากังวล T^T

ตอนหน้าเจอกันกับฉากเพลย์ค่ะ แอบกระซิบว่าเรากำลังเตรียมรวมเล่มนะคะ จ้างวาดปก ของแถมต่าง ๆ ไปแล้ว เหลือแค่เขียนให้จบเท่านั้น!

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 37

พอเสียน้ำตาจนหอมปากหอมคอแล้ว ทางฝั่งบ้านสวนก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบออกปากรับขวัญบีมด้วยความอบอุ่น
เพียงแต่มันเป็นความอบอุ่นที่ญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งบีมถึงกับตาโตราวไข่ห่าน เพราะค่าสินสอดที่คุณย่าออกปากยกให้ง่าย ๆ คือเพนต์เฮาส์สุดหรูที่บีมกับคุณนัทอาศัยอยู่ และยังมีหุ้นของห้างสรรพสินค้าในเครือคิมหันต์กรุ๊ป จนบีมกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสองรองจากคุณนัทที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในการครอบครองบริษัทและธุรกิจในเครือโดยชอบธรรม
“มันมากเกินไปนะคะคุณ” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นภรรยาของผู้ใหญ่บ้านกล่าวเสียงสั่นกับบุคคลในโทรศัพท์ที่ตนเองถือไว้
ขณะที่ใจยังคงบีบแน่นอย่างไม่หายตื่นตระหนก
“ไม่มากไปหรอกค่ะ เพราะถึงอย่างไรเพนต์เฮาส์ที่นั่นก็เป็นกรรมสิทธิ์ในอนาคตของเจ้านัทอยู่แล้ว เราเพียงแค่เปลี่ยนสถานะของมันนิดหน่อยเท่านั้น” คุณย่าอธิบายด้วยรอยยิ้ม คล้ายกับไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร
“แต่ว่า..” คุณแม่ยังคงตั้งท่าคัดค้าน แต่ก็จนปัญญาจะออกปากพูด เพราะสิ่งที่ได้รับในวันนี้ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่ของบีมดูเป็นรูปธรรมมากขึ้น
“ไอ้แสบบันทึกวีดิโอไว้ เพนต์เฮ้าส์ย่านกลางกรุง ย่าให้เป็นของขวัญแต่งงาน ส่วนหุ้น 40% ย่าให้เจ้าบีมเป็นค่าสินสอด อนาคตจะถูกตัดแบ่งเป็นสินสมรสก็แล้วแต่จะตกลงกัน” คุณย่าให้คำแนะนำ คุณนัทจึงรับโทรศัพท์มาจากคุณแม่ของบีม ก่อนจะบันทึกวีดิโอเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในเชิงสัญลักษณ์ว่า..
บีมกับคุณนัทแต่งงานและอยู่กินกันในสถานะ ‘คู่ชีวิต’ นับแต่นี้
ซึ่งการกระทำของคุณย่าทำให้บีมปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยอย่างที่เคยหวาดกลัว เพราะพวกท่านต่างพยายามเสริมสร้างความมั่นคงที่กฎหมายไม่อาจมอบให้ด้วยหัวใจอันแสนบริสุทธิ์
“ฉันขอบคุณแทนเจ้าบีมจริง ๆ ค่ะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวพลางยกมือไหว้ปลก ๆ ใส่หน้าจอโทรศัพท์ พลางหันไปส่งสัญญาณให้ผู้เป็นสามีทำตาม
“บีม” แม่รีบเตือนสติบีมที่ยังคงยืนบื้อด้วยความตื้นตันที่คุณย่าเมตตาตนเองถึงขนาดนี้
“ขอบคุณครับ” บีมเอื้อนเอ่ยเสียงสั่นพลางยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่จากบ้านสวนไม่หยุด เพราะบีมไม่รู้จะแสดงความขอบคุณอย่างไรให้เท่ากับสิ่งที่ได้รับ
“นัทก็ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูบีมมาก ๆ เลยครับ ถ้ามีเวลาผมจะพาบีมกลับไปหาทุกคนที่บ้านสวน” คุณนัทกล่าวกับคนในครอบครัวด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยินดีเกินกว่าจะบรรยาย
“รีบ ๆ มาหาย่าล่ะ ถ้ามาช้า.. ย่าจะใช้แรงงานให้หนักเลย” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงขี้เล่นก่อนจะวางสายไปด้วยความปิติ

จากนั้นแขกผู้มีเกียรติทุกคนก็พากันทยอยกลับบ้าน บีมกับคุณนัทจึงเดินออกไปส่งตรงระเบียงริมบึง ก่อนที่บีมจะถูกแม่กอดด้วยความรักใคร่ตามด้วยคุณพ่อที่โอบกอดสองแม่ลูกไว้ด้วยกัน
“วันนี้แม่มีความสุขมากจริง ๆ” แม่สะอื้นบอกด้วยความยินดี
“พ่อก็มีความสุขมากที่ได้เห็นบีมมีคนรักคอยดูแล” ผู้ใหญ่หนุ่ยกล่าวพลางลูบหลังสองแม่ลูก ขณะมองมายังชายหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะส่งยิ้มให้
ราวกับพร้อมจะต้อนรับเข้าสู่คำว่า ‘ครอบครัวเดียวกัน’
“แม่ต้องขอบคุณนัทด้วยนะลูกที่ทำให้ครอบครัวของเราอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากนี้เรามาพูดคุยกันด้วยความเข้าใจนะลูก หากมีปัญหาหรือติดขัดตรงไหนขอให้บอกโดยไม่ต้องเกรงใจ” คุณแม่กล่าวพลาวผละตัวออกจากอ้อมกอด ก่อนจะเดินเข้าไปจับมือคุณนัทราวกับต้อนรับอีกฝ่ายเป็นสมาชิกในบ้านอย่างอบอุ่น
“ครับคุณพ่อคุณแม่” คุณนัทกล่าวพลางก้มหัวให้กับคนอายุมากกว่าด้วยรอยยิ้ม
“ส่วนเรื่องผลผลิตที่เราเคยคุยกัน พ่อตกลงตามนั้นนะ” ผู้ใหญ่หนุ่ยกล่าวปิดท้าย ก่อนจะไปเตรียมแจกจ่ายขนมมงคลให้กับเหล่าคนงานตามความตั้งใจของผู้เป็นภรรยา
“ไม่มีปัญหาครับ อย่างไรเราก็ครอบครัวเดียวกัน”
“ปากหวานจริงเชียว” คุณแม่เอ่ยชมคุณนัทจนบีมได้แต่หรี่ตามองทั้งสามคนที่เข้าขากันเป็นอย่างดี

กระทั่งยืนส่งพวกท่านไปจนลับสายตา บีมก็ปิดประตูระเบียงแล้วเดินนำมายังห้องตัดเสื้ออันเต็มไปด้วยความอบอุ่นของแสงไฟจากหลอด LED สุดคลาสสิค
“คุณไปตกลงทำการค้ามาแล้วเหรอครับ” บีมเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง แผนการที่เคยเตรียมไว้ดันกลับตาลปัตรไปหมด
“ครับ เพิ่งคุยกันเมื่อเช้านี้เอง” คุณนัทตอบพลางเอนพิงขอบโต๊ะข้างหน้าต่างที่มองเห็นบึงบัวแดงในยามค่ำคืนรำไร ขณะที่บีมกำลังเดินสำรวจอักษร N & B ด้วยความอิ่มใจ ฝ่ามือจึงลูบไล้ถ้อยคำนั้นจนหญ้าดอกชมพูปลิวว่อนไปทั่วห้อง
“ถ้าเราสองคนได้จดทะเบียนสมรสกันจะดีแค่ไหนนะ” บีมเอ่ยด้วยความใจลอย เพราะงานในวันนี้ทำให้บีมได้สัมผัสกับความสุขและความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“คงจะเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะพ่อกับแม่ของผมคงเชิญบรรดาบอร์ดบริหารและเครือข่ายทางธุรกิจมากันเยอะแน่ ๆ ส่วนคุณคงจะสวยเหมือนนางฟ้าที่ผมไม่กล้าอาจเอื้อม” นัทบอกเล่าจินตนาการที่มองเห็นเป็นฉาก ๆ ได้ไม่ยากเย็น พร้อมหยอดคำหวานใส่คนรักจนพวงแก้มของแดงปลั่ง
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” บีมเอ่ยถามพลางก้าวเดินเข้ามาคล้องลำคอของคุณนัทไว้หลวม ๆ แต่ก็แฝงความเย้ายวนชวนสัมผัสค่ำคืนแห่งการเข้าหออยู่ในที
“ใช่สิครับ เพราะคุณในชุดแต่งงานให้ความรู้สึกราวกับหงส์ขาว” คุณนัทเอ่ยชม จากนั้นก็อาศัยทีเผลออุ้มบีมขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานที่มีโมบายกะลามะพร้าวรูปนางเงือกซึ่งได้รับการซ่อมแซมเป็นอย่างดีแขวนไว้ตรงริมหน้าต่าง
“ถ้าอย่างนั้นหงส์ขาวอย่างผม คงต้องลดตัวลงมาหาคุณเสียหน่อย” บีมกล่าวอย่างไว้เชิง ก่อนจะทอยลูกเต๋าที่ยังวางอยู่ตรงนั้นด้วยความใจเย็น
จนกระทั่งก้อนสี่เหลี่ยมลูกเล็กหยุดอยู่กับที่ บีมจึงแย้มยิ้มหวานละมุนให้กับผู้สรรหาความสนุกที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“KISS กับ HAND” บีมเอ่ยเสียงแผ่วพลางยื่นมือที่สวมแหวนแต่งงานกลมเกลี้ยงให้กับนายท่านที่วันนี้ลดความเคร่งขรึมเป็นพิเศษ จากนั้นคุณนัทก็พรมจูบบนหลังฝ่ามือของบีมด้วยสัมผัสอบอุ่น ซ้ำยังลอบมองบีมด้วยสายตาแสนเจ้าชู้ จนบีมที่กำลังวางท่าเป็นหงส์ขาวถึงกับอายม้วน เมื่อนายท่านให้ความเอ็นดูในรูปแบบที่ไม่ใช่การโรลเพลย์
“ตาผมแล้วที่รัก” คุณนัทกล่าวพลางทอยลูกเต๋าทีละลูกจนมันค่อย ๆ กลิ้งช้าลง ส่งผลให้แววตาแสนเจ้าเล่ห์ฉายแววอย่างเต็มที่ เมื่อคำว่า ‘THIGH’ ปรากฏสู่สายตา
“ผมจะเริ่มทอยอีกลูกแล้วนะที่รัก” คุณนัทกล่าวพลางยกยิ้มมุมปาก ขณะที่บีมได้แต่เฝ้ามองลูกเต๋ากลิ้งหลุน ๆ อยู่บนโต๊ะทำงานด้วยความตื่นเต้น
“TOUCH” กระทั่งคำตอบพลันกระจ่างแจ้ง ลมหายใจของบีมก็เริ่มติดขัด ใบหน้าพลันร้อนวูบเมื่อคุณนัททรุดตัวนั่งตรงกลางหว่างขา ก่อนจะดันเรียวขาข้างหนึ่งของบีมให้สูงขึ้นจะได้สัมผัสขาอ่อนได้อย่างง่ายดาย
“คุณทำเครื่องประดับเพิ่มเหรอที่รัก” คุณนัทเอ่ยถามพลางลูบไล้ต้นขาของบีมด้วยความแผ่วเบา สร้างความหวิวไหวในอกให้บีมอย่างเหลือเชื่อ
“ครับ เพิ่งทำเมื่อเช้า” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยความไม่เป็นธรรมชาติ พลางเท้าแขนลงบนโต๊ะตัวใหญ่ที่รองรับร่างไว้ ก่อนจะเผลอกำมือแน่น เมื่อคุณนัทยังคงขยับสายรัดถุงน่องที่ทำจากผ้าลูกไม้ประดับลายผีเสื้อ เข้ากันดีกับการออกแบบเสื้อผ้าตรงบริเวณแผ่นหลังที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับรูปทรงของปีกผีเสื้อ ในขณะที่ลวดลายของเนื้อผ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ช่องามรับกันดีกับการดีไซน์ชุดทรงเอไลน์
“พอมันอยู่บนขาของคุณ ผมรู้สึกว่ามันขับให้คุณดูเซ็กซี่จนผมไม่อาจละสายตาได้” คุณนัทกล่าวชมแต่ทว่าสายตากลับไม่ได้จับจ้องเพียงสิ่งที่กำลังพูดถึง เพราะจิตใจของผู้พูดกำลังถูกความวับแวมของอันเดอร์แวร์จากผ้าลูกไม้ที่ปกปิดส่วนอ่อนไหวที่สุดของเจ้าของร่างดึงดูดไว้
“พอดีเลย งานแต่งของเราวันนี้ไม่มีการโยนช่อดอกไม้..” คุณนัทพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทว่าสายตากลับให้ความรู้สึกกรุ้มกริ่มเกินจะทนไหว
“เรามาโยนสายรัดขาตามประเพณีดั้งเดิมของชาวเม็กซิกันดีไหมที่รัก พิธีจะได้สมบูรณ์” สิ้นคำถามลมหายใจของบีมก็เริ่มติดขัด เมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนกำลังนวดคลึงผิวเนื้อของบีมด้วยความเพลิดเพลิน
“ม..ไม่มีใครรอรับมันสักหน่อย” บีมทำเป็นโต้เถียง แต่ก็ต้องตกใจจนเสียงสั่นพร้อมกระถดตัวราวกับถูกคลื่นยักษ์โหมใส่ เมื่อคุณนัทยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้หว่างขาเสียจนภาพที่เห็นให้ความรู้สึกล่อแหลม
อะดรีนาลีนพลันหลั่งไหลราวกับเขื่อนแตก
ร่างกายร้อนผ่าวไม่ต่างจากเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระพือ เมื่อริมฝีปากของคุณนัทประทับลงบนต้นขาของบีมพร้อมด้วยลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังปัดเป่าให้ไฟรักโหมกระหน่ำ
“มีสิที่รัก” คุณนัทตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าขณะปลายลิ้นเล็มไล้ความผ่องใสของคนในความดูแลอย่างละเมียดละไม
“ค..ใคร” บีมเอ่ยถามพลางมองซ้ายขวาด้วยความตื่นตระหนก แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าคำพูดดังกล่าวเป็นเพียงการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์อันแสนหฤหรรษ์ในแบบที่บีมชอบ แต่บีมก็ยังอดร้อนรนไปกับคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้
“คนในกล้องวงจรปิดไงที่รัก” สิ้นคำพูดอันแสนมีอิทธิพลต่อหัวใจ แววตาของบีมพลันคลอวาวน้ำซ้ำยังสั่นระริกด้วยความหวั่นไหว
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าคนรักชักปลั๊กกล้องวงจรปิดออกแล้วก็ตาม
“พวกเขากำลังรอรับสายรัดขาจากผม เพื่อต่อคิวเป็นเจ้าบ่าวคนถัดไป เหมือนที่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ให้สาวโสดไงครับ” คุณนัทเงยหน้ามองบีมด้วยแววตาสุดร้อนแรง จนบีมต้องเป็นฝ่ายหลบตา โดยที่คำพูดอื่นใดก็ไม่อาจเข้าหัว เมื่อริมฝีปากนุ่มกำลังขบเม้มผ้าลูกไม้ด้วยความหมิ่นเหม่ ทำให้กลีบปากสัมผัสกับต้นขาของบีมด้วยความตั้งใจ ความชื้นแฉะพลันตีตราทุกตารางนิ้ว
ว่าหงส์ขาวตรงหน้านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของนายท่าน
“อ๊ะ” บีมยกมือปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อสุ้มเสียงสุดกระสันหลุดรอดออกจากริมฝีปาก ส่งผลให้เวลคลุมผมที่ไม่ได้ติดกิ๊ฟอย่างแน่นหนาแทบจะหลุดเลื่อนออกจากศีรษะ ขณะที่รองเท้าส้นสูงประดับผ้าลูกไม้ร่วงหล่นอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะเวลานี้ผิวแก้มของนายท่านกำลังบดเบียดความอ่อนไหวกลางกายอย่างแนบเนียน
“เรายังทำพิธีโยนสายรัดขาไม่สำเร็จเลยที่รัก คุณอยากเข้าหอแล้วเหรอ” คุณนัทกระเซ้าเย้าหยอกด้วยความอารมณ์ดี ขณะที่บีมได้แต่ย่นจมูกใส่
“เจ้าบ่าวอย่างคุณมันเจ้าเล่ห์ ตามประเพณีของเขาไม่ฉวยโอกาสแบบคุณหรอก” บีมโต้เถียงด้วยความปากดี ก่อนจะบ่นอุบอยู่ในลำคอ แต่กระนั้นคนถูกต่อว่าก็ยังได้ยิน
“คุณเองก็คาดหวังให้ซีนแบบนี้เกิดขึ้นสินะ” คุณนัทกล่าวอย่างผู้ใหญ่ไล่ตามความคิดเด็กในความดูแลทัน
“ป..เปล่า” บีมแก้ตัวอย่างคนมีพิรุธ ก่อนจะต้องปิดปากฉับเมื่อเรียวลิ้นร้อนไล้วนบริเวณผิวเนื้อตรงขาอ่อนด้านใน
ซึ่งเป็นจุดปราบเซียนที่มีเพียงคุณนัทล่วงรู้
“คุณโกหก” คุณนัทยังคงโต้เถียงไม่เลิกรา ขณะที่เรียวลิ้นร้อนก็ทำหน้าเอารัดเอาเปรียบอย่างเต็มที่
“ห..ไหนคุณบอกว่า.. อื้อ.. มีคนรอรับมัน..อา..อยู่ไง” บีมเอื้อนเอ่ยด้วยความยากลำบาก เมื่อความกระสันกำลังบุกรุกร่างกายจนไม่อาจกลายเป็นของตัวเองได้ เพราะมันแทบจะเป็นไปตามความปรารถนาของคนรักทั้งสิ้น
“นั่นสินะ” คุณนัทรับคำก่อนจะช้อนตามองบีมที่กำลังหน้าร้อนผ่าวทั้งยังไม่อาจปรับสีหน้าไม่ให้บิดเบี้ยวเพราะความเสียวซ่านได้ แววตาของนายท่านจึงฉายความพึงพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนความคับแน่นเริ่มประกาศศักดิ์ดาอย่างไม่ทันรู้ตัว
“อืม..อย่าซนสิที่รัก” คุณนัทต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก เมื่อขาอีกข้างของบีมกำลังล้อเล่นกับส่วนอ่อนไหวของนายท่านอย่างลำพองใจ จนส่งผลให้ผู้คุมเกมเริ่มกระสับกระส่าย
“ผมไม่ได้ซนสักหน่อย” บีมปฏิเสธหน้าตาย ซ้ำยังใช้ปลายเท้าบดคลึงราวกับมันคือแป้งขนมปังที่ต้องการความเอาใจใส่
“อวดดี!” คุณนัทต่อว่าพลางใช้คมเขี้ยวฝังลงบนเรียวขาอันขาวผ่องอย่างต้องการสั่งสอน เล่นเอาหัวใจของบีมเต้นรัวยิ่งกว่าเคย ก่อนจะเริ่มหายใจทั่วท้องเมื่อสายรัดถุงน่องหลุดรอดออกจากเรียวขาได้สักที
“ทอยลูกเต๋าต่อสิครับ” คุณนัทเอ่ยเตือนพลางคว้าผ้าลูกไม้บนริมฝีปากเหวี่ยงไปยังกล้องวงจรปิด คล้ายโยนให้กับผู้โชคดีที่จะได้เข้าพิธีวิวาห์เป็นลำดับต่อไป
“BLOW” บีมเอื้อนเอ่ยพลางทอยลูกเต๋าอีกอันอย่างไม่รีบร้อน
“EARS” กระทั่งการเสี่ยงทายจบลง บีมก็ดึงเนคไทสีน้ำตาลอ่อนของคนรักออกจากเสื้อกั๊กสีน้ำตาลสไตล์คันทรี ก่อนจะดึงรั้งให้อีกฝ่ายยืนขึ้นจนเต็มความสูง พลางใช้แววตาพราวระยับจ้องมองคนรักด้วยท่าทีเหนือกว่า
“เรา.. จะทำอะไรกันต่อดีล่ะครับ” บีมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมเป่าลมร้อนตรงข้างใบหูคนรักอย่างยั่วเย้า ก่อนจะผลักลูกเต๋าชิดกำแพง เพื่อบ่งบอกว่าการเสี่ยงทายเริ่มไม่สนุกแล้ว เพราะบีมต้องการให้อีกฝ่ายเติมเต็มบางสิ่งระหว่างเข้าหอ
“คุณอยากเข้าหอเพื่อเตรียมตัวเป็นแม่กระต่ายเซ็กส์จัด หรือว่าคุณอยากกลายเป็นต้นคริสต์มาสให้ผมประดับของเล่นดีล่ะครับ” คุณนัทเอ่ยถามพร้อมรั้งเอวของบีมเข้ามาชิดใกล้จนส่วนกลางกายสัมผัสกัน
“ถ้าผมอยากเป็นทั้งสองอย่างล่ะครับ” บีมเอ่ยถามอย่างมีลูกล่อลูกชน
“คุณก็แค่ทำตัวว่านอนสอนง่ายสักหน่อย” คุณนัทแนะนำขณะที่ฝ่ามือซุกซนเริ่มปลดกระดุมด้านหลังของชุดเจ้าสาวอย่างเบามือ แต่กระนั้นก็ไม่มีทีท่าจะปลดเปลื้องมันออกจากร่าง
“แค่ยืนนิ่ง ๆ ตรงนี้ก็ถือว่าผมว่านอนสอนง่ายแล้วเหรอครับ” บีมเอ่ยถามอย่างเรียกร้องความสนใจ เมื่อเวลานี้บีมถูกทิ้งไว้กับความว่างเปล่าในห้องตัดเสื้อ ส่วนคุณนัทคาดว่าคงจะไปหยิบอุปกรณ์บางอย่างจากในกระเป๋ามาใช้งาน
“ใช่สิที่รัก คุณยืนรอผมอยู่ตรงนั้นแหละ” สิ้นเสียงตอบรับบีมได้แต่ยืนนิ่งอย่างเชื่อฟัง พร้อมสำรวจสภาพร่างกายของตนเอง พบว่าทรงผมยุ่งเหยิงเกินบรรยาย คงเพราะบีมเผลอเท้าแขนลงบนเวลคลุมผมจนมันดึงรั้งกัน บีมเลยจัดแต่งเสียใหม่ เผื่อว่านายท่านคิดอยากจะถอดชุดอันรุ่มร่าม บีมจะได้เหลือเครื่องประดับอันสวยงามจากผ้าลูกไม้ไว้ให้นายท่านเชยชม
“เลือกสิ” คุณนัทเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ก่อนจะยื่นเครื่องประดับที่บีมรู้จักเป็นอย่างดีมาเลือกสรร เพียงแต่ ‘Nipple Clamps’ อันละลานตาของคุณนัทให้ความรู้สึกหรูหราราวกับเครื่องประดับชั้นเลิศจากแบรนด์ดัง
“มีแต่แบบสวย ๆ ทั้งนั้น ผมเลือกไม่ถูกเลยครับ” บีมกล่าวพลางหยิบคลิปหนีบที่มีลักษณะคล้ายต่างหูห้อยระย้า เพียงแต่มันเป็นอุปกรณ์ที่สร้างความเจ็บปวดและความอับอาย ประดับด้วยเพชรเม็ดงามตามรูปทรงกลมสีทองที่บรรจุกระดิ่งลูกเล็กกลิ้งไปมาก็เท่านั้น ส่วนอีกแบบเป็นทองคำรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ตรงกลางประดับด้วยไข่มุกเม็ดใหญ่ ทำให้น้ำหนักของมันไม่ต่างจากอันแรกมากนัก ส่วนอันสุดท้ายเป็นเพียงห่วงคล้องประดับด้วยจี้เพชรสีราวปีกแมลงทับ
“หรือจะให้ผมเลือกดีล่ะ” นายท่านเอ่ยถามอย่างขอความคิดเห็น
“เชิญครับ” บีมตอบรับด้วยความยินดี พลางยืนอกผายไหล่ผึ่งอย่างน่ามันเขี้ยว คุณนัทจึงอดคาดโทษไม่ได้
“คุณดูระริกระรี้ดีนะ” คุณนัทกล่าวพลางหยิบคลิปหนีบที่เป็นจี้แบบกระพรวนแมวสีทองชูขึ้นในระดับสายตา ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงในระดับอก ราวกับต้องการวัดความสวยงามของต้นคริสต์มาสมีชีวิตอย่างละเอียด
“ผมเปล่าเสียหน่อย” บีมปฏิเสธ แต่ก็ยังยืนยืดอกที่มองเห็นเกสรสีชมพูภายใต้ผ้าลูกไม้ไม่หยุด
“จี้รูปพระจันทร์ดูเหมาะกับภาพลักษณ์ของหงส์ขาวในวันนี้นะ” นายท่านเอาเครื่องประดับอีกชิ้นเทียบลงบนเนินอกของบีมอย่างต่อเนื่อง
“...” ฝ่ายบีมได้แต่อมยิ้มอย่างไม่มีความคิดจะถ่อมตัวเลยสักนิด
“แต่จี้เพชรปีกแมลงทับก็ดูสวยงามโดดเด่น” คุณนัทไม่พูดเปล่าแต่กลับนำจี้เพชรปีกแมลงทับเคล้าคลอยอดอกสีชมพูอย่างแนบเนียน จนบีมเริ่มเกร็งตัวขึ้นมา
“ตัดสินใจยากจริง ๆ” นายท่านกล่าวพลางส่ายหัว แต่มือยังคงไม่ผละห่างจากเกสรดอกไม้ราวกับเป็นหมู่ภมรที่เฝ้าดอมดมความหอมหวานอันเย้ายวน เล่นเอาขนแขนของบีมลุกชันด้วยความหวิวไหว ปลายเท้าพลันจิกพื้นกระเบื้องอย่างไม่อาจสงวนท่าที
“อ๊ะ” ท้ายที่สุดบีมก็ไม่อาจสะกดกลั้นเสียงอันน่าอับอายได้ เมื่อยอดอกกำลังเต่งตึงจนขึ้นรูปอย่างเห็นได้ชัด นายท่านจึงใช้คลิปหนีบราวกระพรวนแมวประดับบนยอดอกข้างซ้าย
“ชอบไหม” กระทั่งแรงโน้มถ่วงเริ่มทำพิษ นายท่านก็ยังใจเย็น เอ่ยถามอย่างขอความคิดเห็น ซ้ำยังยืนกอดอกมองศิลปะชั้นเลิศของตนเองด้วยความภูมิใจ
“ช..ชอบ” บีมหอบหายใจพลางตอบรับด้วยน้ำเสียงระทดระทวย เมื่อไอร้อนจากเรือนกายพลันลามไล้จนยากจะควบคุม
“ชอบแค่ไหนล่ะ” นายท่านเอ่ยถามพร้อมใช้ปลายนิ้วเกี่ยวกระพรวนแมวสุดหรูหราเล่น จนได้ยินเสียงกรุ้งกริ้งราวกับสัตว์เลี้ยงตัวเชื่องกำลังเคลื่อนไหว บีมจึงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เมื่อภาพในจินตนาการเสริมสร้างความกระหายในเพศรสได้เป็นอย่างดี
“อ๊ะ..ช..อื้อ..ชอบ..มาก” บีมครวญครางเสียงกระเส่า เมื่อนายท่านยังคงเกี่ยวรั้งกระพรวนแสนหรูหราไม่หยุดหย่อน
“มากแค่ไหนกัน” นายท่านยังคงตั้งคำถามที่บีมต้องใช้เวลารวบรวมสติที่กำลังเตลิดไกลให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียว
“ท..ท้องฟ้า..ม..มหาสมุทร” บีมแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างไม่อาจทานทน เมื่อเครื่องประดับรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวถูกส่งมอบพร้อมกับความเสียวกระสัน จนยอดอกบวมเปล่ง ความต้องการอันไร้รูปร่างพลันโจนจ้วงราวกับอยากพุ่งทะยานออกไปอย่างไร้ทิศทาง แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะบีมรู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา
“ขนาดนั้นเชียว” นายท่านอุทานด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะช้อนเรือนกายของบีมไว้ในอ้อมกอด แรงสั่นไหวอันรวดเร็วส่งผลให้กระพรวนเสียงใสและไข่มุกเม็ดงามขยับไหวจนดังก้องไปทั่วบริเวณ

-อ่านต่อด้านล่าง-

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
“แต่รสนิยมการมีเซ็กส์ของคุณ มันเหมือนกระต่ายตัวเมียที่พอถึงฤดูผสมพันธุ์ก็เอาไม่เลือกแม้กระทั่งตัวเมียด้วยกันนี่นะ อะไรที่คิดว่าสุดยอดแล้ว มันอาจจะยังไม่ถึงขนาดนั้นก็ได้ คุณว่าไหมล่ะ” คุณนัทกระซิบข้างใบหูพลางโอบอุ้มบีมตรงไปยังเตียงนอนอันคุ้นเคย ก่อนจะทิ้งตัวลงบนความนุ่มนั้นอย่างพร้อมเพรียง พร้อมจดจ้องใบหน้าของบีมราวกับจะสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดเมื่อสักครู่
“แล้วคุณมีอะไรมานำเสนอล่ะที่รัก” บีมเอ่ยถามพลางหอบหายใจจนเสียงดังลั่น เมื่อความต้องการยังคงคุกรุ่น
“ผสมพันธุ์แล้วออกลูกคอกละห้าถึงสิบตัวเหมือนกระต่ายไงที่รัก” คุณนัทกล่าวพลางจุมพิตบนหน้าผากของบีมอย่างแผ่วเบา
แต่ทว่าริมฝีปากกลับเอ่ยถ้อยคำอันแสบทรวง จนบีมรู้สึกเหมือนตัวเองแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกระต่ายตัวเมียเข้าให้แล้ว เพราะแววตาของบีมไม่เคยหลุดเลื่อนออกจากคนรักเลยสักนิด ซ้ำร้ายความคับแน่นยังเสียดสีอันเดอร์แวร์แสนพอดีตัว จนบีมชักหวาดกลัวว่ามันจะฉีกขาดเข้าให้
“ลอง Splorch  สักหน่อยไหม ผมว่าคุณน่าจะชอบสุด ๆ ไปเลยล่ะ” คุณนัทกล่าวพลางโชว์ของเล่นหน้าตาแสนธรรมดา เพียงแต่ที่ส่วนปลายของมันมีช่องว่างขนาดเท่าไข่ไก่สำหรับปลดปล่อยอะไรบางอย่าง
“ลุกมาหาผมสิ” นายท่านสั่งขณะแปะของเล่นชิ้นใหม่บนกำแพง บีมจึงเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย จนสังเกตเห็นว่าตามท่อนลำของเจ้าของเล่นชิ้นนี้มีความพองลมจนมองออกว่าภายในบรรจุอะไรบางอย่างที่มีขนาดเท่าไข่ไก่
“จัดการเลยสิ ผมชะโลมเจลหล่อลื่นให้คุณแล้ว” คุณนัทสั่งพร้อมดันร่างของบีมให้แนบชิดกำแพง ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาบดจูบอย่างเร่าร้อนจนแผ่นอกเสียดสีเครื่องประดับชิ้นงามอย่าง ‘Nipple Clamps’ จนเสียงกระพรวนดังเป็นจังหวะก่อนจะเงียบหายไป เมื่อเครื่องประดับชิ้นงามถูกบดขยี้จนแทบจะหลอมรวมไปกับร่างกายของบีมเข้าให้แล้ว ความเจ็บปวดแล่นพล่านอย่างไม่อาจห้ามปราม แต่กระนั้นบีมก็ไม่ได้ผลักไส แต่กลับใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งคล้องลำคอของอีกฝ่าย พร้อมบดขยี้ริมฝีปากของนายท่านราวกับอดอยากปากแห้งมานาน
รสสัมผัสอันแนบแน่นพลันดังก้องไปทั่วห้อง ผ้าคลุมผมอันงดงามถูกดึงรั้งด้วยความรำคาญใจ ขณะที่อันเดอร์แวร์จากผ้าลูกไม้ชั้นดีค่อย ๆ หลุดเลื่อนออกจากเรียวขาสวย จากนั้นช่องทางด้านหลังก็พยายามถูไถความใหญ่โตจากของเล่นชิ้นสำคัญราวกับเฟ้นหาองศาอันแสนสุขสม
“วันนี้คุณร้อนแรงเป็นบ้า” คุณนัทที่ผมยุ่งเหยิงไม่แพ้กันเอื้อนเอ่ยพลางรั้งเรียวขาข้างหนึ่งของบีมแนบลำตัว คล้ายกับอำนวยความสะดวกให้บีมหาจุดอันเหมาะสมสำหรับตัวเองง่ายขึ้น
“คุณ..อืม..ก็ร้อนแรง..อา..จนผมแทบ..อ๊ะ..หลอมละลาย..อ๊า..คาอกคุณ” บีมครวญครางเสียงกระเส่า เมื่อความคับแน่นจากของเล่นเข้ามาทักทายความร้อนรุ่มจนเต็มรัก เพราะคนที่รู้จักร่างกายของบีมเป็นอย่างดีจัดแจงท่าทางจนได้ที่
“ชอบผมในเวลาแบบนี้ มากกว่าท้องฟ้าและมหาสมุทรหรือเปล่า” คุณนัทยังคงเอ่ยถามพลางกอบกุมส่วนอ่อนไหวเข้าด้วยกัน จนบีมได้แต่หอบหายใจตัวโยน ซ้ำยังเสียวซ่านเกินบรรยาย เมื่อความเหนียวเหนอะของอะไรบางอย่างถูกส่งเข้ามายังตัวตนของบีมจนอึดอัด แต่กระนั้นความร้อนรุ่มก็ค่อย ๆ หลอมละลายจนทำให้เจ้าก้อนประหลาดดูนุ่มนิ่มราวกับเยลลี่
“ช..ชอบ..มากกว่า” บีมเอ่ยเสียงกระเส่าพลางบดจูบบนริมฝีปากของคนรักอย่างต้องการระบายความอึดอัด ซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“เบ่งมันออกมาเหมือนสัตว์กำลังคลอดลูกสิที่รัก” สุ้มเสียงทรงอำนาจดังขึ้นทันทีที่ผละกายออกจากกัน
ขณะที่บีมได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะเบี่ยงตาหลบคนรักด้วยความกระดากอาย เมื่อช่องทางด้านหลังที่ถูกเติมเต็ม ค่อย ๆ หลุดเลื่อนออกจากของเล่นชิ้นโปรดตามการชักนำ
“เร็วสิ” กระทั่งถูกเร่งรัด บีมได้แต่หลับตาพร้อมสูดลมหายใจจนสุดปอด ก่อนจะนั่งยองราวกับควบม้าตามคำแนะนำของนายท่านที่คอยจัดแจงชายกระโปรงให้เป็นที่เป็นทาง
“คลอดลูกของเราออกมาสิที่รัก” คุณนัทกระซิบชิดใบหูพลางจุมพิตด้วยความอ่อนโยน แต่กระนั้นบีมก็ยังเขินอายเกินกว่าจะซาบซึ้งในความอบอุ่นที่อีกฝ่ายมอบให้
“ผมอยากเห็นลูกของเรานะ” ทันทีที่คนรักพยายามตะล่อมให้เคลิบเคลิ้มบีมก็เริ่มจับเสื้อกั๊กสีน้ำตาลของอีกฝ่ายไว้เป็นหลักยึด ก่อนจะเบ่งก้อนกลมที่ฝังอยู่ในเรือนกายออกด้วยการถ่างขานั่งยองในระดับเข่าจนไม่หลงเหลือมาดหงส์ขาวแสนงามสง่า
“อ..อื้ออออออ” บีมส่งเสียงในลำคอพลางออกแรงผลักดันสิ่งแปลกปลอมในกายจนความเหนียวหนืดเริ่มเคลื่อนไหว
“ออกแรงอีกสิที่รัก” คุณนัทยังคงใช้ถ้อยคำกระตุ้นราวกับสูตินารีแพทย์
“อ๊ะ..อ๊าาาาาาา” บีมสูดลมหายใจเข้าจนสุดก่อนจะปลดปล่อยออกมาพร้อมแรงผลักดันอันมหาศาล ไม่นานนักก้อนกลมอันนุ่มหยุ่นก็ร่วงลงพื้น ก่อนจะกลิ้งกลอกราวกับมีชีวิตอยู่ตรงกลางหว่างของบีม
“นั่งกกมันเหมือนแม่ไก่สิที่รัก” กระทั่งนายท่านสอนสั่งให้บีมเลี้ยง ‘ลูก’ หน้าตาประหลาดพร้อมกับดันตัวให้นั่งลง ใบหน้าของบีมก็ลอยเด่นอยู่ในระดับสุ่มเสี่ยง แต่กระนั้นบีมก็ไม่ได้หน้าแดงเพราะองศานั้น แต่บีมกำลังหน้าแดงเมื่อได้เห็นคนรักค่อย ๆ รูดซิปกางเกงสีน้ำตาลอ่อนด้วยความเชื่องช้าจนมองเห็นความอัดอั้นของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ปลอบประโลมผมหน่อยสิที่รัก” คุณนัทร้องขอพลางเชยปลายคางของบีมให้มองสบกัน บีมจึงพยักหน้าด้วยความศิโรราบ ก่อนจะนำความอ่อนไหวอันรุ่มร้อนออกมาทักทายด้วยความใจเย็น ซ้ำยังลูบไล้เพียงแผ่วด้วยความทะนุถนอมสลับกับเงยหน้ามองคนรัก
“อึก..อืม..ด..ดีมากที่รัก เน้นย้ำมัน อื้อ..” คุณนัทครวญครางไม่เป็นภาษา เมื่อบีมบีบเคล้นความเป็นชายจนมันเริ่มแข็งตัว ซ้ำยังมองเห็นเส้นเลือดอันแข็งแกร่งที่กำลังหล่อเลี้ยงร่างกายของคนตรงหน้า บีมจึงยิ่งบีบเคล้นให้หนักมือขึ้น
“ชอบให้ผมเล่นแบบนี้ใช่หรือเปล่าครับ” บีมเอ่ยถามพลางจุมพิตลงบนความคับแน่นเพียงเบา ๆ ก่อนจะใช้ฝ่ามือปลอบประโลมให้มันหยุดตื่นตระหนก
“ชอบสิ แต่ถ้าคุณใช้ปากจัดการมันสักหน่อยคงจะดี” สิ้นคำชี้แนะบีมก็ไม่รอช้าที่จะพรมจูบความอุ่นร้อนจนถึงส่วนปลาย ก่อนจะหยอกเย้าก้อนกลมอันนุ่มนิ่มด้วยความเพลิดเพลิน จนหยาดหยดแห่งความสุขสมของบีมรินรดลงบน ‘ก้อนประหลาด’ ที่ตัวเองนั่งกกอยู่ แต่กระนั้นบีมก็ไม่ได้สนใจ เพราะบีมกำลังดื่มด่ำความสนุกสนานอันหอมหวานอย่างตะกลุมตะกลาม
“อืม..กลืนกินตัวตนของผมมากกว่านี้สิ” นายท่านออกคำสั่งพลางรั้งศีรษะของบีมให้ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น จนบีมต้องห่อปากซ้ำยังเกร็งตัวด้วยความอึดอัด เพราะความคับแน่นกำลังทักทายโพรงปากอันผ่านประสบการณ์น้อยนิด
“อ่า..อย่างนั้นล่ะ..อื้อ” คุณนัทกล่าวชมจนบีมได้แต่ครอบครองมันไว้อย่างหวงแหน จนกระทั่งคนรักเริ่มกระแทกกระทั้นกายเข้ามาจนเต็มรัก บีมถึงได้ผลักต้นขาของอีกฝ่ายเป็นการตักเตือน
“เรารีบเข้าหอกันเถอะที่รัก ผมต้องการคุณจะแย่แล้ว” จนกระทั่งความหวามไหวแล่นพล่านไปทั่วร่าง คุณนัทจึงออกปากอย่างสุดทนพร้อมโอบอุ้มคนรักทุ่มลงเตียงและกักขังร่างกายของบีมไว้ภายใต้กรงขังเนื้อมนุษย์
“รีบใส่ถุงยางสิที่รัก” บีมออกปากอย่างไม่คิดเหนียมอาย พร้อมอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายลุกไปหยิบเครื่องป้องกัน เพื่อปลดเปลื้องอาภรณ์อันงดงามออกจากเรือนกายจนเหลือเพียงเวลคลุมผมที่มันแทบปกปิดอะไรไม่ได้
“ผมพร้อมแล้วที่รัก” คุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความรีบร้อน พร้อมสอดประสานฝ่ามือไว้ด้วยกัน จนความเย็นจากแหวนกลมเกลี้ยงอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ขณะที่เรียวขาของบีมถูกจับขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง
“ผมก็พร้อมแล้ว” บีมเอื้อนเอ่ยพลางขยับใบหน้าเข้าหาคนรักเพื่อดูดดื่มความหอมหวานของการเข้าหออย่างเป็นทางการ เรียวลิ้นพลันกวาดต้อนทุกซอกมุมราวกับต้องการแลกเปลี่ยนรสสัมผัสของกันและกัน
“อึก..อื้อ” บีมได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ เมื่อคนรักสอดแทรกตัวตนเข้ามาแทนที่สิ่งแปลกปลอมที่เคยซ่อนเร้น ก่อนจะกระแทกกระทั้นกายจนสุดอย่างเป็นจังหวะอันแสนหนักหนา เล่นเอาบีมเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว เรียวเท้าและฝ่ามือพลันจิกเกร็งอย่างไม่อาจต้านทาน
ขณะที่ริมฝีปากกลับตักตวงความหอมหวานอย่างตะกละตะกลาม
“อ๊า..ที่รัก” กระทั่งริมฝีปากผละออกจากกัน เมื่ออากาศเริ่มหดหาย บีมก็ร้องครวญครางด้วยความสุขสม
“ที่รัก.. ผมรักคุณ” คุณนัทกระซิบเสียงแผ่วพลางจุมพิตพวงแก้มชื้นเหงื่อของบีมราวกับปลอบประโลม เพียงแต่บีมในเวลานี้ไม่อาจฟังถ้อยคำรักให้ซาบซึ้งกินใจได้อย่างใจนึก เพราะสมองของบีมกำลังขาวโพลน ราวกับถูกคุณนัทชักพาให้โลดแล่นอยู่บนปุยเมฆที่อยู่ท่ามกลางสายฟ้าอันบ้าระห่ำ
“อ๊ะ..อ๊าาาาา.. ผมไม่ไหวแล้ว..อื้อ” บีมโอบกอดคนรักด้วยความแนบแน่นขณะกระตุกกายเพียงเบา ๆ เมื่อกำลังเอื้อมแตะฝั่งฝัน
“อื้อ..คุณ..รอผมด้วย..อา..” คุณนัทยังคงตั้งหน้าตั้งตาตอกย้ำทุกความรู้สึกภายในร่างกายของบีมอย่างหนักแน่น ราวกับการบอกรักไม่ได้มีเพียงภาษาพูด แต่ยังมีภาษากายให้แสดงออก
จนกระทั่งมองเห็นฝั่งฝันอยู่รำไร การควบขี่จึงค่อย ๆ หยุดลงพร้อมกับหยาดเหงื่ออันเหนียวเหนอะ จากนั้นเสียงหอบหายใจอันถี่กระชั้นก็ดังก้องไปทั่วห้อง บ่งบอกได้ดีว่า การเข้าหอเป็นไปอย่างชื่นมื่น

“ที่รัก.. คุณอยากมีลูกเหรอครับ” หลังทำความสะอาดร่างกายแล้ว บีมก็เอ่ยถามขณะขยับเข้าไปใกล้แผ่นอกอันแสนอบอุ่น พร้อมตลบผ้าห่มมาคลุมตัวไว้
“ถ้าอนาคตเราสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ ผมก็อยากมีเจ้าตัวเล็กคอยวิ่งเล่นอยู่ในบ้านสักคนสองคน คนพี่ช่วยดูแลคนน้อง เราจะได้มีเวลาส่วนตัวกับรสนิยมของเราด้วย”
“ถ้าเรามีวันนั้นได้จริง ๆ ผมอยากให้เราพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตเล็ก ๆ ให้มากพอ เพราะผมไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องรู้สึกอ้างว้างเหมือนผม แล้วผมก็อยากเป็นพ่อของเขาร่วมกับคุณ” บีมกระชับอ้อมกอดพลางสูดดมกลิ่นกายของคนรักด้วยความอุ่นใจ
“แต่ในตอนนี้เราไม่สามารถเนรมิตมันได้ เพราะฉะนั้นผมมีแค่คุณก็พอแล้ว” คุณนัทเอื้อนเอ่ยอย่างเอาใจ ซ้ำยังจุมพิตศีรษะของบีมฟอดใหญ่
ส่วนบีมได้แต่อมยิ้มให้กับถ้อยคำแสนหวานจนแทบปิดไม่มิด
“สำหรับผมในตอนนี้ แค่มีคุณก็พอแล้วเหมือนกัน” บีมกล่าวพลางผละตัวออกห่างเพื่อกินยาช่วยนอนหลับตามคำแนะนำของคุณหมอ
ก่อนจะกลับมาซุกซบอ้อมอกอุ่นที่มีเพียงบีมได้ครอบครอง
จากนั้นลมหายใจอันแผ่วเบาของทั้งคู่พลันสอดผสานเป็นหนึ่ง ราวกับค่ำคืนนี้มีแต่ความสุขและความอบอุ่นโอบล้อมรอบกาย
ยามหลับจึงยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
   

-------------- The End ------------✁


[1] Splorch คือ เซ็กส์ทอยที่มีลักษณะเหมือนดิลโด้ แต่มันสามารถวางไข่ในตัวคนได้ ซึ่งไข่จะทำมาจากเจลาตินผสมกับน้ำในสัดส่วนที่พอดี



ในที่สุดเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้วค่ะ ฮือ ใช้เวลานานกว่าปกติเลย เพราะก่อนหน้านี้เราป่วยด้วย เป็นงานเขียนที่ไม่ถนัดด้วยก็เลยต้องใช้เวลากับแต่ละซีนเยอะหน่อย แพลนรวมเล่มของเราคิดว่าน่าจะเดือนเมษายนปีหน้านะคะ เพราะว่าเราไปคอมมิชคอมมิคไว้ 1 ซีน ประมาณ 20 หน้า ตอนแรกว่าจะทำเป็นของแถมแต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงเราเลยตัดสินใจว่าจะเปิดให้คนที่สนใจซื้อแทน แต่ในเล่มคอมมิคก็จะมีบทบรรยายที่เราเขียนให้นักวาดจัดเรียงเหตุการณ์ออกมาเป็นคอมมิคด้วยค่ะ ดังนั้นบทบรรยายเราอาจจะมีอะไรเขียนเพิ่มเติมไปอีก (ต้องดูที่หน้างานหลังจากเขียนตอนพิเศษในเล่มก่อนค่ะ) ส่วนตอนพิเศษในเล่มเรายังเหลือการเพลย์ปาร์ตี้ที่บีมยังไม่เคยเข้าร่วมและการใช้ชีวิตร่วมกันตามแพลนที่วางไว้ ซึ่งก็คือการซื้อบ้านสร้างครอบครัวด้วยสองมือของตัวเองประมาณนี้ค่ะ และด้วยความที่สมรสเท่าเทียมยังไม่ผ่านสักที เราน่าจะเล่นประเด็นนี้ต่อไปในตอนพิเศษค่ะ ส่วนการเพลย์จะมีมั้ย เดี๋ยวเราดูควาเหมาะสมตอนเขียนจริงอีกที เพราะว่าในคอมมิคก็เป็นซีนเพลย์ไปแล้ว ปาร์ตี้เพลย์อีก ถี่มากคนเขียนก็คิดไม่ออก 555

ปล. สำหรับเรื่องนี้เราคิดว่าจะขอติดเหรียญสำหรับตอนที่มีซีนเพลย์นะคะ โดยจะเริ่มติดตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไปค่ะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 ในที่สุดก็มีได้ปลดลอคความรุ้สึกกับพ่อแม่ จากนี้คงมีเรื่องดีๆแล้ว

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด